ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) น้องปลา (Kaihun Ft.Chanbaek,Krislay)

    ลำดับตอนที่ #13 : ปลาตัวที่ 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      28
      18 เม.ย. 64


    ปลาตัวที่ 10



     



    บริษัท  มีปลา

    17.02 น.

     

    ก่อกแกกๆ!!

    ก่อกแกกๆ!!

     


                ในช่วงสายของวัน...เสียงของแป้นคีย์บอร์ดที่กำลังถูกนิ้วเรียวสวยพิมพ์ตอบอีเมลของลูกค้ายังคงดังก้องอยู่อย่างต่อเนื่องเพราะงานตรงหน้ามันยุ่งจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจ  เด็กน้อยที่นั่งทำงานมาตั้งแต่เช้าและตอนนี้ก็เหมือนว่างานจะยังไม่เสร็จง่ายๆ  ตาเริ่มลายแล้วก็ปวดต้นคอมากขึ้นเรื่อยๆ  แถมลูกค้าก็มักจะมาเร่งเอาคำตอบตอนที่ร้านใกล้จะปิดให้บริการ  มีปลาเท่าไหร่?  สีส้มมีหรือไม่?  ขนาดเท่าใด??  แล้วทำไม...ถึงเข้ามาดูที่ร้านด้วยตัวเองงงงงงง!!  เป็นวันที่เหนื่อยแสนเหนื่อยจนอยากขึ้นไปนอนพักที่ห้อง  แต่ด้วยหน้าที่  ด้วยความเป็นลูกเจ้าของบริษัทและด้วยความรับผิดชอบ  เขาจึงไม่อาจละออกจากงานที่ทำอยู่ได้เลยสักอย่าง    



                “สวัสดีครับน้องเซฮุน”  ชายหนุ่ม...ท่าทางดูสุภาพเอ่ยทักลูกชายเจ้าของบริษัทมีปลาอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและดูอบอุ่น


                “สวัสดีฮะ...คุณ คยูฮยอน  วันนี้มาสั่งปลาเพิ่มเหรอฮะ?”  ยิ้มฝืนๆ...เพราะไม่มีอารมณ์จะต้อนรับลูกค้าคนไหนอีกแล้ว  งานมันเยอะ  เมลก็ยังตอบไม่ครบ  แต่!!ก็ไม่สามารถเมินเฉยต่อลูกค้าคนนี้ได้เช่นกัน  นิ้วเรียวสวยละออกจากแป้นคีย์บอร์ดและเงยหน้าขึ้นมาทักทายลูกค้าไปตามมารยาทที่ควรทำ  แถมผู้ชายคนนี้ก็ยังเป็นลูกค้าคนสำคัญอีกด้วย


                “ผมไม่ได้มาสั่งปลาเพิ่มหรอกครับ  พอดีผมผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะเอาขนมมาฝากน้องเซฮุน”  ถุงขนมที่อยู่ในมือถูกยื่นผ่านข้ามเคาน์เตอร์เพื่อส่งให้เด็กน้อย  


                “คุณคยูฮยอนเอาขนมมาให้หนูพรุ่งนี้ก็ได้นะฮะ  เพราะยังไงก็ต้องมารับปลาที่สั่งไว้อยู่แล้ว?”  รับขนมมาจนเต็มมือพร้อมโค้งตัวเพื่อเป็นการขอบคุณ  แล้วกลับมานั่งหน้าคอมพ์พิวเตอร์ตามเดิม  ส่วนขนมมากมายก็ถูกวางไว้ที่ด้านข้างของโซฟา  


                “ผมรู้ครับ...แต่พรุ่งนี้ผมก็จะซื้อขนมมาให้น้องเซฮุนอีก”  พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและส่งรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้เหมือนเช่นทุกครั้ง


                “ที่ซื้อมาให้วันนี้หนูก็ทานไม่หมดแล้วฮะ  ถ้าพรุ่งนี้คุณคยูฮยอนซื้อขนมมาอีก  หนูจะไม่ขายปลาให้อีกเลย”  ทำเสียงกระเง้ากระงอดพร้อมคำขู่ที่ไม่ได้ทำให้ลูกค้าคนนี้โกรธเลยสักนิด  


                โจวคยูฮยอน...เป็นลูกค้าที่น่ารักคนหนึ่งสำหรับบริษัทมีปลา  เพราะไม่เคยทำตัวรุ่มร่ามหรือพยายามทำตัวสนิทสนมด้วยการเรียกชื่อพิเศษของเขาเลยสักครั้ง  น้องปลาจึงไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อได้พบกับลูกค้าคนนี้  คยูฮยอนมักจะมาซื้อสัตว์น้ำที่ร้านของเขาเดือนละหนึ่งครั้งครั้งละไม่เกินห้าสิบตัว  เนื่องจากมีอาชีพทำตู้ปลา  แต่เหมือนจะไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักและวันไหนที่มีนัดมารับสินค้าที่สั่งเอาไว้...เจ้าตัวก็มักจะซื้อขนมรวมถึงน้ำผลไม้มาฝากน้องปลาเป็นประจำ  ใช่ว่าเป็นลูกกค้าที่ดีแล้วจะไม่รู้สึกรำคาญ  ยิ่งเป็นวันนี้ก็ยิ่งรำคาญมากเป็นเท่าตัวเพราะงานมันเยอะจนไม่อยากเอ่ยปากคุยกับใครทั้งนั้น


    แต่.....


                “อะแฮ่มมมม!!!....มารับปลาที่สั่งไว้คร้าบบบบ”  เสียงเอ่ยแทรกจากลูกค้าอีกรายที่ดังอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์  พร้อมการขยับร่างกายเบียดจนลูกค้าคนเก่าอย่างคยูคยอนต้องเดินหลบก็ทำให้เด็กน้อยยิ้มได้โดยไม่ต้องฝืน  และ.....  


                “คุณคิมมมมมมมมมม!!”  แค่ได้ยินเสียงของลูกค้ารายใหม่...ใบหน้าจิ้มลิ้มก็รีบละจากจอคอมพิวเตอร์และวิ่งออกมาจากห้องทำงานทันที  เสียงหวาน...เอ่ยเรียกด้วยความคิดถึงพร้อมโอบกอดกายหนาเอาไว้เหมือนอยากได้พลังใจ


                “น้องปลาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ  แล้ววิ่งออกมาทำไม  เดี๋ยวพี่ก็เดินเข้าไปหา”  โดนปลาตัวน้อยโถมร่างที่ดูอ่อนแรงวิ่งเข้าใส่จนเกือบล้มไปทั้งคู่  จงอินจึงรีบประคองเด็กน้อยเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง 


                “หนูเหนื่อยฮะ...คุณคิมช่วยหนูทำงานหน่อยสิ  หนูทำงานไม่ทันแล้วฮะ”  ซบใบหน้าจิ้มลิ้มลงบนอกกว้างอย่างออดอ้อน  แล้วเพิ่มแรงโอบกอดให้แน่นขึ้นพร้อมบ่นในสิ่งที่ตัวเองทำมาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จเสียที   


                “เงยหน้าขึ้นมาพูดดีๆครับน้องปลา  เดี๋ยวหายใจไม่ออก”  โดนเด็กงอแงกอดไว้แน่นจนกลัวว่าน้องจะหายใจไม่ออก  และที่น่าเป็นห่วงมากกว่าเรื่องไหนๆก็คือกลัวตัวเองจะถูกรุ่นพี่คนสนิทเตะไส้แตกโทษฐานทำตัวประเจิดประเจ้อต่อหน้าลูกค้าในร้าน


    จุ้บบ!!!


                “คุณคิมช่วยหนูทำงานหน่อยได้ไหมฮะ  หนูทำงานไม่ทัน  เดี๋ยวร้านก็ใกล้จะปิดแล้วด้วย  นะนะนะ  ช่วยหนูทำงานหน่อยนะ”  เงยใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าขึ้นกล่าวขอความช่วยเหลือ  โดยที่มือยังคงกอดเอวของจงอินอยู่อย่างนั้น  แล้วจูบสันกรามคมอย่างแผ่วเบาก่อนซบหน้าลงบนกว้างตามเดิม


                คนถูกอ้อน...รีบจูงมือปลาตัวน้อยเดินกลับเข้ามาทำงานในออฟิศก่อนที่ความประเจิดประเจ้อจะรู้ถึงหูรุ่นพี่คนสนิท  ส่วนลูกค้าผู้แสนน่ารักของบริษัทมีปลาก็ได้แต่มองภาพที่เห็นด้วยความรู้เจ็บจุกไปทั่วทั้งหัวใจ  ยิ่งกว่าคำว่าอกหักก็คงไม่มีคำไหนเหมาะสมมากไปกว่าคำคำนี้อีกแล้ว  จงอินเอนกายลงบนโซฟาเมื่อเดินเข้ามาด้านในโดยมีเด็กน้อยนอนทับอยู่อก  และสัตว์น้ำที่เขาสั่งไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็คงต้องรอไปก่อนเพราะตอนนี้น้องปลายังคงงอแงไม่หาย  

     

                เด็กน้อย...ยอมรับว่าเหนื่อยมากจริงๆเพราะวันนี้อี้ชิงไม่ได้อยู่ช่วยงานเหมือนเช่นทุกครั้งเนื่องจากไม่สบาย  และเรื่องที่พี่ชายป่วยก็เป็นเพราะน้องอย่างเขาเอาแต่ใจ  อยากเล่นกับเพื่อนในบ่อปลาหลังบ้าน  แต่ก็ไม่อยากเล่นคนเดียว  คนเป็นน้องจึงลากตัวพี่ชายลงมาเล่นด้วยกันจนพระอาทิตย์ตกดิน  ขอโทษที่เอาแต่ใจ(อีกแล้ว)  ขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบากและคงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง  งานในส่วนของพี่อี้ชิงทำเสร็จแล้ว  ซึ่งน้องปลาอาสารับผิดชอบเองทั้งหมด  แต่ส่วนของเขา...มันยังทำได้ไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ  งานก็ห่วง  อาการป่วยของพี่ชายก็ห่วง  น้องปลาจึงรู้สึกเหนื่อยมากกว่าทุกวัน


                “น้องปลาจะให้พี่ช่วยอะไรครับ?”  ลูบหลังเด็กน้อยที่คล้ายจะหมดแรงด้วยความรักใคร่  พร้อมถามในสิ่งที่เขาพอจะช่วยเหลือได้บ้างเพราะเรื่องของงานเอกสารมันไม่ใช่งานที่จงอินถนัดเลยสักนิด  แต่ก็จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่และเต็มใจ  


                “คุณคิมช่วยปริ้นรายชื่อปลาที่ต้องแพ็ควันนี้ให้หนูหน่อยสิฮะ  หนูจะรีบตอบเมลของลูกค้าให้เสร็จ  แล้วเราค่อยเอารายชื่อปลาไปให้พี่เฉินแพ็คที่โกดัง”  เกยคางไว้บนอกกว้าง  กระพริบตาปริบๆ  เอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วสั่งนั่นสั่งนี่  นอนกอดคุณคิมอยู่บนโซฟาโดยไม่สนว่าใครจะเข้ามาเห็นเพราะตอนนี้มันอ่อนแรงเกินจะเกรงใจผู้ใดทั้งนั้น 


                “ทำไมวันนี้งานเยอะจังเลย  แล้วน้องปลาได้กินข้าวบ้างหรือเปล่าครับ”  ปกติจะได้เห็นแต่รอยยิ้มหวานๆและนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับทานขนมหวานของโปรดไปด้วย  แต่วันนี้กลับไม่มีสิ่งใดให้เห็นนอกจากคนหมดแรงและคนแสนอ้อนจนอยากพากลับไปพักผ่อนที่บ้าน


                “กินแล้วฮะ...พี่อี้ก็ไม่สบายหนูเลยต้องทำงานของพี่อี้ด้วย  แต่งานของหนูมันยังไม่เสร็จเลยฮะ”  อธิบายเหตุผลด้วยเสียงที่เหมือนคนใกล้จะหลับ  เพราะตั้งแต่ที่อี้ชิงขอตัวไปนอนพักเมื่อช่วงเที่ยง  น้องปลาก็นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศเพียงลำพังพร้อมทั้งรับลูกค้าที่มาสั่งซื้อเจ้าพวกหางสวยไปด้วย  จนตอนนี้ร้านก็ใกล้จะปิดให้บริการเต็มที


                “งั้นนน...น้องปลาสอนพี่หน่อยนะครับ  เดี๋ยวพี่จะช่วยทำงานให้เสร็จแล้วน้องปลาจะได้ไปพัก”  รีบประคองปลาตัวน้อยให้ลุกออกจากโซฟา  และการสอนงานให้เด็กใหม่อย่างคิมจงอินก็เริ่มต้นขึ้น


                จากที่คิดไว้...ว่าจะมารับปลาที่สั่งไว้และอยู่นั่งเล่นกับแฟนเด็กอีกสักพักแล้วค่อยกลับบ้านเพราะวันนี้มันคือวันพุธ  เขาจึงไม่สามารถรับน้องปลากลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนทุกๆสุดสัปดาห์  อยากให้ถึงวันศุกร์ใจจะขาดและเอาแต่ทำงาน  ทำงาน  ทำงานอยู่กับพวกลูกน้องเพื่อไม่ให้ตัวเองยึดติดกับวันเวลามากจนเกินไป  แต่...ความนุ่มนิ่มที่ได้สัมผัสไปเมื่อครู่ก็พาลให้จงอินอยากกลายเป็นโดเรม่อนแล้วพาแฟนเด็กนั่งเครื่องไทม์แมชชีนข้ามเวลาไปให้ถึงวันศุกร์เร็วๆ  ยิ่งได้มาเห็นลูกค้าที่นำขนมมาให้ปลาตัวน้อยของเขาก็ยิ่งอยากพากลับบ้านเสียตั้งแต่ตอนนั้น  ยอมรับว่าหึง...แล้วก็ก็หึงได้เต็มที่เพราะน้องปลาคือคนรักของเขาที่ทุกคนในบริษัทแห่งนี้ก็ทราบกันเป็นอย่างดี


    (ฉันก็รักของฉัน...เข้าใจบ้างไหมมมมมมมม!!!)        

     

                นิ้วเรียวสวย...ชี้ไปที่หน้าจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า  แล้วสอนให้คุณคิมดูสัญลักษณ์ของสัตว์น้ำในตารางสีชมพูว่านั่นคือปลาที่จะต้องถูกแพ็คในวันนี้  และต้องปริ้นรายชื่อออกมาให้หมดพร้อมแบ่งใส่แฟ้มไว้เป็นประวัติการค้าขายของร้านหนึ่งชุด  ส่วนอีกหนึ่งชุดต้องนำไปให้ลูกน้องที่อยู่ในโกดังเพื่อทำการแพ็คตามออร์เดอร์ของลูกค้า  สมอง...ของคนที่จับแต่ค้อนและไขควงเริ่มประมวลผลของภาพที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ก่อนจะเริ่มทำตามที่น้องปลาสอนไว้  นานแค่ไหนแล้ว...ที่เขาไม่ได้ยุ่งกับงานเอกสารหรือเห็นตารางหลากสีบนจอคอมพ์ฯ  ทุกวันนี้จับแต่อุปกรณ์ในการทำบ้านปลา  แล้วงานเอกสารส่วนใหญ่ก็เป็นหน้าที่ของพี่ชายต่างแม่  


                “น้องปลาคร้าบบบ...พี่เริ่มปริ้นงานแล้วนะ  หนูจะให้พี่ช่วยอะไรอีกไหม?”  หยิบแผ่นกระดาษที่กำลังออกมาเครื่องปริ้นเรียงใส่แฟ้มตามลำดับรายชื่อของลูกค้าและสายพันธุ์ปลาที่ต้องแพ็คก่อน-หลังตามที่ถูกสอนมาอย่างตั้งใจ   พร้อมเอ่ยถามในสิ่งที่เขาอาจช่วยได้เพิ่มเติม  


                “คุณคิมช่วยหอมแก้มหนูหน่อยสิฮะ  พลังหนูใกล้จะหมดแล้ว”  ก้าวขาฉับๆ....เดินไปที่โต๊ะทำงานฝั่งตรงข้ามแล้วเอียงแก้มข้างหนึ่งให้ผู้ช่วยคนเก่งเติมแรงใจให้อีกครั้ง  ปวดตาจนเหมือนจะหลุดออกมานอกเบ้า  ต้นคอที่เมื่อยมาตั้งแต่ช่วงบ่ายก็คล้ายจะไม่ทุเลาลงเลยสักนิด  


    ฟอดดดด!!


                “แล้วงานของน้องปลาใกล้เสร็จหรือครับ  แต่ถ้าเหนื่อยก็พักก่อนดีไหม...เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำต่อก็ได้”  อยากทำมากกว่าหอมแก้ม  แต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้แค่นั้น  แล้วเปลี่ยนเป็นใช้นิ้วโป้งลูบไปที่เปลือกตาของเด็กน้อยเบาๆ  


                “เสร็จแล้วฮะ...แต่หนูเหนื่อย  หนูอยากกินไอติม  หนูอยากไปเล่นกับเพื่อน  หนูอยากนอน”  ทิ้งตัว...และเหมือนจะทิ้งความเหนื่อยล้าไว้บนตักของจงอิน  แล้วกอดเอวหนาเอาไว้พร้อมบ่นนั่นบ่นนี้ไปเรื่อยเปื่อย  มันมีหลายสิ่งที่น้องปลาอยากทำ  แต่งานวันนี้มันพาให้เขาพลาดไปหมดทุกอย่าง  เหนื่อย...เกินกว่าจะไปเล่นกับเพื่อนในบ่อหลังบ้าน  ล้า...เกินกว่าจะนั่งทานของหวานสุดโปรดและเตียงนอนแสนนุ่ม...ก็คือเป้าหมาย 


                “งั้นเรารีบเอารายชื่อปลาไปให้พี่เฉินก่อนดีไหมครับ...พี่เฉินจะได้แพ็คปลาให้ลูกค้า  แล้วเดี๋ยวพี่จะพาน้องปลาไปกินไอติม”  เป็นเด็ก...ที่ไม่เหมือนกับเด็กรุ่นเดียวกันเพราะเด็กวัยนี้บางคนอาจได้เที่ยวเล่นหลังจากเลิกเรียน  หรือได้นั่งทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัว  แต่เด็กอย่างน้องปลากลับต้องมานั่งทำงานทั้งวัน  แถมยังมีความรับผิดชอบมากกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก    


                “เย้ๆ ๆ ๆ....คุณคิมใจดีที่สุด  งั้นเรารีบไปหาพี่เฉินกันเถอะฮะ”  เหมือนได้รับพลังพิเศษเมื่อได้ยินคำว่า  พี่จะพาไปกินไอติม  เพราะงานในวันนี้มันดูดพลังของเขาไปจนหมด  แต่ถึงจะเหนื่อยมากแค่ไหน...พอได้รับกำลังใจจากคุณคิมมันก็คล้ายจะทำให้มีแรงเพิ่มขึ้นมาอีกนิด  ไปนอนต่อในรถก็ได้  ถึงห้างสรรพสินค้าเมื่อไหร่ก็คงหายง่วงไปเอง  


                น้องปลา...รีบปิดคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานมาตั้งแต่เช้า  พร้อมจัดเก็บอุปกรณ์ในการทำงานทั้งหมดให้เข้าที่  มือบางจูงผู้ช่วยคนเก่งออกมาจากออฟฟิศ  แล้วล็อคประตูทันทีเพราะตอนนี้ร้านของเขาได้ปิดให้บริการแล้ว  ส่วนลูกค้า...ก็เริ่มทยอยออกไปจากร้านเช่นกัน  บริษัทมีปลา...มีพนักงานประมาณ  20 คน  ซึ่งสิบคน...จะมีหน้าที่ดูแลลูกค้าที่เดินเลือกซื้อเจ้าหางสวยอยู่ภายในร้าน  อีกห้าคน...คอยช่วยคิดเงินในส่วนที่เป็นการขายของที่ระลึก  และห้าคนที่เหลือ...ก็มีหน้าที่ช่วยคริสแพ็คปลาอยู่ในโกดัง  การทำงานในโซนขายปลาจะปิดให้บริการเวลา 18.00 น. พร้อมกับงานในออฟฟิศทั้งหมด  ส่วนงานที่โกงดัง...จะเลิกได้ก็ต่อเมื่อปลาถูกแพ็คให้ลูกค้าตามออร์เดอร์เรียบร้อย  และงานจะเลิกกี่โมงมันก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของลูกค้าที่สั่งของไว้ในวันนั้นหรือตามจำนวนของปลาที่ลูกค้าต้องการ








     

     







    โกดัง  มีปลา

    18.30 น.

     

                “หวัดดีครับเฮีย...วันนี้งานยุ่งเหรอ??”


                “อ้าว...ไอ้ดำ!  มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”


                “สักพักแล้วเฮีย  พอดีช่วยเมียทำงานอยู่ในออฟฟิศ”


                “เดี๋ยวกูเตะปากแตก!!  พูดจาอะไรให้มันระวังหน่อย  แล้วปลาที่มึงสั่งไว้กูแพ็คเสร็จแล้วนะ  มึงไปขนใส่รถเองเลย  ลูกน้องกูไม่ว่าง”


                “คร้าบบบบ...เฮีย  เดี๋ยวผมจัดการเอง”


                “แล้วน้องปลาหายไปไหนวะ  เมื่อกี๊เห็นเดินมาพร้อมมึง”


                “เอางานไปให้พี่เฉินครับเฮีย”


                เดินมาถึงโกดังได้สักพัก...และแยกกับเด็กน้อยก่อนเข้ามาในออฟฟิศของรุ่นพี่  แต่สภาพห้องทำงานของคริสที่จงอินเห็นอยู่ตอนนี้มันเหมือนเป็นห้องเก็บกล่องลังมากกว่าห้องเจ้าของบริษัท  เพราะทั้งกล่องเปล่า  เศษกระดาษและพลาสติกกันกระแทก  มันถูกวางเกลื่อนห้องเกลื่อนพื้นไปหมด  คิดว่าน้องปลางานยุ่งที่สุดแล้ว  แต่ดูเหมือนว่าจะเข้าใจคิดผิด  ส่วนคนเป็นรุ่นพี่...เมื่อทักทายรุ่นน้องผิวเข้มไปตามมารยาท  เจ้าตัวก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนเดิม  ภรรยาก็ป่วย  ลูกค้ารายใหญ่ก็เพิ่งโทรมาสั่งปลาเพิ่มเมื่อไม่กี่นาทีก่อน  แถมวันนี้ยังทิ้งน้องเมียให้นั่งทำงานอยู่ในบริษัทคนเดียว  คริสจึงรู้สึกทั้งเหนื่อย  ทั้งกังวลและเป็นห่วงทุกคนที่เขาเคยดูแลเป็นอย่างดี   


                “พี่คริสจ๋าาาาาาาาาาา”  เสียงหวานเจื้อยแจ้ว...ของคนที่เพิ่งกลับมาจากการนำเอกสารไปให้ลูกน้องที่อยู่หลังโกดัง  เอ่ยเรียกพี่เขยสุดที่รักพร้อมวิ่งผ่านกล่องลังมากมายเข้ามาในห้องทำงานโดยไม่สนใจว่าตัวเองอาจได้รับบาดเจ็บ  และ....

     

    เพี๊ยะ!!


              “ทีหลังอย่าวิ่งแบบนี้อีกนะน้องปลา  ถ้าหกล้มขาหักขึ้นมาจะทำยังไง  หึ!!”  มือหนา...เอื้อมหยิบไม้บรรทัดเนื้อบางฟาดลงไปบนก้นของน้องเมียทันทีเมื่อเด็กน้อยวิ่งเข้ามากอดจนเกือบล้มหงายหลังไปทั้งคู่   


    ฟอดดด!!!


                “ขอโทษฮะ  คราวหลังหนูจะไม่วิ่งอีกแล้ว  พี่คริสจ๋าอย่าโกรธหนูนะฮะ”  โน้มคอพี่เขยลงมาหอมแก้มเพื่อเป็นการไถ่โทษ  เพราะเจ้าตัวทราบดีว่าทำผิดที่วิ่งแบบนั้นในโกดังทั้งๆที่คริสก็เคยสั่งห้ามเอาไว้  และที่โดนไม้บรรทัดตีไปเมื่อครู่  น้องปลาก็ไม่ได้คิดมากหรือโกรธอะไรเลยสักนิด  เนื่องจากรู้เหตุผลของการกระทำ  เป็นห่วง....กลัวน้องบาดเจ็บและถ้าเขาได้แผล  คนที่จะเสียใจก็ไม่ใช่ใครนอกจากพี่เขย


                “เฮ้ออออออ......”  คนถูกหอมแก้ม...ได้แต่ถอนใจ  เพราะไม่รู้จะบ่นอะไรต่อเมื่อเจอน้องเมียอ้อนด้วยวิธีนั้น  แถมยังกระพริบตาปริบๆจนรู้สึกใจอ่อน  อ่อนใจ  อ่อนแรง...อ่อนไปหมดทุกอย่างและเหนื่อยไปหมดทุกสิ่งในตอนนี้


                “ถอนหายใจทำไมฮะ...พี่คริสจ๋าเหนื่อยเหรอ??  เดี๋ยวหนูนวดให้นะฮะ  แล้วคุณคิมไปไหนแล้วล่ะ?  พี่อี้หายปวดหัวหรือยังฮะ  แล้วพี่หมอซูโฮต้องมาฉีดยาให้พี่อี้ด้วยหรือเปล่า????”  จูงมือพี่เขยให้มานั่งพักที่โซฟาด้านหลังโต๊ะทำงาน  โดยที่เจ้าของคำถามยาวเหยียดก็ถูกอุ้มให้นั่งลงมาบนตักกว้าง  


                “คุณคิมไปเก็บของที่รถครับ  ส่วนพี่อี้ก็หายปวดหัวแล้วครับ  แต่ต้องนอนพักอีกหน่อยเพราะยังไม่ค่อยมีแรง  แล้วพี่หมอซูโฮก็ไม่ต้องมาฉีดยาด้วยครับ”  ตอบคำถาม...ทั้งๆที่ยังหลับตา  และพิงกายไปกับโซฟาเพื่อพักฟื้นเรี่ยวแรงก่อนจะต้องเริ่มทำงานให้เสร็จ   แถมนิ้วเล็กๆของน้องเมียที่กำลังบีบนวดอยู่ตรงขมับอย่างเบามือก็พาให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น


    แต่สักพัก....    


                แรงกดจากนิ้วมือนุ่มนิ่มของเด็กที่นั่งคร่อมอยู่บนตักก็หยุดนวดเสียอย่างนั้น  แล้วเลื่อนกายลงมาพิงอกกว้างพร้อมเสียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ  อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอยู่ในลำคอเพราะจากที่ช่วยนวดด้วยความขยันขันแข็งอยู่เมื่อครู่  น้องปลากลับหลับไปง่ายๆเสียอย่างนั้น  อ้อมแขนใหญ่ๆ...ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น  โอบกระชับน้องเมียด้วยแรงที่มากขึ้นแล้วโยกกายไปมาคล้ายกับเป็นการกล่อมเด็ก

      

     

                คริสทำไปโดยอัตโนมัติ...เพราะในวัยเด็ก  น้องปลาก็มักจะหลับอยู่บนอกของเขาเสมอ  และไม่ว่าจะเล่นมาจนเหนื่อยหรือเพลียจากการทำงานรวมถึงอยากอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง  เจ้าตัวก็มักจะทำแบบนี้ทุกครั้ง  ถึงแม้น้องปลาจะอายุ 16 ปีแล้วก็ตาม  แต่คริสก็ยังรู้สึกว่าน้องคือเด็กตัวเล็กๆเหมือนอย่างครั้งแรกที่พบกัน  รู้ดีว่าตัวเองตามใจน้องเมียมากเกินไปจนบางครั้งก็ถูกภรรยาบ่นจนหูชา  ยิ่งตอนนี้...มีจงอินมาคอยตามใจน้องอีกคน  อี้ชิงก็ยิ่งบ่นมากขึ้นกว่าเดิม  เพราะน้องปลาชอบดื้อกับพี่ชาย  แต่จะกลายเป็นเด็กดีของพี่เขยคนนี้เสมอ

     

    แกร๊กกก!!!         


                “เฮียยยย...ผมเก็บของ  สะ..เสร็จ  อ้าวว!”  เสียงเปิดประตูห้อง...ที่มาพร้อมกับประโยคบอกเล่า  มันทำให้ผู้ที่อยู่ด้านในต้องใช้สายตาเป็นการห้ามปราม  และภาพที่เห็นก็เป็นเหตุให้จงอินต้องเงียบเสียงของตัวเองทันที  


                “กูนึกว่ามึงจะกลับไปแล้วนะเนี่ย...เข้ามาทำไมอีกวะ?”  ถามด้วยเสียงที่เบาจนเหมือนเป็นการกระซิบ  และลูบหลังคนในอ้อมกอดไปด้วยเพราะเกรงว่าน้องปลาจะตื่นตกใจ 


                “ก็น้องปลาบ่นว่าอยากกินไอติม  ผมก็เลยจะมาขออนุญาตเฮีย  แต่สงสัยจะอด”  รีบแจงเหตุผลก่อนที่จะถูกด่ามากไปกว่านี้  แถมยังรู้สึกอิจฉารุ่นพี่ที่ได้กอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้แบบนั้น  ขายาวสมส่วน...ก้าวถอยหลังออกไปจากห้องเพราะคิดว่าคงไม่ได้พาน้องปลาออกไปทานไอศกรีมอย่างที่ได้นัดกันเอาไว้  แต่!!ยังไม่ทันจะได้ปิดประตูให้สนิท  เสียงทุ้มหนักที่พยายามจะตะโกนเรียกชื่อของเขาแต่ก็ยังเกรงใจคนที่หลับอยู่ในอก  กลับฉุดให้จงอินต้องรีบเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานอีกครั้ง  


                “กูมีเรื่องจะคุยด้วย....มึงช่วยเปิดประตูให้กูหน่อย  กูจะพาน้องปลาขึ้นไปนอนที่ห้อง”  ขยับร่างกายลุกออกจากโซฟาโดยอุ้มร่างของน้องเมียที่ยังคงหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขน  แล้วเดินกลับเข้ามาในบ้านเพราะอยากให้น้องปลาได้นอนในที่ที่สบายกว่านี้  


                ส่วนคนถูกไหว้วาน...ก็รีบเดินตามมาติดๆ  และคอยอำนวยความสะดวกโดยการช่วยเปิดประตูทุกบานที่รุ่นพี่จะเดินผ่าน  เมื่อเดินขึ้นมาบนชั้นสองของบ้าน  จงอินก็เปิดประตูห้องนอนของเด็กน้อยเพื่อให้คริสพาน้องไปนอนบนเตียง  คนเป็นพี่เขยจูบแผ่วเบาลงบนหน้าผากของเด็กดีที่วันนี้รู้หน้าที่และทำงานด้วยความตั้งใจ  ทราบดี...ว่าน้องเหนื่อยมากแค่ไหน  ไม่อย่างนั้นคงไม่หลับไปในยามพลบค่ำแบบนี้  อยากขอบคุณที่น้องไม่งอแงเพราะถ้าเป็นเช่นนั้น  เขาคงเครียดมากกว่าเดิม  ภรรยามีอาการปวดศีรษะรวมถึงไข้ขึ้นมาตั้งแต่ช่วงบ่าย  และดีที่ไม่เป็นอะไรมาก  แต่เขาก็ต้องคอยขึ้นมาเช็ดตัวให้  แล้วกลับไปทำงานในโกดังสลับกันอย่างนี้ทุกๆสองชั่วโมง  ห่วงทั้งเมีย  ห่วงทั้งน้องเมีย  และถ้าเด็กตรงหน้าเป็นอะไรไปอีกคน  คริสคงไม่อาจให้อภัยตัวเอง


    ขอโทษ...ที่ดูแลทุกคนได้ไม่ดีเหมือนอย่างเช่นทุกวัน


    ...



    ...



    ...



    19.06 น.   


                “มีเรื่องอะไรจะคุยเหรอเฮีย...ทำไมดูหน้าเครียดๆ”  ห้องนั่งเล่น...ถูกใช้เป็นที่สอบถามถึงเรื่องที่รุ่นพี่เอ่ยขอความช่วยเหลือ  และสีหน้าของคริสก็เป็นตัวบ่งบอกรุ่นน้องได้ดีว่ามันซีเรียสมากแค่ไหน  


                “คืนนี้มึงพาน้องปลาไปอยู่ด้วยได้ไหมวะ  งานกูไม่รู้จะเสร็จกี่ทุ่มกี่ยาม  อี้ชิงก็ป่วยด้วย  แล้ววันนี้น้องปลาก็ทำงานมาทั้งวัน  กูกลัวน้องจะป่วยไปอีกคน”  จุดบุหรี่ขึ้นสูบ...ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าน้องเมียมาเห็นก็ต้องโดนบ่นอีกชุดใหญ่  และงอนจนต้องง้อไปอีกหลายวัน  แต่...ความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่เช้ามันทำให้คริสอดที่จะทำเรื่องต้องห้ามภายในบ้านไม่ได้จริงๆ  


                “ได้อยู่แล้ว...เฮียไม่ต้องเป็นห่วง  แต่พรุ่งนี้น้องปลามีเรียนพิเศษไม่ใช่เหรอเฮีย  แล้วพี่อี้เป็นอะไรมากไหม??”  ทุกๆเรื่องมันก็สมควรที่จะเครียดอย่างที่ได้รับฟัง  เพราะถ้าเป็นเขา...ก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันเลยสักนิด  ยิ่งรุ่นพี่เป็นผู้ที่ถูกมอบหน้าที่ให้มากมายมันก็ต้องรู้สึกเครียดเป็นธรรมดา  เป็นทั้งเจ้าของบริษัท  เป็นทั้งสามี  เป็นทัั้งพี่เขย  และทุกๆบทบาทมันก็ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่เหมือนจะเกินกำลัง    


                “เมียกูไม่ได้เป็นอะไรมาก...ส่วนเรื่องเรียนของน้องปลาเดี๋ยวกูโทรไปเคลียร์กับคุณครูให้เอง  มึงรอให้น้องปลาตื่นก่อนนะแล้วค่อยกลับ  เดี๋ยวน้องมันงอแง”  สิ้นคำฝากฝัง...ก็รีบลุกออกโซฟาในห้องนั่งเล่น  แล้วกลับขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านอีกครั้งเพื่อปลุกภรรยาสุดที่รักให้ตื่นขึ้นมาทานข้าวทานยาหลังจากที่นอนหลับไปหลายชั่วโมง


                ใช่ว่าอยากจะรบกวน...หรือปัดภาระหน้าที่ในการดูแลน้องเมียให้กับคนอื่น  แต่งานวันนี้มันมากเยอะจริงๆและภรรยาก็ยังนอนป่วยอยู่ในห้อง  ส่วนคนที่เหมือนพระผู้เป็นเจ้าจะเห็นใจในความคิดถึงก็ยินดีที่จะช่วยเหลือรุ่นพี่คนนี้เสมอและขอบคุณที่ไว้ใจให้เขาดูแลน้องปลาอีกครั้ง  ปากคมยกยิ้ม...และนอนคิดอะไรเตลิดไปไกลเพราะในเมื่อวันนี้มันคือวันพุธ  แล้วถ้าพี่อี้ชิงยังไม่หายป่วย  เขาก็อาจจะได้ดูแลเด็กน้อยไปจนถึงวันที่เป็นของเขา  ศุกร์  เสาร์  อาทิตย์...คือสุดสัปดาห์ที่จงอินรอคอย  และมันก็ไม่ใช่การแช่งชักหักกระดูกให้ใครป่วยนานๆ  แต่ถ้าอาการโดยรวมของเมียรุ่นพี่ยังไม่ดีขึ้นจนล่วงเข้าสู่วันพฤหัสฯ  เขาก็จะได้นอนกอดแฟนเด็กไปอีกหลายวัน   


    Rrrrrrrrr!!!

     


              “มีอะไรวะเจ๊!!!”  เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง...ดังขึ้นฉุดคนที่นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนโซฟาให้หลุดออกจากภวังค์ของความดีใจ  พร้อมกับโวยวายตอบคนที่อยู่ปลายสายเพราะรู้สึกเหมือนถูกขัดจังหวะในการใช้ความคิดเรื่องของแฟนเด็ก


                (ฮึกก!!...มึงอยู่ไหนวะจงอิน?  ฮึกก!  เมื่อไหร่มึงจะกลับ  กูเหงาอะ  ฮึกกก!!  มึงกลับมาอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย)  แต่คนปลายสาย...กลับตอบด้วยเสียงสะอึกสะอื้นจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง  แต่จงอินก็พอจับใจความได้บ้างและรู้สึกตกใจไม่ใช่น้อย


                “เจ๊...ใจเย็นๆก่อน!!  เป็นอะไร?  ค่อยๆพูด...หายใจลึกๆ”  ลุกขึ้นนั่งหลังตรงและพยายามถามถึงสาเหตุที่พี่ชายต่างแม่โทรมาร้องห่มร้องไห้อยู่ที่ปลายสาย


                (ฮึกกก!...ชานยอลมันโกรธกู  ฮือออ!!!  มันเอาชุดนอนตัวใหม่ของกูไปเผาทิ้ง  แล้วก็  ฮึกกก!!  เอาหมอนกับผ้าห่มไปนอนที่โรงงาน  ฮืออออ...มันไม่ยอมคุยกับกู  ฮึกกก!!)  ร้องไห้มาพักใหญ่...เพราะเพิ่งทะเลาะกับสามีไปเมื่อชั่วโมงก่อน  แบคฮยอนจึงรู้สึกเหงา  และผู้เป็นน้องก็คือคนคนเดียวที่พึ่งพาได้ในตอนนี้  


                “ผมอยู่ที่บ้านน้องปลา  เจ๊อย่าร้องไห้สิ  เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปหา  เจ๊รอผมแป้บนึงนะ”  จากนอนเปลี่ยนมาเป็นนั่ง  จากนั่งเปลี่ยนมาเป็นเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องนั่งเล่น  เพราะรู้สึกเป็นห่วงพี่ชายที่เอาแต่ร้องไห้และบอกให้เขารีบกลับไปอยู่ด้วยกัน


                (ฮืออออ!!!  รีบกลับมานะจงอิน  กูจะรอ...แล้วคืนนี้มึงต้องมานอนกับกูด้วย  ฮึกก!!!...กูไม่อยากนอนคนเดียว)


    ติ๊ดด!!


              เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิมเมื่อถูกพี่ชายตัดสายสนทนา...และตอนนี้คนที่เครียดพอๆกับคริสก็คือเจ้าของบริษัทบ้านปลา  อุตส่าห์ดีใจเรื่องที่ตัวเองจะได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มของแฟนเด็กให้เต็มที่  แต่กลับกลายเป็นว่าคืนนี้เขาต้องไปนอนเป็นเพื่อนแบคฮยอนเพราะถูกขอร้องเอาไว้  ร่างสมส่วนทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอีกครั้งพร้อมคิดหาทางแก้ไขกับทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้น  จะทำอย่างไร...ให้พี่ชายคืนดีกับสามี  และเขาไม่อยากกลับไปเห็นน้ำตาของคนที่โทรมาร้องห่มร้องไห้เมื่อครู่  รวมถึงไม่อยากปล่อยให้น้องปลาต้องนอนอยู่ในห้องของเขาเพียงลำพัง  


    ปังงงงงงง!!!! 

    ตึ้งง ๆ ๆ!!!!!


                “พี่คริสจ๋าาา...พี่คริสจ๋าอยู่ไหน?!!  คุณคิมมมมม  คุณคิมกลับไปหรือยัง....รอหนูด้วยยยยย?”


                ลูกชายคนเล็ก...ของบริษัทมีปลาตื่นขึ้นในช่วงที่พระอาทิตย์หมดหน้าที่  และพอสายตาเริ่มปรับให้คุ้นชินกับแสงที่อยู่ภายในห้อง  เจ้าตัวก็รีบลุกออกจากเตียงกว้างแล้วเปิดประตูวิ่งลงมาข้างล่างด้วยความตกใจ  เจ้าของอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นหายไปไหน  นัดคุณคิมเอาไว้ว่าจะไปทานไอศกรีมด้วยกันก็เผลอหลับไปจนได้  และเสียงโครมครามบนชั้นสองของบ้าน  เสียงเรียกชื่อของรุ่นพี่คนสนิท  เสียงหวานที่เอ่ยตามหาตัวเขาก็ทำให้จงอินต้องรีบออกมาจากห้องนั่งเล่นก่อนที่น้องปลาจะวิตกกังวลมากไปกว่านี้  


                “น้องปลาครับ...คุณคิมอยู่นี่!”  เกือบเรียกไว้ไม่ทัน  เพราะปลาตัวน้อยของเขากำลังเปิดประตูบ้านแล้ววิ่งออกไปด้านนอก  


                “คุณคิมมมม....ของหนู”  โถมร่างกาย...โอบกอดคนตรงหน้าเอาไว้ด้วยความดีใจ  เพราะเจ้าตัวคิดว่าจงอินคงกลับบ้านไปนานแล้ว 


                “หายเหนื่อยหรือยังครับเด็กดี...ถ้าหายเหนื่อยแล้วเรารีบกลับบ้านกันเถอะ”  ด้วยความเป็นห่วงพี่ชาย...จงอินจึงรีบดึงร่างคนในอ้อมกอดออกมาจากบ้านโดยไม่ทันได้คิดว่าการกระทำเช่นนั้นมันส่งผลให้คนที่เพิ่งตื่นรู้สึกตกใจอีกครั้ง  


                “ดะ...เดี๋ยวฮะคุณคิม!!!  วันนี้วันพุธนะฮะ  หนูจะไปอยู่บ้านคุณคิมได้ยังไง?”  รีบดึงมือออกจากการเกาะกุม  แล้วยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูบ้านเพราะเหมือนตัวเองกำลังถูกชุดกระชากลากถูมากกว่าการพากลับอยู่ไปด้วยกัน  แถมวันนี้...ก็ยังไม่ใช่วันของพวกเขา  


                “พี่ขอโทษนะครับน้องปลา  พอดี..เอ่อออ   ที่โรงงานมีปัญหานิดหน่อย  พี่ก็เลยรีบ”  ก้าวขา...เข้าไปหาเด็กน้อยช้าๆ  แล้วโอบกายคนเสียขวัญเอาไว้อย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของน้องปลา


                “ไม่เป็นไรฮะ...แต่คุณคิมอย่าทำแบบนี้อีกนะฮะ  หนูกลัว  แล้วทำไมคืนนี้หนูต้องไปอยู่บ้านคุณคิมด้วยล่ะ  แล้วพี่คริสจ๋าไปไหน  พรุ่งนี้หนูมีเรียนพิเศษด้วยนะฮะ  แล้วใครจะทำงานแทนหนู  แล้วโรงงานของคุณคิมมีปัญหาอะไรเหรอฮะ??”  เหมือนจะเป็นวันที่มีแต่คำถามเพราะทุกอย่างที่พูดมันคือสิ่งที่เขาสงสัย  และยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่อีกมากมาย  การที่พี่ชายป่วยมันทำให้น้องปลาต้องทำงานแทนอี้ชิงอยู่หลายอย่าง  แถมพรุ่งนี้ตอนบ่ายก็มีเรียนพิเศษกับคุณครูคนโปรดอีกด้วย  


                “โอ้โห...ถามเยอะแบบนี้พี่คงต้องพาน้องปลาเข้าไปคุยกันในบ้านแล้วมั้ง”  


    ...



    ...



    ...



    ...



    ...



     

                ใช้เวลาอธิบายอยู่พักใหญ่...น้องปลาก็เข้าใจทุกอย่างและขอตัวขึ้นมาไปหยิบการบ้านบนห้อง  ส่วนจงอินก็ออกไปสตาร์ทรถรอเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา  รวมถึงรู้สึกเป็นห่วงพี่ชายต่างแม่ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะหยุดร้องไห้แล้วหรือยัง  มือบาง...คว้ากระเป๋าใบโปรดแล้วหยิบสมุดการบ้าน  กล่องดินสอและของใช้ที่จำเป็นใส่ลงไปในเป้ด้วยความดีใจ  แต่ลึกๆข้างในก็อดเป็นห่วงคนป่วยไม่ได้เหมือนกันเพราะตั้งแต่ตอนเที่ยงจนถึงเวลานี้ก็เกือบสองทุ่ม  เขาก็ยังไม่ได้เข้าดูอาการของอี้ชิงเลยสักครั้ง  แถมช่วงหัวค่ำยังเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว  


    ก๊อก ๆ ๆ!!

    แกร๊กก!!!


              คนเป็นน้อง...เคาะประตูห้องของพี่ชายเบาๆและเปิดออกเพราะอยากทราบว่าคนป่วยหายดีหรือยัง  รวมถึงต้องการบอกให้พี่ๆทั้งสองคนทราบว่าเขากำลังจะไปแล้ว  ขาเรียวในกางเกงสีหวาน...เดินเข้ามาด้านในเมื่อเห็นว่าห้องมันเงียบผิดปกติ  และไฟในห้องก็ถูกเปิดไว้แค่ตรงตัวเตียง  ไม่มีร่างของใครนอนอยู่ทั้งนั้นเมื่อน้องปลาลองพลิกผ้าห่มผืนโตบนที่นอน  คนป่วยหายไปไหน?  พี่เขยทราบเรื่องนี้เปล่า??  และเสียงน้ำที่ไหลออกมาจากฝักบัวแล้วกระทบลงบนพื้นกระเบื้องก็เหมือนจะเป็นคำตอบให้กับเด็กขี้สงสัย  แต่!!!ถ้าเป็นเสียงของน้ำเพียงอย่างเดียวในห้องตรงหน้ามันก็คงจะไม่เกิดคำถามขึ้นมาอีกครั้ง  น้องปลาเอาหูแนบไปกับแผ่นไม้บานใหญ่แล้วตั้งใจฟังในสิ่งที่อยู่หลังประตูบานนี้  


                “อ๊ะ!!  อ๊ะ  พะ...คริส  อ๊ะ!  เร็วอีกก”


              “ซี๊ดดดดด...น้องอี้  พร้อมกันนะครับ  อื้มมม”


              “แรงๆเลยพี่คริส  มันจะ  อะ...ออกแล้ว  อ๊ะ!!”


              “อื้มมมม...แม่งงง  ซี๊ดดดด  อ่าห์!!”


                เด็กน้อย...ที่ไม่รู้ว่าเสียงแบบนั้นมันคืออะไร  แต่ก็พาให้ขนลุกไปทั้งตัวและรู้สึกปวดตึงที่ฉลามน้อยอย่างไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  พี่อี้ของเขาเป็นอะไร??  แล้วคริสจ๋าเข้าไปอยู่ในนั้นทำไม??  อะไรจะออก??  ทำแรงๆคือทำสิ่งใด??  น้องปลาเดินกลับมานั่งที่ปลายเตียงด้วยความรู้สึกที่ตีรวนกันจนแยกไม่ออก  มือบางลูบหน้าขาของตัวเองสลับกับบีบนวดเพราะส่วนอ่อนไหวมันตึงคล้ายกับจะปวดปัสสาวะ  แต่ก็ไม่แน่ใจ  ใบหน้ามันเห่อร้อน  เหงื่อเริ่มซึมตามไรผม  ใจเต้นตึกตักจวนจะหลุดออกมานอนอก  และ... 


    แกร๊กก!!! 


                “นะ...น้องปลา  เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?  แล้วยังไม่ไปบ้านจงอินอีกเหรอ?!!”  เจ้าของเสียงแปลกๆทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องน้ำ  และก็เป็นคริสที่เอ่ยทักทายน้องปลาเพราะอี้ชิงเอาแต่ก้มหน้าทิ้งสายตาไว้ที่พื้น


                “กำลังจะไปแล้วฮะ...แต่แวะเข้ามาดูพี่อี้ก่อน  แล้วพี่อี้เป็นยังไงบ้างฮะ  หนูเป็นห่วง  แล้วพี่คริสจ๋าเข้าไปทำอะไรในห้องน้ำเหรอฮะ  แล้วทำไมพี่อี้ถึงตัวแดงแบบนี้ล่ะ  มดกัดเหรอฮะ???”  ความรู้สึกอึดอัดในส่วนนั้น...ถูกแทนที่ด้วยความสงสัยเมื่อเสื้อคลุมอาบน้ำของพี่ชายมันหลุดไหล่จนเผยให้เห็นผิวเนื้อที่เคยขาวเนียนเปลี่ยนเป็นรอยแดงเหมือนโดนสัตว์มีพิษกัดจนเป็นรอย  


                “พี่เข้าไปอาบน้ำให้พี่อี้ค่ะ  พี่อี้ป่วย...ก็เลยอาบน้ำเองไม่ไหว  แต่ครีมอาบน้ำที่พี่คริสจ๋าเพิ่งซื้อมาใหม่มันทำให้พี่อี้แพ้  ก็เลยยยย...เป็นอย่างที่น้องปลาเห็น”  ยิ่งกว่ารอยแดงบนตัวภรรยาก็คงเป็นสีหน้าของสามี  เพราะแถไปเรื่อยจนความอายมันเริ่มเก็บซ่อนเอาไว้ไม่อยู่  และไม่กล้าพูดเรื่องจริงเนื่องจากน้องปลายังเด็กเกินจะทราบเรื่องของผู้ใหญ่ 


    ฟอดดด!!

    ฟอดดด!!

     

              “หายเร็วๆนะฮะพี่อี้...หนูรักพี่อี้นะฮะ  แล้ววันอาทิตย์เจอกัน”  เมื่อหมดข้อสงสัย...น้องปลาจึงกล่าวลาพี่ๆพร้อมหอมแก้มคนป่วยเพื่อเป็นกำลังใจ  มือบางโบกไปมา...ก่อนปิดประตูห้องแล้วรีบวิ่งลงไปหาจงอินที่ตอนนี้สตาร์ดรถรออยู่นานแล้ว


                








     

     







    บริษัท  บ้านปลา

    22.17 น. 


    VROOMMM!!!

     

                รถสีดำคันใหญ่...จอดลงด้วยความเร่งรีบเมื่อเดินทางกลับมาถึงบ้านโดยมีปลาตัวน้อยติดรถมาด้วย  แต่กว่าจะเดินทางมาถึงมันก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควรเพราะระยะทางของทั้งสองบ้านมันค่อนข้างไกลกัน  มือหนาเปิดประตูรถและเรียกลูกน้องออกมาช่วยขนย้ายสัตว์น้ำทั้งหมดไปแยกไว้ที่ห้องปลอดเชื้อ  ใช่ว่าไม่มีงาน  แต่เวลานัดหมายในการติดตั้งตู้ปลาคือสัปดาห์หน้า งานของจงอินจึงไม่ค่อยรีบเท่าไหร่  แต่สิ่งที่ต้องรีบทำในตอนนี้ก็คือการเข้าไปเคลียร์ปัญหากับพี่เขยตัวแสบในโรงงานที่บังอาจมาทำให้พี่ชายของเขาร้องไห้  แถมยังถูกทิ้งให้นอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง  


                “น้องปลาขึ้นไปบนห้องก่อนนะครับ...ถ้าง่วงก็อาบน้ำนอนได้เลย  ไม่ต้องรอพี่”  อุ้มแฟนเด็กลงมาจากรถ...เพราะเจ้าตัวหลับมาตลอดทางทั้งๆที่เพิ่งนอนไปเมื่อตอนหัวค่ำ  แต่ก็เข้าใจว่าน้องทำงานเหนื่อยมาทั้งวันและอาจจะยังรู้สึกเพลีย


                “แล้วคุณคิมจะไปไหนเหรอฮะ...มันดึกแล้วนะ  เราไปนอนกันเถอะ”  รีบกอดคอจงอินเอาไว้เพราะไม่อยากถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้อง  ถ้าเป็นตอนกลางวันหรือเป็นเวลาที่ท้องฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี  น้องปลาจะไม่กลัวเท่านี้เลย  แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว  และควรเป็นเวลาของการพักผ่อน


                “พี่จะเข้าไปดูความเรียบร้อยในโรงงานครับ...น้องปลาอย่าดื้อนะครับ  แล้วพี่จะรีบขึ้นไปหา”  โดนอ้อนจนไปไหนไม่ได้มาครึ่งค่อนวัน  แต่ปัญหาของจงอินตอนนี้มันทำให้เขาไม่สามารถตามใจเด็กน้อยตรงหน้าได้จริงๆ  เพราะถ้าไม่เคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้จบภายในคืนนี้  เขาคงไม่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มของแฟนเด็กและต้องไปนอนกับพี่ชายต่างแม่อย่างที่ให้สัญญากันไว้

     

    จุ้บบ!!


                “รีบมานะฮะคุณคิม...หนูจะรอ”  จูบปากหยักเพียงแผ่วเบา  แล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันทีเพราะรู้สึกอายที่ตัวเองลืมไปเลยว่าจงอินต้องกลับมาจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงงาน  ขอโทษที่เอาแต่ใจตัวเองมากไปหน่อยและดีที่คุณคิมไม่โกรธ 


    ฮิ้วววววววววววววววววว!!!!


            เสียงโห่ร้อง...ของลูกน้องที่กำลังขนย้ายปลาอยู่ท้ายรถดังขึ้นเมื่อเห็นภาพที่เด็กน้อยคนโปรดจูบปากลูกพี่ของตัวเอง  จงอินได้แต่ส่ายหัวไปมาเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายแล้วรีบเดินเข้าไปในโรงงานทันทีเพราะไม่อยากถูกพวกปากหมาแซวไปมากกว่านี้  ขายาวสมส่วน....ก้าวด้วยความเร่งรีบและพบตัวต้นเหตุยืนอยู่ที่หน้าห้องจัดซื้อ  


                “ชานยอลลล!!!...ไปคุยกับกูที่ห้องรับรองหน่อยดิ่”  ตะโกนบอก...พร้อมชี้มือไปที่ห้องฝั่งตรงข้ามทันทีเพราะตอนนี้เวลาของจงอินมันมีค่าทุกนาที  และถ้ายังเคลียร์ปัญหาไม่ได้ก็ต้องทำทุกวิถีทางให้มันจบลงด้วยดี  


                ส่วนคนถูกเรียกตัว...ก็ใช่ว่าไม่ทราบว่าถูกเรียกมาเพื่อการใดเพราะทุกครั้งที่เขามีปัญหากับภรรยา  ห้องที่ใช้รับรองลูกค้าที่บริษัทก็มักจะเป็นที่ที่ใช้ไต่สวนหรือเค้นหาคำตอบกับทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับเขา  แต่สำหรับปัญหาในวันนี้... มันคงไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยเคลียร์อะไรอีกแล้วเนื่องจากไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขาเพิ่งขึ้นไปปรับความเข้าใจกับภรรยาบนห้องนอน  และป่านนี้...การง้องอนมันคงทำให้พี่ชายของจงอินหลับไปจนถึงเช้า  ยกที่หนึ่งของการง้อ...จบลงที่เตียง  ยกที่สองของการขอโทษ...จบลงที่โต๊ะเครื่องแป้งและยกที่สามของการอภัย...มันต้องไปจบที่นอกระเบียง


                “ถ้ามึงจะคุยกับกูเรื่องเจ๊แบค...กูบอกเลยว่าไม่ต้อง  เพราะกูเข้าใจกันแล้ว”


                “ไอ้สัด!!...กูก็เป็นห่วงแทบแย่  เจ๊แม่งโทรไปร้องไห้เหมือนมีใครตาย  แล้วตกลงมึงทะเลาะกันเรื่องอะไร?”


                “มึงจำลูกชายของเพื่อนพ่อมึงได้ไหม??  ที่ชื่อ จุนกิ  จุนแกะ  อะไรสักอย่าง”


                “เออ...จำได้  ลูกของคุณอาซูมาน”


                “นั้นแหละ!!...แม่งเสือกส่งชุดนอนลายโปเกม่อนมาให้เมียกูเมื่อตอนบ่าย  ไอ้แทมินมันเป็นคนไปรับพัสดุ”


                “มึงอย่าบอกนะ...ว่ามึงหึงพี่กูแล้วพาลไปเผาชุดนอนตัวใหม่ของมัน?!!”


                “เออดิ...แล้วมึงจะทำไม?”


                “มึงแม่งก็บ้า  กะอีแค่ชุดนอนตัวเดียวมึงก็หึง  ไอ้ปัญญาอ่อน!!!


                “ถ้าพี่มึงไม่แกะมาใส่แล้วยืนยิ้มแป้นอยู่หน้ากระจก  กูคงไม่เผาชุดนอนมันทิ้งหรอก  รู้ทั้งรู้ว่ากูไม่ชอบ  แต่ยังเสือกทำ”


                “ถ้าพี่จุนกิเอาชุดนอนมาให้ด้วยตัวเอง  มึงไม่จุดไฟเผาพี่เค้าเลยเหรอวะ?”


                “มึงอยากเห็นไหมล่ะ...มึงโทรเรียกมันมาดิ  กูจะจุดไฟเผาแล้วกระโดดถีบแม่งออกนอกบ้านให้ดู”


                “สัด!!....เสียเวลาทำมาหากินฉิบหาย  ปัญญาอ่อน!!!


                “เอออออ!!!...ด่ากูเข้าไปเถอะ  ถึงคราวน้องปลาทำให้มึงหึงบ้างแล้วจะรู้สึกกกกกกกก”


    ปังงง!!! 


                รีบเดินออกมาจากห้องรับรอง...แล้วปิดประตูด้วยความหงุดหงิด  โดยไม่ฟังเสียงบ่นของชานยอลที่ยังคงดังก้องอยู่ในห้องห้องนั้น  อุตส่าห์เป็นห่วงเพราะคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ  เนื่องจากเสียงร้องไห้ของพี่ชายมันฟังดูเป็นทุกข์และเศร้าจนเกือบจะร้องตาม  แต่พอมารู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น  จงอินก็แทบอยากจะฆ่าพี่เขยของตัวเองให้ตายคามือเพราะรู้สึกเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ควรเอามาเป็นปัญหา  ตีกันได้ทุกวัน  ทะเลาะกันได้ทุกที่และเขาก็ไม่เคยเข้าใจความรักของสามีภรยาคู่นี้เลยสักครั้ง  

     

                ก่อนเดินกลับขึ้นมาบนชั้นสองของบ้าน...จงอินก็แวะเข้าไปดูเจ้าพวกหางสวยในห้องปลอดเชื้อว่าลูกน้องทำไว้เรียบร้อยดีแล้วหรือไม่  และเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องและครบถ้วนก็รีบกลับขึ้นไปที่ห้องของตัวเองทันที  นาฬิกาข้อมือ...ถูกยกขึ้นเพื่อดูเวลาแล้วค่อยๆเปิดประตูห้องด้วยความระมัดระวังเพราะเกรงว่าจะรบกวนคนด้านในที่อาจหลับไปแล้วเนื่องจากเวลาตอนนี้คือเที่ยงคืน  แต่!!ร่างน้อยๆในชุดนอนหลายเป็ดสีเหลืองที่กำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะทำงานของเขากลับสร้างความประหลาดใจให้จงอินได้ไม่น้อย


                “น้องปลาทำอะไรอยู่ครับ...ทำไมยังไม่นอนอีก”  มือหนา...กดแรงลงบนไหล่ลาดทั้งสองข้างเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้แฟนเด็ก  และไม่เข้าใจว่าน้องกำลังทำอะไรเพราะวันนี้เจ้าตัวก็นั่งทำงานมาทั้งวัน  แล้วตอนนี้ก็ยังนั่งจดอะไรยุกยิกอยู่ในสมุด


                “ทำการบ้านอยู่ฮะ  หนูนอนไปเยอะ  ก็เลยไม่ง่วง...แล้วก็รอคุณคิมมานอนพร้อมกันด้วยฮะ”  เงยหน้าที่เต็มไปด้วยแป้งฝุ่นขึ้นมาตอบคำถาม  พร้อมส่งยิ้มหวานให้คนด้านบนจนตาหยีเหมือนรูปพระจันทร์เสี้ยว


    ฟอดดดดดดดดดด!!! 


                “ชื่นใจจังเลยครับ...แฟนใครน้าาา  หอมที่สุด  น่ารักที่สุด”  อดใจไม่ไหว...เพราะถูกปลาตัวน้อยอ้อนมาทั้งวันแล้วยังมาทำหน้าตาน่าหยิกแบบนี้อีก  จงอิน...ก้มกายส่งจมูกทู่ที่เป็นเอกลักษณ์ฟัดแก้มกลมๆที่เต็มไปด้วยแป้งอย่างนึกมันเขี้ยว  และ.....


                “แฟนคุณคะ...คิม  อ๊ะ!!  อื้มมม”  พูดยังไม่ทันจบประโยค  ร่างน้อยๆในชุดนอนลายเป็ดสีเหลืองก็ถูกเจ้าของห้องอุ้มมาวางบนเตียงกว้างอย่างเร่งรีบและป้อนจูบที่แสนอ่อนโยนให้ทันที


                ความอดทน...ของคิมจงอินได้หมดลงแล้ว  เพราะตั้งแต่ถูกกอด  ถูกอ้อน  ถูกจูบ  ถูกความน่ารักโจมตีตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้านของน้องปลาจนถึงตอนนี้ก็ยิ่งพาให้ใจกระเจิดกระเจิงได้มากกว่าวันไหนไหน  และการที่ร่างนุ่มนิ่มนอนทอดกายอยู่บนเตียงกว้าง  แล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาคล้องคอของเขาเอาไว้พร้อมเอียงใบหน้าเพื่อรับสัมผัสด้วยความร้อนแรงที่เพิ่มมากขึ้นมันก็เหมือนเป็นการสาดน้ำมันลงไปกองเพลิงแห่งอารมณ์  แต่.....


                “อื้มมมม...จูบเก่งขึ้นเยอะเลยนะครับเด็กดี”  ถอนจูบ...ออกจากรสสัมผัสที่โหยหาเพราะทราบดีว่าคนใต้ร่างเริ่มหายใจไม่ทัน  


                “จริงเหรอฮะ...แล้วคุณคิมชอบไหมฮะ”  รีบลดมือจากที่โอบรอบคอของจงอินเอาไว้ในตอนแรก  แล้วเอามาปิดใบหน้าของตัวเองด้วยความเขินอาย  รวมถึงไม่กล้าสบตาสายคมที่เอาแต่จ้องจนพาให้ใจมันสั่นไปหมด  


                “ชอบครับ...คุณคิมชอบที่สุด”  ยกยิ้มอย่างร้ายกาจและดึงมือเรียวสวยข้างหนึ่งออกจากใบหน้านวลขึ้นมาจูบซ้ำๆอย่างไม่รู้เบื่อ


                “ปะ...ไปอาบน้ำได้แล้วฮะคุณคิม  หนะ...หนูง่วงแล้วฮะ”  พูดไม่ค่อยเต็มเสียงแถมยังพลิกกายนอนตะแคงเพื่อหนีหน้าคมเข้มพร้อมหลับตาแน่น


                “โอเคครับ...เดี๋ยวพี่จะรีบอาบแล้วกลับมานอนด้วยนะครับคนเก่ง”  ก้าวขาลงจากที่นอน  แล้วคว้าผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันทีโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเด็กน้อยกำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย  


    ครืดดดด!!! 


              เมื่อเสียงของประตูบานเลื่อนห้องน้ำถูกปิดลง...น้องปลาจึงลุกขึ้นนั่งและใช้มือถูหน้าขาของตัวเองไปมาเพราะกำลังรู้สึกอึดอัดตรงส่วนกลางลำตัว  มันเป็นอาการเหมือนตอนที่ได้ยินเสียงแปลกๆในห้องน้ำของพี่ชาย  แต่ทำไมครั้งนี้มันถึงเกิดจากการที่เขาจูบกับคุณคิม???   มันเกิดอะไรขึ้น???  มันเป็นผลจากเรื่องใดกันแน่???  แล้วมีทางแก้ไขหรือไม่???  น้องปลาไม่ชอบเลยเพราะรู้สึกไม่เข้าใจตัวเองและไม่เข้าใจอารมณ์ต่างๆที่แยกแยะไม่ออก  จะปวดฉี่ก็ไม่ใช่  จะปวดหนักก็ยิ่งไม่ใช่เข้าไปอีก  ดวงตาคู่สวย...เริ่มมีน้ำสีใสมาหล่อเลี้ยงมากขึ้นเพราะกำลังอดทนอดกลั้นต่อความรู้สึก  และ!!ดูเหมือนว่าจะทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว   


    ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!


                “คุณคิมมม...อาบน้ำเสร็จหรือยังฮะ  หนูอยากเข้าห้องน้ำ”  รีบลุกออกจากที่นอน  และใช้มือข้างหนึ่งเคาะประตู  ส่วนอีกข้างก็กำกางเกงนอนของตัวเองไว้  และตะโกนถามคนที่อยู่ด้านในว่าทำธุระเสร็จหรือยังเพราะตอนนี้มันอดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ  


                คิดว่า...ถ้าได้เข้าไปนั่งปลดทุกข์ในห้องน้ำมันอาจช่วยทุเลาความรู้สึกอึดอัดลงได้บ้าง  โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันไกลเกินกว่าความเป็นจริงมากนัก  ส่วนคนที่อยู่ในห้องน้ำ...เมื่อได้ยินเสียงหวานร้องเรียก  เขาก็รีบคว้าผ้าขนหนูพันรอบเอวแล้วเดินออกมาด้านนอกทันทีทั้งๆที่ร่างกายมันยังไม่ได้โดนน้ำสักหยดเพราะเพิ่งจัดการกับฉลามเพชฌฆาตเสร็จได้ไม่นาน  แต่...ร่างกายที่สมส่วนกับซิกแพกได้รูปที่เปิดประตูออกมายืนอยู่ตรงหน้ามันก็พาให้ความอึดอัดของเด็กน้อยมีมากจนเกินจะเก็บซ่อนอาการ    


                “น้องปลาเป็นอะไรครับ...บอกพี่มาเดี๋ยวนี้!!”  ถามด้วยท่าทีร้อนรนเมื่อเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับน้องปลา  การยืนกุมเป้ากางเกงพร้อมดวงตาฉ่ำปรือเหมือนกำลังจะร้องไห้มันทำให้จงอินเริ่มเป็นกังวล


                “คะ...คือออ  เอ่อออ หนะ...หนู  หนู”  พูดไม่ออกเพราะเมื่อเห็นอกกว้าง  หน้าท้องแกร่งและร่างกายที่สมส่วนสีน้ำผึ้งยืนอยู่ต่อหน้า  ความเห่อร้อน  ความอึดอัด  ความปวดตึงในส่วนนั้นก็คล้ายจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่เข้าใจความผิกปกติของตัวเอง  


                “น้องปลาไม่ต้องกลัวนะครับ  คุณคิมของหนูอยู่ตรงนี้แล้ว...หนูเป็นอะไร  บอกคุณคิมหน่อยได้ไหมครับ”  มือหนา...เชยคางเด็กที่เอาแต่ก้มหน้าให้เงยขึ้นมาเอ่ยตอบความสงสัยของเขา  แต่ยิ่งถามก็เหมือนน้องจะยิ่งร้องไห้เพราะดวงตาทั้งสองข้างมันเริ่มแดงมากกว่าเมื่อครู่


                “หนะ...หนู  อึดอัดตรงนี้ฮะคุณคิม  มันเป็นอะไรก็ไม่รู้  มะ...มันเหมือนปวดฉี่  แต่หนู  เอ่ออ  หนูบอกไม่ถูกฮะ”  ชี้นิ้ว...ไปที่ส่วนน่าอายเพราะมันอัดอัดมากๆ  แถมยังไม่สามารถบอกอาการที่เป็นอยู่ได้ละเอียดมากกว่านี้เนื่องจากไม่รู้จะอธิบายเช่นไร 


                เป็นการดูแล...ที่เหมือนจะเกินหน้าที่ไปมาก  แต่ก็ต้องทำและเข้าใจดีว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับร่างกายของเด็กน้อย  มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ  ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว  และไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันไปตามธรรมชาติของผู้ชายทุกคน  ถ้าน้องปลาได้ไปโรงเรียนเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ  เจ้าตัวอาจไม่ต้องเอ่ยขอความช่วยเหลือจากเขาและอาจเข้าใจทุกอย่างด้วยวิชาที่มีหลักสูตรในการสอนตามสถานบันการศึกษา  จงอิน...จูงมือผู้ที่ไร้เดียงสาเดินเข้ามาในห้องน้ำพร้อมเริ่มสอนในสิ่งที่วัยอย่างน้องปลาควรทราบ


                “น้องปลาครับ...พี่รู้แล้วนะครับว่าน้องปลาเป็นอะไร  แต่น้องปลาต้องไม่กลัว  แล้วก็ไม่ต้องอายด้วยนะครับ  พี่จะเป็นคนช่วยเอง  ตกลงไหม??”


                “ตะ...ตกลงฮะ  แล้วหนูต้องทำยังไงเหรอฮะคุณคิม”


                “น้องปลาเข้าไปนั่งรอพี่ในอ่างอาบน้ำเลยครับ...แต่ไม่ต้องเปิดน้ำนะครับ”


                เด็กน้อย...ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย  แต่คุณครูจำเป็นกลับต้องไปยืนเรียกสติของตัวเองอยู่หน้ากระจก  พยายามจะควบคุมหัวใจให้เต้นเป็นปกติ  พยายามจะควบคุมการกระทำให้อยู่ในหน้าที่ที่ถูกร้องขอความช่วยเหลือ  แต่...ถ้ามันเกินจะควบคุมก็จะพยายามยับยั้งไม่ให้เกิดเรื่องเกินเลยไปจนถึงการพรากผู้เยาว์  ร่างสมส่วน...ก้าวขาเข้าไปในอ่างอาบน้ำเมื่อคิดว่าตัวเองมีสติครบถ้วนและให้เด็กน้อยนอนพิงอกของเขาเอาไว้  จงอินจับมือทั้งสองข้างของน้องปลาก่อนล้วงเข้าไปในกางเกงนอนลายเป็ดสีเหลืองและเริ่มขยับส่วนที่อึดอัดอย่างช้าๆ  


                “น้องปลาครับ...ค่อยๆขยับมือขึ้นลงแบบนี้นะครับ  ไม่ต้องอาย”


                “อื้อออ (>.<)  ทะ...ทำไมต้องทำแบบนี้ดะ...ด้วยฮะ”


                “จะได้หายอึดอัดไงครับ...น้องปลาเชื่อพี่นะครับ  ไม่ต้องกลัว”


                “ฮะ....อื้อออออ”


                ยอมรับว่าอายในสิ่งที่ตัวเองกำลังถูกสอน...เพราะตั้งแต่เกิดมาจนตอนนี้อายุ 16 ปีก็ไม่เคยให้คนอื่นมาแตะต้องหรือเห็นส่วนนั้นของตัวเองเลยสักครั้งนอกจากคนในครอบครัว  และยิ่งขยับมือขึ้นลงนานเท่าไหร่  ความอายก็ยิ่งมีมากขึ้นเป็นเท่าตัว  แถมยังรู้สึกวูบวาบในช่องท้องจนต้องจิกปลายนิ้วเท้าลงบนอ่างอาบน้ำ  ส่วนคุณครูจำเป็นอย่างคิมจงอิน...ก็เริ่มปล่อยมือของตัวเองเพื่อให้น้องปลาได้ทำทุกอย่างไปตามอารมณ์  และเพื่อให้เข้าใจถึงสภาพร่างกายว่าควรทำเช่นไรต่อไป  แม้ความอึดอัดภายใต้ผ้าขนหนูสีขาวของเขามันอยากจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้งก็ตามที


                “คะ...คุณคิมฮะ  ซี๊ดดด!!  ฉี่จะราดแล้วฮะ  หนูอยากไปนั่งที่โถส้วม  อื้อออ!!  ดะ...เดี๋ยวชุดนอนเลอะ  ซี้ดดดด!


                “ปล่อยออกมาเลยครับน้องปลา...ไม่ต้องกลัวนะครับ  เดี๋ยวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก็ได้  ปล่อยมาเลย!!”


                เสียงก็น่าอาย  การกระทำก็น่าอาย  แต่ทุกอย่างก็ยากเกินควบคุม  ยิ่งขยับส่วนนั้นบ่อยขึ้น  นานขึ้น  เร็วขึ้นมันก็ยิ่งไม่เข้าใจความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้เลยสักนิด  เหมือนจะปวดปัสสาวะก็ไม่เชิงและเกรงว่าชุดนอนจะเปื้อน  เด็กน้อยจึงพยายามลุกออกไปจากอ่างอาบน้ำ  แต่ก็ถูกเจ้าของอกกว้างดึงรั้งเอาไว้  มือหนาประคองเอาคอดด้วยแรงที่มากขึ้น  เพราะทราบดีว่าเด็กในอ้อมกอดกำลังจะถึงช่วงสุดท้ายของทุกความรู้สึก  แผ่นหลังแอ่นโค้ง  เงยใบหน้าจิ้มลิ้มและกัดปากเอาไว้จนเกรงว่ามันปริแตก   


                “อื้ออออ  ซี๊ดดดด!!  คะ...คุณคิมช่วยหนูด้วย  หนูไม่ไหวแล้ว  อ๊ะ!


                ปากคม...รีบป้อนจูบให้คนที่เริ่มจะถึงขีดสุด  เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกต่างๆมันพาลให้เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บ  จงอินพลิกร่างน้อยๆให้นอนราบลงไปกับอ่างอาบน้ำ  แล้วช่วยขยับความต้องการก่อนที่น้องปลาจะหมดแรง  เสียงหายใจถี่รัวดังก้องอยู่ข้างหูเมื่อทุกห่วงอารมณ์ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด  เข้าใจแล้วว่ามันใช่การปวดปัสสาวะและของเหลวที่เปรอะเปื้อนอยู่บนหน้าท้องกับมือทั้งสองก็คือคำตอบ  รู้สึกสบายตัวขึ้นมาทันทีรวมถึงความอึดอัดที่เป็นมาก่อนหน้านั้นก็หายไปด้วยเช่นกัน  อ้อมกอดน้อยๆ...โอบกายของคุณครูจำเป็นเอาไว้เมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ  ใบหน้าขวยเขิน...ซบลงไปบนแผ่นอกเปลือยเปล่าและพยายามควบคุมการหายใจให้กลับมาเป็นปกติ  


                “เป็นยังไงบ้างครับน้องปลา...หายอึดอัดหรือยังครับ??”


                “หายแล้วฮะ  ตะ...แต่ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะฮะ  แล้วคุณคิมเคยอึดอัดแบบหนูไหม”


                “เคยครับ...แล้วพี่ก็ต้องทำแบบน้องปลานี่แหละ”


                “จริงเหรอฮะ  ตะ...แต่ว่ามันน่าอายมากเลย  แล้วตอนที่คุณคิมอึดอัดใครเป็นคนช่วยสอนเหรอฮะ??”


                “คุณพ่อเป็นคนสอนพี่เองครับ  น้องปลาจำคุณลุงใจดีได้ไหม? "


                “จำได้ฮะ...แต่หนูไม่ได้เจอคุณลุงใจดีมาหลายเดือนแล้วนะฮะ  คุณลุงใจดีหายไปไหนก็ไม่รู้?”


                “คุณลุงใจดีชอบหนีเที่ยว  แล้วก็ไม่ยอมกลับบ้าน”


                “เหมือนพ่อของหนูเลยฮะ...พ่อหนูก็หนีไปเที่ยวเหมือนกัน  หนูคิดถึงพ่อจังเลยฮะ”


                เป็นแฟนกันต้องไม่โกหก  แต่ครั้งนี้...มันจำเป็นต้องทำเพราะถ้าจะให้พูดเรื่องจริงว่าใครเป็นคนสอนเรื่องแบบนี้ให้เขา  จงอินคงดูเหมือนพวกโรคจิตไปในทันที  การระบายความอึดอัดครั้งแรก...มันเกิดจากการดูคลิปวาบหวิวที่เพื่อนๆเอามาให้ดูในช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น  ส่วนเด็กน้อยที่หมดความสงสัยในทุกๆเรื่องก็ต้องอาบน้ำใหม่อีกรอบเพราะร่างกายมันเปื้อนไปด้วยการกระทำที่น่าอาย  จงอินออกมารอแฟนเด็กด้านนอกทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่ได้อาบน้ำและยังคงอยู่ในสภาพที่นุ่งแต่ผ้าขนหนูไว้เช่นเดิม  


     

                กว่าค่ำคืนของวันที่แสนวุ่นวายจะสิ้นสุดลง...ก็ทำเอาจงอินปวดหัวจนแทบระเบิด  เพราะตั้งแต่ช่วงเช้า  งานในโรงงานก็ยุ่งมากเหลือเกิน  ตอนสายก็ยังต้องเดินทางไปรับปลาที่สั่งไว้  พอกลับมาที่บ้าน...ก็มาต้องเคลียร์ปัญหาให้พี่ชายกับพี่เขย  และตอนค่ำ...แฟนเด็กก็มีเรื่องให้เขาต้องช่วยสอนแถมยังเป็นเรื่องที่พาให้ใจเต้นจนเกือบควบคุมสติไม่อยู่  แต่ทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็เป็นสิ่งที่คิมจงอินต้องจัดการเนื่องจากผู้ที่มีปัญหามันคือคนในครอบครัว  ลูกน้อง  พี่ชาย  คนรัก  ทุกๆคนคือความรักของเขา  จะให้เมินเฉยก็คงเป็นไปไม่ได้  จะให้มองข้าม...ก็ทำไม่ได้อยู่ดี  เหนื่อยแสนเหนื่อย....แต่ก็เต็มใจทำ  ยิ่งเป็นคนของหัวใจอย่างปลาตัวน้อย  คุณคิมก็ยิ่งเต็มใจ 



    (มีเมียเด็ก...ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกายยยยยยยยย!!!!)








     

     







     

    บริษัท บ้านปลา

    เช้าวันพฤหัสบดี


    09.34 น.

     

    อุ่กก!!

     

                “คุณคิมมม...มานอนตรงนี้ทำไม  แล้ววันนี้ไม่ใส่ชุดหมีทำงานเหรอฮะ?”  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพ...แต่เมื่อเดินออกมาด้านนอกแล้วเห็นเจ้าของห้องนอนอยู่บนพื้นพรม  เด็กน้อยในกางเกงขาสั้นลายมิคกี้เม้าท์จึงรีบกระโดดลงมานั่งทับส่วนสำคัญโดยไม่นึกว่าฉลามเพชฌฆาตของคุณคิมมันจะได้รับบาดเจ็บ    


                "แล้วน้องปลาล่ะครับ...ทำไมถึงใส่กางเกงตัวนี้  หื้มม?  มันโป๊นะครับ  พี่อยากให้น้องปลาไปเปลี่ยนชุด"  ถูกแฟนเด็กกระโดดทับจนเจ็บจุก  แถมเสื้อผ้าที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ก็พาลให้รู้สึกหงุดหงิดแต่เช้า  มือหนา...บีบเอวคอดด้วยความมันเขี้ยว  และไม่มีทางให้ปล่อยให้น้องปลาเดินไปไหนมาไหนด้วยสภาพการแต่งกายแบบนี้แน่นอน 


                เมื่อคืน...กว่าจะหลับตาลงได้ก็เกือบตีสาม  จงอินจึงรู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะทำสิ่งใดนอกจากการนอน  แถมการจัดเก็บเตียงกว้างของแฟนเด็กในเช้านี้ก็ทำให้เขาต้องลงมานอนอยู่บนพื้นพรมเพราะขืนทำเตียงยุ่งเหยิงอีกรอบก็คงต้องโดนบ่นไปอีกทั้งวัน  ถ้าไม่ใช่แม่...ก็ต้องเป็นเมียเท่านั้น  แต่ก็อย่างที่บอก...ใครจะกล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับความโหดเหี้ยมของรุ่นพี่คนสนิท  โซฟาก็มีให้เอนกาย  แต่ความขี้เกียจ  ความเหนื่อยล้า  ความง่วงนอน  มันก็มีมากจนสมองประมวลผลไม่ทัน 


                “ทีคุณคิมยังใส่ชุดธรรมดาได้เลย  ทำไมหนูจะใส่บ้างไม่ได้ละฮะ  ถ้ามันโป๊...แล้วคุณคิมซื้อมาให้หนูทำไม”  นอนทับอกกว้าง...แล้วเอ่ยกระเง้ากระงอดเมื่อถูกขัดใจ  แล้วคำว่า  "โป๊"  มันก็คือการที่เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยต่างหาก


                “พี่ซื้อมาให้น้องปลาใส่นอนครับ...ส่วนเรื่องที่พี่ไม่ได้ใส่ชุดช่างก็เพราะว่าพี่จะออกไปซื้อของกับพวกลูกน้อง”  กอดคนแสนงอนไว้จนเต็มอ้อมแขนพร้อมกับโยกตัวไปมาคล้ายเป็นการปลอบใจ  


                “เดี๋ยวหนูไปเปลี่ยนชุดก็ได้  แล้วคุณคิมจะไปซื้ออะไรเหรอฮะ??  ให้หนูไปด้วยสิ นะนะนะ”  เกยคางไว้บนอกกว้างพร้อมส่งยิ้มหวานก่อนเอ่ยเสียงอ้อน  เพราะน้องปลาอยากไปออกไปซื้อของกับจงอินและพี่ๆในโรงงาน  


                “ไปซื้อของมาทำตู้ปลาครับ...พี่ไม่ได้ไปเที่ยว  น้องปลารอพี่อยู่ที่บ้านนะครับ  พี่จะรีบไปรีบกลับ  เดี๋ยวพี่จะซื้อไอติมมาฝาก  ตกลงไหม?”  เป็นครั้งแรก...ที่ไม่สามารถตามใจเด็กน้อยได้เหมือนเช่นเคย  เพราะสถานที่ที่จะไปซื้ออุปกรณ์ในการทำตู้ปลามันไม่เหมาะกับแฟนเด็ก  มันไม่ใช่ห้างสรรสินค้าทั่วไป  ไม่มีที่ให้วิ่งเล่นและไม่มีสิ่งของที่น้องปลาต้องการ  


                “งั้นนน...หนูเอาไอติมรสช็อคโกแลต  แล้วคุณคิมก็ต้องรีบกลับมานะฮะ  หนูคิดถึงงงง”  ไม่รู้ว่าเข้าใจในสิ่งที่คุณคิมอธิบายหรือเป็นเพราะชื่อของหวานสุดโปรดกันแน่  น้องปลาจึงไม่งอแงหรือร้องตามไปด้วยเหมือนในครั้งแรก  


                “พี่ก็คิดถึงน้องปลาครับ  พี่จะรีบไปรีบกลับ  แล้วก็ซื้อไอติมมาฝากน้องปลาเยอะๆเลย”  มากกว่าคำหลง...ก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบ  แค่ไปซื้อของกับพวกลูกน้องก็ยังถูกอ้อนด้วยคำว่าคิดถึง  แล้วแบบนี้ใครมันจะอยากไปทำงาน  มีบ้านให้บ้าน  มีรถให้รถ  มีนามสกุลก็อยากให้ใช้  แรงกอด...เริ่มกระชับให้แน่นขึ้นด้วยความมันเขี้ยวก่อนจะพากันเดินลงมาข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้าในห้องครัว


    และ.....  


                รสชาติของอาหารมื้อนี้...มันก็อาจจะหวานมากเป็นพิเศษ  เพราะเมื่อเดินเข้ามาครัว  จงอินก็ได้เห็นพี่ชายต่างแม่กับสามีกำลังช่วยกันทำอาหารเช้าด้วยร้อยยิ้มที่ทำให้ห้องทั้งห้องมันกลายเป็นสีชมพู  อีกคนล้างผัก  อีกคนหั่นเนื้อ  และเขาก็ต้องกลายมาเป็นผู้ช่วยในเรื่องของการจัดโต๊ะอาหาร  มือหนา...วางจานชามช้อนส้อมเรียงตามจำนวนคนที่จะนั่งทานมื้อเช้าพร้อมกัน  ส่วนน้องปลาก็ช่วยยกน้ำผลไม้มาเทใส่แก้วเตรียมไว้  และเมื่อมื้อเช้าพร้อมเสิร์ฟ  คนเป็นสามีก็รีบขยับเก้าอี้ออกเล็กน้อยเพื่อให้ภรรยานั่งได้สะดวก  

     

                เป็นบรรยากาศ...ที่ชวนให้ขนลุกสำหรับคนเป็นน้องอย่างจงอิน  แต่ก็ยังดีกว่าเสียงร้องไห้  การมีปัญหาและการทะเลาะเบาะแว้งเหมือนอย่างเมื่อคืน  ร้อยยิ้มของพี่ชายต่างแม่ทำให้จงอินมีความสุขทุกครั้ง  แม้เรื่องที่เกิดขึ้นมันจะดูปัญญาอ่อนไปสักหน่อย  แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องของความรักมันก็มักจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ  ไม่รู้ว่าไปคืนดีกันตอนไหน  แบบใด  เมื่อไหร่...แต่ถ้าปรับความเข้าใจกันได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี  แต่....


                “บยอนนี่แพ้ครีมอาบน้ำเหรอฮะ...คอเป็นสีแดงเหมือนพี่อี้เลยของหนูเลย”  เคี้ยวข้าวแก้มตุ่ย...และถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพราะไม่ได้รู้สึกตกใจกับภาพที่เห็นเนื่องจากพี่ชายของเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน  


                “เอ่ออ  มะ...มดกัดครับน้องปลา  พี่ไม่ได้แพ้ครีมอาบน้ำสักหน่อย”  รีบละมือออกจากช้อนส้อม  แล้วรีบดึงเสื้อลายคิตตี้จากทางด้านหลังเพื่อให้คอเสื้อมันรั้งขึ้นมาปกปิดรอยแดงบนลำคอ


                การงอนง้อ...มันทำให้เกิดรอยพวกนี้ไปทั่วทั้งตัว  และดีที่ยังมีแรงลงมาทำอาหารให้ทุกคนเช่นเดิม  ถึงแม้การลงโทษ  การอภัย  การปรับความเข้าใจจะยาวนานหลายชั่วโมง  แต่ทุกๆการกระทำมันก็เป็นไปอย่างอ่อนโยน  ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิด  แต่ก็ยังมีเศษเสี้ยวของความน้อยใจหลงเหลืออยู่บ้าง  เมื่อวานมีพัสดุมาส่ง...และเมื่อลูกน้องนำมาให้  แบคฮยอนก็รีบแกะดูทันทีเมื่อทราบชื่อของผู้ส่ง  สนิทสนมกันพอสมควร...แต่ก็ใช่ว่าเป็นคำสัญ  แล้วของที่อยู่ในกล่องมันก็คือชุดนอนลายโปเกม่อนที่อยากได้มานาน  แบคฮยอนไม่มีเวลาออกซื้อเพราะงานในบริษัทมันยุ่งเกินจะออกไปไหน  บัญชีของลูกค้าก็ยังปิดไม่ลง  ราคาของตู้ปลาก็ยังต่อรองกันไม่ได้  และเมื่อของโปรดมาอยู่ตรงหน้ามันก็เลยต้องลองใส่


     

                จนในที่สุด...เมื่อผู้เป็นสามีเดินเข้ามาเห็น  เขาก็ถูกพาตัวให้ขึ้นมาบนห้องนอนแล้วถูกจับถอดทุกอย่างออกจากร่างกายก่อนจุดไฟเผาชุดนอนตัวใหม่  โยนออกไปนอกระเบียง  นอนเปลือยเปล่าร้องไห้จนหลับไปหนึ่งรอบ  พอตื่นมาอีกที...ก็เจอภาพสามีหยิบหมอนโกยผ้าห่มไปนอนที่โรงงาน  เสียใจที่ไม่ได้อธิบายความรู้สึก  น้อยใจที่คนรักไม่อยู่รอฟังเหตุผล  ชานยอลไม่ยอมพูดด้วยเลยสักคำและเสียงปิดประตูห้องด้วยความโมโหก็พาลให้น้ำตามันไหลลงมาอีกรอบจนต้องโทรไปขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นน้อง  แต่!!หลังจากวางสายไปได้ไม่นาน  คนใจร้ายก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมอ้อมกอดที่เหมือนมีเวทมนต์  น้ำตาที่ไหลเป็นเขื่อนแตกมันกลับเหือดแห้งคล้ายไม่เคยเกิดขึ้น  และคำพูดที่ว่า  "ขอโทษ...ก็คนมันหึงนิหว่า"  ก็ทำให้ความเสียใจหายวับไปจากความรู้สึก


    และเตียง  ระเบียง  โต๊ะเครื่องแป้ง...ก็กลายสถานที่ที่ใช้เพื่อระบายความในใจ            



                “เออเจ๊...ตอนเที่ยงไม่ต้องทำกับข้าวนะ  พอดีผมจะออกไปซื้อของกับพวกลูกน้อง  แล้วขากลับจะแวะซื้ออาหารเข้ามาให้”  ทราบดีว่าพี่ชายต่างแม่คงทำมื้อเที่ยงไม่ไหว  เพราะรอยแดงที่โผล่พ้นชุดนอนออกมามันฟ้องทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว  และเขาก็ไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนปลาตัวน้อย  มดอะไร...จะกัดได้ขนาดนั้น  นี่มันรอยเสือร้ายของพี่เขยบ้าพลังต่างหาก           


                มือน้อยๆ...โบกไปมาเมื่อรถบรรทุกขับออกไปจากบริษัทเพราะเมื่อทานมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อย  น้องปลาก็เดินออกมาส่งจงอินที่หน้าบ้าน  และเสียงเจื้อยแจ้ว...ที่ฝากชื้อไอศกรีม  กุ้งตัวโตๆพร้อมการถูกอ้อนด้วยการเอ่ยว่าให้กลับมาเร็วๆก็พาลให้เจ้าของรถไม่อยากออกไปไหนเลยในวันนี้  อยากนอนกอดกันทั้งวัน  อยากให้อยู่ในอ้อมแขนตลอดเวลา  และอยาก  อยาก  อยาก  อยากมีเมียยยยยยยยย



    VROOMMM...MM!!!!


                

               เมื่อรถคันใหญ่...ขับออกไปจนสุดสายตา  เด็กน้อยก็เดินกลับเข้ามาในบ้านและตรงขึ้นไปที่ห้องของคุณคิมทันที  หนังท้องตึง  หนังตาหย่อน  แถมเมื่อคืนยังนอนดึกเกินไป  ปกติ...น้องปลาจะต้องเข้านอนในเวลาสามทุ่มของทุกๆวัน  แต่พอเกิดเรื่องน่าอายขึ้นเมื่อคืนก็ทำให้เรื่องเวลาของการหลับนอนต้องถูกเลื่อนออกไป  มือบางตลบผ้าห่มผืนโตขึ้นเพียงเล็กน้อย  แล้วสอดตัวเข้าไปนอนอยู่ด้านใน  และกลิ่นเฉพาะตัวของจงอินก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก  คิดถึง  อยากกอด  อยากหอมแก้มและถ้าได้นอนอยู่ด้วยกันก็คงดี  (ZzzzZz....Zzzzzzz!!!)

      

     

                ส่วนทางด้านเจ้าของบริษัทบ้านปลา...เมื่อขับรถออกมาได้สักพักก็ถึงที่หมายและสั่งให้ลูกน้องทั้งสามคนแยกย้ายกันไปซื้อของตามรายการที่ได้บอกเอาไว้  ขายาวสมส่วนในกางเกงบลูยีนส์รีบเดินซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานอย่างชำนาญ  เนื่องจากมาที่นี่เป็นประจำถ้าของในโรงงานหมดสต๊อค  และเมื่อเสร็จเรื่องส่วนรวมก็ถึงคราวที่ต้องขับรถมาซื้อของส่วนตัวอย่างไอศกรีมรสช็อคโกแล็ต  กุ้งสดตัวโตๆรวมถึงอาหารมื้อเที่ยงและมื้อเย็น  ไหนไหนก็มาถึงซุปเปอร์เก็ตแล้ว...จงอินจึงเลือกซื้อของสดกลับไปเก็บไว้ที่บ้านอีกหลายอย่างเพราะพี่ชายจะได้เก็บแรงไว้ต่อกรกับสามีบ้าพลัง  และเมื่อได้ของครบตามต้องการจงอินก็รีบเดินทางกลับทันที


                  "กลับมาเร็วๆนะฮะ  หนูคิดถึง"



    อยากเหาะได้  อยากฝ่าไฟแดงและอยากหายตัวไปอยู่ในอ้อมกอดน้อยๆเหมือนอย่างเมื่อคืน  

     


    Rrrrrrrr!!

    Rrrrrrrr!!

     


                เสียงสมาร์ทโฟน...ดังขึ้นฉุดคนที่กำลังฝันเฟื่องให้หลุดออกจากภวังค์และยังขับรถออกมาจากซุปเปอร์มาเก็ตได้ไม่ถึงครึ่งทาง  มือหนารีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่หน้ารถ  แล้วกดรับพร้อมเปิดโหมดแบบลำโพงเพราะมันไม่มีเครื่องช่วยอย่างพวกหูฟัง  สมอลทอร์คหรือบลูทูธอะไรทั้งนั้น  และถ้าจะให้แนบเครื่องมือสื่อสารไว้ที่หู  รถบรรทุกคันใหญ่คันนี้ก็อาจเกิดการพลิกคว่ำ


                “ไอ้ดำ!...กูขอคุยกับน้องปลาหน่อย”


                (ผมขับรถอยู่เฮีย  พอดีออกมาซื้อของ...น้องปลาไม่ได้มาด้วย  เฮียโทรเข้าเบอร์บริษัทดิ)


                “กูขี้เกียจหาเบอร์...งั้นมึงช่วยไปบอกน้องปลาให้หน่อยว่าพรุ่งนี้เตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศ  ละ...แล้ว”


                (เดี๋ยว ๆ ๆ เฮีย...!!!  ไปประเทศอะไร?  ไปกี่วัน?  แล้วไปทำไม?)


                “ไอ้สัด!...กูยังพูดไม่จบเลย  มึงก็เสือกพูดแทรกเข้ามาอีก”


                (ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า  ตกลงไปทำไม?  ไปกับใคร?  แล้วไปประเทศไหน?)


                “ไอ้ดำ!!!...มึงตั้งใจฟังให้จบ  แล้วอย่าพูดแทรก!!  พ่อตาของกูเค้าคิดถึงลูกชายคนเล็กก็เลยโทรมาสั่งให้กูพาเมียกับน้องปลาไปหาท่านที่ต่างประเทศ  มึงช่วยไปบอกน้องปลาให้หน่อยว่าพรุ่งนี้เตรียมตัวให้พร้อม  กูปิดร้านเสร็จเมื่อไหร่จะรีบขับรถไปรับทันที  ส่วนของใช้จำเป็นอย่าางพวกเสื้อผ้ารองเท้า  เดี๋ยวพี่อี้จะเป็นคนจัดการให้  ละ...แล้ว”


                (ไปกี่วันวะเฮีย?  แล้วตกลงไปประเทศอะไร?)


                “ไอ้เหี้ยนี่!!!!...มึงฟังกูให้จบก่อนได้ไหมวะ  มึงความจำสั้นเหรอ!!


                (ก็เฮียมัวแต่อธิบายอะไรก็ไม่รู้  คนยิ่งใจร้อนๆอยู่)


                “จะร้อนเหี้ยอะไรหนักหนา!!!  มึงอย่าปัญญาอ่อน!!  น้องกูจะไปหาพ่อ  ไม่ได้ไปหาผัวใหม่  แต่ก็ไม่แน่นาาา  ที่นั่นมีหนุ่มฝรั่งรอน้องปลาอยู่คนหนึ่ง??”


                (โอ๊ยย...เฮีย!!!  บอกมาสักทีเถอะ  เดี๋ยวก็ขับรถแหกโค้งแม่งซะเลย!!)


                “มึงนี่เป็นเอามากเนอะ...!!  อะ อะ  อะกูบอกก็ได้....ไปออสเตรเลีย  แต่พ่อตาจะให้ลูกชายกลับมาวันไหน  กูไม่รู้หรอกนะ  ส่วนกูต้องกลับมาเปิดร้านเหมือนเดิม” 


    เอี๊ยดดดดดด!!!!!


                สิ้นคำสนทนา...หรือการบอกกล่าวข่าวร้ายสำหรับคนขับรถ  มันก็ทำให้หงุดหงิดจนอยากแหกโค้งให้ตกไหล่ทาง  เสียงรถบรรทุกคันใหญ่...จอดลงเมื่อถึงที่หมาย  และลูกน้องที่นั่งมาด้วยต่างก็กระเสือกกระสนเหมือนหนีตายออกมาจากรถ  แล้วรีบขนของทางด้านหลังไปเก็บไว้ในโรงงาน  ใบหน้าเคร่งเครียดของคนเป็นลูกพี่กำลังทำให้ลูกน้องในแผนกต่างๆที่ตัวเองเดินผ่านรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวและน่าเกรงขาม  ทุกคนทราบดี...ว่าตอนนี้จงอินไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นด้วย  และไม่มีใครสามารถทำให้ความน่ากลัวจางหายไปได้นอกจากเจ้าตัว  เวลาดี...ก็ดีจนพาให้เกรงใจ  เวลาจริงจังกับงาน...ลูกน้องก็แทบไม่ได้นอน  และเมื่อใดที่ลูกพี่หงุดหงิดก็อย่าได้เอ่ยอะไรออกไปทั้งนั้นแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป


                 ใช่ว่าไม่รู้...ว่าพวกลูกน้องกำลังคิดหรือรู้สึกเช่นไร  แต่ความหงุดหงิดมันก็มีมากจนยากเกินจะเก็บซ่อนสีหน้าและอารมณ์  จงอินเดินเข้ามาในโรงงานเพื่อเช็คสินค้า  ตู้ปลารวมถึงอุปกรณ์ต่างๆว่าครบหรือไม่  ขายาว...ก้าวฉับๆตรงเข้าห้องนู้นเดินออกห้องนี้จนทำให้ลูกน้องในแผนกนั้นๆเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข  และ....            


    ปึ่กก!!

               

                “เป็นอะไรหรือเปล่าครับน้องปลา!!  แล้วมาทำอะไรที่ห้องนี้?”  ก้มหน้าก้มตาเดินไปทั่วทั้งโรงงาน  และเมื่อจะเลี้ยวเข้ามาในห้องแพ็คของ  จงอินก็ชนเข้ากับเด็กน้อยที่เดินสวนออกมาพอดี  


                “คะ...คุณคิม!!”  รู้สึกโชคดี...ที่แรงปะทะมันไม่มากจนทำให้ตัวเองหงายหลังล้มไปกับพื้น  แต่ความโชคร้าย...ก็เข้ามาแทนที่อย่างฉับพลันเมื่อคนตรงหน้าคือเจ้าของโรงงาน  น้องปลารีบเอามือทั้งสองข้างไปซ่อนไว้ข้างหลังพร้อมกลบเกลื่อนความเจ็บปวดด้วยร้อยยิ้ม  


                นอนมาเต็มอิ่ม...แต่เมื่อตื่นขึ้น  รถบรรทุกคันเดิมที่ขับออกไปซื้อของเมื่อเช้าก็ยังไม่กลับมาเสียที  น้องปลาจึงเข้ามาเล่นกับพวกพี่ๆในโรงงานและช่วยแพ็คของเหมือนอย่างที่จงอินเคยสอนเอาไว้  แต่การทำงานอยู่ในห้องเพียงลำพังโดยไร้ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดก็ทำให้เกิดเรื่องขึ้นจนได้  มือบางที่กำลังบรรจงตัดพลาสติกกันกระแทก  แล้วใบมีดที่แสนคมกริบก็เฉือนเข้าที่ฝ่ามือจนได้รับบาดเจ็บ  เด็กน้อยกำมือแน่นเพราะไม่กล้าดูบาดแผลของตัวเองว่ามันลึกมากแค่ไหน  จากนั้นก็รีบวิ่งออกมาจากห้องเพื่อจะกลับไปให้พี่ชายคนโปรดทำแผล  แต่...ความคิดทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกจงอินเดินชนที่หน้าแผนก



                “น้องปลา...พี่ถามว่ามาทำอะไรที่ห้องนี้ครับ??”  อีกคนก็พยายามเก็บซ่อนอารมณ์ด้วยเช่นกัน  แต่มันไม่ใช่ความเจ็บปวดเพราะทุกๆอารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้มันตีรวนจนยากจะแยกแยะ  สงสัย  หงุดหงิด  กังวลและสิ่งซ่อนเอาไว้ไม่ได้ก็คือน้ำเสียง  สายตารวมถึงกิริยาท่าทาง  


                “คุณคิมอย่าโกรธหนูนะฮะ  หนูแค่อยากช่วย  ละ...แล้วมันก็เจ็บแค่นิดเดียวเองฮะ”  ไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้นจากคุณคิมเลยสักครั้ง  มันน่ากลัว  น่าเกรงขาม  แต่กลับรู้สึกอบอุ่นใจในเวลาเดียวกัน  เด็กน้อย...รีบเอ่ยความจริงก่อนที่จะถูกจับได้  พร้อมแบมือข้างที่ได้เจ็บให้คนตรงหน้าเห็นอย่างนึกหวาดหวั่น


                เหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวใจ...เมื่อเห็นเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากมือน้อยๆของแฟนเด็ก  ความโกรธ  ความหงุดหงิด  ความโมโห  มันอัดแน่นจนเต็มทุกความรู้สึก  ไม่ได้เจ็บนิดเดียวแน่นอน  แล้วร้อยยิ้มที่พยายามทำให้เขาคล้ายความกังวลมันช่างดูน่าสงสารมากกว่าน่ารัก  เจ้าของโรงงาน...ยืนอยู่ในจุดที่ไม่รู้จะนำสิ่งใดมาห้ามเลือดให้แฟนเด็กและเสื้อยืดของตัวเองก็เป็นสิ่งเดียวที่นึกออก  จงอินรีบใช้เสื้อสีเข้มพัดไปรอบๆฝ่ามือของน้องปลาแล้วใช้ความยาวของแขนเสื้อมัดให้แน่นอีกครั้ง  ท่อนแขนกำยำอุ้มคนเจ็บเข้าสู่อ้อมอกแล้วรีบเดินออกมจากจุดเกิดเหตุทันที    


                “ใครเป็นคนอนุญาตให้น้องปลาเข้ามาที่นี่!!!....ห้ะ!!!”  น้ำเสียงแข็งกร้าว...ตะโกนก้องเอ่ยถามลูกน้องในโรงงาน  และความเงียบก็คือคำตอบ   


    จุ๊บบ!!


    จุ๊บบ!!


    จุ๊บบ!!



                “คุณคิมอย่าโมโหนะฮะ...หนูขอโทษ  หนูเข้ามาที่นี่เอง  คุณคิมอย่าโกรธพวกพี่ๆเค้าเลย  โกรธหนูก็ได้...หนูดื้อเองฮะ”  จูบเบาๆลงบนอกกว้างเปลือยเปล่าสามครั้ง  และยอมรับสารภาพผิดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเพราะทราบดีว่าตัวเองกำลังทำให้จงอินเป็นห่วง  รวมถึงเกรงว่าพี่ๆในโรงงานจะถูกไล่ออก


                ต้องยอมแพ้...ให้กับความขี้อ้อน  ความน่ารัก  ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอีกสักกี่ครั้ง  มันเหมือนว่าถูกน้ำหวานสาดใส่จนอารมณ์ต่างๆดับลงได้อย่างง่ายดาย  และไฟแห่งความโกรธเคืองก็คงร้อนแรงจนแผดเผาใบหน้าคมเข้มให้เปลี่ยนเป็นสีแดงได้ด้วยเช่นกัน  ยอมรับว่าเขิน...แถมเจ้าของรอยจูบก็ยังเอาแต่ซบใบหน้าจิ้มลิ้มไว้บนอกเปลือยเปล่าของเขาพร้อมใช้จมูกโด่งรั้นถูไปถูมาอย่างออดอ้อนเอาใจ  


    ...


     

    ...


     

    ...


     

    ...


     

    19.47 น.

     

                เป็นอีกวันหนึ่ง...ที่เจ้าของโรงงานต้องหมดแรงไปกับเรื่องวุ่นวายภายในบ้าน  ทั้งเรื่องงาน  เรื่องส่วนตัวและอีกสารพัดเรื่องตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ  กว่าจะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นรวมถึงเคลียร์งานที่ทำค้างไว้จนเสร็จสิ้นมันก็เลยเวลาของอาหารเย็นจนกลายเป็นอาหารค่ำ  แถมมื้อคำมื้อนี้...ก็ยังเป็นฝีมือของพวกลูกน้องที่อยากไถ่โทษเรื่องของน้องปลา  กุ้งตัวโตๆ...ถูกย่างและแกะเรียงใส่จานเอาไว้เหมือนนั่งทานอยู่ในภัตตาคาร  อยากทานอะไรก็สั่ง  อยากดื่มสิ่งใดก็บอกเพราะทุกอย่างมันจะถูกเสิร์ฟให้ถึงที่  ส่วนคนเจ็บมือ..ก็จะถูกป้อนทุกอย่างให้ถึงปาก  


                “คุณคิมฮะ...หนูอิ่มแล้ว”  อ้าปาก...รับกุ้งตัวสุดท้ายเคี้ยวจนแก้มตุ่ย  และรู้สึกอิ่มมากเกินจะรับอะไรเข้าปากได้อีกแล้ว  แถมยังเจ็บมือมากกว่าในตอนแรก  ถึงบาดแผลจะไม่ลึกมาก  ไม่ต้องเย็บ  ไม่ต้องไปพบแพทย์  แต่ก็รู้สึกเจ็บไม่ใช่น้อย  


                “กินไอติมไหมครับ...เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้”  กำลังจะลุกไปล้างมื้อที่อ่างล้างจาน  แล้วหยิบของหวานสุดโปรดของเด็กน้อยออกมาจากตู้เย็น  แต่....


                “หนูอิ่มแล้วฮะ...หนูเจ็บมือ  แล้วก็ง่วงด้วยฮะ”  ก้นนิ่ม...ที่นั่งทับอยู่บนตักทำให้จงอินไม่สามารถลุกออกไปทำอะไรได้เลยสักอย่าง  และใบหน้าจิ้มลิ้มที่ซบอยู่บนหัวไหล่ก็พาให้ใบหน้าคมเข้มต้องก้มลงไปหอมกลุ่มผมสีอ่อนอย่างนึกเป็นห่วง


                “อย่าเพิ่งหลับนะครับน้องปลา...ต้องอาบน้ำทำแผลให้เสร็จก่อน  แล้วค่อยนอน”  รีบอุ้มเด็กน้อยเอาไว้แนบอก  และลุกออกจากการนั่งร่วมวงทานมื้อค่ำกับพวกลูกน้องแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านทันที


    ...



    ...



    ...



    21.09 น.


    แกร๊กก!!!


                “คุณคิมอาบน้ำให้หนูหน่อยนะฮะ...มือหนูเจ็บ  เดี๋ยวแผลโดนน้ำแล้วเลือดออก”  


                เป็นอีกครั้ง...ที่การดูแลเด็กคนนี้มันทำให้เจ้าของห้องรู้สึกลำบากใจ  ใช่ว่าไม่อยากดูแล  ไม่ใช่ว่าไม่รัก  แต่การจะได้เห็นเรือนร่างของน้องปลาก็พาลให้สติแตกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มดูแล  เดินเข้ามาในห้องได้ไม่ถึงห้านาทีก็ถูกอ้อนจนขาแข้งอ่อนแรงไปหมด  แต่พอคิดไปคิดมาตามความเป็นจริงและตัดเรื่องไร้สาระออกไปจากหัวสมอง  จงอินก็ได้รับคำตอบที่มันตรงกับความรู้สึกมากที่สุด  สาเหตุที่น้องได้รับบาดเจ็บมันมากจากตัวเขาที่ละเลยต่อหน้าที่ของแฟนที่ดี  สัญญากับรุ่นพี่ไว้เช่นไรก็ต้องทำให้ได้อย่างที่พูด  ดีแค่ไหนแล้ว...ที่น้องได้รับบาดเจ็บเพียงเท่านี้  เพราะถ้ามันร้ายแรงจนถึงขั้นแขนขาดขาขาด  คิมจงอินคนนี้ก็คงไม่มีสิทธิ์ได้ดูแลน้องปลาอีกเลยตลอดชีวิต  


                “น้ำร้อนเกินไปหรือเปล่าครับน้องปลา??”  เปิดฝักบัวแล้วราดน้ำลงไปบนแผ่นหลังขาวเนียน  โดยให้ปลาตัวน้อยวางมือข้างที่ได้รับบาดเจ็บไว้บนไหล่ของเขา


                “คุณคิมถอดกางเกงในให้หนูด้วยสิ”  ตอบไม่ตรงคำถาม...เพราะอุณหภูมิของน้ำไม่ใช่ปัญหา  แต่เป็นอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ยังไม่ถูกถอดออกไปจากร่างกาย  สงสัยจนต้องเอ่ยถามและคำถามแบบนั้นมันก็เหมือนเป็นสิ่งที่กระชากสติของคนฟังให้หลุดลอย


                ถอดกางเกงใน  ถอดกางเกงใน  ถอดกางเกงใน  สี่ประโยคนี้...ดังก้องซ้ำๆอยู่ในโสตประสาทและได้ยืนนิ่งเหมือนหุ่นขี้ผึ้ง  จากที่คิดว่าจะเหลืออาภรณ์ชิ้นสุดท้ายเอาไว้เพื่อกันไม่ให้ความคิดของตัวเองมันจมดิ่งไปถึงจุดที่ลึกเกินจะเรียกกลับ  แต่เด็กน้อย...ก็ทำให้สิ่งที่คิดไว้พังทลายไปต่อหน้า  ยิ่งการขยับกายอย่างเชื่องช้าของน้องปลาเพราะไม่ถนัดต่อการถอดผ้าชิ้นน้อยด้วยมือข้างเดียว  ก็ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้จงอินต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือก่อนที่น้องจะล้มลงไปพื้นห้องน้ำ  พยายามตั้งสติ  ตั้งใจและก็ตั้งไปหมดทุกส่วน  แล้วค่อยๆถอดกางเกงในสีหวานออกจากก้นอวบของแฟนเด็ก



                “นะ...น้องปลาครับ  เดี๋ยวพี่ช่วยถอดดีกว่า  หนูยืนเฉยๆนะครับ”  มือหนา...รูดรั้งผ้าเนื้อดีชิ้นน้อยลงมาจนถึงหน้าขาผ่านความเรียวสวย  แล้วไล่ลงไปถึงปลายเท้า  และตอนนี้...ความสวยงามที่เคยจินตนาการเอาไว้และเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง  


                เย็นไว้  หายใจลึกๆ  ไม่ต้องรีบ...พยายามบอกตัวเองอยู่ในใจ  และเมื่อสติกลับมาครบถ้วน  จงอินก็เริ่มลงมืออาบน้ำให้เด็กน้อยทันที  ใช้ใยขัดผิวที่มีฟองครีมเนื้อนุ่มลูบลงบนลำคอขาวไล่ลงไปเรื่อยๆขนถึงแผ่นหลังเนียน  และย่อตัวลงเพื่อทำความสะอาดขาเรียวทั้งสองข้างอย่างเบามือ  ยอมรับ...ว่าตอนแรกกลัวใจตัวเอง  กลัวพรากผู้เยาว์  กลัวยับยั้งอารมณ์ไม่อยู่  แต่พอได้มาเห็นแววตาใสซื่อ  ร่างกายที่แสนจะบริสุทธิ์เมื่อได้สัมผัส  ความไร้เดียงสาที่ไร้การปรุงแต่ง  ทุกๆอย่างที่เป็นน้องปลามันทำให้เขาหยุดความคิดบ้าๆบอๆก่อนหน้านั้นได้ทั้งหมด


                “ขอบคุณนะฮะ...แล้วหนูก็ขอโทษที่ทำให้คุณคิมลำบาก  หนูสัญญาว่าหนูจะไม่ดื้ออีกแล้ว”  ถูกอุ้มร่างเปลือยเปล่าออกมาจากห้องอาบน้ำ  และวางลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอย่างเบามือ  


                “พี่ไม่ลำบากหรอกครับ  แต่พี่ไม่อยากให้น้องปลาบาดเจ็บ”  ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม  เช็ดตามเนื้อตามตัวเด็กน้อยที่นั่งสำนึกผิดอยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกับทาแป้งจนตัวหอมฟุ้ง


                “คุณคิมใจดีเหมือนพี่คริสจ๋าเลยฮะ  เมื่อวานพี่คริสจ๋าก็อาบน้ำให้พี่อี้เหมือนกัน”  เจื้อยแจ้วไม่หยุดเมื่อรู้ว่าคุณคิมไม่โกรธ  แถมยังอาบน้ำให้เหมือนอย่างที่พี่เขยทำให้อี้ชิง


                มือหนา...ที่กำลังสวมกางเกงนอนให้ร่างหอมๆต้องหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินชื่อของรุ่นพี่คนสนิท  และ!!ได้เห็นอะไรบางอย่างบนสะโพกด้านซ้ายของเด็กน้อย  รอยแดงขนาดเล็กๆที่เพิ่งสังเกตเห็นเมื่อครู่สามารถสร้างรอยยิ้มให้คนมองได้เป็นอย่างดี  เข้าใจแล้ว...ว่าทำไม่น้องปลาถึงชอบตั้งชื่อให้ใครต่อใครด้วยคำที่คิดขึ้นมาเอง  ปากคมยกยิ้ม...แล้วรีบสวมเสื้อผ้าให้เด็กน้อยก่อนที่ความหนาวเย็นจะทำให้น้องป่วย  จงอินอุ้มน้องปลาออกมาด้านนอกและวางลงบนโซฟาเพื่อทำแผลให้ก่อนที่เจ้าตัวจะหลับ    

     

                ส่วนเรื่องสำคัญ...ที่รุ่นพี่สั่งเอาไว้ก็ได้ถูกชี้แจ้งไปพร้อมๆกับการทำแผล  ความห่างไกลที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้มันทำให้จงอินรู้สึกใจหาย  เป็นครั้งที่ต้องอยู่ห่างกันโดยไม่ทราบกำหนด  แถมยังเป็นระยะทางที่ไกลเกินจะขับรถไปหาได้เหมือนเช่นทุกครั้ง  และคำพูดทิ้งท้ายก่อนจบการสนทนาของคริสก็ยังสร้างปัญหาไว้ให้คนฟังอย่างเขารู้สึกหงุดหงิด  “มีหนุ่มฝรั่ง...รออยู่น้องปลาอยู่คนหนึ่ง”  ผู้ชายคนนั้นนั้นเป็นใคร??  อายุเท่าไหร่??  สนิทสนิมกับน้องปลามากน้อยแค่ไหน??  ทุกๆความสงสัย...มันทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงานเลยสักนิด


                “น้องปลาครับ...พี่มีเรื่องจะบอก  แล้วก็มีอะไรอยากจะถามด้วยครับ”  


                “เรื่องอะไรเหรอฮะ  แล้วทำไมคุณคิมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะ”  


                เป็นความวิตกกังวล...ที่ไม่อาจเก็บซ่อนสีหน้าเอาไว้ได้  และมือบางที่ลูบแก้มคนคิดมากเพื่อให้คลายความกังวลก็ถูกจับมาประทับจูบซ้ำๆด้วยความรัก  ยิ่งเห็นดวงตาคู่สวยจ้องมองกันด้วยความเป็นห่วงเป็นใย  จงอินก็ยิ่งรู้สึกหวงเด็กคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม  ไม่อยากให้ห่างไกล  ไม่อยากไปให้ไปไหน  ไม่อยากให้ใครได้เห็นความน่ารักของน้องปลาทั้งนั้น


    จุ้บ ๆ ๆ ๆ!!!  


                “พรุ่งนี้ตอนเย็น...น้องปลาต้องเตรียมตัวเดินทางไปออสเตรเลียกับพี่คริสแล้วก็พี่อี้นะครับ”


                “ไปทำไมฮะ...หนูอยู่กับคุณคิมไม่ได้เหรอ?”


                “ก็น้องปลาคิดถึงคุณพ่อไม่ใช่เหรอครับ...เมื่อวานยังบ่นกับพี่อยู่เลย  คุณพ่อโทรมาสั่งให้พี่คริสพาทุกคนไปหา  ท่านคงคิดถึงลูกชายตัวแสบคนนี้จะแย่แล้ว”


                “จริงเหรอฮะ!!...ตอนนี้พ่ออยู่ออสเตรเลียเหรอ?  เย้ ๆ ๆ ๆ หนูจะไปหาพ่อ  เย้ ๆ ๆ!!”


                “ไปหาคุณพ่ออย่างเดียวเหรอครับ...แล้วมีใครรอน้องปลาอยู่ที่นั่นอีกไหม?”


                “ใครเหรอฮะ??...ไม่มีหรอก  หนูไม่มีเพื่อนที่ไหน  คุณคิมก็รู้  แล้วใครจะมารอหนูล่ะฮะ?!!


                “อ้าววว...ก็พี่คริสบอกว่ามีหนุ่มฝรั่งรอน้องปลาอยู่นั่น  พะ...พี่ก็เลยสงสัย”


                “คุณคิมอย่าไปเชื่อนะฮะ...หนูมีคุณคิมคนเดียว!  รักคุณคิมคนเดียว!!  พี่คริสจ๋านิสัยไม่ดี!!  ชอบแกล้งคุณคิมของหนู!!!


                เสียงเจื้อยแจ้ว...ที่เอ่ยร้องด้วยความดีใจมันทำให้จงอินมีความสุขมากจริงๆ  รู้สึกโล่งอก  สบายใจ  ยิ้มออกและความวิตกกังวลต่างๆก็พลันหายไปจาากความรู้สึก  เหมือนโดนหลอกเพื่อทดสอบความอดทน  แต่ก็ยังดีกว่าถูกน้องปลาหลอกเป็นไหนไหน  แค่นี้ก็หลงจนหาทางออกไม่เจอ  แต่ถ้าหลอกให้รักก็จะยอมโดนหลอกไปตลอดชีวิต  เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย...เด็กน้อยก็ถูกวางลงบนเตียงกว้างอย่างเบามือพร้อมห่มผ้าให้เสร็จสรรพ  และตอนนี้มันถึงเวลาที่จงอินต้องอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนบ้างเช่นกัน

     

                แต่...เมื่อนึกถึงเรื่องของการอาบน้ำ  ปากคมก็ยิ้มร้ายออกมาอย่างห้ามความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้  ภาพความสวยงามบนเรือนร่างของน้องปลามันยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำจนยากที่จะลบเลือน  ผิวเนียนขาว  เอวคอดเล็ก  สะโพกกลมกลึงและขาเรียวยาว  ทุกๆอย่างมันช่างเย้ายวนชวนสัมผัสไปหมด  ส่วนเรื่องปานแดงของเด็กน้อยก็ทำให้คนที่เพิ่งสังเกตเห็นอย่างคิมจงอินรู้ว่าชื่อพิเศษของเด็กชายโอเซฮุนมันก็าจากรูปปลาตัวเล็กๆบนสะโพกอวบของเจ้าตัว  และการเอ่ยชื่อใครด้วยคำพิเศษที่น้องปลาตั้งขึ้นมาเองมันก็คงมาจากเหตุผลเดียวกัน  ผู้ที่ตั้งชื่อว่าน้องปลา...คงคิดว่าลูกคนนี้เป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดในชีวิต  แฟนเด็กของเขาจึงเรียกคนที่ตัวเองรักด้วยชื่อที่ไม่เหมือนใคร



    และชื่อที่พิเศษอีกชื่อก็คือ...คุณคิม :)  



     


    ...


     

    ...


     

    ...


     

    ...


     

    และบรรยากาศ...อีกห้อง(นอน)หนึ่งของบริษัทบ้านปลา

    22.43 น.

     

              “พี่ชานยอลลล  พี่ชานยอล  พี่ชานยอลลลลลลลล!! (◕‿◕✿) 


                “เสียงดังทำไมแบค...เรียกเบาๆก็ได้อยู่ใกล้กันแค่นี้  อ้าว...แล้วมายืนแก้ผ้าทำไม?  อาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัวสิ  ไม่หนาวหรือไง?!!!


                “พี่ชานยอลซื้อให้แบคเหรอ?...ไปซื้อมาตอนไหน?  แบคไม่เห็นรู้เรื่องเลย ◕‿◕。


                “รีบๆใส่ซะ...ก่อนที่คืนนี้จะไม่ได้ใส่!





     















    100% กว่าๆ

    เบื่อน้องปลากันหรือยังคะ...บอกเรามาได้เลยน้าาา  ไม่ต้องเกรงใจ ^_^

    ขอบคุณผู้ติดตามและผู้อ่านทุกคนมากๆนะคะ

    ขอบคุณทุกการคอมเม้นด้วยค่ะ

    #ฟิคน้องปลา 

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×