ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[FanFIC]]The Avengers (no assemble) + Thorki

    ลำดับตอนที่ #1 : เหตุการณ์แสนสงบสุข ณ มิดการ์ด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.44K
      16
      2 มิ.ย. 55

    “ไง ด๊อกเตอร์ ได้ข่าวเพื่อนตัวเขียวบ้างไหมช่วงนี้”ชายร่างสันทัดเดินออกจากลิฟท์ตรงมายังแลปที่ชายอีกคนกำลังง่วนอยู่... จะเป็นใครไปได้ ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละที่ถามหาถึงยักษ์ตัวเขียวขณะที่ไม่มีใครต้องการเจอมัน โทนี่ สตาร์ค ผู้ซึ่งตอนนี้ถอดชุดเหล็กออก เหลือเพียงเป็นอัจฉริยะ มหาเศรษฐี หนุ่มเพลย์บอย แถมยังใจบุญอีกต่างหาก...อย่างที่เขาอ้าง และยังเป็นเจ้าของแลปทั้งหมดนี้ด้วย

    “ไม่...และ...ไม่ได้ข่าวก็ดีแล้ว”คนอยู่ในแลปตอบ ง่วนกับงานที่ทำอยู่ ไม่หันมาสนใจเจ้าของแลปเลย เพราะรู้ว่าเดี๋ยวหมอนี่มันก็หาทางเรียกร้องความสนใจเอาจนได้ อย่างที่กัปตันอเมริกาเคยว่า ...หมอนี่มันชอบเป็นประเด็นอยู่แล้ว

     

    “ไม่เอาน่ะ ดร.แบนเนอร์ คุณไม่คิดว่าอยากจะคุยอะไรกับคุณอีกคนบ้างรึไง”

     

    “ก็ได้นะ ...ถ้าคุณคิดว่าอยากให้แลปพวกนี้พินาศภายในสองนาที? เงินคุณอยู่แล้ว ผมไม่เกี่ยว”ดร.แบนเนอร์ยักไหล่

     

    “อ๋อ เกี่ยวแน่ ผมจะบังคับให้คุณชดใช้ เซ็นต์สัญญาทำงานให้สตาร์ค อินดัสทรี่ส์ไปทั้งชาติเลย”ว่าแล้วก็หมุนตัว ไปรอบๆ เปลี่ยนเรื่องคุย”เป็นไงแลปผม บอกแล้วว่าของเล่นเพียบ เขตปลอดความเครียดซะด้วย ลืมตั๋วกลับอินเดียไปได้ เสียดายแลปที่ตึกยังซ่อมไม่เสร็จ นี่น่ะแค่เด็กๆ สาวสะบึมอยู่ทีตึกโน่น ”

     

    ในที่สุดดร.แบนเนอร์ก็หลุดขำ”อะไรของคุณ ...สาวสะบึม?

     

    “ช่างเถอะ ว่าแต่คุณไม่ได้แอ้มสาวมากี่ปีแล้ว?”สตาร์คเปลี่ยนเรื่องเร็วจนอีกคนตั้งตัวไม่ติด ถึงกับสะอึก

     

    “เอ่อ...”ดร.แบนเนอร์ไม่รู้จะพูดยังไงกับหมอนี่ดี พอดีกับมีเสียงของจาวิส โปรแกรมเอไอสุดอัจฉริยะของสตาร์คก็ดังขึ้น

     

    “เจ้านายครับ มีคนมาขอพบ”

     

    “ฉันยุ่งอยู่ ปฏิเสธไป”ถึงบอกปัดอย่างไม่ใยดี แต่จริงๆก็สงสัย...นี่มันแลปนอกเมืองมาตั้งไกล ใครมันตามมาถึงนี่ ...แต่จะถามก็กลัวเสียฟอร์ม

     

    “เอ่อ...ที่จริง เขาเข้ามาแล้วครับ”

     

    สิ้นเสียงจาวิส ประตูลิฟท์ก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาราวกับว่าเป็นบ้านของตัวเอง ตาสีฟ้า ผิวขาวอย่างผู้ดี เสื้อหนังสีน้ำตาล ผมสีทองเรียบแปล้แบบเชยๆ จะมีใครซะอีกนอกจาก สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกา

     

    “รปภ.ห่วย!”สตาร์คหลุดสบถออกมา ถ้าแม่คุณทูนหัวเพพเพอร์กลับมาเมื่อไหร่ โดนจัดหนักแน่นังหนูเอ๋ย ..รางวัลที่สัญญาไว้ ยังไม่ได้ซะด้วยสิ

     

    “อย่าว่าพวกรปภ.เลย พวกเขาทำดีที่สุดแล้ว”สตีฟยักไหล่ ยังเป็นสุภาพบุรุษอยู่เสมอ ยกเว้นไว้เฉพาะกับเศรษฐีหนุ่มเจ้าสำราญที่อยู่ตรงหน้า เพราะสุภาพบุรุษกับมันไปก็เท่านั้น... มันจะยิ่งเกรียนแตกจนหยุดไม่อยู่ “ผมไม่คิดว่าคุณจะอยู่นี่”

     

    “โทษที บังเอิญตึกนี้มีนามสกุลผมอยู่หน้าตึก”อีกฝ่ายสวนกลับมาเร็วดีเหมือนกัน

     

    “อ๋อ ผมเห็นแล้ว ตัวใหญ่ชัดเจนดี... ที่จริง ผมน่าจะเดาได้ตั้งแต่เห็นรถประหลาด...เอ่อ โทษที รถที่ดูเหมือนจะเป็นสไตล์คุณจอดอยู่หน้าตึกแล้ว... ผมมาหาบรูซ”ว่าแล้วไม่พูดเปล่า หนุ่มอายุเก้าสิบปีร่างกำยำแต่หน้าหวาน  ก็หันไปยิ้มหวานจ๋อยให้ดร.แบนเนอร์ที่อยู่ด้านหลัง”ไงดร.  ที่นี่ปลอดความเครียดดีรึเปล่า”

     

    “อ่าฮะ...”สตาร์คเลิกคิ้ว ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์”บรูซเรอะ เปลี่ยนคำเรียกกันตั้งแต่เมื่อไหร่? พอจะรู้ละ ว่าทำไมพ่อคุณไม่พาน้องชายตัวเขียวกลับไปฝึกโยคะที่อินเดีย...”

     

    “ก็ปลอดความเครียดดี แต่หายไปเยอะตั้งแต่...”ดร.แบนเนอร์ตอบโดยไม่สนใจสายตาประหลาดที่สตาร์คจ้องมา ซ้ำยังพยักเพยิดไปทางเศรษฐีเกรียนแตก”...เข้ามา”

     

    “อ้อออ ผมเป็น ก ข ค ไปแล้วสิ?”สตาร์คเดินไปหยุดยืนตรงหน้าสตีฟ ...อยากเอาเข็มจิ้มแผงอกนั่นดูซะทีว่ามันจะแฟบไหม... แต่ไว้ก่อนเถอะ... เขามองหน้าคนทั้งสองสลับกับไปมา”ไม่ได้อยากจะย้ำว่านี่ตึกผมหรอกนะ แต่พวกคุณนัดกันมาทำอะไรที่นี่? ถามจริง?

    สองคนอึกอัก สุดท้ายดร.แบนเนอร์ก็ทำท่าโบ้ยให้สตีฟ โรเจอร์เป็นคนตอบ

     

    ”เอ่อ...พวกเราชวนกัน...ไปกินกะบับไก่น่ะ”

     

    “กะบับไก่ มันอะไร(วะ)นั่น?”คราวนี้ถึงทีสตาร์คงงกับเค้ามั่ง

     

    “ก็คล้ายๆซาวามาไส้ไก่.. แถวบ้านผมเรียกกะบับไก่”ดร.แบนเนอร์ช่วยอธิบาย อมยิ้มที่มีอะไรที่ทำสตาร์คมันงงได้สักอย่างอยู่เหมือนกัน แต่พอมองสายตาที่หายงุงงนแล้วของสตาร์ค ก็รีบอธิบายเพิ่ม”คือวันนั้นไปกินมา...ก็อร่อยดี...”

     

    “นี่ไปหัดพูดภาษามนุษย์หินกับหมอนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมนึกว่าคุณกับผมพูดภาษาเดียวกันซะอีก”

     

    “ขอโทษที คุณสตาร์ค”กัปตันเริ่มทนไม่ไหว สอดขึ้นมา”แค่พูดภาษาเดียวกับคนธรรมดา ไม่ได้หมายความว่านั่นเป็นภาษายุคหิน ...อีกอย่าง ผมเกิดสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไม่ใช่ยุคหิน เวลาไม่ใส่ชุดปากเก่งเสมอเลยนะคุณ ถ้าคุณข้องใจ ไปใส่ชุดของคุณมาแล้วเจอกันหน่อยเป็นไง?

     

    “จ้ะ จ้ะ เค้าเข้าใจแล้ว ไม่ต้องใส่อะไรเลยดีกว่านะ?”สตาร์คตบแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของกัปตันสองที แล้วยกมือทำท่ายอมแพ้”ผมไม่ได้กลัว แต่เย็นไว้คุณปู่ เค้าว่าโมโหมากๆเดี๋ยวไขข้อจะอักเสบ ยังไงเราก็ทีมเดียวกัน ทำไมคุณไม่ชวนพ่อเลโกลัสกับแม่สาวผมแดงไปด้วยล่ะ?

     

    “สองคนนั่นไประลึกความหลังที่บูดาเปสต์ ฟิวรี่ไม่ได้บอกคุณรึไง?”กัปตันถามกลับ รู้สึกได้เปรียบที่รู้อะไรที่สตาร์คไม่รู้บ้าง

     

    “ฟิวรี่บอกทุกอย่างกับคุณรึไง?”สตาร์คแก้ลำกลับได้รวดเร็ว...เรื่องพูดจาลดเลี้ยวขอให้บอก ต่อให้เจ็บใจก็ไม่แสดงออก เดี๋ยวเสียฟอร์ม คนไม่ถนัดเรื่องพูดจาลดเลี้ยวอย่างกัปตันอเมริกาเลยไม่ได้สะใจดังหวัง แต่นั่นยังไม่พอสำหรับสตาร์ค ได้ทีมีรึจะไม่หาทางเสียบใครซักคน...หรือทั้งสองคน”นี่คุณรู้รึเปล่าว่าดร.แบนเนอร์แอ้มสาวไม่ได้?

     

    ได้ผลดีเยี่ยม ทั้งสองคนพากันค้างอยู่อย่างนั้น เลย เลยรีบอธิบายต่อ”ผมคิดว่าความเครียดจากการทำเรื่องอย่างว่า...คงจะปลุกให้อีกคนขึ้นมาทำเรื่อง...อย่างอื่นแทน แบนเนอร์ยืนยันเรื่องนี้กับผมแล้วด้วยเมื่อกี้”

     

    “เฮ้...”ดร.แบนเนอร์ประท้วง... ไม่แน่ใจว่าตัวเองโดนยุให้โกรธรึเปล่า แต่พยายามไม่ให้แผนการที่อาจจะมีหรือไม่มีของสตาร์คสำเร็จโดยง่าย”ผมแค่ทำงานของผมอยู่...และเท่าที่จำได้ ผมยังไม่ได้ยืนยันอะไรเลย...”

     

    “ไม่ตอบนั่นล่ะคำตอบ”สตาร์คสรุป

     

    “คุณสตาร์ค คุณต้องทำตัวเป็นแบดบอยให้ดูเจ๋งรึไง”กัปตันเองก็ทนไม่ไหว สำหรับสุภาพบุรุษอย่างเขา การกระทำของสตาร์คถือว่าไร้มารยาทมาก

     

    “หรือจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษให้ดูนุ่มนิ่ม”สุดยอดอัจฉริยะแห่งการกวนโมโหชาวบ้านมีหรือจะจนมุม

     

    “คุณว่าใครนุ่มนิ่ม?”สตีฟ โรเจอร์ยืดตัวเต็มส่วนสัดเคลื่อนเข้าประชิดตัวสตาร์ค แทบจะหายใจรดหัวด้วยความสูงที่มากกว่า

     

    บรรยากาศเริ่มมาคุขึ้นเรื่อยๆ ราวกับอากาศห้องจะระเบิดออกได้ ทั้งๆที่แอร์คอนดิชั่นยังทำงานตามปกติ ดีที่บรูซ แบนเนอร์ฝึกมาดี จึงรีบห้ามทัพ ก่อนที่คนซวยที่สุดจะเป็นเขา”เอาล่ะ ...เป็นการกลับมารวมตัวที่อบอุ่นมากเกินไปแล้ว พอได้รึยัง? ...ถือว่าเห็นแก่เสื้อตัวเก่งผมเถอะ... ผมไม่อยากให้มันขาดน่ะ”

     

    คู่กรณีสองคนยังยืนจ้องหน้ากันในระยะประชิดที่แทบจะเรียกว่า ถ้าไม่จูบกัน ก็คงจะต้องต่อยกันแน่นอน ไม่มีใครยอมให้ใคร ไม่มีเสียงตอบรับจากทั้งสองคน  ดร.แบนเนอร์ก็ใช่ว่าจะฉลาดเฉพาะเรื่องรังสีแกมม่าอย่างเดียว ดังนั้นจึงจงใจเปลี่ยนเรื่อง ที่ทั้งสองคนคงสนใจแน่”ไม่รู้ว่าป่านนี้ที่แอสการ์ดจะเป็นยังไง?

     

    “จะเป็นไงได้ ป่านนี้คงติดต่อหาผู้กำกับไปถ่ายทำหนังเรื่องจำเลยรักแล้วล่ะมั้ง?”สตาร์คได้ทีผละออกจากกัปตันอเมริกา ...ก็พ่อซูเปอร์ทหารกล้ามบึ้กขนาดนั้น ขืนพี่แกเกิดโมโหเอาจริงขึ้นมา กระดูกเขาคงต้องหักสักหลายท่อนแน่ๆ ...แต่คนตระกูลสตาร์คไม่เคยมีคำว่าถอยอยู่ในพจนานุกรม”ถ้าเป็นอย่างเรื่องจำเลยรักก็ยังดี แต่นี่เตือนไปซะตั้งหลายอย่าง พอฟิวรี่เอาตัวเทพน้องคืนให้ พี่เทพค้อนของเราก็เหมือนจะไม่ได้ซึมซับอะไรสักอย่างเดียว ”

    “คุณว่าธอร์จะตกหลุมพรางโลกิอีกงั้นหรอ”กัปตันอเมริกาขมวดคิ้วถาม ลืมเรื่องเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว ตามประสาคนเอาการเอางานมาก่อนเรื่องส่วนตัว

     

    “แบนเนอร์ว่าไง?”สตาร์คไม่ตอบ แต่หันไปถามแบนเนอร์แทน

     

    “ไม่รู้สิ... ผมไม่อยากยุ่งเรื่องของเทพอะไรพวกนี้.... ”แบนเนอร์ตอบเรื่อยๆ หันกลับไปทำงานต่อ”แต่ผมเห็นคืนก่อนที่สองเทพนั่นจะกลับ ธอร์นั่งเฝ้าโลกิตอนหลับยังกับหมาหงอย ...ผมว่าหมอนี่ ต่อให้โดนหลอกอีกสักร้อยครั้ง ก็คงเดินลงหลุมเองร้อยหนนั่นแหละ ผมว่า.... พี่แกยิ่งดูบื้อๆอยู่ด้วย”

     

    “แต่... เขารู้ใช่ไหมว่าโลกิเป็นอาชญากรข้ามจักรวาลน่ะ เขารู้ใช่ไหมว่าเขาปล่อยน้องชายออกมาเดินเล่นอีกไม่ได้”กัปตันอเมริกาเริ่มเครียดเอาจริงๆ”วันที่สู้กัน...จำได้ว่าธอร์โดนโลกิปล่อยทิ้งลงพื้น แถมยังหลอกแทงเอาอีก ถึงบางทีพี่แกดูบื้อๆ แต่ก็คงไม่ได้โง่ขนาดนั้น...”

     

    “มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องโง่ไม่โง่หรอก”สตาร์คกล่าวพร้อมกับตบต้นแขนหนาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของพ่อยอดชายสตีฟ โรเจอร์”อานุภาพแห่งความรักไง กัปตันที่รัก”

     

    ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบได้ กัปตันอเมริการู้สึกขนลุกซู่ทั้งตัว“คุณทำผมขนลุก สตาร์ค”

     

    “จริงดิ?”เศรษฐีจอมเกรียนแกล้งทำท่าแปลกใจ”สงสัยคุณจะปิ๊งผมแล้วล่ะมั้ง เพพเพอร์ต้องหึงแน่”

     

    “พวกเขาเป็น...พี่น้องกัน ไม่ใช่เรอะ?”สตีฟ โรเจอร์ถาม ไม่สนใจท่าทางล้อเลียนของสตาร์ค หันไปทางบรูซ แบนเนอร์เหมือนจะหาตัวช่วย ซึ่งด๊อกเตอร์ผู้ดูเหมือนใจเย็นที่สุดในโลกได้แต่ยักไหล่

     

    “ก็ไม่ใช่น้องแท้”สตาร์คยืมคำพูดธอร์มาตอบ แล้วเสริมด้วยหน้ากวนๆ”ก็รักแบบพี่น้องไง คุณคิดว่าอะไรล่ะ”

     

    กัปตันอเมริกาอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไงให้ไม่เข้าเนื้อตัวเอง  สตาร์คได้ทีเข้าโอบไหล่”รู้อะไรไหม อย่าจริงจังกับชีวิตนัก กัปตัน บางทีคุณน่าจะเลิกชกกระสอบ ไปออกเดทสักหน่อยเป็นไง ผมจัดให้ได้ คุณชอบสไตล์ไหน ผิวขาวผมเข้ม หรือผิวแทนผมบลอนด์ แต่ผมว่าคุณคงจะชอบแบบแรก”

     

    “ไม่ตลก สตาร์ค”กัปตันอเมริกาเอาศอกดันตัวสตาร์คออกห่าง

     

    “วันนี้ผมจะได้กินกะบับไก่ไหมเนี่ย?”แบนเนอร์ผู้ใจเย็นโผล่งออกมาในที่สุด

     

    โทนี่ สตาร์คกลอกตา ทำหน้าเหลืออด”จ้ะ ได้จ้ะ ไปไหนไปกัน ผมก็ทนอยู่ห้องเดียวกับผู้ชายสองคน ที่อีกคนไม่ได้แอ้มสาวมาเป็นชาติ กับอีกคนที่แก่แต่ยังเวอร์จิ้น ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

     

    สองคนที่ถูกกล่าวถึงสบตากัน ได้แต่ถอนหายใจด้วยความปลง...

    ===============================================
    just leave your comment... make writter be cheerful, no matter you like this or not... just let me know!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×