ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ThE KiNgDoM! มหาอาณาจักรเกมออนไลน์ทะลุโลก

    ลำดับตอนที่ #2 : โชคดี!?โชคร้าย!? สุดท้ายก็ซวย!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.19K
      5
      16 ก.ค. 52

    ตำนานหน้าที่ 1 โชคดี!?โชคร้าย!? สุดท้ายก็ซวย!!
     
    8.00 น. วันอาทิตย์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
     
    กริ๊ง~ ปิ๊ดปี๊ปิ๊ด~ โอ้ลัลล้า~!! ตื่นเถิดหนาพี่น้องชาวไทย!! พลั่ก...ตึ้ง!! เสียงนาฬิกาปลุกสุดแสนจะกวนประสาทถูกขัดลงด้วยน้ำมือ(ซึ่งจริงๆเป็นเท้า)ของร่างสูงที่กำลังขยี้ตาอย่างงัวเงีย ดวงตาสีนิลเรียวคมจ้องซากนาฬิกาปลุกสุดซวยที่โดนเตะปลิวไปแบบมึนๆ แล้วเหลียวไปมองปฏิทิน หันกลับไปมองซากนาฬิกา ก่อนจะหันกลับมาที่ปฏิทินอีกที
     
    “...”ไม่มีเสียงใดหลุดลอดออกมาจากริมฝีปาก ใบหน้าคมซุกลงกับหมอนสีขาวอย่างเหนื่อยใจ
     
    ...วันนี้วันอาทิตย์...ยังไม่เปิดเทอมนี่หว่า...โหย ชีวิตเด็กม.3 ยังไม่เริ่มต้น
     
    ทันใดนั้นเอง...
     
    โครม!! เสียงเปิดประตูอย่าง(ไร้ซึ่งความ)นุ่มนวล พร้อมกับเสียงหัวเราะสดใสที่ดังขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งน้อยๆ
     
    “ฮ่าๆๆ ว่าไงตื่นแล้วเรอะไอ้ปิศาจ!!”เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่เสยขึ้นเปิดหน้าผากเหมือนท่านเคาท์สูงศักดิ์ได้อย่างเท่ ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง นั่นทำให้เด็กหนุ่มผมดำแอบเบ้ริมฝีปากอย่างเซ็งๆ
     
    “มี...อะไร...รีบๆ...ว่ามา...ปวดหัว...”เด็กหนุ่มถามเสียงกระท่อนกระแท่นอย่างฝืดฝืนเต็มที่
     
    “อย่ามาทำสำออย มุกนี้ใช้กับฉันไม่ได้ รู้ไส้รู้พุงยันปอดม้ามหัวใจไส้ติ่งกันหมดแล้วเฟ้ย”ผู้มาใหม่ว่ายิ้มๆ...เซ็งคนรู้ทันชะมัด
     
    “เออ...มีอะไรก็รีบๆพูดมา จะนอน!!”เขาพูดอย่างรำคาญ เมื่อรู้ว่ามุกเดิมๆมันใช้ไม่ได้ผล อะไรกัน ตอนเด็กๆมันยังได้ผลอยู่เลย (นี่แกไม่ความคิดที่จะพัฒนาเลยใช่มั๊ย!?)
     
    “อ่านะ...บอกตามตรง ตอนนี้ไปเจอเกมใหม่มันส์สุดๆ! คนไทยทำเองด้วยแหละ!”
     
    “อืม...”คนเพิ่งตื่นครางอือตอบรับในลำคอทั้งๆที่หนังตาเริ่มจะปิด เป็นอาการที่บอกชัดๆว่า...จะพูดอะไรก็พูดไป...ยังไงตูก็ไม่ฟัง!! คนพูดเลยจัดการสรรเสริญด้วยการถีบเข้าเต็มแรง ทว่าร่างโปร่งเอียงหลบไปได้ แต่ด้วยเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เลยมีอันต้องตกเตียงไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
     
                “โอ๊ย!! ไอ้ทิวแก...”คนหลบลูกถีบตกเตียงจนหายง่วง ได้แต่เค้นเสียงลอดไรฟันพลางส่งสายตาอาฆาต
     
    “รายละเอียดต่างจากเกมอื่นๆเลยนะเว้ย ขอบอกว่า...สุดเจ๋ง...”ทิวเอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจเหมือนกับว่าอีกฝ่ายกลิ้งตกเตียงไปเองซะงั้น
     
    “เอ๊าะ...งั้นเหรอ...”คนถูกเมินได้แต่ลุกขึ้นเงียบๆ พลางเค้นเสียงสูงตอบอย่างประชดประชัน ใครจะรู้ว่าในใจมันกำลังคิดแผนแก้แค้นเจ็บๆแสบๆอยู่
     
    “สัตว์อสูรในเกมก็เก่ง ฉลาดเป็นกรด ไม่งี่เง่าเหมือนเกมที่ผ่านๆมาด้วยแหละ”เด็กหนุ่มยังคงว่าต่อไป โดยไม่รู้ว่าหายนะกำลังลอยมาหา
     
    “อืม...”เสียงของคนฟังดูเหมือนเริ่มจะสนใจขึ้นมานิดๆ ทำให้คนกล่อมตาวาว
     
    “คนเล่นเกือบสิบล้านแล้วด้วยนะเว้ย!!”หยอดอีกซักหน่อยรับรอง...
     
    “อ่าฮะ! แล้วไง?”คำพูดนี้เล่นเอาคนรอคำตอบเซแซ่ดๆ ทรุดลงนั่งที่ขอบเตียงอย่างเสียศูนย์
     
    “ที่พล่ามมาเนี่ยไม่ได้สนใจเลยเหรอว้า~ เล่นด้วยกันหน่อยน้า~”เด็กหนุ่มครวญ
     
    “ไม่เอาอ่ะ...น่าเบื่อ...”ว่าพลางบิดขี้เกียจ แล้ว(ใช้เท้า)เขี่ยเพื่อนซี้ให้ลงจากเตียง
     
                “โห...เล่นหน่อยเด้ ไม่มีคนมาหนุน ไม่มีคนคุม กิลด์จะสามัคคีกันได้ไง”ทิวโวยวายหลังจากที่ลุกขึ้นยืนเรียบร้อย
     
    “ช่างหัวแก ไม่ใช่เรื่องของฉัน”เด็กหนุ่มบอกปัดความรับผิดชอบได้อย่างน่าเอาเท้าไปลูบหน้า ก่อนจะอ้าปากหาว แต่อีกฝ่ายกลับพึมพำเสียงดังๆเหมือนจงใจให้ได้ยิน
     
    “เออๆ งั้นเรื่องที่แกตกนาฏศิลป์นี่ก็เรื่องของแกไม่ใช่เรื่องของฉันใช่ป่ะ บอกเจ๊ๆ คงไม่เป็นไรนะ?”คำขู่ของทิวทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กๆ
     
    “ห้ามบอกเจ๊นะเฟ้ย”
     
    “ก็จะบอกซะอย่าง”มันยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตา
     
    “ไอ้เพื่อนทรยศ...”เด็กหนุ่มพึมพำเสียงขุ่นๆ
     
    “ตกลงจะเล่นป่ะล่ะ”เห็นความหวังรำไรแล้วล่ะเว้ย!
     
    “ไม่...จะบอกก็บอกไปแล้วกัน มันเป็นเรื่องธรรมชาติ คนเราไม่มีใครเก่งไม่หมดทุกเรื่องหรอกเฟร้ย”แต่ก็วืดไปอย่างน่าเสียดายเมื่ออีกฝ่ายยืดอกยอมรับความจริง...ได้อย่างหน้าด้านๆ
     
    น่าน...เอาสัจธรรมมาใส่หัวตูอีก...เด็กดีมิควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง สอบตกไม่ใช่เรื่องดีนะครับ เพราะนอกจากคะแนนเราจะหดหายแล้วยังต้องไปสอบซ่อมอีก(เสียเวลาการเล่มเกมโดยใช่เหตุ) สละเวลาไปอ่านหนังสือมั่งนะครับท่านผู้อ่าน เชื่อสิว่าคุ้มกว่าเยอะ
     
    “อ้าว...”คนที่ตอนแรกกระหยิ่มยิ้มย่องถึงกับเซ็งตับ...ห่อเหี่ยวขึ้นมาทันตา
     
    “เล่นหน่อยน้าาาา~ นะ...นะ...น้าาาา”ไม้แข็งใช้ไม่ได้ผลก็ต้องงัดไม้อ่อนมาอ้อนแทน
     
    “เห็นแก่มิตรภาพเกือบสิบห้าปีของเรา...พลีสสสส”เหมือนจะนานนะ แต่บ้านเรามันอยู่ข้างกันพ่อแม่ก็ยังเป็นซี้กันอีก จำหน้ามันได้ก่อนจะจำพี่สาวตัวเองได้ด้วยซ้ำมั้ง!
     
    “อ่ะ...นี่แกเห็นมิตรภาพที่งดงาม(ปนน่าสังเวช)ของเราสำคัญน้อยกว่าไอ้เกมบ้าๆนี่เหรอ?”
     
    “โอ๊ะ! ม่ายช่าย ไม่ได้หมายความว่าอย่างน้านนนน~”ทิวโบกมือวุ่นวายรีบเปลี่ยนเรื่อง
     
    “เล่นทีเถอะนะได้โปรด ตอนนี้กิลด์ที่ไร้ผู้คุมกฎอภิมหาโคตระโหดอย่างแก นอกจากจะกัดกันไม่เว้นแต่ละวัน ยังเริ่มไประรานชาวบ้านเหมือนพวกกิลด์สั่วๆอีก ไล่ออกจนมือจะหงิกแล้ว รู้ป่ะ”
     
    “บอกแล้วว่าให้คัดคน ไม่ใช่หน้าที่ฉันซะหน่อย”
     
    “อ้าว!!”เด็กหนุ่มส่งเสียงอย่างตะลึงแล้วก็ต้องนั่งทำตาละห้อย...เหมือนลูกมาหิวโซ ดวงตาสีเปลือกไม้กระพริบถี่ๆได้น่าตบ เอ๊ย! น่าสงสารซะจริง
     
    “เออๆ ก็ได้วะ ครั้งสุดท้ายแล้วนะเว้ย!”มันพูดแบบนี้มาจะสิบรอบแต่ก็ต้องยอมเล่นเกมเป็นเพื่อนเขาทุกที เหอๆๆ ปิศาจก็ยังมีความเมตตาสงสารล่ะฟะ!!
     
    หลังจากที่นัดพบกันเรียบร้อยทิวก็ลากลับบ้านอย่างไว สงสัยจะกลับไปเล่นเกมต่อ ส่วนคน(ที่ดูเหมือนจะ)โดนขอร้องจนใจอ่อนน่ะหรือ...กำลังแสยะยิ้มเลว ทำหน้าเหมือนแผนการบางอย่างสำเร็จลงตามที่ตั้งใจ!!
     
    “หึๆๆ หนี้บุญคุณปิศาจน่ะแพงอยู่นา...”แผนสูงนะเอ็ง...
     
    แต่ว่าเสียงกระซิบแผ่วๆแบบได้ใจของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้เด็กหนุ่มอยากรู้ขึ้นมาตงิดๆ
     
    ...ว่าแค่เกม...มันจะมีดีอะไรนักเชียว...
     
    ...........................
     
                เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ รอบด้านมีแต่ความมืดมิดชนิดที่ต่อให้มีคนเอาปืนมาจ่ออยู่ตรงหน้าก็มองไม่เห็น เหมือนประสาทสัมผัสในการมองเห็นถูกตัดไปซะเฉยๆจนตัวเองชักไม่แน่ใจว่าระบบมีอะไรผิดพลาดรึเปล่า ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง
     
    “กรุณายืนยัน Password...”น้ำเสียงเสนาะหวานหูฟังดูเป็นธรรมชาติจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นเสียงของ AI ก็ดังขึ้นพร้อมกับกระจกสีเหลืองอมทองโปร่งแสงที่ปรากฏจากความว่างเปล่า นิ้วเรียววางลงบนแป้นคีย์ ก่อนจะพิมพ์รหัสผ่านลงไปอย่างรวดเร็ว
     
                “รหัสผ่านถูกต้อง...เริ่มต้นการสร้างตัวละคร...”เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงเพลงแปลกๆที่ดังขึ้นในศีรษะของเด็กหนุ่ม
     
    “ว้าว~”เบื้องหน้าของเขาปรากฏร่างจำลองที่เหมือนกับเขาทุกอย่างราวกับส่องกระจก
    ทั้งคิ้วเรียวเข้มที่พาดอยู่เหนือดวงตาเรียวยาวสีถ่านที่มีปลายหางตาตวัดเฉียงขึ้นเหมือนตาแมว จมูกโด่งคม รับกับริมฝีปากเรียวบาง เส้นผมสีดำสนิทที่ซอยสั้นยุ่งเหยิง ขับผิวขาวติดจะซีดให้ดูเด่นขึ้น ต่างกันแค่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เท่านั้น เพราะร่างสูงโปร่งเบื้องหน้าอยู่ในชุดเสื้อแขนกุดคอเต่าสีดำกับยีนขาดๆซีดๆ และรองเท้าผ้าใบเก่าๆ...
     
    ...โอ๊ะ! อย่างแนว เรานี่แต่งสีดำขึ้นแฮะ...ยังไม่วายหลงตัวเองได้อีก
     
    “กรุณากำหนดชื่อตัวละคร...”นิ้วเรียวสัมผัสกับแป้นคีย์เย็นเฉียบอีกครั้ง นิ่งคิดอยู่สักครู่ก็ตัดสินใจด้วยความขี้เกียจ...ใช้ชื่อจริงมันซะเลย พอเรียบร้อยดวงตาคู่คมสีนิลค่อยๆปิดลงช้าๆเพราะความรู้สึกวูบในช่องท้องเหมือนทั้งร่างถูกกระชาก
     
                “อ่า...ถึงตอนนี้แล้วเหรอเนี่ย...เฮ้ย! เดี๋ยว!”เสียงของเด็กหนุ่มไม่ได้ทำให้ระบบหยุดทำงานแต่อย่างใด...ตรงข้าม...เสียงหวานใสของ AI ก็ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
     
                “การสร้างตัวละครเสร็จสิ้น...ชื่อนี้สามารถใช้ได้...
    สถานะตัวละคร[1]
     
    Lv. 1    Class 1<beginner>
    HP       143      MP       20
    ATK      20       DEF     20
                STR     5          VIT       5
                INT      5         AGI      5
                DEX     5         CHE     5
      LUK     5         
     
    รวบรัดดีชะมัด...
     
                “อะไรเนี่ย...ปกติเขาต้องให้คำแนะนำกันก่อนไม่ใช่รึไง”เด็กหนุ่มพึมพำอย่างเซ็งๆเมื่อจู่ๆระบบก็จะปล่อยเกาะเขาซะงั้น
     
                “...ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ...คุณเป็นผู้สมัครคนที่ 10,000,000 ของเกม...ทางกลุ่มผู้ออกแบบเกมจึงขอมอบเกราะสุริยะรัตติกาล(ยังไม่ได้ปลดผนึก)...และกำไลร้อยเนตรหมื่นนัยน์(ยังไม่ได้ปลดผนึก)ให้ค่ะ...ข้อควรระวัง เนื่องจากเป็นไอเทมจากระบบหากผู้เล่นเสียชีวิต ไอเทมพิเศษทั้งหมดจะหายไป”เมื่อจบเสียงของระบบ ดวงตาของเด็กหนุ่มก็เบิกกว้างอย่างงุนงง
     
                ...เห...แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ?...
     
                “เมืองเกิด...เนื่องจากมีไอเทมพิเศษ เพื่อความยุติธรรมแก่ผู้เล่นอื่น ระบบจะทำการสุ่มเกิดนอกเมืองที่เกาะพยัคฆ์ขาว... จะทำการเคลื่อนย้ายภายในสิบวินาที ขอให้มีโชคนะคะ...”เอ่อ...แล้วแบบนี้จะให้มาทำไมครับ!? กะส่งตูไปตายชัดๆเลยนี่หว่า!!
     
                แล้วก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้สงสัยร่างกายก็รู้สึกถึงพื้นดินแข็งๆที่ไม่รู้ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ พร้อมกับแดดอุ่นๆที่ส่องกระทบกับใบหน้า จนต้องหรี่ตาลงเพราะอยู่ในที่มืดมานาน...แต่ไม่วายเสียงของ AI เจ้ากรรมยังตามมาหลอกหลอน...
     
                ยินดีต้อนรับท่านนักเดินทางผู้มาจากแดนไกล...สู่ดินแดนแห่ง...The Kingdom...
     
    ....
    ..
    .
    ...เข้ามาสิ...แล้วคุณจะหลงใหลมัน...
     
    ………………………………………………………………
     
                ระหว่างที่กำลังชื่นชมกับบรรยากาศและความสมจริงของเกมอยู่นั่นเอง...
     
    ฟิ้วว~ ตุบ...
     
                “แอ่ก...อูย...เจ็บชิบ อะไรอีกล่ะเนี่ยคราวนี้”มือเรียวยกขึ้นลูบหัวป้อยๆ เมื่อวัตถุบางอย่างกระทบหัวเข้าเต็มๆ พอหายเจ็บไม่ทันไรยังไม่รู้ด้วยว่าอะไรตกใส่หัว...อีกชิ้น...เอ่อ...หลายชิ้นก็ตามมาติดๆ
     
    ฟิ้วววว~ โป้ก!!โป้ก!!โป้ก!!โป้ก!!โป้ก!!
     
                “อ๊าก~ แมร่ง!! ใครวะ!!”คำผุรุสวาทหลุดออกจากเรียวปากอย่างสุดกลั้น เมื่อมือที่ลดลงมานั้นมีเลือดติดมาด้วยหน่อยๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่น เจ้าตัวเหลียวซ้ายแลขวาหาตัวการอย่างแค้นๆ เวลานั้นเองที่เหลือบไปเห็นของที่ตกใส่หัวตัวเอง
     
                เกราะ?...ใช่เกราะ เป็นเกราะหลายส่วน คือส่วนแขนตั้งแต่หัวไหล่จนถึงข้อศอกมีแค่ข้างเดียว ส่วนอก 1 ชิ้น สะโพก 1 ชิ้น และส่วนขาสูงถึงเข่าอีก 2 ชิ้น มือซ้ายของเด็กหนุ่มเอื้อมไปหา กะจะยกมันขึ้นมาสำรวจเพื่อความกระจ่าง แต่ทว่าทันทีที่สัมผัสก็เกิดแสงสีทองสว่างวาบจนตาพร่า พอมองเห็นอีกทีชุดเกราะก็ประกอบกันอยู่บนตัวเรียบร้อย
     
                “...”เด็กหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก พอลองขยับตัวดูยังดีที่ไม่มีปัญหาต่อการเคลื่อนไหวใดๆ แถมยังใส่ได้พอดีอีกต่างหาก ตัวเกราะทำจากวัสดุอะไรก็สุดจะทราบได้ ซึ่งคิดว่ามันไม่น่าจะใช่โลหะเพราะเบากว่ามาก แถมลวดลายบนเกราะก็เป็นสีทองสว่าง มองดูดีๆมันไม่ถูกวาดขึ้น มันเป็นเหมือนกับอัญมณีที่ถูกฝังไว้กับตัวเกราะมากกว่า รายละเอียดอื่นก็ยังไม่รู้...ที่รู้แน่ๆมีอย่างเดียว...มันแข็งสุดๆ ก็เล่นเอาซะเขาถึงกับหัวแตก!!
     
                ส่วนใต้กองเกราะ ยังมีกำไลข้อมืออีกวง เป็นกำไลเกลี้ยงๆที่ไม่มีลวดลายใดๆทั้งสิ้นสีเทาขุ่นๆ เด็กหนุ่มก็จะหยิบมันขึ้นมาสวมทันทีแบบไม่คิดอะไรพอหยิบขึ้นมาเท่านั้นล่ะ...ก็ซ้ำรอยอีกทีจนได้
     
                “เฮ้ย!“กำไลสีเทาละลายวูบ แล้วเลื้อยเข้ารัดแขนซ้ายของเขาอย่างรวดเร็ว แถมมันยังเจาะเข้าไปในแขนเหมือนจะดูดเลือดเขาออกไปอีกด้วย
     
                ...ไอเทมเกมนี้อันตรายชะมัด...เจ็บตัวหลายรอบแล้วนะเนี่ย...
     
                “โอ๊ย!!!”เด็กหนุ่มร้องด้วยความตกใจแล้วสะบัดแขนสุดแรง เลือดทะลักออกมาจนน่ากลัว ไอ้กำไลปิศาจกลับมีสีเข้มขึ้นเมื่อต้องเลือด ยิ่งนานเข้าก็กลายเป็นสีดำสนิท พอเขาเริ่มมึนเพราะเสียเลือดมากมันก็ค่อยๆคลายออกจนพอดีไม่ได้บีบรัดเหมือนเดิม แต่ก็ยังพันกับแขนของเขาอยู่
     
                เสียงหวาน(ที่ชักจะหลอน)แบบเดิมก็ดังขึ้นว่า...
     
                “ผู้เล่นรัตติปลดผนึกเกราะสุริยะรัตติกาล และกำไลร้อยเนตรหมื่นนัยน์ด้วยโลหิต ได้รับเกราะเทพสุริยะรัตติกาล ไอเทมประเภทสวมใส่ ระดับเทพ[2] และปลอกแขนร้อยเนตรหมื่นนัยน์ไอเทมประเภทสวมใส่ ระดับเซียน...
     
                ปลดผนึกด้วยโลหิต...ตอนไหน? แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าดันใช้มือข้างที่เปื้อนเลือดหยิบของ...
     
                “อ่า...แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอเนี่ย…”ร่างสูงโปร่งโคลงหัวอย่างอ่อนใจ ดูท่าทางจะเล่นง่ายนะเกมเนี้ย...คิดแบบนั้นโดยที่ไม่รู้เลยว่า ความลับของการปลดผนึกไอเทมจากระบบน่ะ ราคาสูงสูงที่สุดในบรรดาข่าวเกี่ยวกับไอเทม และยังทำท่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...เพราะตั้งแต่เปิดเกมในไทยมา 3 เดือน ยังไม่มีใครค้นพบมันเลยน่ะสิ!
     
    .......................................................
     
                โครม!! หญิงสาวที่กำลังนั่งจิบกาแฟยามสายอย่างสบายๆถึงกับต้องสะดุ้งเมื่อเสียงดังเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว พอเหลียวมองหาต้นเสียงสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างสันทัดของใครบางคนที่นั่งแหมะอยู่บนพื้นด้วยอาการค้างสนิท
     
                “เกิดอะไรขึ้น 001?”ถามพลางก็เหลือบมองจอที่ชายหนุ่มนั่งดูอยู่เมื่อครู่ ปรากฏภาพเด็กหนุ่มหน้าตาดีในชุดเกราะสีดำกำลังยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ตรงทางสามแพร่ง
     
                “โชคดีเวอร์โคตรๆ...”ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า 001 พึมพำเสียงแผ่ว
     
                “อะไร...ดูท่าทางก็แต่ผู้เล่นระดับสูงธรรมดานี่? ตกใจอะไรนักหนา”
     
                “เธอคิดว่าเจ้าหนูนี่ระดับเท่าไหร่?”001 ไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับอย่างชวนงุนงง
     
                “ก็คง...ประมาณเกือบๆ 70 ล่ะมั้ง ถ้าสูงกว่านี้ก็คงติดอันดับ 100 เซียน ไปแล้วล่ะ แต่ฉันไม่เคยเห็นนี่ ว่าไง?”
     
                “1...”
     
                “อะไร?”
     
                “ระดับ 1 เพิ่งเข้าเกมมาเมื่อกี้นี้เอง”
     
                “ถ้างั้นก็เพื่อนที่ระดับสูงให้มาล่ะสิ ขนาดเกมนี้ก็ยังจะมีอีกเหรอเนี่ย ไม่รู้จักพยายามด้วยตัวเองเอาซะเลย คอยดูเถอะ เดี๋ยวมันจะไม่ได้เล่นเกมอย่างเป็นสุข หึหึ”หญิงสาวหัวเราะอย่างชั่วร้าย มีของดีตั้งแต่ระดับ 1 เนี่ย ไม่พ้นมือ’พวกนั้น’ แน่
     
                “เปล่า...นั่นทางระบบให้ไปน่ะ ตายเมื่อไหร่ก็หายจ้อย น่าสงสารชะมัด อุตส่าห์ปลดผนึกได้”
     
                “เอ๋?...ปลดผนึกแล้วงั้นเหรอ?”หญิงสาวอุทานอย่างประหลาดใจ ของที่ระบบมอบให้ผู้เล่นมีการปลดผนึกที่ค่อนข้างจะ’พิเศษ’และยังเป็นความลับสุดยอด จนตอนนี้ยังไม่มีผู้เล่นคนไหนไขปริศนาปลดผนึกไอเทมของระบบได้เลยแม้แต่คนเดียว
     
                “ก็ถึงได้บอกไงล่ะ...นั่นนะมัน...โชคดีเวอร์โคตรๆ...เหมาะเจาะจนน่าหมั่นไส้”
     
    .......................................................
     
    เด็กหนุ่มที่ตกเป็นหัวข้อสนทนา ปัจจุบันกำลังยืนนิ่งอยู่กลางทางแยกอย่างตัดสินใจไม่ถูก
     
    ...ซ้าย...เอ...หรือว่าขวาดี?...
                ...ซ้ายดีกว่า...
                ...ไม่ๆๆ...ขวาน่าดีกว่า...
                ...หรือซ้าย...???
                ...ไม่สิ...น่าจะเป็นขวา...
                ...อ่า...หรือว่าซะ...
    (พอได้แล้วโว้ยยยย!!!! ตูรำคาญ!!! : คนอ่าน+คนเขียน)
               
    ...ชิ...รู้สึกเหมือนโดนใครด่า ขนลุกแปลกๆแฮะ...อืม...งั้นเอาทางซ้ายละกัน!...คิดเบ็ดเสร็จก็ก้าวไปทางด้านซ้ายทันที…แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้สังเกต...ป้ายผุๆที่ปักหมิ่นเหม่อยู่ในพงหญ้า...
     
    ขวา - สู่เมืองพยัคฆ์ขาว...
    ซ้าย – สู่แดนพยัคฆ์ปิศาจ << ผู้เล่นระดับต่ำกว่า 40 พึงระวัง!!
     
    ...แต่เหมือนโชคดี(?)จะเป็นของพี่ท่านเพราะดันไปชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่เดินสวนออกมาพอดี
     
    “โอ๊ย!”เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นจากเด็กหนุ่ม...ไม่สิ...เด็กชายเจ้าของเส้นผมสีม่วงบาดตา และดวงตาสีแดงเข้มกลมโตที่ออกจะเคืองๆ ร่างเล็กในชุดเสื้อกล้ามสีแดง กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลนั่งจุกอยู่กับพื้น
     
    “ขอโทษที...ไม่เป็นนะครับ...น้องชาย...???”คำพูดของรัตติทำให้เจ้าของดวงตาสีแดงแผ่จิตสังหารเหมือนจะกระโดดถีบขาคู่ใส่หน้าซะให้ได้ ใบหน้าหล่อใสน่ารักกระชากใจสาวแก่แม่หม้ายยันแม่ยก (ไม่เกี่ยว) นั่นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด
     
    “ไอ้บ้านี่!! เดี๋ยวพ่อก็จับโยนให้สัตว์อสูรขย้ำซะหรอก!!”คำสบถอย่างโกรธจัดหลุดออกมาจากปากเล็กๆ แต่คำพูดของเด็กชาย(?)ทำให้รัตติเลิกคิ้วสูง ก่อนจะส่ายหน้า
     
    “จุ๊ๆ หยาบคายจังนะครับ เป็นเด็กเป็นเล็กหัดพูดจาให้มันสุภาพหน่อยสิ...อ้อ...แล้วอีกอย่าง...”รัตติว่าด้วยรอยยิ้มหวานก่อนที่มือเรียวจะหิ้วคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมา
     
    “มีคนหลายประเภทที่ไม่ชอบให้ใครมาหยาบคายด้วยนะครับ...”เสียงกระซิบแอบโหด บวกรังสีอำมหิตทะมึนทั้งที่รอยยิ้มบางๆยังคงประดับอยู่บนเรียวปากนั่นขัดกันอย่างแรง แต่ยิ่งทำให้มันดูน่ากลัว!! เจ้าของเรือนผมสีม่วงขนลุกเกรียวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วตาสีสดก็เหลือบเห็นชุดเกราะของอีกฝ่ายเข้าเข้า รอยยิ้มวูบอย่างชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนริมฝีปากน้อยๆ
     
    “พี่ชาย(กัดฟันพูดสุดๆ)...มาเก็บเลเวลสินะ...”เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังงงได้ที่คนผมสีแปลกก็จัดการสะบัดตัวหลุดออกจากมือของอีกฝ่ายอย่างงดงาม(ท่าทางจะโดนหิ้วบ่อย) แล้วจัดการถีบร่างสูงของคู่กรณีเข้าไปในเส้นทางด้านซ้ายแบบไม่ปราณีปราศรัย!!
     
    “ผมมีที่จะแนะนำ!!”ร่างเล็กพูดเสียงสดใส
     
    เวลาเดียวกับที่ปลายเท้าของคนถูกถีบสัมผัสกับผืนดินบริเวณนั้น เด็กหนุ่มก็อยากจะร้องกรี๊ดแบบไม่ห่วงศักดิ์ศรี...เสือยักษ์หน้าตาท่าทางโคตรจะเป็นมิตรยืนเรียงกันสลอน แถมแต่ละตัวยังมีเขี้ยวขาวๆวาววับพร้อมจะกระชากร่างของใครบางคน (แถวๆนี้แหละ) ให้มันขาดเป็นชิ้นๆ!
     
    “โอ้ววว~ พี่ชาย พยายามเข้านะ!! โอ๊ะ! ผมลืมบอกไปอย่าง...เข้าไปในแดนพยัคฆ์ปิศาจแล้วกว่าจะออกได้ก็ตั้งสามชั่วโมง เล่นให้สนุกล่ะ!!”
     
    ...ไม่เคยขอร้อง(เฟ้ย)!!...รัตติคิดอย่างเจ็บแค้นเมื่ออีกฝ่ายโบกมือบ๊ายบายอย่างน่ารัก (ยกเว้นในสายตาเขา...มันน่าฆ่าทิ้งมากกว่า!!) แล้วก็เดินจากไปอย่างสบายอารมณ์ รอยยิ้มเริ่มชืดลงเล็กน้อยเมื่อเหลียวกลับมาพบกับเจ้าของเขี้ยววาววับที่ยังรอเขาอยู่เป็นฝูง
     
    บ่นไปก็เท่านั้น เด็กหนุ่มได้แต่โทษโชคชะตา (ที่มีผมสีม่วงและตาสีแดง) ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วปลดดาบสั้นที่ติดอยู่ข้างเอวขึ้นมา แต่กระนั้นเมื่อเพ่งแล้วเพ่งอีกไปถึงมันสิบกว่าครั้งก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ามันจะช่วยให้เขาพ้นจากฝูงแมวยักษ์ปิศาจพวกนี้ได้ยังไง!?
     
    ...แล้วเกมนี้มันต้องเล่นไงวะเนี่ย? ไม่เห็นมีใครบอกตูซักคำ!!
     
    “เฮ้ย! วอหนึ่งเรียกวอสอง...นั่นใช่แกรึเปล่าไอ้ปิศาจ...ใช้ชื่อมักง่ายสิ้นดี”
     
    “ไอ้ทิว!!”
     
    “เออสิวะ ว่าแต่ว่าเถอะนะ...ไอ้คุณพี่คร้าบ~ ไปทำอะไรในแดนพยัคฆ์ปิศาจเล่านั่น!! รู้ครับว่าเทพ แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเทพได้แบบนี้~! ขนาดกระผมระดับปาเข้าไปจะ 70 อยู่รอมร่อยังมิกล้าเข้าไปฉายเดี่ยวแบบแกเลยนะเฟ้ย!!”เสียงอันแสนจะคุ้นเคย...ที่ตอนนี้เป็นดั่งเสียงจากสวรรค์นั้นตอบอย่างประชดประชัน รัตติจึงรีบตอกกลับ เอ๊ย!ตอบกลับทันที
     
    “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ก่อนที่จะพล่ามเนี่ย มาช่วยกันหน่อยสิเฟ้ย!! กำลังจะตายอยู่นี่แล้วเนี่ย ว้าก~!!”
     
    “เฮ้ย!! เป็นอะไร”
     
    “เปล๊า...ไม่มี’ไร เทสต์เสียงเฉยๆว่ะ”
     
    “เฮ้อ...เออๆๆ ช่วยหน่อยก็ได้ นี่เป็นคำพูดที่จะมอบแก่ผู้เล่นเกมทุกคนที่ไปถึงหอคอยปริศนา เอ...ก็อาคารเริ่มต้อนเหมือนเกมอื่นๆนั่นแหละ มันกระแดะตั้งชื่อแปลกๆ ตอนนี้แกไม่ได้ไปแน่ ถ่างหูฟังให้ชัดๆ โอเค้?”
     
    “ไม่มีปัญหา...”เด็กหนุ่มว่าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่คิดจะใส่ใจกับเหล่าเสือร้ายที่เริ่มเดินวนอยู่รอบๆ
     
    “หนึ่งเงาสะท้อนรางเลือน จงเฝ้าย้ำเตือน
    แม้เหมือนแท้เพียงลวงตา...
    ที่ปรากฏ ณ เบื้องหน้า    อาจเป็นมายา
    ล่อลวงจมสู่ความตาย...
    จะเชื่อมั่นผ่อนผันคลาย   สงสัยนั้นได้
    มีเพียงเดียวดายคือตน...
    หากมองลึกยังวังวน       โดยไร้สับสน
    ความจริงกระจ่างสู่เรา...
     
    เสียงของทิวาดังขึ้นเอื่อยๆไม่รีบร้อน
     
    “วิธีเล่นมันก็เหมือนเกมอื่นนั่นแหละ แต่ขอบอกว่าสมจริงสุดๆ ส่วนที่เหลือก็จัดการเองเหอะว่ะ ขี้เกียจยุ่ง”เด็กหนุ่มตอบปัดๆ อย่างไม่ใส่ใจ เพราะถ้ามีสิ่งมีชีวิตใดสามารถทำให้ไอ้เพื่อนซี้คนนี้พลาดท่าได้ล่ะก็เขายินดีจะก้มลงกราบ แถมเอาหัวหมูไปถวายถึงที่เลยเอ้า!
     
    “อ้าว...ลากตูมาเล่นเกมแล้วก็ปล่อยเกาะกันงี้นี่นะ?”
     
    “ไม่ใช่ปล่อยเกาะ แต่มันไม่ว่างจริงๆ เดี๋ยวมีประชุมกิลด์ต้องเตรียมวาระการประชุมให้เรียบร้อยก่อน”
     
    “ชิ...”ไม่ทันให้ทั้งคู่สนทนากันเสร็จ เสืออสูรใจกล้าตัวหนึ่งก็กระโจนเข้าไปหาร่างของเด็กหนุ่มผมดำทันที!!
     
    แต่...
     
    แอ้ก!
     
    …กลับต้องหน้าปักพื้นอย่างหมดมาด เมื่อเป้าหมายกลับเบี่ยงตัวหลบไปซะฉิบ!!
     
    ฉึก!
     
    ดาบสั้นเล่มน้อยถูกปักเข้าที่จุดตายใต้ลำคอก่อนจะตวัดปาดหลอดเลือดไปอย่างไม่ปรานี โลหิตทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตกทว่าไม่มีหยดใดต้องกายเด็กหนุ่ม ร่างยักษ์ของพยัคฆ์ร้ายทรุดฮวบลงกับพื้น ทำให้เสือยักษ์ที่เหลือไม่กล้าวู่วามจู่โจมเข้าไป
     
    ...อันตราย
     
    “อืม...เข้าจุดตายก็ไม่รอดเหมือนกันนี่”เด็กหนุ่มว่าขำๆ ดาบสั้นในมือถูกควงอย่างคล่องแคล่ว ในใจของร่างสูงยังครุ่นคิดถึงจังหวะเมื่อครู่ เพราะมันเร็วกว่าปกติอยู่หลายเท่าทีเดียว แถมยังรุนแรงอย่างไม่น่าจะเป็น
     
    ...เร็ว? เด็กหนุ่มทดลองกำหมัด แล้วคลายออก มืออีกข้างยังคงควงมีดเล่น ดวงตาก็ยังคงจับจ้องไปรอบตัว ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะย่อกายลงเล็กน้อย ดวงตาสีดำสนิทวาววับขึ้นเหมือนอสูรร้ายที่พร้อมจะล่าเหยื่อ พยัคฆ์ร้ายที่อยู่รายล้อมถึงกับผงะ ร่างใหญ่โตของพวกมันถอยหลังไปหลายก้าว
     
    ...แถมรู้สึกเหมือนพลังจะเพิ่มขึ้นด้วย? ระดับ 1 ที่ไหนจะฆ่าเสือทีเดียวตายได้กัน ...เอาเถอะ โกงได้นิดหน่อยก็ยังดี ระดับ 1 แบบเขาจะให้สู้กับเสือด้วยดาบมือใหม่เนี่ย จะโหดร้ายเกินไปรึเปล่า(แล้วไอ้เมื่อกี้มันอะไร!?)
     
    “หึๆๆ”เสียงหัวเราะเบาๆแว่วตามลมที่เริ่มพัดแรงขึ้นเหมือนกับเสียงเรียกของยมทูตที่จะกระชากวิญญาณให้หลุดลอย แสงสว่างค่อยๆหายไปทีละนิด เพราะท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆดำทะมึน สายลมก็ยิ่งพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ...
     
    จังหวะเดียวกับที่ฝนหยดแรกกระทบกับพื้นร่างโปร่งพุ่งตัวเข้าหาเสือยักษ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยความเร็วเหมือนเงาพราย
     
    ...เร็วกว่าปกติจริงๆด้วย
     
    ดาบแรกถูกปักลงกลางหน้าผากแต่ด้วยพลังโจมตีอันน้อยนิดเด็กหนุ่มไม่คิดอยู่แล้วว่ามันจะตายในทันที ดาบสั้นถูกถอนออกจากรวดเร็วทำให้เลือดกระฉูดออกจากปากแผล พุ่งพรวดท่วมใบหน้าขาวติดซีดแต่ยิ่งส่งผลให้ดวงตาสีดำสนิทเต้นระริก
     
    อืม...แม้แต่กลิ่นเลือดยังเหมือน...
     
    รอยยิ้มเหี้ยมจัดปรากฏขึ้นอย่างน่ากลัว ประกอบกับสายฝนที่เริ่มเทกระหน่ำเป็นใครก็คงอดไม่ได้ที่จะขนลุกด้วยความหวาดหวั่น ดาบที่สองปักเข้าที่กกหูด้วยความเร็วอันน่าตื่นตา พยัคฆ์ร้ายกรีดร้องเสียงโหยหวน
     
    ตัวแรกสิ้นท่าด้วยเพียงสองดาบ!!!
     
    วินาทีนั้นเองที่กรงเล็บคมกริบหมายชีวิตตะปบใส่จากมุมอับ แต่ร่างปราดเปรียวก็เบี่ยงหลบอย่างสบายๆ พร้อมกับหัวเราะคิกคัก มีดคมตวัดอีกครั้งเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อเท้าก็ถูกเฉือนอย่างทารุณ
     
    นั่นทำให้เสือร้ายยิ่งคลั่ง จนมันโจมตีอย่างดุเดือดแต่กลับยิ่งเข้าทางเด็กหนุ่ม มือเรียวยกขึ้นปัดเบี่ยงทิศทางการโจมตีเหมือนกับเป็นเรื่องง่ายๆ กรงเล็บคมกริบนั่นจึงถูกพวกเดียวกันไปไม่น้อย เวลาผ่านไปไม่นานแรงฮึดของมันก็หมดลง
     
    ร่างสูงใหญ่ซวนเซแล้วล้มตึงลง ทันทีที่มันทรุดเสือยักษ์อีกสองตัวก็เข้ามาแทนที่ กระนั้นก็ไม่ได้เพิ่มความลำบากให้เขาสักเท่าไหร่ เด็กหนุ่มยังคงรับมือได้อย่างสบายๆ หลบการโจมตีไป หัวเราะไป...ได้อย่างน่าขนลุก
     
    ไม่ช้าไม่นาน ทันเห็นเพียงเงาสีเงินที่สะบัดวูบสองสายร่างขนาดยักษ์ทั้งสองก็ลงไปนอนทอดซากบนพื้น...ด้วยการปาดหลอดลม และเส้นเลือดใหญ่ที่คออย่างแม่นยำ
     
    ขณะที่หนทางรอดมองเห็นอยู่รำไร เสียงหวานของระบบที่คิดว่าคงไม่ถูกชะตากับเขาเป็นแน่แท้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
     
    ...พยัคฆ์ลายวรุณ พัฒนากลายเป็น พยัคฆ์สายวสันต์ ระดับเพิ่มขึ้น 5 ระดับ พลังโจมตีเพิ่มขึ้นเท่าตัวเนื่องจากสภาพอากาศมีฝนตก โปรดใช้ความระมัดระวังในการรับมือ...
     
    รู้อยู่หรอกนะ ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ นี่คงคิดกะฆ่าเขาเต็มที่เลยสิ...เกมนี้ใช้คนจริงเป็นผู้ดูแลแหงมๆ...ริมฝีปากบางสวยกระตุกยิ้มขบขัน แต่ดูท่าความพยายามจะเหลวซะแล้วสิ
     
    “ค่อยสนุกหน่อย แบบนี้…”


     
    [1] สถานะตัวละครมาจากค่าความสามารถพื้นฐานของผู้เล่น และเพิ่มขึ้นเองโดยอัตโนมัติโดยคำนวณจากความสามารถของผู้เล่นที่เพิ่มขึ้น
    [2] ปัจจุบันระดับของไอเทมแบ่งออกเป็น 4 ระดับคือ ระดับสามัญ ระดับสูง ระดับเซียน และระดับเทพ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×