ลำดับตอนที่ #25
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : จนมุม
วันที่ 17 มกราคม ณ โรงพยาบาลทหาร โนโวซีบีรสด์ ไพเพอร์ถูกส่งมารักษาตัวที่นี่
"เขาบาดเจ็บสาหัสมาก แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เขาโดนยิง1นัดที่ไหปลาร้าซ้าย 1นัดที่ไหล่ขวา 2นัดที่ต้นขาซ้าย 7นัดเฉียงจากต้นขาซ้ายไปถึงตับ 2นัดกลางอก 1ในนั้นทะลุโดนปอด อีก3นัดทะลุกระดูกขาขวา พร้อมสะเก็ดระเบิดทั่วแขนขวาลามไปถึงหลัง"
"อ้าว...ไพเพอร์ล่ะ? ลงโลงไปแล้วเหรอ?"กูเดเรียนถาม
"ปากเสีย หมอพึ่งพาเขาไปสแกนสมองเมื่อกี้เอง"ไคเทิลตอบ
"นายเห็นรายงานใหม่รึยัง?"กูเดเรียนถามพร้อมยื่นซองเอกสารให้ไคเทิล
"แหม ตัดประเด็นเร็วเลยนะ.....นี่มันอะไรกัน?"ไคเทิลถาม
"ไม่ใช่ว่านายอยู่สโมเลนสค์หรอกเหรอ?"มันชไตน์ถาม
"น่าจะ"
"หลังจากที่รู้ว่าฮอรัสเริ่มจับมนุษย์ไปล้างเผ่าพันธ์ ผมกับพี่และตาเลยหนีออกมาที่ท่าเรือกลางป่าแถวๆตอนกลางของสหรัฐและล่องเรืออย่างไร้จุดหมายและพบกับเรือของกองทัพนอกชายฝั่งไป150ไมล์ ผมเลยรอดมานี่แหละ"
ไคเทิลกับมันชไตน์จึงมาเยี่ยมไพเพอร์หลังเสร็จสิ้นงานบุกสโมเลนสด์และสับเปลี่ยนทหารกับกูเดเรียนและเพาลุส
"ไฮล์ ฮิตเลอร์ ท่านจอมพล"หมอทำความเคารพกับไคเทิล
"ไฮล์ ฮิตเลอร์ อาการของไพเพอร์เป็นไงบ้าง?"ไคเทิลถามหมอ
"เขาบาดเจ็บสาหัสมาก แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เขาโดนยิง1นัดที่ไหปลาร้าซ้าย 1นัดที่ไหล่ขวา 2นัดที่ต้นขาซ้าย 7นัดเฉียงจากต้นขาซ้ายไปถึงตับ 2นัดกลางอก 1ในนั้นทะลุโดนปอด อีก3นัดทะลุกระดูกขาขวา พร้อมสะเก็ดระเบิดทั่วแขนขวาลามไปถึงหลัง"
"โห นี่เขายังรอดได้อีกเหรอเนี่ย?"มันชไตน์ถาม
"สมองเขากระทบกระเทือน ยังดีที่เขาใส่หมวกเหล็ก คาดว่าเขาน่าจะโดนระเบิดไม่ก็ซากอาคารตกใส่ ทำให้เขาพูดได้ไม่ค่อยคล่องเท่าไร"
"สมองเขาเป็นอะไรอีกรึเปล่าครับ?"ไคเทิลถาม
"ผมเป็นแค่หมอผ่าตัดทำให้ไม่ค่อยด้านนั้นสักเท่าไร ผมรู้เท่าที่เรียนวิชาหมอมาเท่านั้น แต่ผมตามหมอด้านสมองมาแล้ว อีกไม่นานก็คงจะมาถึง"
ไคเทิลและมันชไตน์เดินไปเยี่ยมที่ห้องพยาบาลของไพเพอร์ และพบเขาในสภาพกึ่งมัมมี่ ผ้าพันแผลพันเต็มตัว
"ไง เจ้าหนุ่มผู้โชคดี"ไคเทิลทักทาย
"งะ..งาย"
"เล่นซะระบมไปหมดเลยนะ"
"แล้วสงกรานเป็นไงบาง?"ไพเพอร์ถาม
"หมายถึงสงครามรึเปล่า?"มันชไตน์ถาม
"ช่าย ไปถึงไหนแล้ว?"
"พึ่งบุกเข้าสโมเลนสด์ ส่วนพวกนานาชาติบุกลงใต้ในแอฟริกา"ไคเทิลเล่า
"พึ่งบุกเข้าสโมเลนสด์ ส่วนพวกนานาชาติบุกลงใต้ในแอฟริกา"ไคเทิลเล่า
"ม่าย หมายถึงมอสโกน่ะ"
"อ๋อ ยึดได้สำเร็จตอน22 ธันวาน่ะ ตายไป9แสนคน บาดเจ็บอีกเกือบ14ล้านคน มีประมาณ2ล้านที่บาดเจ็บหนักมาจนไม่สามารถรบต่อได้ ที่เหลือก็ต้องพักฟื้นกันนานเลย"
"แล้วแผนต่อไปล่ะ?"ไพเพอร์ถาม
"เราจะบุกขึ้นเหนือพร้อมพวกอเมริกัน แล้วก็พวกแคนาดาและอังกฤษวางแผนจะบุกแผ่นดินอเมริกากันน่ะ"
"อย่างนันเหรอ.."
"ขอทางหน่อยครับ"หมอด้านประสาทและสมองเดินเข้ามาในห้อง
"เดี๋ยวเราจะพาไพเพอร์ไปตรวจMRIเพื่อเช็คสมองนะครับ รอสักครู่เดี๋ยวก็เสร็จ"
"เฮ้อ.... เมื่อไรสงครามครั้งนี้จะจบ?"มันชไตน์บ่น
"น่าจะอีกนาน....."จู่ๆกูเดเรียนเดินเข้ามาที่ห้อง
"อ้าว...ไพเพอร์ล่ะ? ลงโลงไปแล้วเหรอ?"กูเดเรียนถาม
"ปากเสีย หมอพึ่งพาเขาไปสแกนสมองเมื่อกี้เอง"ไคเทิลตอบ
"นายเห็นรายงานใหม่รึยัง?"กูเดเรียนถามพร้อมยื่นซองเอกสารให้ไคเทิล
"แหม ตัดประเด็นเร็วเลยนะ.....นี่มันอะไรกัน?"ไคเทิลถาม
"ค่ายกักกันมนุษย์ สร้างโดยพวกฮอรัส จับมนุษย์มาทดลองและนำไปฆ่าทิ้ง เจอครั้งแรกเป็นค่ายเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของมอสโกไป4กิโลเมตร พบศพมนุษย์มากถึง2หมื่นคน ทั้งยิงทิ้งและเผาทั้งเป็น"
"ไม่ใช่ว่านายอยู่สโมเลนสค์หรอกเหรอ?"มันชไตน์ถาม
"ก็พึ่งเจอค่ายกักกันใหม่ไงเลยรีบตรงมาหาพวกนายน่ะ 2กิโลเมตรไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของสโมเลนสค์ ค่ายขนาดใหญ่เลยล่ะ พบศพมากกว่า4แสนคน แต่ว่าศพมันเละมากเพราะโดนบดและเผา ทำให้เราไม่รู้จำนวนที่แน่นอน พวกมันยังทดลองอาวุธใหม่ๆทั้งแก๊สพิษและปืนใหญ่กับมนุษย์เราด้วย"กูเดเรียนเปิดภาพให้ดู
"ที่สโมเลนสค์ เราเจอคนอีกเกือบ200ที่ถูกยิงทิ้งตรงข้างถนนในเมืองน่ะ"
"แล้วเราจะต้องทำอะไรกันต่อ?"มันชไตน์ถาม
"ไม่รู้สิ ตอนนี้เราคงต้องรบต่อ รบไปเรื่อยๆแล้วไปเตะพวกมันบนดาวมันก็น่าสนใจดีนะ"กูเดเรียนตอบ
"เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันคิดถึงวันนั้นเลย"ไคเทิลพูดขึ้น
"วันไหน?"
"วันที่พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขบุกยุโรปเมื่อ70ปีก่อนไง ไม่นึกว่าฮิตเลอร์จะมีการโอนถ่ายความจำ การโคลนนิ่งและการแช่แข็งมนุษย๋ด้วย"ไคเทิลบอก
"นั่นสินะ โดยเฉพาะตอนท้ายสงครามน่ะ วุ่นวายมากเลยนะ"มันชไตน์กล่าว จากนั้นหมอก็เข็นเตียงไพเพอร์กลับมาที่ห้อง
"อ้าว? กูเดเรียนมาด้วยเหรอ?"ไพเพอร์ถาม
"ใช่ อีกเดี๋ยวก็จะกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวต้องกลับไปดูแลทหารที่สโมเลนสค์ต่ออีก"กูเดเรียนลุกขึ้นบอกกับไพเพอร์และเดินออกจากห้องไป
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ กองทัพอเมริกันนำโดยนายพลโรเบิร์ต บี.เอบรามส์ จำนวน20กองพลพร้อมกองทัพแคนาดา ญี่ปุ่น อังกฤษและอิตาลีจำนวน30กองพลบุกชายฝั่งทางตะวันตกของสหรัฐ เช่น ซีแอตเทิล แวนคูเวอร์ พอร์ตแลนด์ ซานฟรานซิสโก ลอสแอนเจลิส ติฮัวนาและอีกหลายๆเมืองทั่วชายฝั่ง
วันที่ 4 มีนาคม กองทัพญี่ปุ่นและกองทัพนาซีบุกขึ้นแผ่นดินใหญ่ญี่ปุ่นที่เมืองฟุกุโอะกะ คิตะกีวชู ทตโทริ คามิ ซัปโปะโระ วักกะโนและอะบะซริ พร้อมบุกข้ามแม่น้ำยาลูเพื่อปลดปล่อยเกาหลี
วันที่ 7 เมษายน เกาหลีเหนือและใต้ได้รับอิสรภาพ
วันที่ 11 พฤษภาคม ญี่ปุ่นประกาศอิสรภาพจากกองทัพฮอรัส พร้อมเชลยฮอรัสเกือบแสนคน
วันที่ 14 พฤษภาคม ซีแอตเทิล แวนคูเวอร์ ซานดิเอโกและติฮัวนา ถูกยึดกลับคืนมาได้ ขณะเดียวกันในฝั่งยุโรป ฝ่ายพันธมิตรบุกถึงเซ็นต์ ปีเตอร์สเบิร์ก มินส์ และมารียูปอล
การรบภาคพื้นอเมริการุกเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ตรงข้ามกับสงครามภาคพื้นยุโรปที่เคลื่อนทัพช้าลงเรื่อยๆเพราะเส้นทางขนส่งเสบียงที่ไกลมากขึ้นและบัญชาการรบได้ยากขึ้น
วันที่ 27 พฤษภาคม แนวหน้าในยุโรปหยุกชะงักที่บาราโนวิชี เพราะเส้นทางขนส่งเสบียงสำคัญอย่างรางรถไฟและท่าเรือถูกโจมตีจนต้องหยุดการขนส่งเสบียง ส่วนฝั่งแอฟริกาก็ต้องหยุดชะงักเช่นกันเพราะพายุทะเลทรายทำให้ทหารหลงในพายุ
วันที่ 30 พฤษภาคม ทหารอเมริกันทางตอนใต้บุกถึงแซคราเมนโตและวิเซเลีย ส่วนตอนเหนือบุกเข้าถึงมอนตานาและโพคาเทลโล ทางใต้ไม่สามารถบุกต่ไปได้เนื่องจากมีเทือกเขาSierra Nevada ขวางทาง อีกทั้งยังมีฐานทัพของฮอรัสอยู่ในเนวาดา ซึ่งมีการป้องกันเทือกเขาอย่างหนาแน่น ไม่สามารถบุกฝ่าเข้าไปได้ ต้องรอให้ทัพตอนเหนือบุกลงมาทางตอนเหนือของเนวาดาแทน
ตัดไปที่ภาคพื้นยุโรป กองทัพฮอรัสพยายามตีฝ่าแนวหน้าของนาซี แต่ไม่เป็นผล อีกทั้งยังมีทหารมากขึ้นเรื่อยๆมาประจำในแนวหน้า และเริ่มสร้างป้อมปราการตลอดแนวหน้า
ณ ห้องยุทธการในนิวเบอร์ลิน กรอสดอยช์แลนด์ มีการนัดระหว่างฮิตเลอร์กับจอมพลนายพลของนาซี
"ไฮล์ ฮิตเลอร์!"เกอริงทักทายกับจอมพลคนอื่นๆที่กำลังเดินมาที่ประชุม
"แล้วรอมเมิลอยู่ไหน?"รุนด์ชเตดท์ถาม
"ไม่รู้สิ ไม่เห็นมีในรายชื่อประชุมเหมือนกันนะ"เกอริงบอก
ณ ใจกลางแอนตาร์กติกา ละติจูด-85องศา ลองติจูด85องศา รอมเมิลกับมอนเคอเดินทางมาที่นี้เพื่อบางอย่าง
"เรามาทำอะไรกันเนี้ย?"รอมเมิลถามมอนเคอ
"เอาน่าเดี๋ยวก็รู้เอง"มอนเคอบอก
"คนขับครับ อีกนานมั้ยจะถึง?"มอนเคอถาม
"เดี๋ยวสัก20นาทีก็ถึงครับ"คนขับรถตอบ
20นาทีต่อมา รถยนต์มาจอดหน้าสิ่งก่อสร้างบางอย่างที่เก่ามากและพังหมดแล้ว
"สถานีวิจัยแอนตาร์กติกของพวกอเมริกันเหรอ?"รอมเมิลถาม
"ลองไปบนภูเขานั้นและมองมาที่อาคารพวกนี้สิ เดี๋ยวก็รู้เองว่าที่นี่คืออะไร"มอนเคอชี้ไปที่ภูเขาใกล้ๆ รอมเมิลเลยเดินไปบนภูเขาและมองลงมา และพบกับบางสิ่ง
"รูปร่างของอาคารพวกนี้มัน!!............ตราสวัสดิกะ!!"รอมเมิลนึกในใจ
พอรอมเมิลเดินลงจากภูเขาและมาที่อาคารอีกครั้งจึงบอกกับมอนเคอ
"ที่นี่คือฐานทัพของพวกเราเหรอ?"
"ใช่ เป็นสถานที่ที่เกิบเบิ้ลเลือกตอนสงครามจะสิ้นสุด พอเรามีเทคโนโลยีบาเรียก็เลยย้ายไปที่
กรอสดอยช์แลนด์แทนน่ะ แต่ที่นี่มันยังไม่ตายหรอก"มอนเคอเปิดประตูเข้าไป
มอนเคอพารอมเมิลเดินพาทัวร์ฐานทัพ และพารอมเมิลไปที่ห้องใต้ดิน
"หีบพวกนี้คืออะไรกันเนี่ย?"รอมเมิลถาม
"ที่ที่นายตื่นจากการหลับไหลไง"มอนเคอตอบพร้อมเปิดหีบพวกนั้นให้ดู
"แล้วแต่ว่าใครจะเลือกแบบไหน บางคนที่เราพาตัวมาแช่งร่างกายไม่ทันเช่นแบบ โดนประหารไม่ก็ตายก่อนอย่างเกอริงและนายน่ะ รอมเมิล เราก็จะเอาเลือดนายมาโคลนเป็นคนใหม่ที่มีความคิดและการกระทำเหมือนคนเดิมทุกอย่าง และด้วยเทคโนโลยีใหม่ทำให้เราสามารถโอนถ้ายความทรงจำและความรู้สึกสมัยอดีตของคนๆนั้นได้"มอนเคออธิบาย
"ส่วนใหญ่เราเลือกแช่แข็งร่างกายเอาไว้เพราะทำได้ง่ายกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า ไม่เสี่ยงด้วยเวลาไปเอาตัวอย่างDNAน่ะ"
"ตอนนั้นก็เกือบโดนจับได้และ ตอนที่ไปเอาDNAจากศพของไคเทิลและเกอริงน่ะ"
"ตอนนั้นก็เกือบโดนจับได้และ ตอนที่ไปเอาDNAจากศพของไคเทิลและเกอริงน่ะ"
"แล้วเรามาทำไม?"รอมเมิลถาม
"ตอนนี้เรามีทหารมากขึ้นเรื่อยๆ จนผู้บัญชาการเรามีไม่เพียงพอ ตอนนั้นฮิตเลอร์ก็คิดเอาไว้แล้วแหละว่าสักวันเราจะต้องตื่นจากความตาย เลยแช่แข็งไว้เกือบครบทุกคน"
"แล้วมีใครบ้างที่ไม่ได้แช่แข็ง?"
"นายพลทักบกที่ไม่ค่อยมีผลงานมากกับผู้บัญชาการทัพอากาศและทัพเรือทั้งหมด ยกเว้นเกอริง กับเดอนิทซ์และ....ไฮน์ริช ฮิมเลอร์"
"งั้นเรามาเพื่อเอานายพลเพิ่มน่ะเหรอ?"รอมเมิลถาม
"ใช่ คนนึงน่ะ"มอนเคอเดินมาที่หีบใบหนึ่งและพยายามเปิด
"รอมเมิล มาช่วยกันหน่อย"
"3...2...1 เอ้า! ฮึ้บ!!!"
แกร๊ก!
"นั่นไง ได้แล้วคนนึง"มอนเคอพูดขึ้น
"เอาล่ะทีนี้ก็ปิดระบบแช่เย็นซะ"มอนเคอจัดการกับอุปกรณ์
"โอยยยยย...ที่นี้ที่ไหน?"นายพลที่ลุกขึ้นจากหีบใบนั้นถาม
"หลับสบายมั้ยครับ?.......ท่านนายพลเฮลมุท ไวด์ลิง"
วันที่ 11 มิถุนายน ทุกแนวหน้าในทุกสมรภูมิ หยุดการเคลื่อนไหว ทั้งจากขาดเสบียง ตีฝ่าแนวรับของฮอรัสไม่ได้ และหลงทาง ทำให้ตอนนี้แนวหน้าในยุโรป แอฟริกาและอเมริกาไปได้ไกลสุดแค่นี้
ภาคพื้นยุโรป ทางตอนเหนืออยู่ที่เฮลซิงกิในฟินแลนด์
ทางตอนใต้อยู่ที่บูคาเรสต์ในโรมาเนีย
ทางตอนกลางอยู่ที่บีอารีสตอคในโปแลนด์
ภาคพื้นแอฟริกา ทางตอนเหนืออยู่ที่ตูนิสในตูนิเซีย
ทางตอนใต้อยู่บริเวณคาร์ทูมในซูดาน
ทางตะวันออกอยู่ที่มาสซาว่าในเอริเทรีย
ทางตะวันตกคาดว่าอยู่ที่โคโนในไนจีเรีย และไม่ทราบตำแหน่งปัจจุบัน
ภาคพื้นอเมริกา ทางตอนเหนืออยู่ที่นอร์แมน เวลส์ในแคนาดาลากยาวมาถึงบริติชโคลัมเบีย
ทางตอนใต้อยู่ที่ฟีนิกซ์ในแอริโซนา
ทางตอนกลางอยู่ที่ทวินฟอลส์ในไอดาโฮ
ณ การประชุมนานาชาติของเหล่าผู้นำทหารและรัฐบาล ที่ปักกิ่ง เป็นการประชุมเพื่อหาวิธีโจมตีต่อไปโดยให้เสียทหารและเวลาให้น้อยที่สุด เท่าที่จะเป็นได้ เพราะว่าแนวหน้าทุกแนวไม่สามารถไปต่อได้ นายพล"ทุกคน"จึงต้องมาร่วมประชุมด้วย
เอสเอสเข็นรถเข็นของไพเพอร์เข้าที่ประชุม สภาพของไพเพอร์นั้นถ้าไม่รู้ว่าหายดีแล้วจะนึกว่าปางตายไม่ก็ตายไปแล้ว เพราะกระสุนที่ทะลุขาทำให้ไพเพอร์ไม่สามารถใช้ขาได้จึงต้องนั่งรถ
"เอ้านี่ เช็คชื่อในใบนี้ด้วย"ทหารผิวสีอเมริกายื่นแฟ้มรายชื่อที่แบ่งตามประเทศให้ไพเพอร์
"แฟ้มบ้านี่มันใหญ่พอๆกับสูตรการหาคำตอบว่าเอกภพเกิดขึ้นมาได้ยังไง ในวิทยานิพนธ์ของเด็กนักศึกษาจักรวาลเลยแหะ ทำไมไม่แบ่งแฟ้มละสัญชาติวะ?"ไพเพอร์บ่น
"คนทำคงรีบแหละครับ"ทหารคนนั้นมองหน้าและส่งสายตาประมาณแบบ "กูฟังเยอรมันออกนะ"ให้ไพเพอร์
"นี่ไงโซนของไรช์ มีใครบ้างว่ะเนี่ย? โคตรเยอะ ชื่อเราอยู่ไหนน้า?....ฮิตเลอร์,ไคเทิล,เกอริง,ลีบ,
กูเดเรียน,รอมเมิล,มอนเคอ,มันชไน์,เพาลุส,ไวด์ลิง,เบราซิทช์,เดอนิทซ์,บอค,รุนด์ชเตดท์,
ฮัลเดอร์,เกิบเบิ้ล, เคสเซอริ่ง,ไพเพอร์ อ๋อ นี่ไง"ไพเพอร์นึกในใจ
"ให้ผมช่วยมั้ย?"ทหารผิวสีถาม
"ได้ก็ดีนะ"
ทหารคนนั้นเข็นเข้าไปในห้องประชุมที่มีขนาดใหญ่พอๆกับจตุรัสแดง ไพเพอร์เผลอหลับเพราะยาฆ่าเชื้อทำให้เขาตื่นอีกทีตอนที่ทุกคนมากันครบหมดแล้ว
"ไพเพอร์....ไพเพอร์ ตื่นสิ"กูเดเรียนปลุกไพเพอร์
"นี่กี่โมงแล้ว?"
"บ่าย2กว่าๆแล้ว"
"โห นี่ผมหลับไปเกือบชั่วโมงเลยเหรอ?"
"น่าจะ"
"งั้นเรามาเริ่มวางแผนกันเลยนะครับ"
.
.
.
.
.(เปล่าหรอก ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาใส่ตอนประชุม เลยข้ามมาตอนประชุมเสร็จแล้วน่ะ)
"ห้าว....ง่วงชะมัด ใครจะไปรู้ว่ายาฆ่าเชื้อมันง่วงได้ดีแบบนี้"ไพเพอร์พูดกับทหารผิวสีคนนั้น
"ยานอนหลับขายไม่ออกแน่55"
"ใครจะซื้อละ กินยานอนหลับในช่วงเวลาที่อยากให้มันเป็นแค่ฝันร้ายน่ะนะ? ถ้านี่เป็นแค่ฝันร้ายที่คนทั้งโลกมาอยู่ในชะตากรรมเดียวกันละก็คงอยากตื่นมากกว่า"
"นั้นสินะครับ พ่อแม่ผมก็ตายเพราะเจ้าพวกนั้น"
"อย่างนั้นเหรอ เสียใจด้วยนะ"
"ขอบคุณครับ แต่ผมก็ทำใจได้แล้วแหละ ตอนนั้นพ่อแม่ผมไปเที่ยวกันที่นอรเวย์ พวกท่านเลยตายตั้งแต่ที่พวกมันบุกรอบแรกเลยละ ผมกับพี่สาวเลยย้ายไปที่บ้านตา ที่อยู่กลางทะเลทรายเนวาดา พอสหรัฐแพ้สงคราม เรางงกันมากเลยละ คงเพราะบ้านผมมันบ้านนอกมาก เลยไม่รู้เรื่องเลยว่าเราแพ้"
"แล้วนายไม่มีเพื่อนบ้านเหรอ?"
"ไม่มีครับ มีบ้านผมหลังเดียว พร้อมบ่อน้ำและคอกม้า"
"แล้วพี่สาวนายละ?"
"หลังจากที่รู้ว่าฮอรัสเริ่มจับมนุษย์ไปล้างเผ่าพันธ์ ผมกับพี่และตาเลยหนีออกมาที่ท่าเรือกลางป่าแถวๆตอนกลางของสหรัฐและล่องเรืออย่างไร้จุดหมายและพบกับเรือของกองทัพนอกชายฝั่งไป150ไมล์ ผมเลยรอดมานี่แหละ"
"แล้วสรุปพี่นายเป็นไงบ้าง?"
"พี่ผมเป็นแม่ครัวของกองทัพสหรัฐ ในแนวหน้ารัสเซียน่ะ"
"ทำไมนายไม่ไปเป็นทหารที่แนวหน้าฟินแลนด์แทนละ? จะได้อยู่กับพี่สาวนายไง?"
"หัวใจผมมันไม่พร้อมน่ะสิครับ"
"ไม่พร้อมเหรอ?"
"ใช่ครับ ถ้าผมตกใจมากๆผมจะหัวใจวายได้ เลยเลือกที่จะมาเป็นยามที่แนวหลังแทน"
"อย่างนั้นเหรอ ส่งฉันแค่ตรงนี้แหละ รถฉันมาและ ขอบใจนะที่เล่าให้ฟัง"ไพเพอร์ปีนเข้ารถ คนขับเก็บรถเข็นไว้ที่ท้ายรถและขับออกไป
"อย่างนั้นเหรอ ส่งฉันแค่ตรงนี้แหละ รถฉันมาและ ขอบใจนะที่เล่าให้ฟัง"ไพเพอร์ปีนเข้ารถ คนขับเก็บรถเข็นไว้ที่ท้ายรถและขับออกไป
"เฮ้อ...พวกมันฆ่าคนทุกคนเลย ตอนแรกก็ส่งพวกไม่ครบ32มาชะลอการเคลื่อนทัพ ตอนนี้ฆ่าไม่เลือกหน้า จะมีกี่คนกันที่จะรอดชีวิตเนี่ย?"ไพเพอร์บ่นกับคนขับรถ
"พวกเขาอาจไม่ตายก็ได้ คนยุคใหม่มีการสื่อสารที่ดี ไม่เหมือนสมัยท่าน"
"มันก็ใช่แหละ แต่ว่าคนยุคใหม่ไม่มีเกราะป้องกันจากสิ่งที่เรียกว่าสงครามหรอก ไม่เหมือนพวกเรา เกิดมาในยุคระส่ำระส่าย อายุ18จับปืนเข้าสู่แนวรบ"
"แต่ว่านะครับ ท่านไพเพอร์เกิดตอน1918นะครับ ไม่ทันร่วมรบสงครามโลกครั้งที่1นิครับ?"
"มันก็ใช่นั้นแหละ แต่ดูหลายๆคนสิ ไคเทิลก็ดี รอมเมิลก็ดี พวกเขาเจอ2สงครามทั้งๆที่มันควรเป็นเวลาของการท่องเที่ยว การศึกษา สงครามนี่มัน......พรากทุกอย่างไปจากชีวิตจริงๆ"
*ตอนนี่คือตอนสุดท้ายนะครับ ฉะนั้นผมขอประกาศจำศีลนิยายเรื่องนี้! ไม่มีกำหนดครับ
*ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนิยายได้ที่ยูทูปแล้ว กดติดตามเลย!
#เจอกันคริสต์มาสครับ
ณ ห้องทำงานฮิตเลอร์ กรอสดอยช์แลนด์
เกิบเบิ้ลถูกฮิตเลอร์เรียกตัวให้มาที่ห้อง
แกร๊ก
"มาสักที กำลังรออยู่เลย"ฮิตเลอร์วางหนังสือลง
"มีอะไรเหรอครับ? ท่านผู้นำ?"เกิบเบิ้ลถาม
"นายช่วยสรุปการประชุมเมื่อกี้ให้ฉันฟังหน่อย"
"แต่ท่านก็อยู่ในที่ประชุมด้วยนิครับ"
"น่าเบื่อน่ะ แค่เห็นว่ามีนายพลนาซีและนานาชาติมารวมกัน ก็รู้เลยว่าพวกนั้นจะสื่อว่าให้พวกนาซีแบกรับภาระกันเอง"
"เอิ่ม....."เกิบเบิ้ลนั่งลงตรงโซฟาข้างๆ
"พวกพันธมิตรบอกว่าพวกเขาเริ่มขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่พวกฮอรัสไล่ล่ามนุษย์ทุกคนในเขตของตนเอง ไม่ว่าจะบุกไปที่ไหน ก็เจอแต่ซากศพที่ถูกยิงโดยไร้ความปราณี ฆ่าไม่เลือกหน้า พวกเขาเลยต้องเกณฑ์คนจากโรงงาน ทำให้อัตราการผลิดอาวุธช้าลง ขาดแคลนอาวุธอีกทีนี้"
"สรุปง่ายๆคือ...พวกพันธมิตรกำลังแย่ใช่มะ?"
"ใช่ครับ"
"นายคิดว่ามันถึงเวลารึยัง? ที่เราจะปลุกพวกเขาน่ะ?"ฮิตเลอร์ถามพรางเดินไปที่หน้าต่าง
"พวกเขา?...ระ.ระ หรือว่าพวกเขาที่ว่าคือ?!?!"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น