ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #19 : มิติพิศวงที่ 17 [Re]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.28K
      464
      24 ส.ค. 63

     

     

     

     

    มิติพิศวงที่ 17

     

     

     

    หลังจากที่เจออาโอมิเนะก่อนเริ่มการแข่งขัน อมีเรียก็ไม่ได้พบอีกฝ่ายอีกเลยจนกระทั่งถึงวันเดินทางกลับไปพักผ่อนเพราะออกค่ายฝึกแล้วตามกำหนดที่อมีเรียและริโกะช่วยกันวางแพลนเอาไว้ แน่นอนว่าเรื่องที่อมีเรียยื่นมือเข้ามาช่วยในการฝึกนั้นทำเอาคนอื่นๆขนลุกเกรี้ยวพร้อมอาการหนาวสั่น – พวกเขารู้ที่มาของการฝึกนรกที่เหนือนรกแล้ว!!

    แค่ฝึกของโค้ชก็โหดนรก แต่ฝึกเสริมที่ผู้จัดการสาวเสนอให้โหดยิ่งกว่า!

    หลังจากกลับมาที่ห้องสิ่งแรกที่คางามิทำก็คือ ทิ้งตัวลงนอนที่ห้องรับแขกทันที

    โดยมีอมีเรียที่นำข้าวของเข้าไปเก็บไว้ในห้องเขาให้ นัยน์ตาสองสีเป็นประกายขบขันครู่หนึ่งยามมองไปยังญาติหนุ่มที่กำลังนอนแผ่หมดสภาพอยู่บนโซฟา ก่อนจะนำกระเป๋าของตนเองเดินเข้าไปเก็บในห้องทิ้งให้เด็กหนุ่มนอนแผ่อยู่เช่นนั้น 

    แกร็ก! ตุบ!

    อมีเรียทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มแน่นอนว่าเธอไม่ลืมล็อคประตูห้องอย่างที่โดนคางามิดุบ่อยๆ ร่างบางมองผนังห้องที่มีกระดาษทฤษฎีต่างๆเท่าที่นึกออกและเท่าที่จะคำนวณได้แปะเต็มไปหมดจนแทบมองไม่เห็นสีของผนัง เสียงถอนหายใจดังออกมาแผ่วเบาให้ได้รับรู้ว่าเจ้าของห้องรู้สึกเช่นไร เช่นเดียวกับความเหนื่อยล้าที่แผ่กระจายอยู่ภายในแววตาของเธอ

    อมีเรียเสยผมหน้าม้าที่ปรกตาตนเองอยู่ออกก่อนจะหยิบเอาสมุดบันทึกมาจดบันทึกประจำวันเพื่อย้ำเตือนตัวเอง

    ใช่...

    ต่อให้เธอทำตัวเอื่อยเฉื่อยไปตามสถานการณ์มากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยลืมหรอกนะว่า ตนเองนั้นไม่ใช่คนของโลกนี้จริงๆ การสวมบทบาทเป็นคนอื่นมันยากและที่สำคัญเลยคือ เธอไม่ใช่นักแสดง 

    แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันหรอกว่า อมีเรียของโลกนี้ดันมีนิสัย บุคลิก คำพูดและบรรยากาศรอบตัวที่คล้ายคลึงกับตัวเธออยู่หลายส่วน แม้บางส่วนจะเหมือนจนน่าสงสัยก็เถอะว่า..เกิดอะไรขึ้น – เดิมทีตัวตนของเธอคือ ป้าแก่ๆอายุเกือบ 40 ปี นักวิทย์บ้างานประจำทีมวิจัยมาดูตอนนี้สิ.. เธอต้องทำเหมือนตัวเองเป็นเด็กสาวแรกรุ่นเพื่อไม่ให้ใครสงสัย

    แต่ไม่รู้ทำไม...ลางสังหรณ์ของเธอกลับบอกว่า ตัวตนของเธอมีคนรู้อยู่แต่แรกอยู่ก่อนแล้ว 

    ไม่สิ..มันก็ไม่เชิงรู้อยู่ก่อน.. มันเหมือนกับตัวเธอกำลังเดินอยู่ในเส้นทางที่ถูกเขียนเอาไว้ให้เป็นกรอบมากกว่า

    อมีเรียวางสมุดบันทึกที่จดเสร็จแล้วนอนแผ่มองเพดานห้อง

    “....อยากกลับไปทำวิจัยต่อจังเลย” ที่นี่...สบายเกินไป เธอคิดถึงการวิจัยและกลิ่นห้องแลป อ่า...

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    ร่างเล็กอ้าปากหาวหวอดๆอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่กำลังเถียงกับรุ่นพี่อยู่ ร่างบางห่อตัวในเสื้อโค้ดตัวหนาเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นให้มากที่สุดแต่ถึงกระนั้น ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดกว่าเดิมแถมยังมีรอยแดงประปรายไปทั่วแก้มจนทำให้รู้สึกขัดๆ – อมีเรียไม่ชอบฤดูหนาวจริงๆ ถึงมันจะไม่หนาวมากเท่าที่รัสเซียหรือซีเรีย ที่เธอเคยไปเข้าร่วมวิจัยแต่เธอก็ไม่ชอบมันอยู่ดี อากาศเย็นที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดแบบนี้

    ต่อให้ไม่มีโรคประจำตัวมาเกี่ยวข้อง...เธอก็ไม่ชอบมันอยู่ดี

    “ไหวไหมเนี่ย?” 

    คางามิมองร่างบางที่ตอนนี้ซุกตัวอยู่ภายใต้โค้ดตัวใหญ่จนโผล่มาแค่ผมและดวงตาเท่านั้น ไหนจะผ้าพันคอที่พันจนแทบจะปิดหน้าไหนจะที่ครอบหัวอันใหญ่ไหนจะความยาวของชุดโค้ดและรองเท้าสำหรับอากาศหนาว ถ้าให้สรุปง่ายๆก็คือวันนี้อมีเรียแต่งตัวจัดเต็มแบบผิดปกติ จนตัวที่เล็กอยู่แล้วดูจะเล็กกว่าเดิมอาจเพราะจมหายไปในชุดแสนใหญ่ของเธอก็เป็นไปได้

    “เราได้รับคำสั่งจากรุ่นพี่ให้ตามไปดูแลทุกคนค่ะ” อมีเรียไม่ตอบคำถามพร้อมทำหน้ามึนพูดเปลี่ยนประเด็นอย่างหน้าตาเฉย แต่พอเห็นสีหน้าของคางามิเธอก็ยอมตอบแต่โดยดี “อยากดื่มอะไรอุ่นๆค่ะ ตอนนี้เริ่มไม่ไหวมันหนาวมาก”

    “เฮ่อ..จริงๆเลยนะเธอน่ะ” คางามิพ่นลมหายใจออกมาอย่างหน่ายใจ

    “อมีเรียจังไม่ไหวก็กลับไปพักก่อนก็ได้นะครับ” คุโรโกะมองหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง

    อมีเรียชูนิ้วโป้งที่ตอนนี้สวมถุงมือสีขาวหนาเอาไว้ “ไหวค่ะ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่ไหว”

    สรุปยังไงแน่นั้น!!!

     

     

    คางามิและคุโรโกะอดที่จะชักสีหน้าใส่เด็กสาวไม่ได้ แต่จะให้เถียงกับคนที่กำลังทำหน้ามึนตึงใส่พวกเขาอยู่มันก็ยังไงไม่รู้ นับตั้งแต่วันที่ไปเข้าค่ายฝึกนรกภาคฤดูร้อนที่ออกแบบตารางโดยอมีเรียและโค้ชก็ผ่านมาหลายวันแล้วจนอีกไม่นานก็ใกล้จะถึงวันเปิดเทอม – วันนี้เป็นวันที่พวกเขาได้หยุดพักผ่อนจากการฝึกซ่อมแต่เนื่องจากว่า ไม่อยากให้ร่างกายทื่อเกินไป ทีมปีหนึ่งเลยขอไปแข่งสตรีทบาสแต่ดูเหมือนจะมีสมาชิกคนหนึ่งมาไม่ได้เลยต้องมีรุ่นพี่ผู้แสนร่าเริงมาแทน

    รุ่นพี่แสนร่าเริงที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่น.. รุ่นพี่คิโยชิเองแหละ

    อมีเรียเดินตามหลังทุกคนโดยมีคางามิและคุโรโกะเดินประกบข้างซ้ายขวา ส่วนกระเป๋าประจำตัวและห่อเบนโตะอาหารกลางวันของทุกคนก็ถูกคิโยชิแย่งไปถือพร้อมให้เหตุผลว่า ตอบแทนที่ทำอาหารอร่อยให้ทาน แน่นอนว่ามีเหตุผลอะไรที่อมีเรียจะต้องปฏิเสธความหวังดีนั้น แถมยังดีใจด้วยซ้ำที่คิโยชิช่วยเธอถือ

    เพราะถ้าให้เธอถือทั้งๆที่ยังหนาวสั่นไปทั่วกาย เธอได้หอบเพราะความเหนื่อยจากถือของและเหนื่อยจากการปรับอุณหภูมิร่างกายตนเองแน่นอน -  บางที...เธออาจจะได้กลับบ้านก่อนที่พวกคางามิจะแข่งสตรีทบาสเสร็จพอดี

    “สตรีทบาสเนี่ย...น่าคิดถึงจังนะคะ” นัยน์ตาสองสีเป็นประกายแวววับอยู่ด้านหลังผ้าพันคอผืนหนา “ตอนนั้นไทกะร้องโวยวายใหญ่เลยที่ท่านลุงไม่อนุญาติให้เล่น” 

    แน่นอนเธอรู้ข้อมูลส่วนนี้ดีจากบันทึกของอมีเรียเองนั้นแหละ

    “อย่าพูดหน่อยเลยน่า” คางามิยกมือขยี้เส้นผมสีฟ้าอ่อนแสนนุ่มของหญิงสาวเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “ตอนนั้นฉันกลายเป็นทาสเธอตั้งหลายวัน”

    “อุ๋ย!..จำไม่ได้เลยค่ะ”

    อมีเรียอุทานด้วยท่าทางดัดจริตแต่เธอกลับเปิดหน้าจอมือถือให้คางามิดูภาพภาพหนึ่ง ก่อนจะรีบเก็บมันเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของคางามิ

    “ยังไม่ลบอีกหรอภาพนั้น! ไม่สิ เธอมีมันได้ไงเนี่ย”

    “พี่ส่งให้ค่ะ”

    “อ่า..เธอมันน้องรักนิ!”

    “คิกๆ”

    ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักครู่ ก่อนที่อมีเรียจะขอตัวแยกไปหาที่นั่งเพื่อทานเบนโตะที่เธอทำมา พร้อมทั้งถอดผ้าพันคอและที่ครอบหูออกเนื่องจากสนามแข่งสตรีทบาสแห่งนี้อากาศค่อนข้างร้อนและดีต่อสุขภาพของเธอ ดังนั้นบรรดาชุดที่สวมมาตลอดการเดินทางจึงถูกถอดออกไปจนเหลือเพียงเสื้อแขนยาวสีขาว – เด็กสาวเก็บเสื้อโค้ดใส่กระเป๋าของคางามิเนื่องด้วยกระเป๋าของเขาใบใหญ่พอจะใส่มันเข้าไปได้

    ในขณะที่เจ้าของกระเป๋าอย่างคางามิก็เพียงปรายตามองแล้วยีผมเธอเล่นเท่านั้น โดยที่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร

    แต่ดูเหมือนการมาแข่งสตรีทบาสของทุกคนจะเจอกับโรงเรียนที่เคยแข่งด้วยเข้าเสียแล้ว อมีเรียค่อมหัวทักทายพวกเขาเล็กน้อยแล้วส่งสายตาเย็นชาใส่สึกาวะที่ส่งยิ้มร่าเริงพร้อมความปากหมาที่ไม่มีลดละกว่าครั้งที่เจอกันตอนแข่ง เธออคติเขาเข้าเต็มเปาแล้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองและคอยรินน้ำให้ทุกคนที่มานั่งร่วมทานเบนโตะด้วยกัน

    ถึงท่าทางของอมีเรียจะเป็นปกติคือนิ่งเฉย แต่เด็กหนุ่มผมเกรียนกลับสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้

    “...เหมือนคุณผู้จัดการจะไม่ชอบฉันน่ะ” สึงาวะยิ้มแห้งกับสายตาของเด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม

    “เปล่านะคะ” อมีเรียเชิดหน้าเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองเขาที่เธอจำได้แค่น้ำเสียง ส่วนใบหน้าก็ยังคงเบลอด้วยโรคของเธอเหมือนเดิม “แค่..รู้สึกอคติเฉยๆค่ะ”

    มันก็ไม่ต่างกันไหมล่ะ!

    “กลับมาเล่นได้แล้วใช่มั้ย” เสียงทักคิโยชิดังขึ้นพร้อมใบหน้าเป็นกังวลของคนถาม

    “เอ่อ...ก็พอได้นะ” คิโยชิเลือกที่จะตอบบ่ายเบี่ยง 

    ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมรับโดยตรง..แน่นอนว่าอมีเรียสังเกตเห็นความก่ำกึ่งของเขาได้จากน้ำเสียง

    “แล้วพวกนายไม่มีซ้อมหรอ?” คางามิเอ่ยถามทั้งๆที่ภายในปากเต็มไปด้วยอาหาร ร้อนถึงอมีเรียที่ต้องหยิกแขนเขาพร้อมทำตาดุใส่แต่ก็ต้องชักสีหน้าเมื่อได้ยินเสียงสึกาวะที่ดังขึ้น เสียงของเขายังคงบาดหูของเธอเหมือนเคยทั้งๆที่นั่งใกล้กันแต่ดันพูดเสียงดังกลัวคนอื่นที่อยู่ไกลร้อยกิโลเมตรไม่ได้ยินรึไง

    “หา พูดงี้หาเรื่องกันเรอะ!?”

    “คุณสึงาวะกรุณาลดเสียงลงด้วยค่ะ ไทกะเองก็อย่าพูดทั้งๆที่ในปากมีแต่อาหารสิค่ะ” 

    เธอตำหนิคนทั้งคู่พร้อมแววตาราบเรียบประจำตัว แต่แฝงความกดดันไว้ภายในจนสองหนุ่มกลืนน้ำลายดังอึก

    เมื่อโดนผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มดุด้วยเสียงเรียบเย็น ทั้งสองคนเลยเลิกทำในสิ่งที่เด็กสาวไม่ชอบทันทีนั้นจึงทำให้อมีเรียอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวออกไปซื้อน้ำมาเพิ่มเผื่อในช่วงระหว่างแข่งของทุกคน จึงทำให้เธอพลาดบทสนทนาสำคัญแต่นั้นกลับทำให้เธอเจอใครบางคนเข้า

    ใครบางคนที่เป็นหนึ่งในทีมปาฏิหาริย์ที่ต้องรับมือ...ในอนาคต

     

     

    “โอ๊ะ...”

    “....”

    อมีเรียมองมือของตนเองที่มีมือใหญ่ของชายคนหนึ่งจับอยู่ ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกก็คือเขาจับถุงขนมมากกว่าเพียงแต่ดันมีมือของเธอมากั้นกลางเท่านั้นเอง เสี้ยวหน้าหวานเงยมองเจ้าของมือใหญ่นั้นอย่างสงสัยแต่แล้วก็ต้องเลิกคิ้วก่อนจะทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อเห็นส่วนสูงของเขา

    เจอพวกสูงเกินมนุษย์มานาอีกแล้ว..(ถอนหายใจ)

    “อยากได้ขนมห่อนี้สินะคะ” อมีเรียเหล่มองห่อขนมที่เขาดูจะสนใจมากกว่ามือของเขาที่กำลังจับมือเธออยู่

    “....” ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ 

    เขาอยากได้มันจริงๆเพราะนั้นคือห่อสุดท้ายในร้านแล้ว

    อมีเรียมองท่าทางเหมือนเด็กน้อยของเขาแล้วกระตุกยกยิ้มบาง ถึงจะมองไม่เห็นใบหน้าแต่เธอก็พอจะรับรู้ได้ว่าสายตาของชายร่างสูงผมม่วงคนนี้คงจะกำลังจดจ่อไปที่ขนมมากกว่ามือของเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นร่างบางจึงขยับมือของตนออกแต่ก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง เมื่อเธอขยับมือออกไม่ได้เนื่องจากโดนมือหนากุมเอาไว้

    “นุ่มนิ่ม..--..มาสเมลโล่??”

    “...มือดิฉันไม่ใช่ของกินค่ะ” อมีเรียชักสีหน้าทันที “กรุณาปล่อยด้วยค่ะ”

    “โทษที..”

    “ไม่เป็นไรค่ะ – ขนมห่อนั้นเชิญคุณเถอะค่ะ”

    อมีเรียถอนหายใจเล็กน้อยกับท่าทางที่เหมือนเด็กโข่งแล้วหันไปเลือกขนมห่ออื่นแทน แต่เธอก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นอีกรอบเพราะชายหนุ่มผมม่วงคนนี้ก็ดันเลือกตามเธอแทบจะทุกห่อที่เธอจับหรือสัมผัส ถึงจะสงสัยแต่ร่างบางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากหยิบขนมและจ่ายเดินเท่านั้น – ร่างเล็กเดินไปตามทางเดินเพื่อกลับไปยังสนามแข่งที่พวกคางามิไปรอแข่ง แต่ถึงยังไงอมีเรียก็ต้องเลิกคิ้วสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ ก็ในเมื่อชายหนุ่มผมม่วงดันเดินตามหลังเธอมาด้วย

    อ่า...ถ้าไปทางเดียวกันก็กรุณาถอยออกห่างฉันด้วยค่ะ คุณเสาไฟฟ้าสีม่วง

    อมีเรียค้อนขอดในใจพร้อมทำหน้าซังกะตายกับความสูงของตนเองที่ไม่มีท่าทีจะเพิ่ม แต่กับคนรอบกายดันเพิ่มเอาเพิ่มเอา เธอควรไปเล่นบาสแบบคนอื่นๆดีไหมนะ?จะได้สูงขึ้นบ้างเหมือนไทกะเหมือนคนอื่นๆบ้าง..

    แต่ทว่าเมื่อมาถึงสนามแข่งแล้วอมีเรียก็ต้องค้นกระเป๋าเป้ของตนเองเพื่อหาอะไรบางอย่างที่นำมาด้วย อะไรบางอย่างที่ว่านั้นคือ ร่มหลากสีหลายคันที่เธอพกมาเนื่องจากเซ้นส์ของเธอดันรับรู้ได้ว่าอากาศในวันนี้จะมีฝนตกเมื่อเห็นของที่ต้องการอมีเรียก็ผุดยิ้มโล่งอกแต่ทันทีที่เงยหน้ามองไปยังสนาม เธอก็ต้องทึ้งกับความเร็วของชายผมม่วงผู้เดินตามหลังเธอมา

    เขาเข้าไปทำอะไรในสนาม!!

    แต่นั้นก็ทำให้เธอสังเกตเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นตาจากภาพบนมือถือของเธอเอง ไม่ต้องเดาก็คงเป็นพี่ชายร่วมสาบานระหว่างเธอและคางามิแต่จะให้เธอเข้าไปขัดการพูดคุยของพวกเขาก็ยังไงอยู่ ทว่าพอเห็นสีหน้าของคุโรโกะอมีเรียก็ต้องหลุดขำออกมาเล็กน้อยเพราะนานๆทีเงาแห่งเซย์รินจะยอมหลุดสีหน้าบ้าง – อมีเรียเดินเข้ามาในสนามที่ตอนนี้ฝนเทลงมาโดยที่ในมือของเธอก็ถือร่มและนำมันแจกให้แก่สมาชิกทีมเซย์รินทุกคน ไม่วายส่งสายตากดดันให้ทุกคนใช้ร่มที่เธอส่งให้ด้วยซะ

    ก่อนจะยืนร่มที่เศษในกระเป๋าส่งให้ชายหนุ่มเรือนผมสีดำที่ใบหน้าชัดเจนพอๆกับคางามิ

    พี่ชายร่วมสาบานของอมีเรียและคางามิ...

    “มีเรีย?” ทัตสึยะตกใจกับการที่เด็กสาวมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

    “ตากฝนจะไม่สบายค่ะ”

    อมีเรียทำหน้ามึนยื่นร่มให้ต่อ เมื่อทัตสึยะรับเธอจึงได้หันไปยืนกางร่มข้างคางามิที่ดูจะช็อคกับฝีมือของชายผมม่วงคนนั้นเสียเหลือเกิน ร่างเล็กยกแขนจนเหยียดตรงเพื่อกางร่มให้กับคนที่สูงกว่าอย่างคางามิที่ยังช็อคไม่หาย ก่อนจะยกขาเตะเข้าที่หน้าแข้งของคางามิเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ที่ก่อนหน้านั้นเขาทำกิริยาที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย

    เหมือนเด็กน้อยแบบสุดๆ – 

    ทัตสึยะมองภาพของน้องสาวคนสำคัญที่ไม่ได้พบกันเสียนานตั้งแต่เธอล้มป่วยจากอุบัติเหตุที่อเมริกาในครั้งก่อน

    “ยังเหมือนเดิมเลยน่ะ ..เป็นคุณแม่ของไทกะ” ทัตสึยะยิ้มบางกับภาพที่เขาเคยเห็นในอดีต

    ราวกับมีภาพซ้อนทับเข้ามา ภาพของเด็กหญิงผมฟ้าอ่อนยืนเท้าเอวดุเด็กชายผมแดงที่นั่งงอแงเพราะเพิ่งก่อเรื่องจนเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นมา เขายิ้มกับภาพนั้นก่อนเลื่อนสายตาไปมองใบหน้าหวานที่ดูงดงามกว่าภาพในความทรงจำไม่นึกเลยว่าเด็กหญิงหน้ามึนคนนั้นจะโตมามีใบหน้ามึนงงแต่กลับทรงเสน่ห์ได้ขนาดนี้...

    อ่า ชักอิจฉาเจ้าไทกะขึ้นมานิดๆแล้วสิ...

    “พี่ทัตสึยะ..จะยืนเล่น MV กับฝนอีกนานไหมคะ?” อมีเรียเลิกคิ้วมองพี่ชายร่วมสาบานที่ยืนเหม่อไม่ยอมใช้ร่มที่เธอส่งให้เสียที แถมในตอนนี้เธอก็ไม่อาจผละตัวออกห่างจากคางามิได้อีกต่างหาก ดังนั้นจึงได้แต่ส่งสายตากดดันให้กับพี่ชาย – ถึงจะสงสัยในความทรงจำบางอย่างที่เหมือนผูกพันธ์กับชายคนนี้มาก.. ไม่สิ ต้องบอกว่าร่างกายกับจิตใจของเธอมีบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนแปลง ถึงจะไม่เข้าใจแต่มันกลับไม่รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ

    ทัตสึยะสะดุ้งกับสายตานั่นก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วกางร่มคันเล็กสีเทาแต่โดยดี

    “กางแล้วๆ อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิ” เขาหัวเราะพร้อมกับชูร่มในมือให้ดู

    “แล้วก็กรุณาพาเพื่อนตัวสูงของพี่เข้าร่มด้วยค่ะ ดิฉันไม่อยากได้ยินข่าวว่าผู้เล่นคนสำคัญของโยเซ็นป่วยก่อนลงแข่งนะคะ”

    “..หืม? มีเรียรู้ได้ไง”

    “...อืม” อมีเรียทำหน้าคิดหนักแล้วแลบลิ้นใส่ทัตสึยะพร้อมทำหน้ากวน “ไม่บอกค่ะ”

     

    ใช่..ไม่บอก

    ยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้...และยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอยังไม่สามารถบอกใครได้

    ตัวของเธอ..มันคืออะไรกัน

    ปริศนาที่เหมือนจะใกล้คลี่คลาย แต่กลับยิ่งมีหมอกบางอย่างมาบดบังไม่ให้เธอได้รับรู้...

    ถึงแม้เสี้ยวหน้าของเธอจะแสดงออกถึงอารมณ์บางเปล่า แต่ทัตสึยะกลับสังเกตเห็นประกายบางอย่างภายในนัยน์ตาสองสีคู่สวยของน้องสาว ถึงจะไม่เข้าใจว่าน้องสาวคนนี้กำลังคิดและสับสนกับอะไรแต่ถึงกระนั้น..ภายในนัยน์ตาของเธอกลับมีประกายอะไรบางอย่างอยู่ภายในนั้น – อาจด้วยเพราะถูกจ้องมากไป..อมีเรียเลยถอนหายใจปรับสีหน้าและแววตาของตัวเองให้กลับมาราบเรียบดังเดิม

     

    “....”

    “....”

    ถึงต่อให้ยิ้มมุมปากส่งมาให้ยังไงก็ตาม...ก็ไม่อาจกลบความรู้สึกพิลึกที่รู้สึกได้ในก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

     

    "เฮ่อ…ทุกคนรอบข้างมีแต่คนสูงๆค่ะ" อมีเรีย

     

    …………………………………………………………………

    รีไรท์ทีละนิดทีละหน่อยนะคะ อาจจะมาลงให้วันละตอนหรือสองตอน จนกว่าจะถึงตอนล่าสุดที่อัพลงให้นะคะ ปล.ไรท์สอบเสร็จแล้วค่ะ

     

    ทุกท่านสามารถโดเนทสนับสนุนด้านค่าเน็ตและค่าไฟให้แฟรร์ได้นะคะ

    วิธีโดเนท

    โอนเงินจำนวนแล้วแต่รีดฯเข้ามาได้ที่นี่ :: เลขบัญชี 046-8-34907-8 (ธนาคารกสิกรไทย) และ เบอร์ 0960075277 ( True Money Wallet )

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ //โค้ง

     

    1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ

    สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้

     

    By. ภูติสีเทา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×