คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2/2
บทที่ 2/2
กลับมาสู่ช่วงหมาลอบเข้าถ้ำเสือ !
ลู่เอินลอบเดินเข้าไปหน้าเรือนทันทีที่พ่อบ้านจงและซิ่วหลินเดินไปลับสายตา
แอดดดดด
เสียงเปิดประตูไม่ต่างกับเอฟเฟกต์หนังสยองฝันเลยสักนิด ลู่เอินก้าวเข้าไปในเรือนและพยายามปิดประตูให้เบาที่สุด
มันมืดมากกก!! หากไม่รู้ว่านี้คือเรือนของพี่เหอ นางคงคิดว่านี้คือบ้านที่เขาใช้ถ่ายทำหนังสยองฝันแน่ๆ
ปึก !!
“ซี้ด .....” ความเจ็บหน้าแข้งครั้งนี้เกิดจากการเดินเตะโต๊ะแบบโง่ ๆ โง่จริง ๆ นางยอมรับ
หน้าแข้งของนางถูกเจ้าโต๊ะเตี้ยประทุษร้าย !!
“โต๊ะบ้าไม่รู้จักหลบ”ถึงแม้จะเตะเองแต่ก็โทษให้เป็นความผิดโต๊ะซะเลย แต่มันเจ็บจริงๆนะ นางไม่ยอมถอยหรอก เข้ามาครึ่งนึงแล้ว นางต้องไปต่อ....ไปที่ไหนต่อนะหรือ ก็ห้องนอนพี่เหอไง
นางไม่ได้ไปถอดผ้ารอพี่เหอกลับมานะ...นางคิดว่าระหว่างอยู่ตรงนี้กับห้องนอนพี่เหอ โอกาสที่จะถูกจับโยนออกไปตรงนี้ดูเสี่ยงกว่า นางต้องเข้าไปในห้องนอนพี่เหออย่างไรเสียก็ปลอดภัยกว่า [?]
ตรรกะอะไรอย่าถามนางเลยเพราะนางเองก็ตอบไม่ได้ แต่นางอยากให้การพบกันครั้งแรกของนางกับพี่เหอเป็นเรื่องตื่นเต้น
ผ่านไป 1 เค่อ [15 นาที]
สำเร็จ !!!!
นางลากขาเข้ามาในห้องนอนพี่เหอได้แล้วและตอนนี้นางกำลังนั่งแหมะหลบอยู่หลังฉากกั้น แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้นางกำลังมีปัญหา
พี่ ......
นั้นไง ญาติผู้น้องของนางนามว่า ยุง นับสิบตัวกำลังร่วมด้วยช่วยกันเจาะเลือดนาง เพื่อประทังชีวิต
อา นางรู้สึกได้บุญ
แปะ แปะ แปะ แปะ
ญาติผู้น้องของนางนับได้ราวๆ 4 ตัวร่วงหล่นจากแขนซ้ายนางตกสู่พื้นอย่างอเนจอนาถ...ฮึ่ม นางเป็นคนดีแต่นางลืมบอกไป อย่ากัดนางเจ็บ ยังอีก 4 ตัวบนแขนขวา
แอด !
เสียงเปิดประตูทำให้ลู่เอินละความสนใจจากยุงที่กำลังดื่มกินเลือดของนางอย่างเอร็ดอร่อยมาจดจ่อกับเสียงพูดคุยของบุคคลที่เดินเข้ามาแทน
“นายท่าน !”เสียงตื่นตกใจนี้ย่อมไม่ใช่พี่เหอ เพราะในเรือนนี้พี่เหอนางใหญ่สุดไม่มีทางเรียกใครว่านายท่าน
“ เดี่ยวข้าจัดการเอง”นี่แหละ ทูนหัวของบ่าว ทุ้มนุ่มหู ละมุน .... พี่เหอของนางแน่นอน
“ขอรับ” แค่เนี้ย ! คือนางอยากรู้ เขาคุยอะไรกัน ?
ตึก ตึก ตึก
เสียงเท้าที่ลงจังหวะสม่ำเสมอไม่เร่งรีบนั้นทำนางเหงื่อซึมไม่ทราบสาเหตุ คงเพราะอากาศในนี้มันร้อน
ตึก ตึก
นางขอตัวกลับเรือนตอนนี้ทันหรือไม่ มันอึดอัดและอยากจะวาร์ปหายตัวไปซะเดี๋ยวนี้
ตึก ตึก ตึก
พี่เหอ ท่านจะเดินหยุดเดินหยุดเช่นนี้ สงสารหัวใจข้าบ้างเถิด
ตึก ตึก
เสียงเท้าที่ใกล้เข้าทำให้ลู่เอินเกร็งตัว คาดว่าอีกไม่เกินสองก้าวพี่เหอคงมาถึงนาง
ตึก !!
ข้าคิดถึง ซิ่วหลิน
พรึบ ชิ่ง !
ลู่เอินมองดาบที่จรดปลายคอของนางแข็งค้าง...ดาบ ชีวิตนี้นางไม่เคยเห็นดาบระยะประชิดเช่นนี้มาก่อน ระยะที่ว่า หากขยับเพียงนิดหัวของนางคงหลุดจากบ่าได้ ดาบ...นี่คือดาบ พลันน้ำใสๆก็คลอหน่วยตาอย่างไม่อาจห้าม จะห้ามได้เหรอ กลัวเหมือนกันนะ
นี่คงเป็นเรื่องตื่นเต้นของการพบกันครั้งแรกของนางกับพี่เหอ.....
“เจ้า...... !”
“ฮึก ท่านเป็นสามีที่ชื่นชอบการทรมานภรรยาหรือเจ้าคะ ฮือ...”พูดได้เท่านั้นน้ำตาก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
จิ้นเหอมองร่างบอบบางของอนุของเขาที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนพื้นอย่างเอาเป็นเอาตายตรงหน้า เขาไม่รู้จะสงสารหรือหัวเราะขบขันนางดี ดวงตาที่เคยหวานหยดย่อยยามเจอหน้าเขาบัดนี้คลอด้วยหยาดน้ำตา แก้มนวลเปรอะเปรื้อนธารน้ำตา เรียวปากที่เคยเอื้อนเอ่ยคำหวานให้เขาเคลิบเคลิ้มบัดนี้อ้ากว้างเปล่งเสียงร่ำไห้ออกมาแทน จมูกโด่งรั้นขึ้นสีแดงจัด มือเรียวสองข้างต่างช่วยกันปาดหยาดน้ำตาแต่ยิ่งปาดมันก็ยิ่งไหล สาบานได้เขาไม่เคยเห็นสตรีนางใดร้องไห้ได้น่าขบขันเช่นนางมาก่อน
“ฮึก ดะ....ดาบ อึก ที่...คอ ฮือ”ชายหนุ่มชะงักวูบเมื่อสบดวงตาแสนหวานที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาของนาง
เหมือนลู่เอินไม่ใช่ลู่เอิน เขาสะบัดหัวไล่ความคิดแปลก ๆ ออกไป
“หืม ดาบทำไมหรือ” เขาไม่รู้ว่านางกำลังเล่นอันใด แต่เอาเถิด เมื่อนางอยากเล่นเขาก็จะเล่นเป็นเพื่อน
“เอามัน...ฮึก....ออกไป”
“หากข้าไม่เอาออกเล่า”
“ข้าก็จะ...จะร้อง ฮือ.....” จิ้นเหอหลุดยิ้มกับคำตอบของนาง เขากำลังรู้สึกว่า...สนุก
“น้ำตาเจ้ามิใช่น้ำตาข้า”
“ท่านเป็นสามีที่ใจร้ายที่สุด ฮึก”
“เจ้าก็เป็นภรรยาที่น่าตีที่สุดเช่นกัน”
“ฮึก ข้าน่าตีตรงไหน ท่านนั้นแหละ ฮึก...ใจร้าย”
“เจ้าน่าตีตรงที่ ริอาจอยากเป็นโจรลอบเข้ามาในเรือนของข้าอย่างไรเล่า”
“เพราะท่าน ฮึก ท่านใจร้ายไม่ให้ข้าเข้าพบ”
“เป็นเจ้าที่ทำผิดไม่ยอมสำนึก”
“ฮึก...ผิดอันใด ข้าทำอันใดผิด ท่านนั้นแหละใจร้าย”จิ้นเหอมองแววตาดื้อรั้นไม่ยอมคนของร่างบอบบางตรงหน้าแล้วพลันแปลกใจ
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางกล้าโต้เถียงกันทั้งยังกล้ากล่าวโทษเขาแล้วแสดงท่าทีดื้อรั้นใส่เขา เหตุใดเขารู้สึกราวกับว่า...นางไม่ใช่ลู่เอิน
ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกจากสมอง เขาคงเหนื่อยเลอะเลือนไป ลู่เอินยังคงเป็นลู่เอิน เขาชักดาบกลับเข้าฝัก เห็นนางถอนหายใจยกมือปาดน้ำตาบนแก้มออก
“เจ้าจะนั่งอยู่ตรงนี้”จิ้นเหอเลิกคิ้ว
“........” เขามองร่างบางที่กอดอกเชิดหน้าเบ้ปากมองหน้าเขาราวกับไม่สนใจคำถามของเขา พลันคิ้วหนาก็ขมวดเป็นปมแน่น
เมื่อใดกันที่นางกล้าทำท่าทางเช่นนี้กับเขา ?
“ตามใจเจ้า” ว่าแล้วเขาก็หมุนตัว
“เดี่ยวเจ้าค่ะ”เขาปลายตามองร่างบางด้านล่าง
“คือ...ข้าลุกไม่ไหวเจ้าค่ะ”
“เหตุใด”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นางจะเล่นอะไรอีก
“ตอนเข้ามาข้าเดินชนโต๊ะ เจ็บขาเจ้าคะ”จิ้นเหอหรี่ตาจ้องมองหญิงสาวราวกับจับผิด ครั้นไม่เห็นพิรุธใดก็ถามต่อ
“แล้ว....”
“ท่านต้องช่วยพยุงข้าสิเจ้าคะ”
“หากข้าไม่ช่วยเล่า”จิ้นเหอเลิกคิ้วถามส่งรอยยิ้มยียวนให้นาง หากเขาตาไม่ฝาดเขาเห็นนางส่งสายตาตัดพ้อต่อว่ามาให้เขา
“ท่านก็เป็นบุรุษใจร้าย”ชายหนุ่มมองดูดวงหน้าที่เชิดขึ้น นางกล้าเปลี่ยนเรียกเขาจาก 'สามี' เป็น 'บุรุษ' เขาอยากบีบจมูกโด่งรั้นนั้นนัก!
จิ้นเหอสาวเท้าเข้าไปหาร่างบางทำให้นางผงะแทบหงายหลัง ชายหนุ่มกระตุกยิ้มโน้มตัวโอบอุ้มร่างเล็กจนร่างบางของนางตกอยู่ในวงแขน ความใกล้ชิดเช่นนี้เขาได้กลิ่นหอมจากร่างบาง
“ซุ่มซ่าม”เขามองเสี้ยวหน้าที่ขึ้นสีของร่างบางในวงแขน
“....”เห็นนางไม่ตอบโต้เขาก็กระชับวงแขน
“น่าเวทนา”
“ท่านว่าใคร”เขากระตุกยิ้มพึงพอใจเมื่อร่างบางในอ้อมแขนหันมาจ้องหน้าเขา
“ย่อมเป็นเจ้า “
“.....”นางหายใจฟึดฟัดไม่พอใจแล้วเสหน้าไปทางอื่นไม่มองหน้าเขา
ชายหนุ่มต้องพยายามอย่างหนักเพื่อจะไม่หัวเราะหน้าตาบูดบึ้งของนางในตอนนี้
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าอยู่กับนางแล้วสนุก !
ลู่เอินเองก็ต้องพยายามอย่างหนักเช่นกัน นางพยายามที่จะกุมมือทั้งสองข้างของนางให้อยู่นิ่งๆ ไม่ไปข่วนหน้าหล่อๆของบุรุษที่นางเชิดชูยกเขาขึ้นเหนือบุรุษอื่น บุรุษร้ายกาจ ! นางรึอุตส่าห์เป็นแฟนคลับตัวยงของเขา พอมาเจอเขาตัวเป็น ๆนางแทบจะตะกุยหน้าเขาให้ยับ มีอย่างที่ไหนกันเจอกันครั้งแรกก็เอาดาบมาทักทายนางแล้ว
เอ่อ ถึงแม้นางจะลอบเข้ามาในเรือนเขาเองก็เถอะ ความผิดยังนับได้ว่ารับไปคนละครึ่ง
แต่เขาก็ไม่ควรยกดาบมาพาดคอนางเช่นนี้นี่ ยังจะมีวาจาร้ายกาจที่เขาเอื้อนเอ่ยกับนางอีก นางเคยชื่นชอบวาจาอันร้ายกาจของเขายามเขาพูดกับแม่นางเอก จริง ๆ นางคิดว่าเขาจะพูดวาจายียวนชวนตีหัวกับแม่นางเอกแค่ผู้เดียว ไม่ได้คิดว่านางจะมีโอกาสได้รับฟังวาจาร้ายกาจนี้ด้วย ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเขาถึงได้รับบทเป็นตัวร้าย
ก็..เพราะวาจาร้ายกาจของเขานั้นไง !
เอาเถอะ ถึงแม้เขาจะปากร้ายแต่เขาก็ใจดีอยู่นา......เห็นแก่อกอุ่นๆที่นางซบอยู่ นางให้อภัยเขาได้
จิ้นเหอพาร่างบอบบางในอ้อมแขนมาถึงเตียงแล้วเขาจ้องมองร่างบางที่หลับตาพริ้มซบอกของเขาอยู่อย่างขบขัน
หน้านางในตอนนี้ช่างน่ากลั้นแกล้งนัก!!
“อยากอยู่กับข้าหรือ”จิ้นเหอก้มลงกระซิบข้างหูนาง
“อือ”นางพยกหัวรับพร้อมกับยิ้มสดใสที่เขาไม่เคยได้เห็น จิ้นเหอมองรอยยิ้มพิมพ์ใจอย่างแปลกใจ ทว่าอารมณ์อยากกลั้นแกล้งมันมีเหนือกว่า
“คิดถึงข้าหรือ”
“อือ”หญิงสาวพยักหน้ารับ ใบหน้างามคล้ายไร้สติ
“จะไม่ลงหรือ”
“อือ”
“แต่ข้าหนัก !”
“ว้าย !”ร่างบางในอ้อมแขนลืมตาโพลงดีดตัวออกห่างจากเขาทำให้.....ลู่เอินพลัดตกจากอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่ม ซึ่งไม่แน่อาจเพราะเขาเป็นคนตั้งใจปล่อยลง
พลั่ก !
นางหล่นกระแทกเตียง ! สีหน้าของนางแสดงถึงความเจ็บปวดจนเขารู้สึกสงสาร
เมื่อใดกันที่เขานึกสงสารนาง! จิ้นเหอขมวดคิ้วกับความคิดของตนเอง แต่ก่อนแต่ไรสตรีนางนี้ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกอันใดได้เลยแม้เพียงน้อย
ลู่เอินลูบคลำก้นงอนงามของนางแล้วหน้างอ เจ็บ !!! น้ำตาแทบไหล เหตุใดวันนี้จึงต้องมีเหตุให้นางต้องเจ็บกายเช่นนี้ได้กัน หรือเพราะเขา...ใช่ต้องเป็นเขา
“ท่าน !”ลู่เอินมองหน้าตัวต้นเหตุแห่งความเจ็บปวดของนางอย่างเอาเรื่อง
“หืม”คืออะไร? เขาทำหน้ามึน ไม่รู้ว่าเขาทำให้นางตกมาเจ็บนั่นนะ หน้าหนาเกินไปแล้ว ลู่เอินมองใบหน้าลอยไปลอยมาของจิ้นเหอแล้วเข่นเขี้ยว
นางขอถอนคำพูด นางไม่ให้อภัยเขาแล้ว!
“หึหึ”จิ้นเหอหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าราวกับจะฆ่าคนได้ของหญิงสาว
“ท่านแกล้งข้า”ลู่เอินเม้มปากแน่นจ้องชายหนุ่มเขม็ง ไม่อยากจะเชื่อบุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาเช่นเขาจะมีจิตใจดำมืดไม่มีสำนึกแม้เพียงจะขอโทษสักคำ
“เป็นเจ้าที่ดิ้นพรวดพราดจนตกไป”จิ้นเหอกอดอกมองร่างบางบนเตียงอย่างสำรวจ มองอย่างไรท่าที คำพูดของนางไม่เหมือนนางคนเดิมเอาเสียเลย
“......”เมื่อครุ่นคิดตามคำพูดของจิ้นเหอลู่เอินจึงต้องยอมรับว่านางเองที่เป็นฝ่ายดิ้นรนจนตกลงไปแม้อยากจะเถียงต่อ แต่ด้วยรู้ดีว่าเป็นนางที่ผิดก็จำใจเงียบ
ทั้งนี้นางเพิ่งนึกได้ว่าในยุคนี้ไม่ได้มิสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกันระหว่างบุรุษและสตรีโต้เถียงไปนางก็ผิด แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะโต้เถียง นี้คือนิสัยอย่างหนึ่งของนาง หากนางไม่ผิดนางไม่ยอมรับผิดเด็ดขาด และนางยังเพิ่งสำเนียกตัวเองว่าบัดนี้ นางเป็นเพียงอนุภรรยาของเขา หากเถียงไปเถียงมาเกิดเขาโกรธขึ้นมา ทีนี้ละ แม้แต่ที่ซุกหัวนอนนางคงจะไม่มี ด้วยเหตุนี้หากยอมรับได้จึงต้องยอมรับไป
“เป็นข้าที่ผิดเองเจ้าค่ะ”จิ้นเหอหรี่ตามองร่างบางที่ยอมรับว่าตนเองผิดทั้งๆที่เมื่อครู่ยังเถียงเขาเอาเป็นเอาตายอยู่แท้ๆ
“.......”เขาเลือกที่จะเงียบเพื่อรอดูว่านางจะทำสิ่งใดต่อ
“ข้าขออภัยเจ้าค่ะ”ร่างบางก้มหัวราวกับสำนึกผิด แต่จิ้นเหอที่สังเกตนางมาตั้งแต่ต้นกลับเห็นปากบางของนางขมุบขมิบ....เดาได้ไม่ยากว่า
นางกำลังก่นด่าเขา ! เรียวปากบางที่พูดบางสิ่งที่ไม่สามารถจะได้ยิน ร้ายนักเชียว
“หืม พูดอีกครั้งสิ”
“ข้าขออภัยเจ้าค่ะท่านพี่”ชายหนุ่มชะงักเมื่อร่างบางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาออดอ้อน ....
เขาเคยเห็นแววตาออดอ้อนของนางแต่เขากลับคิดว่าครั้งนี้กลับน่ามองกว่าทุกครั้งและอยากให้นางออดอ้อนเขาด้วยสายตาเช่นนี้อีก
“อืม “จิ้นเหอละสายตาจากใบหน้าของลู่เอินลงมามองขาของนางแทน เขาสังเกตเห็นรอยเขียวช้ำบนขาขวาของนาง คงเจ็บไม่น้อย มือเขาแตะบริเวณรอยช้ำ
รอยช้ำดังกล่าวแลดูน่ากลัวเมื่ออยู่บนผิวกายของนาง
“เจ็บมากหรือ”ลู่เอินฟังคำถามของชายหนุ่มแล้วใจสั่น...เสียงของเขาช่างอบอุ่นยิ่งนัก
ไม่สั่นได้ไง ก็นี่คำพูดแรกที่เขาไม่ยียวนใส่นางนี่
“มะ...ไม่มากเจ้าค่ะ”ลู่เอินตอบเสียงสั่นๆ
ลู่เอินลอบมองหน้าของจิ้นเหอ.....เวลาที่เขาพูดดีๆแล้วเขาดูมีเสน่ห์กว่าพูดยียวนเสียอีก ดูแล้วหากนางเป็นนักเขียนนิยายนางคงต้องยกบทพระเอกให้เขาโดยไม่ต้องคิดเชียว เขาไม่น่าเป็นตัวร้ายเลย
“ดีแล้ว ทีหลังอย่าริอาจอยากเป็นโจรอีกเล่า”ลู่เอินมองหน้าตายียวนของเขาแล้วอยากกัดลิ้นตาย !!
เขาสมควรเป็นตัวร้ายแล้ว เป็นเขาจะดีที่สุด ........
นางจะไม่มีวันให้อภัยเขาในเรื่องของวันนี้แน่นอน ให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทาง ความเจ็บปวดในวันนี้ตัวร้ายเช่นจิ้นเหอจะต้องชดใช้ ไม่มีข้อโต้แย้ง แม้จะคิดแค้นเคืองอย่างไรในตอนนี้นางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้
รอเถิดอีกไม่นานนางจะเอาคืน
ความคิดเห็น