ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึก(ไม่)ลับ เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์

    ลำดับตอนที่ #25 : อย่านึกเสียดาย ที่ต้องเรียนสายวิทย์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.7K
      0
      2 มิ.ย. 51

    อ๊าคคคคคค วันนี้ตัดผมเกรียน เรียนรด. แต่ก็มีเวลาว่างมาอัพบทความได้อีกแล้ว (เกี่ยวกานมั้ยเนี่ย -*-)

     

    เชื่อว่าหลายคนมากมาย พึ่งจะมา สำเหนียก* ตัวเองได้ว่าตัวเองชอบอะไร และควรจะเรียนอะไรดี แต่เชื่อรึเปล่าว่า ซึ่งจะมา สำเหนียก เอาได้ตอนนี้ มันก็ยังไม่สายเกินไปหรอกนะคัฟผม ^^

     

    *แปลไทยเป็นไทยนิดนึง สำเหนียก แปลว่า รับรู้ ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า Perceive น่าเอง เหะๆ*

     

    หลายคนคิดว่า ตัวเองชอบศิลป์อยู่แบบนี้ คงจะเรียนวิทย์ไปไม่รอดแน่นอนเลย แล้วเวลาสอบแอดฯ เราก็คงไปไม่รอดด้วยเช่นกัน อนึ่ง สายวิทย์เราก็เรียนมากวิชาอยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือเตรียมสอบวิชาของสายศิลป์ จริงรึเปล่าคัฟ ^^ (ไทยเอย สังคมเอย อังกฤษเอย คิดแล้วก็กลุ้ม -*-)

     

    ยอมรับเลยว่านั่นคือ ความซวย ของพวกเราอย่างหนึ่ง อย่าลืมไปว่า เด็กวิทย์ที่จะสอบเข้าสายศิลป์ ไม่ได้มีแค่พวกเราพวกเดียวเท่านั้น แต่เด็กบางคนก็คิดเหมือนๆกับเราน่านแหละ บางคนเค้าเรียนวิทย์ไม่ไหว แต่เค้าได้คะแนนคณิตศาสตร์ดี เค้าก็สามารถสอบเข้าคณะดีๆของสายศิลป์ได้ ผิดกับเรา ที่วิทย์-คณิตมิได้เอาไหนเลย (แอบด่าตัวเอง เหอๆ)

     

    ผมจะขอยกตัวอย่าง การสอบเข้าคณะอักษรศาสตร์ โดยใช้คะแนนความรู้พื้นฐานวิทยาศาสตร์ (เด็กวิทย์น่านแหละ) เป็นเกณฑ์นะคัฟ

     

    พื้นฐานวิทยาศาสตร์

    ใช้ GAT 40 % : ซึ่งเป็นความรู้ด้านการคำนวณ 50 % และ การสื่อสารภาษาอังกฤษ อีก 50 % ซึ่งอันนี้ทุกคนจะต้องสอบอยู่แล้ว (เริ่มสำเหนียกกันรึยังฮะ เหอๆ)

    ใช้ PAT 1 อีก 10% : ซึ่งมันก็คือ วัดศักยภาพทางด้าน คณิตศาสตร์น่านเอง (ได้ข่าวมาแว่วๆว่า คล้ายๆกับคณิต A-NET ด้วยหล่ะ เหอๆ)

     

    ถ้าคณิตศาสตร์กลับมาแย่อีก อันนี้ก็ต้องตัวใครตัวมันแล้วหล่ะ เหอๆ เพราะต้องสอบ คณิตศาสตร์ ตั้ง 2 ครั้งแน่ะ หนีไม่พ้นจริงๆ

     

    นี่อาจจะเป็นความซวยขั้นเริ่มต้น แต่เราอาจจะโชคดีหน่อยที่เราได้รู้ก่อน เพราะฉะนั้น ใครที่แย่วิชาคณิตมากๆ ต้องอัพเกรดกันหน่อยแหละคัฟ

     

    ส่วนเด็กศิลป์โดยตรงจะสบายหน่อย เพราะอย่างน้อย เค้าก็มีคะแนนภาษาที่ 2 (PAT 7) คอยช่วยอยู่ แล้วก็ไม่ต้องสอบ PAT 1 ให้วุ่นวายหัวใจอีกด้วย -*-

     

    หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะเริ่มสำเหนียกตัวเองแล้วว่า อย่างงั้น เด็กวิทย์หัวใจศิลป์อย่าพวกเราก็แทบจะหมดโอกาสแล้วสิ ไม่น่ามาเรียนสายนี้เล๊ยยยยย แต่ใจเย็นก่อน ลองฟังเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ให้เป็นอุทาหรณ์

     

    ....รุ่นพี่ผมคนนึงเป็นที่พูดเก่งมากๆ เรียนอยู่สายวิทย์ เป็นนักกิจกรรมตัวยง และเคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมนักเรียนด้วย (ปัจจุบันไปทำงานเกี่ยวกับค่ายอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ -*-) คะแนนทางวิทย์พี่เค้าก็ดี แต่ก็ไม่ถึงกับโดดเด่นมาก (พอเรียนได้นั่นเอง ไม่เหมือนเรา ไม่เอาซักกะอย่าง -*-) ที่สำคัญ เป็นคนที่น่ารักมากมาย (นิสัยนะคัฟผม) ^^

     

    มีอยู่ครั้ง ผมเคยไปซ้อมแสดงละครที่รร.พร้อมกับพวกรุ่นพี่ ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มคุยกับพี่เค้าอย่างสนิทชิดเชื้อ แล้วผมก็ถามเค้าไปเลยว่า พี่ๆ พี่อยากเข้าคณะอะไรหรอ เค้าก็ตอบกับมาอย่างมาดมั่นเลยว่า คณะนิติ ธรรมสาสตร์ค่ะน้อง แต่ด้วยความสงสัย(ปนเสร่อเล็กน้อย) ก็ถามต่อไปอีกว่า แล้วพี่มาเรียนสายวิทย์ทำไมอ่ะพี่เค้าก็ตอบกลับมาแบบมั่นใจ (ปนตัดรำคาญ) ว่า พี่เป็นเด็กวิทย์หัวใจศิลป์อ่าน้อง พี่อยากเข้านิติตั้งนานแล้วหล่ะ ที่พี่มาเรียนสายวิทย์ก็เพราะว่า อย่างน้อยเรามาเรียนสายวิทย์ วิชาทางวิทย์เราก็จะได้เปรียบเด็กศิลป์ธรรมดาทั่วไป เพราะเราเรียนวิทย์หนักกว่า เด็กศิลป์เค้าก็ไม่ได้มาเรียนหนักอย่างเรา  เวลาไปสอบพี่ว่าเราก็ได้เปรียบกว่าเค้าเยอะแยะ เป็นการฝึกทำงานหนักอีกด้วย .......... แล้วก็ร่ายยาวไป จนเห็นสรรพคุณของเด็กศิลป์ในสายวิทย์ไปเลยหล่ะ 555+…..

     

    ที่สำคัญ คำว่า เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์ วลีที่ผมใช้เรียกแทนตัวเอง ก็ได้มาจากพี่เค้าเนี่ยแหละ ขอบคุณมากน้าค้าฟฟฟฟฟ (ขอให้ติด นิติ ธรรมศาสตร์อย่างที่หวังไว้นะฮะ) ^^

     

    ไม่ใช่แค่รุ่นพี่ผมคนนี้เท่านั้น แต่ไอ้เพื่อนรหัสผมมันก็อยากเรียนนิติเหมือนกัน แต่เหตุผลมานไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่เลย เหอๆ แต่ชีวิตใครก็ชีวิตมันแหละเนาะ เราจะไปกำหนดให้มันก็ไม่ได้ ก็ได้แต่เอาใจช่วยมันน่านแหละ

     

    แต่ก็จริงอย่างที่รุ่นพี่ผมพูด เพื่อนๆว่าไหมคัฟ อย่างน้อย เราก็ได้เปรียบเด็กศิลป์ตรงที่เราเรียนวิทย์กับคณิตมามากกว่า ถ้าลองมองในแง่กลับกัน ไอ้คนที่เก่งวิทย์-คณิตมากๆ ใครจะโง่มาสอบคณะของสายศิลป์ จริงรึเปล่าฮะ (ไม่ได้เจตนาด่านะคัฟ ถ้ากระทบใคร ผมขอโต๊ดดดด -/\-) เพราะฉะนั้น เราก็ตัดคู่แข่งเราออกไปได้ส่วนหนึ่ง ส่วนการสอบของเด็กศิลป์ เค้าก็แยกองค์ประกอบคะแนนชัดเจนอยู่แล้ว คะแนนก็ไม่มีผลต่อเด็กวิทย์หัวใจศิลป์อย่างพวกเราอยู่ละ อันนี้ก็ทำให้เราสบายใจได้ในระดับหนึ่ง ^^

     

    แต่ ความซวย ย่อมไม่เกิดเพียงแค่ครั้งเดียว (น่ากลัวอ่า -*-)

    เรื่องอะไร..... หลายๆคนอาจจะยังไม่สำเหนียก

    น่านก็คือ เหอๆ เกรดนั่นเอง (หลายคนเริ่มทำหน้าเอือมระอา)

     

    จริงอยู่ที่ว่า อาจจะเป็นไปได้อยาก ที่จะทำเกรดที่รร.ให้ได้ดี ถ้ามันเก่งทางวิทย์ ไอ้นั่นก็โชคดีไป แต่มันดันเรียนวิทย์ไม่ได้เนี่ยสิ เรื่องใหญ่ เพราะก็รู้กันอยู่ สายวิทย์ เราเจอวิทย์ไป 4 ตัว กันเลยทีเดียว ไหนจะฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แล้วก็ Earth Sci บางโรงเรียนอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้ ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่า คนที่จะทำให้ได้เกรด 4 ทุกวิชาน่ะ มันมีน้อย ถึง น้อยที่สุด เพราะว่าสายวิทย์ มันเรียนเยอะวิชาเหลือเกิน ทำให้อ่านหนังสือแต่ละวิชาไม่ทัน ถ้าใครทำได้ เรียกผมไปเจอตัวด้วย จะขอซูฮกซักที เทพจัด -*-

     

    ขนาดรุ่นพี่ผมที่ว่าเก่งสุดๆ ยังต้องยอมแพ้ สังคม ม.5 ซึ่งได้คะแนนสูงสุด เพียงแค่ 79 คะแนน เท่านั้นเอง (3.5 เหอๆ สังคมโหด -*-)

     

    เกรดผมก็ใช่ว่าจะวิเศษวิโสมากมายอะไรเลย เกิดจากการตกฟิสิกส์แบบซ้ำซ้อน (เหมือนพิการซ้ำซ้อนเลย) -*- ซ่อมมาจนชำนาญ (แต่ก็ยังเรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดี) ไม่เคยจะได้ 4 ซักครั้งในชีวิต (ถ้าได้ วันนั้นไซโคลนนากีสคงเข้าถล่มรร. เหอๆ) ซึ่งเป็นปัญหาอีกอย่างนึงที่ทำให้เกรดผมแย่มากมาย แต่ตอนนี้เริ่มสำเหนียกได้แล้ว ก็เลยต้องปรับเปลี่ยนตัวเองมากพอสมควรเลย หันมาตั้งใจส่งงานบ่อยๆแทน เพราะว่าคะแนนส่วนใหญ่ในห้องเป็นคะแนนเก็บ เรียกได้ว่า ทำงานส่งดี เกรดดีๆก็ไม่หนีไปไหน (เอาไว้ไปอธิบายในบทความอื่นๆต่อนะคัฟผม ^^)

     

    เพราะฉะนั้น ใครยังไม่สำเหนียก ก็รีบๆสำเหนียกกันได้แล้วนะคัฟผม ถึงแม่ว่าเราจะอยู่สายวิทย์ เราก็มีโอกาสแอดติดคณะสายศิลป์ได้เท่าๆกับคนทั่วไป ที่สำคัญดีซะอีก ที่เราได้อะไรหลายๆจากการเรียนสายวิทย์ ซึ่งมีมากมายกว่าสายศิลป์ ^^

     

    สรุปข้อได้เปรียบของเด็กวิทย์ ที่จะสอบเข้าสายศิลป์

    1. ได้เรียนวิทย์ คณิต เสริม ซึ่งศิลป์ไม่ได้เรียน ทำให้เราเข้าใจอะไรได้ลึกซึ้งกว่าเด็กสายศิลป์ที่เรียนวิชาพื้นฐานมา เวลาทำวิทย์-คณิต O-NET เราก็อาจจะมีโอกาสทำได้ดีกว่าเด็กศิลป์ เนื่องจากสายวิทย์สอนให้เรามีตรรกศาสตร์ คิดทำอะไรได้อย่างรอบคอบและมีเหตุผล
    2. ฝึกความอดทน และการเรียนที่หนักไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ในอนาคตข้างหน้าเราจะได้ไม่กดดันเวลาเจอกับปัญหา
    3. ฝึกการคิดอย่างเป็นระบบ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างมีเหตุผล
    4. สายวิทย์สามารถสอบครอบคลุมสายศิลป์ได้เกือบทุกคณะ นี่อาจจะเป็นข้อได้เปรียบที่ดีอีกอย่างหนึ่ง

     

     

    เพราะฉะนั้น อย่าได้นึกเสียดายนะคัฟผม ที่เราได้เรียนสายวิทย์

    สู้ต่อไป โอสสสสสสสส!!!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×