ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic : Harry Potter & Fantastic Beasts │Moon of Destiny.

    ลำดับตอนที่ #2 : 01 | Twin Brother.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.44K
      304
      29 ก.ย. 64






    01
    Twin Brother.






              ช่วงเวลาที่เธอสลบไปเพราะมิอาจทานทนต่อ รังสีหลัวสาดแสงของเดรโก มัลฟอยได้ ก็บังเกิดภาพหลายภาพแล่นเข้ามาในสมอง  มันทำให้รู้ว่าเจ้าของร่างนี้คือใคร  เด็กคนนี้มีชื่อว่าซินเซีย เวโร มัลฟอย  เด็กสาวแสนขี้โรคที่วันๆได้แต่นอนซมอยู่บนที่นอน  คำภาวนาสุดท้ายของซินเซียก่อนจากโลกนี้ไปตอกย้ำจิตใจเธออย่างเด่นชัด

     

              เมอร์ลิน ได้โปรด.....ช่วยดูแลพี่ชายกับครอบครัวด้วย อย่าให้พวกเขาถลำลึกไปมากกว่านี้เลย

     

             หนูน้อยไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะช่วยดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ถือซะว่าตอบแทนร่างกายนี้ที่หนูมอบให้  จะไม่ให้พวกเขาโดนตราหน้าว่าชั่วร้ายหรือล่มจม  ตระกูลมัลฟอยจะรุ่งเรืองต่อไป  ถึงแม้ว่า—จะโคตรเสียดายที่ไม่สามารถเอาเดรโก มัลฟอยมาเป็นสามีได้ตามที่เคยมโนไว้

     

              ใช่.....ซินเซียเป็นน้องสาวของเดรโก ซ้ำยังเป็นฝาแฝดกันอีก  อืม—ไม่เป็นไร แม้ไม่ได้เธอไว้เชยชม แค่ขอเป็นน้องสาวที่คอยดูแลพี่ชายแค่นี้ก็สุขใจ   

     

              ขณะที่ความคิดภายในจิตใจของเด็กสาวกำลังตีกันมั่ว  หูเธอพลันได้ยินบทสนทนาอยู่ไม่ไกลหนึ่งเสียงน่าจะเป็นของพ่อคุณชาย ส่วนอีกเสียงช่างคุ้นเคยแต่เธอนึกไม่ออก ที่แน่ๆไม่ใช่คุณพ่อลูเซียสหรือคุณแม่นาร์ซิสซาเป็นแน่

     

               “อืม”   เธอส่งเสียงคราง บ่งบอกให้พวกเขารู้ว่าเธอฟื้นแล้ว

     

               “ซิน”   เดรโกเมื่อได้ยินเสียงน้องสาว ก็รีบโผเข้าประคองร่างเล็กทันที   “เธอเป็นไงบ้าง?”

     

               “รู้สึกเหมือนโลกจะแตกเลย”   ซินเซียตอบ  ถึงจะฟื้นสติแล้ว แต่ยังคงปวดหัวและเปลือกตาก็หนักอึ้งเกินกว่าจะปรือตื่น

     

               “รีบดื่มนี่สิ”    พอพูดจบ จู่ๆเธอก็ถูกใครอีกคน เอาบางสิ่งยัดเข้าปาก มันเป็นน้ำเหนียวๆ รสชาติห่วยและขมเกินกว่าจะกระเดือก  ซินเซียจึงเบือนหน้าหนีก่อนที่ลิ้นของเธอจะด้านชาจนรับรสไม่ได้  “กินเข้าไปอีก”   เสียงเย็นพูดอีกครั้ง  พร้อมมือหนาที่คว้าบีบหน้าเธอไว้ บังคับให้เธอกินเจ้าสิ่งนั้นเรื่อยๆจนหมด

     

              หน็อย—เธอรู้สึกเริ่มมีน้ำโห ด้วยความที่ไม่อาจฝืนทนต่อความห่วยของน้ำประหลาดได้  ซินเซียจึงลืมตาตื่นและนั่นทำให้เธอเห็นอีกบุคคล   เด็กสาวลองใช้สายตาไล่ตรวจสอบบุรุษเบื้องหน้าถี่ถ้วน  ผมสีดำยาวดูเปียกปอนตลอดเวลา จมูกยาวงองุ้มเหมือนตะขอ สีหน้าบึ้งตึงไร้อารมณ์  แต่งกายด้วยชุดคลุมสีดำยาว ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่ก็สมวัยกลางคนที่อายุขึ้นเลขสาม  ก็ว่าอยู่—ว่าทำไมเสียงคุ้นๆ ที่แท้ก็ศาสตราจารย์วิชาปรุงยาขาโหดนี่เอง   เซเวอรัส สเนปหรือศาสตราจารย์สเนป

     

              ศาสตราจารย์สเนปงั้นเหรอ!!?

     

               “พรูด!!”   เพราะความตกใจ ผสมกับที่น้ำประหลาดยังไม่ทันไหลลงคอหมด  ซินเซียเผลอสำลัก พ่นน้ำในปากใส่หน้าสเนปเต็มๆ  การกระทำนี้ทำให้ภายในห้องเงียบลง พอๆกับความตกใจของทุกคนที่พุ่งขึ้นมา  ส่วนตัวเธอเองก็นั่งอ้าปาก มองน้ำเหนียวหนืดสีเขียวไหลย้อยตามกรอบหน้าของสเนปนิ่งค้าง  เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังโกรธจัด สังเกตได้จากเส้นเลือดกระตุกระหว่างหัวคิ้วนั่น  


            ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะซินเซีย  เธอจะโดนเขาฆ่าแกงไหมเนี่ย

     

               “เธอมัน บังอา.......”   สเนปพูดด้วยเสียงสั่นๆ เพราะความโมโหทำให้เสียงขาดหายไปบางช่วง เกิดมาเขาเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้  เอาเถอะเมอร์ลิน—โดนรุ่นพี่อย่างลูเซียสเรียกมากะทันหันไม่พอ ยังมาโดนลูกสาวของรุ่นพี่พ่นยาที่ปรุงกับมือตนเองพ่นใส่หน้าอีก   ถ้าวันนี้ไม่ได้สั่งสอนเด็กคนนี้ เขาคงข่มตานอนไม่หลับแน่   “ซินเซีย ถึงแม้เธอจะป่วย แต่ก็ไม่มีข้อ”

     

               “อ่า  เซเวอรัสฉันคิดว่านายควรไปล้างหน้าก่อนดีกว่า”   สเนปยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค ก็ถูกลูเซียสขัดคอและพยายามลากตัวเขาออกจากห้อง

     

               “เห็นด้วยครับอาเซป ผมว่าอาควรไปล้างหน้า แล้วก็ดื่มชาของแม่ที่ห้องรับแขกดีกว่านะครับ”   เดรโกเสริมและช่วยออกแรงผลักศาสตราจารย์วิชาปรุงยาออกจากห้องนอนของซินเซีย  เห็นได้ชัดว่าสองพ่อลูกช่างเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย

     

               “ฟิ้ว”   เมื่อประตูปิดลงและไร้ซึ่งร่างของสเนปจอมโหดแล้ว ซินเซียและเดรโกถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกัน   “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”    ทั้งสองส่งสายตาก่อนที่จะหลุดหัวเราะโดยไม่ทราบสาเหตุ

     

               “เห็นหน้าเขาไหมซิน”   เดรโกเอ่ยถามถึงใบหน้าของศาสตราจารย์วิชาปรุงยาเมื่อครู่  ถึงมันจะไม่ดีต่อคนที่เป็นพ่อทูนหัวอย่างสเนป แต่หน้าตาตอนสเนปโดนพ่นยาใส่มันตลกสุดๆ

     

               “เห็นสิ.....แต่ขอเถอะ ฉันเกือบโดนเขาทำโทษนะ”   เธอตอบด้วยความขบขัน   “โชคดีที่พ่อช่วยไว้”

     

               “ฉันก็ช่วยเธอนะ”   เขาทักท้วง

     

               “จ้ะ จ้ะ พ่อคุณชาย”   ซินเซียยักไหล่และเบ้ปาก ตอบแบบขอไปที ซึ่งนั่นทำให้เดรโกหมั่นไส้เอื้อมมือขยี้ผมเธอเล่นจนยุ่งเหยิง   “ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอแล้วเดรก ไม่เอาๆ”   เธอร้องห้ามพร้อมเสียงหัวเราะ

     

              เดรโกหยุดทุกการกระทำ เปลี่ยนเป็นส่งมือให้น้องสาวแทน   “มาสิ”

     

              เธอมองมือของพี่ชายด้วยความฉงน   “ไปไหน?”

     

              “ไปที่ของพวกเราไง”   เขาฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้น ชักนำซินเซียออกไปที่ระเบียงห้อง  เขาประคับประคองเธอปืนขึ้นบันได พาไปสู่หลังคาบ้าน อันเป็นที่นั่งประจำของสองแฝด มันเงียบสงบมากพอที่จะให้ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

     

              ซินเซียหย่อนกายลง แล้วแหงนหน้ามองบนฟ้า  “สวยจัง”   เธออุทาน ฟากฟ้ายามนี้เต็มไปด้วยแสงดาวระยิบระยับ ฟ้าเปิดโล่ง ไร้ขี้เมฆบดบัง ลมไอเย็นปะทะเข้ากับร่างกาย เด็กสาวสูดอากาศสดชื่นเข้าปอด  จากความทรงจำของซินเซีย มันนานแค่ไหนกันที่สองพี่น้องไม่ได้มานั่งดูดาวบนหลังคาแบบนี้

     

              เดรโกนั่งมองน้องสาวฝาแฝดยิ้ม เขาดีใจที่ตอนนี้เธอแข็งแรงพอจะยิ้มได้อีกครั้ง  เด็กหนุ่มนั่งลงข้างกายซินเซีย คว้ามือเย็นเหยียบของเธอเข้ามาประคองให้ความอบอุ่น มืออีกข้างชี้ไปที่ลูกกลมๆบนฟากฟ้า   “ดวงจันทร์เป็นของเธอ ส่วนดาวเป็นของฉัน”   นี่เป็นประโยคที่เขาพูดกับซินเซียบ่อยๆ

     

               “ทำไมนายถึงเป็นดาวล่ะ?”   เธอถาม  ซินเซียคิดว่าเธอไม่ได้มีค่าพอขนาดจะเทียบเคียงดวงจันทร์  เดรกเหมาะจะเป็นดวงจันทร์มากกว่าเธอเสียอีก

     

               “เพราะมันมีเยอะ ล้อมรอบตัวเธอ เหมือนฉันจะได้ปกป้องเธอได้ไง”   เขาตอบและเงียบลง จนบรรยากาศรอบตัวพานให้เด็กสาวอึดอัด

     

               “ซินเซีย เวโร มัลฟอย”  เดรโกเอ่ย

     

              เด็กสาวหันหน้าหาเขา ชื่อเต็มที่เขาเรียกนานๆครั้ง พอโดนเรียกแบบนี้มันทำให้ซินเซียตื่นตัว  เดรโกจรดหน้าผากตนเองลงกับหน้าผากของเธอ แล้วเงียบลง ช้อนดวงตาเฉดสีไม่ต่างกันขึ้นสบเธอ  ราวกับแฝดพี่ต้องการปล่อยให้ความอบอุ่นจากหน้าผากและสายตาเป็นตัวบ่งบอกทุกข้อความมากมายให้เธอรับรู้  

     

              “สัญญาได้ไหมว่าจะไม่จากฉันไป”   เขาพูด  เสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความกลัวและเปลี่ยวเหงา  เขาไม่ต้องการเสียเธอไป   ไม่เคยเลย—ตอนที่ซินเซียหมดลมหายใจ มันเหมือนเขาตายทั้งเป็น  เธอเปรียบเสมือนเป็นอีกชีวิตของเขา แม้เราจะต่างกันห้านาทีแต่ความผูกพันของเรามีมากกว่าใครทั้งหมด  เป็นสิ่งที่ฝาแฝดเท่านั้นจะรู้ 

     

             ซินเซียเปรียบเสมือนเหมือนดวงจันทร์อันมีค่าของเขา

     

              เธอจ้องเขากลับ ยกสองแขนโอบกอดเดรโกไว้   “ฉันสัญญาเดรก......ฉันจะอยู่กับนายจนวันตาย”   ซินเซียรู้ดีว่าภายใต้หน้ากากเย่อหยิ่งที่แสดงออกมานั้นเป็นเพียงสิ่งที่ถูกอบรมมาตั้งแต่เด็กๆ  มันทำให้เดรโกซุกซ่อนความรู้สึกจริง  ในฐานะบุตรชายคนโตจากตระกูลคลั่งเลือดบริสุทธิ์ มันทำให้เขาหลีกหนีไม่ได้เลย   เธอสัญญาแล้ว ต่อวิญญาณของเซีย ต่อเดรโก  ว่าเธอจะปกป้องตระกูลนี้ให้มันไปทิศทางอื่นที่ไม่ใช่แบบเดิม   เด็กสาวคิดพลางกระชับกอดเดรโกแน่นขึ้น  เธอสัมผัสได้ว่าไหล่ตนเองเริ่มเปียกชื้นและได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาข้างหู

     

                “ให้ตายสิ!! เสื้อฉันเปียกหมดแล้วเดรก”   จากนั้นเธอผละออก ยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตาแฝดพี่ลวกๆ   “หมดกัน หมดกันคราบคุณชายสลิธีรินจอมหยิ่ง ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแพนซี่ ให้เจ้าหล่อนรีบแจ้นมาปลอบนายเลยคอยดู”  

     

                “อย่าเชียวซิน”   เดรโกขู่ สุดท้ายเขาหยุดร้องและกลับมายิ้มอีกครั้ง   “ถ้าเธอทำฉันจะเสกหนองขึ้นหน้าเธอ”

     

                “อ๋อ..........ถ้าทำได้ก็ลองดูสิ เพราะฉันจะทำเหมือนกัน”   เธอยียวนและท่าทางนี้มันทำให้เดรโกอดแกล้งเธอไม่ได้

     

               เด็กหนุ่มกระโจนล็อกตัวแฝดน้อง แล้วจั๊กจี้ตามตัว   “แสบนักนะ”

                 

                “โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย พอแล้วเดรก”   ซินเซียดิ้น หัวเราะแทบขาดใจ

     

                “เด็กๆ”   สักพัก สองแฝดได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อตะโกนเรียก  ทั้งเธอและเดรกจึงชะโงกตัว เห็นคุณพ่อลูเซียสยืนจ้องเขม็งอยู่ตรงระเบียง แล้วกำลังพยายามปีนมาหาพวกเราสองคน  ลูเซียสปีนมาถึงบนหลังคา เขาเกาะขอบกระเบื้องไว้กันตก   “เดรโก ลูกไม่ควรพาน้องขึ้นมาด้านบน น้องยังไม่หาย” 

     

                “โถ่  หนูหายแล้วค่ะพ่อ”   ซินเซียลากเสียงอ่อย พอเห็นหน้าดุเหมือนยักษ์ของลูเซียสแล้ว เด็กสาวจึงงัดลูกไม้อย่างช้อนตาอ้อนมาใช้   “ขอหนูอยู่กับเดรกอีกสักพักนะคะ….นะคะ”

     

                “ไม่ได้”   ลูเซียสตอบเสียงดุ พยายามแข็งใจต่อการออดอ้อนของลูกสาว   “ถ้าลูกป่วยตอนที่พ่อจะพาลูกไปซื้อของจะทำยังไง”  คนเป็นพ่อยกยิ้มเจ้าเล่ห์

     

                “ซื้อของเหรอคะ!”   ซินเซียลุกพรวด ร้องด้วยความดีใจ 

     

                “ใช่ ที่ตรอกไดแอกอน”   ลูเซียสตอบ

     

                “เดรก ฉันไม่อยู่กับนายแล้วนะ ฉันจะรีบนอน”  เธอพูด พร้อมไถลลงจากหลังคา

     

                “พอพ่อมา ฉันก็เป็นหมาหัวเน่า”   เดรโกบ่น พร้อมลงไปด้านล่าง ไล่หลังซินเซีย

     

               ลูเซียสมองสองลูกแฝดแล้วอมยิ้ม แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่เขาเพิ่งนึกออก   “เดี๋ยว.....ลูกกลับมาพาพ่อลงไปด้านล่างก่อน!”   เขาขึ้นมาได้ แต่เขาลงไม่ได้   “ซินเซีย เดรโก!!”

     

               ช่วงคล้อยสายของอีกวัน โชคดีที่แดดไม่แรงมากนัก เกาะอังกฤษมักจะปกคลุมด้วยเมฆหมอกฟ้าครึ้มเสมอ ลูเซียสยิ้มไม่หุบ ยามมองเจ้าซาเล็มน้อยวิ่งไปตรงนี้ที ตรงนู้นที สำหรับเขาการได้เห็นลูกกลับมามีสุขภาพแข็งแรง เป็นพรอันประเสริฐที่เมอร์ลินมอบให้ 

     

               ส่วนซินเซีย เธอแทบเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เด็กสาวกระโดดไปตามพื้นถนนที่ปูด้วยหิน มองห้างร้านทรงเก่าที่มีหน้าต่างเรียงตัวสะเปะสะปะ ผสมกับมองพวกเด็กปีหนึ่งที่มาจับจ่ายใช้สอยในตรอกไดแอกอน สำหรับการเปิดภาคเรียนที่จะมาถึงในอาทิตย์หน้า มันช่างเกินจินตนาการ—ภาพตรงหน้าอัศจรรย์เสียยิ่งกว่าสิ่งที่ภาพยนตร์ถ่ายทอด แม้จะอ่านในหนังสือแต่เธอก็จินตนาการถึงตรอกไดแอกอนได้ไม่หมด 

     

               “แกน่ารักจัง”   เธอหยุดเล่นกับนกฮูกตัวสีเทาที่ร้านนกฮูกอายล็อปส์ น่าเสียดายที่ซินเซียคนก่อนดันเสียนกฮูกไปกับพายุหิมะและไม่ได้รับสัตว์เลี้ยงตัวไหนอีกเลย แต่ถ้าหากตอนนี้เธอขอสัตว์เลี้ยง คุณพ่อลูเซียสคงซื้อให้ไม่ยาก

     

                “อยากได้?”  เดรโกถาม

     

                “เมอร์ลิน! เดรก.....ฉันตกใจหมด”   ซินเซียแอบสะดุ้ง ที่จู่ๆแฝดพี่เข้ามากระซิบจากด้านหลัง   “ใช่ ฉันอยากได้สัตว์เลี้ยงใหม่ แต่ไม่อยากได้นกฮูกแล้ว”

     

                “เหรอ”   เดรโกตอบโดยไม่ได้พูดอะไรและเดินจากไป ปล่อยให้แฝดน้องยืนงงกับการกระทำของตนเองเล่น 

     

               พอรู้ตัวอีกที ซินเซียก็ไม่เห็นทั้งคุณพ่อลูซกับเดรโกแล้ว   “หายไปไหนกันหมด”   เธอบ่นและเริ่มออกตามหาทั้งสองคน จนเดินมาถึงร้านหม้อใหญ่รั่ว หน้าร้านมีประกาศนำจับแปะเต็มกำแพง หรืออันที่จริงมันแปะไว้ทั่วตรอกไดแอกอน แต่เธอเพิ่งมาสังเกตเห็น  เด็กสาวก้าวขาเพื่อไปอ่านข้อความบนใบนำจับ  ระวังซีเรียส แบล็ค—นี่เท่ากับว่าเธอมาอยู่ในช่วงนักโทษแห่งคุกอัซคาบันพอดี 

     

               อืม......ช่วงที่ผู้คุมวิญญาณบินว่อนเต็มท้องฟ้า

     

               ขณะที่ซินเซียให้ความสนใจกับใบประกาศจับ มีใครบางคนลอบเข้าด้านหลังและเอื้อมจับบ่าเธอ   “อุ๊บ!!”   เป็นอีกครั้งที่เด็กสาวสะดุ้ง เธอรีบหันหลัง กลับพบเด็กหนุ่มสวมใส่แว่นตา ประดับคู่กับดวงตาสีเขียว ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย ไม่ต้องนึกให้มากความก็รู้ว่าคนเบื้องหน้าคือแฮร์รี่ พอตเตอร์    “พอตเตอร์เหรอ......วันหลังช่วยส่งเสียงก่อนได้ไหม เดี๋ยวฉันหัวใจวายตายพอดี”

     

               “เอ่อ ขอโทษ”   แฮร์รี่ตอบด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ   “พอดีเรียกแล้ว แต่เธอยังเหม่อจ้องกำแพงน่ะ”

     

               “แล้ว.....นายมีอะไรกับฉันเหรอ?”   ซินเซีย พูดพลางชี้มือเข้าไปในร้านหม้อใหญ่รั่ว   “ฉันคิดว่าถ้านายไม่มีเรื่องอะไร นายคงกำลังรีบเข้าไปในร้าน”

     

               “อ่า ฉันก็จะเข้าไปในร้านนะ แต่แค่จะถามเธอก่อนว่าเธอเป็นไงบ้างเท่านั้นเอง เพราะได้ยินว่าเธอป่วยหนักมาก”   เด็กหนุ่มถาม เพราะเขาได้ข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยของมัลฟอยคนน้อง ผ่านจดหมายที่เฮอร์ไมโอนี่ส่งให้ ถึงแม้ว่าแฮร์รี่จะไม่กินเส้นกับเดรโกและไม่สนิทกับแฝดน้องมากนัก แต่เด็กสาวตรงหน้าก็เป็นมิตรมากกว่าคนพี่และเคยช่วยเรื่องสมุดการบ้านหลายครั้ง

     

                “ขอบใจ ฉันสบายดี ดูสิ”   เธอยิ้มตอบ ชูแขนขึ้นลง ออกกำลังเพื่อแสดงให้แฮร์รี่ดูว่าเธอแข็งแรงดี   “แล้วก็.....เรียกฉันว่าซินเซียสิ ไม่ต้องเรียกมัลฟอยหรอก และฉันจะเรียกนายว่าแฮร์รี่ด้วย โอเคไหม?”

     

               แฮร์รี่นิ่งค้าง กะพริบตาปริบๆ  “เธอเปลี่ยนไปนะ มัลฟอย”   บรรยากาศตอนนี้ของเด็กสาวดูสดใส ไม่ได้มืดมนหรือซีดเซียวเหมือนแต่ก่อน  “ตกลงซินเซีย เรียกฉันว่าแฮร์รี่ด้วย”  พอเรียกชื่อเล่นแล้ว เขารู้สึกแปลกจนต้องยกมือเกาแก้มแก้ขัด

     

                “งั้นบายแฮร์รี่ ไว้เจอกันตอนเปิดภาคเรียนนะ”   ซินเซียโบกมือลา   “จริงสิ นายพอจะเห็นพ่อหรือพี่ชายฉันไหม”  แต่ก่อนจากไป เธอถามถึงสองบุคคลที่ว่ากับแฮร์รี่

     

                “ถ้าพ่อเธอละก็ ล่าสุดเห็นอยู่ที่ร้านของมาดามมัลกิ้น”   เขาตอบและโบกมือกลับ รอจนแผ่นหลังของเด็กสาวหายไปแล้ว จึงค่อยเข้าไปในร้านหม้อใหญ่รั่ว

     

               หลังจากแยกกับแฮร์รี่ ซินเซียวิ่งมาที่ร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้นทันที เธอเห็นผมบลอนด์ยาวสลวยของลูเซียสท่ามกลางผู้วิเศษคนอื่นไกลออกไป  เธอจึงตัดสินใจตะโกนเรียกเขา    “พ่อลูซคะ อุก!!”   แต่ถูกใครบางคนที่ตัวโตกว่าชนเข้า จนร่างน้อยๆของเด็กสาวล้มหงายหลังไปกองกับพื้นหิน 

     

               ความเจ็บเข้าถาโถมใส่ ซินเซียโงนเงน ยันตัวเองให้ลุกนั่งเพื่อคลายความจุก “ยืนไหวไหมสาวน้อย ผมขอโทษ”    มีมือหนาส่งยื่นมาให้  แต่เธอค้อนตาใส่คนที่ชนแทนและกะจะด่ากลับ แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเธอเห็นใบหน้าของคนตรงหน้าเต็มตา ว้าว—หล่อแบบเมอร์ลินบรรจงสรรค์สร้าง เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอคนหล่อขนาดนี้  ซินเซียมองเด็กหนุ่มใกล้ตัวตาไม่กะพริบ เขามีผมสีดำตัดกับดวงตาสีน้ำตาลออกแดง ร่างกายสมส่วนมาตรฐาน  เพราะความหล่อชวนอึ้ง ทำให้เด็กสาวเผลอเอื้อมมือจับตอบ จนเขาฉุดรั้งเธอยืนได้ในที่สุด

     

                “มีอะไรเหรอลูก”   สักพักก็มีชายวัยกลางคน เดินขนาบข้างกายเด็กหนุ่มที่เธอยังไม่รู้ชื่อ

     

                “ผมเดินชนเธอเข้าน่ะครับพ่อ”   เขาตอบ

     

                “หนูไม่เจ็บตรงไหนนะ แล้วนี่พ่อแม่หนูอยู่ไหน”   ชายวัยกลางคนเป็นฝ่ายถามเธอบ้าง

     

                “พอดีหนูจะตามหลังคุณพ่อค่ะ แต่ดูเหมือนตอนนี้จะพลัดหลงกันแล้ว”   ซินเซียตอบพลางมองหาลูเซียสที่ไม่เห็นแม้แต่เงา

     

                “แล้วพ่อหนูชื่ออะไรล่ะ”  ชายวัยกลางคนถามอีกครั้ง

     

                “ลูเซียส มัลฟอย”  เธอตอบ

     

                “ลูกสาวของลูเซียสนี่เอง......เดี๋ยวฉันพาไปหาพ่อของหนู พอดีฉันมีธุระกับเขาที่ร้านกาแฟฝั่งใต้พอดี” 

     

               “ลุงรู้จักพ่อด้วยเหรอคะ?”   เธอถาม

     

                “เราเป็นเพื่อนทางธุรกิจกัน อ๋อ.....ขอแนะนำตัว ฉันเพอร์ซิวาล เกรฟส์ ส่วนนี่ลูกชายฉันโทมัส เกรฟส์”   เกรฟส์แนะนำตัวเองเสร็จสรรพ ชนิดที่ไม่ต้องให้เด็กสาวตั้งคำถาม

     

               สุดท้ายซินเซียก็ได้พบลูเซียสกับเดรโกที่ร้านกาแฟฝั่งใต้ เธอรีบวิ่งแจ้นโผเข้ากอดคนเป็นพ่อทันที  ลูเซียสกอดเจ้าซาเล็มน้อยตอบด้วยความเป็นห่วง ปากกำลังอ้าถามว่าไปหลงที่ไหนมา   “ลูกเจอพวกเขาได้ไง”  แต่ก็ต้องเปลี่ยนคำถามเมื่อสายตาสะกิดเข้ากับอีกสองบุรุษ ลูเซียสเกือบเก็บอาการวิตกกังวลผ่านสีหน้าไว้ไม่อยู่  

     

                “เดรโก พาน้องกลับไปที่รถเวทมนตร์ก่อน”   เขาผลักไสซินเซียให้ลูกชายคนโตดูแลต่อ 

     

                “ครับพ่อ”   เดรโกรับคำ แล้วจัดแจงลากแฝดน้องออกไปตามที่พ่อสั่ง

     

                “แค่พามาส่งเองลูเซียส มัลฟอย”   เกรฟส์ฉีกยิ้ม เดินขนาบข้างตบบ่าของลูเซียส โน้มหน้าเล็กน้อย เพื่อกระซิบกรอกข้างหู  “เด็กกำลังหลงทาง แกจะให้ฉันอยู่เฉยๆเหรอ”

     

               ลูเซียสกำไม้เท้าบนมือแน่น  “คุณ......ไม่ควรยุ่งกับลูกสาวของผม”

     

               “แต่ลูกสาวคุณน่ารักนะครับ”   โทมัสแทรกขึ้นพร้อมรอยยิ้ม บรรยากาศอึดอัดจากผู้ใหญ่สองคนถูกปัดทิ้งไปไกลจากความทะเล้นของเด็กหนุ่ม  “สงสัยเปิดเรียนเราคงได้เจอกันบ่อยๆ ผมว่าถ้าทำความรู้จักสักหน่อยคงไม่เลว”   แต่ประโยคหลัง มันทำให้ลูเซียสกลับมามีน้ำโหอีกครั้ง

     

               ลูเซียสกระแทกไม้เท้าดังปึง แสร้งยิ้มแล้วชี้หน้าหาไอหนูโทมัส เกรฟส์ พูดช้าๆ เน้นย้ำทีละคำ   “อย่า มา ยุ่งกับลูกสาวของฉัน!”

     

     

     

     

    เพอร์ซิวาล : พ่อหนูนี่หวงจังนะ แล้วก็เรียกใครว่าลุงกัน?

    ซินเซีย : ลูกสาวคนเดียว คุณพ่อลูซต้องหวงอยู่แล้วค่ะ และตักน้ำชะโงกดูเงานะคะ เผื่อจะเห็นลุงที่ว่า

    เพอร์ซิวาล : เห็นแต่คนหล่อนี่สิ

    ซินเซีย : พูดมาได้.....แต่ลูกลุงหล่อนะคะ

    เพอร์ซิวาล : แน่นอน ก็ได้พ่อมานี่

    ซินเซีย : (เงียบไปพักนึง)  

    เพอร์ซิวาล : เงียบแบบนี้แสดงว่ายอมรับสินะสาวน้อย

    ซินเซีย : เปล่าค่ะ แค่กำลังคิดว่ามีคาถาแก้มโนลุงแก่รึเปล่าเท่านั้นเอง

    เพอร์ซิวาล : แก่แต่อร่อยนะสาวน้อย

    ซินเซีย : .............

    โทมัส : สวัสดีนั่นมือปราบมารใช่ไหมครับ?

     

     




    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×