ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่ร้ายหมายรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : คู่ร้ายหมายรัก บทที่ 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.35K
      4
      13 ส.ค. 52

    คู่ร้ายหมายรัก บทที่2
     
    ยุทธการ...ชายวัยปลายหกสิบ รูปร่างสูงใหญ่ มีเนื้อหนังส่วนเกินเพิ่มขึ้นตามวัยและการกินอยู่ที่อุดมสมบูรณ์ ศีรษะที่แต่ก่อนมีผมดกหนา ปัจจุบันกลับเถิกร่นและเป็นสีเทา เขาดูใจดีแต่ภายนอก ภายในแกร่งกร้าวเข้มแข็ง เขากำลังนั่งดูรายการเคเบิลทีวีประจำวันหยุดขณะได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามา เขาจำได้ว่ามันเป็นเสียงรองเท้าแตะเดินภายในบ้านของอรุณี...ภรรยาคู่ใจที่อ่อนวัยกว่าเขาห้าปี เธอดูสาวกว่าวัยราวสิบปี อันเนื่องมาจากการดูแลรักษาร่างกายและการแต่งตัวที่ทันสมัย ผมของเธอยาวเลยไหล่ ม้วนเป็นลอนสวย แม้จะเป็นวันหยุดที่ไม่ได้ออกไปไหน เธอก็ยังคงแต่งหน้าเล็กน้อยเพื่อดึงจุดน่าสนใจบนใบหน้าออกมาอย่างโดดเด่น เธอเป็นผู้หญิงที่เขารัก เป็นแม่ของลูกชายหญิงของเขา...ชลน่าน อายุยี่สิบเก้า และสดับพิณ อายุยี่สิบ
     
    ดูสิคะคุณยุทธ พ่อลูกชายตัวดีของเรามีข่าวหราลงหน้ากอสสิปของอุตพิตอีกแล้ว มารดาของ พ่อลูกชายตัวดีเปิดฉากบ่น เธอทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างกายสามีอย่างหงุดหงิด ขณะชี้ชวนให้เขาดูหัวข้อคอลัมน์ซุบซิบของนักเขียนข่าวบันเทิงในหนังสือพิมพ์หัวสีวันนี้ที่พาดตัวหนาโตกว่าปรกติ
     
    ไหน อะไรกัน ยุทธการชะโงกหน้าไปใกล้ สายตาไล่ไปตามนิ้วเรียวเคลือบยาทาเล็บสีแดงสดปนกากเพชรของภรรยา และอ่านออกเสียง
     
    แพร-น่าน สวีตหวาน บอก ปีหน้ามีลุ้น
     
    อรุณีเม้มปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อมองภาพใบหน้ายิ้มระรื่นของ แพรในข่าวกอสสิป ส่วนลูกชายของเธอนั้น กำลังยืนหันข้างและยืนห่างๆ ไม่รับรู้หรือสนใจที่ตัวเองโดนถ่ายรูปติดไปด้วย
     
    เจ้าน่านมันจะลุ้นอะไรของมัน เขาทำหน้านิ่ว พลางนึกถึงเจ้าน่าน หรือชลน่าน ลูกชายคนโตและคนเดียวของตระกูลธรรมาภิรักษา ซึ่งกำลังคบหากับแพร หรือแพรพรรณราย นางเอกสาวคลื่นลูกใหม่ ซึ่งกำลังมีผลงานในวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง ลุ้นมีลูกเรอะ
     
    บ้าสิคุณยุทธ อรุณีฟาดมือเพียะบนแขนของสามี ห้ามพูดแบบนี้เชียวนะ ณีไม่เอาด้วยหรอก หลานจากยายแพรอะไรเนี่ย เธอค้อนเขาวงโต ก่อนจะบอกว่า คุณยุทธอ่านเนื้อความข้างในสิคะ ไม่เยอะหรอกค่ะ กระชับสั้นได้ใจความทีเดียว เธอขบฟันน้อยๆ เน้นประโยคหลังหนักเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่ชอบเนื้อหาข่าวดังกล่าวเป็นอย่างมาก จะว่าไปเธอไม่ชอบข่าวใดที่เกี่ยวกับลูกชายและแม่แพรพรรณรายอะไรนี่เลย
     
    แหม ถ้ามีหลานจริง ณีจะไม่ยอมรับเลยเชียวหรือ ยุทธการบอกเสียงอ่อน สายตาเลื่อนลงไปอ่านข้อความด้านล่างตามที่เธอแนะนำ แม้ต่อหน้าคนอื่น เขาจะเป็นคนแข็งและค่อนข้างเผด็จการ แต่กับอรุณี ภรรยาผู้เป็นที่รักแล้ว เขาแทบกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ของแม่เสืออย่างเธอเลยทีเดียว
     
    ฮึ ก็ต้องยอมรับล่ะค่ะ หลานเราก็เลือดเนื้อเชื้อไขตาน่านทั้งนั้น แต่ยายนั่น ณีขอให้ไปไกลๆ หน้าณี นอกจากจะไม่ชอบอาชีพเต้นกินรำกินของแพรพรรณรายแล้ว เธอยังไม่ชอบการวางตัวและนิสัยของเจ้าหล่อนอีกด้วย ชลน่านยังไม่เคยพาผู้หญิงคนนี้มาให้เธอรู้จักอย่างเป็นทางการหรอกนะ แต่แค่อ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับแม่คนนี้ เธอก็อกจะระเบิดตายด้วยความอัดอั้นตันใจอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าพ่อลูกชายเห็นอะไรดีในตัวแพรพรรณราย ถึงได้คบหากันเป็นนานสองนาน เธอนึกว่าพวกเขาจะเลิกร้างกันหลังจากคบกันได้เดือนเดียวเสียอีก แต่ที่ไหนได้ นี่ปาเข้ามาจะเกือบสี่เดือนแล้ว เกินระยะเวลาที่เธอประเมินจากนิสัยขี้เบื่อของลูกชายได้อย่างไร
     
    เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง สามีเอ่ยยิ้มๆ ไม่ได้ตั้งใจจะแขวะ เขาแค่แซวภรรยาเล่นๆ แต่อรุณีไม่ขำด้วย
     
    อย่ามาทำเป็นพูดดีไปเลย คุณยุทธก็ไม่ชอบแม่แพรพล่ามพรรณานี่เหมือนกันไม่ใช่หรือคะ ด้วยความหมั่นไส้ เธอจึงเปลี่ยนชื่อเรียกแพรพรรณรายเสียใหม่ จะว่าไปก็มีหลายชื่อเหมือนกัน อย่างเป็นต้นว่า แพรพิลาป แพรรำพันพิลาป แพรพิรี้พิไร แล้วแต่ความอยากเรียกและอารมณ์ของเธอในตอนนั้น
     
    ยุทธการจบการอ่านคอลัมน์ซุบซิบ ที่เนื้อความข้างในระบุว่าเห็นแพรพรรณรายกระโดดกอดชลน่านแนบแน่น ณ ล็อบบีใต้คอนโดมิเนียมของฝ่ายหญิง ก่อนจะตอบนักข่าวที่เข้ามาทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของพวกเขาว่าอาจจะมีข่าวดีฤกษ์สีชมพูในปีหน้า
     
    ผมก็ไม่ชอบแม่คนนี้เหมือนณีนั่นแหละ เขาไม่ชอบแพรพรรณรายด้วยเหตุผลเดียวกับภรรยา นอกจากจะเป็นคนจีนแท้หัวโบราณที่ไม่นิยมชมชอบอาชีพขายเรือนร่างแล้ว เขายังไม่ชอบข่าวเกี่ยวกับดาราสาวอีกด้วย ไม่รู้ว่าโลกมันกลับตาลปัตรไปหมดแล้วหรือไร คนธรรมดาๆ ดีๆ ส่วนใหญ่กลับไร้ชื่อเสียง แต่คนที่มีข่าวคาวเรื่องรักใคร่ชู้สาว ขี้วีน ขาดภาพลักษณ์ที่ดี กลับเป็นดารามีชื่อเสียง ผู้ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทน เป็นตัวอย่างของคนในแก่สังคม
     
    แต่ผมคิดว่าน่านฉลาดพอที่จะรู้ว่าพวกเราชอบใครไม่ชอบใคร น่านคงไม่น่าจะพลาดท่าเสียทีหรอกน่า เขาปลอบ เขารู้จักลูกชายดีพอจะทราบว่าชลน่านเป็นคนแกร่งและเขี้ยว ไม่ยอมเสียผลประโยชน์หรือโดนลูบคมง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว หรือว่าณีไม่เชื่อว่าเจ้าน่านจะแกร่งพอ
     
    อย่าทำเป็นชะล่าใจไปนะคะ ผู้หญิงสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน ดูอย่างวันก่อนสิ ข่าวบ้าอะไรนะ อรุณีทำเป็นนึก ก่อนจะพูดต่อด้วยความรวดเร็ว ที่ว่าหลอกแชตผู้ชายทางอินเตอร์เนต ตอนหลังนัดพบเพื่อมีความสัมพันธ์กัน แล้วก็ถ่ายรูปถ่ายวีดีโอแบล็กเมล์เรียกเงินจากผู้ชาย...ผู้หญิงอะไร เธอสั่นหน้าอย่างรับไม่ได้ เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องระวังตัวนะคะ ผู้ชายก็เหมือนกัน ภัยร้ายมาได้ทุกรูปแบบ
     
    ณีจ๋า นั่นมันคนละเคสเลยนะ ยุทธการยิ้มอ่อนใจ บางครั้งอรุณีก็เป็นห่วงลูกมาเกินไป อย่างปัจจุบันที่อรุณีมักจะยึดสดับพิณไว้ เนื่องจากเห็นลูกสาวคนเล็กเป็นเด็กที่ไม่โตอยู่เสมอๆ
     
    ถึงจะคนละเคส แต่ก็คล้ายกันในเรื่องของความไว้ใจ ความไม่ปลอดภัยล่ะค่ะ เธอเถียง ณีล่ะกลัวตาน่านจะพลาดท่าเสียทีโดนแม่แพรพิลาปจับ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ชลน่านเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา วันใดวันหนึ่งอาจผิดพลั้งอย่างมิตั้งใจ ขืนได้แม่รีแม่แรดนั่นมาเป็นลูกสะใภ้ ณีจะต้องลมจับแน่ๆ
     
    ระวังเถอะณี เคยได้ยินหรือเปล่า เกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้น เขายังคงหยอกเย้าไม่เลิก
     
    คุณยุทธ! เงียบไปเลยนะคะ ณีบอกแล้วไงว่าจะไม่ฟังอะไรแบบนี้ เธอทำเสียงสูงไม่พอใจ ก่อนจะสรุปว่า ไม่รู้ล่ะ ยังไงณีก็จะไม่ปล่อยให้แม่แพรพิลาปจับตาน่านได้สำเร็จ
     
    แล้วณีจะทำอย่างไร เขาถามเรื่อยๆ อย่างใจเย็น ไม่เดือดร้อน
     
    ณีจะหาผู้หญิงให้ตาน่านเอง เธอประกาศมั่น
     
    อะไรนะ หาผู้หญิงให้!” เขาเบิกตากว้าง
     
    ใช่ค่ะ หาผู้หญิงให้ ณีมีคิดเอาไว้แล้วล่ะ เธอปั้นสีหน้าตั้งอกตั้งใจ...ในเมื่อชลน่านไม่ยอมเลิกยุ่งเกี่ยวกับแพรพรรณรายตามที่เธอบอก เธอก็จะไม่ว่า แต่ชลน่านจะต้องยอมออกเดตกับผู้หญิงที่เธอหาให้ คอยดูนะ เธอจะหาผู้หญิงที่ตาน่านปฎิเสธไม่ได้เลยเชียวล่ะ
     
    ณีว่าเจ้าน่านจะยอมเรอะ พูดอย่างกับว่าลูกชายของพวกเขาเป็นคนหัวอ่อนยอมใครอย่างนั้นแน่ะ ชลน่านน่ะได้นิสัยหัวดื้อมาจากพวกเขาทั้งนั้น ทำให้หน้าที่คนหัวอ่อน ยอมตามใจทุกคนในบ้านตกอยู่ที่สดับพิณเพียงคนเดียว
     
    ไม่ยอมก็ต้องยอมค่ะ ถ้าทำเพื่อม๊าแค่นี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาคุยกันเลย เธอทำเสียงสะบัดอย่างงอนๆ
     
    ยุทธการได้แต่หัวเราะเบาๆ ด้วยความจนใจ คร้านจะเข้าไปขัดขวางภรรยาซึ่งไม่ค่อยยอมคน...แน่ล่ะว่าไม่ค่อยยอมเขาด้วย แต่เขาก็เชื่อว่าชลน่านจะต้องยอมอรุณีอย่างที่เธอประกาศ คนอย่างอรุณี นอกจากจะหว่านล้อมเก่งแล้ว ยังบังคับคนเก่งอีกด้วย ไม่งั้นพ่อปลาไหลอย่างเขาจะเสร็จเธอแบบนี้น่ะหรือ
     
    และก่อนที่อรุณีจะพูดบ่นไปมากกว่านี้ ผู้มาใหม่อีกสองคนก็เดินเข้ามาด้านใน
     
    เป็นสดับพิณนั่นเอง
     
    ร่างแบบบางที่สูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบสองเซนติเมตรของลูกสาวเด่นชัดในสายตาของผู้เป็นบิดาและมารดา สดับพิณอายุยี่สิบปีแล้ว แต่ยังคงดูเหมือนเด็กมัธยม เนื่องจากผอม และตัวเล็ก เธอมีรูปร่างหน้าตาเหมือนย่า ผิดแผกจากพ่อแม่และพี่ชาย ผิวของเธอละเอียดและมีสีขาวนวลเหมือนนมสด ผมสีดำเป็นมัน ยาวถึงกลางหลัง เธอไว้ผมหน้าม้าปรกเสมอคิ้ว และประกอบรวมกับการเป็นคนตัวเล็ก ทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นที่น่ารักน่าเอ็นดู เธอได้ชื่อว่าสดับพิณ เนื่องจากตอนที่อรุณีตั้งครรภ์ฝันว่ามีนางฟ้ามาเล่นเพลงพิณให้ฟัง เธอจึงได้ชื่อที่มีความหมายว่า ฟังเสียงพิณ
     
    สวัสดีค่ะเตี่ย...ม๊าสดับพิณยกมือไหว้บิดามารดา เธอไม่ทักเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายที่บังเอิญได้ยินระหว่าเดินเข้ามาในห้องรับแขก ทั้งที่ใจนั้นอยากจะรู้เนื้อความมากกว่านี้เต็มแก่ เนื่องจากตอนนี้ตัวเองมีเรื่องวุ่นวายต้องสะสางก่อน...เอาเถอะ กะอีแค่เรื่องจับคู่ด้วยแม่สื่อ เก่งๆ อย่างเฮียน่าน คงจะจัดการได้สบายล่ะน่า
     
    เคียงข้างร่างเล็กบางของสดับพิณ คือปันปัน หรือปัณณธร ลูกสาวของยุทธภูมิ น้องชายคนเล็กของยุทรการ หรือก็คือหลานสาวของพวกเขา ปัณณธรยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองและทักทาย
     
    หวัดดีค่ะอาแปะ อาอึ้ม ปัณณธรดูต่างจากสดับพิณชนิดฟ้ากับเหว เธอแต่งหน้าครบเครื่อง ทำสีผมเป็นสีน้ำตาลเหมือนสาวญี่ปุ่น เธอตัวสูง มีอกและเอวดูสมส่วน เธอแต่งตัวเปรี้ยวทันสมัย ชุดกระโปรงสั้นกุดสีน้ำเงินโคบอลต์กับเลกกิงสีดำของเธออาจจะล้ำสมัยเสียด้วยซ้ำ ถ้าเปรียบเทียบกับชุดกระโปรงติดกันประดับลูกไม้สีขาวและชมพูหวานจ๋อยของสดับพิณ
     
    ยุทธการและอรุณีรับไหว้ สดับพิณโผไปนั่งกระแซะข้างๆ มารดา ส่วนปัณณธรเลือกนั่งโซฟาเดี่ยวข้างๆ ญาติสาว
     
    ว่าไงปัน ไม่ได้มาหาแปะกับอึ้มนานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย ยุทธการทัก
     
    แหะๆ คือว่าปันมัวแต่ยุ่งกับงานใหม่น่ะค่ะ ปัณณธรลูบศีรษะเก้อๆ ความจริงเธอไม่ได้ยุ่งกับงานเสียทีเดียวหรอก แต่เธอก็เหมือนผู้อ่อนวัยทั่วไปที่มักเลี่ยงการเข้าหาผู้ใหญ่ถ้าไม่จำเป็น อาแปะกับอาอึ้มสบายดีนะคะ
     
    ยุทธการเพียงแค่พยักหน้านิดๆ แทนคำตอบ ส่วนอรุณีก็ตอบสั้นๆ ว่าสบายดี แล้วยุทธการก็ซักถามตามประสาคนที่ไม่ได้พบเจอกันนาน
     
    เออ เห็นเมื่อกี้ว่าทำงาน ตอนนี้ปันทำงานที่ไหนนะ เขาพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก หากเขาไม่ต้องใช้ความพยายามมาก เพราะปัณณธรรีบตอบเขาแทบจะทันที
     
    ที่... น่ะค่ะ เธอเอ่ยชื่อบริษัทโฆษณาชื่อดังติดอันดับของประเทศไทย ที่เธอเพิ่งจะเริ่มงานได้ไม่ไม่นาน หลังจากหนีเที่ยวพักผ่อนหลังเรียนจบอยู่หลายเดือน
     
    อ้อ เขาจำบริษัทที่หลานสาวกล่าวได้ มันเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงพอตัว แล้วเป็นไง งานสนุกไหม
     
    ดีค่ะ สนุกดีค่ะ ปันชอบงานที่ทำมากๆ
     
    ดีแล้วที่ชอบ แต่ปันน่าจะไปช่วยงานพ่อนะ เจ้าอันด้วย ปล่อยให้เพียวช่วยคนเดียว สงสารเพียวมัน เพียวที่เขากล่าวถึงคือเพียวเพียว หรือพิชัยยุทธ พี่ชายคนโตของปัณณธร ซึ่งช่วยยุทธภูมิธุรกิจของครอบครัว ตรงข้ามกับอันอัน หรืออัญชิสา ลูกสาวคนรอง และปัณณธร ลูกสาวคนเล็กผู้หลีกเลี่ยงงานที่บ้านราวกับโรคร้าย
     
    ปัณณธรหัวเราะเสียงแห้ง ก็...กะว่าทำงานสักพักก่อน แล้วปันก็คงจะกลับไปช่วยงานเตี่ยกับเฮียน่ะค่ะ แต่...สักพักของเธอ คงจะอีกนาน...นานแสนนานทีเดียว
     
    ยุทธการพยักหน้ารับ ไม่ได้ตอบอะไร หากสายตาของเขาพอจะเดาคำตอบที่แท้จริงของหลานสาวได้ โชคยังดีที่สดับพิณและชลน่านไม่ได้ต่อต้านเรื่องการทำงานกับที่บ้าน และยอมมาช่วยงานเขาหลังเรียนจบ ไม่งั้นเขาคงจะปวดหัวเป็นแน่แท้ เพราะทุกสิ่งที่เขาก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เขาทำเพื่อครอบครัวของเขาเท่านั้น
     
    เอ่อ ม๊าคะ เตี่ยคะ พิณ... สดับพิณกอดมารดาไว้อย่างออดอ้อน ดวงตาที่สบมองผู้อาวุโสทั้งสองแฝงไปด้วยแววแห่งความกล้ากลัวและความคาดหวัง
     
    พิณอยากไปเที่ยวต่างจังหวัดกับปันปันน่ะค่ะ แม้จะอายุห่างจากปัณณธรสี่ปี แต่เธอก็เรียกชื่อปัณณธรโดดๆ โดยไม่มีคำนำหน้า แถมยังเรียกด้วยชื่อเล่นเด็กๆ ที่ไม่มีใครเรียกนอกจากเธออีกด้วย เนื่องจากว่าพวกเธอเรียนชั้นเดียวกัน สนิทสนมกันตั้งแต่เด็กๆ สดับพิณเป็นเด็กที่เรียนเร็วกว่าเด็กส่วนใหญ่ เธอหัวไว เรียนเก่ง ทำให้ได้สิทธิ์เรียนข้ามชั้นจากโรงเรียนของเธอเป็นประจำ เธอเข้ามหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุสิบห้า และใช้เวลาสามปีในการเรียนหลักสูตรที่เด็กทั่วไปใช้เวลาเรียนสี่ปี เธอเพิ่งจะมาชะลอการเรียนเอาตอนเรียนปริญญาโท ที่เธอใช้เวลาสองปี แทนที่จะเป็นหนึ่งปีอย่างที่ควรค่าแก่ความสามารถของเธอ เนื่องจากเธออยากจะใช้ชีวิตแบบนักศึกษามหาวิทยาลัยกับเขาบ้าง แม้จะสายไปนิดที่มาเริ่มเอาตอนเรียนปริญญาใบที่สอง แต่เธอก็มีความสุขกับเวลาสองปีดังกล่าว เธอได้เปิดหูเปิดตากว่าเดิมมาก แม้จะไม่มากอย่างใครอื่นเขา แต่เธอก็ดีใจที่ตัดสินใจไม่ผิด และตอนนี้เธอกำลังจะก้าวไปอีกขั้นด้วยการขอบิดามารดาไปเที่ยวต่างจังหวัดกับญาติสาวและกลุ่มเพื่อน เธอตื่นเต้นเหลือเกิน เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เธอจะขอไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ ตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยได้ออกไปเที่ยวห่างไกลสายตาของคนในครอบครัวเลย
     
    หือ อะไรนะ ไปเที่ยงต่างจังหวัดเหรอ อรุณีย่นหน้าผากน้อยๆ ราวกับไม่เห็นด้วยกับการไปเที่ยวดังกล่าว
     
    ม๊าให้พิณไปนะคะ พิณอยากไป...อยากไปมากที่สุดเลยค่ะ สดับพิณเอ่ยเสียงหวาน และถูมือทั้งสองข้างกับแขนนุ่มของท่าน ด้วยรู้ว่าถ้าชนะใจมารดาได้ อุปสรรคของเธอก็จะเลือนหายไปมากกว่าครึ่ง
     
    อาแปะอาอึ้มให้พิณไปเถอะนะคะ ไปกับปัน...กับเพื่อนปันน่ะค่ะ ปัณณธรช่วยขอร้อง เมื่อหลายวันก่อนเธอเล่าถึงแผนการไปเที่ยวต่างจังหวัดที่กำลังจะมาถึงให้สดับพิณฟัง ญาติสาวของเธอตาลอยฝันเฟื่องคล้ายกำลังจินตนาการถึงการไปเที่ยว เธอจึงลองชวน และสดับพิณก็ตอบตกลง ทว่าสดับพิณตอบตกลงเพียงลำพังไม่ได้ สดับพิณต้องการการยืนยันจากบิดามารดาก่อน อาแปะกับอาอึ้มของเธอไม่เคยปล่อยสดับพิณไปต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ เลย จะว่าไปสดับพิณถูกเลี้ยงมาแบบเก็บเนื้อเก็บตัวเสียด้วยซ้ำ และนั่นทำให้การขอไปเที่ยวต่างจังหวัดธรรมดาเป็นเรื่องยากสำหรับสดับพิณ
     
    เพื่อนที่ไหน ไปกี่คน ไปที่ไหน พักที่ไหน ยุทธการพ่นคำถามออกมารวดเดียวชนิดที่เกือบครบถ้วน ทำเอาคนเตรียมตอบอย่างปัณณธรอึ้งจนแทบพูดไม่ออก ตอบไม่ถูก
     
    หือ ว่าไงยายปัน เขาถามซ้ำ เมื่อเห็นหลานสาวนิ่งไป
     
    เอ่อ...คะ...คือ...เพื่อนปอโทน่ะค่ะ ไปกัน... ปัณณธรนับจำนวนผู้ร่วมเดินทางในใจ ก่อนจะตอบ แปดคน ถ้ารวมพิณด้วยนะคะ เธออุตส่าห์ช่วยญาติสาวด้วยการทำให้ยุทธการและอรุณีคุ้นเคยว่าจะมีสดับพิณร่วมทริปไปด้วย
     
    พวกเราจะไปปราณบุรี จองที่พักชื่อซันเซ็ตรีสอร์ตน่ะค่ะ
     
    เมื่อตอบเสร็จ คำถามต่อไปก็จ่อชิดติดตามมา
     
    ผู้ชายกี่คน ผู้หญิงกี่คน
     
    มันเป็นคำถามที่ทำเอาปัณณธรถึงกับอึ้งไปนิดๆ เตี่ยกับม๊าของเธอไม่เคยซักละเอียดยิบถึงขนาดนี้เลย อาจเป็นเพราะพวกท่านรู้จักและคุ้นหน้าของเพื่อนๆ เธออยู่ก่อนแล้ว จึงไม่กังวลในตัวเพื่อนๆ ของเธอสักเท่าไหร่ แล้วอีกอย่าง เพื่อนๆ ของเธอก็ไว้ใจได้ด้วย แต่ละคนก็ลูกคนมีสตางค์ประวัติดีๆ ทั้งนั้น บางคนมีอันจะกินกว่าครอบครัวเธอเสียด้วยซ้ำ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เป็นครอบครัวหาเช้ากินค่ำและมีความเป็นอยู่แบบธรรมดา
     
    เอ้อ ก็มี...ผู้ชายสาม ผู้หญิงห้าน่ะค่ะ

    เหรอ 
     
    อ่า...ค่ะ ปัณณธรตอบแทบไม่ถูกแล้ว
     
    เตี่ยคะ ให้พิณไปเถอะนะคะ ไปแค่สามวันเอง พิณยังไม่เคยไปปราณบุรีเลย สดับพิณจับแขนบิดา และมองท่านด้วยสายตาขอร้องแบบเด็กๆ ที่มักจะได้ผลเวลาเธออ้อนขอของเล่นหรือของใช้ที่อยากได้
     
    เพื่อนๆ ไว้ใจได้หรือเปล่าเนี่ย ยุทธการหรี่ตาน้อยๆ ส่วนอรุณีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามีในการซักถาม
     
    ไว้ใจได้สิคะอาแปะ กลุ่มเพื่อนสนิทของปันเอง เรียนโทมาด้วยกันตั้งสองปี รู้นิสัยกันดีค่ะ ปัณณธรยืนยันหนักแน่น ทำให้สดับพิณลอบถอนใจน้อยๆ ที่ญาติสาวไม่ผวะพ่อแม่ของเธอ และทิ้งเธอกลางคัน
     
    พิณรู้จักด้วยเหรอ ยุทธการหันไปถามลูกสาว
     
    เอ่อ เปล่าค่ะ พิณไม่รู้จัก สดับพิณตอบเสียงอ่อย
     
    แล้วอย่างนี้จะดีเหรอ ไปกับคนที่ไม่รู้จัก
     
    อาแปะคะ ปันก็ไปด้วยค่ะ พิณเป็นญาติของปัน ไม่มีใครว่าอะไรหรอกค่ะถ้าพิณจะไปด้วยอีกคน เธอบอกเพื่อนคร่าวๆ แล้วว่าญาติของเธออยากจะไปเที่ยวด้วย และเพื่อนเธอก็ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากว่ายังมีห้องพักเหลือว่าง เช่นเดียวกับที่นั่งประจำรถ
     
    แล้วจะไปกันวันไหน
     
    อาทิตย์หน้าค่ะ
     
    เร็วขนาดนั้นเชียว
     
    ไม่เร็วหรอกค่ะ นัดกันมาสักพักแล้ว เพราะต้องจองห้องพักล่วงหน้า มันติดช่วงวันหยุดพอดีน่ะค่ะอาแปะ ไม่งั้นพวกเธอก็คงจะได้เที่ยวปราณบุรีแค่สองวัน ซึ่งไม่ค่อยจะคุ้มค่าเหนื่อยและค่าใช้จ่ายในการขับรถไปกลับสักเท่าไหร่
     
    แล้วไปกันยังไง
     
    ขับรถกันไปสองคันค่ะ พิณจะนั่งรถคันเดียวกับปัน แต่ถึงจะให้แยก สดับพิณก็คงไม่ยอมหรอก ก็สดับพิณรู้จักเพื่อนเธอเสียที่ไหนกันเล่า
     
    ใครเป็นคนขับ ขับปลอดภัยหรือเปล่า ยุทธการดูจะสามารถป้อนคำถามได้เรื่อยๆ และอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
     
    เพื่อนผู้ชายน่ะค่ะ อาแปะไม่ต้องห่วง สองคนนี้ขับรถดี ปัณณธรไม่ได้เสริมต่อว่า แต่เร็วเข้าไป ด้วยรู้ว่าผู้ใหญ่จะต้องไม่เห็นชอบแน่ๆ
     
    ยุทธการเงียบไป เขาสบตาภรรยา คล้ายจะขอความเห็นว่าควรทำอย่างไร
     
    อรุณีไม่ได้ตอบ แต่ใช้สายตาคุยกับเขาอย่างเข้าอกเข้าใจ ฝ่ายคนรอคำตอบอย่างสดับพิณและปัณณธรใจตุ้มๆ ต่อมๆ แล้วสดับพิณก็ทนความเงียบต่อไปไม่ได้ ต้องพูดขอร้องอ้อนวอนอีกครา
     
    เตี่ยคะ ให้พิณไปเถอะนะคะ ก่อนจะหันไปประจบมารดา นะคะม๊า พิณอยากไป
     
    ไม่มีกินเหล้ากันใช่ไหม อรุณีถามบ้าง เธอพอจะรู้อยู่หรอกว่าคนบางกลุ่ม พอออกต่างจังหวัดทีก็หอบหิ้วเหล้าไปกินดื่มกันจนเปรมอีกด้วย เธอไม่อยากให้ลูกสาวคนเดียวเผลอไปร่วมดื่มเหล้าด้วย...โธ่ ก็ยายพิณดื่มเหล้าเป็นเสียที่ไหนกัน
     
    โอ๊ย ไม่มีหรอกค่ะ พวกเราไม่ค่อยดื่ม ไม่ค่อยดื่มน้อยล่ะสิไม่ว่า...ปัณณธรขยักคำพูดไว้ในใจอีกครั้ง ถ้าจะให้ตอบตรงๆ ออกไป สดับพิณก็อดแหงแก๋ไปน่ะสิ...ยายพิณนะยายพิณ ถ้าได้ไปปราณบุรีจริงๆ ล่ะก็ เธอจะต้องขอบใจฉันยกใหญ่เชียวล่ะ
     
    อืม อรุณีทำเสียงในลำคอราวกับตัดสินใจไม่ได้

    ม๊าจ๋า รับรองว่าพิณจะเป็นเด็กดี ไม่ทำตัวเหลวไหล ให้พิณไปเที่ยวเถอะนะคะ พิณยังไม่เคยไปต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ เลย ปราณบุรีก็ยังไม่เคยไปด้วย สดับพิณขอร้องอย่างน่าสงสาร เธอถูกเลี้ยงมาอย่างไข่ในหิน ในสายตาพ่อแม่และพี่ชาย เธอเป็นลูกสาวคนเล็กและคนเดียว อายุน้อย อ่อนด้อยประสบการณ์
     
    คำพูดของลูกสาวเริ่มทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่คิดได้...บางทีพวกเขาก็ลืมไปว่าเก็บตัวสดับพิณไว้เคียงกายมากแค่ไหน ขนาดปัจจุบันสดับพิณเรียนจบแล้ว พวกเขายังบังคับให้สดับพิณทำงานกับที่บ้านเลย ดังนั้นมันจึงอาจเป็นการดีที่พวกเขาจะปล่อยให้ลูกมีอิสระเสรีสักนิด
     
    ก็ได้...
     
    สดับพิณเบิกตากว้าง พูดแทรกขึ้นมาทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ ก็ได้เหรอคะ พิณไปได้ใช่ไหมคะ น้ำเสียงทั้งตื่นเต้น ดีใจ และคาดไม่ถึง
     
    ได้จ้ะ...
     
    โอ๊ย ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ พิณรักม๊ากับเตี่ยที่สุดเลย เธอตบท้ายด้วยคำบอกรักหวาน พร้อมกับหอมแก้มบิดามารดาคนละฟอดโตๆ
     
    ยุทธการได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู ก่อนจะแปรเปลี่ยนใบหน้าให้เรียบขรึม เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เปล่งออกไป
     
    แต่...เขาทิ้งช่วงในการเงียบ
     
    แต่...งั้นเหรอคะ สดับพิณหน้าซีด...หรือว่าเธอจะโดนเตี่ยกับม๊าหลอกให้ดีใจเก้อ

    แต่พิณต้องโทรฯ รายงานตัวเตี่ยกับม๊าหลังอาหารสามมื้อทุกวันด้วยนะ เขายื่นเงื่อนไข ว่ายังไง แค่นี้ทำได้ไหม คิ้วเลิกสูง ใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
     
    ทำได้ค่ะ ทำได้ ทำได้แน่นอนค่ะ ประกายแห่งความยินดีอาบไล้ดวงตาสีดำของเธอ
     
    ดี งั้นเตี่ยกับม๊าก็อนุญาต
     
    สดับพิณเฮลั่น สีหน้าและท่าทางอิ่มสุขตั้งแต่ยังไม่ได้ไปเที่ยวของลูกสาวทำให้ยุทธการและอรุณีทราบแน่ว่าพวกเขาตัดสินใจไม่ผิด ส่วนปัณณธรก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกและพลอยดีใจไปกับญาติสาวด้วย
     
    หมดปัญหาไปหนึ่งเปลาะ ทีนี้ก็เหลือแต่ต้องดูแลลูกสาวของอาแปะอาอึ้มให้กลับมาถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพเท่านั้นแหละ ไม่งั้นคนที่จะแย่ เห็นจะเป็นเธออย่างไม่ต้องสงสัย
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    ================================================================
     
    อรุณีวางแผนจับคู่รวดเร็ว ฉับไว และเงียบกริบจนกระทั่งคนที่จะถูกจับคู่ยังตั้งตัวไม่ติด หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไร เธอก็โทรศัพท์หาเพื่อนเก่าแก่ที่กำลังจับงานแม่สื่อแม่ชักทันที และเธอก็นัดเพื่อนคนดังกล่าวมาหาเธอในวันรุ่งขึ้น
     
    ขอบใจมากนะอัญที่อุตส่าห์มาด้วยตัวเองแบบนี้ เธอทักทายอัญชุลี เจ้าของบริษัทจัดหารัก...วีแมตช์เลิฟ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเธอ
     
    โอ๊ย เล็กน้อยน่าณี เรื่องของคนกันเอง ฉันต้องจัดการด้วยตัวเองอยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง อยากมาเจอเธอด้วยล่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว คิดถึง อัญชุลียิ้ม แต่ก่อนเธอเป็นแม่ก้นครัวดูแลบ้านช่องจนหัวยุ่งฟู ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่เธอลอกคราบ กลายเป็นสาววัยกลางคน ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยด้วยชุดแพนต์ส์สูทสีม่วงเปลือกมังคุด แถมยังทำผมแต่งหน้าเสียเช้งวับ
     
    ว่าแต่เธอสวยขึ้นนะ เห็นในทีวียังสู้ตัวจริงไม่ได้เลย อรุณีไม่ได้พูดเกินจริงสักนิด ลองถ้าได้รู้จักอัญชุลีมาก่อน จะต้องไม่เชื่อว่านี่คือคนเดียวกับยายเพิ้งก้นครัวที่เคยรู้จัก
     
    ขอบใจจ้ะ อัญชุลียิ้มกว้างกว่าเดิม ทำงานที่เกี่ยวกับการพบปะผู้คนก็อย่างงี้แหละ ต้องทำตัวให้ดูดีตลอดเวลา
     
    ดีแล้วที่เธอออกมาทำงาน อยู่แต่กับบ้าน เป็นฉันคงเฉาตายเลย แม้อรุณีจะไม่ได้ทำงานหนักเหมือนเมื่อสมัยที่เธอบุกเบิกงานร่วมกับสามี เนื่องจากมีลูกชายและลูกสาวลุยงานแทน แต่เธอก็ยังมีโผล่ไปดูแลผลประโยชน์ของบริษัทอยู่บ้าง  
     
    แล้วนี่เธอสบายดีนะ
     
    สบายกาย แต่ไม่สบายใจ ในประโยคสุดท้าย อรุณีทำหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
     
    เรื่องที่คุยกันไว้ล่ะสิ มันเป็นเรื่องทำให้อัญชุลีต้องแล่นมาหาเพื่อนถึงที่...และโดยเร็วที่สุด ตามที่เพื่อนขอร้อง
     
    ตอนนี้ก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ อรุณีถอนอกถอนใจคล้ายว่ามันเป็นเรื่องหนักหนาเสียเต็มประดา
     
    ก็นะ ตาน่านทั้งหล่อและรวย ก็ต้องเป็นเป้าหมายสำหรับผู้หญิงบางคนบ้างล่ะน่า ลำพังแค่การทายาทเจ้าของกิจการเซอร์วิจอพาร์ตเมนต์และคอนโดมิเนียมหรูหราทั่วเมืองกรุงและต่างจังหวัด ก็ทำให้เป็นที่สนใจอยู่แล้ว แต่นี่ชลน่านดันได้ส่วนดีๆ บนใบหน้าของบิดาและมารดามาอย่างละนิดอีกด้วย จึงทำให้เขาเป็นขวัญใจสาวๆ ในวงสังคมได้ไม่ยากเลย
     
    แต่ไม่รู้ทำไม พ่อลูกชายของฉันถึงได้ตาแชแหมไปคว้าแม่รำพันพิลาปมาเป็นแฟนด้วยก็ไม่รู้ เธอบ่นเรื่องลูกชายและแพรพรรณรายกับเพื่อนไปก่อนแล้ว แต่ก็ยังอดบ่นเปรยขึ้นมาอีกไม่ได้
     
    โฮ้ย ฉันว่านะณี พ่อลูกชายของเธออาจจะแค่ควงเล่นๆ ไปอย่างนั้นเองแหละ แม่แพรพิลาป...เอ๊ย... อัญชุลีรีบแก้ไขเมื่อทำท่าจะเรียกชื่อผิดตามเพื่อนไปด้วย แม่แพรพรรณรายออกจะเป็นดาราดัง คบไว้ก็ไม่เสียหลาย ได้เปิดหูเปิดตากว้างไกลดีออก เธอเชื่อในเรื่องคอนเน็กชันหรือเครือข่ายสายใยคนรู้จัก เหตุที่เธอได้ทำหน้าที่แม่สื่อก็มาจากการพบปะคนมากมายนี่แหละ
     
    ฉันก็คิดว่าตาน่านคงแค่ควงแม่นั่นเล่นๆ ตามประสานิสัยขี้เบื่อ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยน่ะ เพียงแต่ว่าที่ฉันกังวลเพราะคราวนี้ตาน่านออกจะคบแม่แพรพิลาปนานกว่าผู้หญิงคนอื่น แถมช่วงนี้ยังมีข่าวทำนองสวีตหวานแหว๋ว ไม่ก็ฤกษ์แต่งงานออกมาให้ฉันเห็นโครมๆ มันก็ทำให้ฉันอดกลัวไม่ได้น่ะสิ เกิดตาน่านพลาดขึ้นมา จะทำยังไงล่ะ ฉันไม่อยากได้ยายแพรมาเป็นลูกสะใภ้หรอกนะ
     
    จ้ะๆ ฉันรู้แล้ว ใจเย็นๆ นะณี อัญชุลีรีบปรามเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าลมขึ้น แล้วฉันจะช่วยสกรีนผู้หญิงดีๆ น่ารักๆ มาให้ตาน่านนะ
     
    อรุณีหันมายิ้มหวาน สีหน้าสีตาผ่อนคลายลงไปมาก ขอบใจนะจ๊ะอัญ นี่ถ้าไม่ได้เธอ ฉันก็ไม่รู้จะหาควานหาผู้หญิงที่ไหนมาให้ดึงตาน่านออกจากแม่แพรพิลาปเหมือนกัน ลูกเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นผู้ชาย ก็แต่งงานแต่งการไปหมดแล้วแทบทั้งนั้น...เอ๊ะ เธอก็มีลูกสาวนี่นา ทำไมฉันถึงคิดไม่ถึงนะ เธออุทาน มัวแต่มองบริษัทจัดหารักจนลืมที่จะสนใจชีวิตส่วนตัวของเจ้าของบริษัท
     
    อย่าไปสนลูกสาวฉันเล้ย ยายเหมี่ยวน่ะต่อต้านเรื่องพวกนี้จะตายไป ไม่รู้จะหวงความโสดไปถึงไหน เหมี่ยวหรือมะเหมี่ยวเป็นลูกสาวคนเดียวของอัญชุลี อายุอานามก็ใกล้สามสิบเต็มแก่ แต่ไม่ยอมมีแฟนสักที จะว่าเป็นเพราะเห็นครอบครัวมีปัญหา เลยไม่อยากเป็นเหมือนก็ไม่ได้ เพราะเธอกับสามีก็รักกันดี เธอเคยถามถึงสาเหตุ มะเหมี่ยวก็บอกเพียงว่าไม่อยากมี เธอเซ้าซี้เท่าไหรก็ได้แต่คำตอบเดิม จนเธอเบื่อที่จะถามไปเอง ยิ่งเห็นฉันมาเป็นแม่สื่อแบบนี้นะ ยายเหมี่ยวยิ่งต่อต้าน...ฉันหมายถึงต่อต้านเรื่องการจับคู่ให้เหมี่ยว แต่ไม่ต่อต้านเรื่องให้ฉันทำงานนี้นะ จะว่าไปมะเหมี่ยวนี่แหละที่เป็นคนสนับสนุนให้เธอจัดตั้งบริษัทจัดหาคู่
     
    น่าเสียดาย อรุณีพูด แต่ช่างมันเถอะ ยายหนูลูกเธอไม่สนก็ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าเธอมีสาวๆ ในสังกัดเยอะ...ใช่ไหมจ๊ะ
     
    ก็มีพอตัวล่ะ เปิดบริษัทมาเกือบปีแล้วนี่นะ มีผู้หญิงสาวโสด ประวัติดีเลิศมาใช้บริการของวีแมตช์เลิฟเพียบ จนทำให้เธอนึกสงสัยด้วยซ้ำว่าผู้ชายในโลกนี้หายไปไหนหมด ทำไมจึงทิ้งผู้หญิงน่าสนใจเหล่านี้ให้เคว้งคว้าง
     
    แล้วนี่ฉันต้องทำยังไงบ้าง
     
    ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เอานี่ให้ตาน่านกรอกตามความจริงเท่านั้นก็พอ อัญชุลีดึงซองพลาสติกใส่เอกสาร...ซึ่งเป็นแบบสอบถามเกี่ยวประวัติ ความชอบ งานอดิเรก และทัศนคติ เพื่อใช้ในการจับคู่บุคคลที่มีความคล้ายคลึง หรือความเข้าขากันมาที่สุด...ออกมาจากกระเป๋า และยื่นให้เพื่อน ก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อย
     
    ไม่สิ อาจจะต้องทำอะไรนิดหน่อย น่านยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเธอจะใช้บริการแม่สื่อ ถ้าเป็นการจับคู่ด้วยความเต็มใจ เธอจะไม่เป็นห่วงอะไรเลย แต่ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่อยากมีคู่ขึ้นมาล่ะก็ ความสำเร็จคงจะเป็นไปได้โดยยาก แต่สำหรับกรณีนี้ เนื่องจากอรุณีขอมา ความเป็นเพื่อนจึงทำให้เธอตอบรับอย่างช่วยไม่ได้
     
    ตาน่าน... ยังไม่ทันที่อรุณีจะได้พูดจบ เสียงทักทายทุ้มห้าวของชลน่านดังขึ้น พร้อมๆ กับการปรากฎตัวของเขา ณ ตรงทางเดิน
     
    ชลน่าน...ซึ่งได้รับการตั้งชื่อนี้เพราะว่าพ่อกับแม่พบกันที่จังหวดน่านจนกลายมาเป็นความรัก...เป็นหนุ่มเชื้อจีนแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทว่ากลับมีใบหน้าเหมือนลูกครึ่งฝรั่งเสียมากกว่า อาจเป็นเพราะเขามีรูปร่างสูงใหญ่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ผิวขาวเหมือนน้ำนม รูปหน้าเป็นเหลี่ยมแข็งแกร่ง เห็นกรามชัดเจน จมูกโด่งเป็นสัน ตาโตสีน้ำตาลเข้มที่มีชั้นตาและเบ้าตาลึกชัดเจน รวมไปถึงผมสั้นของเขาเป็นสีน้ำตาลชนิดที่ไม่ต้องพึ่งครีมเปลี่ยนสีผม ซึ่งนับว่าเขารับส่วนดีอย่างละนิดละหน่อยมาจากทั้งพ่อและแม่ ผิดกับน้องสาวของเขาที่มีใบหน้าและรูปร่างกระเดียดไปทางไหล่ม่าหรือแม่ของพ่อ ทำให้พวกเขาดูไม่เหมือนพี่น้องที่คลานออกมาจากท้องเดียวกันสักนิด
     
    ชายหนุ่มเดินมาหาหญิงสาวทั้งสอง และยกมือไหว้มารดาและผู้หญิงหน้าตาคุ้นเคย แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร
     
    ม๊าว่าอะไรนะครับ เรียกน่านหรือเปล่า เขาแทรกถามขึ้นมา ไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะใดๆ แต่บังเอิญเขาได้ยินเสียงแม่...หรือใครบางคนพูดหรือเรียกชื่อเขาหลายครั้ง
     
    ยังไม่รู้ แต่กำลังจะรู้เดี๋ยวนี้ล่ะอรุณียังอุตส่าห์กระซิบบอกเพื่อนต่อ ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ลูกชาย กลับมาแล้วหรือจ๊ะตาน่าน เป็นไงบ้าง เที่ยวสนุกไหม เธอรู้ว่าชลน่านซึ่งออกไปเที่ยวกับยายแพรพิลาปจะกลับบ้านราวๆ นี้ เธอก็เลยนัดอัญชุลีให้มาพบเธอในเวลาที่เหลื่อมซ้อนกันดังที่เห็น
     
    ก็ดีครับ ชลน่านตอบอย่างระมัดระวัง วันนี้แม่มาแปลกที่ถามถึงนัดของเขากับแพรพรรณราย ทั้งที่ปรกติแม่เขาออกจะ...เอ่อ รังเกียจแพรพรรณรายจะตายไป
     
    เขาไม่ได้เป็นลูกพยศที่ชอบต่อต้านพ่อแม่ถึงได้คบหาแพรพรรณรายทั้งที่พวกท่านไม่ชอบ แต่เขาคิดว่าชีวิตรักเป็นเรื่องส่วนตัวของเขามากกว่าของพวกท่าน มันเป็นความสุขของเขา เขาสามารถแยกแยะได้ว่าจะคบผู้หญิงคนไหนจริงจัง จะคบผู้หญิงคนไหนแบบเป็นเพื่อนรู้ใจ หรือจะคบผู้หญิงคนไหนเพื่อความสุขทางกาย ซึ่งเขาวางแพรพรรณรายเป็นเพียงเพื่อนที่ให้ความสุขทางกาย ที่เมื่อถึงเวลาสมควรจะต้องแยกจากกัน ด้วยรู้ว่าไม่มีทางที่บิดาและมารดาจะยอมรับแพรพรรณรายเป็นแน่
     
    น่านจำอี๊อัญได้หรือเปล่า
     
    เอ่อ ก็คุ้นๆ หน้าน่ะครับ  

    อี๊อัญที่แต่ก่อนเป็นแม่บ้าน แต่ตอนนี้เปิดบริษัทแม่สื่อยังไงล่ะ
     
    อ้อ พอจะนึกออกแล้วครับ ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้รู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างไรชอบกล
     
    มานี่สิน่าน มานั่งตรงนี้ อรุณีกวักมือเรียก
     
    เอ้อ...ครับ ชลน่านอึกอักแต่ก็ตอบตกลง ตอนแรกเขาว่าจะแค่ทักทายแล้วเผ่นขึ้นห้อง เนื่องจากมักจะเกร็งเมื่อต้องคุยกับแม่และบรรดาเพื่อนๆ ของเธอ ไม่ใช่ว่าเขาเข้าหาผู้ใหญ่ไม่เก่งนะ เพียงแต่ว่าเขาไม่ชอบเอาตัวเข้าไปอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่...โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนๆ ของแม่...ถ้าไม่จำเป็นเท่านั้น
     
    ช่วยม๊าทำนี่หน่อยสิจ๊ะ อรุณียื่นซองแบบสอบถามให้ลูกชาย อัญชุลีเฝ้ามองปฎิกิริยาทั้งจากฝ่ายแม่และฝ่ายลูกอย่างเงียบๆ
     
    อะไรครับเนี่ย ชายหนุ่มเปิดซองกระดาษและดึงเอกสารออกมาอ่านดู มันเป็นกระดาษปึกใหญ่ที่จ่าหัวกระดาษเป็นชื่อบริษัทวีแมตช์เลิฟ...บริษัทจัดหารัก ต่ำลงไปเป็นคำถามต่างๆ ที่เป็นคำถามส่วนตัวเป็นอย่างยิ่ง
     
    ก็...ม๊าอยากจะใช้บริการของอี๊อัญน่ะจ้ะ
     
    ม๊าหมายความว่ายังไงครับ เขาถาม ทั้งที่พอจะสำเหนียกถึงความผิดปรกติที่เกิดขึ้นได้
     
    ก็หมายความว่าแบบสอบถามชุดนี้เป็นของน่านน่ะสิจ๊ะ
     
    เอ่อ ม๊าครับ น่านมีแพรอยู่แล้วนะครับ ไม่จำเป็นต้องใช้บริการอี๊อัญก็ได้มั้งครับ และถึงจะไม่มีแพรพรรณราย เขาก็คิดว่าจะหาผู้หญิงอื่นมาแทนได้ไม่ยาก เขาไม่จำเป็นต้องใช้บริการหาคู่สักนิด เว้นแต่ว่า...
     
    ระหว่างนั้นอัญชุลีที่เริ่มเล็งเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องส่วนตัวมากขึ้นก็ฉวยโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากห้องรับแขก เธอแกล้งทำทีเป็นว่าจะออกไปโทรศัพท์ เพื่อเปิดโอกาสให้สองแม่ลูกได้พูดคุยกันอย่างเต็มที่
     
    ก็เพราะน่านมีแม่แพรพรรณพิลาปนี่แหละ แม่ถึงได้ต้องให้น่านใช้บริการแม่สื่อ อรุณีทำเสียงแข็งน้อยๆ
     
    โธ่ม๊าเขาลากเสียงโอดครวญ
     
    ไม่ต้องมาโธ่ม๊าเลย น่านก็รู้ว่าม๊ากับเตี่ยไม่ชอบแม่คนนี้ แต่น่านก็ยังดันทุรังจะคบหา ม๊ากับเตี่ยก็หยวนๆ ไม่ว่าอะไร แต่พักนี้น่านมีข่าวกุ๊กกิ๊กกับแม่นี่เยอะเหลือเกิน แถมทำท่าจะเป็นข่าวดีอีกด้วย เธอค้อนลูกชาย ยังคงเคืองขุ่นกับข่าวซุบซิบไม่หาย
     
    มันเป็นแค่ข่าวลือครับม๊า ไม่มีอะไรในกอไผ่
     
    แต่ช่วงนี้ลือหนาหูจังนะ มีข่าวทุ้กวันเลย เมื่อวานก็พาดหัวตัวหนาเบ้อเร่อ น้ำเสียงประชดประชัน
     
    มันเป็นข่าวลือจริงๆ ครับม๊า น่านไม่ได้คิดจะจริงจังกับแพรถึงขั้นแต่งงานหรอกครับ มันอาจฟังดูโหดร้าย แต่เขารักครอบครัวของเขามากกว่าแพรพรรณราย และเธอกับเขาก็คบหากันด้วยเงื่อนไขที่เข้าใจกันมาตั้งแต่แรก คืออย่ามุ่งหวังในอนาคต และเขาก็ไม่เคยทำอะไรที่เป็นการให้ความหวังเธอด้วย นอกจากทำวันนี้ระหว่างพวกเขาให้ดีที่สุด
     
    งั้นน่านก็คงจะไม่ขัดข้องอะไรถ้าม๊าจะหาผู้หญิงดีๆ ให้น่าน อรุณีกอดอก เธอเชิดหน้าน้อยๆ และมองลูกชายด้วยสายตาขึงขัง
     
    ม๊า น่านไม่สนใจการจับคู่แบบนี้จริงๆ เขาชอบเลือกอะไรด้วยตัวเองมากกว่า
     
    การใช้บริการแม่สื่อไม่จำเป็นจะต้องจบลงด้วยการแต่งงานสักหน่อย เธอไม่ยอมแพ้ พยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมแม่น้ำที่ชื่อน่านให้มารวมเป็นสายเดียวกับเธอให้ได้
     
    ถ้าพบกันคุยกันแล้วไม่ถูกใจ ก็คบกันเป็นเพื่อนเฉยๆ ก็ได้ ไม่มีใครบังคับน่านให้คบกับผู้หญิงคนไหนได้หรอก แต่ถ้าชลน่านตกหลุมหลงรักผู้หญิงบางคนจากบริษัทจัดหารัก นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เธอไม่คาดหวังอะไรมากนอกจากจะแยกชลน่านและแพรพรรณรายออกจากกัน และถ้าจะให้ดี...ควรจะแยกออกจากกันโดยเร็วที่สุด
     
    ชลน่านทำหน้านิ่วคิ้วขมวดยุ่ง จนหน้าผากย่นเป็นรอยหยักน้อยๆ เขากำลังครุ่นคิดถึงผลดีผลเสีย แต่อรุณีไม่ได้ปล่อยให้เขาคิดนานเลย
     
    ตกลงนะจ๊ะน่าน ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เธอหยุดไปนิดก่อนจะถาม ที่น่านปฏิเสธ คงไม่ได้เป็นเพราะน่านกลัวว่าจะตกหลุมรักใครจากการจับคู่หรอกนะ
     
    เปล่าครับม๊า เขาไม่ได้กลัว แต่เขาแค่...กระอักกระอ่วนใจ...คนอย่างเขาเนี่ยนะ ต้องพึ่งบริการแม่สื่อ รู้ไปถึงไหน อายไปถึงนั่น เผลอๆ อาจมีพาดหัวข่าวกอสสิปว่า ชลน่านหมดปัญหาหาผู้หญิงเคียงกาย ต้องแล่นไปใช้บริการแม่สื่อจับคู่ชื่อดัง
     
    งั้นก็แสดงว่าน่านตกลงแล้วนะ เธอจับปากกาพิมพ์ชื่อบริษัทจัดหารักที่ถือไว้ในมือเมื่อก่อนหน้ายัดใส่มือลูกชาย
     
    ก็...ก็ได้ครับ สุดท้าย ชลน่านก็รับปากพร้อมกับระบายลมหายใจดังเฮือกด้วยความจำยอม
     
    งั้นก็รีบทำซะสิ เดี๋ยวจะได้ให้อี๊อัญเอากลับไปเลย  
     
    ว่าแต่...ทำแบบสอบถามนี้แล้วจะช่วยเรื่องจับคู่ได้จริงๆ หรือครับ
     
    ได้สิ เดี๋ยวพอน่านกรอกข้อมูลเสร็จ อี๊อัญก็จะเอาข้อมูลของน่านบันทึกลงคอมพิวเตอร์ แล้วก็ใช้โปรแกรมวีแมตช์เลิฟช่วยจับคู่ผู้หญิงที่มีหน้าตา นิสัย ทัศนคติ การใช้ชีวิตประจำวันหรืองานอดิเรกที่ตรงกับน่าน แล้วจากนั้นอี๊อัญก็จะนัดน่านกับผู้หญิงคนนั้นออกมากินข้าวด้วยกัน มาคุยกัน ถ้าเกิดถูกใจ อยากพบกันอีกก็จะมีครั้งต่อไป...และต่อไป จนกระทั่งต่างฝ่ายต่างอยากเลื่อนขั้นความสัมพันธ์มากกว่านี้ ก็เป็นสิทธิ์ร่วมกันของทั้งสอง เธอบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับบริการของวีแมตช์เลิฟอย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นเจ้าหน้าที่เสียเอง
     
    ชลน่านพยักหน้าเบาๆ สายตาเลื่อนอ่านคำถามในทุกๆ หน้าของแบบสอบถามแบบผ่านๆ
     
    งั้นเดี๋ยวน่านเอาขึ้นไปทำบนห้องนะครับ เขาบอก
     
    อย่าเลย นั่งทำตรงนี้นี่แหละ มีอะไรสงสัยจะได้ถามอี๊อัญได้ เธอพยักพเยิดไปข้างหน้า อัญชุลีเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกพอดีราวกับนกรู้
     
    ชายหนุ่มปลงในใจ ก่อนจะตอบ ก็ได้ครับ
     
    เขาตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอก ปล่อยน้ำหนักของร่างให้จมลงในฟูกโซฟา สายตาอ่านตัวอักษรไล่ไปทีละบรรทัด ส่วนมือก็ขยับตามไป
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    ================================================================
     
    ชลน่านรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง แม้ว่ามารดาและอัญชุลีจะคุยเรื่องจุกจิกตามประสาผู้หญิง ทว่าเขารู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความอยากรู้อยากเห็นแผ่ซ่านออกมาล้อมรอบเขา เขาทำเป็นนั่งทำแบบสอบถามอย่างนิ่งเฉย ไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบๆ ทั้งที่กำลังนึกเข่นเขี้ยวขุ่นข้องใจ
     
    บ้าชะมัด ทำไมเขาต้องมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้ด้วยนะ
     
    ม๊านะม๊า น่านบอกว่าไม่ได้คิดจะจริงจังกับแพร ม๊าก็ไม่เชื่อ
     
    เขาทำไปบ่นไป ความจริงเขาอยากจะเขวี้ยงปากกาและฉีกแบบสอบถามทิ้ง แต่ก็ทำไม่ได้ เขาเพิ่งจะผ่านคำถามส่วนที่เป็นข้อมูลเบื้องต้นประเภท ชื่อนามสกุล ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ ตอนแรกเขากะว่าจะใส่เบอร์มั่วๆ ลงไป ทว่ารู้ดีว่าไม่นานก็ต้องถูกจับได้ ดังนั้นจึงจำใจต้องเขียนข้อมูลตามความจริง
     
    ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ นี่ได้...หัวสมองของเขาไม่เคยหยุดนิ่ง...อย่าบอกนะว่าเขาจะต้องกลายเป็นเหยื่อของการจับคู่จริงๆ...ถึงเขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมคน แต่กับบิดามารดาผู้เป็นที่รักของเขาแล้ว เขามักอ่อนข้อให้พวกท่านเสมอ
     
    เฮ้อๆ รู้ไปถึงไหน อายไปถึงนั่น คนอย่างชลน่านจะต้องมาพึ่งแบบสอบถามเพื่อการหาแฟน ไอ้เพียวรู้เข้าจะต้องหัวเราะเขาแน่ๆ...เขานึกไปถึงพิชัยยุทธ ญาติผู้พี่ ที่อายุห่างจากเขาปีเดียว ทว่าสนิทสนมราวกับเป็นคนรุ่นเดียวกัน
     
    แล้วนี่ถ้าแพรรู้จะว่าอย่างไร คงมีหวังบ่นเขาไปสามบ้านแปดบ้านแน่ๆ...เอ้อ อาจจะไม่บ่น แต่คงจะกรีดเสียงวีนปรี๊ดๆ ใส่เขาแหงๆ
     
    แพรพรรณรายเป็นนางเอกละครที่นิสัยไม่เป็นนางเอกเอาซะเลย ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงสีสันเล็กๆ น้อยๆ ของเธอที่ถูกนักข่าวป้ายระบายอย่างไม่ยุติธรรม แต่พอได้มีโอกาสคบควงแพรพรรณรายจริงๆ เขาก็พบว่าเจ้าหล่อนเป็นอย่างที่คอลัมน์ข่าวปะหัวไว้ไม่มีผิด ช่วงเดือนแรกๆ ที่คบหากัน เธอยังไม่เปิดเผยนิสัยที่แท้จริงหรอก เธอเพิ่งจะมาแพลมมันเมื่อราวเดือนก่อนนี้เอง มันทำให้เขาเริ่มเบื่อเธอ เขาไม่ชอบผู้หญิงขี้วีน เอาแต่ใจ เห็นตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เพราะเขาเองก็เอาแต่ใจพอแล้ว ไม่ต้องการคบผู้หญิงเอาแต่ใจเหมือนเขา และทำให้เขาร้อนเป็นไฟ นี่ไม่รู้ว่าเขานึกยังไงถึงได้สนใจเข้าไปจีบแพรพรรณราย สงสัยคงเพราะมึนเสน่ห์หน้าตาหวานๆ ดวงตาโตๆ เหมือนตุ๊กตาของเจ้าหล่อนกระมัง แต่ตอนนี้ตุ๊กตาที่ว่าดูจะไม่น่ารักเอาเสียแล้ว
     
    บางทีนี่อาจเป็นโอกาสดีที่เขาจะสลัดแพรพรรณรายทิ้ง บอกเธอว่าแม่จะให้เขาจับคู่ดูตัว และพวกเขาจำเป็นต้องเลิกร้างกัน
     
    อืม เจ้าหล่อนจะยอมปล่อยมือจากเขาง่ายๆ ไหมนะ...ชลน่านคงจะส่ายศีรษะถ้านั่งอยู่เพียงลำพัง
     
    ไม่ยอมยังไงก็ต้องยอม เพราะใจของเขาเริ่มจะหลุดคลายจากเธอแล้ว ในเมื่อเธอผูกใจเขาไว้กับตัวเองไม่ได้ เธอก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบความผิดพลาดนั้น
     
    ถ้าจัดการแพรพรรณรายได้แล้ว จะจัดการบริษัทจัดหารักนี้อย่างไรดี...ชายหนุ่มขยับมือไปเรื่อยๆ ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อคิดอะไรบางอย่างระหว่างการอ่านหัวข้อ ลักษณะนิสัยและอุดมคติ 
     
    ถ้า...ถ้าแกล้งทำเป็นกรอกไม่ตรงกับความจริง กรอกข้อมูลทุกอย่างแบบกลับตาลปัตรล่ะ
     
    เพราะมันเป็นการจับคู่ผ่านแบบสอบถาม เสาะหาคนสองคนที่มีแนวโน้มว่าจะเข้าขาถูกคอกันได้นี่นา
     
    แต่มันจะได้ผลไหมนะ...เขาถามตัวเองก่อนจะตัดสินใจ
     
    ได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ช่างมัน ลองดูไปก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา
     
    ชลน่านเริ่มนึกข้อมูลใหม่ของเขา ในใจหัวเราะร่า
     
    โอ รับรองเลยว่าสิ่งละอันพันละน้อยที่เขากรอกลงไปจะต้องไม่ใช่สิ่งที่หากันได้ดาษดื่นแน่ๆ
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    ================================================================
     
    หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ดนัยภัทรก็เดินออกไปเป็นคนแรก ณัฐทินีกำลังจะเดินตามน้องชายไป ทว่าสรียาเรียกเธอไว้ 
     
    เดี๋ยวจ้ะยายณัฐ คืนนี้หนูเอาแบบสอบถามนี่ไปกรอก แล้วเอามาคืนแม่พรุ่งนี้นะ สรียายื่นซองเอกสารให้
     
    ลูกสาวรับมาอย่างงงงวยแบบสอบถามอะไรคะ
     
    วีแมตช์เลิฟ...บริษัทจัดหารักยังไงล่ะจ๊ะ อย่าบอกนะว่าณัฐลืมไปแล้วว่าตกลงอะไรกับแม่ไว้
     
    โอ๊ยตาย บริษัทแม่สื่อนั่นน่ะเอง...ณัฐทินีแทบลืมไปแล้ว...เอ่อ ไม่หรอก เธอไม่ได้ลืม แต่เธอไม่อยากเก็บมาใส่ใจมากกว่า  
     
    ณัฐห้ามเบี้ยวแม่นะ แม่อุตส่าห์ฝากฝังณัฐกับป้าอัญเสียตั้งเยอะ
     
    หูยยยย แม่เอาเธอไปฝากฝังยังไงบ้างเนี่ย
     
    นี่จ้ะ สรียายัดเยียดซองแบบสอบถามใส่มือแข็งเกร็งของลูกสาว ทำเสร็จแล้วค่อยเอามาให้แม่พรุ่งนี้เช้า เพราะแม่นัดป้าอัญไว้ตอนบ่าย
     
    โหหหห ส่งแบบสอบถามพรุ่งนี้แล้วจะเอาให้ป้าอัญในตอนบ่ายเลยเรอะ ไม่เร่งไปหน่อยหรือคะแม่ ณัฐจะตั้งตัวไม่ติดอยู่แล้วนะ
     
    อย่านะณัฐ หนูไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย บอกตามตรงว่าแม่กลัวหนูเบี้ยวที่สุด ผู้เป็นแม่ขยับนิ้วใส่หน้าลูกสาวน้อยๆ ดังนั้นห้ามมีการหมักดองแบบสอบถามเด็ดขาด หวังว่าหนูคงจะไม่ทำให้แม่ต้องนัดป้าอัญเก้อหรอกนะ
     
    ณัฐทินีแอบกรอกตาขึ้นบนเพดาน ก่อนจะยิ้มแห้งๆ และขานรับ โอเคค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงค่ะ คืนนี้ณัฐจะทำแบบสอบถามให้
     
    สรียาจึงค่อยยิ้มออกมาได้ ดีมากจ้ะ ก่อนจะปลอบ ณัฐอย่าคิดว่าเป็นการหาคู่อย่างเดียวนะจ๊ะ คิดว่ามันเป็นการหาเพื่อนด้วย ไม่แน่ว่าณัฐอาจได้เพื่อนนิสัยดี น่าคบหาเพิ่ม
     
    โถ แล้วณัฐทินีผู้ถูกปิดหนทางในการปฎิเสธจะตอบอะไรได้นอกจากคำว่า
     
    ค่ะ
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    ================================================================
     
    คนถูกมัดมือชกทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ฟูกเบาะยวบลงไปตามน้ำหนักตัวของเธอ ก่อนจะฟูขึ้นมาเล็กน้อยเนื่องจากสปริงเตียงนุ่มมากๆ ณัฐทินีติดนอนที่นอนนุ่มมากกว่าที่นอนแข็ง ที่หลายคนบอกว่าไม่ทำให้ปวดหลัง เธอรักเตียงนอนของเธอเป็นที่สุด เธออุตส่าห์ไปเลือกลองตั้งหลายยี่ห้อ ก่อนจะเลือกซื้อเตียงปัจจุบันหลังนี้ที่เธอใช้อยู่
     
    แบบสอบถามบ้าอะไรเนี่ย เธอแกะซองและดึงกระดาษคำถามออกมาอ่าน
     
    โหๆ ซักละเอียดยิบเลยแฮะ เธอพลิกอ่านมันไปสองสามหน้า อ่านหัวข้อใหญ่ ตามมาด้วยหัวข้อยิบย่อยที่มีอีกเพียบ
     
    เอาวะ ทำให้เสร็จๆ ไป กะอีแค่แบบสอบถาม คงไม่สามารถทำให้เธอเลือกผู้ชายที่เธอชอบได้จริงๆ หรอกน่า เธอปรามาส ไม่อยากเชื่อระบบการจับคู่แบบนี้สักเท่าไหร่
     
    แหม มีปากกามาให้พร้อมเสียด้วย กลัวว่าจะไม่ได้ทำหรือไง ณัฐทินีประชดขณะหยิบปากกาสีแดงพิมพ์ชื่อบริษัทจัดหารักสีชมพู ที่แนบคู่กับแบบสอบถามมาพิศมอง เธอกดปุ่มที่ก้นปากกา ดันหัวน้ำหมึกให้โผล่พ้นด้าม และลงมือกรอกข้อมูลส่วนตัว
     
    น้ำหนักกับส่วนสูงเกี่ยวข้องกับการหาคู่ด้วยเรอะ ปากบ่นไป แต่มือก็ขยับกรอกข้อมูลตามจริงไป
     
    เธอเร่งมือเนื่องจากอยากโยนแบบสอบถามที่ตอกย้ำถึงการจับคู่ทิ้งแต่โดยเร็ว เธอใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงในการกรอกแบบสอบถามสามส่วนแรก จนมาถึงหัวข้อท้ายๆ
     
    ผู้ชาย/ผู้หญิงในอุดมคติ เธอทวนหัวข้อเบาๆ แล้วสมองชั่วร้ายของเธอก็จุดประกายความคิดวาบไหว
     
    เอ...การจับคู่ของวีแมตช์เลิฟใช้แบบสอบถามเป็นข้อมูลหลักนี่นา ถ้าเธอบิดเบือนข้อมูลบางอย่างของตัวเองให้ผิดเพี้ยนไป เธอก็จะสามารถบังคับผลของการจับคู่ได้...อย่างนั้นใช่ไหม
     
    แม้จะไม่แน่ใจกับผลลัพธ์ของมัน แต่ณัฐทินีรู้สึกมีความหวัง เธอไม่รอช้า รีบลงมือเขียนข้อมูลตามที่ตัวเองตั้งใจในทันที
     
    ข้อมูลส่วน ผู้ชาย/ผู้หญิงในอุดมคติถูกเธอเติมเสียเลิศเลอ ชนิดที่ว่าคงจะไม่ได้หาเจอได้ง่ายๆ
     
    ใช่ เธอคิดว่าคงจะหาไม่ได้ง่ายๆ
     
    ผู้ชายในอุดมคติของ เธอเป็นผู้ชายที่อายุน้อยกว่า หุ่นดี ไม่ลงพุง สูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรขึ้นไป หัวไม่ล้าน ผิวขาว หล่อเข้ม มีรสนิยมในการแต่งตัว ร่ำรวย มีอาชีพการงานที่ดีและเข้ากับการงานของเธอ
     
    ณัฐทินีอ่านทวนแล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
     
    แค่หาผู้ชายตัวสูง หุ่นดี หัวไม่ล้าน หน้าตาหล่อเหลาก็ว่ายากแล้ว ยังจะต้องเป็นหนุ่มน้อยที่มีรสนิยมชอบสาวแก่...เอ๊ย ไม่ใช่สิ...เธอยังไม่แก่ เธอแค่สามสิบ...ต้องบอกว่ามีรสนิยมชอบพี่สาว ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่มักชอบสาวเอ๊าะๆ มากกว่าอยู่แล้ว แถมยังต้องร่ำรวยเงินทองและมีหน้าที่การงานที่ดี คุณสมบัติเลิศเลอแบบนี้คงจะหาได้ง่ายๆ หรอก แล้วเธอยังอุตส่าห์เสริมว่าต้องการผู้ชายที่ชอบทำงานบ้าน และต้องยอมรับงานประจำและงานอดิเรกของเธอได้อีกด้วย
     
    หึ และงานอดิเรกของเธอเป็นงานน่าสนใจมากกกก
     
    เธอกระโดดผลุงลงจากเตียงไปหยิบน้ำยาลบคำผิดมา เนื่องจากมีอะไรให้เธอต้องแก้ไขอีกเยอะ เธอกลับมานอนคว่ำบนเตียงตามเดิม พลิกแบบสอบถามกลับไปหน้าเก่าที่เขียนเสร็จแล้ว และระบายสีขาวๆ ทับลงไปบนตัวอักษรสีน้ำเงิน
     
     “งานอดิเรกคือกินกับนอน
     
    โอเค เธอยอมรับว่าเธอชอบทั้งการกินและการนอน แต่มันไม่ใช่งานอดิเรกของเธอ เธอชอบดูภาพยนตร์ไม่ก็ภาพยนตร์ชุดในวันว่าง แต่การดูหนังเป็นงานอดิเรกออกจะ ดูดีเกินไปสักหน่อย เธอกำลังเป็นผู้หญิงขี้เกียจและไม่น่าดึงดูด
     
    ณัฐทินีทยอยแก้ไขข้อมูลทีละนิดละหน่อย ก่อนตรวจทานดูอีกรอบว่าเขียนอะไรตกหล่นหรือไม่สัมพันธ์กันรึเปล่า เมื่อกรอกข้อมูลใหม่เสร็จและทบทวนสิ่งที่เขียนไว้ทั้งหมดอย่างละเอียดดี เธอก็เก็บแบบสอบถามใส่ซองน้ำตาล แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ที่สุดก็ปรากฎออกมา
     
    ถ้าวีแมตช์เลิฟหาผู้ชายที่เข้ากับ เธอได้ เธอจะยอมนัดบอดด้วยความเต็มใจเลยเอ้า
     
    จบบทที่2
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    ================================================================
     
    หวัดดีค่า
     
    มาแปะต่อแล้วนะคะ เปิดตัวตัวละครใหม่เพียบเลย ไม่รู้จะถูกใจกันไหม ชอบชื่อสดับพิณกับชลน่านเป็นพิเศษเลย ชอบลักษณะของทั้งสองคนด้วย สำหรับตัวชลน่านนี่ เอาลักษณะมาจากน้องของเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนจีนแท้ แต่ว่าหน้าดันเหมือนฝรั่ง ผิดแผกไปจากคนอื่นๆ ในบ้าน แต่น้องก็ยังคงเค้าหน้าพ่อแม่อยู่นะคะ เพียงแต่ว่าผิวกับผมนี่ เหมือนฝรั่งไปเลยล่ะค่ะ ชลน่านก็ประมาณนั้นเลย
     
    มีใครเคยเรียนพาสชั้นเยอะๆ ไหมคะ มิถุนาเคยแต่สอบเทียบ สมัยมิถุนาเรียนหนังสือ ฮิตสอบเทียบกันมาก (บอกอายุเลยใช่ไหมเนี่ย เพราะเด็กสมัยนี้คงไม่ได้สอบเทียบกันแล้ว) เพราะจะได้เข้ามหาวิทยาลัยเร็วๆ เคยเห็นบางคนพาสชั้นเร็วมาก ข้ามตั้งแต่มัธยมต้น จนเรียนอุดมศึกษาก็ยังไม่หยุดเร่งการเรียน มิถุนาเร่งแค่ช่วงม. ปลายล่ะค่ะ แอบเสียดายเวลาที่หายไปเหมือนกันนะคะ พิณก็รู้สึกคล้ายๆ กัน แต่พิณคงรู้สึกยิ่งกว่ามิถุนา เพราะถูกเร่งให้โตก่อนวัยมากๆ จนอาจทำให้เธอดูผิดแผกไปจากเพื่อนๆ คนอื่นที่เรียนปรกติ
     
    อ่านถึงบทนี้แล้ว เพื่อนๆ อาจจะพอเดาอะไรได้บ้างอีกนิดหน่อยแล้วมั้งคะ ช่วงแรกๆ ของเรื่องค่อนข้างดำเนินไปรวดเร็วทีเดียว แต่ตอนหน้าจะเป็นยังไงนั้น รอติดตามต่อไปนะคะ เรื่องนี้มิถุนาแต่งสบายๆ ฮาๆ หวังว่าคนอ่านจะยิ้มไปด้วยได้ค่ะ
     
    อ้อ เกือบลืมไปเลย ใกล้หมดเขตร่วมสนุกชิงหนังสือมุกมนตราแล้วนะคะ (รายละเอียดอยู่ในท้ายบทที่ 1) ใครอยากร่วมสนุกด้วย อย่าลืมส่งเมลมานะคะ
     
    มิถุนา
    Busaba401@hotmail.com
    http://mtihuna.bloggang.com
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×