ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) น้องปลา (Kaihun Ft.Chanbaek,Krislay)

    ลำดับตอนที่ #27 : ☏ พิเศษสาม ☏

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 820
      58
      18 เม.ย. 64




    พิเศษ  3.

     

     

    บริษัท  บ้านปลา

    05.00 น.

     

    ติ๊ดด ๆ ๆ ๆ!!!

     

    ติ๊ดด ๆ ๆ ๆ !!!

     

                “อืออ...”

     

                เหมือนจะเช้าเกินไปสำหรับการตื่นนอนของเด็กอายุ  16  ปี...แต่เสียงของนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้เมื่อคืนมันพาให้ต้องลืมตาท่ามกลางความมืด  มือบางรีบคว้าโทรศัพท์จากหัวเตียงมากดปิดเสียงเตือนและทิ้งไว้บนหมอนเหมือนของไร้ค่า  เครื่องมือสื่อสารของใครหลายๆคนอาจเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้  แต่สำหรับเด็กที่ชอบปลาเป็นชีวิตจิตใจ...เจ้าโทรศัพท์เครื่องนี้มันมีไว้แค่ตั้งปลุกกับเล่นเกมเท่านั้น  ยิ่งการตั้งปลุกก็ยิ่งไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์เพราะถ้าไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าแบบวันนี้  เขาก็แทบไม่ได้จับโทรศัพท์เลยสักนิด

     

    ห้องปลอดเชื้อสนุกกว่าตั้งเยอะ  ทำกับข้าวก็สนุกและในโรงงานบ้านปลาก็มีอะไรให้เล่นเยอะแยะ  ไประบายสีปะการังกับพี่แทมินก็ได้  ^O^

     

                โทรศัพท์มันเอาไว้ใช้สื่อสารก็จริง...แต่เด็กอย่างเขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องใช้เพราะลูกค้าที่ต้องการบ้านปลาทุกคนต้องโทรหาคุณคิมเท่านั้น  ส่วนใครที่อยากได้สัตว์น้ำสวยๆไปเลี้ยงหรือใช้ตกแต่งสถานที่ก็ให้ติดต่อพี่คริสจ๋ากับลูกน้องที่บริษัท  แต่...ถ้าคุณพ่อคิดถึง  พี่อี้ชิงมีปัญหา  และถ้าลุงจ๋าป้าจ๋าอยากพบ  น้องปลาก็จะรีบเดินทางไปหาทันที  แล้วการตื่นเช้าในวันนี้ก็เพื่อจะรีบเดินทางไปหาคุณปลาวาฬจ๋าด้วยตัวเอง

     

     

                ไกลแค่ไหนก็จะไป  ไม่มีใครห้ามได้และไม่มีใครกล้าขัดใจอีกต่างหาก  ขนาดอี้ชิงที่ว่าดุ  พี่คริสจ๋าที่ว่าเข้มงวดหรือว่าจะเป็นคุณครูคยองดีโอที่เคารพก็ไม่สามารถห้ามความต้องการของเด็กคนนี้ได้เลยสักคน  ยิ่งเป็นคุณคิมก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง  อะไรที่ภรรยาตัวน้อยต้องการก็จะสรรหามากองไว้ตรงหน้า  ถ้าดวงดาว  ท้องฟ้าหรือมหาสมุทรมันสามารถหยิบมาให้เชยชมได้อย่างใจนึก  คนเป็นสามีก็คงหอบมัลดีฟมาไว้ที่บริษัท  หลงกว่านี้  รักกว่านี้...ไม่มีอีกแล้ว  อะไรที่ทำให้น้องปลามีความสุข  คุณคิมก็พลอยมีความสุขไปด้วย  แต่.....

     

                “....!!!

     

                “อ๊ะ!!...อื้มมม”

     

                ความสุขของคุณคิม...ก็คือการได้ฟัดภรรยาแต่เช้า  เครื่องออกแปดโมง>>ตอนนี้ตีห้ากว่า>>เวลาเหลือเฟือ  กายน้อยๆที่กำลังลุกออกจากเตียงเพื่ออาบน้ำและตรวจเช็คของในกระเป๋าก่อนออกเดินทางต้องล้มลงไปบนความนุ่มลายปลาดาวเพราะถูกมือหนาคว้าเอาไว้  กายสมส่วน...บดเบียดกดคนใต้ร่างพร้อมจุมพิตที่แสนดูดดื่ม  ลิ้นร้อนกวานต้อนเหมือนโหยหาทุกอย่างมานานทั้งๆที่จูบกันอยู่ทุกวัน  ผิวพรรณของเด็กวัยเพียงสิบหกปีมันช่างหอมหวาน  ความขาวเนียนที่แม้จะมองไม่เห็นในความมืดยังพาให้สติเลือนหาย

     

     

                ไม่มีวันไหน...ที่ภรรยาตัวน้อยจะทำให้คนเป็นสามีหยุดคลั่งได้เลยสักวัน  สะโพกมนถูกลูบก่อนบีบเค้นจนน่าจะขึ้นริ้ว  ปากคมปลดปล่อยรสจูบเพียงเสียววินาทีและเติมรสสัมผัสอีกครั้งอย่างไม่อาจห้ามใจ  ชุดนอนที่เคยอยู่ครบชิ้นก็เหลือเพียงช่วงบนเท่านั้น  แถมยังหลุดลุ้ยเพราะกระดุมมันถูกปลดอย่างรีบร้อน  ส่วนอาภรณ์เจ้าของผิวเข้มที่เคยมีแค่กางเกงติดกาย...ตอนนี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว

     

                “น้องปลาาา...”

     

                “คะ...คุณคิมม  อ๊ะ!

     

                เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าที่พร่ำเรียก  เสียงหอบหายใจที่ดังข้างหู  แรงขบบนยอดอกที่ไม่อาจปิดกลั้นเสียงร้อง  ทุกๆอย่างมันพาให้เด็กวัยเพียงเท่าน้องปลาเพ้อชื่อสามีออกไปเช่นกัน  กายบางแอ่นโค้งไปตามแรงที่ถูกปลุกปั่น  ปากคมยังไม่เลิกหยอกเย้าแผ่นอกทั้งสองข้าง  มือบางจิกเกร็งอยู่บนบ่ากว้างเพื่อระบายทุกความรู้สึก แต่...จากบ่ากว้างก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นหมอนใบโตเมื่อฉลามเพชฌฆาตเริ่มออกล่าเหยื่อ

     

                “ซี้ดดด   ฮื้มมม!!

     

                “ฮึกก!...”

     

                แทบจะถึงความปรารถนาในคราวเดียว....เพราะทุกอย่างที่เป็นน้องปลามันพาให้เป็นเช่นนั้น  ใจเต้นจนยากจะควบคุม  และรอยจูบที่ยังมอบให้แก่กันก็ยิ่งทำให้ควบคุมการหายใจได้ยากขึ้น  เหมือนจะชินกับบทรักที่ร้อนแรงของสามี  แต่...ความเป็นเด็กก็ยังทำให้ผู้เป็นภรรยารู้สึกว่ามันหนักหน่วงเกินไป  น้องปลาอยากโตเร็วๆเพื่อจะได้ตอบสนองทุกความต้องการของจงอินได้  เขาไม่อยากเป็นภรรยาที่แย่  ไม่อยากเป็นภรรยาที่แสนน่าเบื่อและไม่อยากเป็นภรรยาที่ไม่ได้เรื่อง

     

    คุณคิมเคยบอกว่า...เจ็บให้เรียก  ไม่ไหวให้เตือน  ไม่ชอบอะไรให้พูดกันตรงๆ  แต่น้องปลาไม่อยากขัดใจเพราะคุณคิมกำลังมีความสุข

     

                ใช่ว่าเจ็บมาก...แต่ก็ต้องยอมรับว่าวาบหวามเกินทน  และจะให้เป็นแบบนี้ไปจนสิ้นสุดเพลงรัก  มีหวังไปฮ่องกงไม่ไหวแน่ๆ  มือบางดันหน้าท้องแกร่งเพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวก่อนตบเบาๆเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าให้ถนอมเขามากกว่านี้จะได้ไหม??

     

                “เจ็บเหรอครับน้องปลา...”

     

                “ฮึกก!...ฮะคุณคิม”

     

                “งั้นพี่ไม่ทำแล้ว  พี่ขอโทษนะครับ  ขอโทษจริงๆ  ชู่ววว!!!

     

                ความมืดภายในห้อง...ทำให้คนที่กำลังถูกความปรารถนาเข้าครอบงำไม่ทันได้เห็นน้ำตาที่ไหลจากผลของบทรักที่ร้อนแรง  และเสียงสะอื้นเพียงแผ่วเบาพร้อมการตอบรับก็พาให้จงอินต้องถอนความต้องการออกโดยไม่นึกเสียดายหรือคิดว่าอารมณ์ค้าง  ไฟหัวเตียงถูกเปิดด้วยความรีบร้อนก่อนร่างน้อยๆจะถูกประคองเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วง

     

                “หนูขอโทษนะฮะคุณคิม  แต่หนูไม่ไหวจริงๆ...”

     

    ฟอดดด!!

     

                (เฮ้ออออออ!!!)

     

                ฝังความเอ็ดดูลงบนกลุ่มผมสีเข้ม...แต่ขอถอนหายใจแค่ในความคิด  และที่ถอนหายใจก็ใช่ว่าเป็นเพราะเบื่อหรือรำคาญคนในอ้อมกอด  มันกำลังอดกลั้นต่อความโกรธ  โกรธที่ไม่เคยหักห้ามใจ  หักห้ามอารมณ์หรือหักห้ามเรี่ยวแรงของตัวเองเอาไว้บ้าง  มีเมียน่ารักมันเลยอดใจไม่ไหว  แต่พออดใจไม่ไหวก็เลยอดสานต่อบทรักแถมยังทำให้น้องปลาร้องไห้  ภรรยาก็ตัวแค่นี้...ทำไมคุณคิมถึงได้รุนแรงนัก  เอวคอดเท่ามือจีบ  ขาเล็กเท่ามือจับ  และถึงแม้สะโพกจะกลมกลึงน่าฟัด  แต่น้องก็ยังเด็กอยู่ดี  (หนู16 ขวบเองนะฮะ)

     

                “คุณคิมโกรธหนูไหมฮะ?  หนูเป็นเมียที่ไม่ดะ..ดี”

     

                “ดีสิครับ  น้องปลาเป็นเมียที่ดีที่สุด  แล้วพี่ก็รักน้องปลาที่สุดด้วย  น้องปลาห้ามพูดแบบนี้อีกนะครับ”

     

                “แต่ว่า....”

     

                “เรื่องนี้พี่ผิดเอง  พี่ทำแรงไป  พี่ขอโทษนะครับน้องปลา”

     

                “ไม่เป็นไรฮะ  หนูอดทนได้  ตะ...แต่วันนี้มันไม่ไหวจริงๆฮะ”

     

                “งั้นพี่ขอดูหน่อยว่าเลือดออกหรือเปล่า?”

     

                “ได้ฮะ”

     

                (แม่.......งงงง  เอ๊ยยย!!!)

     

                ยอมทำตามอย่างว่าง่าย...และง่ายจนทำให้ฉลามเพชฌฆาตมันตื่นอีกรอบ  การที่น้องปลาพลิกกายนอนคว่ำลงไปบนเตียงแล้วค่อยๆยกสะโพกขึ้นก่อนใช้มือทั้งสองข้างจับความกลมกลึงให้แยกออก  มันพาลให้ผู้ที่เห็นความสวยงามอยู่ตรงหน้ารู้สึกปั่นป่วน  ถ้าน้องไม่ได้อายุสิบหก  ถ้าน้องไม่ใช่เด็ก  แล้วถ้าส่วนนั้นไม่ฉ่ำ  ไม่ใช่สิ!!!...ตั้งสติคิมจงอิน  ตั้งสติ!!!  ไม่ช้ำขนาดนี้  เขาก็คงคิดว่ากำลังถูกยั่วยวนและคงต้องรีบตอกตรึงทุกสัดส่วนไว้ด้วยความต้องการ

     

    แต่...มันต้องถนอม  ส่วนนั้นก็แดงจนน่าวิตก  คนเป็นสามีจึงต้องอดใจไว้  (หายใจเข้าลึกๆ)

     

                ดีที่เลือดไม่ออก  ไม่มีการฉีกขาดและไม่ถึงขึ้นต้องพบแพทย์หรือทายา  แต่คงต้องรอให้หายดีเสียก่อนถึงจะกินปลาตัวน้อยได้อีกครั้ง  ปากคมจูบก้นงามงอนของภรรยาด้วยหมายจะปลอบใจ  ปลอบขวัญรวมถึงขอโทษที่ทำอะไรไปโดยไม่ถึงกายภาพและรูปร่างของน้องปลา  คิมจงอินคงหาคู่ชีวิตที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว  คงไม่มีใครยอมปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขาได้เท่าเด็กในอ้อมกอด  ใครจะอดทน  ใครจะยอมรับความผิดพลาดและใครจะยอมเขาแบบโอเซฮุน....ไม่มีเลยจริงๆ

     

                “ไปอาบน้ำกันนะครับน้องปลา  เดี๋ยวพี่อาบให้”

     

                “ตรงนั้นต้องแสบแน่ๆเลยฮะ”

     

                “แสบนิดเดียวครับ  แต่ไม่มีแผลนะ  แค่บวมๆนิดหน่อย”

     

                “โอเค...หนูจะอดทน  แต่ไม่ต้องกินยาใช่ไหมฮะคุณคิม”

     

                “ไม่ต้องกินครับ”

     

                แสบแค่ไหนก็ทนได้...แต่ไม่อยากกินยา  ยิ่งถ้าต้องฉีดยาด้วยแล้วก็ยิ่งไม่เอาเด็ดขาด  จงอินอุ้มภรรยาตัวน้อยเข้ามาในห้องน้ำด้วยความระมัดระวัง  น้องปลาถูกวางลงบนอ่างก่อนเปิดน้ำให้อุณหภูมิพอเหมาะ  ของเหลวเนื้อเนียนถูกเทออกมาจากขวดรูปปลาหมึกก่อนถูกมือบางตีจนเป็นฟอง  ตั้งแต่แต่งงาน...ก็ใช่ว่าน้องปลาคนเดียวที่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง  ห้องคุณคิม...จากห้องที่เคยเป็นสีโทนอ่อนสลับเข้ม  ตอนนี้ก็แทบมีทุกสี  ผ้าปูที่นอนก็ลายปลาดาว  ขวดครีมอาบน้ำ  ยาสระผม  แม้กระทั่งแปรงสีฟันก็เป็นสีหวานแหววและเป็นรูปสัตว์ทะเลทั้งหมด

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    สนามบิน  XXX

    07.00 น.

     

    Rrrrr!!!!

     

    Rrrrr!!!!

     

                “ครับเฮีย...”

     

                “ถึงไหนกันแล้วเนี่ย?”

     

                “ถึงสนามบินแล้วครับ”

     

                “ไปจนได้สินะ”

     

                “ห้ามได้ที่ไหนละเฮีย  เฮียก็รู้ว่าน้องปลาเป็นยังไง”

     

                “ก็เพราะรู้ไงเลยไม่ห้าม  แล้วทำไมน้องปลาไม่รับสายกูวะ  โทรศัพท์เป็นอะไร??”

     

                “น้องเอามาที่ไหนล่ะเฮีย”

     

                “กูบอกมึงแล้วว่าไม่ต้องซื้อ  น้องมันไม่ใช้หรอก”

     

                “บ่นให้มันได้อะไรขึ้นมาเฮีย  แล้ววว...โทรมามีไรป่าว?”

     

                “ก็แค่เป็นห่วง”

     

                “คิดถึงน้องเหรอเฮียยยย...”

     

                “เออ!!!...แล้วถึงฮ่องกงเมื่อไหร่ก็ให้น้องปลาโทรหากูด้วย”

     

                “ครับเฮีย”

     

                ตั้งแต่น้องปลาแต่งงานและแยกออกไปมีครอบครัวเป็นของตัวเอง  คนเป็นพี่เขยก็รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก  ดีใจที่น้องเจอคนรักที่ดี  ภูมิใจที่น้องโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง  แต่...เสียงแจ๋วๆที่เรียกเขาว่า  พี่คริสจ๋า  พี่คริสจ๋าตลอดทั้งวันมันไม่มีอีกแล้ว  มือน้อยๆที่คอยบีบนวดเวลาเมื่อยก็ไม่มี  เด็กตัวเล็กๆที่ร้องให้พาไปกินไอติมก็ไม่มีอีกแล้ว  เจ็บก็ร้องหา  ป่วยก็อ้อนสารพัด  ทุกอย่างมันหายไปเหมือนไม่เคยมี  ถึงแม้น้องปลาจะกลับบ้านบ่อยเพราะยังต้องเรียนพิเศษและต้องช่วยทำงานในบริษัทบ้าง  แต่มันก็ไม่เหมือนตอนที่ยังไม่แต่งงาน

     

    เฮ้ออออ...พี่คริสจ๋าอยากจะร้องไห้  T^T  

     

                วางสายไปด้วยความเป็นห่วงปนอิจฉาเพราะการที่น้องปลาต้องเดินทางไปฮ่องกงในครั้งนี้เพราะมันเป็นวันเกิดพี่ชายของเขา  ไอ้อูบิน...มึงโชคดีฉิบหาย!!  ทุกคนในบ้านต่างปิดปากเงียบ  ไม่มีใครกล้าเอ่ยให้เจ้าของวันเกิดทราบว่าใครกำลังเดินทางไปหา  น้องปลาอยากเซอร์ไพส์  อยากกอด  อยากขอบคุณที่พี่ชายตัวใหญ่เหมือนปลาวาฬใจดีกับเขา  อยากได้อะไร...แค่โทรหากริ๊งเดียวก็สมใจปรารถนา  คราวทีแล้วก็ให้คุณคิมพาไปขี่กวางแบบในหนังเรื่องโฟรเซ่น  ของขวัญวันแต่งงานก็หรูหราสมเป็นตระกูลอู๋  แล้วถ้าครั้งนี้บอกว่าจะไปหาถึงฮ่องกง  อูบินมันคงเอาเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวมารับถึงหน้าบ้าน

     

                “ซื้ออะไรครับน้องปลา?”

     

                เดินตามภรรยาอยู่ในสนามบิน...เพราะตั้งแต่มาถึง  เจ้าตัวก็เข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนใกล้จะถึงเวลาเข้าเกท  มือหนาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิมก่อนกระชับเป้บนหลังพร้อมลากกระเป๋าเดินทางอีกสองใบ  ความหนักไม่เท่าไหร่  จะซื้ออะไรก็ไม่เคยว่า  แต่...การรูดบัตรของลุงจ๋าเพื่อซื้อของขวัญให้ลูกชายคนโตของลุงจ๋ามันช่างน่าขำ  เออดี...เงินทองไม่รั่วไหล

     

                “ซื้อน้ำหอมให้คุณปลาวาฬจ๋า  คุณปลาวาฬจ๋าใช้กลิ่นนี้”

     

                “จำได้ขนาดนั้น???”

     

                “จำได้ฮะ  จำได้ทุกคนเลย”

     

                เรื่องความใส่ใจ...คงต้องยกน้องปลาให้เป็นที่หนึ่ง  เพราะไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร  พ่อ  พี่ชาย  ญาติหรือแม้กระทั่งลูกน้องทั้งสองบริษัท  เจ้าตัวก็มักจะให้ความใส่ใจเหมือนเป็นคนในครอบครัว  ยิ่งเป็นคุณพ่อ  พี่อี้ชิง  คนในตระกูลอู๋และตระกูลคิม  น้องปลายิ่งใส่ใจมากเป็นพิเศษ  ใครชอบอะไรไม่ชอบอะไรก็จำได้หมด

     

                “แล้วรู้ได้ไงว่าน้ำหอมพี่เค้าหมดแล้ว??”

     

                “ไม่รู้หรอกฮะ  แต่คุณปลาวาฬจ๋าจะไม่ยอมใช้น้ำหอมอันอื่นถ้าหนูไม่ซื้อให้”

     

                (ร้ายนักนะมึงงง!!!)

     

                ต้องเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ...เพราะคำพูดของน้องปลามันน่าโมโห  อ้อนได้แม้กระทั่งเด็ก  ไอ้หัวงู!!!  คงด่าได้แค่นี้  แค่ในใจ  แค่ในความรู้สึก  ขืนไปพูดต่อหน้าหรือไปแสดงความโกรธเคืองให้เห็น  มีหวังลูกน้องในชุดดำของพี่อูบินคงหักคอฆ่าน้องเขยคนนี้ตายคาฮ่องกง  รู้ว่าหวง  รู้ว่ารัก  แต่บางทีพี่ชายของคริสก็ดูจะหวงมากเกินไปหน่อย  เรื่องใจดีก็ส่วนใจดี  แต่เรื่องกวนตี_____  แม่งก็น่าโดนต่อยสักครั้ง

     

                “ใกล้เวลาแล้วนะครับ...น้องปลาจะซื้ออะไรอีกไหม?”

     

                “ไม่แล้วฮะ  แค่น้ำหอมก็พอ”

     

                มันกะทันหันไปหมด...เพราะการที่น้องปลาต้องเรียนพิเศษ  ทำงานกับคุณคิมและบางวันก็ต้องไปช่วยงานที่บริษัทมีปลา  ทุกอย่างทำให้เจ้าตัวลืมไปเลยว่าวันไหนเดือนไหนคือวันเกิดของพี่อูบิน  ของขวัญก็ยังไม่ได้เตรียม   ตั๋วเครื่องบินก็เพิ่งซื้อเมื่อวานและดีที่มีไฟล์ในเช้าวันนี้  คุณปลาวาฬจ๋ามีทุกอย่างแล้ว  ทั้งเงินทอง  รถยนต์  นาฬิกาหรือแม้กระทั่งเสื้อผ้ารองเท้า  แต่น้ำหอม...มันเป็นสิ่งที่พี่เขาจะไม่ซื้อเองเด็ดขาดและจะไม่ยอมใช้ของที่คนอื่นซื้อให้ถ้าไม่ใช่น้องปลา

     

    คุณปลาวาฬจ๋าตัวใหญ่...น้ำหอมขวดเก่าคงหมดไปนานแล้วมั้ง??!

     

                “น้องปลา...เมื่อกี๊พี่คริสโทรมา  บอกถึงฮ่องกงเมื่อไหร่ให้โทรกลับด้วย”

     

                “พี่คริสจ๋าว่าอะไรหนูอีกล่ะฮะ  เดี๋ยวนี้พี่คริสจ๋าขี้บ่นมากเลย”

     

                “ก็พี่คริสเป็นห่วงนิครับ”

     

                “พี่อี้กับคุณพ่อยังไม่ห่วงเลยฮะ  ไม่บ่นด้วย”

     

                “ไม่บ่น...หรือว่าน้องปลาไม่ได้พกโทรศัพท์กันแน่ครับ?”

     

                “แล้วมันเกี่ยวกันด้วยเหรอฮะ  หนูงง??”

     

                “เกี่ยวสิครับ  พี่ซื้อโทรศัพท์ให้เพราะพี่อยากให้น้องปลาใช้คุยกับคนที่บ้าน  เวลาทุกคนคิดถึงก็โทรหาน้องปลาได้โดยไม่ต้องผ่านพี่  น้องปลาฟังพี่ดีๆนะครับ...พี่ไม่ได้รำคาญที่ใครๆก็โทรหาพี่แต่ขอสายน้องปลา  แล้วพี่ก็รู้ว่าน้องปลายังไม่ชินกับของพวกนี้  แต่มันจำเป็นนะครับ  สมมุติถ้าวันนี้เราหลงกันในสนามบิน  แล้วน้องปลาจะทำยังไง?”

     

                “หนูรักคุณคิมนะฮะ  รักที่หนึ่งเยอะๆกว่าใคร”

     

    จุ๊บบ!!

     

                เนี่ย!!....ก็เป็นแบบเนี้ยทุกครั้ง  แล้วใครมันจะโกรธลง  รู้ว่าผิดก็รีบเข้ามากอด  รู้สำนึกก็เอาปากบางๆมาประทับที่สันกรามคม  แล้วอ้อมแขนน้อยๆก็โอบกายสามีเอาไว้ด้วยความออดอ้อน  โกรธได้ก็คงใจร้ายมากๆและสิ่งที่จงอินทำไปโดยอัตโนมัติก็คือการกอดตอบความน่ารักด้วยทุกๆความรู้สึก  เป็นห่วง  หวงและรักเกินกว่าจะว่ากล่าวด้วยถ้อยคำรุนแรงเพราะเด็กก็คือเด็ก  ยิ่งเด็กแบบน้องปลาด้วยแล้วก็ยิ่งไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ  การถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี  มีคนตามใจ  การถูกกลั่นแกล้งหรือการไม่ได้เรียนหนังสือและมีเพื่อนเหมือนเด็กทั่วๆไปมันพาให้คุณคิมต้องใส่ใจน้องปลามากเป็นพิเศษ

     

                “ไปกันได้แล้วครับน้องปลา  กอดกันนานกว่านี้เดี๋ยวพี่อดใจไม่ไหว”

     

                “คุณคิมก็ทำเบาๆสิฮะ  ถ้าทำเบาๆหนูทนได้  แล้วถ้าฉลามของคุณคิมมันเล็กกว่านี้ก็จะดีมากๆเลยฮะ”

     

                (ตัวแสบบ!!!)

     

                เล็กกว่านี้...ก็ยังเป็นปลาฉลามอยู่ดีค้าบบบ  แต่จะเป็นฉลามขาวหรือฉลามวาฬ  น้องปลาก็ต้องไปทำความเข้าใจกับสายพันธุ์ให้ดีกว่านี้  คุณคิมได้แต่คาดโทษคนพูดจาสองแง่สามง่ามอยู่ในใจ  เพราะรู้ดีว่าน้องปลาพูดไปตามความรู้สึกโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเอ่ยออกมานั้นมันควรพูดที่นี่หรือไม่  คนเป็นสามีนึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าจะทำให้ภรรยาตัวน้อยเข็ดไปอีกนาน  แต่ที่ไหนได้  “ทำเบาๆสิฮะ”  กลับกลายเป็นคำตอบ

     

    ถึงที่พักก่อนเถอะ...ฉลามบุกกกกกก!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    XXX  Bank

    13.00 น.

     

    VROOMMMMM!!!!!

     

                กว่าจะเดินทางมาถึงฮ่องกงก็ต้องใช้เวลาอยู่สมควร...และการนั่งแท็กซี่จากสนามบินมาถึงธนาคารXXXก็ต้องใช้เวลาอีกเช่นกัน  คนที่แบกสัมภาระอยู่คนเดียวอย่างคุณคิมเริ่มรู้สึกเมื่อยหลัง  แถมยังรู้สึกท้อแท้ต่อการเดินทางที่ไม่คุ้นชิน  ส่วนเด็กที่สะพายเพียงเป้ใบโปรดรูปปลาดาวสีชมพูพร้อมการถือถุงของขวัญไว้ในมือก็ยังคงยิ้มไม่หุบตลอดการเดินทาง  เมื่อรถแท็กซี่...เคลื่อนออกไปจากหน้าแบงค์น้องปลาก็รีบก้าวขาขึ้นบันไดก่อนประตูกระจกขนาดใหญ่จะถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ  มันเป็นทั้งที่ทำงาน  เป็นออฟฟิศและที่เป็นที่เรียนซัมเมอร์สำหรับเด็กอย่างเขา  เจ้าตัวจึงคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี

     

                “คุณคิมเอากระเป๋าวางไว้ตรงนี้ก่อนก็ได้ฮะ”

     

                “มันจะไม่หายเหรอครับน้องปลา??”

     

                ตึกระฟ้า  หรูหรา  ใหญ่โต...พร้อมผู้คนในชุดทำงานสีแดงที่เดินจนเกลื่อนตามันทำให้จงอินต้องตั้งคำถาม  อยากจะร้องว้าวก็กลัวถูกกล่าวหาว่าบ้านนอกเข้ากรุงเพราะเขาเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกและได้เห็นอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก  สำนักงานใหญ่ของธนาคารXXXมันเป็นแบบนี้เอง  ว้าววววววววว!!!!

     

                “ไม่หะ...หาย”

     

                “อ้าวว..คุณจงอิน  คุณหนูเซฮุน!!!

     

                “พี่ซึงฮอน!!!

     

                ยังไม่ทันที่จงอินจะหายสงสัยหรือใครจะได้เอ่ยคำตอบ  การทักทายด้วยน้ำเสียงทุ้มหนักพร้อมการโค้งคำนับก็มายืนอยู่ตรงหน้า  ชายชุดดำที่คุ้นหน้าคุ้นตามันพาให้น้องปลารู้สึกหงุดหงิดเพราะเจ้าตัวไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขามาที่นี่  แต่สงสัยมันจะไม่ทันเสียแล้วเมื่อถูกบอร์ดี้การ์ดเจ้าของธนาคารมาเจอเข้าโดยบังเอิญ  น้องปลาจำได้ว่าพี่ซึงฮอนคือคนที่เข้ามาดูแลความเรียบร้อยในวันแต่งงาน  และเมื่อพิธีการต่างๆเสร็จสิ้น  พี่เค้าก็พาลูกน้องเกือบยี่สิบคนกลับฮ่องกงทันที  เท่ชะมัด!!

     

                “มากันได้ยังไงครับ??!  ไม่มีใครแจ้งผมเลยว่าคุณหนูจะมา!!

     

                ลงมาเตรียมรถให้เจ้านายเพื่อออกไปทานกลางวันที่โรงแรมAA...แต่กลับมาเจอเด็กน้อยที่คนในตระกูลอู๋รักดั่งดวงใจ  ซึงฮอนจึงต้องรีบซักถามออกไปด้วยความเป็นห่วงและกลัวถูกตำหนิ  มันรู้สึกว่าตัวเองกำลังบกพร่องต่อหน้าที่เพราะทุกครั้งที่น้องปลามาที่ฮ่องกง  เขาก็จะกลายเป็นผู้ที่ต้องดูแลความปลอดภัยให้เด็กคนนี้แทนผู้เป็นนาย

     

                “ชู่วววว..เบาๆสิครับพี่ซึงฮอน  หนูมาเอง  พี่ซึงฮอนอย่าบอกคุณปลาวาฬจ๋านะฮะว่าหนูอยู่ที่นี่”

     

                “ไม่ได้นะครับคุณหนู  ผมโดนไล่ออกแน่ๆ”

     

                “หนูสั่งว่าไม่ให้บอกไงฮะ  ให้หนูโทรหาลุงจ๋าไหมล่ะ??”

     

                “โอเคครับคุณหนู...ผมจะไม่บอก”

     

                คุณอูบินน่ากลัวแค่ไหน...ประมุขตระกูลอู๋ก็ทวีคูณเข้าไปอีกร้อยเท่า  และหน้าที่ของบอร์ดี้การ์ดในตอนนี้ก็คือต้องโกหกเจ้านาย  ไม่มีใครจะกล้าขัดใจน้องปลา  เด็กผู้ที่มีอิทธิพลต่ออูบินกลายเป็นบุคคลที่ลูกน้องทุกคนต้องเชื่อฟัง  ขัดใจเจ้านายได้  แต่อย่าขัดใจคุณหนูเซฮุนของเจ้านาย  คำสั่งใดที่ลูกน้องคิดว่าสามารถชี้แจ้งเหตุผลให้เจ้านายฟังได้  อูบินก็พร้อมที่จะเปิดใจรับฟังเสมอ  แต่คำสั่งของน้องปลาถือเป็นเด็ดขาด

     

                “แล้วตอนนี้คุณปลาวาฬจ๋าอยู่ไหนฮะ?”

     

                “กำลังประชุมอยู่ครับ  แต่ก็ใกล้จะเลิกแล้ว”

     

                “งั้นหนูไปรอที่ออฟฟิศดีกว่า  ขอบคุณนะฮะพี่ซึงฮอน”

     

                “เดี๋ยวครับคุณหนู  คือคุณอูบินต้องไปทานกลางวันที่โรงแรมAAต่อครับ  เอ่ออ...”

     

                “มีอะไรหรือเปล่าฮะพี่ซึงฮอน??”

     

                อาการน้ำท่วมปากของบอร์ดี้การ์ด...ทำให้สองขาเล็กๆที่กำลังจะก้าวไปยังลิฟท์ด้านข้างต้องหยุดชะงักและต้องเอ่ยถามเพราะมันน่าสงสัย  ทุกครั้งที่มาที่นี่...เขาก็มักจะขึ้นไปเล่นบนห้องทำงานของพี่อูบินเสมอ  ต่อให้พี่อูบินไปประชุม  ไปพบลูกค้าหรืออะไรก็ตาม  ห้องทำงานหรือแม้กระทั่งตึกนี้ทั้งตึก  น้องปลาก็สามารถเข้านอกออกในได้อย่างง่ายดาย  ไม่มีใครห้าม  ไม่มีใครกล้ายุ่งและไม่มีใครอยากมีปัญหากับเจ้านาย 

     

                “คุณหนูไปรอที่ห้องรับรองดีกว่านะครับ  เดี๋ยวผมจะให้เด็กไปเอาของว่างมาให้  แล้วถ้าคุณอูบินเลิกประชุมเมื่อไหร่  ผมจะรีบแจ้งให้ทราบทันที”

     

                “ทำไมละฮะ  พี่ซึงฮอนมีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า??  บอกมาซะดีๆ”

     

                (น้องปลา...พี่ว่าเรากลับไปพักที่โรงแรมก่อนดีไหม?)

     

                คนที่ยืนเงียบอยู่นาน...อดไม่ได้ที่จะเข้ามากอดภรรยาตัวน้อยด้วยความเป็นห่วงและอยากตักเตือนว่าสิ่งที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่นี่มันไม่เหมาะสม  พี่อูบินคงงานยุ่ง  เด็กแบบน้องปลาคงไม่เข้าใจ  แล้วชายชุดดำที่ชื่อซึงฮอนก็คงลำบากใจน่าดู  คิมจงอินบอกแล้ว...ว่าน้องปลาจะเอาแต่ใจมากแค่ไหนก็ได้  แต่จะเอาแต่ใจจนทำให้ใครสักคนต้องทำผิดต่อหน้าที่  เห็นทีมันจะมากเกินไปและคงต้องรีบปรามเอาไว้

     

                “คุณคิมมม...หนูอยากไปหาคุณปลาวาฬจ๋า”

     

                “พี่อูบินกำลังยุ่ง  น้องปลาต้องเข้าใจนะครับ  เรามาเที่ยว  แต่พี่เค้าต้องทำงาน  แล้วพี่ซึงฮอนก็ต้องทำตามหน้าที่  เรามาโดยไม่ได้บอกพวกเค้า  เพราะฉะนั้นเราต้องทำตามกฎ”

     

                “ก็หนูจะไปรอที่ห้องทำงานไงฮะ  หนูไม่ได้ไปรบกวนคุณปลาวาฬจ๋าในห้องประชุมสักหน่อย”

     

                “น้องปลา...ไม่เอาแต่ใจนะครับ”

     

                “หนูขอโทษ...หนูไม่น่ารักอีกแล้วใช่ไหมฮะคุณคิม  U_U

     

                น่ารักมากครับคุณหนู  น่ารักจนบอร์ดี้การ์ดอย่างผมอยากเข้าไปปลอบ  สำหรับซึงฮอน...น้องปลาไม่ได้เอาแต่ใจเลยสักนิด  เขาทราบดีว่าเด็กคนนี้คือข้อยกเว้นต่อกฎทุกข้อของเจ้านาย  แต่ที่ไม่อยากให้ขึ้นไปรอบนห้องทำงานก็เพราะ....

     

                “มีอะไรกันหรือเปล่าคะ??”

     

                “มะ...ไม่มีครับ  คุณจีวอน

     

    ผู้หญิงคนนี้???

     

                ซึงฮอน...อยากหายตัวได้เหมือนในการ์ตูนเพราะต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็มาจากเธอทั้งนั้น  การที่ประมุขของตระกูลอู๋อยากให้ลูกชายโตเป็นฝั่งเป็นฝา  มีครอบครัว  มีทายาทหรือมีในสิ่งที่ลูกคนรองทำไม่ได้  มันพาให้บอร์ดี้การ์ดอย่างเขาต้องขัดใจน้องปลาเป็นครั้งแรก

     

                “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะคุณลูกค้า??”

     

                “คุณป้าคนนี้เป็นใครเหรอฮะพี่ซึงฮอน?”

     

                งานเข้าเต็มๆ...อยากลาออกเพราะไม่อยากบอกว่าเธอเป็นใคร  น้องปลาต้องไม่ชอบแน่ๆและผู้หญิงคนนี้ก็ต้องไม่ชอบน้องปลาเหมือนกัน  ขนาดเขาที่เป็นเพียงลูกน้องยังไม่ชอบเธอเลย แต่จะให้พูดออกไปตรงๆก็ทำไม่ได้  ลูกน้องก็คือลูกน้อง  มีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น  จะให้ไปบอกเจ้านายว่าเธอไม่เหมาะสม  เธอไม่คู่ควร  เธอไม่ได้รักอูบินแต่รักความเป็นตระกูลอู๋...มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรเอ่ย

     

                “เอ่ออ...ว่าที่คู่หมั้นของคุณอูบินครับคุณหนู”

     

                “ไม่จริง...หนูไม่เชื่อ  พี่ซึงฮอนโกหกหนูใช่ไหมฮะ”

     

                ใครก็ได้...ช่วยกูด้วย  แล้วใครจะเกลียดกูก็ได้...แต่ต้องไม่ใช่คุณหนูเซฮุนนนนน!!!  ซึงฮอนไม่เคยรู้สึกลำบากใจแบบนี้มาก่อน  คนหนึ่งเป็นถึงว่าที่คู่หมั้นของเจ้านาย  อีกคนก็...น้องปลา  ส่วนคนที่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างคิมจงอินก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรเหมือนกัน  และสิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือ...กอดภรรยาตัวน้อยเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง  เข้าใจว่าน้องปลารักคุณปลาวาฬจ๋ามากแค่ไหน  มาที่นี่ก็เพื่อหวังจะเซอร์ไพส์...แล้วมันก็เซอร์ไพส์สุดๆไปเลย

     

    Rrrrr!!!!

     

    Rrrrr!!!!

     

                เหมือนเสียงของเครื่องมือสื่อสาร...จะเป็นตัวยุติความสงสัยเอาไว้ชั่วคราวและต้องรีบกดรับเมื่อทราบว่าปลายสายเป็นใคร  มือหนึ่งยังคงโอบเอวบางเอาไว้  อีกมือก็กระชับโทรศัพท์แนบไปกับหู  จงอินพยายามประคองสติให้ได้มากที่สุดเพราะเกรงว่าเจ้าของเอวบางจะพาลใส่พี่ซึงฮอน  ตอนเป็นเด็กดีก็ดีจนทุกคนหลงรักกันไปหมด  แต่ตอนร้ายหรือมีใครทำให้เสียใจก็ออกฤทธิ์ออกเดชจนเอาไม่อยู่

     

                “ครับเฮีย...”

     

                “กูสั่งว่าไงไอ้ดำ”

     

                “พอดีมีเรื่องเฮีย”

     

                “น้องปลาเป็นอะไร?!!!

     

                “พี่อูบินมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะเฮีย?”

     

                “ซวยแล้ววว...”

     

                “สุดๆเลยเฮีย...แล้วผมควรทำไง”

     

                “เอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้  โชคดี”

     

    ติ๊ดด!!!

     

                “เฮีย!!!  เดี๋ยว...เฮียยย (เชี่ย)”

     

                ต่างคนต่างรู้ดี...ว่าสถานการณ์มันวิกฤติมากแค่ไหน  ไม่มีใครอยากถูกน้องปลาเกลียดเลยสักคน  และเรื่องที่พี่ชายของตัวเองมีคู่หมั้นก็เพิ่งรู้พร้อมกันเมื่อครู่  ถ้าไม่โทรหาจงอินก็คงไม่ทราบว่าป๊าหาคู่หมั้นให้พี่อูบิน  ปกติอย่างมากก็แค่ดูตัวหรือไม่ก็พาไปรู้จักตามงานสังคมต่างๆ  แต่คำว่า  “คู่หมั้น”  มันเพิ่งมีครั้งนี้เป็นครั้งแรก  คนที่น่าสงสารที่สุด...เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคิมจงอิน  และคนที่น่าเป็นห่วงก็คือน้องปลา  แล้วคนที่ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องรีบวางสายก่อนที่ความซวยจะมาเยือน

     

                “ไอ้ซึงฮอน...กูให้ไปเตรียมรถ  ทำไมมายืนอยู่ตะ...ตรง  น้องปลา!!!!!

     

                “คุณปลาวาฬจ๋าาาา”

     

    ฟอดดดดด!!!

     

                ยังไม่ทันได้เก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋า...ร่างใหญ่ๆ  ใส่สูทสีเข้ม  เซ็ทผมเปิดหน้าพร้อมเสียงทุ้มหนักที่เรียกลูกน้องก็ทำให้เด็กที่เคยอยู่ในอ้อมแขนวิ่งเข้าไปกอดด้วยความคิดถึง  จงอินเหมือนจะหายใจได้สะดวกมากขึ้นเพราะบรรยากาศเมื่อครู่มันพาลให้รู้สึกอึดอัด  แต่ปากนุ่มๆกับจมูกโด่งรั้นที่ฝังลงบนแก้มเจ้าของธนาคารกลับสร้างความหงุดหงิดใจเล็กๆให้กับผู้เป็นสามี  รู้ทั้งรู้ว่าสองคนนี้ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปว่าคำว่าพี่น้อง  แต่...มันหึงนี่หว่า!!!

     

                “สวัสดีครับพี่อูบิน”

     

                “เออดีๆ...แล้วมากันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

     

                “สักพักแล้วครับ  ผมกับน้องปลาต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาโดยไม่บอก”

     

                “ไม่เป็นไร  แล้วพักกันที่ไหน”

     

                “โรงแรมXYZครับ”

     

                “เดี๋ยวกูจะให้เด็กเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่โรงแรม  แล้วเราไปกินข้าวด้วยกัน”

     

                “จะดีเหรอครับพี่  เอ่ออ...”

     

                (แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะฮะคุณปลาวาฬจ๋า  เซอร์ไพส์ไหมฮะ...หนูขอให้คุณปลาวาฬจ๋ารักหนูเยอะๆ  แล้วก็ห้ามไปรักคนอื่น!!!!)

     

              “โอ้โห...เซอร์ไพส์มากๆเลยค่ะ  ขอบคุณนะคะน้องปลา  แล้วของขวัญคืออะไรน้าาาาา”

     

                เต็มๆ...เป็นคำอวยพรพร้อมกับการมอบของขวัญให้เจ้าของวันเกิดด้วยรอยยิ้ม  แต่คำอวยพรที่เหมือนจะสื่อไปถึงใครอีกคนก็พาลให้ทั้งบอร์ดี้การ์ดและคุณคิมทำหน้าไม่ถูก  ซึงฮอนรีบขอตัวเพื่อออกไปเตรียมรถ  จงอินรีบส่งกระเป๋าเดินทางให้ลูกน้องอีกคนไปเก็บไว้ที่โรงแรม  ส่วนผู้ที่เป็นคู่หมั้น...ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นธาตุอากาศมาได้สักพัก

     

                “พี่อูบินคะ...”

     

                “อ้าวจีวอน...พี่ไม่นึกว่าเธอจะรอ  งั้นก็ไปทานกลางวันด้วยกันหมดนี่แหละ”

     

                มารอตั้งแต่เช้า...และตอนนี้ก็บ่ายกว่า  ไม่รู้จะประชุมอะไรกันนักหนา  แต่ความเป็นตระกูลอู๋มันสามารถทำให้ความอดทนของ  คิมจีวอน  มีความหมายเสมอ  ถ้าสองตระกูลได้เกี่ยวดองครองคู่  เธอก็คิดว่ามันต้องสุขสบายไปชั่วชีวิตแน่ๆ  การมีภรรยาเป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของนักการเมืองมันก็สมฐานะกันแล้วกับลูกชายเจ้าของธนาคาร  ไม่มีใครเหมาะสมเท่าเธอทั้งนั้น

     

    แต่หารู้ไม่...ว่าสิ่งที่เธอคิดมาทั้งหมดมันคงเป็นได้แค่ความฝัน 

     

                “แล้วพี่อูบินจะไม่แนะนำเด็กๆให้จีวอนรู้จักหน่อยเหรอคะ?”

     

                “เอ่อทุกคน...นี่คุณจีวอนนะ  ส่วนเด็กคนนี้ชื่อเซฮุน  เป็นน้องชายของพี่เอง  คนนั้นชื่อจงอินเป็นสามีของเซฮุน”

     

                “อะไรนะคะ...สามี!!!  น้องพี่อูบินอายุเท่าไหร่กันคะ  ทำไมแต่งงานเร็วจัง”

     

                แทนที่จะยิ้มรับหรือกล่าวทักทายกันตามมารยาท...หญิงสาวที่ไม่ได้รู้จักตัวตนของอูบินเลยสักอย่างกลับถามลึกเข้าไปในส่วนที่เกินเลยกว่าการเป็นว่าที่คู่หมั้น  และจะให้ใช้คำว่าคู่หมั้นก็ดูเหมือนจะมากเกินไปหน่อยเพราะเราทั้งคู่แทบจะไม่เคยได้เข้าใกล้คำว่าคบหาดูใจกันเลยด้วยซ้ำ  พ่ออยากให้หมั้น  แม่อยากให้มีลูก  แล้วผู้หญิงที่คิดว่าดีสำหรับลูกชายคนโตก็คือคิมจีวอน   แต่สำหรับอูบิน....เธอไม่มีทางได้เป็นอะไรทั้งนั้น

     

                “ไม่ใช่เรื่องของเธอ!!!

     

    สรรหาสาวๆมาให้เลือกก็รับไว้  แต่...จะให้แต่งงานไม่มีทางแน่นอน

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     


     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

    โรงแรม  AA

    13.45 น.

     

    แกร็กก!!!

     

                ประตูห้องอาหารในโซนวีไอพี...ถูกปิดด้วยมือของพนักงาน  เก้าอี้ถูกเลื่อนเพื่อให้หญิงสาวนั่งด้านข้างและตามมาด้วยน้องเขยที่ต้องนั่งลงอีกฝั่ง  ส่วนน้องปลาต้องนั่งตักพี่อูบิน  ทั้งจงอินทั้งจีวอนต่างมองไปที่เก้าอี้ของสองคนพี่น้อง  แต่สิ่งที่คิดอยู่ภายในใจกลับแตกต่างกันไปเป็นคนละเรื่องราว  คนหนึ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ  ส่วนอีกคนคิดว่า...มันมากเกินไป  แค่พี่น้องจริงๆเหรอ?  ทำไมถึงไม่สนใจกันบ้าง??  แล้วที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเธอ...ก็ยังคงทำให้คนถูกตำหนิรู้สึกหงุดหงิด

     

                “น้องปลาอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะคะ  จงอิน...สั่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ   คุณจีวอนด้วยนะ  สั่งได้ตามสบายเลยครับ”

     

                “คุณปลาวาฬจ๋าชอบของขวัญของหนูไหมฮะ”

     

                “ชอบค่ะ ชอบมากกก...แล้วพี่ก็ดีใจที่สุดที่น้องปลามาหา”

     

                “ก็หนูคิดถึงนิฮะ...วันเกิดคุณปลาวาฬจ๋าทั้งที่หนูจะไม่มาได้ไง”

     

                เจอแบบนี้...ใครไม่รักก็บ้าแล้ว  แต่คนที่ใกล้บ้าจริงๆก็คงเป็นหญิงสาวที่ยังมั่นใจว่าตัวเองคือคู่หมั้น  เมนูอาหารแทบไม่ได้อยู่สายตาเพราะสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันพาลให้รู้สึกรำคาญใจ  ส่วนคนที่เห็นภาพแบบนี้จนเคยชินก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่  ถ้าตอนนี้มันมีแต่คนในครอบครัว  จงอินคงมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่  แต่การมีคนนอกอย่างคุณจีวอนมาร่วมทานมื้อเที่ยงด้วยมันพาลให้อึดอัด

     

                “น้องปลาครับ...มานั่งกับพี่มา  เดี๋ยวพี่อูบินปวดขา”

     

                “ตกลงน้องเซฮุนชื่ออะไรกันแน่คะ?”

     

                “ชื่อเซฮุนครับ  แต่คนในครอบครัวจะเรียกว่าน้องปลา”

     

                (คนอื่นห้ามเรียกฮะ  พี่คริสจ๋าไม่อนุญาต)

     

                ความอึดอัดเริ่มมีมากขึ้น...และคนที่ดูเหมือนจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสิ่งใดก็ยังคงเป็นพี่อูบิน  แถมเจ้าตัวก็เอาแต่นั่งกอดน้องปลาอยู่แบบนั้น  พี่ครับ...ช่วยทำอะไรหน่อยได้ไหมครับ  ผมอึดอัดนะพี่  คู่หมั้นพี่จะแดกหัวน้องปลาแล้วครับ!!!  สายตาของเธอมันค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่  จงอินจึงรู้สึกเป็นห่วงทุกอย่างที่อาจเป็นภัยต่อภรรยาตัวน้อย

     

                “พี่จีวอนก็เป็นคู่หมั้นของพี่อูบินนะคะ  พี่ต้องเรียกน้องเซฮุนว่าน้องปะ..ปลา”

     

                “ไม่ให้เรียก  แล้วก็ไม่ให้หมั้นด้วย...หนูจะไม่ให้คุณปลาวาฬจ๋ากับใครทั้งนั้น  คุณปลาวาฬจ๋าต้องรักหนูคนเดียว”

     

                “น้องเซฮุนไม่ควรก้าวก่ายเรื่องของผู้ใหญ่นะคะ!!!

     

                “คุณคิมมมมมม...”

     

                เป็นเรื่องจนได้...และที่พึ่งพิงของน้องปลาก็คือสามีพร้อมอ้อมกอดที่คุ้นเคย  ต่อให้สนิทกับพี่อูบินมากแค่ไหน  รักมากไหน  แต่เมื่อรู้สึกไม่ดีหรือต้องการคนปกป้อง  อกกว้างของคุณคิมก็คือทุกอย่างสำหรับน้องปลา  ภรรยาตัวน้อยไม่มีทางเกลียดคนที่เพิ่งพบหน้าเป็นครั้งแรกเด็ดขาด  แต่ความเป็นเด็ก  ความรัก  ความหวงและการถูกต่อว่าด้วยน้ำเสียงแบบนั้นมันคงทำให้เจ้าตัวเสียใจ

     

                “น้องปลายังเด็ก...คุณจีวอนจะไปถือสาหาความทำไมครับ”

     

                “จีวอนผิดเหรอคะที่สอนน้องเซฮุน  เด็กไม่ควรพูดแบบนี้กับผู้ใหญ่นะคะพี่อูบิน  เลี้ยงกันมายังไง...ทำไมถึงเป็นเอาแต่ใจขนาดนี้”

     

    ปึ่กกก!!!

     

                “คิมจีวอน!!!!!

     

                เสียงตบโต๊ะด้วยความโมโห...ทำให้ทุกคนในห้องอาหารสะดุ้งสุดตัว  และคนที่ดูจะตกใจกว่าใครก็คือน้องปลา  อ้อมกอดเริ่มกระชับแน่นขึ้นด้วยความหวาดหวั่นเพราะเจ้าตัวไม่เคยเห็นอูบินโกรธเลยสักครั้ง  คุณปลาวาฬจ๋าใจดีจะตาย  ไม่เคยตะคอก  ไม่เคยพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้  แล้วที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป...ต้นเหตุมาจากเขาใช่ไหม??

     

                “พี่อูบินใจเย็นๆก่อนครับ”

     

                “ให้พี่ใจเย็นเนี่ยนะ  ไม่...จงอิน  //  ส่วนเธอ...กลับไปก่อนที่ฉันจะโมโหมากกว่านี้  แล้วเรื่องคู่หมั้นที่เพ้ออยู่คนเดียวก็จงเพ้อต่อไป  เพราะฉันไม่หมั้นแล้วก็ไม่อยากพบเธออีก  ออกไป...”

     

                “เฮ้ยย!!!  พี่..”

     

                “พอจงอิน...หยุด!!!!!

     

                ถ้าผู้หญิงคนนี้...เข้าใจพื้นฐานคำว่าครอบครัว  มารยาทหรืออะไรก็ตามที่ต้องใช้ในการเข้าสังคม  อูบินก็คงไม่ต้องเอ่ยวาจาเช่นนี้  มันอาจดูใจร้ายสำหรับฟัง  แต่สำหรับคนในตระกูลอู๋มันคือเรื่องปกติ  คริสเป็นคนตรงมากแค่ไหน  อูบินก็เป็นเช่นนั้น  รักบอกรัก  เลิกคือเลิก  พวกขาทั้งคู่ไม่ชอบให้ความหวังหรือทิ้งปัญหาไปโดยไม่แก้ไข  พวกเขาเด็ดขาดกับทุกๆเรื่องในชีวิต  ยิ่งเป็นลูกคนโตก็ยิ่งต้องทำสิ่งดีๆให้น้องเห็นเป็นตัวอย่าง

     

     

                คนเราอยากรู้จักกัน...มันก็ต้องค่อยๆทำความเข้าใจ  เธอชอบอะไร  ฉันเป็นยังไง  มันก็ควรเริ่มไปทีละน้อย  ครอบครัวของฉันเป็นแบบนั้น  ครอบครัวของเธอเป็นแบบนี้อย่างนั้นหรือ  ทำไมเด็กคนนี้ถึงชื่อว่าน้องปลา  อ๋อ...แล้วเมื่อไหร่พี่จะเรียกชื่อพิเศษแบบนั้นได้บ้างล่ะ  แล้วน้องเซฮุนกับจงอินแต่งงานกันมากี่ปีแล้วคะ?  ไปฮันนีมูนกันที่ไหน??  อาหารที่โรมแรมAAอร่อยนะคะ...พี่เคยทานแล้ว  ทุกอย่าง  ทุกคำพูดและทุกการสนทนามันควรเป็นแบบนี้  ไม่ใช่ยึดติดกับคำว่าคู่หมั้นแล้วคิดว่าฉันจะทำอะไรก็ได้

     

     

                การเป็นลูกคนโต...มันทำให้อูบินต้องคิดทุกอย่างให้ไกล  แล้วการมีน้องปลาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวก็ยิ่งต้องคิดทุกอย่างให้ไกลและรอบคอบกว่าเดิม  ขอย้ำไว้เลย...ว่ารักเด็กคนนี้มากกว่าสิ่งใด  ถึงจะแต่งงานไปแล้วก็ยังรัก  และความรักมันก็คงมากพอที่จะเป็นคุณพ่อได้ในอนาคต  อูบินไม่ได้แช่งให้คุณลุงโอจีโฮตายไวๆ  แต่ถ้าวันหนึ่งน้องปลาต้องสูญเสียคุณพ่อ  เขาก็พร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่น้องจะเคารพรักได้เท่ากับคุณลุง  แล้วถ้าในอนาคต...เขาต้องมีครอบครัวขึ้นมาจริงๆ  ใครคนนั้นก็ต้องรักน้องปลาเท่ากับที่ทุกๆคนรัก

     

                “คุณพ่อของจีวอนต้องไม่ยอมแน่ๆค่ะ!”

     

                “ก็เรื่องของพ่อเธอสิ...ออกไปได้แล้ว  น้องปลาหิวข้าว!!

     

    ปังงงง!!!!

     

                เสียงปิดประตูที่ดังจนห้องสะเทือน...ทำให้จงอินรู้ได้ทันทีว่าอดีตคู่หมั้นของพี่อูบินโกรธมากไหน  แต่ถ้าถามว่าเธอผิดมากไหม??  ก็คงตอบได้ว่า...ผิดมั้ง?  เธออาจผิดที่พูดกับน้องปลาแบบนั้น  แต่เธอก็คงพูดไปด้วยความไม่รู้ว่าเด็กที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเขาในตอนนี้เกิดมาเช่นไร  คุณแม่เสียตอนคลอดเจ้าตัว  โดนเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน  แต่ขยันทำงาน  อ้อนเก่งและเป็นเด็กที่น่ารักกว่าเด็กคนไหนๆ  ถ้าได้ลองทำความรู้จักกันดีๆ  คุณจีวอนก็จะหลงรักน้องปลาไม่ต่างไปจากคนอื่น

     

    เฮ้อออ...!!!!        

     

                “น้องปลา....มาหาพี่ได้แล้วครับ”

     

                “คุณปลาวาฬจ๋าา”

     

                “โอ๋ๆ ๆ...ไม่ตกใจนะคะ  คุณปลาวาฬจ๋าขอโทษที่เสียงดัง”

     

                “หนูก็ขอโทษที่เป็นเด็กไม่น่ารัก...”

     

                “น่ารักค่ะ...น้องปลาน่ารักที่สุด”

     

                “หนูไม่อยากให้คุณปลาวาฬจ๋าหมั้นเลยฮะ  หนูรักคุณปลาวาฬจ๋าที่สุด”

     

                “ไม่หมั้นแล้วค่ะ  พี่จะไม่หมั้นกับใครทั้งนั้น”

     

    ฟอดดดด!!!

     

              ถ้าคำไหนที่มากกว่าคำว่า  “รัก”  หรือสามารถบอกความรู้สึกของเขาได้ในตอนนี้  อูบินจะพูดและทำทุกอย่างให้เด็กแก้มกลมในอ้อมอกมีความสุขมากที่สุด  ถึงแม้วันเกิดจะมีเรื่องไม่ดีเข้ามากวนใจ  แต่มันก็ทำให้ผู้ใหญ่แบบเขาไม่ต้องพบพานกับผู้หญิงแบบนั้นอีกแล้ว  ขอบคุณความวุ่นวายที่พาให้ชีวิตมันลงตัว  ขอบคุณน้องปลาที่ยังเห็นเขาเป็นคนสำคัญ  และขอบคุณจงอินที่รักน้องของเขาด้วยหัวใจ

     

                “กินข้าวกันดีกว่า  อาหารมาเสิร์ฟละ...แล้ว”

     

                “♪♫..♪♫..♪ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู    แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู.. ♪♫....”    

     

                ไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้นที่มาเสิร์ฟ...แต่เค้กก้อนโตในมือของลูกน้องคนสนิท  มันทำให้อูบินอยากจะร้องไห้  น้องปลาร้องเพลงวันเกิดให้เขา  เค้กก็เป็นรูปปลาวาฬตัวใหญ่สีฟ้าพร้อมปักเทียนสีชมพูที่บอกถึงตัวเลขของอายุและของขวัญก็ยังเป็นสิ่งซื้อให้ด้วยความรู้ใจ  ถ้าเขาไม่รักเด็กคนนี้ก็คงจะเป็นผู้ใหญ่ที่เสียสติไปแล้วจริงๆ  อูบินไม่เคยซีเรียสเรื่องของวันเกิด  อายุมันพาให้การจัดงานหรือการเลี้ยงสังสรรค์ถูกลดทอนไปตามหน้าที่  แค่ป๊ากับม๊าและเจ้าคริสโทรมาอวยพร...แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว  แต่ปีนี้...มันคือวันเกิดที่พิเศษที่สุด

     

                (ขอให้น้องปลามีความสุขมากกว่าคุณปลาวาฬจ๋า  ขอให้น้องอย่าเจอทุกข์ใดใด  ขอให้ตระกูลอู๋ตระกูลโอและครอบครัวของจงอินทุกคนจงมีความสุข)

     

                เป็นคำอธิษฐานก่อนเป่าเค้กของคนวัยเข้าสู่เลขสี่...และนี่ก็คงเป็นเค้กก้อนแรกในรอบหลายปีที่อร่อยจนแบ่งให้ลูกน้องได้ทานด้วยกัน  น้องปลาเคี้ยวของหวานแสนนุ่มนิ่มจนเต็มแก้ม  แล้วการมาเซอร์ไพส์พี่ชายตัวใหญ่ถึงฮ่องกงก็เป็นอันสำเร็จ  พี่ซึงฮอนเก่งมากที่หาเค้กมาได้ตามที่สั่ง  ไม่รู้ไปซื้อมาจากร้านไหนเพราะมันอร่อยมากจริงๆ  แถมยังมาทันเวลาโดยที่ไม่มีคนอื่นมาทำให้เสียบรรยากาศ  ใช่ว่าไม่อยากให้คุณปลาวาฬจ๋ามีแฟน  แต่ถ้าไม่มีก็น่าจะดีกว่า

     

    คุณปลาวาฬจ๋าต้องรักหนูคนเดียวเท่านั้น!!!

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

    โรงแรม  XYZ

    19.04 น.

     

    VROOMMMMM!!!

     

                “พักผ่อนเยอะๆนะคะน้องปลา  แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะมารับไปเที่ยว”

     

                “คุณปลาวาฬจ๋าไม่ติดงานแน่นะฮะ?”

     

                “แน่นอนคะ  น้องปลาเตรียมตัวไว้เลย...ได้เที่ยวทั้งวันแน่ๆ”

     

                “ขอบคุณนะฮะคุณปลาวาฬจ๋า”

     

                “บายนะคะ  พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”

     

                “บายฮะ  ฝันดีนะฮะคุณปลาวาฬจ๋า”

     

                “กู๊ดไนท์ค่ะเด็กดี”

     

                พาไปกินข้าว  ได้เลี้ยงฉลองวันเกิด  ตกเย็นก็ไปเล่นที่ออฟฟิศและเดินทางมาส่งถึงที่โรงแรม  แถมพรุ่งนี้ยังมีทริปอีกมากมายที่อูบินเตรียมไว้เพื่อความสนุกของน้องปลา  รถหรูสีเข้มค่อยๆเคลื่อนออกไปพร้อมการโบกไม้โบกมือหลังจากรำลากันเรียบร้อย  ส่วนคนที่วันนี้แทบไม่ได้ทำหน้าที่ดูแลภรรยา...ก็ถึงเวลาที่ต้องดูแลแล้วในคืนนี้  ดีที่ไม่ได้พักบ้านพี่อูบิน  ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องนอนคนเดียวแน่ๆ

     

                “เหนื่อยไหมครับน้องปลา”

     

                “ไม่เหนื่อยฮะ  แล้วคุณคิมล่ะฮะเหนื่อยหรือเปล่า”

     

                “พี่ก็ไม่เหนื่อยครับ  แต่เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

     

                “คุณคิมน่ากลัว”

     

                ใช่...คุณคิมน่ากลัว  เพราะทั้งน้ำเสียงและสีหน้ามันเรียบเฉยจนคนฟังรู้สึกว่ามันห่างเหิน  ปกติจงอินจะขี้เล่น  ชอบพูดทะลึ่งให้เขินอายแถมยังยิ้มได้ตลอดเวลาเมื่อเราอยู่ด้วยกัน  แต่ตอนนี้คุณคิมไม่ยิ้มเลยสักนิด  น้องปลาต้องทำอะไรผิดแน่ๆ  เจ้าตัวรู้สึกแบบนั้น  ถึงแม้เราจะยังจับมือกันเดินเหมือนเช่นทุกครั้ง  แต่การเดินโดยไร้เสียงพูดคุยจนลิฟท์พามาส่งถึงชั้นที่พัก  มันพาลให้ใจของเด็กวัยสิบหกปีรู้สึกหวั่นเกรง

     

                “คุณคิมโกรธอะไรหนูหรือเปล่าฮะ  คุณคิมเงียบเกินไป  หนูกลัว”

     

                “งั้นอาบน้ำไปด้วยคุยไปด้วยก็แล้วกัน  พี่อยากนอนแช่น้ำอุ่นสักหน่อย  เดินทางมาไกลก็เลยเมื่อย”

     

                “โอเค...เดี๋ยวหนูไปรองน้ำไว้ให้  คุณคิมถอดเสื้อได้เลยฮะ”

     

                วิ่งปู๊ดดด...เหมือนตุ๊กตาที่เพิ่งใส่ถ่านเมื่อการ์ดทำหน้าที่เปิดประตูห้อง  สองขาน้อยๆเดินเลี้ยวไปที่ห้องน้ำก่อนเปิดสิ่งที่จะทำให้คุณคิมสบายตัวมากขึ้นจนเต็มอ่าง  อุณหภูมิกำลังพอดี  ครีมเนื้อเนียนถูกละลายไปกับน้ำพร้อมตีให้เกิดฟองเล็กน้อย  น้องปลาค่อยๆถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าแล้วหย่อนกายลงไปในอ่างเพราะไม่อยากทำให้สามีเหนื่อยไปมากกว่านี้

     

                “คุณคิมลงมาเร็วๆฮะ  หนูพร้อมแล้ว”

     

                เรื่องความเขินอาย...คงต้องลืมไปชั่วขณะเพราะมีเรื่องต้องเคลียร์ใจ  ปกติเวลาที่คุณคิมถอดเสื้อจนเห็นซิกแพค  น้องปลาต้องก้มซ่อนใบหน้าเอาไว้ทุกครั้งเนื่องจากหุ่นของสามีมันดีเกินไป  หน้าท้องที่เป็นลอนสมส่วนกับผิวเข้มๆพร้อมกล้ามแขนกำลังพอดี  และฉลามเพชฌฆาตที่ตอนนี้ยังไม่ตื่นคือสิ่งที่น้องปลาไม่อาจสบจ้องได้เกินห้าวินาที

     

                “เฮ้ออออ...สบายจัง  ขอบคุณนะครับน้องปลา”

     

                รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที...และถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็ต้องได้ก้นนุ่มๆมาแนบบนตัก  มือหนาคว้าร่างเปลือยเปล่าขาวเนียนให้มานั่งอยู่บนส่วนตามที่ใจต้องการ  อ้อมแขนแข็งแรงโอบรอบเอวบางเอาไว้ก่อนขยับกายน้อยๆให้พิงลงมาบนอกกว้าง

     

                “คุณคิมจะคุยอะไรกับหนูเหรอฮะ?”

     

                “เรื่องพี่อูบินครับ...วันนี้น้องปลาก็มีส่วนผิดรู้ไหม?”

     

                “คุณคิมโกรธหนูเหรอฮะ”

     

                “ไม่โกรธครับ  แค่รู้สึกติดใจอะไรนิดหน่อย”

     

                “ตรงไหนฮะ??”

     

                “ตรงที่น้องปลาบอกว่าไม่อยากให้พี่อูบินหมั้น”

     

                “ก็หนูไม่อยากให้คุณปลาวาฬจ๋าหมั้นจริงๆนิฮะ”

     

                “น้องปลาฟังพี่ดีๆ...แล้วคิดตามนะครับ  ถ้าย้อนไปในวันแต่งงาน  ถ้าสมมุติว่าพี่อูบินไม่ให้น้องปลาแต่งงานกับคุณคิม  น้องปลาจะยอมไหมครับ?”

     

                “ไม่ยอม  หนูจะแต่งงานกับคุณคิม  คุณพ่อกับคุณลุงใจดีอนุญาตแล้ว  พี่อูบินไม่มีสิทธิห้าม”

     

                “เหมือนกัน...น้องปลาก็ไม่มีสิทธิห้ามพี่อูบิน  ถ้าพี่อูบินเจอคนที่ดี  คนที่ดูแลพี่เค้าได้เหมือนที่คุณคิมดูแลน้องปลา  แต่น้องปลาไม่อนุญาต...พี่อูบินก็ต้องเสียดีๆไป”

     

                “แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไม่ดีนะฮะ”

     

                “พี่ไม่ได้พูดถึงผู้หญิงคนนั้นครับ  พี่กำลังพูดถึงน้องปลา  พี่อยากให้น้องปลาเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา  พี่รู้ว่าน้องปลารักพี่อูบิน  แต่พี่อูบินเค้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว  พี่เค้ามองออกว่าใครเป็นคนดีหรือไม่ดี  เราไม่ควรเข้าไปยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของใครมากขนาดนั้น”

     

                “หนูไม่น่ารักอีกแล้วเหรอฮะ?”

     

                “น่ารักครับ...แต่เรื่องของผู้ใหญ่  ก็ต้องปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการ  ถ้าพี่เค้ารักใครเราก็ต้องสนับสนุน  แล้วถ้าวันหนึ่งพี่เค้าไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของคู่ชีวิต  น้องปลาก็ต้องให้กำลังใจ  แต่เราจะเข้าไปสั่งให้ใครรักใครเลิก  หมั้นหรือไม่หมั้นไม่ได้  น้องปลาเข้าใจไหมครับ”

     

                “โอเค...เข้าใจแล้วฮะ  ทีหลังหนูจะไม่ทำแบบนี้อีก”

     

                “ยังไงพี่อูบินก็รักน้องปลาอยู่แล้ว  น้องปลาไม่ต้องห่วงว่าพี่เค้าจะรักคนอื่นมากกว่า  ขนาดพี่เคยเป็นคนอื่น...พี่อูบินยังรักได้เลย  แล้วพี่ก็ได้เข้ามาเป็นครอบครัวของน้องปลา”

     

                “งือออ...คราวหลังหนูจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว  หนูรักคุณคิมนะฮะ  ทะ...ที่”

     

                “ที่หนึ่งเยอะๆกว่าใคร...”

     

    จุ๊บบบ!!

     

              “อื้มมม...”

     

                รู้เลยว่าต้องพูดคำไหน...เพราะจนมุมทีไรก็พูดแบบนี้ทุกครั้ง  น้องปลายังเด็ก...ข้อนี้คุณคิมทราบดี  จงอินเป็นสามี...ข้อนี้น้องปลาก็ทราบดีเช่นกัน  อะไรที่สอนกันได้ก็สอน  สิ่งใดที่คาใจก็รีบเคลียร์เพราะการเป็นคู่ครองคนรักมันต้องคอยปรับตัวกันอยู่เสมอ  ไม่เข้าใจเรื่องนี้ก็จะอธิบาย  ตรงไหนยังบกพร่องก็รีบแก้ไข  ทั้งน้องปลาและจงอินจึงไม่เคยโกรธกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว  รอยจูบถูกมอบให้เด็กดีเหมือนเป็นรางวัล  ความกลมกลึงถูกฟอนเฟ้นอย่างไม่อาจห้ามความรู้สึก  และไหล่กว้างก็ถูกกระชับไว้มั่นเพราะรสสัมผัสที่ถูกกอบโกยมันพาให้ใจสั่น

     

                “รีบอาบน้ำรีบเข้านอนดีกว่านะครับน้องปลา  เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเที่ยวกับพี่อูบินไม่ไหว”

     

                “แต่ตอนนี้หนูก็ไม่ไหวเหมือนกันนะฮะ  คุณคิมไม่อยากรักหนูเหรอ”

     

                “หึ!!...”

     

                ใครทนได้ก็ทนไปเถอะครับ...แต่คิมจงอินคนนี้จะไม่ทนนนนนน!!!  เสียงหวานที่พร่ำขอ  เรือนร่างที่สวยงาม  สายตาที่ฉ่ำปรือ  มันทำให้คุณคิมไม่อาจทนต่อสิ่งเหล่านั้นได้  จะถนอมให้ดีที่สุด  จะกลืนกินทุกหยาดหยด  แต่...จะไม่รุนแรงเหมือนอย่างที่ผ่านมา  ถ้าเลือกแล้วว่าจะรักก็ต้องดูแลกันไปตลอดชีวิต  สิ่งไหนยอมได้ก็จะยอมเพื่อประคองความรักของเราให้มั่นคง  และสัญญาว่ารักน้องปลาแบบนี้ไปจนกว่าจะไร้ซึ่งลมหายใจ

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

                “อ๊ะ!!..”

     

                “น้องปลาาา”

     

                “คุณคิม  คุณคิมมม!!!

     

                “อื้มมมม...”

     

     

    ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นไหวหรือไม่เพราะบทรักที่ค่อยๆละเลียดชิมไปอย่างช้าๆ  มันคงยาวนานจนไม่รู้เวลาที่สิ้นสุด♪♫♪♫♪♫..♪♫....♡♡♫♪♫

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr.ภาพตอนพิเศษ 3 :  Instazu.com  และhiburan dreamers id

     

    คิมจีวอน



     

    Talk.

    คิดถึงกันไหมคะ?  แต่เราคิดถึงนะ ^^)

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนนะคะ  เราหวังว่าฟิคเรื่องนี้จะยังคงทำให้ทุกคนยิ้มได้

    แต่น้องปลาดื้อไปหน่อย55555555

    รัก

    #ฟิคน้องปลา

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×