ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) น้องปลา (Kaihun Ft.Chanbaek,Krislay)

    ลำดับตอนที่ #22 : ปลาตัวที่ 17

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 867
      48
      18 เม.ย. 64


    ปลาตัวที่ 17




     

     

    บริษัท  มีปลา

    08.00 น.

     

    Rrrr!!!

    Rrrr!!!

     

                “อรุณสวัสดิ์ฮะคุณคิม”

     

                (อรุณสวัสดิ์ครับ...ว่าที่เจ้าสาวของผม)

     

                “งื้อออ....(>//<) ”

     

                และแล้ว...วันแห่งความสุขที่คนปลายสายรอมานานก็มาถึงเพราะพรุ่งนี้มันคือวันที่เขากับแฟนเด็กจะได้เข้าพีธีแต่งงาน  1  เดือนที่ต้องเตรียมตัวหรือเตรียมอะไรหลายๆอย่างก็ทำให้เวลาดูเหมือนจะหมุนเร็วขึ้น  แต่ก็ยังมีงานอีกมากมายที่ต้องจัดการให้เสร็จภายในวันนี้  ฝ่ายเจ้าบ่าวต้องเคลียร์ลูกค้าเรื่องการทำบ้านปลาและจัดตารางงานขึ้นมาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังดำเนินไป  ส่วนฝ่ายเจ้าสาว...ก็ตื่นเต้นเกินกว่าจะเก็บความดีใจเอาไว้ได้  แต่ก็พยายามตั้งสติและช่วยพี่ชายทำบัญชีของลูกค้าที่โทรมาสั่งปลาในร้านให้เสร็จตามกำหนด

     

     

                ก่อนจะถึงวันแต่งงานของลูกชายแห่งอาณาจักรร้านขายสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุด...บริษัทมีปลาก็ปิดร้านมาได้ 1 อาทิตย์  และแจ้งลูกค้าทุกรายไว้ล่วงหน้าว่าจะเปิดให้บริการอีกครั้งในหนึ่งสัปดาห์ถัดไป  เป็นครั้งแรกที่บริษัทปิดร้านนานเกือบเดือน  แต่การสูญเสียรายได้ในระหว่างการปิดร้านมันคงไม่สำคัญเท่ากับความสุขของคนในครอบครัว  และเมื่อจัดการเรื่องลูกค้า  บิลค่าใช้จ่ายหรือส่งเจ้าหางสวยครบตามออร์เดอร์เรียบร้อย  ตอนนี้ก็เหลือแค่การเตรียมตัวให้พร้อมกับงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

     

    ต่างคนต่างไม่ค่อยได้พบหน้ากันตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากต้องรีบสะสางงานต่างๆให้เสร็จ  และการวีดิโอคอลหากันก็เป็นสิ่งที่พอจะช่วยให้หายคิดถึงได้บ้าง  แต่......

     

                (โทรมาทำไมแต่เช้าวะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้ว  คนจะหลับจะนอน??!!!)

     

                “คุณปลาวาฬจ๋าอย่าดุเจ้าบ่าวของหนูสิฮะ  หนูเสียใจนะ!!

     

                เป็นการวีดิโอคอล...ที่ทำให้คนปลายสายแทบอยากจะพุ่งตัวเองผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนไปนอนแทนที่พี่เขยอีกคนที่ดูเหมือนจะหวงน้องปลาจนถึงวันเข้าประตูวิวาห์  ไม่ได้โกรธ...แต่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่พี่ชายของคริสเข้ามานอนกับว่าที่เจ้าสาวของเขาโดยไม่มีใครห้ามปราม  รู้ว่ารัก  รู้ว่าหวง  แถมยังดูแลกันมาก่อนหลายปี  แต่การวีดิโอคอลหาแฟนเด็กในยามเช้าด้วยความคิดถึง  แล้วต้องมาเห็นภาพผู้ชายคนอื่นนอนร่วมเตียงที่เขาก็เคยนอนมาแล้ว  และทำมากกว่าการนอนกับเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ...มันก็พาลให้รู้สึกขัดหูขัดตาไปหมด

     

                “สวัสดีครับพี่อูบิน”

     

                (เออ...สวัสดี)

     

                “ผมขอคุยกับน้องปลาหน่อยครับ”

     

                (2  นาที...จับเวลา!!)

     

                เป็นเวลาที่น่าอึดอัดใจ...แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้คุย  และพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่คุณคิมจะมีสิทธิ์ในตัวน้องปลาทุกอย่างโดยไม่มีใครมาคอยเป็นก้างขวางคอ  ส่วนโทรศัพท์ที่แฟนเด็กต้องยืมพี่ชายมาใช้  เขาก็จะซื้อให้ใหม่เป็นอย่างแรกเมื่อเสร็จสิ้นงานแต่งงานอันแสนสุข  ปากคมยกยิ้ม...พร้อมโบกมือลาว่าที่เจ้าสาวบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเพราะมันครบเวลาที่พี่เขยจอมหวงกำหนดเอาไว้...และเฝ้ารอให้ถึงเช้าวันใหม่เร็วๆ

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    แกร๊กก!!!

     

                “น้องปลา...หนูอยากได้ครีมอาบน้ำกลิ่นอะไรครับ  เดี๋ยวพี่จะซื้อมาให้ใหม่?”

     

                “กลิ่นพีชฮะ”

     

                “โอเค...ของใช้ในห้องน้ำก็ใกล้จะหมดแล้วด้วย  น้องปลาอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมครับ?”

     

                “อืมมม...ขอหนูคิดก่อนนะฮะ?!

     

                คนที่เดินทางมาก่อนวันแต่งงานถึง 3 วัน...กำลังจับว่าที่เจ้าสาวแต่งตัวทำผมเหมือนอย่างที่ชอบ  และเมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็พบว่าของใช้ต่างๆที่อยู่ในห้องน้ำมันเริ่มเหลือน้อยลงแล้วบางอย่างก็หมดโดยไม่มีของสำรองเอาไว้  มือหนาหยิบเสื้อยืดสีชมพูสวมให้เด็กตรงหน้า  ตามด้วยกางเกงชั้นในชั้นนอก  พร้อมถามถึงสิ่งที่เด็กน้อยต้องการอย่างเช่นครีมอาบน้ำ  ยาสีฟัน  ยาสระผมหรือจะเป็นทุกอย่างก็ได้  เพราะลูกชายเจ้าของธนาคารอย่างเขาสามารถซื้อทุกอย่าง  หาทุกอย่างและจะตามใจทุกอย่างถ้าของชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่น้องปลาต้องการ

     

     

                คิมอูบินทราบดี...ว่าน้องโตพอจะทำอะไรต่อมิอะไรได้ด้วยตัวเอง  แต่เขาก็ยังชอบดูแลเด็กอายุ  16  ปีคนนี้เหมือนอย่างที่เคยพบกันครั้งแรก  ผมสีอ่อนถูกแปรงอย่างเบามือ  แล้วรวบด้านหน้าขึ้นคล้ายน้ำพุ  พร้อมมัดหนังยางสีหวานแหว๋วก็เป็นอันเสร็จการทำผม  และต่อด้วยการผัดแป้งให้จนใบหน้าจิ้มลิ้มดูสดใสขึ้น  หวงมาก  รักมาก  เป็นห่วงมาก  แถมงานแต่งงานที่เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ก็ทำให้อูบินยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นกว่าเดิม  ใช่ว่าไม่ไว้ใจหนุ่มผิวเข้ม  แต่การที่น้องปลายังไม่บรรลุนิติภาวะมันก็ดูไม่เหมาะที่จะให้แต่งงานกับใครทั้งนั้น

     

    แต่...เมื่อมันเป็นความสุขของน้อง  รวมถึงเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจที่จะให้เด็กทั้งคู่ได้ครองรักกัน  พี่ชายอย่างเขาจึงไม่อาจมีสิทธิ์มีเสียงหรือห้ามปรามโต้แย้งอะไรได้  และยินดีที่น้องปลาจะมีความสุขกับคนที่เลือก  แต่เรื่องของความเป็นห่วงมันก็คงห้ามกันไม่ได้

     

                “ถ้าน้องปลาคิดไม่ออก...พี่จะซื้อมาให้ทุกอย่างเลยครับ  น้องปลาจะได้เอาไปใช้ที่บ้านจงอินด้วยไง  ดีไหม??!

     

                “ดีฮะ...หนูรักคุณปลาวาฬจ๋าที่สุด (:

     

                “พี่ก็รักน้องปลาที่สุด  รักมากๆเลยครับ”

     

                “คุณปลาวาฬจ๋าโกรธที่หนูแต่งงานกับคุณคิมหรือเปล่าฮะ??”

     

                “ไม่โกรธเลยครับ  พี่ดีใจด้วยจริงๆ  แต่น้องปลารู้ใช่ไหม??...ว่าหลังจากแต่งงานแล้วเราจะต้องอยู่กับจงอินไปตลอดชีวิต  ไม่ว่าเจ็บหรือป่วยก็ต้องช่วยกันดูแล  แล้วชีวิตคู่...มันก็ไม่ได้มีความสุขตลอดเวลา  น้องปลาเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมครับ??!

     

                “เข้าใจฮะ...หนูมีความสุขม๊ากกก  เวลาอยู่กับคุณคิม  ถึงจะเคยมีปัญหากันบ้าง  แต่หนูก็มีทุกคนคอยช่วยเหลือไม่ใช่เหรอฮะ?  พี่อี้  พี่คริสจ๋า  พ่อ  คุณปลาวาฬจ๋าก็ด้วย  ทุกคนต้องปกป้องหนูสิฮะ...ใช่ไหม?”

     

                “ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า...เด็กหนอเด็ก  แล้วแบบนี้จะเป็นเจ้าสาวของคุณคิมได้ยังไง  หื้มม??  ถ้าแต่งงานกันแล้วน้องปลากับคุณคิมก็ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาสิครับ  ไม่ใช่เรียกพี่ๆไปช่วย”

     

                “หนูรู้...แต่ทุกคนจะไม่ทิ้งหนูใช่ไหมฮะ  ทุกคนจะปกป้องหนูเหมือนเดิมใช่ไหม  ฮึกก!!...คุณปลาวาฬจ๋าหนะ...หนู  ฮึกกก!!

     

                “ชู่ววว...ไม่ร้องไห้นะครับคนเก่ง  ทุกคนรักน้องปลามากเลยนะครับ  ทุกคนอยากให้น้องปลามีความสุข”

     

                “ขอบคุณนะฮะ...หนูก็รักทุกคนเหมือนกัน  รักคุณปลาวาฬจ๋าด้วย  รักมากๆ  ที่สุดในโลก  เยอะๆ”

     

    จุ้บบ!!

     

                รอยจูบ...ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเด็กที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ในวันพรุ่งนี้  มันกลับทำให้เจ้าของแก้มด้านซ้ายรู้สึกมีความสุขแทนที่จะเศร้า  อูบินทราบดีว่าน้องปลาอาจเกิดความสับสนและกลัวว่าหลังจากแต่งงานแล้ว  ตัวเองจะไม่ได้รับการปกป้อง  การเอาใจใส่  การให้ความรักเหมือนอย่างที่เคยได้มาตั้งแต่เกิด  คำว่าโตแล้ว...คงทำให้เด็กอายุ  16  ปีรู้สึกว้าวุ่นใจจนคิดอะไรเตลิดไปไกลเกินความเป็นจริง

     

     

                อ้อมแขนของความเป็นห่วงเป็นใย...โอบกอดคนคิดมากเอาไว้พร้อมโยกตัวไปมาเพื่อให้น้องรักคลายความกังวล  มือบางกระชับความอบอุ่นให้แน่นขึ้นและใช่ว่าไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของชีวิต  แต่การแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้มันทำให้ความคิดตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพลอยหยุ่งเหยิงไปหมด  ยอมรับว่าดีใจที่จะได้แต่งกับคนที่ตัวเองรัก  แต่ความเป็นเด็ก...มันยังพาลให้เขาคิดอะไรไม่เข้าเรื่อง

     

     

                ภาพสะท้อน...ของชีวิตคู่ระหว่างอี้ชิงกับพี่เขยสุดหล่อ  มันคล้ายจะเป็นบรรทัดฐานที่ทำให้น้องปลาคิดอยู่เสมอว่าการจะใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคนไปจนวันตายมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดเดียว  ยิ่งหลังจากแต่งงานกันแล้วก็ยิ่งเหมือนจะยากมากขึ้นไปอีก  คนที่ยังไม่ค่อยมีความรับผิดชอบอย่างเขา...จะสามารถประคองความรักให้ตลอดรอดฝั่งได้หรือไม่?  ความเอาแต่ใจ...จะสร้างความเบื่อหน่ายให้คุณคิมหรือเปล่า?  อาหารก็ทำไม่เป็น  เรื่องบ้านงานเรือนก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงและสิ่งที่พอจะทำได้ก็คงเป็นการซักผ้า(ด้วยเครื่อง) รวมถึงการจัดนั่นจัดนี่ให้เป็นระเบียบ

     

     

                พี่ชายอย่างอี้ชิง...สามารถทำทุกอย่างได้ดี  แถมยังไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับพี่เขยเลยสักครั้ง  น้องปลาจึงกลัวว่าความเป็นเด็กของตัวเองจะทำให้ชีวิตคู่ไปไม่รอด  คนเป็นน้อง...เคยเห็นอี้ชิงร้องไห้แค่ตอนที่ต้องอยู่ห่างกับผู้เป็นสามีไปนานถึงสามปีด้วยเหตุที่คริสต้องรีบไปเคลียร์งานกับพ่อที่ต่างประเทศ  แล้วถ้าเขาต้องอยู่ห่างกับคุณคิมแบบนั้นบ้าง  หัวใจดวงน้อยๆมันก็คงเข้มแข็งไม่พอ  ซึ่งทุกๆเรื่องที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปมันได้สร้างความกังวลใจให้มากอยู่พอสมควร

     

    แต่!!สมองอีกด้านก็ยังคอยย้ำเตือนอยู่เสมอว่า  ถ้าเลือกจะใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายคนนี้  เขาก็จะยอมรับทั้งปัญหา  ความสุข  ความทุกข์และพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อคนรัก

     

                “ไปกินข้าวกันดีกว่า  ป่านนี้ไอ้คริสมันจัดโต๊ะเสร็จแล้วมั้ง”

     

                “พรุ่งนี้...ลุงจ๋ากับป้าจ๋าจะมางานแต่งงานของหนูไหมฮะ?”

     

                “มาแน่นอนครับ  น้องปลาเตรียมตัวรับของขวัญจากท่านได้เลย”

     

                “เย้ๆ ๆ  ^0^ 

     

                ถ้าความรักที่อูบินมอบให้น้องปลา...มันเปรียบได้กับขนาดของท้องฟ้า  ความรักที่ประมุขและคุณนายตระกูลอู๋มอบให้เด็กคนนี้ก็คงเทียบได้กับท้องทะเลทั้งหมดบนโลก  และของขวัญเนื่องในวันพิเศษอย่างงานแต่งงานของเด็กชายโอเซฮุน...ก็อาจจะเป็นเกาะส่วนตัวสักแห่งหรือไม่ก็อะไรสักอย่างที่คุณพ่อของเขาจะสรรหามาได้  ไม่มีใครที่ไม่หลงรักเด็กอย่างน้องปลา  เด็ก...ที่ซื่อตรงต่อความรู้สึก  เด็ก...ที่ขี้อ้อนจนใครๆต่างก็ใจอ่อน  เด็ก...ที่ไม่เคยอยากได้อะไรในชีวิตนอกจากการนั่งเล่นอยู่ในบ่อหลังบ้านกับเจ้าพวกหางสวย  และเด็ก...ที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ในตอนนี้ก็ทำให้อูบินรักจนหมดหัวใจ

     

                “น้องปลาเกาะแน่นๆนะครับเดี๋ยวตก!!

     

                “โอเคฮะ....!!!

     

    Rrrr!!!

    Rrrr!!! 

    Rrrr!!!

     

                กำลังจะเปิดประตูห้องเพื่อออกไปทานมื้อเช้าที่น้องชายอาจเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว  แต่เสียงของสมาร์ทโฟนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงกลับดังขึ้นเสียก่อน  แถมว่าที่เจ้าสาวที่กำลังปีนป่ายขึ้นไปขี่หลังของเขาก็พาให้การรับสายกลายเป็นสิ่งที่ทำไม่ถนัดไปในทันที  แต่มันก็ไม่ยากเกินความสามารถของผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่อง

     

                (ว่าไง...ซึงวอน?)

     

                “ของที่สั่งไว้...ผมให้คนไปส่งแล้วนะครับ”

     

                (ขอบใจ  แล้วพรุ่งนี้ก็อย่าลืมเอาคนมาคุ้มกันงานแต่งงานของน้องปลาด้วยล่ะ!!)

     

                “รับทราบครับคุณหนู”

     

                (แล้วป๊ากับม๊าทำอะไรอยู่?  จะออกเดินทางกันกี่โมง?)

     

                “เดินทางคืนนี้ครับ  และพักที่โรงแรมAAA  แต่ตอนนี้  เอ่ออ...คุณผู้ชายกับคุณนายกำลังทะเลาะกันเรื่องของขวัญครับ”

     

                (ฝากบอกป๊ากับม๊าด้วยแล้วกัน  ว่าถ้าเลือกของขวัญไม่ได้  ก็ซื้อมาทุกอย่างนั่นแหละ!!)

     

                “รับทราบครับคุณหนู”

     

    ใคร...จะทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรมันไม่ใช่สิ่งที่คนเป็นลูกชายอย่างคิมอูบินต้องกังวล  เพราะเขามีบางอย่างจะมอบให้คู่รักข้าวใหม่ปลามันเรียบร้อยแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    บริษัท  บ้านปลา

    11.45 น.

     

    ครืดดด ๆ ๆ ๆ!!!!

    โป๊กกก ๆ ๆ ๆ!!!!

     

     

                เสียงเลื้อยไม้  เสียงตอกตะปู  และเสียงของการตกแต่งสถานที่ของพิธีการแต่งงานในเช้าวันพรุ่งนี้  มันดังขึ้นแข่งกับเวลาที่คล้ายจะเดินไปอย่างรวดเร็ว  บนดาดฟ้าของบริษัทบ้านปลากำลังถูกผู้เป็นเจ้าของรวมถึงลูกน้องช่วยกันเนรมิตให้มันใกล้เคียงกับโลกใต้ท้องทะเลมากที่สุด  เก้าอี้ไม้...ที่จะมีญาติผู้ใหญ่กับเพื่อนๆมานั่งเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานถูกประดับด้วยเปลือกหอยนานาชนิด  พื้นปูนบนดาดฟ้าทั้งหมด...ถูกกลบด้วยทรายนับร้อยถุงพร้อมก้อนหิน  สาหร่ายและปะการังเทียม

     

     

                ลูกน้องที่เก่งในเรื่องการทำพร้อบต่างๆดูเหมือนจะงานยุ่งกว่าใคร  เพราะของเทียมอย่างพวกก้อนหิน  สาหร่ายหรือปะการังเจ้าตัวเป็นผู้ลงมือทำเองทั้งหมด  ปลาหลากหลายชนิดไม่ว่าจะตัวเล็ก  ตัวใหญ่  สายพันธุ์ใดก็ถูกลูกน้องคนนี้ประดิษฐ์ขึ้นเพื่องานสำคัญของคนเป็นเจ้านายที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งเพื่อนรัก  และงานนี้...เพื่อนเจ้าบ่าวก็คือช่างทำพร้อบอย่างแทมิน  ส่วนลูกน้องคนอื่นๆก็ช่วยกันประกอบทุกอย่างให้ออกมาพร้อมสมบูรณ์สำหรับงานแต่งงานของลูกชายคนที่สองแห่งบริษัทบ้านปลา

     

     

                เหนื่อยแค่ไหนก็จะทำอย่างเต็มใจ...แถมยังเป็นงานที่แต่คนละถนัด  ยิ่งฝ่ายเจ้าสาวเป็นเด็กน้อยหน้าจิ้มลิ้มคนโปรดด้วยแล้ว  เรี่ยวแรงก็ยิ่งเหมือนจะไม่มีวันลดน้อยลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว  ทุกคนในบริษัทบ้านปลาคิดถึงเสียงเจื้อยแจ้วที่ชอบเข้ามาป่วนในโรงงานทุกๆสุดสัปดาห์  พี่แทมิน...หนูอยากระบายสีปะการัง  พี่ราวี่...พาหนูไปที่ห้องปลอดเชื้อหน่อยฮะหนูจะไปหาเพื่อน  พี่ซองอุน...หนูอยากขับรถบรรทุก  พี่มุนคยู...มาแอบหลับอยู่ในกล่องอีกแล้วเหรอฮะ  ตื่นเดี๋ยวนี้  ทุกๆคำพูด  ทุกๆคำเอ่ยขอ  ทุกๆคำถามมันล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกน้องในบริษัทยิ้มได้

     

    แต่บางครั้ง...ก็ต้องหุบยิ้มแบบกะทันหันเมื่อถูกลูกพี่ผิมเข้มปลายตามองด้วยความหึงหวง

     

                “มีใครจะเอาอะไรเพิ่มอีกไหม  กูจะลงไปเอาทรายที่โรงงาน!?”

     

                “เอาปะการังเทียมขึ้นมาให้กูด้วย  ป่านนี้สีแห้งแล้วมั้ง?”

     

                “เค...ถ้าทำตรงนั้นเสร็จแล้วก็พักก่อน  เดี๋ยวค่อยมาช่วยกันทำต่อ”

     

                “วันนี้เจ๊แบคทำอะไรกินวะ?”

     

                “ถ้าผัวไม่กวนตีน...ก็จะได้แดกของดี  ถ้าผัวทำให้อารมณ์เสีย...ก็หาแดกกันเอง”

     

                “เป็นคำตอบที่ทำให้กูมีแรงขึ้นมาทันที  ถุยยย!!!

     

                “มึงน่าจะชินได้แล้วแทมิน”

     

                “กูโทรสั่งไก่มาแดกดีกว่ามั้ง  กูขี้เกียจเดาอารมณ์พี่มึง”

     

                ทรายสีขาวจำนวนหลายถุง...ถูกเทลงบนพื้นดาดฟ้าจนตอนนี้โลกใต้ท้องทะเลก็ใกล้จะเป็นความจริงเต็มที  คนต้นคิดยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า  เพราะบนดาดฟ้าแห่งนี้มันเป็นที่ที่เขาจูบกับปลาตัวน้อยเป็นครั้งแรก  แถมยังขอเป็นแฟนแบบหน้าด้านๆ  จงอินจำได้ดีว่าเด็กที่ไร้เดียงสาในวันนั้น  ตอบรับการเป็นแฟนของเขาด้วยเหตุผลอะไร  และถึงแม้จะดูเหมือนเป็นการมัดมือชก***หรือฉวยโอกาส  แต่มันก็ทำให้คิมจงอินได้แต่งงานกับน้องปลาจริงๆในวันนี้

     

                “จงอินนนน...จงอินโว้ยยยย!!!  อยู่ข้างบนหรือเปล่า???”

     

                “เอออออ!!!...มีอะไรวะเจ๊??”

     

                “มีคนมาหา...ใครก็ไม่รู้  กูไม่รู้จักกกกกก!!!!

     

                ยืนยิ้มให้กับสถานที่ของงานแต่งงานได้ไม่ถึงห้านาที...เสียงตะโกนของพี่ชายต่างแม่ที่ชั้นหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะความสุขไปเสียก่อน  แถมต้นสายปลายเหตุของเรื่องก็ยังทิ้งความสงสัยไว้ให้จนต้องรีบเดินลงมาข้างล่าง  ส่วนปะการังเทียมที่ลูกน้องฝากหยิบมาจากโรงงาน  รวมถึงทรายอีกหลายถุงที่จะนำมาเทบนดาดฟ้าเพิ่มเติมก็คงต้องพักไว้ก่อนเพราะตอนนี้...มันเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในเพลนเข้ามาให้จัดการ

     

                “เจ๊!!!...แล้ววันนี้มีอะไรกินวะ???”

     

                “ลงมาดูเอง  กูตะโกนจนเจ็บคอไปหมดแล้วเนี่ยยย!!

     

                “แล้วใครมันตะโกนก่อนวะ?”

     

                “ถ้าพรุ่งนี้มึงไม่ใช่เจ้าบ่าว  กูจะตบให้ปากฉีกเลยยย!!!  แล้วก็ลงมาให้หมดทุกคนเลยนะ  กูทำกับข้าวเสร็จแล้วววว!!

     

                คนเป็นพ่อ...ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนชั้นสองของบ้าน  ได้แต่ส่ายหัวให้กับพฤติกรรมบ้าๆบอๆของลูกชายทั้งสองคน  เพราะทำตัวเหมือนอยู่ในป่าในเขาทั้งๆที่มีเครื่องมือสื่อสารพกติดตัวกันคนละเครื่อง  แทนที่จะเดินขึ้นไปคุยกันดีๆ หรือโทรบอกว่าใครต้องการอะไร  ลูกๆกลับตะโกนคุยกันระหว่างชั้นหนึ่งกับบนดาดฟ้า  มือของชายสูงวัย...พับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะแล้วรีบลุกออกจากโซฟาตัวใหญ่ทันทีเมื่อทราบว่ามีผู้มาเยือนโดยไม่ได้มีการนัดหมายเอาไว้  แถมยังเป็นคนที่ลูกๆไม่รู้จัก

     

                “เจ๊แบค!!!...กับข้าวโคตรน่ากินเลยว่ะ  เมื่อคืนชานยอลมันทำการบ้านถูกใจอะดิ?”

     

                “เรื่องของผัวเมีย  มึงอย่าเสือกได้ไหมราวี่  แล้วทำไมพวกมึงลงมาสภาพนี้กันวะ?!!  บ้านเลอะหมดเลยเนี่ย  พวกมึงเห็นไหมมม!!!!?”

     

                “ก็คนมันหิวนี่หว่า  บนดาดฟ้าแดดร้อนจะตาย  พวกผมก็เลยรีบบบบบ...ลงมาหาที่หลบแดด”

     

                “แสดงว่าพวกมึงอยากลงมาตายกันในครัว  ใช่ไหมมม??”

     

                “โธ่เจ๊!!...อย่าบ่นดิ  พรุ่งนี้มีงานสำคัญนะ  เดี๋ยวหน้าก็เหี่ยวหรอก”

     

                “ไม่เหี่ยวเท่าไข่มึงหรอกมั้ง  แล้วพวกมึงก็ช่วยยกกับข้าวไปกินที่โรงงานเดี๋ยวนี้เลย  แล้วอย่าเข้ามาในบ้านอีก  กูเหนื่อยย!!!

     

                บ้านที่เต็มไปด้วยเม็ดทราย...ทำให้แม่ครัวหงุดหงิดจนอยากจะไล่ลูกน้องในบริษัทออกไปให้หมด  และงานแต่งงานของน้องชายที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ก็ทำให้พี่อย่างแบคฮยอนมีงานเพิ่มขึ้นจากที่มีมากอยู่แล้ว  อาหารเช้าก็ต้องทำ  อาหารกลางวันก็เพิ่งทำเสร็จ  อาหารเย็นก็ต้องเตรียม  รวมถึงยังมีเรื่องจุกจิกอีกมากมายที่ต้องทำให้เสร็จภายในคืนนี้

     

     

                แม่ครัวในชุดนอนลายสนูปปี้...ยืนเท่าเอวที่มีไม้กวาดกำอยู่ในมือแล้วจิกสายตามองพวกลูกน้องที่กำลังทยอยนำมื้อเที่ยงออกไปจากห้องครัวก่อนที่ความหงุดหงิดจะพาลให้อดทานมื้อเย็น  เพราะแทนที่จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น  เขากลับต้องมาเก็บกวาดบ้านที่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยทราย

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

                “สวัสดีครับคุณจางฮยอกคุณจงอิน...ผมซึงฮอนครับ”

     

                ผู้มาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...ยืนขึ้นเพื่อกล่าวทักทายเจ้าของบ้านและลูกชายเมื่อถูกต้อนรับพร้อมให้เข้ามานั่งรออยู่ในห้องโถง  รูปร่างสันทัดในชุดสูทสีดำ  ใบหน้าเคร่งขรึมไร้รอยยิ้มดูไม่เป็นมิตร  แต่มีมารยาทมันทำให้จงอินรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ  เพราะรูปลักษณ์ภายนอกรวมถึงกิริยาท่าทางที่ชายแปลกหน้าแสดงออกมาทั้งหมดมันช่างคล้ายกับคนของตระกูลอู๋ไม่มีผิด  และถ้าใช่...ก็คงมีเรื่องให้ต้องหนักใจอีกตามเคย

     

    คนที่กำลังมีความวิตกกังวล...คิดว่าพ่อแม่ของรุ่นพี่คนสนิทเป็นเจ้าของธนาคารจริงๆใช่ไหม??  หรือว่าอีกด้านหนึ่งของธุรกิจมันคือการเป็นมาเฟียกันแน่?  ทำไมถึงได้มีลูกน้องที่ดูน่ากลัวขนาดนี้!!

     

                “เชิญนั่งก่อนครับคุณซึงฮอน”

     

                “ไม่เป็นไรครับ...ผมเป็นลูกน้องของคุณอูบินนะครับ  คุณอูบินสั่งให้ผมนำของมาส่ง  ผมรบกวนคุณจางฮยอกกับคุณจงอินออกไปดูของที่ผมเอาส่งด้วยครับ  เชิญครับ!!

     

                ถ้าโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้องโถง...มันไม่มีพนักพิง  ลูกชายเจ้าของบ้านคงหงายหลังขาชี้ฟ้าไปตั้งแต่ชายแปลกหน้าเริ่มแนะนำตัวเอง  เพราะสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้มันเป็นจริงอย่างที่คิด  แต่ก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องหนักใจเมื่อได้ยินบทสนทนาที่กล่าวถึงการนำของบางอย่างมาส่งตามคำสั่ง  คนเป็นพ่อจำเป็นต้องลุกจากที่นั่งตามคำเชื้อเชิญแล้วเดินนำลูกน้องของอูบินออกมาด้านนอกเพื่อชมสิ่งที่บอกกันไว้เมื่อครู่

     

                “อะไรกันเนี่ย?  //  โอ้โห!!!!!

     

                “คุณอูบินบอกว่าเป็นของขวัญสำหรับคู่บ่าว-สาวครับ”

     

                “มันไม่มากไปหน่อยเหรอ  ผมว่าคุณเอากลับไปคืนเจ้านายดีกว่ามั้ง??!

     

                “เห็นจะไม่ได้ครับ...ถ้าคุณจางฮยอกมีปัญหาหรือติดขัดในเรื่องใด  ผมรบกวนให้โทรหาคุณอูบินโดยตรงจะดีกว่านะครับ”

     

                “เฮ้ออออ!!...แล้วคุณซึงฮอนจะกลับยังไงล่ะ  ผมให้เด็กไปส่งเอาไหม?”

     

                “ไม่รบกวนดีกว่าครับ  ผมลาเลยนะครับ...สวัสดีครับ”

     

                “เออๆ...ไปดีมาดี”

     

                สองพ่อลูก...รู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นของขวัญสำหรับคู่บ่าว-สาวที่จอดอยู่ตรงหน้าเพราะของขวัญที่ว่ามันคือพาหนะราคาแพง  จะดีใจก็ไม่ใช่  จะเรียกว่าเซอร์ไพรส์ก็ไม่เชิง  แต่มันคิดไม่ถึงและไม่นึกไม่ฝันว่าคนที่หวงน้องปลามากๆอย่างคิมอูบินจะยอมซื้อของราคาหลักล้าน  แล้วนำมามอบให้เนื่องในวันแต่งงาน  จงอินเดินวนดูรอบๆรถ  ในขณะที่คนเป็นพ่อเดินออกไปส่งผู้มาเยือนที่หน้าบ้าน  และพิจารณาว่านี่มันคือของของเขากับว่าที่เจ้าสาวจริงหรือเพราะดูอย่างไรมันก็เหมือนจะซื้อมาเพื่อเอาใจน้องปลามากกว่า

     

    Aston  Martin  Pebbel  Beach  DB9...ราคาหลายล้านดอลลาร์  ที่มีเบาะนั่งหรือการตกแต่งด้านในเป็นสีชมพูอ่อน  มันไม่น่าจะใช่ของขวัญสำหรับคู่บ่าว-สาว  แต่น่าจะเป็นของน้องปลาเพียงคนเดียว

     

     


     

     

                ใช่ว่าไม่มีปัญญาซื้อของราคาแพงขนาดนั้น  แต่ด้วยหน้าที่การงาน  ด้วยอาชีพ  ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยรักษาของ  จงอินจึงไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องซื้ออะไรแพงๆให้กับตัวเอง  การทำบ้านปลา...มันต้องใช้แต่รถบรรทุกเพื่อการขนส่ง  อุปการณ์ในการประกอบตู้แต่ละชิ้นก็ไม่เหมาะจะเอารถหรูไปขนย้าย  ที่บริษัทบ้านปลาแห่งนี้จึงมีแต่รถแวน  รถตู้  รถบรรทุกทั้งขนาดเล็กและใหญ่เพื่อใช้ในการเดินทางไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้า  จงอินเข้าใจดีว่าฐานะ  อาชีพหรือการใช้ชีวิตของเขากับอูบินมันต่างกันมาก  แต่ของขวัญชิ้นนี้มันก็ราคาสูงเกินกว่าจะนำมาเป็นของขวัญ

     

    Rrrr!!!!

    Rrrr!!!!

     

              “สวัสดีฮะคุณเจ้าบ่าว”

     

                (คิดถึงเจ้าสาวของคุณคิมจังเลยครับ)

     

                “หนูก็คิดถึงฮะ จุ้บๆร้อยทีนะฮะ”

     

                (จุ้บๆสองร้อยทีเลยครับ  แต่...เอ่อออ  พี่ขอคุยกับพี่อูบินหน่อยได้ไหมครับ  พอดีพี่มีธุระจะถามนิดหน่อย  พี่อูบินอยู่แถวนั้นไหมครับน้องปลา??)

     

                “อยู่ฮะ...คุณคิมรอแป๊บนึงนะฮะ  คุณปลาวาฬจ๋ากำลังช่วยพี่คริสจ๋าเก็บของอยู่”

     

                (ไม่ต้องวิ่งนะครับน้องปลา  เดี๋ยวหกล้ม)

     

                “ถ้าจุ้บอีกร้อยทีหนูจะไม่วิ่งฮะ”

     

                (งั้นพี่จุ้บ...ห้าร้อยทีเลยครับ)

     

                ไม่ได้อยากหาเรื่องใส่ตัว...แต่ความคับข้องใจมันทำให้ผู้ที่ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ต้องรีบโทรมาเคลียร์ความรู้สึกก่อนที่จะคิดอะไรเตลิดไปในแง่ลบ  ซึ่งมันก็จะไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ให้หรือผู้ที่รับของขวัญ  จงอินพยายามวางใจให้เป็นกลาง  แต่สิ่งที่อูบินกระทำมันเหมือนไม่ไว้ใจหรือคิดว่าเขาไม่สามารถดูแลน้องปลาได้ดีอย่างที่พี่น้องตระกูลอู๋เคยดูแล

     

                “ว่าไง...จงอิน!!

     

                (พี่...ของขวัญที่พี่ให้คนเอามาส่งมันหมายความว่าอะไรครับ?!!)

     

                “มึงไม่ชอบเหรอ  จะเปลี่ยนแบบก็ได้นะ  มึงบอกกูมาเลย”

     

                (ไม่ใช่พี่...พี่ฟังผมนะ  พี่ซื้อรถแบบนี้มาให้ผมทำไม  พี่กำลังจะสื่ออะไรกันแน่ครับ??)

     

                “สื่อเหี้ยอะไรล่ะ  ของขวัญก็คือของขวัญ  ถ้ามึงไม่ชอบก็ถือซะว่ามันเป็นของน้องปลาก็แล้วกัน”

     

                (ไม่ใช่ชอบหรือไม่ชอบนะพี่...แต่บ้านผมก็มีรถเยอะแยะ  พี่จะซื้อมาทำไมอีกครับ?)

     

                “บ้านมึงมีแต่รถบรรทุกกับรถตู้  มึงจะเอารถแบบนั้นให้น้องกูนั่งได้ไง??!

     

                (รถมันก็นั่งได้หมดทุกคันนั่นแหละพี่  ผมใช้มาตั้งนาน...ไม่เห็นมันจะมีปัญหาอะไรเลย!!)

     

                “มึงไม่มีแต่กูมี...รถมึงใช้มากี่ปีละ??  ของที่มึงบรรทุกแต่ละอย่าง...พังไปก็หาซื้อใหม่ได้  แต่ชีวิตน้องกู  ต่อให้มึงตายอีกสิบชาติก็ชดใช้ให้กูไม่ได้”

     

                (..........!!!!)

     

                “รถมึงเอาไว้ใช้งานกูเข้าใจ  แต่เวลามึงไปไหนมาไหนกับน้องกูสองคน  กูอยากให้มึงใช้รถที่กูซื้อให้  กูไม่ได้อวดรวยเพราะกูรวยจริงๆ”

     

                (............!!???)

     

                “กูไว้ใจมึงนะจงอิน  กูรู้ว่ามึงรักน้องกูมากแค่ไหน  แต่ถ้ามึงรักจริงๆอย่างที่ปากพูด  มึงควรนึกถึงความปลอดภัยของคนที่มึงรักให้มากกว่านี้  ราคารถมันก็เหมาะสมกับสมรรถนะ  มึงอย่าเอาราคามาเทียบกับเรื่องไร้สาระในหัวมึงเพราะมึงกำลังคิดผิด!!

     

                (.............!?)

     

                “เรื่องที่มึงจะขับรถบรรทุก  รถตู้  รถแวนพาน้องกูไปทำงานด้วย  อันนี้กูห้ามไม่ได้เพราะมันเป็นอาชีพของมึง  แต่เวลามึงไปรับน้องกูที่บ้าน  ไปเที่ยว  ไปนั่นมานี่  กูขอให้มึงใช่ของขวัญที่กูซื้อมาให้ได้ไหม  มึงทำให้กูได้ไหมจงอิน!!!!

     

                (ได้ครับพี่....)

     

                “กูรวย...เรื่องนี้กูเข้าใจตัวเองดี  แต่มึงควรเข้าใจตัวเองด้วยว่ามึงยังเด็กและคิดอะไรไม่รอบคอบ”

     

                (ก็ผมคิดว่าพี่ไม่ไว้ใจผม...พี่เล่นซื้อของแพงๆแบบนี้มาให้  ผมก็คิดมากดิ)

     

                “เอาไว้กูซื้อเครื่องบินส่วนตัวมาให้เป็นของขวัญ  แล้วมึงค่อยโทรมาด่ากูใหม่ละกัน!!

     

    ติ๊ดด!!!

     

                หายข้องใจ  โล่งใจ  แถมยังสบายใจมากขึ้น...แต่กลับมีความรู้สึกผิดขึ้นมาแทนที่และดีที่ไม่ถูกด่ามากกว่านี้  สายถูกตัดไปด้วยคำพูดทิ้งท้ายไว้จนน่าหมั่นไส้  เพราะแค่การซื้อรถหรูราคาหลักล้านมาให้เป็นของขวัญมันก็ถือว่ามากพอแล้วสำหรับผู้ที่ได้รับ  และถ้าพี่ชายจอมหวงของน้องปลาซื้อเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวมาให้จริงๆ  มีหวังลูกชายเจ้าของบริษัทบ้านปลาคนนี้คงต้องทุบโรงงานทิ้งเพื่อใช้เป็นที่จอดของขวัญชิ้นโต

     

    จงอินทราบดีว่าพี่น้องตระกูลอู๋ร่ำรวยมากแค่ไหน  แต่ตัวเขาก็ใช่ว่าจะไม่มีเงินและถึงแม้จะมีน้อยกว่า  มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟนเด็ก  แล้วอีกอย่าง...ใครมันจะโง่ขับรถเก๋งมาชนกับรถบรรทุก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    บริษัท  มีปลา

    18.40 น.

     

    แกร๊กก!!!

     


                “น้องปลา...นอนได้แล้วลูก  เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปเข้าพิธีไม่ทัน”

     

                “ก็หนูยังไม่ง่วงหนิฮะ  นี่มันเพิ่งหกโมงกว่าๆเองนะฮะ”

     

                “แล้วน้องปลาจะให้พ่อทำยังไงหนูถึงจะหลับ  หื้มม??”

     

                “เกาหลังให้หนูหน่อยฮะ”

     

                คนเป็นพ่อ...ได้แต่ยิ้มให้กับลูกคนเล็ก  แล้วปิดประตูลงอย่างเบามือเมื่อได้รับคำตอบที่ทำให้รู้สึกว่าลูกของตัวเองไม่น่าจะเป็นเจ้าสาวของใครได้  จีโฮทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างพร้อมโอบกอดน้องปลาเอาไว้และลูบหลังไปมาอย่างที่คนในอ้อมอกต้องการ  เลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะจนวันพรุ่งนี้จะเข้าพิธีวิวาห์กับหนุ่มผิวเข้มอยู่แล้ว  แต่เด็กชายโอเซฮุน...ก็ยังขอให้เขาเกาหลังเหมือนตอนอายุห้าขวบ

     

     

                ตามใจ  เอาใจ...และไม่เคยดุด่าว่ากล่าว  จนบางครั้งคนเป็นพ่ออย่างเขาก็คิดโทษตัวเองว่าการทำแบบนี้มันอาจส่งผลให้น้องปลากลายเป็นเด็กนิสัยไม่ดี  แต่พอมาถึงวันนี้...ทุกอย่างที่เคยคิดไว้กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องวิตกกังวลอะไรอีกแล้ว  จีโฮรู้ตัวดีว่าตามใจลูกคนเล็กมากเกินไป  สิ่งไหนขาดก็เติมจนล้น  สิ่งใดมีอยู่แล้วก็ยังหามาเสริมให้ไม่เคยพร่อง  และมันอาจเป็นผลมาจากการสูญเสียคนรักไปตอนคลอดน้องปลาก็เป็นได้

     

     

                จีโฮ...กลัวลูกคนเล็กจะขาดความอบอุ่น  และการเลี้ยงลูกโดยปราศจากคนเป็นภรรยามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด  น้องปลาไม่เคยได้สัมผัส  ไม่เคยได้อ้อมกอด  ไม่เคยได้รับการปลอบโยนจากผู้ให้กำเนิดเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ  เขาจึงเกรงว่าสิ่งที่ลูกไม่เคยได้จะพาให้กลายเป็นเด็กมีปมด้อย  แต่...การต้องตัดสินใจเพื่อรักษาชีวิตของใครไว้สักคนก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆเช่นกัน  เพราะถ้าไม่เลือกหรือไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด  จีโฮอาจเสียทั้งลูกทั้งเมียไปพร้อมกัน  ทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขามันบั่นทอนหัวใจจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่

     

     

                กว่าลูกๆจะโต  กว่าธุรกิจที่ร่วมสร้างมากับคนรักจะยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้  จีโฮก็ล้มลุกคลุกคลานมานับครั้งไม่ถ้วนและท้อจนเกือบตัดใจทิ้งบริษัทมีปลาแล้วย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ  แต่ที่ยังอยู่ได้  ยังมีแรง  ยังยืนหยัดสู้มาถึงวันนี้ก็เพราะลูกชายทั้งสองคน  รวมถึงผู้เป็นพ่อของว่าที่เจ้าบ่าวที่เข้ามาช่วยให้ธุรกิจการขายสัตว์น้ำของเขายังคงดำเนินต่อไปได้  ใช่ว่าจะยกน้องปลาให้เป็นสิ่งตอบแทนในเรื่องของการทำธุรกิจ  และจีโฮก็ทราบดีว่าจางฮยอกก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น  แล้วพวกเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าลูกของแต่ละฝ่ายจะมาลงเอ่ยด้วยการคบหากันจนถึงขั้นแต่งงาน

     

     

                จีโฮ...ยังคงมีความดีใจที่ปะปนมากับความเป็นห่วงเพราะถึงแม้น้องปลาจะกำลังเป็นฝั่งเป็นฝา***ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า  แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังเป็นห่วง  ยังรัก  และยังต้องดูแลลูกคนนี้ไปจนกว่าจะตายจากกัน  สายใยของความเป็นพ่อเป็นลูกมันไม่มีวันตัดขาด  สิ่งใดที่ลูกยังต้องการ...พ่อก็จะหามาให้  สิ่งไหนที่ลูกไม่แน่ใจ...พ่อก็จะช่วยคิดหาทางออก  และเมื่อไหร่ที่ลูกๆมีปัญหา...พ่อคนนี้ก็จะคอยอยู่เคียงข้างเสมอ  รักมาก  หวงมากและอยากเห็นลูกๆทุกคนมีความสุข

     

                “พ่อฮะ...พรุ่งนี้แม่จะมางานแต่งงานของหนูไหมฮะ??”

     

                “มาสิ...แม่จะอยู่กับน้องปลาเสมอ  แม่อยู่ตรงนี้...อยู่ในใจของพ่อกับน้องปลา”

     

                “แม่จะดีใจหรือเปล่าฮะ  แล้วแม่จะชอบคุณคิมไหมฮะ??”

     

                “น้องปลารักใคร  แม่ก็รักด้วย  ถ้าน้องปลามีความสุข  แม่ก็จะมีความสุข”

     

                “งั้นหนูจะมีความสุขเยอะๆ  หนูจะไม่เศร้า  แม่จะได้มีความสุข”

     

                มีความรู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจที่ตัวเองเป็นสาเหตุทำให้ผู้เป็นแม่ต้องเสียชีวิต  เด็กชายโอเซฮุน...ที่เห็นคุณแม่จากรูปถ่ายที่วางอยู่บนหัวเตียงทุกวัน  มีความสงสัยมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ว่าการให้กำเนิดลูกอย่างเขามันเจ็บปวดมากใช่ไหม?  ทรมานมากเท่าใด?  หรือเคยมีความสุขบ้างหรือเปล่า?  ทราบดีว่าตัวเองไม่ใช่เด็กมีปัญหาหรือมีปมด้อยเพราะคุณพ่อช่วยเติมเต็มทุกอย่างให้มันสมบูรณ์  แต่เขาก็อยากรู้เช่นกันว่าความรักของคนเป็นแม่นั้นเป็นเช่นไร

     

     

                จำได้ดี...ว่าตอนยังเด็กเพื่อนๆมักจะมีคุณแม่มารับมาส่งที่โรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง  ส่วนเขามีแค่คุณพ่อกับพี่อี้ชิง  โดนล้อบ้าง  โดนถามบ้างตามความสงสัยของเพื่อนๆในวัยนั้นและเขาก็ตอบได้เพียงว่าท่านอยู่บนฟ้า  การเจริญเติบโตของเขา...ถูกผู้เป็นแม่เห็นผ่านจากก้อนเมฆอย่างนั้นหรือ?  เวลาที่เขาร้องไห้...สายฝนที่โปรยลงมามันคือน้ำตาของแม่ด้วยหรือเปล่า?  ความเป็นเด็กมันไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้จนกระทั่งเมื่อโตขึ้น

     

    น้องปลาไม่ได้โทษคุณพ่อที่เลือกเขาแล้วปล่อยให้คุณแม่เสียชีวิต  เพราะถ้าไม่มีพวกท่าน...เขาก็คงไม่ได้เกิดมาและพรั่งพร้อมไปด้วยความสุขมากมายขนาดนี้

     

                มีที่เรียน  มีของเล่น  มีทุกอย่างได้ก็เพราะคุณพ่อสรรหามาให้ทั้งนั้น  แถมยังมีพี่ชายกับพี่เขยที่คอยดูแลเขาจนรู้สึกว่าเหมือนมีคุณแม่และมีคุณพ่อสองคน  น้องปลาทำสัญญาใจ...ผ่านรูปถ่ายของผู้ให้กำเนิดทุกวันว่าจะเป็นเด็กดี  ไม่สร้างปัญหา  ไม่ทำให้ใครเสียใจและจะรักคุณพ่อกับพี่อี้ชิงให้เหมือนที่แม่เคยรัก  ลูกชายคนเล็ก...บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองตั้งแต่จำความได้จนถึงตอนนี้ให้คุณแม่ที่อยู่ในรูปถ่ายบนหัวเตียงฟังอยู่เสมอ  วันนี้ไปโรงเรียนสนุกมาก  วันนั้นพี่อี้ดุเพราะหนูซนเกินไป  พรุ่งนี้คุณพ่อจะพาไปกินไอศกรีมและงานแต่งงานในเช้าวันรุ่งขึ้น  ลูกคนนี้...ก็จะทำเช่นเดิม (:

     

    แกร๊กก!!!

     

                “อยู่นี่เอง...อี้หาคุณพ่อตั้งนาน”

     

                “มีอะไรหรือเปล่าลูก  ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”

     

                “อี้จะรีบนอน  พี่คริสกับพี่อูบินก็ทะเลาะกันอยู่นั้นแหละ  อี้ก็เลยจะมาขออนุญาตนอนห้องคุณพ่อ  โอ้ยย...หงุดหงิด!!!

     

                “ใจเย็นๆก่อนลูก  มานอนกับพ่อตรงนี้มา  นอนด้วยกันสามคนนี่แหละ”

     

                ลูกคนเล็กยังไม่ง่วง...ลูกคนโตก็มีเรื่องพี่ชายของสามีเข้ามากวนใจ  แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังคงยิ้มรับและเบี่ยงกายพร้อมตบเตียงกว้างเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้คนที่กำลังหัวเสียมานอนด้วยกัน  ขนาดของเตียงควีนไซส์ดูเล็กไปถนัดตาเมื่อมีลูกๆมานอนขนาบข้าง  แต่ความสุขและความอบอุ่นใจที่ได้รับกลับทำให้ขนาดของที่นอนกลายเรื่องที่ถูกมองข้ามไปในทันที

     

                “พ่อฮะ...พรุ่งนี้หนูเอาคุณส้มแป้นกับคุณมืดตื๋อไปงานแต่งงานด้วยได้ไหมฮะ?”

     

                “เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ  ป่านนี้ยังไม่นอนอีก  พรุ่งนี้ตื่นสายแน่!!

     

                “พี่อี้ก็ยังไม่นอนเหมือนกันนั่นแหละ  พรุ่งนี้แต่งหน้าไม่ทันแน่  แบร่!!!

     

                “เงียบไปเลยนะ  ละ...แล้ว  โอ๊ยยย!!   พ่อออ...น้องปลาแกล้งอี้!!

     

                “ขี้ฟ้องงง...!!

     

                จีโฮ...จำเป็นต้องละมือจากการเกาหลังให้ลูกคนเล็ก  แล้วเปลี่ยนมาเป็นการโอบกอดลูกๆเอาไว้เพื่อยุติการโต้เถียง  แต่คนที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวกลับเริ่มก่อสงครามโดยการปีนขึ้นมานอนบนอกของผู้เป็นพ่อ  แล้วสอดมือลงไปหยิกเอวของพี่ชายจนต้องส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ  จีโฮตีก้นลูกชายคนเล็กเบาๆคล้ายเป็นการตักเตือน  ส่วนลูกคนโตก็ได้แต่ส่งสายตาคาดโทษมาให้เจ้าของแรงหยิก

     

                “เสร็จงานแต่งน้องปลาแล้ว  คุณพ่อจะอยู่บ้านกี่วันครับ”

     

                “ก็น่าจะหลายวันอยู่นะ  ลูกค้ายังไม่มีออร์เดอร์ใหม่ๆเข้ามาเลย”

     

                “อี้ไม่อยากให้พ่อไปทำงานที่อื่นเลยครับ”

     

                “อ้าวว...ลูกคนโตงอแงซะแล้ว  อี้ชิงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าลูก?”

     

                “อี้เปล่างอแงสักหน่อย  อี้แค่ไม่อยากให้คุณพ่อเดินทางบ่อยๆ”

     

                การที่ผู้เป็นพ่อ...ชอบตามใจลูกค้าจนเคยตัว  มันทำให้อี้ชิงรู้สึกเป็นห่วงทุกครั้งเมื่อท่านต้องเดินทางไกล  เดือนก่อนไปประเทศนั้น  อีกสองอาทิตย์ไปอีกประเทศหนึ่งและเป็นแบบนี้วนเวียนอยู่นานหลายปี  ยิ่งได้ลูกเขยอย่างคริสเข้ามาช่วยดูแลกิจการอีกแรง  พ่อของเขาก็ยิ่งเดินทางบ่อยขึ้นกว่าเดิม  ลูกชายคนโต...อยากให้คุณพ่อพักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการสร้างบริษัทแห่งนี้มาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก  ซึ่งท่านก็ได้วางรากฐาน  วางแผน  วางอนาคตที่ดีไว้ให้มากพออยู่แล้ว  คุณพ่อไม่จำเป็นต้องออกไปหาเจ้าหางสวยสายพันธุ์แปลกๆหรือหาสัตว์น้ำตามออร์เดอร์เพื่อเอาใจลูกค้าเหมือนอย่างที่เคยทำ

     

    อี้ชิงยอมเสียรายได้ไปบางส่วนเพื่อให้ผู้มีพระคุณได้อยู่กับเขาแทนที่จะต้องออกไปทำงานนอกบ้าน  และ......

     

                “ใช่ฮะ...พี่อี้พูดถูก  หนูก็ไม่อยากให้พ่อไปต่างประเทศอีกแล้ว  หนูคิดถึงพ่อ  คิดถึงมากที่สุด  คิดถึงเยอะๆ”

     

                “อี้ชิง...น้องปลา  พวกหนูรุมพ่อกันใหญ่เลยน้าาาา  นอนได้แล้วลูก”

     

                “เปล่ารุมนะฮะ  หนูกับพี่อี้รักพ่อมากๆต่างหาก”

     

                คนที่เพิ่งเปิดสงครามประสาทกับพี่ชายไปเมื่อครู่  รีบเงยหน้าจากอกผู้เป็นพ่อแล้วเอ่ยความในใจที่มันตรงกับความรู้สึกของอี้ชิงทันที  เพราะเจ้าตัวก็อยากให้ท่านอยู่บ้านมากกว่าเดินทางไปต่างประเทศ  น้องปลาอยากกอด  อยากหอม  อยากทานอาหารร่วมกับคนในครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนเดิม  ลูกชายคนเล็ก...ไม่อยากให้คุณพ่อทำงานหนักอีกแล้ว  สิ่งที่ท่านได้สร้างไว้ให้มันมีมากพอที่เขากับพี่ชายจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสุขสบายไปจนวันตาย  แถมตอนนี้ยังมีพี่เขยแสนดีที่เข้ามาช่วยดูแลทุกอย่างให้มันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

     

                “ถ้าอี้ชิงกับน้องปลาไม่อยากให้พ่อทำงาน  แล้วอยากให้พ่อทำอะไร  หื้มม??”

     

                “อยู่บ้านกับน้องปลาครับ  //  อยู่บ้านกับพี่อี้ฮะ!!

     

    ฟอดดด!!!

    ฟอดดด!!!

     

                เสียงตอบที่ดังขึ้นพร้อมกัน  แก้มทั้งสองข้างที่ถูกหอมจนยุบไปตามแรงกด  อ้อมกอดเล็กๆของลูกทั้งสองคน  มันได้สร้างความสุข  ความอิ่มเอมและเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับผู้เป็นพ่อ  ชีวิตของโอจีโฮ...ถือว่าประสบความสำหรับแล้วที่สามารถเลี้ยงลูกๆให้เป็นคนดีได้  และยังสามารถทำธุรกิจที่ร่วมสร้างมากับภรรยาจนได้เป็นอาณาจักรร้านขายสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุด  เหนื่อยแค่ไหนก็สู้เพื่อลูกๆ  ท้อเพียงใดก็พยายามอดทนเพื่อครอบครัวและสิ่งที่ทำให้เขาไม่เคยถอดใจก็คือความรักจากลูกชายทั้งสองคน

     

                “นอนได้แล้วเด็กๆ...พรุ่งนี้มีงานสำคัญรออยู่นะลูก”

     

                “กู๊ดไนท์ฮะพ่อ  //  ฝันดีครับพ่อ”

     

                มือของชายสูงวัย...โอบกอดดวงใจทั้งสองดวงเอาไว้ด้วยความรัก  และไม่กล้าสัญญาว่าสิ่งที่ลูกๆต้องการมันจะเป็นไปได้หรือไม่เพราะงานก็คืองาน  แต่พ่อคนนี้ก็จะคอยดูแล  คอยช่วยเหลือ  คอยปกป้องลูกๆอยู่เสมอ  จีโฮไม่สามารถละความเป็นห่วงหรือผลักไสหน้าที่ในการดูแลลูกๆให้กับใครได้  แม้อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าลูกชายคนเล็กจะออกไปมีครอบครัวใหม่ก็ตามที  ความเป็นพ่อยังคงอยู่อย่างนั้นและจะอยู่ตลอดไปจนกว่าจะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาพรากชีวิตของเขาไปก่อน

     

     


     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

      

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่ 17 : autoweek.com  และ  topgear.com

    ***มัดมือชก...หมายถึง บังคับหรือใช้วิธีการใดๆ  ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมจำยอม  แล้วจัดการเอาตามชอบใจ

    ***เป็นฝั่งเป็นฝา...หมายถึง  มีหลักฐานมั่งคง  แต่งงาน  มีเหย้ามีเรือน  มีครอบครัว

     

    Talk.

    อย่าลืมมางานแต่งงานของคุณคิมกับน้องปลากันนะค้าาาา (^_^

    และเหลืออีกเพียงตอนเดียว...ฟิคเรื่องนี้ก็จะจบแล้วค่ะ

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่อยู่กับ #ฟิคน้องปลา...มาจนถึงตอนนี้นะคะ  ขอบคุณจริงๆจากใจค่ะ

    รักสุดๆ 

    #ฟิคน้องปลา   

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×