ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คืนปรารถนา

    ลำดับตอนที่ #3 : คืนปรารถนา บทที่ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.01K
      31
      27 ก.พ. 52

    คืนปรารถนา บทที่ 3
     
    วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจดังสายลมที่พัดผ่าน แต่ความเจ็บปวดที่ตกค้างในใจของผู้คนไม่ได้เป็นเช่นนั้น มีคนบอกว่าเวลาจะช่วยเยียวยารักษาความเจ็บปวด แต่ว่าบางบาดแผลที่สาหัสสากรรจ์มากก็ต้องใช้เวลาในการรักษานานกว่า และบางบาดแผลก็ทิ้งรอยจารไว้ให้เจ้าของได้รำลึกถึงอยู่เสมอ
     
    มิลินท์เหลือบมองท้องนูนของตนในชุดคลุมท้องแบบเรียบๆ สีชมพูฉลุลายลูกไม้ เธอท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว ซึ่งเป็นเจ็ดเดือนที่ทั้งสุขและทุกข์ของเธอ
     
    หลังจากสงสัยว่าตัวเองอาจจะตั้งครรภ์ เธอก็ยังรีรอที่จะตรวจหาความจริง เนื่องจากเธอกลัวว่าจะตั้งท้องจริงๆ นั่นเอง แต่พอผ่านไปได้หนึ่งอาทิตย์ เธอก็เริ่มมีอาการแพ้ท้อง ทั้งอาเจียนและผะอืดผะอมตลอดเวลา แถมบางครั้งยังหน้ามืดด้วย เธอจึงจำต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล และข่าวร้ายของเธอก็เป็นจริงดังคาด เธอตั้งครรภ์ได้สองเดือน เธอทั้งช็อกและตื่นตกใจ เธอไม่รู้ว่ามันเป็นกรรมอะไรของเธอ เพราะเธอไม่คิดว่าเธอจะท้องทั้งที่มีการคุมกำเนิด!
     
    ใช่ เธอจำได้รางๆ ว่าเขาใส่ถุงยาง เขาใส่จริงๆ แต่ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ เธอเองก็ไม่อาจจะรู้ได้...ถุงยางรั่ว ถุงยางเสื่อม...จะอะไรก็ช่าง เธอรู้แต่ว่าเธอท้อง
     
    หลังจากทราบข่าว เธอก็นึกถึงอชิระ ผู้เป็นพ่อของเด็กในท้องขึ้นมาทันที แต่แล้วเธอก็ต้องสลดลง เมื่อนึกได้ว่าในวันสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าเขา เขาปฏิบัติต่อเธออย่างเย็นชาขนาดไหน เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองจะต้องคิดถึงเขาด้วย อย่างกับว่าคิดถึงเขาแล้วเขาจะช่วยเธอได้อย่างงั้นแหละ คิดได้ดังนั้น เธอจึงไม่คิดจะบอกเขา เพราะเธอกลัวว่าเขาจะปฏิเสธเธอ เธอไม่อยากเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะแค่นี้...แค่ที่เขาทำกับเธอเท่านี้ เธอก็แทบตายแล้ว
     
    เธอมันทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายเพราะเธอไม่อาจจะแบ่งปันเรื่องลูกกับชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกในท้องได้เหมือนคู่รักทั่วไป...ไม่ ความจริงเธอกับเขาไม่ได้เป็นคู่รักกันด้วยซ้ำ พวกเขาเป็นแค่คู่ใคร่กันเท่านั้น เธอใคร่อยากเป็นเจ้าของหัวใจของเขาเนื่องจากเธอรักเขา แต่เขาใคร่อยากได้ตัวเธอเนื่องจากเขาคิดแค้นในสิ่งที่เขาเข้าใจผิดต่อเธอ
     
    เมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ เธอก็ยิ่งร้อนรน เนื่องจากเธอยังหางานไม่ได้สักที เธอรู้ว่าการตั้งครรภ์ยิ่งจะทำให้เธอโดนปฏิเสธงานได้ง่ายขึ้น เพราะใครที่ไหนจะอยากรับคนท้องทำงาน ถ้ารับทำงานแล้วค่อยมาท้องก็ว่าไปอย่าง ดังนั้นเธอจึงยิ่งเครียดเป็นทวีคูณ
     
    เธอยังไม่กล้าบอกพ่อแม่ว่าเธอท้อง เธอกลัวว่าจะถูกตำหนิ หรือถูกรังเกียจ เธอยังอยากได้ความรัก ไม่ใช่ความโกรธ เธอจึงปิดปากเงียบและกล้ำกลืนความยากลำบากอยู่คนเดียว เธอตั้งใจหางานมากขึ้น และเลือกงานน้อยลง ในที่สุดความตั้งใจของเธอก็สัมฤทธิ์ผล เธอได้งานที่ไม่ตรงกับสายงาน ไม่ตรงกับวุฒิการศึกษา และค่าแรงต่ำกว่าที่เคยได้เกือบเท่าตัว มันเป็นงานขายของในร้านเครื่องประดับ แต่เธอไม่มีทางเลือก นี่ถือว่ายังมีความโชคดีในความโชคร้ายที่เธอได้นายจ้างนิสัยน่ารักอย่างวราพร ซึ่งยอมรับคนท้องที่ดูอ่อนเพลียตลอดเวลาอย่างเธอเข้าทำงาน
     
    หลังจากได้งานทำและเริ่มทำงานได้สักพัก เธอก็ตัดสินใจส่งข่าวไปบอกทางบ้าน แน่นอนว่าพ่อโกรธเธอมาก เพราะเขาคาดหวังในตัวเธอซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวไว้สูง ส่วนแม่นั้นกลับตรงข้าม แม่เข้าใจและเห็นใจเธอซึ่งเป็นผู้หญิงเหมือนกัน และแม่ก็ยิ่งสงสารเธอ เมื่อรู้ว่าเธอต้องตั้งครรภ์ตามลำพัง
     
    กระนั้นพ่อก็โกรธเธอได้ไม่นาน เพราะยังไงเธอก็เป็นลูกของเขา ผ่านไปกว่าเดือนหลังจากทราบเรื่อง พ่อก็หายโกรธเธอหมดใจ แถมพ่อยังพูดติดตลกอีกว่า ถ้าคลอดลูกแล้ว เลี้ยงลูกไม่ไหว ให้ส่งมาให้พวกเขาเลี้ยงก็ได้ เธอจะได้ทำงานได้สะดวก และพวกเขาจะได้ไม่เหงา
     
    กำลังใจจากพ่อแม่ทำให้เธอหายเศร้าได้ มันทำให้เธอรู้ว่าในโลกเล็กๆ ใบนี้ ยังมีคนที่ห่วงใยเธออยู่จริงๆ และเธอก็ตระหนักว่าตัวเองไม่ควรจะมานั่งคร่ำครวญกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่เธอควรจะเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตของเธอ...ลูกของเธอ ลูกที่เธอจะรัก เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็ลุกขึ้นยืนและก้าวเดินต่อไป ไม่จมอยู่กับความสงสารตัวเองอีก แม้บางครั้งเธอจะมีหวนคิดกลับไปถึงอดีตร้าวที่ผ่านมาบ้าง แต่โดยรวมแล้วเธอก็มีความสุขตามประสาแม่ลูกหนึ่งดี
     
    มิลินท์วางมือไว้บนท้องอย่างทะนุถนอม และลูกของเธอก็ทักทายเธอด้วยการเตะเบาๆ ในทันที เธอยิ้มอ่อนโยนให้กับลูกที่ยังไม่ได้เกิด และกระซิบ “อีกสองเดือนแม่ก็จะได้เจอหน้าหนูแล้วนะ”
     
    ราวกับเข้าใจว่าเธอพูดอะไร แม่หนูในท้องก็เตะเธอรัวอีกสามครั้ง
     
    ย่างเข้าเดือนที่สี่ เธอได้รับการอัลตราซาวน์และทราบว่าเด็กในครรภ์เป็นเพศหญิง เธอดีใจมากที่ทราบเพศของลูก แต่ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย เธอก็ดีใจทั้งนั้น เพราะแกเป็นลูกของเธอ เลือดเนื้อเชื้อไขของเธอกับผู้ชายที่เธอรัก แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่รักเธอเลยก็ตาม
     
    “หนูดีใจที่จะได้เจอแม่ใช่ไหม” หญิงสาวยิ้มกว้าง เธอรู้สึกได้ว่าลูกของเธอกำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้ฝ่ามือของเธอ พูดคุยกับเธอด้วยการขยับตัว
     
    เสียงเปิดบานประตูทำให้มิลินท์ละความสนใจจากลูก เธอเงยหน้าขึ้นมอง พลันขยับตัวลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่อย่างกระฉับกระเฉง ไม่เหมือนคนท้องเจ็ดเดือนที่มีรูปร่างใหญ่โตอุ้ยอ้าย
     
    “สวัสดีค่ะ” เธอทักทาย ผู้ที่เข้ามาในร้านคนแรกเป็นหญิงสาววัยปลายยี่สิบ แต่งตัวทันสมัยสมวัย เบื้องหลังเธอ เป็นผู้ชายร่างสูงผอม ผู้มีใบหน้าที่เธอคุ้นเคย
     
    “คุณภพ” เสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของเธอเบามากเมื่อเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน
     
    “อ้าว คุณมิลินท์” พิภพจำผู้หญิงตรงหน้าได้ในทันที แม้เขาจะไม่ได้เห็นเธอมานานแล้ว แม้รูปลักษณ์ของเธอจะดูเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังจำเธอได้ เธอเป็นอดีตเลขาฯ ของอชิระ เพื่อนคู่ค้าของเขา
     
    ชลธิชาเหลือบตามองคนรัก เธอมีมารยาทพอที่จะไม่ถามว่าผู้หญิงที่ชื่อมิลินท์เป็นใคร เขาไปรู้จักได้อย่างไร เพราะเธอรู้ว่าเมื่อถึงเวลา เขาก็จะแนะนำให้เธอรู้จักเอง
     
    พิภพเดินเข้าไปหามิลินท์โดยอัตโนมัติ แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าเพราะอะไรเธอจึงดูเปลี่ยนไป
     
    เธอท้อง!
     
    พิภพยั้งปากที่เกือบจะตะโกนถามออกไปด้วยความประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าเธอท้องไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาเจอมิลินท์ในสภาพท้องกลมแบบนี้  
     
    “สวัสดีครับ คุณมิลินท์” เขาทักทาย “ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่ บังเอิญจังครับ ทำงานที่นี่หรือ” เขากวาดตามองรอบร้านเครื่องประดับด้วยความสงสัย เขาไม่คิดว่าผู้หญิงที่เรียนจบปริญญาและทำงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โตในตำแหน่งดีๆ กับอชิระมาก่อนจะหันมาทำงานขายของในร้านเครื่องประดับเล็กๆ
     
    “ค่ะ มิลินท์ทำงานที่นี่”
     
    พิภพพยักหน้าเมื่อได้รับการยืนยัน แม้จะงุนงงและไม่เข้าใจตรรกะของเธอ แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ถามอะไรต่อ “พอดีแฟนผมเห็นแหวนที่หน้าร้านสวยดี ก็เลยอยากจะดูแบบอื่นๆ เพิ่ม” เขาบอก ก่อนจะแนะนำตัวคนรัก “ชลครับ ชลธิชา”
     
    “สวัสดีค่ะ คุณชล”
     
    “นี่มิลินท์ เลขาฯ เก่าของคุณต้น...ชลจำคุณต้นได้ใช่ไหม” เขาหันไปถาม เขาเคยแนะนำชลธิชากับอชิระครั้งหนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะจำอชิระได้ ดังนั้นเขาจึงเกริ่นถาม
     
    ชลธิชาพยักหน้า เธอจำอชิระได้ ผิดจากที่แฟนหนุ่มของเธอคิด...ก็ทำไมเธอจะจำอชิระไม่ได้ล่ะ เขาไม่ใช่คนที่น่าจะมองข้ามได้เลย รูปลักษณ์ของเขาโดดเด่นเสียจนถ้าให้เขามายืนเทียบกับพิภพ พิภพจะกลายจืดชืดไปเสียสนิท แต่ถึงอย่างไร พิภพก็เป็นผู้ชายที่เธอรัก ไม่ใช่อชิระ ดังนั้นเธอจึงเอาพวกเขามาเปรียบเทียบกันทั้งหมดไม่ได้
     
    “สวัสดีค่ะ คุณมิลินท์”
     
    “คุณชลกับคุณภพสนใจแหวนวงไหนเหรอคะ” มิลินท์ถาม ตอนนี้เธออยู่ที่ร้านคนเดียว เนื่องจากว่าเป็นเวลาพักเที่ยงของวราพร ผู้เป็นเจ้าของร้าน ซึ่งผลัดกันพักเที่ยงกับเธอ  
     
    ร้านขายเครื่องประดับของวราพรเป็นร้านขนาดเล็ก ซึ่งเธอรับช่วงกิจการต่อมาจากที่บ้านอีกที เน้นขายของคุณภาพดี ราคาไม่แพงจนเกินไป และเป็นกันเองกับทั้งลูกค้าและลูกจ้าง ทั้งร้านก็มีเพียงเธอกับวราพรเท่านั้นที่ทำการควบคุมดูแล
     
    “วงด้านหน้า ที่เป็นแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าน่ะค่ะ เดี๋ยวชลพาไปดู”
     
    มิลินท์ค่อยๆ เดินออกมาจากหลังเคานเตอร์ตู้โชว์ พิภพจึงเห็นรูปร่างแปลกตาของเธอแบบเต็มๆ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามตามประสาคนช่างพูด
     
    “น้องกี่เดือนแล้วเหรอครับ” ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะแตะท้องของเธอด้วยซ้ำ เขาไม่ได้คิดลึกหรือคิดมิดีอะไรหรอกนะ เขาแค่รักเด็ก และอดทึ่งกับชีวิตน้อยๆ ในครรภ์มารดาไม่ได้เท่านั้น นี่เขายังคุยกับชลธิชาไว้แล้วเลยว่าหลังจากแต่งงาน พวกเขาจะมีลูกเลย ซึ่งชลธิชาก็เห็นด้วยกับความคิดเขา
     
    มิลินท์อดระแวงไม่ได้ เธอรู้ว่าพิภพสนิทกับอชิระในระดับหนึ่ง เธอกลัวว่าพิภพ...ซึ่งเป็นคนประเภทที่พูดน้ำไหลไฟดับ...จะเอาเรื่องเธอไปพูด...และ...และทำไมกันล่ะมิลินท์ ยังไงคุณต้นก็คงจะไม่มาสนใจเธอหรอก เขาจะมาสนใจเธอทำไมในเมื่อเขาเกลียดเธอออกจะตาย...เธอปลอบ...ย้ำตัวเองก่อนจะตอบออกไปตามตรง
     
    “เจ็ดเดือนแล้วค่ะ”
     
    “ทราบหรือยังครับว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย” แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะกล่าวถึงพ่อของเด็ก เพราะมันไม่จำเป็น และมันคงจะเป็นการละลาบละล้วงจนเกินไป แม้เขาจะสงสัยว่ามิลินท์แต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตลอดเวลาที่เธอทำงานกับอชิระ เขาเข้าใจว่าเธอเป็นโสด ทว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขาเลย ถึงเขาจะเป็นคนพูดมาก แต่เขาก็รู้จักกาลเทศะ
     
    “เด็กผู้หญิงค่ะ” มิลินท์ตอบขณะเลือกเอากุญแจดอกหนึ่งออกมาจากกุญแจทั้งหลายที่คล้องรวมอยู่ในพวงกุญแจอันเบ้อเริ่ม
     
    “ยินดีด้วยนะคะ” ชลธิชาเอ่ย สายตาจับจ้องที่ท้องโตเท่าลูกแตงโมย่อมๆ ของอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้นเจือชื่นชม
     
    “ขอบคุณค่ะ” มิลินท์พูดก่อนจะหยิบแหวนที่ชลธิชาถามถึงออกมา “วงนี้ใช่ไหมคะ”
     
    ชลธิชาพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
     
    “อยากจะดูวงอื่นด้วยไหมคะ มิลินท์จะได้หยิบมาให้ดูทีเดียว”
     
    “อืม” ชลธิชาครุ่นคิดก่อนจะชะโงกหน้ามองด้านหลังของตู้ที่ถูกเปิดกว้าง “ชลกำลังดูแหวนแต่งงานน่ะค่ะ” แล้วเธอก็หันไปสบตาและยิ้มหวานกับพิภพ “พวกเรากำลังจะแต่งงานกัน”
     
    “ใช่ครับ” พิภพเสริม
     
    “อยากดูแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวเรียบๆ แต่ไม่เอาทรงกลมนะคะ” ชลธิชาชอบเพชรรูปทรงอื่นมากกว่าทรงกลมที่ค่อนไปทางอนุรักษ์นิยม เธอเป็นสาวหัวสมัยใหม่ รสนิยมเก๋ และเธอเบื่อเพชรทรงกลม “ขอขนาดราวๆ หนึ่งกะรัต จะมากหรือจะน้อยกว่านั้นก็ได้ค่ะ ลองเอามาดูก่อน”
     
    “อ้อ ค่ะ ได้ค่ะ เดี๋ยวมิลินท์หยิบให้นะคะ เชิญคุณชลกับคุณภพนั่งรอที่โต๊ะก่อนเลยค่ะ” เธอผายมือไปยังโต๊ะไม้มะค่าฝังมุกซึ่งอยู่ข้างตู้โชว์เครื่องประดับด้านใน “เดี๋ยวมิลินท์ตามไป”
     
    สองหนุ่มสาวเดินจูงมือกันไปนั่งที่โต๊ะ มิลินท์อดทอดสายตามองตามพวกเขาด้วยความอิจฉาไม่ได้ พวกเขาดูรักกันเหลือเกิน ถ้าเพียงแต่ว่า...
     
    แล้วเธอก็หันมามองข้างตัวเธอซึ่งว่างเปล่า ไร้คนเคียงกาย น้ำตาซึมออกจากหางตา เธอรีบกะพริบตาเพื่อไล่น้ำตาเมื่อรู้ว่ากำลังถูกฮอร์โมนคนท้องเล่นงาน
     
    บ้าจังมิลินท์ ใครว่าเธอไม่มีคนอยู่เคียงข้างกันล่ะ สายตาของเธอเบนกลับมาที่ท้องนูนราวลูกแตง ที่ๆ ลูกของเธอกำลังเติบโตขึ้นทีละน้อย เธอยังมีลูกอยู่ทั้งคน ยังไงลูกคนนี้ก็เป็นของเธอ ยังไงลูกคนนี้ก็จะอยู่เคียงข้างเธอ จะไม่มีใครมาแย่งแกไปจากเธอได้...ไม่มีวัน
    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
     
    หลังจากคุยเรื่องธุรกิจเรียบร้อย พิภพก็ผ่อนคลายพอที่จะเล่าเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ เขาพูดเรื่อยเจื้อยเป็นคุ้งแคว ยิ่งช่วงนี้อยู่ในระหว่างการจัดการเรื่องงานแต่งงานของเขากับแฟนสาวเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีเรื่องให้พูดมากเท่านั้น ส่วนอชิระก็ได้แต่เอนกายพิงพนักเก้าอี้ ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี เขาไม่ใคร่เป็นคนช่างพูดเท่าไรนัก เขาเป็นคนชอบฟังเสียมากกว่า
     
    และระหว่างที่พิภพกำลังคุยถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานที่เขากับชลธิชาเพิ่งจะไปดูเมื่อวันก่อน เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้จนร้องออกมาเสียงดัง
     
    “อ้อ คุณต้น คุณจะต้องไม่เชื่อแน่ว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมเจอใคร” วันที่เขาพบกับมิลินท์เป็นวันเดียวกับที่เขาและชลธิชาไปสำรวจโรงแรมซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่พวกเขาจะใช้จัดงานแต่งงาน
     
    “หืม...คุณภพไปเจอใครเข้าครับ” อชิระเคาะนิ้วบนโต๊ะขณะรอฟังด้วยความสนใจ น้ำเสียงของพิภพชวนให้เขาคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่ทำให้เขาประหลาดใจเป็นแน่
     
    “จำมิลินท์ เลขาฯ เก่าของคุณได้ไหม”
     
    และใช่...พิภพทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ
     
    ชื่อของมิลินท์ทำให้อชิระตัวแข็ง เขาสูดลมหายใจแรง ดวงตาของเขาเป็นประกาบวาบเพียงแวบเดียวเมื่อนึกถึงผู้ที่เคยเขย่าความมั่นใจของเขาให้คลอนแคลนได้ ภาพหญิงสาวตัวเล็ก ติดจะผอม ผมสีน้ำตาลยาวประบ่า ผู้มีดวงตาสีน้ำตาลกลมโตชัดเจนอยู่ในใจของเขา
     
    เขาไม่ได้เห็นหน้าเธอมากี่เดือนแล้วนะ เขาถามตัวเอง
     
    เจ็ดเดือน ช่างเป็นเจ็ดเดือนที่ยาวนานและกัดกร่อนใจเขาแบบแปลกๆ เขายังคงจำดวงตาสีน้ำตาลที่เบิกกว้างด้วยความช็อกในตอนที่เขาพูดจาเสียดสีเธอได้เป็นอย่างดี มันทำให้เขารู้สึกผิด แต่เมื่อเขาทบทวนในสิ่งที่เธอทำกับเขา เขาก็พบว่าตัวเองยังคงโกรธเธอเหมือนเดิม แม้จะผ่านมาเจ็ดเดือนแล้ว และแม้ว่าข่าวคาวของเขาจะเลือนหายไปตามกาลเวลาแล้ว เขาก็ยังไม่เลิกโกรธเธอ เพราะสิ่งที่เธอทำ ทำร้ายเขา...เธอบอกว่ารักเขา แต่เธอก็ทำร้ายเขา บนความเชื่อใจของเขาที่มีต่อเธอ
      
    อชิระพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ตอบเป็นคำพูด เขากำลังระงับความอยากรู้ของเขาไว้
     
    “ผมเจอเธอที่ร้านขายเครื่องประดับตอนที่ผมกับชลเข้าไปดูแหวนกัน...คือ ผมหมายถึงเธอทำงานอยู่ที่นั่นน่ะครับ”
     
    “มิลินท์ทำงานอยู่ที่ร้านขายเครื่องประดับในโรงแรมอย่างงั้นรึ” คิ้วของเขากระตุกนิดๆ ด้วยความสงสัยปนไม่เชื่อ เขาเองก็คิดไม่ต่างจากพิภพที่รู้เรื่องของมิลินท์ในคราแรก ทำไมเธอถึงทำงานที่ร้านขายของหน้าร้านธรรมดา ทำไมเธอไม่ทำงานให้สมกับปริญญาที่เธอได้รับมา
     
    “ใช่ เธอทำงานที่นั่น ผมไม่คิดว่าจะได้เจอเธอเลย โลกกลมจริงๆ...คุณต้นคงจะไม่ได้ติดต่อเธอตั้งแต่เธอลาออกใช่ไหม” พิภพถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเกินไป เขากลัวว่าตัวเองจะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เอาเรื่องที่อชิระรู้แล้วมาบอกซ้ำนั่นเอง
     
    “เปล่าครับ” อชิระไม่ได้ติดต่อเธอเลย และเขาก็ไม่ได้ตามหาเธอด้วย
     
    เมื่อได้รับคำยืนยันว่าไม่ได้เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่แล้ว พิภพจึงพูดต่อ “งั้นคุณต้นก็คงไม่น่าจะรู้ว่าเธอกำลังท้อง”
     
    อชิระแทบควบคุมความตกใจและความใคร่รู้ไม่ได้ เขาต้องรั้งไม่ให้ตัวเองตะโกนออกไป หรือชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ กระชากคอเสื้อของพิภพขึ้นมา และบังคับให้เขาพูดทุกอย่างที่เขารู้ออกมาให้หมดในคราวเดียว
     
    “งั้นรึครับ” เสียงของเขาราบเรียบเฉยชาจนน่าตกใจ
     
    “เห็นว่าท้องได้เจ็ดเดือนแล้วครับ เป็นเด็กผู้หญิง ท้องเธอใหญ่มาก คงจะเป็นเพราะเธอตัวเล็กด้วยมั้งครับ ผมเลยมองว่าท้องของเธอใหญ่ หรืออาจจะเป็นเพราะเด็กในท้องตัวโตก็ได้ แต่ผมว่าตั้งแต่ท้องนี่ เธอดูมีน้ำมีนวล สวยกว่าเมื่อก่อนนะครับ ไม่ได้ดูโทรมเหมือนคนท้องหลายคนที่ผมเคยเห็น” พิภพพูดไปเรื่อยโดยไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่ายที่ซีดลงๆ
     
    ปมแห่งความสับสนและสงสัยขมวดอยู่ในใจของอชิระ
     
    ท้องเจ็ดเดือนอย่างงั้นรึ
     
    ลูกของเขาใช่ไหม
     
    อายุครรภ์ของเธอช่างสอดคล้องกับเหตุการณ์ในคืนนั้นเหลือเกิน...แต่เขาก็คุมกำเนิดนี่นา หรือว่าถุงยางจะเสื่อมคุณภาพ หรือมันจะมีข้อผิดพลาดอะไร เขาสงสัย ไม่แน่ใจว่าคืนนั้นได้ใช้ถุงยางเก่าเก็บหรือเปล่า เพราะถ้ามาคิดๆ ดู เขาก็หมกของหลายๆ อย่างรวมไว้ในลิ้นชักโดยไม่ใคร่ใส่ใจพวกมันเท่าไหร่ และคืนนั้นเขาก็กำลังมัวเมากับฤทธิ์พิศวาสจนไม่สนใจจะตรวจสอบใดๆ ด้วย เขาจึงเชื่อ...อยากเชื่อว่าลูกของมิลินท์เป็นลูกของเขา เขาอยากให้เด็กเป็นลูกของเขา
     
    ช่างน่าแปลกที่เขาอยากให้เด็กเป็นลูกของเขา ทั้งที่เขาเกลียดแม่เด็กจะตายไป
     
    ฉับพลัน เสียงเล็กๆ น่าเกลียดที่แทรกอยู่ในใจเขาก็ทิ่มแทงขึ้นมากลางใจไม่ต่างจากหอกแหลม...นายเกลียดเธอแน่หรืออชิระ ไม่ใช่ว่าเสียใจ...เจ็บใจในสิ่งที่เธอทำมากกว่าหรอกนะ
     
    เขารีบกำจัดความคิดที่ว่าออกไปด้วยความคิดต่อต้าน...บ้าสิ ฉันจะมาเสียใจให้เธอทำไม ฉันเกลียดเธอ เธอทำร้ายศักดิ์ศรีของฉัน
     
    หึๆ เอาให้แน่เถอะ นายรู้อยู่แก่ใจของนายดี...แล้วเสียงเล็กๆ ก็เงียบหายเมื่อพิภพพูดขึ้นมาลอยๆ เหมือนพร่ำรำพัน
     
    “ผมไม่เข้าใจเลยนะครับว่าทำไมเธอถึงลาออกจากที่นี่ แล้วไปทำงานในร้านเล็กๆ แบบนั้น ทั้งที่คุณต้นก็เป็นเจ้านายที่ดีจะตายไป”
     
    แต่สำหรับอชิระแล้ว เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมเธอจึงลาออกจากการเป็นเลขาฯ ของเขา มันเป็นเพราะเธอละอายแก่ใจในสิ่งที่ทำและทนเห็นหน้าเขาไม่ได้นั่นเอง...อชิระคิดเข้าข้างตัวเองอย่างน่าหมั่นไส้ แต่กระนั้น เขาก็ยังอยากจะเห็นหน้าเธอ...และลูก
     
    “เอ หรือว่าจะเป็นเพราะคุณมิลินท์เพิ่งรู้ตัวว่าตั้งท้อง หลังจากลาออกจากที่นี่ พอจะหางานใหม่ ก็เลยเลือกงานมากไม่ได้ ต้องทำงานในร้านเล็กๆ เพราะบริษัทส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะอยากจ้างคนท้อง เนื่องจากเห็นว่าสุขภาพของคนท้องไม่ค่อยมั่นคง”
     
    และก่อนที่พิภพจะได้สันนิษฐานมากไปกว่านี้ อชิระก็ขัดขึ้นมาอย่างหมดความอดทน
     
    “แล้วนี่ตกลงคุณภพได้ซื้อแหวนที่ร้านนั่นหรือเปล่าครับ” อชิระไม่ได้เสริมทฤษฎีของพิภพ หากเขาเปลี่ยนเรื่องคุยไปเลย
     
    และเขาก็พาพิภพวกเข้าสู่เรื่องที่เขาต้องการได้สำเร็จ พิภพก็ถูกชักจูงโดยง่ายด้วยเรื่องที่อยู่ในความสนใจของเขามากกว่า
     
    “โอ ได้สิครับ” ดวงตาของพิภพเป็นประกายสดใส “ได้วงแรกที่ชลปิ๊งตั้งแต่เห็นอยู่นอกร้านนั่นแหละครับ เพชรน้ำงาม เนื้อสะอาด ไฟสวย ราคาก็อยู่ในเกณฑ์พอรับได้ ก็เลยตกลงซื้อ” และเช่นเคย เขาไม่เคยพูดสั้นๆ
     
    “เหรอครับ ดีจังที่หาแหวนได้แล้ว ร้านที่ว่านี่ชื่อร้านอะไรหรือครับ ผมชักจะสนใจ ไม่แน่ว่าผมอาจจะไปเลือกแหวนที่นั่นสักวง”
     
    “ร้านชื่อวราครับ” พิภพตอบก่อนจะทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง “ว่าแต่คุณต้นจะเอาแหวนไปหมั้นสาวที่ไหนเหรอครับ มีข่าวดีอย่าลืมบอกกันบ้างนะครับ”
     
    อชิระเพียงแค่ยิ้มนิดๆ ไม่ว่ากระไร และพูดว่า “ขอบคุณครับ”
     
    เขาตั้งใจจะไปดูให้เห็นกับตา ไปคุยกับเธอให้รู้แน่ว่าลูกของเธอก็เป็นลูกของเขาด้วย และถ้ามันจำเป็น เขาจะยื้อแย่งลูกมาจากเธอ ลูกของเขาไม่สมควรจะตกอยู่ในมือของแม่ผู้ไม่สามารถ เขาไม่เชื่อว่าผู้หญิงขี้ปดอย่างมิลินท์จะมีคุณสมบัติพอ!
     
    จบคืนปรารถนา บทที่ 3
    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×