ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อยากบอกนายว่า "ไปตายซะน่อ!!!"

    ลำดับตอนที่ #24 : บทที่ 22 Run away , Fly away

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 980
      31
      28 พ.ค. 58

    บทที่ 22 Run away , Fly away

     


     

    ตะวันลับขอบฟ้าและถูกแทนที่ด้วยความมืดคืบคลานเข้ามา ถนนในย่านคาบูกิโจวเริ่มเข้าสู่ความว่างเปล่าเพราะผู้คนเริ่มทยอยกลับไปยังที่พักอาศัยของตน จะมีก็แต่เหล่าผีเสื้อกลางคืนที่รอเวลาท่องเที่ยวยามราตรี แต่นั่นไม่ใช่โซโกะและคางุระ

                    พวกเขาทั้งสองกำลังเดินทางกลับไปยังซินเซ็นงุมิหลังจากทำภารกิจตรวจเมืองเสร็จ แม้ว่าทั้งคู่จะมาด้วยกันแต่ก็แทบไม่ได้พูดคุยกันเลย ถึงจะมีบางครั้งที่อีกฝ่ายชวนคุยแต่ก็คุยกันได้แค่ไม่กี่ประโยคก็กลับไปเงียบกันอย่างเดิม

                    “นี่อาตี๋”

                    “มีอะไร”

                    “ซาลาเปาไส้ผักรวมอ่ะ อร่อยมั้ยน่อ” คางุระพูดพลางชี้ไปยังถุงใส่ซาลาเปาที่โซโกะถืออยู่

                    “หือ ไอ้นี่น่ะหรอ” โซโกะยกถุงในมือขึ้นมาแล้วพูดขึ้น “ลองกินดูมั้ยล่ะ”

                    “อา...ไม่ดีกว่าน่อ อั้วกลัวลื้อไม่อิ่ม” คางุระปฏิเสธเมื่อเห็นโซโกะยื่นถุงซาลาเปาของตนมาให้

                    “กลัวฉันใส่ยาพิษลงไปรึไง ไม่ต้องห่วง ฉันยังไม่ฆ่าเธอตอนนี้หรอก”

                    “แสดงว่าลื้อจะเก็บอั้วไว้เชือดทีหลังใช่มั้ยน่อ” คางุระดึงคอเสื้อของชายหนุ่มอย่างนึกโมโห

                    “หึๆ คงงั้นมั้ง”

                    “หน็อยยยยย ลื้ออยากตา.....”

                    “อ้าวๆ นั่นหัวหน้าหน่วยที่ 1 แห่งซินเซ็นงุมินี่น๊า” จู่ๆก็มีชายสี่คนเดินถือดาบเข้ามาขวางหน้าคางุระกับโซโกะไว้

                    “มากับเด็กผู้หญิงด้วย น่าแปลกใจจริงๆ ไหนว่าเจ้าหมอนี่ไม่สนใจผู้หญิงไง ฮ่าๆๆๆๆ น่าขันจริงๆ” ทั้งสี่คนหัวเราะชอบใจกันอย่างสนุกสนาน

                    “นี่พวกแก พวกนักรบขับไล่ต่างแดนงั้นหรอ” โซโกะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบไม่มีทีท่าว่ากลัวเลยซักนิด

                    “นักรบขับไล่ต่างแดน พวกอาซึระงั้นหรอน่อ?” คางุระปล่อยมือออกจากคอเสื้อโซโกะแล้วหันมาเผชิญหน้ากับผู้ประสงค์ร้ายที่มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า

                    “ใช่ พวกฉันเป็นนักรบขับไล่ต่างแดนแต่คนละกลุ่มกับชายที่ชื่อคาสึระ โคทาโร่” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นเอ่ยตอบ

                    “คนละกลุ่มกับคาสึระงั้นหรอ แล้วพวกแกมีธุระอะไรกับฉันถึงได้มาดักรอตรงนี้” โซโกะกำชับดาบในมือเพื่อเตรียมอาละวาด

                    “ก็มากำจัดตัวอันตรายอย่างแกน่ะสิ หัวหน้าหน่วยที่ 1 แห่งซินเซ็นงุมิ โอคิตะ โซโกะ”

                    “เรียกซะเต็มยศเลย เฮ้อ! แต่ว่าน่ะคิดจะมาล้มฉันด้วยกำลังคนแค่สี่คนน่ะ คิดผิดมหันต์เลยเฟ้ย” โซโกะชักดาบออกมาจากฝักอย่างไม่ลังเล แทนที่จะหวาดกลัว เขากลับนึกสนุกขึ้นมาซะเฉยๆ

                    “ฮ่าๆๆๆ คิดว่าพวกฉันจะมาจัดการปีศาจอย่างแกกันแค่สี่คนงั้นหรอ”

                    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โซโกะและคางุระถูกล้อมไว้โดยชายฉกรรจ์มากมายราวห้าสิบคนที่ยืนแสยะยิ้มเหมือนหมาป่าที่จ้องจะงับเหยื่อ

                    “หมาหมู่งั้นหรอ หึๆ แต่ช่างเถอะฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนทุกที

                    “พวกลื้อจะฆ่าอาตี๋นี่ก็ตามใจเลยน่อ อั้วไม่เกี่ยวอะไรกับอีทั้งนั้นน่อ” คางุระพูดพลางกระเถิบออกห่างจากโซโกะ

                    “นี่หล่อน ทิ้งกันง่ายๆอย่างนี้เลยเรอะ”

                    “ก็นั่นมันศัตรูของลื้อไม่เกี่ยวกับอั้วซักหน่อยน่อ”

                    “อย่างน้อยหล่อนก็เดินมากับฉันน่ะ”

                    “พูดอะไรของลื้อน่อ อั้วแค่กำลังจะกลับบ้านแล้วบังเอิญกลับมาทางเดียวกันกับลื้อต่างหากน่อ”

                    “แถได้หน้าตาเฉยเลยน่ะหล่อน ติดนิสัยมาจากลูกพี่รึไง”

                    “ไม่ใช่น่อ.....”

                    “ในเวลาแบบนี้ยังจะมาทะเลาะกันได้อีกน่ะ” และแล้วการถกเถียงของทั้งคู่ก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงจากชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้น

                    “นี่ลูกพี่ จะว่าไปแล้วยัยเด็กที่อยู่กับหมอนั่นน่ะดูท่าจะเป็นเผ่ายาโตะซะด้วยน่ะ” ชายที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ปรายตามามองทางคางุระตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยักยิ้มที่มุมปาก

                    “ใช่จริงๆด้วย ทั้งการแต่งตัว ทั้งร่ม และผิวที่ขาวซีดเป็นหลักฐานอย่างดีเลย ยัยเด็กนี่เป็นยาโตะไม่ผิดแน่ครับลูกพี่”

                    “แถมหน้าตาก็น่ารักใช่ย่อย ถ้าจับไปขายเนี่ยคงได้ราคาสูงไม่น้อย”

                    ทั้งหัวหน้าและลูกน้องต่างก็มองมาทางคางุระแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าหล่อนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงไปคว้าเอาถุงในมือของโซโกะมาแล้วล้วงเอาซาลาเปามาปาใส่หน้าลูกพี่ของคนกลุ่มนั้นอย่างเต็มแรงจนล้มไปกองกับพื้น

                    “โอ้ย ยัยเด็กบ้า ปามาได้มันเจ็บน่ะเฟ้ย” เขาลุกขึ้นมาแล้วขึ้นเสียงอย่างเกรี้ยวกราดเพราะความเจ็บปวด

                    “อั้วเห็นสายตาหื่นๆของลื้อที่มองมาทางอั้วแล้วมังคันไม้คันมืออ่ะน่อ” คางุระพูดพลางเหยียดยิ้มอย่างรู้สึกสะใจ

                    “แต่ยังไงซะหล่อนก็ไม่ควรจะเอาของของคนอื่นไปปาเล่นแบบนี้ นั่นมันซาลาเปาของฉันน่ะเฟ้ย”

                    “ช่วยไม่ได้น่อ ก็อั้วโมโหนี่น๊า” เด็กสาวชักสีหน้าไม่รับรู้โลกภายนอกใส่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างไม่สำนึกผิด

                    “หน็อย บังอาจทำกับฉันได้น่ะ เฮ้ย! พวกเราจัดการมัน ฆ่าไอ้ตำรวจนั่นซะ ส่วนยัยเด็กม้าดีดกะโหลกนั่นก็จับตัวไปขาย”

                    ทันนทีที่ลูกพี่ของคนกลุ่มนั้นพูดจบ เหล่าลูกน้องทั้งหลายก็วิ่งกรูเข้ามายังคนทั้งสองทันที ซึ่งทั้งโซโกะและคางุระก็ได้เตรียมตั้งรับไว้แล้ว และโต้ตอบกลับไปอย่างง่ายดาย

                    .

                    .

                    .

                    .

                    เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง จนจันทราเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นมา ทั้งคางุระและโซโกะต่างก็รับมือศัตรูอยู่อย่างนั้น แม้ว่าจะกำจัดไปได้เยอะแค่ไหนแต่ทางฝั่งของศัตรูก็ดูเหมือนจะไม่ลดลงเลย ตรงกันข้ามกลับมีเยอะมากกว่าตอนแรกซะอีก

                    “แฮ่กๆ พวกมันมีกี่คนกันแน่เนี่ย” โซโกะใช้ดาบยันตัวเองไว้แล้วหันไปมองทางเด็กสาวผมส้ม “นี่ยัยหมวย ยังไม่ตายใช่มั้ย”

                    “หุบปากเน่าๆของลื้อไปซะน่ออาตี๋ แฮ่กๆ อั้วไม่ตายง่ายๆหรอกน่อ”

    ทางฝั่งคางุระเองก็ดูเหมือนจะเหนื่อยไม่น้อย โซโกะสังเกตเห็นว่าคางุระยังต่อสู้โดยที่ถือถุงซาลาเปาไว้อย่างนั้น นั่นทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่ออกจากร้านซาลาปามาเธอก็ไม่ได้แตะซาลาเปาเลยซักชิ้นเดียว

    เคร้ง!!

    “นี่แก อย่ามัวแต่เหม่อสิ” ทางศัตรูเข้ามาฟาดดาบหมายจะสะบั้นศีรษะของโซโกะทีแผลอ แต่ชายหนุ่มก็สามารถรับได้และโต้กลับไปอย่างชำนาญ

                    “เล่นทีเผลอไม่สมกับเป็นซามูไรเลยนะ งั้น! เดี๋ยวฉันจะแสดงให้ดูว่าซามูไรที่แท้จริงน่ะ เป็นยังไง”

                    ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปฟาดฟันศัตรูตรงหน้าอย่างเลือดเย็น ด้วยความสามารถและสัญชาตญาณทำให้เขาจัดการกับศัตรูได้นับสิบคนภายในพริบตาเดียว

                    แต่จำนวนคนก็ดูเหมือนจะไม่ลดลงอีกเช่นเคยแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เขาหันไปมองทางคางุระอีกครั้งก็ทำให้รู้ได้ว่าเด็กสาวกำลังต่อสู้โดยระวังไม่ให้ถุงซาลาเปาหลุดจากมือ ชายหนุ่มตัดสินใจตีฝ่าวงล้อมของตนเองออกไปหาเธอเพราะเห็นว่าไม่ดีแน่หากคางุระยังคงรับมือกับศัตรูทั้งๆอย่างนั้น ต่อให้เธอเป็นเผ่ายาโตะก็เถอะแต่เขาก็ยังกลัวว่าเธอจะพลาดท่าแก่ศัตรูได้

                    “ไม่เป็นไรใช่มั้ย ยัยหมวย” เขาถามขึ้นทันทีที่มาถึงตัว

                    “ชิวๆน่อ แฮ่กๆ” สั้นๆ แต่โซโกะก็รับรู้ได้ว่าเธอคตงจะเหนื่อยมาก ถึงจะเป็นยาโตะแต่เธอก็ยังเป็นเด็ก

                    “นี่ยัยหมวย ฉันมีแผนน่ะ สนใจมั้ย” เขาพูดขึ้นจนทำให้หญิงสาวหันมามองเขาด้วยความฉงน

                    “แผน...อะไรน่อ”

                    “แผนที่ว่านี่ก็คือ..........”

                    คางุระจ้องมองเขาอย่างไม่วาวตา ตั้งท่ารอคอยฟังสิ่งที่เขาจะพูด แต่แล้วชายหนุ่มก็หันมายิ้มให้เธอแล้วใช้มือที่ไม่ได้ถือดาบคว้ามือของคางุระมาจับไว้แล้วพูดว่า

                    “ก็ Run away น่ะสิเฟ้ยยยย!!” ชายหนุ่มออกแรงดึงเด็กสาววิ่งไปยังช่องว่างที่เปิดโล่ง แม้จะมีศัตรูมาขวางเขาก็ใช้ดาบฟาดฟันเพื่อเปิดทางหนีจนได้

                    “ตามมันไป อย่าให้หนีไปได้” คนจำนวนมากวิ่งตามพวกเขามาทันที

                    “เดี๋ยวก่อนสิน่ออาตี๋ คนอย่างลื้อหนีเป็นด้วยหรอน่อ”

                    “พูดอะไรของหล่อนน่ะ ฉันไม่ได้หนีแค่ Run away เฉยๆ”

                    “ก็แล้ว Run away ของลื้อนี่มันอะไรกันน่อ”

                    “Run away ก็คือหนทางเพื่อป้องกันการ Fly away ไงล่ะ”

                    “พูดอะไรของลื้อน่อ Run away? Fly away ลื้อพูดบ้าอะไรของลื้อเนี่ย”

                    “หล่อนไม่ต้องเข้าใจอะไรมากมายหรอก แค่เข้าใจว่า Run away คือหนทางเพื่อหลีกเลี่ยงการ Fly away และเพื่อไม่ให้ตัวเรา Fly away เราก็ต้อง Run away ไปก่อนยังไงล่ะ”

                    “ยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่เลยน่อ แล้วสรุปที่ลื้อพูดมาทั้งหมดเนี่ยจะสื่ออะไรกันแน่ห๊า”

                    “ง่ายๆเลยนะ ก็เหมือนตอนที่โนบิ**ถูกไจแอ**รังเกแล้ว Run away ไปหาโดเรม** เพื่อขอความช่วยเหลือแล้วไปจัดการไจแอ**ให้ Fly away ยังไงล่ะ”

                    “สุดท้ายลื้อก็แค่จะหนีตายไม่ใช่รึไงน่อ”

                    “อย่าใช้คำว่าหนีตายสิ มันเสียศักดิ์ศรีของซามูไรนะเฟ้ย ใช้คำว่า Run away เพื่อหลีกเลี่ยงการ Fly away ดีกว่า”

                    “ก็แล้วลื้อจะพูดให้มันยาวเหยียดไปทำแป๊ะอะไรน่อ แค่ยอมรับมาว่าจะหนีมันน่าอายขนาดนั้นเลยรึไงน่อ”

                    “หุบปากแล้วถือถุงซาลาเปานั่นไว้ให้ดีๆล่ะ”

                    “เอ๋....”

    คางุระก้มมองถุงซาลาเปาในมือที่ป้าเจ้าของร้านให้มาเพราะบอกว่าเธอเป็นคนน่ารัก ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่กินมัน และไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมปล่อยมันห่างจากตัว เธอนึกถึงหน้าของป้าคนนั้นแล้วเผลอยิ้มออกมา เธอก็แค่อยากจะเก็บสิ่งที่ป้าคนนั้นให้มาไว้ให้ได้นานที่สุด

     

    เพราะเค้า....เหมือนคนๆหนึ่งที่เธอคิดถึง คนที่รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ด้วย คนที่มีรอยยิ้มให้เธอเสมอ แต่เค้าก็จากเธอไปแสนไกล ไกลเกินที่เธอจะไปตามหาและพากลับมา เพราเค้าคนนั้นไม่มีวันกลับมาได้อีก

    .

    .

    .

    .

    หม่ามี๊

                   

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×