A Rai Naa >>>
ดู Blog ทั้งหมด

ความตายและภาวะใกล้ตาย (Death and Dying)

เขียนโดย A Rai Naa >>>
ความตายและภาวะใกล้ตาย (Death and Dying)

ความหมายของความตาย มีผู้ให้ความหมาย ไว้ดังนี้

ความตายเป็นการที่ชีวิต และวิญญาณออกจากสังขารหนึ่งเพื่อไปหาสังขารใหม่

ความตาย หมายถึง สิ้นใจ สิ้นชีวิต ไม่อยู่ต่อไป ไม่ไหวติง

สิ้นสภาพของการมีชีวิต

ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับความตายของเด็ก

อายุ การศึกษา และประสบการณ์เกี่ยวกับความตายระหว่างสมาชิกในครอบครัว

เพื่อนและญาติมีส่วนส่งเสริมความคิดของเด็กเป็นอย่างยิ่ง

วัฒนธรรม ศาสนา ความเชื่อ และสิ่งบันเทิง

ก็ทำให้มีผลกระทบต่อปฏิกิริยาโต้ตอบต่อการตายของเด็ก

ความคิดของเด็กก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามขั้นพัฒนาการด้านความคิดความเข้าใจของเด็ก

ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับความตายของเด็กตามขั้นพัฒนาการ

1. เด็กอายุ 3 ถึง 5 ปี

เด็กช่วงอายุนี้มีความคิดพัฒนาด้านความเป็นตัวของตัวเอง และความคงทนถาวรของวัตถุ

ความเป็นตัวของตัวเองก่อให้เกิดความคิดรวบยอดเรื่องการแยกจาก

ดังนั้นการรับรู้เกี่ยวกับความตายจึงเริ่มต้นด้วยการแยกจาก

2. เด็กอายุ 6 ถึง 8 ปี

เด็กช่วงอายุนี้จะพัฒนาความสามารถในการใช้เหตุผล และในแง่อนุรักษ์เด็กจะเข้าใจความสัมพันธ์ของเหตุและผล

เด็กจะถามคำถามมากมายเกี่ยวกับความตาย

เพราะเด็กเข้าใจว่าความตายเกิดขึ้นได้ตามโอกาสเพียงอย่างเดียว

และความเข้าใจเกี่ยวกับความตายที่ยังไม่สามารถเปรียบเทียบเข้ากับเกณฑ์มาตรฐานของผู้ใหญ่ได้

3. เด็กอายุ 9 ถึง 12 ปี

เด็กช่วงนี้จะเริ่มมีความคิดความเข้าใจด้านนามธรรม เด็กเริ่มรู้ว่าความตายเป็นการหยุดชีวิตร่างกาย

และเป็นสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่พ้น

ความตายมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

เมื่อเด็กอายุมากขึ้น ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับความตายเปลี่ยนไปจากสาเหตุภายนอก

ไปสู่สาเหตุภายใน เด็กอายุมากกว่า 9 ปี จะให้เหตุผลเชิงตรรกวิทยาและทางชีววิทยาได้อย่างถูกต้อง

ในความหมายของคำว่าตาย

ขั้นตอนของการพัฒนาการความคิดรวบยอดเกี่ยวกับความตาย มี 3 ขั้นตอน คือ

1. เด็กคิดเกี่ยวกับความตายในแง่ของโครงสร้างและรู้อย่างชัดเจนว่า

การตายเป็นปัจจุบัน ซึ่งมีส่วนประกอบ 3 ประการ คือ การรู้ การอยกจากและการเคลื่อนที่ไม่ได้

เด็กจะคิดถึงตัวเองเป็นจุดส่วนกลางและคิดในสิ่งที่เป็นเวทมนต์คาถา

เมื่อเด็กเติบโตขึ้นก็จะอธิบายความตายที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และจะพัฒนาเข้าสู่ขั้นที่สอง

2. เด็กจะมองความตายที่เฉพาะเจาะจงและเป็นรูปธรรม

การตาย คือ การทำหน้าที่ได้อย่างไม่เป็นปกติ 

การตายเป็นเหตุให้เสียหน้าที่

ความคิดของเด็กระยะนี้บ่งชี้ถึงความจริงและเริ่มคิดด้วยเหตุผลซึ่งจะพัฒนาก้าวหน้าต่อไปเกี่ยวกับความรู้

การแยกจากและการเคลื่อนที่ไม่ได้และรวมส่วนประกอบ 6 ประการ ได้แก่

การถอนคืนและการยอกเลิกไม่ได้ 

ความสัมพันธ์ของเหตุและผลการทำหน้าที่ได้อย่างไม่ปกติ

ความมีทุกหนทุกแห่ง ความไม่ไวต่อ แสง เสียงและความรู้สึกต่างๆ

เกิดขึ้นพร้อมกันและไม่เกี่ยวพันกัน ในระยะแรกของขั้นนี้

เด็กจะเชื่อว่าการตายเกิดจากสาเหตุภายนอก ต่อมาเด้กจะเข้าว่าการตาย

เกิดจากสาเหตุภายในร่างกาย เด็กจะเริ่มนำส่วนประกอบต่างๆมาสัมพันธ์กัน

ซึ่งบ่งชี้ว่าเด็กเริ่มพัฒนาเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม

3. เด็กสามารถคิดเรื่องความตายด้วยนามธรรม ถึงแม้ว่าเด็กจะคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล

และรู้เกี่ยวกับความจริงแล้วก้ตาม เขาจะสามารถคาดคะเน

คาดเหตุการณ์ ในลักษณะผูกมัด และบางคนอาจพิจารณาถึงการมีชีวิตอยู่และความตายด้วย

ในขั้นนี้ ความตาย คือ สภาพภายในเป็นสาเหตุให้เสียหน้าที่ ความตาย คือ การอยู่นิ่งเฉย

การทำหน้าที่ไม่เป็นปกติ ไม่รู้สึกไวต่อสิ่งเร้า

เด็กรู้ว่าเขากำลังจะตายได้อย่างไร

เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี มีความจำกัดเกี่ยวกับการรับรู้เรื่องความตาย

เด็กอายุ 5-8 ปี เริ่มสนใจเรื่องความตาย เด็กอายุ 9-10 ปีเริ่มมองความตายเป็นเหตุการณ์ทางชีวะ

หรือทางวิทยาศาสตร์และมีความสามารถที่เข้าใจเรื่องความตายคล้ายคลึงกับผู้ใหญ่

ดังนั้นหน้าที่ของพยาบาลและบิดามารดาของผู้ป่วยเด้กที่กำลังจะตาย

คือการสื่อความให้ผู้ป่วยทราบเกี่ยวกับโรคและเกี่ยวกับความตาย

ซึ่งบิดามารดาและพยาบาลอาจต้องการที่จะปิดบังไม่ให้เด็กทราบเกี่ยวกับโรคที่เด็กกำลังเป็นอยู่

แต่อย่างไรก็ตามจากรายงานพบว่าเด็กอายุ 3-9 ปีที่เป็นโรคมะเร็งรู้เรื่องโรคของเขาในขั้นตอนต่างๆ

คล้ายคลึงกัน และมีความก้าวหน้าจากขั้นที่หนึ่งไปสู่ขั้นอื่นๆ

ขึ้นอยู่กับ

1. การได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นความจริงเพิ่มเติม

2. ประสบการณ์เกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับภาพลักษณ์แห่งตน

ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กรับรู้เกี่ยวกับโรค

การรู้จะเกิดขึ้นไม่ว่าเด็กจะได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับโรคหรือการพยากรณ์ โรคหรือไม่ก็ตาม


ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น