ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #10 : มิติพิศวงที่ 8 [Re]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.26K
      679
      8 ส.ค. 63

     

     

     

    มิติพิศวงที่ 8

     

     

     

    เริ่มควอเตอร์ที่สองไปได้สักพักหนึ่งแล้ว โดยที่คุโรโกะยังคงถูกสั่งให้พักและสังเกตการณ์ผู้เล่นเบอร์ 10 ตามคำบอกของอมีเรีย ที่ตอนนี้นั่งอ้าปากหาวอยู่ข้างๆเขา เธอไม่ได้ออกไปยืนข้างสนามเหมือนในตอนแรกแล้วละ เลยกลับมานั่งมองคนอื่นๆเล่นอยู่ในสนามมากกว่า 

    อมีเรียยอมรับเลยว่า..การที่เพ่งสายตามากๆในการจดจำใบหน้าซึ่งขัดต่อโรคประจำตัว มันทำให้เธอปวดหัว

    แถมตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกปวดตาขึ้นมาเป็นพักๆ เดี๋ยวจี๊ด เดี๋ยวแสบ

    มันคือความน่ารำคาญอีกอย่างหนึ่งของโรคที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่เธอไม่คิดจะบอกใครหรอกนะนอกจากพวกเขาจะเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน คางามิเองก็พอจะเดาอาการที่จู่ๆก็กลับไปนั่งอย่างสงบเสงี่ยมแถมยังเอาแว่นตามาใส่ปกปิดดวงตาสองสีของญาติสาวร่างเล็กได้ ถึงจะไม่ได้ติดต่อกันนานหลายปีจนกระทั่งอมีเรียมาอยู่ญี่ปุ่น แต่เขาก็พอรู้ว่าญาติสาวมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง

    แต่เหมือนเขาจะเป็นห่วงเธอมากไปหน่อยเลยทำให้ขาดสมาธิในการจดจ่อกับการเล่นเล่นในสนาม

     

    พรึบ!

     

    หลุดไปแล้ว คางามิตกใจในชั่วพริบตาที่เขาเผลอมองออกไปนอกสนาม มิโดริมะที่คางามิประกบอยู่ก็หลุดวิ่งออกไปรอตั้งท่าชู้ตลูกสามแต้มอีกครั้ง เขาไม่ยอมให้ทำแบบนั้นอีกครั้งหรอก! คางามิวิ่งไล่ไปดักหน้ามิโดริมะแต่ช้าไป อีกฝ่ายปล่อยลูกชู้ตออกไปแล้ว คางามิ ไทกะจึงทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดทันที

    และการกระทำนั้นทำให้อมีเรียที่กำลังจะพักสายต้องผลุดลุกขึ้นยืน พร้อมตะโกนออกไปสุดเสียง

    “กระโดดปัดไปเลย!!”

    “ไม่ต้องบอก ฉันก็ทำอยู่แล้ว ยัยเบื้อกตาสองสี!”

    ปึง!

    คางามิตอบกลับเสียงดังพร้อมกระโดดให้สูงที่สุดเท่าที่เขาจะโดดได้ การกระโดดสูงที่ราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังลอยตัวอยู่ ช่างเป็นแรงกระโดดที่สูงขึ้นเรื่อยๆตามพลังของผู้กระโดด อมีเรียมั่นใจว่าคางามิจะสามารถปัดลูกชู้ตมิโดริมะก่อนที่มันจะอยู่จุดกึ่งกลางเส้นโค้ง และเขาก็ทำมันได้

    “ไปเลยไทกะ ดั้งค์ให้สุดไปเลย”

    คางามิที่สามารถหยุดลูกชู้ตของมิโดริมะได้ ทำให้ทั้งคนในสนามและนอกสนามต่างก็ทึ้งในความสามารถนี้ของเขา พลังขาที่ใช้กระโดดราวกับพวกนักกีฬามืออาชีพ คางามิรีบวิ่งไปเอาลูกบาสที่ตนเองเป็นคนปัดทิ้งแล้ววิ่งเลี้ยงลูกไปดั้งค์ได้อย่างง่ายดาย ท่ามกลางเหล่าทีมชูโตคุที่ยังคงตกใจกับพลังกระโดดในการหยุดลูกบาสของเขา

    อมีเรียเป่าลมออกปากด้วยความโล่งอก แต่เธอก็มีท่าทางสบายได้ไม่นานเมื่ออาการเจ็บที่ตาข้างซ้ายเริ่มขึ้น! 

    ด้วยเพราะร่างนี้ที่อมีเรียใช้อยู่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาขั้นสูงเหมือนร่างเก่าของเธอ แต่ถึงร่างนั้นจะได้รับการรักษาขั้นสูงแต่ถึงยังไงโรคของเธอก็ยังไม่ได้หายขาดเสียหน่อย -- ดังนั้นการจดจ่อกับอะไรนานๆยิ่งจะทำให้เกิดผลเสีย ถึงจะช่วยให้สามารถจำใบหน้าได้บ้างอย่างน้อยก็สักประมาณคนสองคน ทว่าเธอก็ต้องเจ็บปวดกับอาการที่ตา 

    เด็กสาวรีบหยิบยาหยอดตาชนิดพิเศษที่มีอยู่ในห่อยาประจำตัวของตัวเองออกมา แล้วทำการหยอดตาอย่างไวก่อนจะใช้ผ้าปิดตาปิดทับเอาไว้

    ตอนนี้อมีเรียมองเห็นได้ด้วยตาขวาข้างเดียวเท่านั้นแล้ว

     

    แต่ถึงคางามิจะหยุดลูกชู้ตได้ แต่แต้มของชูโตคุก็นำไปไกลโขยากที่จะเอาคืนได้โดยง่าย ยิ่งกับคนที่สามารถหยุดและประกบคุโรโกะได้ด้วยแล้วมันยิ่งยากเข้าไปอีก แต่ไม่รู้ทำไมอมีเรียถึงได้เชื่อว่า ทั้งคางามิ คุโรโกะและพวกรุ่นพี่จะหาทางรับมือกับมันได้อย่างแน่นอน 

    ไม่ได้เชื่อเพราะเธอรู้เรื่องล่วงหน้า 

    แต่เพราะเธอในความสามารถของแต่ละคนต่างหากละ

    อมีเรียหลับตาลงเพื่อพักสายตาก่อนที่เธอจะมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่คางามิเดินเข้ามาสะกิดด้วยความเป็นห่วง ต่อให้เขารู้สึกไม่สบายใจที่แต้มมันถูกนำไปขนาดนั้น แต่เขาก็เป็นห่วงอมีเรียที่ปิดตาไปแล้วข้างหนึ่งพร้อมกับนั่งหลับราวกับว่ากำลังพักผ่อน – อมีเรียมองคางามิเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองด้านหลัง..

     

    การแข่งในควอเตอร์สอง..จบแล้วหรอ?

     

    “ไหวไหมเนี่ย?” คางามิขมวดคิ้ว เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงอย่างชัดเจน

    อมีเรียเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าแล้วส่ายหน้าเบาๆว่าเธอไม่เป็นอะไร

    ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามหลังคนอื่นๆไปห้องพักนักกีฬา อาหารว่างสำหรับนักกีฬา น้ำและผ้าขนหนูเธอเตรียมเอาไว้ให้ทุกคนในล๊อคเกอร์ก่อนที่จะหลับแล้วละ ดังนั้นอมีเรียเลยไม่เร่งรีบที่จะเดินไปห้องพักนักกีฬามากนัก เธอจะปล่อยให้ทุกคนจมอยู่กับสมาธิ ว่าจะทำยังไงให้เกมพลิกกลับมาเป็นของตนเอง

     

    กึก!

     

    ร่างบอบบางในชุดนักเรียนหญิงเซย์รินหยุดจังหวะก้าวเดินของตัวเอง เธอผินหน้ามองออกไปข้างนอกก่อนเอือนอเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว คล้ายกับกำลังกระซิบกับตัวเองอยู่... 

    แต่ไม่รู้ทำไม...

    “...ฝนตกงั้นหรอ?”

    แววตาของเธอกลับมีประกายอารมณ์บางอย่างพาดผ่าน

    เธอได้แต่ยืนมองด้านนอกที่มีสายฝนเทลงมาอย่างไม่ขาดสายด้วยความสนใจครู่หนึ่ง เธอได้กลิ่นอายของสายฝนและดินลอยมาตามลมก่อนจะละสายตาจากมัน  หากเธอยังยืนรับลมและละอองฝนอยู่แบบนี้ โรคประจำตัวได้กำเริบแน่ๆเด็กสาวเดินตรงไปเรื่อยๆตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังห้องพักนักกีฬา ส่วนคางามิกับคนอื่นๆเดินนำไปก่อนหน้าเธอแล้ว ตอนนี้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องพักนักกีฬาแล้วเหลือเพียงเธอที่ขอเดินรั้งท้าย ไม่ใช่เพราะอะไรทั้งนั้น 

    แค่เธออยากเดินรั้งท้ายเข้าห้องช้าๆ เท่านั้นเอง ไม่ใช่เพราะอาการปวดที่ตาของเธอ แต่เป็นความรู้สึกของเธอต่างหากที่กำลังร้องเรียกให้มาเดินรั้งท้ายแบบนี้.. 

    ตึก ตึก ตึก

    “...!”

    อมีเรียหยุดเดิน เธอหันไปมองตามหลังชายคนที่เดินสวนทางกับเธอไปเมื่อสักครู่ ไม่รู้ทำไมแต่เธอกลับรู้สึกว่าชายคนนั้นพิเศษ แต่ถึงกระนั่นเธอก็ไม่อาจมองเห็นใบหน้าเขาเหมือนคนอื่นๆนั้นแหละ เพียงแต่เธอแอบเห็นว่าภายใต้เสื้อคลุมนั้นเป็นชุดนักกีฬา คงจะเป็นนักกีฬาฝั่งชูโตคุที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำละมั้ง.. 

    เธอคิดแล้วก็เลิกใส่ใจในทันทีก่อนจะเคาะประตูสองทีแล้วเปิดเข้าข้างใน...

     

    เอ๊ะ....?!

    “หือ?!”

    อมีเรียกะพริบตาโดยที่ใบหน้าเรียบเฉยของเธอไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเลยสักนิด “อา...”

    จริงอยู่ว่า เธอมองไม่เห็นใบหน้าของใครทั้งนั้นเพราะมันเบลอไปหมด แต่เธอก็เห็นใบหน้าของมิโดริมะชัดเจน

    ด้วยเพราะใช้ดวงตาจดจ่อกับเขามากผิดปกติจนต้องมาทรมานกับอาการปวดตาแบบนี้ไงละ แต่ว่าในตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเข้ามาผิดห้องเสียแล้ว.. – ใบหน้าเรียบเฉยขยับผินหน้าไปมองป้ายหน้าห้องของเล็กน้อยก่อนเลื่อนกลับมามองเหล่านักกีฬาชายทั้งหลายที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่ มือเรียวเล็กขยับหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงออกมา 

    กดหน้าจอเพื่อปลดล็อกรหัสผ่าน เด็กสาวรู้สึกอยากโทรตามคางามิให้มารับเธอจริงๆแล้วสิ

    กวาดสายตามองทีมบาสชูโตคุเล็กน้อย ก่อนเลื่อนนิ้วหาเบอร์โทรญาติคนสนิทเพื่อบอกว่า เธอหลงทางอีกแล้ว 

    หลงทางได้แม้กระทั่งกับทางเดินที่ตรงไปเรื่อยๆแบบนี้ หากไทกะรู้เข้าคงได้เหวี่ยงเธอเช้าสายบ่ายเย็นแน่ๆ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะโทรหาคางามิอยู่ดีนั้นแหละ ขืนไม่โทรบอกเดี๋ยวเขาก็ได้วิ่งวุ่นตามหาจนไม่สามารถพักให้หายเหนื่อยแน่นอน ถ้ามันเป็นแบบนั้นคงจะแย่ต่อเกมในสนามกันพอดีนะสิ

    กดโทรออกรอสายอยู่สักพักจนสายมันตัด เธอจึงได้รัวนิ้วส่งข้อความบอก

    เมื่อจัดการปัญหาของตัวเองเสร็จ เด็กสาวจึงได้เงยหน้าขึ้นมองสมาชิกทีมบาสชูโตคุทั้งหลายที่คาดว่า คงกำลังจ้องหน้าเธออย่างสงสัยอยู่แน่ “ขอโทษค่ะ” อมีเรียตัดสินใจก้มหัวขอโทษแล้วรีบเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไม่เป็นการรบกวนพวกเขา แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาโค้งขอโทษอีกครั้งด้วยใบหน้ามึนง่วง

    “ขอโทษค่ะเข้าผิดห้อง ขออภัยที่มารบกวนค่ะ”

    “...”

     

    .

    .

    .

     

    กดส่งข้อความไปได้ไม่นานคางามิจึงได้กดส่งกลับมาพร้อมรุ่นพี่ริโกะที่วิ่งมาตามเธอพอดี รุ่นพี่สาวอธิบายว่าคางามิเป็นคนบอกกับเธอเองแหละว่า ‘ผู้จัดการหญิงของพวกเขาหลงทางไปโผล่ที่ห้องพักของชูโตคุ’ แค่ประโยคเดียวทำเอาเหล่าทีมบาสเซย์รินแทบสำลักน้ำเกลือแร่กันไปถ้วนหน้าอยู่แล้ว ริโกะเลยขันอาสาเป็นคนวิ่งออกไปรับเองและก็จริงอย่างที่คางามิบอกนั่นแหละ 

    อมีเรียเพิ่งจะปิดประตูห้องพักของชูโตคุได้ไม่นานเอง ในที่สุดอมีเรียก็หาทางกลับมาห้องพักเซย์รินได้สักทีแม้จะเป็นการกลับมาด้วยการถูกรุ่นพี่สาวไปตาม ก่อนเด็กสาวจะเลิกคิ้วมองทุกคน เพราะพวกเขาล้วนมองมาทางเธอจนน่าสงสัยว่าในช่วงที่เธอไม่อยู่ พวกเขาแอบนินทาอะไรเธอรึเปล่า?

    “มีอะไรรึเปล่าคะ?”

    “เปล่าๆ แค่แอบตกใจนะที่อมีเรียจังมาช้า..” และตกใจว่าทำไมผู้จัดการทีมของพวกเขาถึงได้หลงไปทีมโน้น

    อมีเรียทำหน้านึกแล้วพยักหน้าเบาๆ “หลงทางนิดหน่อยค่ะ” แล้วตอบไปตามความจริง

    เมื่อเห็นว่าทุกคนก็ไม่ได้สนใจกับเรื่องหลงทางของเธอกันอยู่แล้ว อมีเรียเลยเลือกที่จะปัดความคิดทั้งหมดของเธอทิ้งแล้วเดินเข้าไปในห้อง อมีเรียนั่งลงข้างๆคางามิที่ก้มหน้าเงียบราวกับคิดอะไรอยู่ก่อนยกนิ้วจิ้มแขนญาติหนุ่มพร้อมเอ่ยถามเสียงเรียบ

    “.....กำลังทำหน้าเครียดทำไมคะ?”

    เธอจิ้มแขนเขาสองสามทีเพื่อดูปฏิกิริยาก่อนจะจับแก้มของคางามิยืดยาวอย่างสนุกสนาน

    ยืดๆ

    “ออ่า เอ่น ออ่า อัน อ้วย ออ่า อึนอึนไอ้ไออีเอีย” (แปล :: อย่าเล่น หน้าฉันด้วยหน้ามึนมึน ได้ไหมมีเรีย) 

    คางามิเหล่มองญาติสาวเล็กน้อย ก่อนเขาจะจับยืดแก้มของเธอเหมือนกับที่เธอกำลังทำอยู่ด้วยความหมั่นไส้ แม้จะรู้สึกประหลาดใจกับสัมผัสที่แก้มของอมีเรียก็เถอะ มันนุ่มเหมือนมาสเมลโล่จนคางามิเกือบจะบีบเล่นเพลินมือเสียแล้วถ้าไม่เพราะรุ่นพี่ในทีมเอาผ้ามาตีมือเขาก่อน ถ้าไม่มีใครเข้ามาห้ามเขาคงจะเล่นแก้มมีเรียอยู่อย่างนั้นจนถึงเวลาแข่งแน่ๆ รึบางทีอาจจะไม่ออกไปแข่งเลยก็ได้....ละมั้ง

    “ไทกะนี่ ชอบความรุนแรงสินะคะ” อมีเรียลูบแก้มที่ถูกบีบทั้งสองเบาๆ พลางปรายตามองญาติหนุ่มที่ทำหน้าเหมือนลูกหมาที่ถูกทำร้าย “เจ็บมากเลยค่ะ เราเล่นแก้มไทกะเบาๆเอง”

    “แรงฉันกับแรงเธอเหมือนกันที่ไหนละ...ว่าแต่เจ็บจริงดิ?” คางามิเลิกคิ้วมองก่อนจะเด้งตัวหลบขาของอมีเรียที่ทำท่าจะเตะขาเขา ประโยคคำถามที่เขาเอ่ยออกมามันเหมือนจงใจถามมากกว่าจนอมีเรียหยุดอาการขากระตุกไว้ไม่อยู่

    “ถ้าทราบอยู่แล้วทำไมต้องบีบแรงด้วยละคะ – หัดทะนุถนอมผู้หญิงบ้างสิค่ะ”

    “หูย คางามิรุนแรงกับคุณผู้จัดการเหรอ”

    “ก็เนอะผู้จัดการคนสวยของพวกเราแน่แกล้งแหละเนอะ~”

    ทุกคนในห้องพักนักกีฬาส่งเสียงแซวคางามิ ที่โดนอมีเรียพองแก้มป่องสะบัดผมงอนหันหน้าหนีไปอีกทางเสียแล้ว จากเดิมทีห้องพักนักกีฬาต่างก็เงียบและเต็มไปด้วยความกังวล เริ่มกลับมาร่าเริงและเสียงดังอีกครั้ง ริโกะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก 

    นึกว่าเธอจะต้องพูดว่าจะ หอมแก้ม พวกเขาทุกคนเสียแล้ว

    อมีเรียเหล่มองคางามิที่โดนทั้งรุ่นพี่ เพื่อนและคุโรโกะตำหนิเรื่องการไม่ถนอมผู้หญิงจนเสี่ยวหน้าของเขาแดงก่ำไปหมด พอกวาดสายตามองไปรอบห้องแล้ว ก็ไม่มีใครพอที่จะช่วยได้ สุดท้ายคางามิก็เลือกทำในสิ่งที่หลายๆคนไม่คาดคิด

    “ทนงถนอมบ้าอะไรเล่า! มีเรียเป็นญาติฉันน่ะและอีกอย่างทีรุ่นพี่กับพวกนายยังไม่เห็นจะถนอมโค้ชเลย!”

    กึก..

    “ไทกะ..อย่างน้อยก็มองว่ารุ่นพี่ริโกะเป็นผู้หญิงสินะคะ – ว้าว พัฒนาๆ” อมีเรียตบมือแปะแล้วหมุนตัวหลบมือใหญ่ที่หมายจะคว้าตัวเธอไปได้หวุดหวิด ก่อนจะหันไปทำหน้ามึนแล้วตบมือแปะๆต่อ “ว้าว ไทกะโตแล้วละๆ”

    “จะกวนตีนใช่มั้ยยัยบ๊อง!!!”

    และแล้วศึกสายเลือดก็เริ่มต้นขึ้น(ไม่ใช่นะครับ..อย่าออกทะเล กลับมาได้แล้วครับ::คุโรโกะ) 

    คางามิทำท่าจะวิ่งไล่จับอมีเรียแต่ก็ไม่ทัน ก่อนจะจบลงด้วยการที่เขาโดนริโกะดัดหลังอยู่พักใหญ่โทษฐานที่พูดไม่เข้าหูก่อนหน้านี้ อะไรคือว่าเธอไม่มีใครถนอม ทำร้ายน้ำใจกันมากเกินไปแล้ว! ริโกะเคียดแค้นพร้อมแผ่ออร่าน่ากลัวออกมา โดยมีอมีเรียคอยปรบมือแปะเชียร์อยู่ด้านหลัง

    ในตอนนี้ทุกคนเริ่มร่าเริงขึ้นมาจนเกือบจะเป็นปกติ ในขณะที่อมีเรียกลายเป็นคนอารมณ์บูดแทน...

     

    .

    .

    .

     

    การแข่งขันในควอเตอร์ที่สามเริ่มต้นไปได้สักพักแล้ว แต่อมีเรียกลับยังรู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะยกขาถีบคนเสียเหลือเกินโดยเฉพาะคนที่ชื่อ 

    คางามิ ไทกะ! 

    หลังจากที่ออกมาจากห้องพักนักกีฬาได้ไม่นาน คางามิก็ทำการนำผ้ามาปิดตาทั้งสองข้างของอมีเรียเอาไว้พร้อมเหตุผลที่ว่า เขากลัวอาการข้างเคียงจากโรคประจำตัวกำเริบ โดยมีริโกะที่เห็นด้วยพร้อมสมาชิกทั้งหลาย ในตอนนี้อมีเรียเลยกลายเป็นผู้จัดการผ้าพันแผลมัมมี่ไปเสียแล้ว.

    และนั้นก็เป็นต้นเหตุของความหงุดหงิดที่อมีเรียเป็นอยู่...

    เธอแค่ปวดตาจนลืมไม่ขึ้นข้างหนึ่งเองนะ ไทกะเล่นใหญ่เกินไปแล้ว! แค่พักแปปเดียว เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองแหละ แล้วทีนี้เราจะดูอะไรได้เล่า! เจ้าบ้าไทกะ!

    อมีเรียทั้งด่า ทั้งค้อนขอดในใจไปด้วย 

    หูก็คอยฟังเสียงลูกบาสที่กระเด่งกระดอนในสนามและเสียงรองเท้ากีฬาที่เสียดสีไปกับสนามบาส เป็นสิ่งที่ลำบากที่สุดเท่าที่อมีเรียเคยเผชิญมาตลอดที่เธอถือกำเนิด ...เธออยากจะรู้จริงๆว่ามันเป็นการแก้แค้นจากคางามิรึเปล่า?! – อมีเรียพองแก้มป่องอย่างขัดใจ มือก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากเอามากอดอกข่มอารมณ์ไว้แน่นเท่านั้น 

    แต่ที่เธอรู้คือคุโรโกะยังไม่ลงสนามเพราะเขานั่งอยู่ข้างๆเล่าให้ฟังว่าสถานการณ์ในสนามเป็นยังไงบ้าง..

    “คุโรโกะบอกให้ไทกะไปประกบ..เอ่อ..คุณมิโดริมะ ใช่รึเปล่านะ...? ..คนที่ผมสีเขียวๆสวมแว่นหน้าตาหยิ่งๆนะคะ” 

    “ครับ?”

    อมีเรียฟังเสียงเป่านกหวีดบ่งบอกถึงฝ่ายชูโตคุที่เริ่มทำคะแนนอีกแล้ว พร้อมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินว่ารุ่นพี่โคงาเนะชู้ตเข้า ก่อนจะเงี่ยหูฟังเสียงที่เงียบไป

    อย่าบอกนะว่า ถึงฉากที่ไทกะจะกระโดดบล๊อคลอยสูงตามสัญชาตญาณของเขา โดยไม่มีเธอบอกจังหวะโดด..ถึงจะไม่ได้เป็นแฟนคลับตัวยงเหมือนแอม แต่อะไรที่เคยผ่านตาเธอมา อมีเรียก็ยังพอจดจำได้บ้างแค่มันมีน้อยก็เท่านั้นเอง อมีเรียจับบ่าของคุโรโกะเป็นฐานเพื่อที่เธอจะได้ไม่ล้มหน้าทิ่มเสียก่อน 

    ไทกะ!! ประกบคุณมิโดริมะไปเลย – ถ้าไทกะทำไม่ได้ มีเรียจะโกรธที่บังอาจมาปิดตา!!”

    อมีเรียตะโกนเสียงดังจนคางามิและผู้เล่นในสนามหันไปมองเธอแทบจะในทันที คางามิเองก็เกือบจะลื่นพรืด เขาอยากจะอ้าปากเถียงญาติสาวใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้ แม้จะขัดใจแต่ก็ต้องรีบประกบและทำให้มิโดริมะทำคะแนนไม่ได้อย่างที่อมีเรียบอก ยัยนั้นมีหลายอย่างที่เขาไม่รู้และมันมักจะแม่นเสมอ! – ถึงจะสามารถสกัดได้แล้ว แต่ก็ยังมีผู้เล่นฝีมือดีเหลืออยู่ด้วย 

    เพราะงั้นสถานกาณณ์ในสนามยังคงตึงเครียดอยู่ไม่เปลี่ยน..

    “อมีเรียจัง..นั่งลงเถอะครับเดี๋ยวจะหกล้มเอาได้” คุโรโกะพยุงอมีเรียให้นั่งลงแต่หญิงสาวกลับขืนตัวเอาไว้ เพราะเธอได้ยินเสียงนกหวีดเป่าฟาวล์เสียก่อน เธอชักอยากจะตบหัวเจ้าญาติหัวแดงจริงๆเลย..

    “สุดยอดไปเลยเจ้าคางามิ” ตัวสำรองเบอร์สองพูดด้วยความยินดีที่สามรถสะกัดบอลได้อีกแล้ว 

    แต่คุโรโกะที่พยุงอมีเรียอยู่กับไม่รู้สึกเช่นนั้น เขามองคางามิที่มีสภาพเหนื่อยหอบก่อนจะพูดออกไป

    “ผมไม่คิดแบบนั้นครับ – ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมว่าแย่แน่ครับ”

    และอมีเรียก็คิดเช่นเดียวกันกับคุโรโกะ...ในสภาพที่ถูกปิดตาแบบนี้ประสาทหูของเธอมันยิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้หูผีเหมือนพวกตัวละครในการ์ตูนเสียหน่อย ....ว่าแต่ ตอนนี้เธออยู่ในโลกการ์ตูนไม่ใช่รึยังไงกันนะ...?

     

    .

    .

    .

    .

     

    เสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มแถมยังได้ยินเสียงหอบหายใจดังจากทั่วทิศของสนาม ไม่ใช่แค่เสียงหายใจเท่านั้นแม้แต่เสียงกล้ามเนื้อที่กำลังเหนื่อยล้าก็ได้ยิน แค่เธอไม่สามารถเจาะจงได้ว่ามันเป็นเสียงของใครก็เท่านั้นเอง เด็กสาวขมวดคิ้วพยายามเพ่งสมาธิเพื่อหาว่าเสียงไหนเป็นของคางามิแต่มันก็ยากอยู่ดีนั่นแหละ....คางามิที่เริ่มทำการฝืนร่างกายตัวเองวิ่งฝ่าวงล้อม เพื่อขึ้นไปทำคะแนนคนเดียวโดยไม่คิดจะพึ่งเพื่อนร่วมทีมเลยแม้แต่น้อย แถมยังกระโดดสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่นั้นอมีเรียเองก็เริ่มที่จะใช้ประสาทหูในการรับฟังได้บ้างเล็กน้อย 

    หมายถึง – เล็กน้อยจริงๆ เพราะเธอเริ่มได้ยินเสียงหายใจหอบของคางามิบ้างแล้ว อาจเป็นเพราะในตอนนี้เขากำลังเหนื่อยหอบไปทั่วร่างกายแล้ว มันจึงได้ยินเสียงหอบหายใจของเขาชัดเจน เขาสามารถทำคะแนนได้ทั้งๆที่ร่างกายเริ่มเหนื่อยล้าจนอมีเรียชักอยากจะเข้าไป ลากคอเขาออกจากสนามซะตอนนี้

    หากเขายังฝืนกระโดดแบบนี้ต่อไปแบบนี้ ตัวคางามิเองอาจจะบาดเจ็บขึ้นมาก็ได้นะ!!

    “รุ่นพี่ริโกะคะ ถ้าคางามิยังฝืนกระโดดต่อไปแบบนี้ เขาจะไม่ไหวเอานะค--”

    สวบ!

    อมีเรียชะงักคำพูดของตนเองที่จะบอกให้ริโกะเปลี่ยนตัวคางามิออกมาพัก แต่เหมือนมันจะช้าไปเสียแล้ว...เมื่อเธอได้ยินเสียงลูกบาสที่ลอยเข้าห่วง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านั้นจะเป็นฝีมือของใครแต่คางามิก็ยังฝืนร่างกายตัวเองต่อไปโดยไม่คิดจะหันไปขอกำลังสนับสนุน

    ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปละก็.... แย่แน่ๆ

     

    “ไทกะนี่บ้าจังเลยนะคะ”

    คุโรโกะหันไปมองคนตัวเล็กข้างตัวที่นั่งแสยะยิ้มชวนขนลุกอยู่

    ”...ดิฉันละอยากจับเขาไปตีสักทีสองทีให้หลาบจำจังเลย...”

    ต่อให้มองไม่เห็นก็ตาม แต่เธอก็ยังมีคุโรโกะที่เป็นดวงตาให้ชั่วคราวอยู่ เขาคอยบอกเล่าว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ถึงสกอคะแนนจะเริ่มดีขึ้นแต่ความเหนื่อยล้าของทุกคนกลับมากยิ่งกว่า โดยเฉพาะกับคางามิที่เริ่มจะกระโดดไม่ออกแล้ว ช่างดันทุรังไม่ดูสังขารเอาเสียเลย..

    อา..อยากเอาไม้ฟาดน่องจังเลยค่ะ....

     

     

     

     

    “น่าตีจังเลยนะคะ…”

    “….” คุโรโกะ

     

    …………………………………………………………………….

    ทยอยรีไรท์น่า อาจมาช้าเพราะใกล้ช่วงสอบด้วยเลยจะแว้บหายไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ ตอนใหม่ยังไม่คืบหน้าเพราะต้องเคลียร์อันเก่าก่อนเนื่องจากพล็อตถูกปรับใหม่ในช่วงที่เอาคอมไปซ่อมก่อนหน้านั้นนะคะ ขอขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนและรอคอยการกลับมาของแฟรร์

     

    ทุกท่านสามารถโดเนทสนับสนุนด้านค่าเน็ตและค่าไฟให้แฟรร์ได้นะคะ

    วิธีโดเนท

    โอนเงินจำนวนแล้วแต่รีดฯเข้ามาได้ที่นี่ :: เลขบัญชี 046-8-34907-8 (ธนาคารกสิกรไทย) และ เบอร์ 0960075277 ( True Money Wallet )

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ //โค้ง

     

    1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ

    สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้

     

    By. ภูติสีเทา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×