ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อนุตัวร้าย

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 4/2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 58.35K
      2.54K
      16 ก.ค. 66



    4/2

        ลู่เอินนิ่งเงียบไม่พูดต่อ นางต้องการให้เวลาช่วยปัดเป่าความเศร้าใจของเขาออกไป หวังว่าสักวันเขาจะเข้าใจและรับรู้ได้ว่ามารดาของเขามีเหตุผล บางทีการที่ให้ชายหนุ่มคิดเองอาจจะมีผลดีกว่า
        “นอกจากจะมาบอกเรื่องนั้นแล้วท่านแม่ยังมาขอบางอย่างกับข้าด้วย”หลังจากที่เงียบมานานพอสมควรก็เป็นจิ้นเหอที่พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
        “......”ลู่เอินขมวดคิ้วสงสัย แต่ไม่ได้แสดงอาการอยากรู้อยากเห็นมากจนเกินไป
        “ท่านแม่มาขอเลือกฮูหยินน้อยให้ข้า”ลู่เอินเม้มปากแน่นหลุบสายตามองมือบางที่ตั้งอยู่บนตัก  
        เหตุใดเมื่อรู้ว่าจะมีภรรยาอื่นนอกจากนางแล้วรู้สึกโหวง ๆ นักนะ เป็นความยินดีที่มีความเสียใจ เลือกไม่ถูกว่าจะใช้ความรู้สึกไหนมาแสดงดี สับสนจริง ๆ ความรู้สึกเช่นนี้แปลกเกินไป นางไม่เข้าใจมัน...
        “แล้วฮูหยินเลือกใครหรือเจ้าคะ”นางกลืนน้ำลายลงคอไล่ความรู้สึกแปลกๆนั้นออกไป คำถามนี้นางถามตามมารยาทเท่านั้น หาได้อยากรู้แต่อย่างใด
        “เจ้า”ลู่เอินอ้าปากค้าง เมื่อได้ฟังคำตอบ 
        เป็นนางหรอกหรือ เป็นไปได้อย่างไร เดิมทีฮูหยินเฒ่าก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับนางเสียหน่อย เหตุใดตอนนี้จึงได้พูดขอเช่นนี้ได้กัน 
        “ทำไม”นางไม่ได้คาดหวังที่จะเป็นฮูหยินน้อยของเขาเพราะนางไม่ได้อยู่กับเขาตลอดไป รู้เช่นนี้แล้วแต่ทำไมนางถึงได้รู้สึก..ดีใจกันนะ คล้ายว่าลึก ๆ ในใจของนางก็ต้องการให้เป็นเช่นนี้ รอยยิ้มผุดบนใบหน้างามอย่างห้ามไม่อยู่
        “ข้าถามว่าเหตุใดถึงเป็นเจ้าท่านแม่ก็มิตอบ”จิ้นเหอมองรอยยิ้มกว้างบนใบหน้างามแล้วพูดต่อ
        หญิงสาวหันมองเขาอย่างจดจ้อง“.......”
        “จะว่าเจ้าฉลาดก็คงจะมิใช่”แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาก็ต้องหุบยิ้มลง เขา...ช่างปากคอเราะร้าย
        “........”
        “ช่วยบอกได้หรือไม่ว่าเหตุใด”ลู่เอินมองหน้าที่เปื้อนยิ้มของเขา หากเขาอยู่ในโลกของนางเขาควรจะได้เป็นนักแสดง เปลี่ยนอารมณ์จนนางตามไม่ทัน แล้วอย่างไรเมื่อเขาอยากรู้นางก็จะตอบให้กระจ่าง
        “ไม่เห็นจะต้องคิดมากก็....เพราะข้างามเจ้าค่ะ”ลู่เอินยิ้ม ยียวนมานางยียวนกลับ 
        “.....”เขาไม่ตอบกลับทั้งยังมองหน้านางแล้วยิ้ม 
        “หา...ข้าได้ยินว่าผู้ใดงามนะ”เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
        ลู่เอินหันกลับไปมองแล้วต้องอ้าปากค้าง ร่างสมส่วนของบุรุษแต่ ใบหน้ากลับงดงาม !!
        งดงามจริงๆ งามจนหาคำบรรยายมาบรรยายความงามนี้มิได้ นางรู้แต่เพียงว่า อยากขุดหลุมฝังใบหน้าที่บอกพี่เหอว่างามนี้นัก..... หากเมื่อครู่นางบอกว่านางนี้งาม นางขอถอนคำพูด เพราะ คนผู้นี้ที่ยืนตรงหน้านาง งามกว่านาง !!!
        แม้นมิอยากยอมรับความจริงนักแต่คงต้องยอมรับและนางคงจะรู้สึกดีกว่านี้หากคนผู้นี้เป็นสตรี แต่ มิใช่
     เพราะเขา ใช่ เขานั้นแหละ เป็นบุรุษ น้ำเสียงที่เอื่อนเอ่ยออกมานั้นหาใช่เสียงของสตรีเพศไม่ แต่เป็นเสียงของบุรุษ นางแทบจะเอาหัวโหม่งพื้นให้ตายยิ่งเห็นใบหน้างดงามของเขาแล้ว ยิ่งช้ำใจ
        ถามจริงเถิดนะ ถ้าจะมีบุรุษที่งดงามเช่นนี้จะมีสตรีเพื่อ ?
        นางเริ่มรู้สึกเห็นใจสตรีที่นี่แล้วสิ 
        “อนุภรรยาของเจ้าทำให้ข้าแปลกใจยิ่งนักอาเหอ”บุรุษใบหน้างดงามมองนางราวกับมอง 'ตัวประหลาด' 
        นางยอมรับก็ได้ว่านางเป็นตัวประหลาด สตรีดี ๆ ที่ไหนชมตัวเองว่างามได้หน้าตาเฉยเช่นนางเล่า แต่นั้นคือความจริงแม้ความงามของนางจะน้อยกว่าเขานิดนึงก็เถอะ
        “ลู่เอิน นั้นหมิงเล่อสหายของข้า”ลู่เอินหันมองหน้าจิ้นเหอเพียงครู่แล้วหันไปมองบุรุษผู้งดงามตรงหน้าต่อ
        หมิงเล่อหรือ ชื่อนี้ออกมาไม่กี่ครั้งในนิยาย ส่วนบทพูดของเขานะหรือทั้งเรื่องได้พูดไม่กี่คำเท่านั้น เรียกได้ว่าเขานั้นก็เป็นตัวประกอบไม่ต่างจากลู่เอิน แต่ดีกว่าเพราะเขานั้นมีสหายที่เป็นตัวร้ายอันดับหนึ่งเช่นพี่เหอและมีน้องสาวซึ่งเป็นนางร้ายเบอร์หนึ่งของเรื่องเช่นหมิงเหลียน คนใกล้ตัวของเขาล้วนได้บทสำคัญทั้งสิ้น นางได้อ่านตอนที่เขาออกมาอยู่ ในนิยายก็กล่าวว่าเขามีใบหน้าที่งดงาม แต่ นางไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะงามจนสตรีเช่นนางต้องอับอายเสียหน่อย พอเถอะยิ่งพูดถึงความงามของเขาแล้วนางยิ่งเครียด 
        หมิงเล่อนั้นเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลหมิงซึ่งแน่นอนว่าพี่เหอย่อมไม่คบสหายที่มีแต่ตัวเป็นแน่ ตระกูลหมิงนั้นมีกิจการร้านผ้าไหมที่มีชื่อเสียงขจรไกลไม่ต่างจากโรงเตี๊ยมของพี่เหอ ตอนนี้หมิงเล่อก็รับช่วงเป็นผู้ดูแลต่อจากบิดาของเขาแล้ว นางรู้มาเท่านี้แหละ
        อ้อ อีกเรื่องที่นางรู้ นางรู้ว่า พี่เหอและคุณชายหมิงผู้นี้
        สนิทกันมาก.....นางจะไม่กังวลหากเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่เจอคุณชายหมิง แต่ตอนนี้นางเจอเขาแล้ว บอกตามตรงนางมีความกังวลอยู่เต็มอก ดูเอาเถิดคุณชายหมิงนั้นออกจะงดงามสตรียังต้องหลบทางให้เช่นนี้ พี่เหอที่เป็นสหายกับคุณชายหมิงจะไม่หลงไหลความงามนี้บ้างหรือ ?
         ไม่หรอก...หากพี่เหอจะคิดอันใดกับคุณชายหมิงเขาคงคิดไปนานแล้วแต่เชื่อได้หรือ จะมองมุมไหนคุณชายหมิงก็น่าหลงไหล บางทีพี่เหออาจจะยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเองก็อาจจะเป็นได้ 
        บ้า นางต้องบ้าไปแล้ว ใครก็ได้ช่วยดึงนางออกจากความคิดบ้าๆนี้เสียที
        จิ้นเหอมองสีหน้าแสนประหลาดของลู่เอินแล้วขบกรามแกร่ง นางมองเขาและหมิงเล่อสลับกันไปมาบางทีก็เห็นคิ้วเรียวขมวดขึง บางคราก็เม้มปากบางแน่น แววตาที่มองมาทำให้เขาเดาได้ไม่ยากว่านางคิดอันใดอยู่
        “เลิกทำหน้าประหลาดเช่นนั้นเสีย ลู่เอิน”จิ้นเหอพูดขึ้น
        “เอ่อ ดูออกหรือเจ้าคะ”จิ้นเหอมองรอยยิ้มที่นางส่งมารู้สึกว่าอยากหยิกแก้มเนียนใสของนางนัก
        “พวกเจ้าคุยอันใดกัน”เป็นหมิงเล่อที่มองสองสามีภรรยาคู่นี้อย่างงงงวย พวกเขาคุยอันใดกันอยู่ 
        ลู่เอินหันไปมองบุรุษผู้งดงามแล้วยิ้มให้เขา“ลู่เอินคารวะคุณชายหมิงเจ้าค่ะ”
         “......”หมิงเล่อลูบปลายคางตัวเองมองสตรีตรงหน้าของเขา
        หน้าตาก็จัดว่างาม รูปร่างเย้ายวน รวมๆแล้วสตรีนางนี้งามมิน้อยเชียว เมื่อหันไปมองจิ้นเหอก็ต้องพยักหน้ารับ บุรุษและสตรีคู่นี้นับว่าเหมาะสมกันยิ่งนัก บุรุษที่หล่อเหลาแต่ยังด้อยกว่าเขาอยู่หลายส่วน (?) และสตรีที่งาม แม้นมิงามพิลาสชวนลุ่มหลงเช่นเหลียนเอ๋อร์ของเขาก็เถอะ
        ลู่เอินกำลังบีบตัวเองให้เล็กที่สุดเท่าที่ทำได้ นางรู้สึกประหม่ายิ่งนัก เมื่อรับรู้ได้ว่าถูกสายตาจ้องมองจากสหายของพี่เหอ
        นางรู้ว่านางงามแต่ได้โปรดอย่ามองนาน
        “สำรวจพอรึยัง”เสียงสวรรค์และแผ่นหลังกว้างของบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่เข้ามาบดบังรัศมีสายตาสำรวจของหมิงเล่อทำให้ลู่เอินหายใจสะดวกกว่าเดิม กล่าวขอบคุณพี่เหอในใจ
        พ่อพระของนาง
        “เจ้านี้ยังคงขี้หวงเช่นวัยเด็กมิมีผิด”หมิงเล่อมองสหายแววตาแพรวพราว
         “เจ้ามาหาข้ามีกิจอันใด”จิ้นเหอส่ายหน้าระอากับท่าทางราวกับเจอของเล่นของสหาย
        “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าพาอนุคนงามของเจ้ามาจิ้นทงจึงอยากมายลโฉมอนุคนงามของเจ้าเพียงเท่านั้น”หมิงเล่อไหวไหล่สีหน้าสนุกสนานเต็มที
        “แล้วอย่างไร”จิ้นเหอเสหน้า เกรงว่าหากเขาเห็นท่าทางยียวนของสหายรักนานกว่านี้ ใบหน้างดงามเกินบุรุษนั้นอาจจะมีบาดแผล
         “ก็อย่างที่นางกล่าว นางนั้นงามนัก ฮ่า ฮ่า”หมิงเล่อหัวเราะเสียงดังลบคราบบุรุษแสนงดงามไปสิ้น เขาคงไม่รู้ว่าเสียงหัวเราะของเขาทำให้สตรีหนึ่งเดียวในห้องแทบจะกระโจนออกจากห้องทางหน้าต่าง
        “งั้นเจ้าก็กลับไปได้แล้ว”จิ้นเหออดที่จะหัวเราะตามมิได้ 
          “มิได้หรอก มาโรงเตี๊ยมขึ้นชื่อของเมืองหลวงทั้งทีจะไม่ได้กินอาหารได้เยี่ยงไร ใช่หรือไม่อนุคนงาม”ลู่เอินสะดุ้งเมื่อถูกถามมิคิดว่าจะถูกพาดพิงอุตส่าห์ทำตัวกลมกลืนกับอากาศแล้ว
        “เอ่อ ชะ ใช่เจ้าค่ะ”ลู่เอินแทบจะเอาหัวโหม่งโต๊ะ จะตอบว่าไม่ก็มิได้ นางช่างไร้ความสามารถสิ้นดียิ่งถูกเรียกว่าคนงามยิ่งอยากกัดลิ้นกลั้นหายใจเสีย
        “....”จิ้นเหอยิ้มขบขันครั้นเห็นสีหน้าที่คล้ายจะร้องไห้เต็มทีของลู่เอิน 
        “ค่อยมากินวันอื่น”จิ้นเหอถอนสายตามามองหมิงเล่อ
        “ได้อย่างไรเล่า ข้าเป็นลูกค้าของเจ้านะไล่ลูกค้าเช่นนี้ได้อย่างไร”จิ้นเหอถอนหายใจระอา เห็นท่าทีฟึดฟัดเกินจริงของสหาย
        “ลูกค้าเช่นเจ้ามีก็คล้ายไม่มี”จิ้นเหอพูดสีหน้าเบื่อหน่าย
        “ข้าเป็นลูกค้าที่ดีที่สุดของเจ้าแล้วนะอาเหอ สั่งอาหารที่ทำให้เจ้าได้กำไรมากิน มิเห็นหรืออาหารแต่ละอย่างนั้นราคาของมันทำให้โรงเตี๊ยมของเจ้ามีกำไรไปกว่าครึ่ง”ยิ่งฟังจิ้นเหอก็ยิ่งรู้สึกว่าอยากจะเอาหมัดซัดใบหน้างดงามนี้นัก
        “หึ สั่งอาหารแสนแพงแต่ไม่เคยจ่ายนี่หรือลูกค้าที่ดี”ประโยคนี้ของชายหนุ่มทำให้ลู่เอินอึ้งหันมองใบหน้างดงามของหมิงเล่อ นี่...คนงาม เขาหน้าหนาขนาดที่ว่ากินแล้วไม่จ่ายเลยหรือ
        “แต่...”จิ้นเหอยกมือห้าม เขาคร้านจะฟังต่อ
        “พอเถิด วันนี้ข้าจะกลับจวนแล้ว”
        ลู่เอินหลุดหัวเราะบทสนทนาของบุรุษทั้งคู่ จะว่าไปพวกเขาก็เหมาะสมกันดีนะ หนึ่งหล่อเหลาหนึ่งงดงาม มองมุมไหนก็เหมาะสม 
        “หยุดทำหน้าอัปลักษณ์เสีย”ลู่เอินสะดุ้งมองใบหน้าอึมครึมของจิ้นเหอแล้วยิ้มแห้ง ๆ เอี้ยวตัวไปมองบุรุษแสนงดงามของห้องแต่พบว่าบริเวณที่เขาเคยยืนอยู่ว่างเปล่า 
        “เขากลับไปแล้ว”ลู่เอินแอบคิดว่า คุณชายหมิงผู้นั้นเป็นนินจาหรือไร มาเร็วไปเร็วยิ่งนัก
        “เขางดงามยิ่งเจ้าค่ะ”ลู่เอินเงยหน้ามองปฏิกิริยาของพี่เหอ ว่าเขาจะพยักหน้ารับหรือส่ายหัว
        “จะงดงามเช่นไรก็เป็นบุรุษ ข้ามิได้มีรสนิยมพึงใจบุรุษ”ลู่เอินหัวเราะเบา ๆ เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็ลอบถอนหายใจโล่งอก อย่างน้อยเขาก็ไม่ชอบชนช้าง...
        “มิสนใจสักนิดเลยหรือเจ้าคะ”ลู่เอินอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่เขาต่อ นานทีจะมีโอกาสได้เห็นใบหน้าบึ้งตึงเช่นนี้ของเขา
        “ไม่”ยิ่งเห็นใบหน้าอึมครึมของเขายิ่งทำให้นางยิ้ม
        “เขา...งดงามนะเจ้าคะ”
        “เขางดงามเช่นไรก็ช่าง ในสายตาข้าเจ้านั้นงามกว่า”ลู่เอินยิ้มค้าง ไม่ทราบว่าท่าทีของเขานั้นคือตั้งใจชมนางจากใจจริงหรือจะกลั่นแกล้งให้หลงดีใจแล้วพ่นวาจาร้ายกาจมาทีหลัง หากชมจากใจจริงก็คงจะดี
        “....”ลู่เอินมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยสีหน้าหวาดระแวง
        “ต่อจากนี้ข้าคงต้องทำความรู้จักกับเจ้าให้มาก”
        “....”หญิงสาวเพียงเงียบไม่พูดขัด ในใจอยากจะรู้ว่าเขานึกจะกลั่นแกล้งอะไรอีก จะได้เตรียมตัวตั้งรับไม่ให้พลาดท่าให้อับอายเช่นที่แล้วมา
        “เพื่อความสุขของท่านแม่และตัวของข้า”
        “.....”
        “ว่าที่ฮูหยินน้อยของข้า”ลู่เอินกระพริบตาปริบ ๆ ช็อค ช็อค ช็อค ! ประโยคนี้ของเขาทำให้ใจนางเต้นเร็วและแรงยิ่งกว่ามีคนมาตีกลองในอก
        อะไรคือ ทำความรู้จักให้มากขึ้น
        อะไรคือ ความสุขของเขา
        อะไรคือ ว่าที่ฮูหยินน้อยของเขา
        นางไม่อยากคิดเข้าข้างตนเองหรอกนะ แต่ใครได้ยินเช่นที่นางได้ยิน ย่อมต้องคิดเหมือนกัน จริงหรือไม่...แม้มันจะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นแต่ก็ทำให้รู้สึกดีไม่น้อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×