ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึก(ไม่)ลับ เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์

    ลำดับตอนที่ #74 : งานกลุ่ม…. ฝึกความสามัคคี หรือ ยุให้แตกแยก?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 587
      1
      1 ก.พ. 52

    สวัสดีครับทุกๆ ต้องขอโทษจริงสำหรับการหายหน้าหายตาไปนานมากๆ คือช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ (ได้ข่าวว่าอ้างแบบนี้ทุกทีเลย -*-) แล้วอีกอย่างก็ใกล้จะสอบ GAT & PAT แล้วด้วย ยอมรับว่ายังเตรียมตัวได้ไม่ดีพอเลย ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ โรงเรียนดั๊นจัดสอบปลายภาคต้นเดือนมีนา ใกล้กับวันสอบอีก ตอนแรกก็นึกสงสารพี่ ม.6 พอคิดไปคิดมา อ้าว! ตัวเองก็น่าสงสารหนัก นอกจากจะอ่านหนังสือเพื่อสอบกลางภาคแล้ว ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ GAT & PAT เฮ้อ... คิดแล้วก็เซ็ง

     

    เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ต้องอ่านเก็บวันละนิด วันหล่ะหน่อย เพื่อให้พร้อมที่สุดเท่าที่เด็ก ม.5 คนหนึ่งจะทำได้แหละน่า!

     

    Rakung

    1 Feb 09

     

     

    งานกลุ่ม งานกลุ่ม งานกลุ่ม แล้วก็งานกลุ่ม

    แค่พูดขึ้นมาลอยๆหลายคนอาจจะคิดได้ 2 แง่

     

    เย้! ดีจัง ได้ทำงานกับเพื่อนๆอีกแล้ว

    อะไรอีกเนี่ย งานกลุ่มอีกแล้วหรอ

     

    เหอๆ ผมเองก็จะขอบอกว่า ผมเองเมื่อก่อน (สมัยประถมนู้น) รู้สึกเหมือนอันแรกนะ คือสำหรับเด็กประถมแล้ว การทำโครงงานมันเป็นเรื่องที่สนุกสนานมาก ได้ทำงานกับเพื่อนที่รู้ใจ ที่สำคัญหัวข้องานก็สบายๆ เพราะมันเป็นของเด็กไงครับ

     

    ตอนนี้ ผมก็อายุมากพอสมควรและ การทำงานกลุ่มหรือการทำงานกลุ่มก็ต้องพัฒนามากขึ้นกว่าเดิมใช่ไหมครับ ทั้งรูปแบบที่ต้องทำให้ถูกต้อง เนื้อหาที่ยากมากมาย ต้องทำการศึกษา ทดลองเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ของการทำโครงงาน ส่งงานเอาคะแนน หรือไม่บางที เราเองก็รู้สึกเบื่อเพื่อนร่วมงาน ซึ่งก็ช่วยบ้าง ไม่ช่วยบ้าง ทำให้บางครั้งเราอาจจะเบื่อการทำงานกลุ่มไปโดยปริยาย

     

    และ งานอะไรก็ตามที่ทำมากกว่า 1 คนขึ้นไป

    ย่อมมีสักคนแหละ ที่มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับเรา

    และนั่นก็เป็นเหมือนชนวนเล็กๆที่อาจจะทำให้เกิดการไม่เข้าใจกันในกลุ่มเพื่อนฝูงก็ได้

     

    ทุกคนมีความคิดที่เป็นของตัวเอง และบางทีความคิดนั้นอาจจะเป็นความคิดที่ดี ซึ่งบางทีเราเองก็อาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่าแต่ละคนย่อมมีความคิดที่ไม่ตรงกันเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เชื่อเลยว่าเหตุการณ์นี้คงเกิดขึ้นกับหลายๆกลุ่มในการทำงาน

     

    .....คือ เมื่อมีคนเสนอสิ่งหนึ่งไปแล้ว อีกคนจะต้องลุกขึ้นมาเสนอสิ่งที่ตนเองคิดว่าดีกว่า แล้วก็อาจจะมีอีกคนตามมากเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด บางทีอาจจะจบลงด้วยกันทะเลาะวิวาทกัน ของฉันดีกว่า ของเธอมันแย่ มันใช้ไม่ได้ เพียงเรื่องเล็กๆแค่นี้ก็สามารถทำให้เกิดเรื่องได้แล้วหล่ะครับ…..

     

    ยิ่งเป็นงานระดับห้อง ระดับสายชั้น คงไม่ต้องพูดถึงเลยว่า มันคงจะต้องวุ่นวายมากกว่านี้อย่างแน่นอน ดีไม่ดีแต่ละห้องอาจจะเกลียดกันไปเลยก็ได้

     

    เมื่อความไม่มั่นคงในการทำงานเกิดขึ้น เพื่อนๆทุกคนก็จะต้องเริ่มหาที่พึ่ง เพื่อหาทางลบความกลัวที่อยู่ในจิตใจ ในที่นี้ไม่ใช่คนที่ให้คำปรึกษา แต่เป็นคนที่คอยรองรับอารมณ์ของเพื่อนต่างหาก เขาคนนั้นส่วนใหญ่จะต้องเป็นตัวตั้งตัวตีในการทำงาน หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดในงานนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าห้อง ประธานสี หรือประธานนักเรียน เชื่อเถอะว่า เมื่อเพื่อนๆถูกมองว่าเป็นผู้นำ เป็นคนที่รู้เรื่องดีที่สุด ไม่ว่าเรื่องมันจะเล็กน้อยขนาดไหน เขาก็จะสามารถเอามาลงกับเราได้

     

    เพื่ออะไร เพื่อต้องการความมั่นใจในการทำงานไงหล่ะครับ

     

    พวกเขากลัวงานจะออกมาไม่สำเร็จ เลยไม่รู้จะระบายกับใครดี

    บางครั้งก็ต้องพูดกับคนที่รู้เรื่องในงานนั้นมากที่สุดๆ

    ทั้งๆที่บางเรื่องไม่เห็นจะต้องถามเลย และบ่อยครั้งมากที่อาจจะทำให้เกิดเรื่องทะเลาะกัน

     

    อย่างเช่น

    สมชายต้องการบอร์ดมาทำงาน จึงไปถามสมศรีว่าจะหาบอร์ดมาจากไหน

    สมศรีซึ่งเป็นคนดูแลงานทั้งหมด งานก็เยอะจะตายอยู่แล้ว จึงตอบไปว่าตนเองไม่รู้

    สมชายกลับต่อว่าสมศรีว่า ทำไมไม่รู้จักหามาให้เรียบร้อย งานจะเริ่มอยู่แล้วนะ

    ซึ่งความจริง เรื่องแค่นี้สมชายก็สามารถหาเองได้ แต่ทำไมเขาถึงพูดกับสมศรีแบบนั้น นั่นก็เพราะว่า เขาต้องการความมั่นใจในการทำงาน กลัวงานจะไม่สำเร็จ เลยต้องต่อว่าเพื่อนสักเล็กน้อยที่เป็นผู้นำ แต่กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ส่วนสมศรีที่ทำงานทุกอย่างเองมาโดยตลอดก็เหนื่อยมากมายพอสมควรอยู่แล้ว ได้ฟังอย่างนี้ ถ้าคุมสติได้ดีอาจจะเสียความรู้สึกไปพอสมควร ถ้าไม่ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ก็ได้

     

    สิ่งที่สำคัญที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ นอกจากความสำเร็จของงานแล้ว จิตใจของเพื่อนร่วมงานก็สำคัญไม่แพ้กัน และนี่ก็เป็นประเด็นสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เพื่อนเกิดความขัดแย้งกันในกลุ่ม

     

    เรื่องคนทำงาน ไม่ทำงานก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งเหมือนกันที่ดูเหมือนว่าจะมีเกือบทุกกลุ่ม คนที่ทำก็ทำกันให้ตายไปเหอะ คนที่ไม่ทำ ก็ไม่ทำอยู่แบบนั้น ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน บางทีก็ถึงขั้นทะเลาะกันได้

     

    บางคนทำงานแทบตาย แต่ก็ไม่มีคนเห็นว่าตนเองทำ ก็เลยถูกหาไปว่าไม่ได้ทำซะงั้น เรื่องแบบนี้ทำให้เพื่อนๆผมเสียความรู้สึกไปเยอะพอสมควรแล้วหล่ะครับ

     

    และเมื่องานล่ม หรือไม่สำเร็จตามที่หวังเอาไว้ สิ่งแรกที่เราจะทำคือหาตัวคนที่ทำผิด ต่างฝ่ายต่างก็โทษกันว่าคนนู้นทำ คนนี้ทำ ทั้งๆที่ความจริงน่าจะช่วยกันแก้ปัญหามากกว่า กลับกลายเป็นว่าโทษกันไปโทษกันมา หาคนทำผิดไม่ได้

     

    สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การแก้ปัญหาครับ ไม่ใช่โทษกัน

    เพราะสุดท้าย มันก็คืองานของทุกคน ไม่ใช่งานของใครคนใดคนหนึ่ง

    แล้วก็ไม่มีใครจะมารับผิดชอบงานของพวกเราได้ นอกจากพวกเราเองทั้งหมด

     

    ขึ้นชื่อว่า งานกลุ่ม ก็ย่อมมีมากกว่า 1 คนขึ้นไป

    อย่าให้มันมาเป็นชนวนทำให้เราต้องแตกแยกกันเลยนะครับ

     

    สิ่งที่ควรทำเมื่อทำงานกลุ่มคือ

    1.   เมื่อมีการเสนอความคิดเห็น ต้องยึดหลักประชาธิปไตย ฟังเสียงข้างมาก ถ้ามีเพื่อนบางส่วนไม่เห็นด้วย ต้องแจงให้ฟังว่าทำไม่ถึงคนส่วนใหญ่จึงเลือกสิ่งนี้

    2.    กระจายงานให้ทั่วถึงทุกคน จะได้ไม่มามีปัญหาว่าคนนู้นไม่ทำ คนนี้ไม่ช่วย

    3.    ทำงานส่วนของเราให้ดีที่สุด และช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานเท่าที่เราจะทำได้

    4.    จงเชื่อมั่นผู้นำกลุ่มของเราให้มากที่สุด ต้องเชื่อว่าเขาจะต้องพาพวกเราให้ถึงฝั่งได้อย่างแน่นอน

    5.    อย่ากล่าวโทษคนอื่น ถ้าเราไม่รู้จริงว่าเขาเป็นเช่นนั้นหรือไม่

    6.    อย่าอ้างว่า ตนเองทำงานมามากพอแล้วเลยไม่ช่วยทำ ควรช่วย ถึงแม้จะเล็กน้อยก็ยังดี

    7.   อย่าใช้ถ้อยคำรุนแรงเวลาเสนอสิ่งใหม่ๆที่ขัดแย้งกับข้อเสนอเดิมๆ และไม่พูดว่าสิ่งที่คนก่อนเสนอมานั้นไม่ดียังไง เพราะมันจะเป็นการไม่ให้เกียรติคนที่เขาคิดได้ก่อน

    8.    ควรมีกระบวนการในการทำงานกลุ่มที่ชัดเจน

    9.   ถ้างานล้มเหลว ห้ามโทษกัน หรือโยนความผิดให้กันเด็ดขาด เพราะผลที่ได้มันคือความสัมพันธ์ของคนในกลุ่มทุกคน เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดเรื่องขึ้น ทุกคนจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน

    10.                       เมื่อเพื่อนผิดพลาด ทุกคนต้องพร้อมที่จะให้อภัย ไม่ใช่ซ้ำเติม

    11.               อย่าถือทิฐิ ว่าเขาไม่นำความคิดของเราไปปฏิบัติ แล้วเราก็ไม่ทำ เราจะต้องยอมรับในสิ่งที่ทุกคนให้ความเห็นตรงกัน อย่าเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เช่นนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับ เด็กที่เอาแต่ใจ อยากได้รถบังคับ เมื่อแม่ไม่ซื้อให้ตัวเองก็ดินพราดๆจะเอามันให้ได้

     

    และเมื่อผ่านปัญหาทั้งหมดนี้มา ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ สิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในใจ นั่นก็คือความภาคภูมิใจที่พวกเราทุกคนสามารถฝ่าฝันอุปสรรคมาได้ด้วยกันเป็นผลสำเร็จ เราจะรู้สึกได้เลยว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อเราได้พยายามกับมันได้เต็มที่ถึงที่สุด

     

    มันเป็นบททดสอบหนึ่งของชีวิตที่ทุกคนต้องเจอครับ

    งานกลุ่มยังคงสร้างความสามัคคีให้เกิดในหมู่คณะได้อย่างแน่นอน ผมเชื่ออย่างนั้น

    อาจจะมีติดขัดบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่นั่นก็แค่ส่วนหนึ่ง

    ความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องรักกันให้มากๆนะครับ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×