ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึก(ไม่)ลับ เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์

    ลำดับตอนที่ #52 : เปลี่ยนคำดูถูก ให้เป็นกำลังใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1K
      4
      29 ก.ย. 51

    สวัสดีนะครับ ตอนแรกว่าจะไม่มาอัพบทความซะแล้ว เพราะวันนี้ปวดหัวมากๆ กลับมาจากค่ายก็เหนื่อย งานก็รุมเร้า ยังต้องไปสอบทำ Lab วิชาฟิสิกส์อีก (ซึ่งคะแนนอาจารย์แกมีเป็นหมื่น -*-) ซึ่งวันนี้ผมก็เพิ่งไปสอบทำ Lab มา แต่เรื่องนั้นกลับไม่ใช่ปัญหา ที่น่ากลัวมันอยู่ต่อจากตรงนี้ต่างหาก

     

    คืออาจารย์สอนวิชาเคมีครับ หลังสอบเสร็จแกก็จะชอบติดคะแนนสอบไว้ที่ห้องพักของแกทุกครั้ง (ภาษาชาวบ้านสิเอิ้นว่า ประจาน) แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ เพราะว่านี่มันคือสอบ Final นั่นก็หมายความว่า ประจานเกรดกันนั่นเอง ซึ่งความจริง ตัวผมเองก็ไม่ซีเรียสซะเท่าไหร่

     

    แต่อย่างที่บอกไป พวกปากไม่สร้างสรรค์มันมีเยอะครับ คะแนนเคมีของผม เต็ม 20 ให้ทายว่าผมได้เท่าไหร่.....

     

     

     

     

    ติ๊กต๊อก.........

     

     

     

    ติ๊กต๊อก..........................

     

     

     

    ติ๊กต๊อก...............................................

     

     

     

     

    ได้ 4 ครับผม (ไม่ได้โม้เลย คะแนนของจริง)

     

     

     

     

    ซึ่งบอกตรงๆว่า ดูครั้งแรกแล้วก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ไปเลย (ความจริงไอ้เพื่อนตัวดีมันก็เดิน(ทำหน้าดี๊ด๊า)มาบอกแล้วหล่ะ ว่าได้แค่นี้) ปกติคะแนนเก็บก็น้อยอยู่แล้ว รวมคะแนน 4 คะแนนตรงนี้เข้าไปอีก ผมเลยได้ เกรด 2 ไปโดยปริยาย..

     

    ความจริงก็แอบดีใจอยู่ลึกๆเหมือนกันนะว่า ดีนะเนี่ย ที่ไม่ได้เกรด 1 5555+ (พยายาม Think Positive)

     

    แต่จะดีใจมากกว่านี้อีก ถ้าไม่มีคนเดินมาพูดข้างๆหูว่า...

     

    น้อยว่ะ!”

    อ่อนเอ๊ย!”

    เอาเงินที่ไปเรียนพิเศษมาให้เราดีกว่า แล้วเดี๋ยวเรามาสอนให้

    ขนาดนายเรียนนะเนี่ย ยังได้แค่นี้ ถ้างั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนหรอก

     

    ตบท้ายด้วยการแอบไปยืนหัวเราะกันคิกคักๆ

     

    ผมเสียความรู้สึกทั้งหมดที่มีแทบจะวางกองอยู่ตรงนั้นเลย ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงต้องพูดกันขนาดนี้ พวกคิดว่าผมไม่มีหัวใจบ้างเลยหรือยังไง ภาระงาน หน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบมันมีเยอะแยะ คนทั้งโรงเรียนก็กำลังรอดูผมงานของผมอยู่คนเดียว หนังสือก่อนสอบ ผมก็แทบจะไม่ได้อ่าน ผมก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว ยังอุตส่าห์มาเพิ่มแรงกดดันให้อีก

     

    จะให้ขอบคุณดีไหมเนี่ย?.....

     

    วันนี้ผมกลับมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้อง กินยาไป 2 เม็ด กะว่าจะนอนให้หลับ แต่ก็หลับไม่ลง ผมเลยอยากจะเขียนบอกเล่าประสบการณ์ตรงนี้ให้เพื่อนๆทุกๆคนได้รับรู้เอาไว้

     

    ใจเขา....ใจเรา นะครับ

    หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่อยากให้ได้มาลองเจอกับตัวเองดู

    แล้วเพื่อนๆหลายคนอาจจะรู้สึกได้เหมือนผม

     

    ผมไม่เคยโทษกวดวิชาเลยนะ ว่ากวดแล้วไม่ได้ผล ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่าง ผมเลยอยากให้ทุกคนได้เข้าใจ ไม่มีใครสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมกันให้ออกมาได้ดีหมดหรอก อยากได้สิ่งหนึ่ง ก็ต้องยอมแลกกับสิ่งหนึ่ง

     

    วันที่สอบ ผมไม่ได้สอบแค่วิชาเคมีอย่างเดียวเสียหน่อย ผมยังต้องอ่านทั้งฟิสิกส์ คณิตศาสตร์เพิ่มเติม แล้วก็ยังต้องมาคอยยุ่งกับการทำงานภายในโรงเรียนอีกด้วย อย่างที่บอกไป ผมไม่สามารถจะทำสิ่งเหล่านี้ให้ได้ออกมาดีพร้อมกันทั้งหมด ที่ผมตกเคมี ผมไม่ได้เครียดเลย แต่เจอแบบนี้ไป เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะท้อเหมือนกัน

     

    บางคนอาจจะเกิดความรู้สึกไม่อยากที่จะตั้งใจเรียนแล้ว เพราะคิดว่า ถึงตั้งใจไปยังไง มันก็ไม่ได้ผลอยู่ดี…..

     

    ผมจะขออนุญาต หยิบยกบทความของอาจารย์ปิงจากโรงเรียนกวดวิชา Da’vance ที่ก่อนหน้านี้ ผมได้บังเอิญเปิดเข้าไปพบ พอผมอ่านจบ ผมก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ อยากให้เพื่อนๆได้ลองเก็บไปคิดกันดู

    (http://www.davance.com/ping/ping_letter510921.html)

     

    อย่าฟังคำพูดวิจารณ์อะไรของคนมากเกินไป เราเป็นอย่างที่พวกเค้าวิจารณ์ทุกอย่างไม่ได้ ตัวเค้าเองก็บังคับตัวเค้าเองไม่ได้ตามที่เค้าหวังเลย จะมาบีบมาปั้นอะไรเราเป็นอย่างนั้นทั้งหมด... ขอแค่เราเป็นคนดีและทำให้ได้ดีที่สุดแค่ไหนแค่นั้น……….”

     

    จริงอยู่ตามที่อาจารย์ปิงพูด ตัวเรานั้นจะเป็นอย่างที่คนอื่นพูดทั้งหมดไม่ได้ แล้วตัวคนอื่นเองก็พยายามที่จะไม่เป็นอย่างที่เขาไม่ได้หวังเอาไว้ ทุกคนไม่มีใครดีเต็ม 100% ทุกคนต่างก็กลัวด้วยกันทั้งนั้น สิ่งที่เราควรจะทำก็คือ ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง คำพูด คำชม คำดูถูก ดูหมิ่น ของคนอื่น ให้เก็บเอามาคิดแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนหลักๆนั้น มันอยู่ที่ตัวของเราเอง

     

    จงคิดไว้เสมอว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ที่ตัวของเรา ใจของเราเอง ไม่ได้ถูกกำหนดจากคำพูดของใครๆ

     

    คนอื่นเขาจะพูดอย่างไร ปล่อยให้เขาพูดไป.....

    สักวันเขาก็จะรู้ด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลาที่สมควร.....

    พยายามในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอครับ.....

     

    พอได้มีเวลามานั่งคิด นั่งอยู่กับตัวเองคนเดียว มันก็ทำให้ผมเองคิดอะไรได้หลายๆอย่าง คำพูดร้ายๆพวกนั้น เราสามารถเปลี่ยนให้กลับมาเป็นกำลังใจได้ เพียงแต่เราต้องรู้จักที่จะคิดบวก คิดในแง่ดี แล้วก็คิดไปถึงจิตใจของตัวเอง ถามตัวเองให้ดีว่าเราพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วรึยัง ถ้าพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ก็อย่าไปคิดถึงผลว่ามันจะออกมาอย่างไร

     

    เพราะเราเป็นได้ดีที่สุด อย่างที่มันจะเป็นครับ

     

    สิ่งที่ผมได้จากการได้ฟังคำพูดเหล่านี้ ตอนแรกก็รู้สึกโกรธ เสียใจ และท้อแท้มากๆ แต่พอลองมานึกๆดูอีกที ในความร้ายกาจของคำพูดเหล่านั้น มันเหมือนจะมีบางอย่างกำลังบอกเราอยู่เป็นนัยๆว่า…..

     

    เราควรจะขยันได้แล้วนะ

    เราก็ทำได้ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่หรอ

    เราคงพยายามน้อยเกินไป

    เราควรจะพยายามให้มากกว่าที่เรากำลังเป็นอยู่ในขณะนี้นะ

     

    ไม่ขอให้เป็นคนเก่งที่สุด แค่เท่าที่เราพอใจก็พอแล้ว

    ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมอยู่บนความพอดี ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของจิตใจนะครับ

     

    ต่อไปนี้ ไม่ว่าเพื่อนจะพูดมาอย่างไร ก็ต้องไม่เสียใจนะครับ

    แต่ให้ลองมองดูให้ลึกๆว่า ในคำพูดเหล่านั้น

    มันมีอะไรแฝงอยู่เป็นนัยๆ ^^........

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×