ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic bleach อุลคิโอร่า - กริมจอว์

    ลำดับตอนที่ #2 : ใจที่ไม่ยอมรับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.44K
      8
      13 มี.ค. 49

    ....อะไรกันวะจำไว้เลยนะยามี่...กริมจอว์คิดอย่างแค้นใจ

      ถึงความจริงจะนึกแค้นยามี่แต่ใจริงแล้วมันก็แค้นทั้งสองคนนั้นแหละ

        แต่เออร์ควีโอล่าโกรธน้อยกว่าหน่อย(ไม่หน่อยละ) และที่แค้นยามี่ก็มีเหตุผลสำคัญอยู่อีกอย่าง

    วันนั้นทั้งวันหลังจากที่เออร์ควีโอล่าและยามี่หายตัวไปทำงานไอเซ็นนอกกลุ่มอารันก้าร์แล้ว
      
       พี่น้องทั้ง 20ตนที่เหลือก็หาเรื่องแก้เบื่อทำตามปกติจนกว่าจะมีสั่งงานของหัวหน้าไอเซ็น(ฮาเร็ม ออฟ ไอเซ็นแท้ๆ)

    งานอดิเรกของกริมจอว์ก็คงไม่พ้นนอนกลางวันเหยียดยาวที่ห้องโถงใหญ่สังเกตุได้จากทรงผมที่ดูเหมือนเพิ่งจะตื่นนอนเป็นประจำ

     ภาพที่ทุกตนเห็นจนคุ้นตาก็คงเป็นภาพร่างของอารันก้าร์ลำดับ 6 ที่หลับอย่างสบายทั้งที่ยังคิ้วขมวดอยู่นั้นเอง แต่วันนี้เห็นทีจะไม่ใช่

       เวลานี้เป็นครั้งแรกที่กริมจอว์ไม่หลับ นอนพลิกไปพลิกมา คิ้วขมวดผูกโบว์เข้าหากันอย่างหงุดหงิดดูแล้วไม่น่ามีใครกล้าเข้าใกล้

    จนอารันก้าร์ฟันแหลมนามดีรอยด์ที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มรำคาญ

     " แกเป็นอะไรของแกวะ กริมจอว์ คิดถึงไอ้หน้าซีดนั้นจนนอนไม่หลับเลยรึไง "

    คนที่ถูกบอกว่ากำลังคิดถึงใครบางคนอยู่รีบพุดลุกขึ้นมานั่งทันที มือข้างหนึ่งกำขึ้นมาเหมือนจะชกแต่ไม่ชก

      " พูดอะไรระวังปากหน่อย ทำไมข้าต้องคิดถึงไอ้หน้าอ่อนนั้นด้วยวะ ! "

      กริมจอว์ขึ้นเสียงที่แม้ชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ยังหัวเราะ หึๆ

      " ล้แล่นเว้ย ก็รู้อยู่น่า " หนุ่มฟันแหลมพูดแก้ต่างให้ตัวเอง

    " ถ้าอีกครั้งฟันแกหลุดหมดปากแน่ " คนที่มีลำดับสูงกว่าพูดขู่แล้วกลับไปลงนอนหันหลังอย่างไม่อยากมองหน้าใคร

    ....รึว่าจะจริงอย่างที่มันว่า... กริมจอว์เพล่อคิดเรื่องี่ทดีรอยด์พูดล้อเล่น

      ใบหน้าที่ดูบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลานั้นดูคลายลงเมื่อนึกถึงภาพของหนุ่มผิวขาวนั่น

    ....บ้าน่า...คิดเองแล้วก็ปฏิเสธเอง ชายผมยุ่งรีบเปลี่ยนไปคิดเรื่องทันทีก่อนที่สมองจะคิดอะไรมากไปกว่านี้

    ขณะที่พยายามข่มตาให้หลับ เรื่องอะไรจะไปยอมรับเรื่องี่เง่าพรรณนั้นกัน
       เวลาที่ผ่านไปทำให้กริมจอว์ดูกระซับกระส่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ...เมื่อไหร่จะกลับมาซะทีวะ..

        ระหว่างที่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อยนั้นเสียงประตูบานใหญ่ก็เปิดออก

          คนที่กำลังนอนอยู่พุดลุกขึ้นนั่งเป็นเรื่องปกติของหลายๆคนที่จะสังเกตุเป้าสายตาที่พึ่งเข้ามามากกว่า

     ยาม่อยู่ในสภาพที่น่าจะพูดได้ว่าดูไม่ได้แขนข้างขวาหายไปเลือดโฉกและเหงื่อไหล่โทรมกาย

       เมื่อเห็นภาพนั้นกริมจอว์ก็รีบมองไปทางเออร์ควีโอล่าในทันที ความรู้สึกโล่งใจปรากฏขึ้นในหัวแทบจะทันทีเกือบๆไปแล้วที่จะถอนหายใจออกมา

      เมื่อเห็นชายหนุ่มผิวซีดอยู่ในสภาพปกติครบ 32 จนดูเหมือนไร้รอยขีดข่วน

    " รายงานมาซิ เออร์ควีโอล่า ต่อหน้าเราพี่น้องทั้ง 22 ตนนี้แหละ "

     คำสั่งเอ่ยออกมาเมื่อผู้ถูกสั่งให้ไปสังเกตุการณ์ทั้งสอง มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเหล่าอารันก้าร์

       ผู้ถูกสังขวักตาของตนเองออกมาและบีบจนแตกละเอียด การรับรู้เรื่องราวต่างๆผ่านไปด้วยดีแม้ว่าช่วงกลางจะมีการกัดกันอยู่เงียบๆเล็กน้อย

    (ไปดูในสปอยด์นะครับ)

       เออร์ควีโอล่าที่ไม่ค่อยจะเสวนากับใครนักในกลุ่มตัวเองเท่าไหร่นักจึง เมื่อจบเรื่อง

    ชายหนุ่มผมสีดำจึงเดินออกไปจากห้องเกือบจะในทันที  อารันก้าร์ที่เหลือยังคงนั่งกันอยู่ในห้อง

     ถึงยังไม่ยอมลุกไปไหนแต่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เจ้าหนุ่มยอมสันโดษไป

     " อ้าว จะไปไหนวะ กริมจอว์ " ดีรอยด์คนเดิมเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ

    เมื่อจู่หนุ่มผมฟ้าก็ลุกขึ้นยืนเร่งฝีเท้าเดินออกไป

     แม้ดีรอยด์จะเอ่ยถามดังขนาดไหนแต่ดูถ้าแล้วอารันก้าร์ลำดับ 6 จะไม่ได้สนใจฟัง

    แถมด้วยพวกพ้องรอบข้างเองก็ดูจะหมางเมินคนอื่นไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง

     ยกเว้นเพียงคนหนึ่งผู้นำสูงสุดของกลุ่มอารันก้าร์ที่มองเห็นทุกอย่าง

       ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆอย่างสนุกสนาน ...เอาแล้วไงละ กริมจอว์..

    .....อะไรกันวะเนี่ย จู่ๆก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเฉยๆ เจ้าเป็นอะไรงั้นเหรอ เออร์ควีโอล่า...

    คนที่เดินตามออกมาตะโกนในใจอย่างอารมณ์เสียเป็นห่วงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่ไม่อยากเลย

      พลางมองหาชายหนุ่มผมดำที่เดินนำมาก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
     กึก... ชายหนุ่มผิวสีซีดขาวหยุดกึกการทรงตัวเพื่อยืนนั้นดูย่ำแย่ลงอย่างมาก

       แขนขานั้นรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในหัวนั้นรู้สึกหมุนขว้างไม่หยุด

    ...อะไรกันแค่โดนแรงกดดันวิญญาณแค่นั้นเราไม่น่าจะเหนื่อยได้ขนาดนี้นี่นา...

      เออร์ควีโอล่าไม่มีแม้แต่แรงที่จะทรงตัวให้ยืนตรงอยู่ได้ร่างกายที่อ่อนล้าถูกพลักดันให้ใช้กำแพงข้างๆเป็นเครื่องประคองตัวไม่ให้ทรุดลงไป

      ฝ่ามือสีขาวถูกเลื่อนขึ้นมาดันหน้าผากที่เริ่มจะมีเหงื่อไหล่ซึมออกมาราวกับว่ามันจะทำให้อาการมึนหัวลดลงได้บ้าง

    ...กลับไปที่ห้องแล้วพักหน่อยดีกว่า...ชายหนุ่มคิด

      แต่เค้าก็คงคิดได้แค่นั้นเมื่อภาพตรงหน้าเริ่มเลือนรางทุกสิ่งทุกอย่างดูพร่ามัวไร้รูปร่าง

     และแล้วทั้งหมดก็หายไปเพราะถูกกลืนกินด้วยความมืด ความรู้สึกสุดท้ายก็คือมีใครบางคนวิ่งเข้ามารับร่างบางๆของเค้าไว้ไม่ให้ล้มกระแทกพื้น

       พร้อมกันนั้นก็ร้องเรียกชื่อเค้าออกมาเพราะอะไรไม่รู้เออร์ควีโอล่ารู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงนั้น


     ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่กริมจอว์มารับชายหนุ่มผมดำไว้ได้ทัน

       " เออร์ควีโอล่า " กริมจอว์ตะโกนเรียกชื่อคนในอ้อมแขนดังลั่นอย่างตกใจ

    แต่คนที่เรียกนั้นดูแล้วไม่น่าจะตอบกลับมาได้เลย

      ดวงตาของชายหนุ่มผมดำปิดสนิท  ในที่สุดคนเรียกก็หยุดความพยายามที่ไร้ผลนั้น

    " ช่วยไม่ได้ " กริมจอว์พึมพำก่อนที่จะอุ้มร่างที่ตอนนี้ทั้งไร้สตทั้งอ่อนแรงขึ้นมา

     ชายหนุ่มรู้ดีอยู่แล้วว่าร่างของคนที่อุ้มอยู่นั้นไปทางไหนจึงเลือกเดินไปทางนั้น

       แขนทั้งสองข้างที่อุ้มร่างบางอยู่นั้นดูราวกับว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนทั้งนั้น

    เหมือนกับว่าสิ่งที่เค้ากำลังอุ้มอยู่นั้นเป็นของสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะเสียไปไม่ได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×