ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    World At War : Strike back ภาค2

    ลำดับตอนที่ #2 : ศึกแก๊สและบุกเอเชียอาคเนย์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 137
      2
      17 ก.พ. 61

    วันที่ 5 มิถุนายน เวลา 12.43 ทหารนาซียึดเมืองเพิร์ทและบุกฝ่าจนสามารถตั้งแนวหน้าที่ยาวกว่า1พันกิโลได้ จากCastletown เป็นแนวเกือบครึ่งวงกลมจนถึงเมืองDongara

    วันที่ 6 มิถุนายน กองพลร่มรัสเซียและญี่ปุ่นได้ส่งพลร่ม20กองพลไปที่Warburton,Caiguna Balladonia,Kalgoorlie,Cosmo NewberyและBandya ซึ่งทุกที่ที่พลร่มได้ลงไปคือจุดยุทธศาสตร์สำคัญเพราะส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานไฟฟ้า โรงงานผลิตอาวุธ ฐานทัพ สนามบิน โรงงานสารเคมีและพื้นที่ฝึกซ้อมทหาร

    การส่งพลร่มไปยึดพื้นที่สำคัญนั้นเสี่ยงและสูญเสียทหารไปมากกว่าที่นายพลคิดกันไว้ แต่นั้นก็ทำให้อัตราการผลิดอาวุธและส่งผลกระทบให้ฝ่ายฮอรัสในออสเตรเลียมีประสิทธิภาพในการรบต่ำลงอย่างมาก

    วันที่ 20 มิถุนายน ออสเตรเลียตอนใต้และนิวซีแลนด์เป็นอิสระจากฮอรัสด้วยการวางแผนแบบบริทซ์ครีกสมัยใหม่เริ่มด้วยพลร่มไปยึดตามยอดเนินและยอดเขาต่างๆ จากนั้นเริ่มโจมตีด้วยปืนใหญ่และทิ้งระเบิดต่อมาก็ส่งกองพลรถเร็วไปรวมกลุ่มกับพลร่ม สุดท้ายก็ส่งรถถัง รถหุ้มเกราะและรถลำเลียงไปเคลียร์พื้นที่และสร้างโรงพยาบาลสนาม จุดกระจายสัญญาณวิทยุและจุดเติมเสบียงอื่นๆ

    วันที่ 21 มิถุนายน กองทัพนาซีเยอรมันตัดสินใจใช้แก๊สมัสตาร์ดในการรบทีศึกSir Samuel
    ศึกครั้งนี้เป็นศึกครั้งสำคัญมากต่อกองทหารแนวหน้ามาก เพราะเส้นทางขนเสบียงนั้นยาวไกลมากจากเมืองเพิร์ท ทหารมากกว่า3หมื่นนายที่แนวหน้ากำลังจะขาดอาหารและน้ำตายกันก่อน

    มีทหาร3หมื่น1พันนายในแนวหน้าที่Sir Samuel กองพันที่อยู่แนวหน้าคือกองพันทหารราบหนักที่2 ที่4 ที่9 และที่20 กองพันทหารยานเกราะเอสเอสที่8 และที่3 กองพันเอสเอสที่20 ที่6 ที่10 และที่19 สุดท้ายคือกองพันทหารปืนใหญ่ที่4 ที่3 และที่71 

    โดยกองพันทหารราบหนักทั้ง4กองพันบัญชาการโดยนายพลฟรีดริช เพาลุส
    กองพันทหารยานเกราะเอสเอสทั้ง2กองพันบัญชาการโดยนายพลวัลเทอร์ ฟอน เบราซิทซ์
    กองพันเอสเอสทั้ง4กองพันบัญชาการโดยนายพลเฟดอร์ ฟอน บอค
    และกองพันทหารปืนใหญ่ทั้ง3กองพันบัญชาการโดยนายพลกึนเทอร์ ฟอน คลูเกอ

    และผู้บัญชาการแนวหน้าคือพันโทวิลเฮล์ม ฮานส์โจเนสจากกองทัพIDFของเยอรมัน

    วันที่ 22 มิถุนายน ฮานส์สั่งให้กองพันยานเกราะเอสเอสที่8 ไปลาดดตระเวนรอบๆบริเวณSir Samuel 

    เวลา 10.38 กองพันยานเกราะเอสเอสที่8กลับมาจากการลาดตระเวน

    ณ เต็นท์ยุทธการ "รายงานมา เจออะไรที่นั่นบ้าง"ฮานส์ถามร้อยเอกคูนิส คนิสเพอร์ ผบ.ของกองพันยานเกราะเอสเอสที่8

    "Sir Samuel มีทางหลวงหมายเลข49กั้นกลาง พวกมันเลยใช้รถถังวัลคิรี่1 ปิดเส้นทางถนนหมด มีทหารมากมายที่กำลังอาบน้ำและทำกิจวัตรประจำวัน พวกยามก็ขุดหลุมและติดตั้งปืนใหญ่ต่อต้านรถถังไว้ โดยเฉพาะรอบๆทางหลวง มีแต่บ่อปืนใหญ่ไม่ก็จรวดต่อต้านรถถัง ถ้าเราจะไปก็ควรรีบไปเพราะตอนนี้มันประมาทกันอยู่"คูนิสรายงาน

    "มันมีทหารมากมั้ย? ทั้งที่พักผ่อนและเป็นยามน่ะ?"ฮานส์ถาม

    "เยอะเลยครับ น่าจะสัก5หมื่นนายเห็นจะได้"คูนิสตอบ

    "ตรงนี้มันเป็นฐานหลักครับ!"พลรถถังในกองพันของคูนิสวิ่งมาบอก

    "ไอไก่อ่อน!! มาทำไมฮ่ะ?!!"คูนิสขึ้นเสียงใส่

    "ก็ผมเห็นบังเกอร์คอนกรีตนี้ครับ มีเนียนมากเลย ขนาดผมเองยังไม่มั่นใจเลยว่าเป็นบังเกอร์จริงๆหรือเป็นแค่หินธรรมดาๆ"

    "งั้นแกก็ตาฝาดไปเองแหละ!"คูนิสตะคอกใส่และเดินกลับเข้าเต็นท์

    "ผมก็เห็นนะครับ"พลรถถังอีกคนหนึ่งเดินมาบอกด้วยท่าทางเย็นชา

    "ใช่มั้ยล่ะ? มันมีบังเกอร์เยอะแยะไปหมดเลยตรงที่เป็นตีนเขาอะ!!"

    "งั้นแกบอกมาว่าแกเห็นอะไร!!!"คูนิสตะโกนออกมา

    "ผมเห็นลำกล้องปืนใหญ่ครับ และก็เห็นผ้าใบสีทรายตรงหลังคาของทุกบังเกอร์ ตรงนั้นน่าจะเป็น...จุดเฝ้าระวัง"

    "ว่าไงนะ??!!!!!"คูนิสอึ้งไปแปบนึงและรีบวิ่งไปที่เต็นท์กระจายสัญญาณ

    "รวมพล! รวมพลเร่งด่วนที่ลาดจอดเฮลิคอปเตอร์!!!!"เสียงประกาศดังขึ้นทั่วค่าย เสียงฝีเท้าของทหารมากมายดังกึกก้อง

    "ขอบคุณที่มานะ ตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่ เมื่อกี้ที่ยานเกราะเอสเอสไปลาดตระเวน บางคนบอกว่าเห็นบังเกอร์ปืนใหญ่และจุดเฝ้าระวัง ซึ่งถ้าเป็นจริงมันอาจรู้ตัวและกำลังมาหาเราก็เป็นได้! ฉะนั้นตอน11โมง เราจะต้องยึดSir Samuelได้เร็วที่สุด! ก่อนที่พวกมันจะมายึดเราแทน!!!"

    เวลา 11.00 กองพันยานเกราะเอสเอสที่8และที่3 พร้อมกับกองพันเอสเอสที่20 เดินทางออกจากฐานทัพในเขตSandstoneไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ130กิโลเมตร

    เวลา 14.23 กองพันยานเกราะเอสเอสและกองพันเอสเอสกลับมาพร้อมความพ่ายแพ้

    "มันแกร่งจริงๆ แคกๆ!!! บังเกอร์พวกนั้นมันหนามาก แคกๆ!!"ทหารที่กลับมาบอกกับหมอที่กำลังทำแผลให้

    "แล้วคนอื่นๆล่ะ?"หมอถามกลับ

    "โดนถล่มจนย่อยยับ แคกๆ!! รถถังพวกเราก็โดนทำลายจนเละไปหมด แคกๆ!!"

    ตัดไปที่เต็นท์ยุทธการ ฮานส์กำลังวางแผนเพื่อโจมตีใหม่อีกครั้ง 

    "ปืนใหญ่เราสามารถใช้กระสุนชนิดอื่นด้วยได้ใช่มั้ย?"ฮานส์ถาม

    "ใช่ ขอแค่ตัวกระสุนมันใช้ด้วยกันได้เราก็สามารถใช้กระสุนหัวระเบิดหรืออะไรก็ได้ที่ต้องการ"

    "นี่เรามีแก๊สมัสตาร์ดด้วยใช่มั้ย?"ฮานส์ถาม

    "ใช่ครับ เรามีถังบรรจุแก๊สมัสตาร์ด40ถัง น้ำหนักมากกว่า4ตัน"

    "ถ้าเราเอาดินระเบิดในหัวกระสุนออกและบรรจุแก๊สลงไปแทนได้มั้ย?"ฮานส์ถาม

    "ตามหลักทฤษฎีแล้วก็ทำได้ครับ แต่ตามหลักใช้งานจริงแล้วเรายังไม่เคยลองครับ"

    "งั้นเอาตามนี้! เราจะใช้กระสุนแก๊สมัสตาร์ด!!!!!"ฮานส์พูดขึ้น

    เวลา 14.53 ปืนใหญ่นับสิบๆกระบอกเริ่มระดมยิงใส่Sir Samuel

    บึ้มๆๆๆ!!!! ฟิ้วววววว....บึ้มๆๆๆ!!!!! ฟิ้ววววววว....

    ตัดไปที่Sir Samuel ....ฟิ้วววววว....เป๊งๆๆ!!!........ฟู่วววววววววววววววว!

    ควันสีเขียวเหลืองกระจายไปทั่วเขตจากกระสุนปืนใหญ่

    *คำพูดในวงเล็บคือคำพูดของพวกฮอรัส
    "(นั่นมันอะไรน่ะ?)" "(ไม่รู้สิ)" "(ทำไมมันรู้สึกแสบๆที่ผิวว่ะ?)" "(แคกๆ หะ..หะ.หายใจไม่ออก!)"
    "(ควันนี่มันอะไรกัน?! แคกๆ!!)"

    "ดูนั้นสิ พวกฮอรัสวิ่งวุ่นกันใหญ่เลย ฮ่าๆๆๆ"ทหาร2คนที่กำลังสอดแนมอยู่ที่เนินเขา 

    "นั่นสินะ เจอแก๊สที่สามารถเจาะชุดเกราะและไปทำลายทางเดินหายใจได้คงวุ่นกันมากเลยทีเดียว"

    "นี่2คนนั้นน่ะ เดี๋ยวกองทัพหลักจะไปถึงที่นั่นแล้วนะ ลงมาเจอกันข้างล่างด้วย"ฮานส์วิทยุมาบอกหน่วยสอดแนม

    เวลา 15.20 กองพันเอสเอสที่20และที่6 เดินทางมาถึงเขตSir Samuelและอีกไม่กี่กิโลจะเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข49

    "ทหารทุกนาย สวมหน้ากากกันแก๊ส" 

    "เข้าสู่พื้นที่อันตรายแล้ว ระวังกันด้วย"

    "ตอนนี้ทัศนวิสัยแย่มาก การมองเห็นเป็นศูนย์"

    "หยุดก่อน!! ได้ยินเสียงฝีเท้าทาง7นาฬิกา!!"

    ตึกๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!! "(ย้ากกกกกกก!!!!!!)" 

    "ยิงได้!!!!" ปังๆๆๆ!! แม้การยิงจะเกิดขึ้นแล้วแต่ว่า...

    "หยุดยิงก่อน!!! ทำไมอยู่ๆพวกมันถึงล้มลงไปน่ะ?!"

    จู่ๆฮอรัสก็ล้มลงไปกับพื้นและแน่นิ่งกันทุกคน

    "เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?"

    สุดท้ายทหารนาซีเยอรมันก็สามารถยึดSir Samuelได้โดยง่ายเพราะพวกฮอรัสตายกันหมดจากแก๊สมัสตาร์ด ในบังเกอร์ปืนใหญ่ต่างๆละลายจากการกัดกร่อนของแก๊ส 

    วันที่ 5 กรกฎาคม ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ถูกกกอบกู้ การใช้แก๊สมัสตาร์ดในการรบเป็นที่นิยมและแพร่หลายมากขึ้น และวันนี้คือวันที่ทหารนับล้านนายเดินทางจากเมืองบรูมยกพลขึ้นบกไปที่อินโดนีเซีย ปากัวนิวกินีและติมอร์ตะวันออก 

    นายพลนิชิมุระ เป็นผู้บัญชาการของปฏิบัติการโลมาแดง(Red Dolphin Operation) เป้าหมายของภารกิจนี้คือชิงสิงคโปร์กลับคืนมาให้ทันก่อนฤดูร้อนปี2020

    ภารกิจในครั้งนี้ประกอบด้วยทหาร7ล้านนาย รถถัง2แสนคัน เรือโจมตีชายฝั่ง300ลำ เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์6พันลำ อากาศยานไร้คนขับ400ลำ และหน่วยต่อต้านตามเมืองต่างๆที่ทราบข่าวการจะมาของฝ่ายสัมพันธมิตร

    แผนการคือจะนำปืนใหญ่กุสตาฟและดอร่าของนาซียิงใส่เมืองใหญ่และฐานทัพฮอรัสในอินโดนีเซีย หลังการยิงจะนำพลร่ม ทหารราบและเครื่องบินโจมตีภาคพื้นบุกชายหาด จากนั้นเรือลำเลียงพลจะมาที่ชายหาดเพื่อส่งทัพยานเกราะมาสมทบ จากนั้นเรือขนส่งเสบียงจะตามมาหลังจากที่มั่นใจได้ว่าชายหาดนั้นเคลียร์หมดแล้ว

    เวลา 04.09 ปืนใหญ่กุสตาฟและดอร่าที่ติดตั้งบนเรือได้ออกเดินทางจากเพิร์ท

    เวลา 05.41 ปืนใหญ่ทั้ง2กระบอกประจำแหน่งด้วยระยะ250กิโลเมตร ห่างจากเมืองซูราบายาและเริ่มยิง

    "เรือประจำตำแหน่งแล้ว! บรรจุกระสุนได้!!!!"

    แอ๊ดดดดดดด...........กึกๆๆๆ...."บรรจุกระสุนเรียบร้อยแล้ว!"

    "เงยปืนสูงสุด!!" แอ๊ดดดดด.....ครึ้ง!

    "เคลียร์แล้ว!"

    "ยิงได้!!!!"

    บึ้มมมมมมม!!!!!!!!!!!! ภายในเสี้ยงวินาทีนั้น เสียงไฟที่ออกจากลำกล้องเป็นสีฟ้าจากการที่อิเล็กตรอนวิ่งผ่านฝูงนิวตรอน และกระสุนก็วิ่งออกไปพร้อมกับสายฟ้ารอบๆตัวกระสุนพร้อมเสียงเหมือนเวลามีฟ้าผ่า 

    "(กรมอุตุบอกว่าวันนี้ไม่มีเมฆนิ ทำไมตอนนี้เหมือนพายุจะเข้า?)"

    "(ไม่รู้แหะ)"

    "(เฮ้ย! ดูนั้นดิ! ท้องฟ้าจากสีดำสนิทตอนนี้เริ่มสว่างบ้างแล้ว!!)"

    "(บ้าเหรอ? นี่มันตี5เองนะ สว่างแบบนี้ได้ยังไง?)"

    "(ทำไมท้องฟ้ามันสีฟ้าแปลกๆว่ะ?)"

    "(อากาศบนโลกนี่แปรปวนจังเลยนะ)"

    ตู้ม!!!!!!!!! เปรี้ยง!!!!!!! หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้นไม่กี่วิ ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นตามมาติดๆ

    "โดนเป้าหมายแล้วครับ!"ทหารบนเรือต่างดีใจเพราะนี้คือการใช้งานครั้งแรกของกุสตาฟหลังจากการปรับแต่งใหม่ โดยเรือลำข้างๆก็เริ่มยิง บึ้ม!!!!!!!!

    "ผบ.ครับ!!! ภาพจากดาวเทียมครับ!!!"ทหารนายหนึ่งวิ่งมาที่ห้องยุทธการในเรือ

    "ไหนๆ? ใช้งานได้ดีจริงๆ ไฟทั่วเมืองและนอกเมืองดับหมดเลย ฮ่าๆๆๆ พวกมันคงงงเป็นไก่ตาแตกแน่เลย ฮ่าๆๆ"

    ตัดไปที่เมืองบรูม นายพลนิชิมุระกำลังรอการแจ้งข่าวของปืนใหญ่

    "นายพลครับ! สำเร็จแล้วครับ!! ไฟเกือบทั่วเกาะชวาติมอร์ดับหมดแล้วครับ!"

    "ดีมาก! เริ่มเคลื่อนทัพได้เลย!"นิชิมุระสั่งขึ้น

    ทหารนับล้านเดินลงเรือลำเลียงและเรือเหล่านั้นจะจอดเมื่ออยู่ห่างจากชายฝั่ง30กิโลเมตร มีเรือลำเลียงพลแบบนี้มากถึง8หมื่นลำ มีเรือยกพลขึ้นบกนับแสนลำในปฏิบัติการครั้งนี้

    ศึกในเอเชียอาคเนย์จึงได้เริ่มขึ้น 

     


























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×