คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : [เล่าสู่กันฟัง] ค่ายสพฐ.เขต 3 พัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ ที่ จ.นครนายก ภาคแรก
เนื่องจากเมื่อวันที่ 27- 28 กันยายน ผมได้ไปเข้าค่ายของสำนักเขตพื้นที่การศึกษาเขต 3 ในนามของสภานักเรียน โดยมี Topic ใหญ่ก็คือ “โครงการค่ายอาสาพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ” ที่โรงเรียนวัดคลองโพธิ์ อ.เมือง จังหวัดนครนายก ซึ่งผมเองก็ไม่พลาด ที่จะเอาประสบการณ์ดีๆมาบอกเล่าให้ทุกคนได้ฟังกัน คลายเครียดหลังสอบเสร็จ ^^
ก่อนหน้าที่จะมาเข้าค่ายนี้ ก็มีพี่ๆที่อยู่ส่วนคณะกรรมการกลางโทรมาตามจิกขณะที่ผมกำลังนั่งดูกำเนิดเทพ 3 ดาวอยู่ (จำแม่น 555+) บอกให้ผมไปเข้าค่าย ด้วยความที่ขี้เกียจอย่างรุนแรงและติดเรียนด้วย ก็กำลังจะตอบปฏิเสธเขาไปและ แต่เนื่องด้วยพี่แกไปอารมณ์เสียมาจากไหนก็ไม่รู้ แอบด่านอกโทรศัพท์โดยที่หารู้ไม่ว่าผมได้ยินเต็ม 2 รูหูเลย (แง่งๆๆๆ) ก็เลยต้องยอมจำใจไป (โดยที่ไม่รู้เลยว่า จะหาชดเชยที่เรียนพิเศษได้รึเปล่า)
เช้าวันที่ 27 คุณพี่ประธานสภานักเรียนเขต 3 ซึ่งเป็นรุ่นพี่ในรร.ของผมเอง (ใหญ่ไหมล่ะ?) บอกนัดให้มาก่อน 6 โมงครึ่ง ด้วยความที่ฟิตจัดเลยตื่นตั้งแต่ตี 4 อาบน้ำ แต่งตัว แพคกระเป๋ามาตั้งแต่ตอน ตี5 กว่าๆ ถึงโรงเรียนวัดชัยฉิมพลีซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายเวลาประมาณตี 5 50 นาที ซึ่งตอนนั้นทั้งโรงเรียนเงียบสุดชีวิต มีแต่สุนัขที่จ้องจะไล่เห่าอยู่ตลอดเวลา ในที่นั้นไม่มีใครอยู่เลย นอกจากลุงภารโรง ซึ่งแกตอนไล่ปิดไฟตามตึกมาเรื่อยๆ (ตอนแรกก็ตกใจนึกว่าแกเป็นผี 5555+) ก็เลยถามแกว่าเพื่อนๆเค้าอยู่ไหนกันหมด แกก็ไม่รู้ ก็เลยนั่งรอกับลุงภารโรงแกเนี่ยแหละ จนประมาณสัก 6 โมงกว่าๆมั้ง กว่าจะมีเพื่อนๆเข้ามากัน ก็เลยเปลี่ยนสถานที่นักหมายไปยังโรงเรียนอาหารของโรงเรียน
สรุปว่าที่มาก่อนนี่ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่ละคนมาสายกันจนน่าหมั่นไส้ (พลอยเครียดไปด้วยเลยแหะเรา -*-) ที่มากันรู้สึกว่าจะมีทั้งหมด 47 หรือ 57 คนเนี่ยแหละ จำไม่ค่อยถูกเหมือนกัน (สมองมีความบกพร่องทางด้านการจำตัวเลข เหอๆ) ก่อนหน้าที่เราจะขึ้นรถก็มีการลงทะเบียน รับเสื้อแล้วก็เปลี่ยนเป็นชุดของสภานักเรียนเขต 3 สีน้ำตาลสวยมากเลยหล่ะ ออกแบบได้แจ่มดีเหมือนกัน อิอิ
พอเอาของขึ้นรถกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีการถ่ายรูปหมู่ก่อนที่จะไปเข้าค่าย อ๊ะ! ลืมบอกไปอย่างหนึ่ง งานนี้คณะกรรมการนักเรียนของผม มีผมไปคนเดียวนะครับ นอกจากนั้นเป็นรุ่นพี่อีก 4 คน ก็เคยคุยกันอยู่บ้างนะ คงจะได้รู้จักกันดีก็ในค่ายนี้แหละ
เสร็จแล้วก็มีการรับป้ายชื่อ แล้วก็ขึ้นไปหาโลเคชันนั่งพักผ่อน ผมก็ได้รู้จักกับเด็กม.4 อีกคนหนึ่ง รู้สึกจะอายุน้อยที่สุดในการมาค่ายครั้งนี้ ก็ได้นั่งคุยกับน้องเค้า ทำความรู้จักกันก่อนถึงค่าย อย่างน้อยจะได้ไม่วังเวง เหอๆ
ระหว่างทางก็สนุกสนานครับ มีการเล่น Buddy ร้องเพลงต่อกัน (งานนี้ผมก็เป็นแม่งานด้วยนะ 555+) ใครอยากรู้จักใครก็ถามชื่อ ขอเบอร์กันระงม ดูแล้วก็เป็นสีสันไปอีกแบบ เรื่องบัดดี้น่ะหรอ ผมจับได้รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่อัปสร น่ารักซะด้วยหล่ะ อิอิ ก็พอเล่นต่อเพลงบนรถกันจนพอหอมปากหอมคอแล้ว รถทัวร์คันใหญ่ก็มุ่งหน้าเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควร 2 ข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจี ส่วนสภาพถนนนั้นแคบมากๆ รถทัวร์ของเราคันเดียวก็เต็มถนนแล้ว พอถึงที่หมายปุ๊บ ผมก็ถึงกับตะลึงงัน~ เพราะว่าโรงเรียนที่เรารับอาสาจะมาพัฒนานั้นเล็กเอามากๆ มีถนนเล็กๆตัดผ่านโรงเรียน ทางซ้ายมือเป็นห้องสมุดเล็กๆซึ่งมีโต๊ะผอ. อยู่ข้างใน ข้างๆกันก็มีอาคารเรียนเตี้ยๆ ประมาณ 6-7 ห้องเห็นจะได้ ส่วนที่น่าหยดหยองไปกว่านั้นก็คือ อยู่ใกล้วัดซึ่งเกือบจะเป็นป่ารกชัก แล้วก็บ้านร้างซึ่งไม่มีคนอาศัยอยู่ (น่ากลัวตั้งแต่แรกพบ) ตอนแรกก็หวั่นๆใจอยู่เหมือนกัน อยากกลับบ้าน แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว เอาไงก็เอากันฟร่ะ!
ก่อนหน้านั้น พี่ประธานสภาก็แจ้งถึงเรื่องสถานที่จะนอนหลับพักผ่อน ของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งฝ่ายชายจะได้นอนในห้องสมุดเนี่ยแหละ ส่วนฝ่ายหญิงจะได้นอนในห้องของเด็กอนุบาล ซึ่งสภาพก็ไม่แตกต่างกัน และที่สำคัญ....
ห้องน้ำมีอยู่แค่ 2-3 ห้อง!!!!
(ตายละ อย่างนี้เวลาอาบน้ำ ไม่ตายกันหรอเนี่ย)
เหอะๆ อยากจะร้องไห้ แต่ก็ทำไงได้ พอเอากระเป๋าลงเสร็จแล้ว ก็เห็นกลุ่มเด็กนักเรียนมายืนตอนรับกันเป็นแถวเลย ก็เลยยืนถ่ายรูปกันอีกสักครั้ง (พอดีลืมฝากถ่าย เสียดายจัง) ก่อนที่ผอ.จะกล่าวต้อนรับพวกเราทุกๆวัน แล้วก็ทิ้งท้ายไว้ว่า....
“ห้องน้ำ ถ้าไม่พอ สามารถไปใช้ของวัดได้นะครับ”
.....................................
ขอบคุณครับผม - -“
มาพูดถึงสภาพสถานที่นอนกันดีกว่า ห้องนอนของฝ่ายชายนั้นอยู่เกือบติดพื้นเลยก็ว่าได้ ผมเจอที่นอนต้องมุมสุดของห้องเลย ซึ่งนั่นก็เป็นส่วนตัวดีมาก มีเสื่อให้พร้อมสรรพ มีพัดลมซึ่งก็ถือว่าดูดี อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ส่วนห้องน้ำก็ถือว่าสะอาดใช้ได้เลยเลยหล่ะครับ แต่กลอนประตูนี่มีปัญหานิดหน่อย คงต้องทนๆกันได้
ส่วนห้องนอนฝ่ายหญิงนั้นสบายครับ พื้นไม้สะอาดสะอ้านห้องกว้างโอดโถง มีห้องน้ำในตัว แต่ห้องน้ำหญิงนี้ออกจะโล่งไปนิด แต่ก็ไม่มีคนมาแอบดูหรอก เชื่อถือได้แน่นอน ^^
ห้องน้ำในวัด จะบอกว่าผู้ชายสบายเอามากๆ เพราะว่าสามารถอาบในที่เดียวกับพระได้ แต่ผู้หญิงต้องอาบอีกที่หนึ่ง ซึ่งสถานที่นั้นน่ากลัวอย่างบอกใครเชียว เนื่องจากตั้งตรงข้ามกับเมรุเผาศพ เป็นป่าขนาดย่อมเลยก็ว่าได้ รอบๆเต็มไปด้วยโกฏิเก็บกระดูก ใครกล้าอาบก็อาบได้นะครับ แต่ผมขอบายดีกว่า บรื๊อ~
หลังจากที่วางกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง ส่วนผมหรอ เหอๆ พอดีไม่ได้ลงอะไรไว้เลย ก็เลยไม่รู้จะทำอะไรดี รู้สึกแย่มากๆที่เป็นคนที่ทำอะไรไม่ค่อยจะได้ พอจะไปช่วยทาสี ปรากฏว่าตัวเองแพ้กลิ่นสีขั้นรุนแรง ได้กลิ่นแล้วคลื่นไส้เวียนหัวจวนจะอาเจียน ชีวิตรันทดสุดๆ ทาสีได้แปบเดียววัดระต้องขอบายมานั่งเล่นกับเด็กออติสติกในห้องนอนของฝ่ายหญิง
เหอๆ สงสัยหน้าที่นี้ฟ้าคงประธานให้ พี่เลี้ยงเด็กดาวน์ -*-
ก็เล่นกับแกไปจนเย็นนั่นแหละ คนเดินเข้าเดินออกก็สงสัย รู้สึกแย่แปลกๆที่ไม่รู้จะไปทำอะไรดี เลยกินยาพาราไป 2 เม็ด กะว่าจะนอนหลับในห้องนั้นเลย ไปๆมาๆ หลับไม่ได้อีก ชีวิต~ เด็กมันปลุกตลอดเวลาเลย (สงสัยเด็กจะติดไปซะแล้ว~) ก็ต้องนั่งเล่นกับแกไปเรื่อย ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็สงสารแกเนาะ
แต่ไม่นานหรอก ผมก็ปลีกตัวไปช่วยรุ่นพี่ของผม 3 คนทำอาหาร ซึ่งผมก็ได้ค้นพบว่า งานเนี้ยแหละเหมาะสมกับผมที่สุดแล้ว 555+ นอกจากผม ก็มีเพื่อนจากต่างรร.มาช่วยอีก 2 คน ก็นั่งหั่นผัก หั่นหอม (เรื่องมันเศร้า น้ำตาไหลตลอด -*-) เสียบบาร์บีคิว หมักหมู หมักไก่ แล้วก็โดยเฉพาะปลาหมึก ซึ่งผมหมักเองกับมือ ตอนแรกก็ทำตามสูตรที่เจ้าคุณพ่อบอกมาอยู่หรอก แต่คุณพี่กลัวปลาหมึกไร้รสชาติจึงแอบใส่ซีอิ๊วขาวลงไปอีก เหอๆ อันนี้ต้องรอถามคนกินตอนเช้าดู - -
พอจัดเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว ผมก็ชิงไปอาบน้ำก่อน เพราะกลัวคนจะเยอะ พอเสร็จแล้วก็แอบจิ๊กจักรยานเด็กแถวนั้นไปปั่นเล่นสนุกสนาน จะบอกว่าสภาพบรรยายกาศไม่ต่างจากพิจิตรบ้านเกิดผมเลย (เห็นอย่างนี้ก็เหอะ เป็นคนเหนือเหมือนกันนะเจ้า) ก็เลยขี่จักรยานจนเพลิน ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน โรแมนติกซะไม่มี~
หลังจากนั้นรุ่นพี่ก็เรียกให้ทุกคนมารับประทานอาหารเย็นซึ่งเป็นข้าวต้ม (ส่วนบาร์บีคิวนี้เอาไว้กินโต้รุ่งครับ) พอกินเสร็จแล้วก็มีเวลาให้ทุกคนไปอาบน้ำ จากนั้นก็ต้องไปประชุมกันที่ห้องนอนของฝ่ายหญิงต่อ
ส่วนเรื่องอาบน้ำที่คงไม่ต้องเล่าหรอกเนาะ สยิวกิ้ว 555+
การประชุมในวันนี้นั้น มีเรื่องที่สำคัญมากๆเป็น Topic ประจำการประชุมครั้งนี้เลย นั่นก็คือ “ตามหาว่าที่ประธานสภาคนใหม่” ซึ่งผมต้องขอบายจริงๆหล่ะ เนื่องด้วยสุขภาพแล้วก็ความสามารถของตนเองที่ไม่สามารถบริหารงานขนาดใหญ่ขนาดนั้นได้ (ปรากฏว่า แค่ในโรงเรียนก็จะตายแล้ว) ก็เลยให้คนอื่นที่เหมาะสมไป ที่สำคัญผมก็ยังมีห่วงอยู่หลายอย่างด้วย เปิดโอกาสให้คนอื่นแล้วกันนะครับ (แต่ก็ยังมีคนเรียกร้อง วัดสิงห์ๆ แอบดีใจเล็กๆแหะ ^^)
จากนั้นก็มีการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าสภานักเรียนเขต 3 ซึ่งมีรายชื่อโรงเรียนดังต่อไปนี้ (เท่าที่จำได้นะครับ)
1. โรงเรียนทวีธาภิเษก (เพื่อนเก่าผมเองแหละ มัน Talkative เกิน ปล่อยมันๆ)
2. โรงเรียนวัดชัยฉิมพลี
3. โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม
4. เหลืออีก 2 โรงเรียน น่าเป็นโรงเรียนพิทยาลงกรณ์พิทยาคม กับอีกโรงเรียนซึ่งผมจำไม่ได้ ^^
การเลือกก็เป็นไปอย่างสบายๆ ซึ่งผลปรากฏออกมา โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตารามได้เป็นประธานรุ่นต่อไปครับผม ก็เหมาะสมดีแหละ เพราะผมก็กะไว้แล้วว่านายนี่ต้องได้แน่นอน อิอิ
ส่วนผมหรอ เงียบๆแฮะ ปีหน้ากะจะปล่อยวางทุกอย่างแล้ว แต่ถ้ามีเรื่องให้ช่วยก็บอกกันได้นะครับ ว่าที่ประธานคนใหม่ ^^
หลังจากที่ผ่านกิจกรรมการประชุมไปแล้ว ต่อไปก็คือกิจกรรมรอบกองไฟหล่ะนะ
สำหรับกิจกรรมรอบกองไฟในวันนี้นั้น อาจจะถือว่าเป็น Climax ของการมาค่ายอีกอย่างหนึ่งก็ว่าได้ เนื่องจากทุกคนได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แล้วก็ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน สนุกสนานเฮฮาครับ พอจบช่วงนี้ไปปุ๊บ พี่ประธานผมก็ให้ทุกคนนั่งลง พร้อมกับจับมือกันเป็นวงกลมแล้วก็หลับตา ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าจิตใจของทุกคนนั้นรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อพี่ประธานได้กล่าวถึงความรู้สึกที่มีกับการจัดค่ายนี้ พี่ๆแม่งานทุกคนก็ต่างพากันพูดถึงสิ่งที่เกิดกับค่ายครั้งนี้ แล้วก็มีเสียงเพลงเบาๆของกีตาร์โปร่งอยู่เป็นระยะ มีสายลมเอื่อยๆพัดเอาใบไม้ที่อยู่บนต้นไม้ร่วงหล่นลงมาเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างไปพร้อมกับเสียงเพลง บางคนก็ถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร
ตัวผมเองที่รู้สึกไม่ค่อยจะดีกับค่ายนี้สักเท่าไหร่ พอได้ฟังพวกพี่ๆเขาออกมาพูดที่ละคนก็เริ่มเข้าใจ และเห็นถึงความพยายามของพวกพี่เขาอย่างมากในการจัดค่ายครั้งนี้ นึกสงสารอยู่เหมือนกันนะ จากที่เซ็งๆก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็มีการต่อเทียนกันเป็นวงกลม แล้วก็เล่นเพลงที่คลาสสิกมากสำหรับการลาจาก ซึ่งนั่นก็คือเพลง กว่าจะรัก ถึงแม้ว่าจะร้องถูก ร้องผิดไปบ้าง แต่ผมก็เชื่อว่าทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั้นตกอยู่ในอารมณ์เดียวกัน หลังจากนั้นก็เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เปิดใจถึงค่ายครั้งนี้ ซึ่งทุกคนก็พูดออกมาจากความรู้สึกลึกๆภายในใจของตัวเองอย่างไม่อาย บางก็ซึ้ง บ้างก็สนุกสนานคละเค้ากันไป ส่วนตัวผมเองขอไม่พูดแล้วกัน เพราะผมเชื่ออยู่แล้วพี่ๆทุกคนคงจะเข้าใจความรู้สึกของน้องคนนี้ ^^
หลังจากกิจกรรมคืนนี้ ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันจะเข้านอน แต่มีสิ่งหนึ่งที่พิเศษกว่านั้นก็คือ ปาร์ตี้บาร์บีคิวที่ทุกคนรอคอยนั่นเอง! เห็นภาพแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ แต่ผมก็อยู่กินไม่ไหวอ่ะ ยาพารา 2 เม็ดที่กินไปเพิ่งออกฤทธิ์ ก็เลยต้องขอตัวเข้านอนก่อน อดชิมปลาหมึกฝีมือตัวเองเลย เศร้า T_T
เดี๋ยวรอถามเพื่อนๆวันพรุ่งนี้แล้วกัน แต่ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ แหะๆ
To Be Continue>>>>
ก ว่ า จ ะ รั ก . . . เ ท่ า วั น นี้
ก ว่ า จ ะ มี ค น ม า เ ข้ า ใ จ ต้ อ ง ใ ช้ เ ว ล า
ใ ช่ เ พี ย ง ม อ ง ต า กั น เ มื่ อ ไ ห ร่
อ ย า ก จ ะ คิ ด . . . ต้ อ ง จ า ก กั น
เ ป็ น ค ว า ม ฝั น แ ต่ ค ว า ม จ ริ ง นั้ น เ ร า ยั ง อ ยู่ เ คี ย ง ข้ า ง กั น
. . . ดั่ ง วั น ว า น . . .
ความคิดเห็น