การตรวจ Fetal Biophysical profile
คือ กรประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจวัดการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆของทารกที่ถูกกระตุ้นและควบคุมด้วยระบบประสาทส่วนกลาง (Biophysical activity) 4 ตัวแปร (การหายใจ การเคลื่อนไหว แรงตึงตัวของกล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจทารก) ร่วมกับการวัดปริมาณน้ำคร่ำอีก 1 ตัวแปร
วัตถุประสงค์
1. เพื่อประเมินภาวะขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์
วิธีการตรวจ
1. เตรียมหญิงตั้งครรภ์ในท่านอน Semi-fowler ตะแคงซ้ายเล็กน้อย
2. ใช้ Ultrasound ตรวจวัดข้อมูล 5 ตัวแปรที่ต้องการ
3. กำหนดค่าคะแนนของแต่ละข้อมูล ข้อละ 2 คะแนน (เมื่อพบว่าปกติให้ 2 คะแนน และให้ 0 คะแนนเมื่อพบว่าผิดปกติ)
ข้อมูลและเกณฑ์ปกติ (คะแนน =2) มีดังนี้
1. การหายใจของทารกในครรภ์ ตรวจพบการหายใจอย่างน้อย 1 ครั้ง นาน 30 วินาที ในรอบการสังเกตนาน 30 นาที
2. การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ มีการขยับตัวหรือเคลื่อนไหวแขนขาอย่างน้อย 3 ครั้ง ใน 30 นาที ของการสังเกต
3. แรงตึงตัวของกล้ามเนื้อมีการเหยียดตัว กางแขนขา และหดกลับอย่างรวดเร็ว หรือกำและคลายมือ อย่างน้อย 1 ครั้งใน 30 นาที ของการสังเกต
4. การเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ มีอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์เพิ่มขึ้นไม่มากกว่า 15 ครั้ง/นาที ภายหลังการเคลื่อนไหวและพบอย่างน้อย 2 ครั้งห่างกัน 15 วินาที ใน 30 นาทีของการสังเกต
5. ปริมาณน้ำคร่ำตรวจพบโพรงน้ำคร่ำอย่างน้อย 1 แห่ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 เซนติเมตร
การแปลผล
คะแนน 8-10 คะแนน แสดงว่า ปกติ ไม่มีภาวะเสี่ยงควรตรวจซ้ำใน 1 สัปดาห์
คะแนน 6 คะแนน แสดงว่า มีภาวะเสี่ยงต่อการขาดภาวะออกซิเจนเรื้อรังของทารก ควรตรวจซ้ำใน 4-6 ชั่วโมง
คะแนน 4 คะแนน แสดงว่า มีภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง
คะแนน 0-2 คะแนน แสดงว่า มีภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรังอย่างรุนแรง ควรให้มีการคลอดโดยเร็ว
Biochemical monitoring
การเจาะถุงน้ำคร่ำส่งตรวจ
(Aminocentesis)
คือ การใช้เข็มเจาะผ่านผนังหน้าท้องและมดลูกเข้าไปในถุงน้ำคร่ำ เพื่อดูดเอาน้ำคร่ำออกมาตรวจวิเคราะห์ทางเซลล์พันธุศาสตร์ เพื่อการวินิจฉัยหรือเพื่อการรักษา นิยมทำเมื่ออายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์ เพราะขนาดของมดลูกโตพอที่จะเจาะผ่านผนังหน้าท้อง มีน้ำคร่ำเพียงพอในการเจาะและจำนวนเซลล์มีชีวิตมากพอที่จะเลี้ยงเซลล์ได้สำเร็จ และมีเวลาพอในการตรวจวินิจฉัยก่อนที่ทารกจะโตมากเกินไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อตรวจวิเคราะห์โครโมโซม และสารประกอบดีเอ็นเอ
2. เพื่อประเมินความสมบูรณ์ของปอดทารกในครรภ์
3. เพื่อลดความดันภายใน Amniotic cavity
วิธีการตรวจ
1. เริ่มด้วยการตรวจ Ultrasound ตรวจตำแหน่งของทารก การเกาะของรก
2. เตรียมหน้าท้องบริเวณที่เจาะน้ำคร่ำด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ
3. ใช้เข็มเจาะหลัง เจาะผ่านหน้าท้อง มดลูก ถุงน้ำคร่ำ และดูดเอาน้ำคร่ำ 15-20 มล. บริเวณตำแหน่งด้าน Small part
4. ภายหลังเจาะใช้พลาสเตอร์ปิดบริเวณที่เข็มเจาะและแกะออกเมื่อครบ 24 ชั่วโมง
การแปลผล
ผลการตรวจโครโมโซมจะบอกลักษณะของโครโมโซมทั้ง 23 คู่ของทารก ถ้ามีความผิดปกติจะบอกว่าเกิดที่ตำแหน่งใด และสามารถบอกเพศได้ ใช้เวลา 2-4 สัปดาห์จึงจะทราบผล
การพยาบาล
1. มารดาควรได้รับการเตรียมตั้งแต่ก่อนตรวจโดยบอกเหตุผล ความจำเป็นที่ต้องตรวจและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับมารดาและทารกหลังทำ
2. หลังจากเจาะน้ำคร่ำให้พักผ่อนที่บ้าน และทำงานได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้น
3. ถ้าปวดแผลให้รับประทานยาแก้ปวดได้
4. สังเกตอาการผิดปกติที่ต้องพบแพทย์ เช่น มีน้ำคร่ำจากแผลที่เจาะ มีไข้ น้ำเดิน ปวดท้องมาก เลือดออกจากช่องคลอด
5. งดมีเพศสัมพันธ์ 1-2 วันหลังทำ
ภาวะแทรกซ้อน
1. การติดเชื้อ
2. น้ำคร่ำรั่ว และอาจเกิดแท้งบุตรหรือทารกตาย
3. ทารกบาดเจ็บจากการถูกเข็มเจาะ
4. คลอดก่อนกำหนด
5. Rhesus isoimmunization
ความคิดเห็น