ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    World At War : Strike back ภาค2

    ลำดับตอนที่ #25 : จนมุม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 170
      18
      11 ส.ค. 61

    วันที่ 17 มกราคม ณ โรงพยาบาลทหาร โนโวซีบีรสด์ ไพเพอร์ถูกส่งมารักษาตัวที่นี่ 

    ไคเทิลกับมันชไตน์จึงมาเยี่ยมไพเพอร์หลังเสร็จสิ้นงานบุกสโมเลนสด์และสับเปลี่ยนทหารกับกูเดเรียนและเพาลุส

    "ไฮล์ ฮิตเลอร์ ท่านจอมพล"หมอทำความเคารพกับไคเทิล

    "ไฮล์ ฮิตเลอร์ อาการของไพเพอร์เป็นไงบ้าง?"ไคเทิลถามหมอ

    "เขาบาดเจ็บสาหัสมาก แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เขาโดนยิง1นัดที่ไหปลาร้าซ้าย 1นัดที่ไหล่ขวา 2นัดที่ต้นขาซ้าย 7นัดเฉียงจากต้นขาซ้ายไปถึงตับ 2นัดกลางอก 1ในนั้นทะลุโดนปอด  อีก3นัดทะลุกระดูกขาขวา พร้อมสะเก็ดระเบิดทั่วแขนขวาลามไปถึงหลัง"

    "โห นี่เขายังรอดได้อีกเหรอเนี่ย?"มันชไตน์ถาม

    "สมองเขากระทบกระเทือน  ยังดีที่เขาใส่หมวกเหล็ก คาดว่าเขาน่าจะโดนระเบิดไม่ก็ซากอาคารตกใส่ ทำให้เขาพูดได้ไม่ค่อยคล่องเท่าไร"

    "สมองเขาเป็นอะไรอีกรึเปล่าครับ?"ไคเทิลถาม

    "ผมเป็นแค่หมอผ่าตัดทำให้ไม่ค่อยด้านนั้นสักเท่าไร ผมรู้เท่าที่เรียนวิชาหมอมาเท่านั้น แต่ผมตามหมอด้านสมองมาแล้ว อีกไม่นานก็คงจะมาถึง"

    ไคเทิลและมันชไตน์เดินไปเยี่ยมที่ห้องพยาบาลของไพเพอร์ และพบเขาในสภาพกึ่งมัมมี่ ผ้าพันแผลพันเต็มตัว

    "ไง เจ้าหนุ่มผู้โชคดี"ไคเทิลทักทาย

    "งะ..งาย"

    "เล่นซะระบมไปหมดเลยนะ"

    "แล้วสงกรานเป็นไงบาง?"ไพเพอร์ถาม

    "หมายถึงสงครามรึเปล่า?"มันชไตน์ถาม

    "ช่าย ไปถึงไหนแล้ว?"

    "พึ่งบุกเข้า
    สโมเลนสด์ ส่วนพวกนานาชาติบุกลงใต้ในแอฟริกา"ไคเทิลเล่า

    "ม่าย หมายถึงมอสโกน่ะ"

    "อ๋อ ยึดได้สำเร็จตอน22 ธันวาน่ะ ตายไป9แสนคน บาดเจ็บอีกเกือบ14ล้านคน มีประมาณ2ล้านที่บาดเจ็บหนักมาจนไม่สามารถรบต่อได้ ที่เหลือก็ต้องพักฟื้นกันนานเลย"

    "แล้วแผนต่อไปล่ะ?"ไพเพอร์ถาม

    "เราจะบุกขึ้นเหนือพร้อมพวกอเมริกัน แล้วก็พวกแคนาดาและอังกฤษวางแผนจะบุกแผ่นดินอเมริกากันน่ะ"

    "อย่างนันเหรอ.."

    "ขอทางหน่อยครับ"หมอด้านประสาทและสมองเดินเข้ามาในห้อง

    "เดี๋ยวเราจะพาไพเพอร์ไปตรวจMRIเพื่อเช็คสมองนะครับ รอสักครู่เดี๋ยวก็เสร็จ"

    "เฮ้อ.... เมื่อไรสงครามครั้งนี้จะจบ?"มันชไตน์บ่น

    "น่าจะอีกนาน....."จู่ๆกูเดเรียนเดินเข้ามาที่ห้อง

    "อ้าว...ไพเพอร์ล่ะ? ลงโลงไปแล้วเหรอ?"กูเดเรียนถาม

    "ปากเสีย หมอพึ่งพาเขาไปสแกนสมองเมื่อกี้เอง"ไคเทิลตอบ

    "นายเห็นรายงานใหม่รึยัง?"กูเดเรียนถามพร้อมยื่นซองเอกสารให้ไคเทิล

    "แหม ตัดประเด็นเร็วเลยนะ.....นี่มันอะไรกัน?"ไคเทิลถาม

    "ค่ายกักกันมนุษย์ สร้างโดยพวกฮอรัส จับมนุษย์มาทดลองและนำไปฆ่าทิ้ง เจอครั้งแรกเป็นค่ายเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของมอสโกไป4กิโลเมตร พบศพมนุษย์มากถึง2หมื่นคน ทั้งยิงทิ้งและเผาทั้งเป็น"

    "ไม่ใช่ว่านายอยู่สโมเลนสค์หรอกเหรอ?"มันชไตน์ถาม

    "ก็พึ่งเจอค่ายกักกันใหม่ไงเลยรีบตรงมาหาพวกนายน่ะ 2กิโลเมตรไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของสโมเลนสค์ ค่ายขนาดใหญ่เลยล่ะ พบศพมากกว่า4แสนคน แต่ว่าศพมันเละมากเพราะโดนบดและเผา ทำให้เราไม่รู้จำนวนที่แน่นอน พวกมันยังทดลองอาวุธใหม่ๆทั้งแก๊สพิษและปืนใหญ่กับมนุษย์เราด้วย"กูเดเรียนเปิดภาพให้ดู

    "ที่สโมเลนสค์ เราเจอคนอีกเกือบ200ที่ถูกยิงทิ้งตรงข้างถนนในเมืองน่ะ"

    "แล้วเราจะต้องทำอะไรกันต่อ?"มันชไตน์ถาม

    "ไม่รู้สิ ตอนนี้เราคงต้องรบต่อ รบไปเรื่อยๆแล้วไปเตะพวกมันบนดาวมันก็น่าสนใจดีนะ"กูเดเรียนตอบ

    "เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันคิดถึงวันนั้นเลย"ไคเทิลพูดขึ้น

    "วันไหน?"

    "วันที่พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขบุกยุโรปเมื่อ70ปีก่อนไง ไม่นึกว่าฮิตเลอร์จะมีการโอนถ่ายความจำ การโคลนนิ่งและการแช่แข็งมนุษย๋ด้วย"ไคเทิลบอก

    "นั่นสินะ โดยเฉพาะตอนท้ายสงครามน่ะ วุ่นวายมากเลยนะ"มันชไตน์กล่าว จากนั้นหมอก็เข็นเตียงไพเพอร์กลับมาที่ห้อง

    "อ้าว? กูเดเรียนมาด้วยเหรอ?"ไพเพอร์ถาม

    "ใช่ อีกเดี๋ยวก็จะกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวต้องกลับไปดูแลทหารที่สโมเลนสค์ต่ออีก"กูเดเรียนลุกขึ้นบอกกับไพเพอร์และเดินออกจากห้องไป

    วันที่ 13 กุมภาพันธ์ กองทัพอเมริกันนำโดยนายพลโรเบิร์ต บี.เอบรามส์ จำนวน20กองพลพร้อมกองทัพแคนาดา ญี่ปุ่น อังกฤษและอิตาลีจำนวน30กองพลบุกชายฝั่งทางตะวันตกของสหรัฐ เช่น ซีแอตเทิล แวนคูเวอร์ พอร์ตแลนด์ ซานฟรานซิสโก ลอสแอนเจลิส ติฮัวนาและอีกหลายๆเมืองทั่วชายฝั่ง  

    วันที่ 4 มีนาคม กองทัพญี่ปุ่นและกองทัพนาซีบุกขึ้นแผ่นดินใหญ่ญี่ปุ่นที่เมืองฟุกุโอะกะ คิตะกีวชู ทตโทริ คามิ ซัปโปะโระ วักกะโนและอะบะซริ พร้อมบุกข้ามแม่น้ำยาลูเพื่อปลดปล่อยเกาหลี

    วันที่ 7 เมษายน เกาหลีเหนือและใต้ได้รับอิสรภาพ  

    วันที่ 11 พฤษภาคม ญี่ปุ่นประกาศอิสรภาพจากกองทัพฮอรัส พร้อมเชลยฮอรัสเกือบแสนคน 

    วันที่ 14 พฤษภาคม ซีแอตเทิล แวนคูเวอร์ ซานดิเอโกและติฮัวนา ถูกยึดกลับคืนมาได้ ขณะเดียวกันในฝั่งยุโรป ฝ่ายพันธมิตรบุกถึงเซ็นต์ ปีเตอร์สเบิร์ก มินส์ และมารียูปอล 

    การรบภาคพื้นอเมริการุกเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ตรงข้ามกับสงครามภาคพื้นยุโรปที่เคลื่อนทัพช้าลงเรื่อยๆเพราะเส้นทางขนส่งเสบียงที่ไกลมากขึ้นและบัญชาการรบได้ยากขึ้น 

    วันที่ 27 พฤษภาคม แนวหน้าในยุโรปหยุกชะงักที่บาราโนวิชี เพราะเส้นทางขนส่งเสบียงสำคัญอย่างรางรถไฟและท่าเรือถูกโจมตีจนต้องหยุดการขนส่งเสบียง ส่วนฝั่งแอฟริกาก็ต้องหยุดชะงักเช่นกันเพราะพายุทะเลทรายทำให้ทหารหลงในพายุ

    วันที่ 30 พฤษภาคม ทหารอเมริกันทางตอนใต้บุกถึงแซคราเมนโตและวิเซเลีย ส่วนตอนเหนือบุกเข้าถึงมอนตานาและโพคาเทลโล ทางใต้ไม่สามารถบุกต่ไปได้เนื่องจากมีเทือกเขาSierra Nevada ขวางทาง อีกทั้งยังมีฐานทัพของฮอรัสอยู่ในเนวาดา ซึ่งมีการป้องกันเทือกเขาอย่างหนาแน่น ไม่สามารถบุกฝ่าเข้าไปได้ ต้องรอให้ทัพตอนเหนือบุกลงมาทางตอนเหนือของเนวาดาแทน

    ตัดไปที่ภาคพื้นยุโรป กองทัพฮอรัสพยายามตีฝ่าแนวหน้าของนาซี แต่ไม่เป็นผล อีกทั้งยังมีทหารมากขึ้นเรื่อยๆมาประจำในแนวหน้า และเริ่มสร้างป้อมปราการตลอดแนวหน้า 

    ณ ห้องยุทธการในนิวเบอร์ลิน กรอสดอยช์แลนด์ มีการนัดระหว่างฮิตเลอร์กับจอมพลนายพลของนาซี 

    "ไฮล์ ฮิตเลอร์!"เกอริงทักทายกับจอมพลคนอื่นๆที่กำลังเดินมาที่ประชุม

    "แล้วรอมเมิลอยู่ไหน?"รุนด์ชเตดท์ถาม

    "ไม่รู้สิ ไม่เห็นมีในรายชื่อประชุมเหมือนกันนะ"เกอริงบอก

    ณ ใจกลางแอนตาร์กติกา ละติจูด-85องศา ลองติจูด85องศา รอมเมิลกับมอนเคอเดินทางมาที่นี้เพื่อบางอย่าง

    "เรามาทำอะไรกันเนี้ย?"รอมเมิลถามมอนเคอ

    "เอาน่าเดี๋ยวก็รู้เอง"มอนเคอบอก

    "คนขับครับ อีกนานมั้ยจะถึง?"มอนเคอถาม

    "เดี๋ยวสัก20นาทีก็ถึงครับ"คนขับรถตอบ

    20นาทีต่อมา รถยนต์มาจอดหน้าสิ่งก่อสร้างบางอย่างที่เก่ามากและพังหมดแล้ว

    "สถานีวิจัยแอนตาร์กติกของพวกอเมริกันเหรอ?"รอมเมิลถาม

    "ลองไปบนภูเขานั้นและมองมาที่อาคารพวกนี้สิ เดี๋ยวก็รู้เองว่าที่นี่คืออะไร"มอนเคอชี้ไปที่ภูเขาใกล้ๆ รอมเมิลเลยเดินไปบนภูเขาและมองลงมา และพบกับบางสิ่ง

    "รูปร่างของอาคารพวกนี้มัน!!............ตราสวัสดิกะ!!"รอมเมิลนึกในใจ

    พอรอมเมิลเดินลงจากภูเขาและมาที่อาคารอีกครั้งจึงบอกกับมอนเคอ

    "ที่นี่คือฐานทัพของพวกเราเหรอ?"

    "ใช่ เป็นสถานที่ที่เกิบเบิ้ลเลือกตอนสงครามจะสิ้นสุด พอเรามีเทคโนโลยีบาเรียก็เลยย้ายไปที่
    กรอสดอยช์แลนด์แทนน่ะ แต่ที่นี่มันยังไม่ตายหรอก"มอนเคอเปิดประตูเข้าไป 

    มอนเคอพารอมเมิลเดินพาทัวร์ฐานทัพ และพารอมเมิลไปที่ห้องใต้ดิน

    "หีบพวกนี้คืออะไรกันเนี่ย?"รอมเมิลถาม

    "ที่ที่นายตื่นจากการหลับไหลไง"มอนเคอตอบพร้อมเปิดหีบพวกนั้นให้ดู

    "แล้วแต่ว่าใครจะเลือกแบบไหน บางคนที่เราพาตัวมาแช่งร่างกายไม่ทันเช่นแบบ โดนประหารไม่ก็ตายก่อนอย่างเกอริงและนายน่ะ รอมเมิล เราก็จะเอาเลือดนายมาโคลนเป็นคนใหม่ที่มีความคิดและการกระทำเหมือนคนเดิมทุกอย่าง และด้วยเทคโนโลยีใหม่ทำให้เราสามารถโอนถ้ายความทรงจำและความรู้สึกสมัยอดีตของคนๆนั้นได้"มอนเคออธิบาย

    "ส่วนใหญ่เราเลือกแช่แข็งร่างกายเอาไว้เพราะทำได้ง่ายกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า ไม่เสี่ยงด้วยเวลาไปเอาตัวอย่างDNAน่ะ"

    "ตอนนั้นก็เกือบโดนจับได้และ ตอนที่ไปเอาDNAจากศพของไคเทิลและเกอริงน่ะ"

    "แล้วเรามาทำไม?"รอมเมิลถาม

    "ตอนนี้เรามีทหารมากขึ้นเรื่อยๆ จนผู้บัญชาการเรามีไม่เพียงพอ ตอนนั้นฮิตเลอร์ก็คิดเอาไว้แล้วแหละว่าสักวันเราจะต้องตื่นจากความตาย เลยแช่แข็งไว้เกือบครบทุกคน"

    "แล้วมีใครบ้างที่ไม่ได้แช่แข็ง?"

    "นายพลทักบกที่ไม่ค่อยมีผลงานมากกับผู้บัญชาการทัพอากาศและทัพเรือทั้งหมด ยกเว้นเกอริง กับเดอนิทซ์และ....ไฮน์ริช ฮิมเลอร์"

    "งั้นเรามาเพื่อเอานายพลเพิ่มน่ะเหรอ?"รอมเมิลถาม

    "ใช่ คนนึงน่ะ"มอนเคอเดินมาที่หีบใบหนึ่งและพยายามเปิด

    "รอมเมิล มาช่วยกันหน่อย"

    "3...2...1 เอ้า! ฮึ้บ!!!"

    แกร๊ก!

    "นั่นไง ได้แล้วคนนึง"มอนเคอพูดขึ้น 

    "เอาล่ะทีนี้ก็ปิดระบบแช่เย็นซะ"มอนเคอจัดการกับอุปกรณ์

    "โอยยยยย...ที่นี้ที่ไหน?"นายพลที่ลุกขึ้นจากหีบใบนั้นถาม

    "หลับสบายมั้ยครับ?.......ท่านนายพลเฮลมุท ไวด์ลิง"

    วันที่ 11 มิถุนายน ทุกแนวหน้าในทุกสมรภูมิ หยุดการเคลื่อนไหว ทั้งจากขาดเสบียง ตีฝ่าแนวรับของฮอรัสไม่ได้ และหลงทาง ทำให้ตอนนี้แนวหน้าในยุโรป แอฟริกาและอเมริกาไปได้ไกลสุดแค่นี้ 

    ภาคพื้นยุโรป ทางตอนเหนืออยู่ที่เฮลซิงกิในฟินแลนด์
                      ทางตอนใต้อยู่ที่บูคาเรสต์ในโรมาเนีย
                      ทางตอนกลางอยู่ที่บีอารีสตอคในโปแลนด์

    ภาคพื้นแอฟริกา ทางตอนเหนืออยู่ที่ตูนิสในตูนิเซีย
                          ทางตอนใต้อยู่บริเวณคาร์ทูมในซูดาน
                          ทางตะวันออกอยู่ที่มาสซาว่าในเอริเทรีย
                          ทางตะวันตกคาดว่าอยู่ที่โคโนในไนจีเรีย และไม่ทราบตำแหน่งปัจจุบัน 

    ภาคพื้นอเมริกา ทางตอนเหนืออยู่ที่นอร์แมน เวลส์ในแคนาดาลากยาวมาถึงบริติชโคลัมเบีย
                         ทางตอนใต้อยู่ที่ฟีนิกซ์ในแอริโซนา
                         ทางตอนกลางอยู่ที่ทวินฟอลส์ในไอดาโฮ

    ณ การประชุมนานาชาติของเหล่าผู้นำทหารและรัฐบาล ที่ปักกิ่ง เป็นการประชุมเพื่อหาวิธีโจมตีต่อไปโดยให้เสียทหารและเวลาให้น้อยที่สุด เท่าที่จะเป็นได้ เพราะว่าแนวหน้าทุกแนวไม่สามารถไปต่อได้ นายพล"ทุกคน"จึงต้องมาร่วมประชุมด้วย 

    เอสเอสเข็นรถเข็นของไพเพอร์เข้าที่ประชุม สภาพของไพเพอร์นั้นถ้าไม่รู้ว่าหายดีแล้วจะนึกว่าปางตายไม่ก็ตายไปแล้ว เพราะกระสุนที่ทะลุขาทำให้ไพเพอร์ไม่สามารถใช้ขาได้จึงต้องนั่งรถ

    "เอ้านี่ เช็คชื่อในใบนี้ด้วย"ทหารผิวสีอเมริกายื่นแฟ้มรายชื่อที่แบ่งตามประเทศให้ไพเพอร์

    "แฟ้มบ้านี่มันใหญ่พอๆกับสูตรการหาคำตอบว่าเอกภพเกิดขึ้นมาได้ยังไง ในวิทยานิพนธ์ของเด็กนักศึกษาจักรวาลเลยแหะ ทำไมไม่แบ่งแฟ้มละสัญชาติวะ?"ไพเพอร์บ่น

    "คนทำคงรีบแหละครับ"ทหารคนนั้นมองหน้าและส่งสายตาประมาณแบบ "กูฟังเยอรมันออกนะ"ให้ไพเพอร์

    "นี่ไงโซนของไรช์ มีใครบ้างว่ะเนี่ย? โคตรเยอะ ชื่อเราอยู่ไหนน้า?....ฮิตเลอร์,ไคเทิล,เกอริง,ลีบ,
    กูเดเรียน,รอมเมิล,มอนเคอ,มันชไน์,เพาลุส,ไวด์ลิง,เบราซิทช์,เดอนิทซ์,บอค,รุนด์ชเตดท์,
    ฮัลเดอร์,เกิบเบิ้ล, เคสเซอริ่ง,ไพเพอร์ อ๋อ นี่ไง"ไพเพอร์นึกในใจ

    "ให้ผมช่วยมั้ย?"ทหารผิวสีถาม

    "ได้ก็ดีนะ"

    ทหารคนนั้นเข็นเข้าไปในห้องประชุมที่มีขนาดใหญ่พอๆกับจตุรัสแดง ไพเพอร์เผลอหลับเพราะยาฆ่าเชื้อทำให้เขาตื่นอีกทีตอนที่ทุกคนมากันครบหมดแล้ว

    "ไพเพอร์....ไพเพอร์ ตื่นสิ"กูเดเรียนปลุกไพเพอร์

    "นี่กี่โมงแล้ว?"

    "บ่าย2กว่าๆแล้ว"

    "โห นี่ผมหลับไปเกือบชั่วโมงเลยเหรอ?"

    "น่าจะ"

    "งั้นเรามาเริ่มวางแผนกันเลยนะครับ"
    .
    .
    .
    .
    .(เปล่าหรอก ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาใส่ตอนประชุม เลยข้ามมาตอนประชุมเสร็จแล้วน่ะ)

    "ห้าว....ง่วงชะมัด ใครจะไปรู้ว่ายาฆ่าเชื้อมันง่วงได้ดีแบบนี้"ไพเพอร์พูดกับทหารผิวสีคนนั้น

    "ยานอนหลับขายไม่ออกแน่55"

    "ใครจะซื้อละ กินยานอนหลับในช่วงเวลาที่อยากให้มันเป็นแค่ฝันร้ายน่ะนะ? ถ้านี่เป็นแค่ฝันร้ายที่คนทั้งโลกมาอยู่ในชะตากรรมเดียวกันละก็คงอยากตื่นมากกว่า"

    "นั้นสินะครับ พ่อแม่ผมก็ตายเพราะเจ้าพวกนั้น"

    "อย่างนั้นเหรอ เสียใจด้วยนะ"

    "ขอบคุณครับ แต่ผมก็ทำใจได้แล้วแหละ ตอนนั้นพ่อแม่ผมไปเที่ยวกันที่นอรเวย์ พวกท่านเลยตายตั้งแต่ที่พวกมันบุกรอบแรกเลยละ ผมกับพี่สาวเลยย้ายไปที่บ้านตา ที่อยู่กลางทะเลทรายเนวาดา พอสหรัฐแพ้สงคราม เรางงกันมากเลยละ คงเพราะบ้านผมมันบ้านนอกมาก เลยไม่รู้เรื่องเลยว่าเราแพ้"

    "แล้วนายไม่มีเพื่อนบ้านเหรอ?"

    "ไม่มีครับ มีบ้านผมหลังเดียว พร้อมบ่อน้ำและคอกม้า"

    "แล้วพี่สาวนายละ?"

    "หลังจากที่รู้ว่าฮอรัสเริ่มจับมนุษย์ไปล้างเผ่าพันธ์ ผมกับพี่และตาเลยหนีออกมาที่ท่าเรือกลางป่าแถวๆตอนกลางของสหรัฐและล่องเรืออย่างไร้จุดหมายและพบกับเรือของกองทัพนอกชายฝั่งไป150ไมล์ ผมเลยรอดมานี่แหละ"

    "แล้วสรุปพี่นายเป็นไงบ้าง?"

    "พี่ผมเป็นแม่ครัวของกองทัพสหรัฐ ในแนวหน้ารัสเซียน่ะ"

    "ทำไมนายไม่ไปเป็นทหารที่แนวหน้าฟินแลนด์แทนละ? จะได้อยู่กับพี่สาวนายไง?"

    "หัวใจผมมันไม่พร้อมน่ะสิครับ"

    "ไม่พร้อมเหรอ?"

    "ใช่ครับ ถ้าผมตกใจมากๆผมจะหัวใจวายได้ เลยเลือกที่จะมาเป็นยามที่แนวหลังแทน"

    "อย่างนั้นเหรอ ส่งฉันแค่ตรงนี้แหละ รถฉันมาและ ขอบใจนะที่เล่าให้ฟัง"ไพเพอร์ปีนเข้ารถ คนขับเก็บรถเข็นไว้ที่ท้ายรถและขับออกไป 

    "เฮ้อ...พวกมันฆ่าคนทุกคนเลย ตอนแรกก็ส่งพวกไม่ครบ32มาชะลอการเคลื่อนทัพ ตอนนี้ฆ่าไม่เลือกหน้า จะมีกี่คนกันที่จะรอดชีวิตเนี่ย?"ไพเพอร์บ่นกับคนขับรถ

    "พวกเขาอาจไม่ตายก็ได้ คนยุคใหม่มีการสื่อสารที่ดี ไม่เหมือนสมัยท่าน"

    "มันก็ใช่แหละ แต่ว่าคนยุคใหม่ไม่มีเกราะป้องกันจากสิ่งที่เรียกว่าสงครามหรอก ไม่เหมือนพวกเรา เกิดมาในยุคระส่ำระส่าย อายุ18จับปืนเข้าสู่แนวรบ"

    "แต่ว่านะครับ ท่านไพเพอร์เกิดตอน1918นะครับ ไม่ทันร่วมรบสงครามโลกครั้งที่1นิครับ?"

    "มันก็ใช่นั้นแหละ แต่ดูหลายๆคนสิ ไคเทิลก็ดี รอมเมิลก็ดี พวกเขาเจอ2สงครามทั้งๆที่มันควรเป็นเวลาของการท่องเที่ยว การศึกษา สงครามนี่มัน......พรากทุกอย่างไปจากชีวิตจริงๆ"





    *ตอนนี่คือตอนสุดท้ายนะครับ ฉะนั้นผมขอประกาศจำศีลนิยายเรื่องนี้! ไม่มีกำหนดครับ

    *ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนิยายได้ที่ยูทูปแล้ว กดติดตามเลย!
    https://www.youtube.com/channel/UCfelAMrk68Mb1q8Bi2-5HcA?view_as=subscriber

    #เจอกันคริสต์มาสครับ

    ณ ห้องทำงานฮิตเลอร์ กรอสดอยช์แลนด์

    เกิบเบิ้ลถูกฮิตเลอร์เรียกตัวให้มาที่ห้อง

    แกร๊ก

    "มาสักที กำลังรออยู่เลย"ฮิตเลอร์วางหนังสือลง

    "มีอะไรเหรอครับ? ท่านผู้นำ?"เกิบเบิ้ลถาม

    "นายช่วยสรุปการประชุมเมื่อกี้ให้ฉันฟังหน่อย"

    "แต่ท่านก็อยู่ในที่ประชุมด้วยนิครับ"

    "น่าเบื่อน่ะ แค่เห็นว่ามีนายพลนาซีและนานาชาติมารวมกัน ก็รู้เลยว่าพวกนั้นจะสื่อว่าให้พวกนาซีแบกรับภาระกันเอง"

    "เอิ่ม....."เกิบเบิ้ลนั่งลงตรงโซฟาข้างๆ

    "พวกพันธมิตรบอกว่าพวกเขาเริ่มขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่พวกฮอรัสไล่ล่ามนุษย์ทุกคนในเขตของตนเอง ไม่ว่าจะบุกไปที่ไหน ก็เจอแต่ซากศพที่ถูกยิงโดยไร้ความปราณี ฆ่าไม่เลือกหน้า พวกเขาเลยต้องเกณฑ์คนจากโรงงาน ทำให้อัตราการผลิดอาวุธช้าลง ขาดแคลนอาวุธอีกทีนี้"

    "สรุปง่ายๆคือ...พวกพันธมิตรกำลังแย่ใช่มะ?"

    "ใช่ครับ"

    "นายคิดว่ามันถึงเวลารึยัง? ที่เราจะปลุกพวกเขาน่ะ?"ฮิตเลอร์ถามพรางเดินไปที่หน้าต่าง

    "พวกเขา?...ระ.ระ หรือว่าพวกเขาที่ว่าคือ?!?!"






     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×