ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) น้องปลา (Kaihun Ft.Chanbaek,Krislay)

    ลำดับตอนที่ #4 : ปลาตัวที่ 4

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.93K
      42
      18 เม.ย. 64


    ปลาตัวที่ 4

     

     





     

     

    บริษัท  มีปลา

    07.30 น.

     

     

                “พี่อี้เบาๆหน่อย หนูเจ็บนะ!!!”  

     

                “เรียกให้มาอาบน้ำตั้งนานแล้วก็มัวแต่เล่นอยู่ได้  งานพี่มีอีกตั้งเยอะแยะ  ถ้าไม่ช่วยก็อย่ามาถ่วงเวลาคนอื่น

     

                “แล้วใครล่ะที่ทำให้หนูต้องเป็นแบบเนี้ย”  

     

                “เออ...งั้นเย็นนี้ก็ให้คนต้นเหตุมาอาบน้ำให้ก็แล้วกัน  พี่เบื่อเด็กดื้อแล้ว

     

                หลังจากเกิดเรื่องที่ผับเมื่อหลายวันก่อน...ทั้งคริสและอี้ชิงก็โดนคุณพ่อทำโทษเนื่องจากบาดแผลที่เกิดขึ้นกับน้องปลามันค่อนข้างรุนแรงอยู่พอสมควร  มือทั้งสองข้างถูกผ้าก๊อตพันแผลเอาไว้และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จนกว่าจะตัดใหมออก

     

     

     

                มือข้างซ้ายของน้องปลาถูกเย็บรวมๆแล้วเกือบ 10 เข็ม ส่วนมือขวาก็เป็นแผลอยู่หลายแห่งแต่ไม่ถึงกับต้องเย็บเหมือนมือข้างซ้าย  อี้ชิงถูกพ่อลงโทษโดยการต้องอาบน้ำแต่งตัวให้น้องปลาทุกวันจนกว่ามือของน้องจะหายดี  อี้ชิงรู้สึกเหนื่อยเพราะเขาไม่ใช่แค่ถูกพ่อลงโทษเพียงคนเดียวเท่านั้น  แต่ยังถูกคริสผู้เป็นสามีลงโทษทุกวันจนตอนนี้อี้ชิงรู้สึกหมดแรงและไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น

     

     

     

                ส่วนคริสก็โดนพ่อตาลงโทษโดยการห้ามออกไปเที่ยวจนกว่าจะได้รับอนุญาต  และเขาก็ไม่รู้ว่าจะได้รับอิสรภาพคืนมาอีกครั้งเมื่อไหร่  คนเป็นเขยเหมือนจะโดนลงโทษหนักกว่าใครเนื่องจากพ่อตาอุตส่าห์ไว้วางใจยกทั้งธุรกิจยกทั้งลูกสุดที่รักให้ดูแล  แต่ก็ยังเกิดเหตุที่ทำให้น้องคนเล็กต้องมาเจ็บตัวจนได้

     

     

     

                ด้านของน้องปลา...ไม่จำเป็นต้องลงโทษอะไรก็เหมือนโดนลงโทษไปในตัวอยู่แล้ว  เพราะมือที่เจ็บจนไม่สามารถทำอะไรได้ก็ทำให้น้องปลาบ่นว่าเบื่อแทบทุกวันโดยเฉพาะการอดลงไปเล่นกับเจ้าพวกหางสวยในบ่อหลังบ้าน  น้องปลาไปยืนร้องไห้อยู่หน้าบ่อทุกวันเพราะอยากลงไปเล่นกับปลาในบ่อใจจะขาด  แต่มือที่ถูกพันผ้าก๊อตเอาไว้และหมอก็สั่งห้ามโดนน้ำเด็ดขาด  นั่นจึงทำให้น้องปลารู้สึกเศร้าที่อดลงไปเล่นกับเพื่อนหางสวยพวกนั้น

     

                “หนูไม่ใส่เสื้อตัวนี้  ไม่เอาไม่ใส่!!!”  วิ่งหนีไปนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงเพราะอี้ชิงเลือกเสื้อผ้ามาให้ใส่แต่ไม่ถูกใจ

     

                “อย่าเรื่องมาก  คนป่วยไม่มีสิทธิ์เลือกเข้าใจมั้ย”  อี้ชิงต้องรบกับน้องของตัวเองเกือบทุกวันตั้งแต่เรื่องอาบน้ำจนถึงเรื่องการแต่งตัว

     

                “หนูจะใส่เสื้อสีชมพู  หนูไม่ใส่เสื้อสีนี้”  นอนม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มเพื่อกันไม่ให้อี้ชิงจับตัวเองใส่เสื้อสีดำที่อี้ชิงถืออยู่ในมือ

     

                “เปลี่ยนก็ได้  เปลี่ยนก็ได้  ออกมาจากผ้าห่มเดี๋ยวนี้พี่ต้องรีบไปทำงาน”  คนเป็นพี่ปาเสื้อสีดำลงพื้นด้วยความหงุดหงิดและรีบเดินไปหยิบเสื้อตัวอื่นมาให้น้องชายใส่แทน

     

                อี้ชิงอยากให้คริสเป็นคนอาบน้ำแต่งตัวให้กับน้องปลาทุกวันแทนเขา  เพราะน้องปลาไม่เคยดื้อกับคริสเหมือนที่ดื้อกับเขาเลยสักครั้ง  วันไหนที่คริสมีคิวอาบน้ำให้กับน้องปลา  น้องไม่เคยดื้อแถมยังรีบเข้าไปรอคริสในห้องน้ำแบบที่ไม่ต้องตะโกนเรียกจนปากฉีกเหมือนตัวเอง  และหลังจากที่รบกับน้องของตัวเองเสร็จสิ้นก็พากันลงมาชั้นล่างเพื่อทานอาหารเช้า

     

     

     

                งานในบริษัท...น้องปลามีหน้าที่อยู่หน้าคอมพ์ฯเพื่อเช็คสินค้าว่ามีบริษัทใดสั่งปลาเอาไว้บ้าง  ซึ่งหน้าที่ตรงนี้ก็ต้องตกเป็นของอี้ชิงตามระเบียบเพราะมือของน้องปลายังใช้งานได้ม่เต็มที่  และอี้ชิงก็ขอสาบานต่อหน้าหม้อข้าวตรงนี้เลยว่าถ้าน้องปลาหายดีเมื่อไหร่  เขาจะพาตัวเองไปกระโดดน้ำทะเลจนกว่าจะหายเครียด

     

                “พี่คริสจ๋าวันนี้มีอะไรกินบ้าง...หนูหิวแล้วฮะ”  เด็กดื้อของอี้ชิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่ออยู่กับคริส

     

                “ไปนั่งรอที่โต๊ะเลย  เดี๋ยวพี่จะตักไปป้อน”  หน้าที่อีกอย่างของคริสหลังจากเกิดเรื่องก็คือ...ทำกับข้าวและป้อนทุกอย่างให้กับน้องปลาไม่ว่าน้องจะอยากกินอะไรก็ตาม

     

                วันนี้คริสตื่นแต่เช้าและเข้าครัวเพื่อทำข้าวต้มกุ้งของโปรดน้องปลาเอาไว้  คริสไม่ได้เกี่ยงเรื่องทำอาหารหรือการตื่นเช้าเพราะเขากับอี้ชิงก็พลัดกันทำอาหารเป็นประจำอยู่แล้ว  ส่วนพ่อตาก็ไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องออกไปเลือกปลาสวยงามตามออร์เดอร์พิเศษของลูกค้าอยู่บ่อยๆ

     

                “พี่คริสจ๋าเอากุ้งเยอะๆ ๆ ๆ เลย”  นั่งแกว่งขาและพูดปากยื่นปากยาวพร้อมกับรออาหารเช้าของโปรดอยู่บนเก้าอี้

     

                “รู้แล้ว  รู้แล้ว  กุ้งจะหมดหม้อแล้วเนี้ย  อ้าปากเร็วๆเดี๋ยวพี่ต้องไปเปิดร้านแล้ว”  น้องปลาทำตามทุกอย่างที่คริสบอกจนอี้ชิงที่นั่งทานข้าวอยู่เงียบๆฝั่งตรงข้ามนึกหมั่นไส้

     

                “เคี้ยวช้าๆแล้วค่อยกลืน  เดี๋ยวปวดท้องขึ้นมาอีกจะให้หมอมาฉีดยา”  อี้ชิงปรามน้องของตัวเองทันที  เนื่องจากน้องปลาชอบรีบทานรีบเคี้ยวเพราะกลัวไม่ได้ไปเล่นกับเพื่อนจนเคยตัว  แล้วมันก็มักจะทำให้น้องปลาท้องอืดจนต้องเรียกหมอมาฉีดยาอยู่บ่อยครั้ง

     

                “พี่คริสจ๋าหนูอิ่มแล้วฮะ”  คริสรีบล้างจานและเก็บของทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะอาหารเพื่อที่ตัวเองจะได้ลงไปเปิดร้านเสียที

     

                “วันนี้น้องปลาต้องช่วยพี่อี้ดูรายชื่อลูกค้าและห้ามออกไปวิ่งเล่น 1 วัน  เข้าใจที่พี่คริสพูดมั้ยครับ  แล้วก็ห้ามดื้อ”  ล้างจานไปก็พูดเตือนน้องเมียไปด้วย  เพราะถึงแม้น้องปลาจะไม่ต้องทำงาน  แต่ก็ต้องคอยช่วยดูรายชื่อลูกค้าให้พวกพี่ๆจนกว่างานจะเสร็จ

     

                “จ๋าจ้ะ...หนูเข้าใจ”  ยิ้มตาหยีใส่พี่เขยแต่หันมาแลบลิ้นใส่พี่ชายของตัวเองต่อทันทีเพราะเรื่องที่คริสบอกเมื่อครู่  อี้ชิงได้บอกน้องปลาไปแล้วเช่นกัน

     

                อี้ชิงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกเข้าไปทุกที  ขนาดน้องปลาเป็นน้องแท้ๆของเขาแต่ก็ไม่เคยยอมเชื่อฟังตัวเองเหมือนกับคริสบ้าง  อี้ชิงบอกน้องไปแล้วเมื่อเช้าว่าวันนี้ต้องช่วยเขาดูรายชื่อลูกค้าด้วยกันเพราะมีแต่น้องปลาคนเดียวเท่านั้นที่จำรายชื่อทั้งหมดได้  แต่เจ้าตัวกลับทำเป็นหูทวนลมแถมยังร้องเพลงกลบเสียงคำสั่งของเขาอีกต่างหาก  แล้วพอคริสพูดบ้างน้องกลับขานรับเสียงหวานโดยไม่ดื้อแม้แต่นิดเดียว

     

     

     

     

     








     






     

     

     

     

    10.00 น.

     

     

                “สวัสดีครับ...จากบริษัทบ้านปลา  มารับปลาที่สั่งไว้ครับ”  จงอินทักทายเด็กน้อยขายปลาที่กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตอนนี้

     

                “นัดไว้ 5 โมงเย็นไม่ใช่เหรอฮะ  แล้วพี่จงอินจะมาทำไมแต่เช้า  ปลายังไม่ได้แพ็คเลย  ทำไมพูดไม่รู้เรื่องละฮะ”  น้องปลาไม่ได้หงุดหงิดที่จงอินมาแต่หัววัน  แต่หงุดหงิดที่อดไปวิ่งเล่น

     

                “เป็นอะไรครับน้องปลา  ทำไมพูดกับพี่ไม่เพราะเลย หื้ม?”  ไม่ได้อยากว่าน้อง...แต่ถ้าไม่ใช่เขาที่มารับปลาในตอนนี้แต่เป็นลูกค้าคนอื่น  น้องปลาอาจโดนลูกค้าตำหนิก็เป็นได้

     

                “หนูเจ็บแผล  หนูเบื่อ  หนูอยากไปวิ่งเล่น”  หน้างอยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในโลกใบนี้  น้องปลาหงุดหงิดที่ชีวิตของเขาต้องมาอดทำอะไรหลายอย่างๆเพราะมือที่ได้รับบาดเจ็บ

     

                “งะ....งั้น”  ยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดให้จบ...ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาเสียก่อน  และเสียงนั่นก็ทำให้น้องปลาหายหงุดหงิดไปในทันที

     

                วันนี้พ่อของจงอินขอติดรถมาด้วยเมื่อรู้ข่าวว่าน้องปลาไม่สบาย  และที่รู้ก็เพราะเห็นลูกเขยของตัวเองถูกไล่ให้ออกไปนอนกับหมาหน้าโรงงานด้วยเหตุที่แอบเมียหนีไปเที่ยวเมื่อหลายคืนก่อน  พอถามไปถามมาพ่อของจงอินจึงได้รู้อะไรเพิ่มมาอีกหนึ่งเรื่องนั่นก็คือ....เจ้าของร้านขายปลาแห่งนี้เป็นรุ่นพี่ของลูกชายตัวเอง

     

                “น้องปลาาาา  คิดถึงคุณลุงไหมเอ่ย”  แค่เสียงก็ชนะจงอินขาดลอย  แถมพ่อยังถือขนมมาฝากน้องปลาอีกห่อใหญ่และตอนนี้พ่อของจงอินก็ทำคะแนนทิ้งห่างลูกชายไปไกลอยู่พอสมควร

     

                “คุณลูงงงงงงงงงงง  ใจดี”  จงอินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นธาตุอากาศเมื่อน้องปลาขานเรียกพ่อของตัวเองด้วยเสียงที่หวานจนน้ำตาลยังจืดพร้อมกับวิ่งไปกอดพ่อของเขาเอาไว้แน่น

     

                “ไหนคุณลุงขอดูมือหน่อยซิ  แล้วน้องปลาเจ็บมากหรือเปล่า”  เด็กน้อยแบมือให้ชายสูงวัยดูบาดแผล  แต่สายตากลับมองถุงขนมที่อยู่ในมือของคุณลุงเสียอย่างนั้น

     

                “กินขนมถึงจะหายเจ็บฮะ”  จงอินยิ้มให้กับทฤษฎีแปลกประหลาดที่น้องปลาพูดขึ้นเมื่อครู่  ใครเขาสอนกันว่ากินขนมแล้วจะหายเจ็บ

     

                “แล้ววันนี้ไม่มีเรียนเหรอครับน้องปลา?”  จงอินได้โอกาสคุยบ้างหลังจากยืนเป็นธาตุอากาศอยู่นาน

     

                “มีฮะ...แต่หนูต้องหยุดเรียนเพราะยังเขียนหนังสือไม่ได้”  ไม่พูดเปล่าเพราะน้องปลาโชว์แผลที่มีผ้าก๊อตพันเอาไว้เต็มมือไปหมด

     

                “มือเจ็บแบบนี้ก็อดลงไปเล่นกับเพื่อนในบ่อปลาเลยสิ”  จงอินพูดเหมือนแทงไปโดนจุดสำคัญของน้องปลาเข้าเต็มๆ

     

                “ช่ายยยย...หมอบอกว่ามือห้ามโดนน้ำจนกว่าจะหายดี  หนูเบื่ออะ  เมื่อไหร่แผลจะหายก็ไม่รู้”  คราวนี้จงอินรู้สึกผิดขึ้นมาทันที  เพราะน้องปลาเริ่มออกอาการงอแง และตาแดงๆนั่นก็ยังบ่งบอกได้ว่ากำลังจะร้องไห้

     

                “น้องปลาก็ไปเล่นกับคุณส้มแป้นแทนก่อนสิ  คุณส้มแป้นน้อยใจแย่แล้ว”  จงอินพูดเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อไม่ให้น้องปลาร้องไห้หรือเสียใจ

     

                “คุณส้มแป้นมีบ้านใหม่สวยมากเลยฮะ  หนูก็เลยไม่อยากไปกวน  คุณส้มแป้นหลับสบายทุกคืนเลยนะฮะ”  จงอินรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกหน่อยเพราะเมื่อพูดถึงคุณส้มแป้น  น้องปลาก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าขึ้นมาบ้าง

     

                “คุณส้มแป้นชอบบ้านใหม่  แล้วน้องปลาชอบด้วยมั้ยครับ”  ทั้งๆที่กลัวคำตอบ  แต่จงอินก็ยังอยากถามเพราะตั้งแต่ที่ทำบ้านใหม่ให้กับเจ้าส้มแป้นของน้องปลาจนเสร็จ  จงอินก็ไม่ได้คุยกับน้องปลาอีกเลย

     

                “ชอบสิฮะ ชอบที่สุด พี่จงอินของหนู เก่งที่หนึ่ง”  คนทำบ้านปลายิ้มปากกว้างแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากของน้อง

     

                “อ้าวว...แล้วบ่อปลาของลุง  น้องปลาไม่ชอบแล้วเหรอ  ลุงน้อยใจแล้วน้าาา”  รู้สึกหมั่นไส้พ่อของตัวเองขึ้นมาทันทีแถมน้องปลายังอ้อนพ่อของเขาเพื่อหวังว่าคุณลุงใจดีคนโปรดจะหายน้อยใจ

     

                จงอินรู้สึกคิดผิดที่เอาพ่อติดรถมาด้วยในเวลานี้  เพราะจริงๆแล้วพ่อของเขาต้องมารับปลาที่สั่งไว้ในตอนเย็น  และที่เขาต้องมาแต่เช้าขนาดนี้ก็เพื่อที่จะโกยคะแนนหลังจากที่น้องปลายอมเรียกชื่อและให้ความสนิทสนมด้วยเมื่อหลายวันก่อน  แต่!!!พ่อกลับมาทำเสียแผนซะได้

     

     

     

                และเมื่อต่างคนต่างเอาอกเอาใจเด็กน้อยกันได้สักพัก....พ่อของจงอินก็ขอแยกตัวเพื่อไปดูปลาที่ตัวเองสั่งเอาไว้พร้อมกับทิ้งระเบิดลูกใหญ่โดยการหอมแก้มน้องปลาต่อหน้าลูกชายก่อนเดินจากไป  เกิดมาจนอายุจะเข้าเลขสามจงอินไม่เคยคิดอยากจะต่อยพ่อของตัวเองเท่าวันนี้มาก่อน  และตอนนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสเหมาะที่เขาจะกลับมาทำคะแนนอีกครั้งเพื่อกระชับความสนิทสนมให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่


    แต่จงอิน...ยังเห็นสีหน้าของน้องปลาที่ดูไม่สดชื้นเท่าที่เคยเห็นน้องในตอนแรกๆ  และคิดว่ามันอาจมาจากอาการบาดเจ็บที่มือ


     

                “น้องปลาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ  ทำไมไม่ยิ้มเลย  เจ็บแผลเหรอครับ”  ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจับมือข้างหนึ่งของน้องปลาขึ้นมาดู

     

                “ไม่เจ็บฮะ  แต่หนูเบื่อ  หนูอยากไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ”  จงอินเข้าใจดีว่าคำว่าเพื่อนของน้องปลาหมายถึงปลาในบ่อที่อยู่หลังบ้าน

     

                “งั้นพี่พาน้องปลาออกไปทานไอติมกันที่ห้างดีมั้ย?”  ตาเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อของหวานสุดโปรดหลุดออกมาจากปากของคนตรงหน้า

     

              ไป ๆ ๆ  หนูอยากกินไอติม”  พูดพร้อมเอียงศีรษะไปถูไหล่ของจงอินเหมือนเป็นการอ้อน  และนั่นก็ถือว่าเป็นไม้ตายอันดับต้นๆของน้องปลาเลยก็ว่าได้

     

                “งั้นเราไปขออนุญาตพี่คริสด้วยกันดีกว่านะครับ  ถ้าพี่คริสอนุญาต  พี่จงอินก็จะพาไป

     

     

     



     



     








     



     

     

     

     

                คนเป็นเจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับออร์เดอร์ของลูกค้า  วันนี้มันต้องรีบเคลียร์ทุกอย่างให้หมดเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์วันอาทิตย์  ซึ่งร้านขายปลาของเขาถือว่าเป็นวันหยุด  แต่ในขณะที่กำลังจะขนกล่องเปล่าเพื่อเตรียมไปบรรจุปลาให้กับลูกค้าที่โกดัง  มือทั้งสองข้างก็ต้องวางของทั้งหมดลงกับพื้นตามเดิมเพราะเสียงเรียกของน้องเมียตัวป่วน

               

     

     

                คริสรู้ดีว่าตัวเองตามใจน้องปลาจนเคยตัว  แต่การตามใจมันก็มีส่วนดีตรงที่น้องปลายอมเชื่อฟังเขาและไม่ค่อยดื้อเหมือนตอนอยู่กับอี้ชิง  คนเป็นพี่เขยคิดว่าอี้ชิงดุน้องเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว  เพราะถ้าเขาดุน้องขึ้นมาอีกคน  น้องปลาต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ  และเขาก็เป็นเพียงแค่พี่เขย  คริสจึงไม่สามารถดุน้องปลาได้อย่างที่พี่แท้ๆอย่างที่อี้ชิง

     

                “พี่คริสจ๋าาาาา”  เรียกด้วยน้ำเสียงแบบนี้คริสก็รู้ทันทีว่าน้องต้องมาอ้อนหรือขออะไรสักอย่างจากเขาแน่ๆ

     

                “หิวแล้วเหรอไงถึงวิ่งมาหาพี่แบบนี้  เดี๋ยวก็หกล้มจนได้”  คริสทิ้งกล่องเปล่าในมือทันที  แล้วเดินไปอุ้มน้องปลาเอาไว้จนเต็มอ้อมกอด

     

                “หนูกับพี่จงอินมาขออนุญาตพี่คริสจ๋าไปกินไอติมที่ห้างฮะ  พี่จงอินจะพาหนูไปเดินเล่นด้วย”  จงอินแอบขำอยู่ในลำคอเพราะเขาบอกน้องปลาแค่ว่าจะพาไปกินไอศกรีม  แต่ไม่ได้บอกว่าจะพาไปเดินเล่นสักหน่อย  

     

                “กล้าไปกับคนอื่นแล้วเหรอ  พี่คริสกับพี่อี้ไม่ได้ไปด้วยนะครับ  งานยังไม่เสร็จเลย”  น้องปลาทำท่าคิดหนักทันทีเพราะตั้งแต่เกิดมา  ตัวเขาก็ไม่เคยไปไหนกับคนอื่นถ้าไม่ใช่คนในบ้านเป็นคนพาไป

     

                และความเงียบ...ก็ทำให้จงอินคิดหนักเช่นกัน  เพราะไม่รู้ว่าน้องปลาจะตอบตกลงหรือว่าปฏิเสธกันแน่  จงอินเห็นน้องปลากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างอยู่กับพี่เขย  ซึ่งเขาก็ได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก  แต่จงอินก็คิดว่าน้องปลาคงกำลังปรึกษากับคริสว่าตัวเองควรไปเที่ยวกับคนอื่นดีหรือไม่

     

     

     

                แล้วสักพัก...คริสก็ปล่อยน้องปลาลงบนพื้นและโอบเอวบางเข้ามาหาจงอินพร้อมกับอนุญาตให้พาน้องปลาไปกินไอศกรีมที่ห้างสรรพสินค้าได้  แต่!!!ห้ามกลับเกิน 6 โมงเย็นเพราะร้านของคริสก็ใกล้จะปิดในเวลานั้น  รวมถึงไม่อยากให้น้องปลากลับค่ำจนเกินไปเนื่องจากน้องต้องกลับมาทายาและทำแผล  แถมเย็นนี้อี้ชิงก็จะไม่อยู่บ้านเพราะต้องเดินทางไปหาคุณพ่อเพื่อเลือกปลาตามออร์เดอร์ใหม่ที่ลูกค้าเพิ่งสั่งเข้ามาเมื่อตอนเช้า

     

     

     

                น้องปลาดีใจที่จะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกกับคนอื่นเป็นครั้งแรก  ซึ่งคริสบอกกับน้องปลาว่าถ้าน้องสนิทกับใครก็สามารถไปไหนมาไหนกับคนคนนั้นได้  แต่ก็ต้องมาขออนุญาตจากเขาหรือพี่อี้ชิงก่อนเสมอ  และอย่าออกไปไหนโดยที่ไม่บอกคนในบ้านโดยเด็ดขาดเพราะถ้าพ่อรู้พ่อจะทำโทษน้องปลา

     

                “เดี๋ยว ๆ ๆ แล้วเฮียจะอุ้มน้องปลาไปไหนอีกล่ะ  ไหนเฮียอนุญาตให้ผมพาน้องไปเที่ยวแล้วไง”  จงอินสงสัยว่าคริสจะพาน้องปลาไปไหนอีก  ทั้งๆที่เพิ่งอนุญาตให้เขาพาน้องออกไปเที่ยว

     

                “พาไปเปลี่ยนชุดไง  นี่มันชุดอยู่บ้าน  ในห้างอากาศมันเย็น  เดี๋ยวน้องปลาไม่สบาย”  และคำตอบที่ได้รับ...ก็ทำให้จงอินสงสัยหนักขึ้นไปกว่าเดิม

     

                “เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ....เฮียก็ให้น้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเองดิ  น้องโตแล้วนะเฮีย”  น้องปลาคิดว่าจงอินกำลังทำให้เขาเสียเวลา  เจ้าตัวจึงตะโกนเรียกอี้ชิงให้มารับเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแทนพี่คริส

     

                “อะไรอีกวะไอ้ดำ  วันนี้น้องกูจะได้ไปแดกไอติมไหมเนี่ย”  ต่อว่าจงอินเสร็จสรรพและหันไปมองเด็กน้อยด้วยความเป็นห่วง  เพราะการวิ่งพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อภรรายาของเขาไปด้วย  มันทำให้น้องปลาไม่ทันได้เห็นกล่องเปล่าที่วางอยู่เกลื่อนพื้นแล้วอาจหกล้ม  แถมการจะได้ออกไปทานของหวานสุดโปรดที่ห้างสรรพสินค้าก็ยิ่งทำให้น้องเมียของเขาดีใจจมลืมไปว่าร่างกายของตัวเองยังมีบาดแผล

     

                “ก็เฮียจะไปเปลี่ยนชุดให้น้องได้ยัง....น้องปลาโตแล้วนะเฮีย  ไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบ”  โดนด่าอีกครั้งก็ยอม  แต่ความสงสัยมันต้องได้รับคำตอบ

     

                “มึงตาบอดเหรอไอ้ดำ  มึงไม่เห็นเหรอว่าน้องปลามือเจ็บ  น้องจะถอดเสื้อผ้าได้ไง  แล้วอีกอย่างนะ...ตั้งแต่น้องมันบาดเจ็บ  น้ำกูก็อาบให้ทุกวัน  กะอีแค่เปลี่ยนเสื้อผ้า...มึงจะมาสงสัยอะไรกูหนักหนาวะ”  อธิบายเหตุผลพร้อมรีบเรียงกล่องเปล่าให้เรียบร้อยก่อนที่น้องเมียจะลงมาอีกรอบแล้วสะดุดกล่องแพ็คปลาจนได้แผลใหม่ 

     

                ส่วนคนที่ได้รับคำตอบอย่างจงอิน...ก็รู้สึกหน้าชาทันทีเมื่อยินแบบนั้นและแอบอิจฉารุ่นพี่คนสนิทอย่างบอกไม่ถูก  ความรู้สึกตอนนี้จะใช้คำว่า  “หึงหวง  ก็ยังใช้ไม่ได้  แต่จงอินรู้สึกว่าหน้าที่แบบนี้มันควรเป็นของพ่อแม่หรือไม่ก็พี่ของน้องปลาเท่านั้น  แต่ทำไม??คริสถึงได้รับสิทธิ์นี้ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่พี่เขย


    แล้วววว...ความสงสัยทั้งหมดก็ต้องหยุดลงเมื่อจงอินได้ยินเสียงใสๆของน้องปลาดังขึ้น?

     


                “พี่จงอินนนนน....เราไปกันเถอะหนูพร้อมแล้ว”  และเด็กน้อยที่สวมสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีขาวกับกางเกงสั้นเหนือเข่าสีชมพูอ่อน  พร้อมสวมร้องเท้าผ้าใบ  สะพายกระเป๋ารูปปลาโลมาเอาไว้ด้านหลังก็ทำให้จงอินยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย



    (น่ารัก  น่ารัก  น่ารัก  น่ารักที่สุดในโลกกกกกกกกกกกกก!!)

     

     

     

     


     







     






     

     

     

     

    ห้าง XOXO

    14.00 น.

     

     

     

                เมื่อจงอินขับรถมาถึงห้างสรรพสินค้า...เจ้าตัวก็พาน้องเดินตรงไปยังร้านไอศกรีมเจ้าประจำของแบคฮยอนทันที  ร้านนี้เป็นร้านที่เขากับชานยอลมักจะมานั่งทานเครื่องดื่มด้วยกันเสมอเมื่อสมัยยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย  พวกเขาไม่ชอบทานอะไรหวานๆอย่างพวกเค้กหรือไอศกรีม  แต่ที่ต้องเข้ามาในร้านนี้อยู่บ่อยๆก็เป็นเพราะเแบคฮยอนชอบทานขนมหวานและชานยอลก็มักจะมานั่งเฝ้าแฟนของตัวเองอยู่บ่อยๆ

     

     

     

                จงอินพาน้องปลาไปเลือกไอศกรีมที่วางเรียงกันอยู่หน้าตู้กระจก  และสีสันสวยงามของไอศกรีมที่อยู่ในตู้ก็สามารถเรียกความสนใจให้กับน้องปลาได้เป็นอย่างดี  เด็กน้อยทำตาเป็นประกายเมื่อเห็นของโปรดเรียงอยู่ตรงหน้าเยอะแยะมากมาย  ส่วนจงอินก็รู้สึกดีใจที่เห็นน้องมีความสุข  น้องปลาเลือกไอศกรีมรสช็อกโกแล็ตและรสมินต์  แถมท๊อปปิ้งด้วยสตอเบอร์รี่สดที่วางอยู่บนวิปครีมเนื้อนุ่มสีขาวและจงอินก็สั่งเพียงโกโก้ร้อนมาทานอย่างเดียวเท่านั้น

     

     

     

                จงอินพาน้องปลาเดินกลับมานั่งรอไอศกรีมของตัวเองที่โต๊ะ  และชวนคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยในช่วงที่รอของหวานมาเสิร์ฟ  ตอนแรกเขารู้สึกแปลกใจที่น้องปลาไม่มีเพื่อนเลยสักคนและไม่ยอมไว้ใจใครทั้งนั้นนอกจากคนในบ้าน  แต่พอได้ฟังสิ่งที่น้องปลาเล่ามาทั้งหมด...ความคิดของจงอินในตอนแรกก็เริ่มเปลี่ยนไป

     

     

     

                จริงๆแล้วน้องปลาก็เหมือนคนปกติธรรมดา...เมื่ออยู่ที่ไหนแล้วรู้สึกสบายใจหรือปลอดภัยก็อยากจะอยู่ตรงนั้นตลอดไป  และเวลาที่เจออะไรร้ายๆก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงพร้อมหาคนที่ไว้ใจได้มาปกป้องตัวเอง  แต่อีกมุมมองหนึ่งเขาก็คิดว่า...การที่น้องปลาเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านโดยที่ไม่ได้ออกไปไหนเลยถ้าไม่มีใครไปด้วยมันก็อาจจะทำให้กลายเป็นคนที่ตามคนอื่นไม่ทัน  และถ้าจะเปรียบเทียบมันก็คงจะคล้ายกับ "กบที่อยู่แต่ในกะลา"

     

                “ไอศกรีมช็อคโกแล็ตมินต์...กับโกโก้ร้อนได้แล้วค่ะ

     


                เมื่อพนักงานเดินเอาของหวานมาเสิร์ฟ...น้องปลาก็ออกอาการดีใจจนพนักงานคนนั้นอดที่จะยิ้มตามไปกับการกระทำของน้องไม่ได้  จงอินนั่งนิ่งอยู่สักพักและสงสัยว่าเมื่อของโปรดมาวางอยู่ตรงหน้าแล้วทำไมน้องปลายังคงทำเฉย??  แต่เมื่อเด็กน้อยกระพริบตาปริบๆพร้อมกับยกมือที่มีผ้าก๊อตพันไว้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ  จงอินก็อยากจะด่าตัวเองแรงๆโทษฐานที่ลืมว่าน้องปลามีอาการบาดเจ็บและยังหยิบจับอะไรไม่ได้ในตอนนี้  ส่วนน้องปลา....ก็ไม่กล้าเอ่ยขอความช่วยเหลือเพราะจงอินเป็นคนอื่น  ซึ่งไม่ใช่คนในครอบครัวเหมือนกับคริสและอี้ชิง  น้องปลาจึงไม่กล้าบอกว่าให้ผู้ชายตรงหน้าช่วยป้อนไอศกรีมให้เขา


    คนขี้ลืม...รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนย้ายตัวเองมานั่งอยู่ข้างๆน้องปลาและคิดอยู่ในใจว่าวันนี้จะ  "พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส"  เพราะเขาจะดูแลน้องปลาให้ดีที่สุด

     


                “พี่ขอโทษนะครับ  พี่ลืมไปว่าน้องปลาเจ็บมือ”  ตักของหวานเข้าปากน้องปลาช้าๆพร้อมกล่าวขอโทษ  เพราะรู้สึกผิดที่จำไม่ได้ว่าเด็กน้อยมีอาการบาดเจ็บ

     

                “ไม่เป็นไรฮะแต่  เอ่อออออ...พี่จงอินไม่ลำบากใช่ไหม??”  น้องปลารู้สึกเกรงใจมากๆเพราะตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บ  เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของทุกคนในบ้านมาตลอดและตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น

     

                “ไม่ลำบากเลยครับ...พี่เต็มใจ  และถ้าวันไหนพี่ว่าง  พี่ก็จะพาน้องปลามาทานไอติมอีก”  ลำบากกว่านี้จงอินก็ยอม  เพราะเด็กน้อยตรงหน้าช่างน่ารักน่าเอาอกเอาใจไปเสียทุกอย่าง

     

                “พี่จงอินใจดีเหมือนพี่คริสจ๋าเลยฮะ  หนูชอบพี่จงอิน”  รู้สึกดีใจที่น้องปลาพูดแบบนั้น  เพราะความสัมพันธ์จากคนสนิทมันค่อยๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

     

                “แล้วพี่อี้ชิงล่ะครับ...ไม่ใจดีเท่าพี่คริสเหรอ?”  เหมือนน้องปลาจะพูดถึงพี่เขยมากกว่าคนเป็นพี่ชายแท้ๆ  จงอินจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปและที่ถามก็เพื่อต้องการทำความรู้จักกับเด็กคนนี้ให้มากขึ้น

     

                “ใจดีเหมือนกันฮะ  แต่พี่อี้ชอบดุ  แต่หนูก็รักพี่อี้ม๊ากกกกก  แล้วหนูรู้ว่าพี่อี้ก็รักหนูเหมือนกัน”  ตอบคำถามไปด้วยและอ้าปากรับของหวานคำโตไปด้วยจนครีมสีขาวติดอยู่ที่ริมฝีปาก  แล้วก็เป็นคนป้อนอย่างจงอินที่ช่วยใช้นิ้วโป้งเกลี่ยออกให้แทนการใช้ทิชชู่  

     

                 "ละ...แล้วว!!"

     

                กำลังจะสานสัมพันธ์ต่อ...แต่กลับถูกใครคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายน้องปลาเหมือนรู้จักกันมาก่อน  และดูจากท่าทางของน้องปลาแล้ว  จงอินก็เริ่มไม่แน่ใจว่าชายแปลกหน้าคนนี้ไปรู้จักกับน้องปลาตั้งแต่ตอนไหน??  เพราะระหว่างที่ทักทายกัน...น้องปลาก็เริ่มขยับกายเข้ามาใกล้จงอินมากขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนจะขึ้นมานั่งตัก  แถมยังซบหน้าลงมาบนหลังพร้อมกระซิบว่า "คนใจร้าย" มาแล้ว

     

                “สวัสดีครับน้องปลา...วันนี้มาเที่ยวเหรอครับ??”  ทั้งท่าทางและน้ำเสียง  ทำให้จงอินไม่สงสัยเลยว่าทำไมน้องปลาถึงมีท่าทางหวาดกลัวแบบนั้น

     

                ...................."  ไร้เสียงตอบรับจนจงอินต้องเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนคนที่ยังซบหน้าอยู่บนแผ่นหลังของเขา

     

                “สวัสดีครับผม คิมจงอิน  มีอะไรถามผมก็ได้ครับ  พอดีน้องไม่ค่อยสบาย”  กล่าวทักทายชายแปลกหน้าอย่างสุภาพ  แต่ดูเหมือนชายคนนี้จะไม่สนใจที่เขาพูดเลยสักนิดและเริ่มชวนน้องปลาคุยอีกครั้ง

     

                “มือเป็นอะไรครับน้องปลา  เจ็บมากหรือเปล่า...แล้วไปโดนอะไรมา?”  ชายแปลกหน้าถือวิสาสะจับมือข้างที่เด็กน้อยของเขาได้รับบาดเจ็บ  โดยที่น้องปลาก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว


    และ......

     


                “อื้ออ....หนูเจ็บนะ!!!”  น้องปลารีบดึงมือกลับลงมาไว้ใต้โต๊ะทันที  เพราะชายแปลกจับไปโดนแผลที่ถูกเย็บไว้พอดี

     

                “กูอุตส่าห์มีมารยาทด้วยแล้วนะ...แต่ถ้ามึงยังทำแบบนี้กูคงไม่ต้องมีมารยาทแล้วมั้ง”  จงอินลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกระชากคอเสื้อของชายแปลกหน้าคนนั้นด้วยความโมโห

     

                “มึงเป็นใครวะ...แล้วมาเสือกอะไรด้วย!!?”  ชายที่ไร้มารยาทยังคงหาเรื่อง  โดยไม่ได้ดูสีหน้าของจงอินเลยสักนิดว่าแทบจะฆ่าใครก็ได้ที่ทำให้น้องปลาเจ็บ

     

                “เป็นแฟน...ชัดพอไหม!!!?  แล้วคนที่เสือกก็คือมึงไม่ใช่กู!!”  พูดจบก็สวนหมัดใส่ใบหน้าชายคนนั้นทันทีแบบเต็มแรงและไม่ยั้งมือ  รวมถึงไม่ยั้งอารมณ์อะไรทั้งนั้น  เสียงโอดโอยของน้องปลาเพียงเล็กน้อยทำให้จงอินรู้สึกโกรธมากจริงๆ

     

                พนักงานและลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านต่างมองไปที่โต๊ะของหนุ่มผิวเข้มเป็นตาเดียว  แต่วันนี้โชคก็เข้าข้างคนลงมือก่อนเพราะผู้จัดการร้านรู้จักกับจงอินเป็นอย่างดีเพราะจำได้ว่าเป็นลูกค้ามาตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นแค่พนักงานทั่วไปจนตอนนี้ได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้จัดการสาขา

     

     

     

                ทั้งผู้จัดการร้านและพนักงานคนอื่นๆต่างพากันเชิญชายแปลกหน้าออกไปนอกร้านโทษฐานก่อความวุ่นวายจนลูกค้าท่านอื่นที่มาใช้บริการเกิดความตระหนกตกใจ  จงอินโค้งกายเพื่อขอบคุณผู้จัดการร้านและพนักงานทุกคนที่ช่วยเหลือเขา  เพราะถ้าพนักงานในร้านไม่เข้ามาห้ามศึกในครั้งนี้  มีหวังชายแปลกหน้าคงโดนกระทืบจนตาย

     

                “น้องปลาแบมือให้พี่ดูหน่อยครับ...เลือดออกหรือเปล่า  หื้มม?”  เด็กน้อยยังคงก้มหน้างุดพร้อมกับเอามือทั้งสอข้างแอบไว้ที่ด้านหลังของตัวเอง  และรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

     

                “คนไม่ดี...พี่คริสจ๋าบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดี”  เกิดสงสัยว่าทำไมน้องปลาถึงบอกว่าชายแปลกหน้าคนนั้นเป็นคนไม่ดี  เพราะก่อนหน้านี้จงอินไม่เคยรู้จักกับน้องปลามาก่อน  นั่นจึงทำให้เขาไม่ทราบถึงความเป็นมาเป็นไปของใครสักคน

     

                “น้องปลารู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอครับ”  คนถูกถามพยักหน้าเป็นคำตอบ  แต่ยังไม่กล้าสบตาจงอินตรงๆและยังหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น


                “เขาชอบมาซื้อปลาที่ร้าน  แต่หนูไม่ยอมขาย  เขามาซื้อปลาทุกวันและบอกว่าปลาตัวเก่าตายไปแล้วก็เลยต้องมาซื้อปลาบ่อยๆ  พี่คริสจ๋าบอกว่าผู้ชายคนนั้นพูดโกหก  ที่เขามาซื้อปลาทุกวันเพราะอยากมาคุยกับหนูมากกว่า  เขาไม่ได้ซื้อปลาไปเลี้ยง  หนูไม่ชอบคนใจร้าย  หนูเกลียดผู้ชายคนนั้น

     

     

     

     

     








     







     

     

     

     

                คำว่า เกลียด ของน้องปลา...ทำให้จงอินรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก  เพราะเขาไม่อยากโดนน้องปลาเกลียดหรือทำท่าทางไม่อยากคุยด้วยแบบที่ทำกับชายแปลกหน้าคนนั้น  จงอินคิดว่าถ้าวันนี้เป็นคริสที่มานั่งอยู่ในร้านไอศกรีมแทนเขา  ชายแปลกหน้าคงโดนอะไรสักอย่างจากคริสจนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน  ข้อหาทำให้น้องเมียอันเป็นที่รักได้รับบาดเจ็บ

     

                “คราวหน้าพี่จะดูแลเราให้ดีกว่านี้  พี่จะไม่ทำให้เราเจ็บตัวอีกแล้ว  พี่ขอโทษนะครับน้องปลา”  เด็กน้อยพิงกายซบไหล่ของจงอินทันทีเพราะรู้สึกว่าตัวเองถูกปกป้องจากคนใจร้ายคนนั้น  และเจ้าของไหล่กว้างก็จับแขนข้างที่น้องเจ็บขึ้นมาเป่าเบาๆ  ซึ่งการกระทำแบบนี้ก็พาให้น้องปลาคิดไปถึงตอนที่คุณพ่อชอบทำให้เขาเวลาที่หกล้มหรือเล่นซนจนได้แผล

     

                “หนูไม่เจ็บแล้วฮะ  พี่จงอินก็ทำเหมือนพ่อหนูเลย  เวลาหนูเจ็บ....พ่อก็จะเป่าแบบนี้”  รอยยิ้มของน้องปลาทำให้จงอินรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก  จากที่โมโห  จากที่โกรธเคืองก็กลับเบาใจขึ้นมาทันที

     

                “แล้วน้องปลาอยากทานอะไรอีกมั้ยครับ...เดี๋ยวพี่จะพาไป”  เริ่มตักไอศกรีมที่หลืออยู่ในถ้วยป้อนใส่ปากเด็กน้อยที่เอาแต่ซบหน้าอยู่บนไหล่ของเขาอีกครั้ง  เพราะของหวานสุดโปรดของน้องปลามันใกล้จะละลายหมดแล้ว

     

                “พี่จงอินเป็นแฟนกับหนูเหรอฮะ  ทำไมหนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”  รับของหวานเข้าปากก่อนเงยใบหน้าจิ้มลิ้มและพูดออกไปทั้งๆที่มันไม่ได้ตรงกับสิ่งที่จงอินถามเลยสักนิด  แถมยังพิงกายแล้วเอนศีรษะวางไว้บนไหล่กว้างอย่างออดอ้อน  

     

                เหมือนเป็นการกระทำที่ฆ่าจงอินให้ตายได้ในทันที  เพราะตอนนี้ริมฝีปากของน้องปลาและของเขามันใกล้กันมาก  ยิ่งจงอินก้มหน้าลงไปมอง  เขาก็ยิ่งเห็นว่าปากของน้องปลามันน่าจูบมากแค่ไหน  ขนาดสีของสตอเบอร์รี่ที่อยู่ในถ้วยไอศกรีมตอนนี้ว่าแดงแล้วก็ยังแพ้ความฉ่ำวาวและแดงอย่างเป็นธรรมชาติแบบเด็กน้อยของเขา

     

                “แล้วน้องปลาอยากเป็นแฟนกับพี่จงอินไหมครับ??”  เป็นคำถามที่กลัวคำตอบมากที่สุดเท่าที่เคยถามมา  แต่ลองดูก็ไม่ได้เสียหายอะไรเพราะจงอินก็ไม่ได้รีบร้อนจะเอาเด็กตรงหน้ามาเป็นแฟนถึงขนาดนั้นเนื่องจากน้องปลายังเด็กมากๆ

     

                “เป็นได้เหรอฮะ...แต่เป็นแล้วจะเหมือนพี่คริสจ๋ากับพี่อี้ไหม?”  คำตอบที่จงอินอยากได้...กลับกลายมาเป็นคำถามอีกครั้ง

     

                “ถ้าเหมือนแล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะครับ...น้องปลาช่วยบอกพี่หน่อยสิ”  จงอินเริ่มสงสัยว่าทำไมการเป็นแฟนกับเขาถึงได้มาเกี่ยวกับคริสและอี้ชิง  


    ยิ่งถามก็ยิ่งสงสัย...ยิ่งสงสัยก็ต้องรีบหาคำตอบ


     

                “ก็เมื่อคืน...หนูได้ยินเสียงพี่คริสจ๋าพูดกับพี่อี้ว่า  คราวหลังจะซนอีกไหม อ่าห์  แล้ววว...พี่อี้ก็ไม่ได้ตอบอะไรนะฮะ  หนูได้ยินแต่เสียงของพี่อี้ร้องว่า อ๊ะ  อ๊ะ  พี่คริสเบาๆหน่อย  ซี๊ดดดด.....ดังแบบเนี้ยตลอดทั้งคืนเลยฮะ  พอเช้ามาหนูไปถามพี่คริสจ๋า  พี่เขาก็บอกหนูว่า  มันเป็นเรื่องของคนมีแฟน  เด็กแบบน้องปลาไม่เกี่ยว  แล้วพี่อี้ก็ตัวแดงไปหมดเลยนะฮะ  ปากก็แดงด้วย  เหมือนโดนมดกันเลยยยยย  หนูไม่อยากมีแฟนเลยฮะ หนูกลัว!!!

     

                ทั้งภาพและเสียง...วิ่งวนอยู่ในหัวของจงอินตั้งแต่ตอนที่น้องปลาเริ่มเล่นบทเป็นพี่อี้ชิง  และการหาคำตอบก็ทำให้จงอินถึงกับเป็นใบ้  สมัยนี้...เด็กที่อายุเท่ากับน้องปลาบางคนก็คงมีแฟนกันแล้ว  และคำว่า "แฟน" ในแบบที่เจ้าตัวเข้าใจก็ห่างไกลกับสิ่งที่ได้ยิน  เพราะการมีคู่ครองแบบที่แต่งงานกันไปตามพิธีมันก็ต้องทำเรื่องอย่างว่า  ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนเป็นสามีภรรยา  และตอนนี้จงอินก็คิดว่า...ถ้ากลับไปส่งน้องปลาที่บ้านในช่วงเย็น  เขาคงต้องขอคุยกับคริสเป็นการส่วนตัวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

     

     

     

     

     






     

     





     

     

     

    บริษัท  บ้านปลา

    21.05 น.

     

     

     

                “พี่ชานยอลลลลลลลล!!”  เจ้าของเสียงในระดับความดังที่เกินมาตรฐาน...จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก  บยอนแบคฮยอน 

     

                “อารายยยยยยยยยยย”  และเสียงนี้...ก็เป็นการตอบรับของพี่เขยอย่างปาร์คชานยอล  ซึ่งเมื่อได้ยินแล้วจงอินก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่ามัน กวนตีน

     

                ขับรถกลับมาที่บ้านหลังจากไปส่งน้องปลาพร้อมทั้งคุยกับคริสอยู่นานถึงเรื่องคำว่า "แฟน" ในแบบที่น้องปลาเข้าใจจนค่ำมืด  แต่พอเข้ามาในบ้านก็ยังต้องมาปวดประสาทกับเสียงโวยวายของพี่ชายต่างแม่กับพี่เขยเพิ่มอีก  แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดหลายคืนติดต่อกันตั้งแต่ที่เกิดเรื่องจากผับเมื่อหลายวันก่อน  และบทลงโทษของชานยอลก็คือ...การถูกไล่ให้ไปนอนกับหมาที่โรงงานจนกว่าเมียจะหายโกรธ

     

                “นี่เจ๊...ไล่ชานยอลไปนอนกับหมาบ่อยๆ  ถ้าหมามันท้องขึ้นมาก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นพ่อ

     

                “ถ้ามันประสาทเสียขนาดทำหมาท้องกูก็จะยอมรับลูกของมันมาเลี้ยงเอง... ถุ้ยยย!!! แกจะบ้าเหรอจงอิน!!!...เข้าข้างกันเข้าไปเถอะ  เดี๋ยวจะโดนไล่ให้ไปนอนข้างนอกกันหมดบ้านเลยคอยดู!!!

     

                จงอินชินแล้วกับคู่รักต่างไซส์ของบ้านหลังนี้  และชานยอลก็มักจะทำให้แบคฮยอนโมโหอยู่บ่อยๆ  แต่ก็ยังรักกันดี...จงอินเคยสงสัยว่าทำไมชานยอลถึงได้ทนมือทนตีนพี่ชายของเขานัก  และถ้าแบคฮยอนไม่ได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นสามี  แล้วใครที่ไหนจะมาทนพี่ชายต่างมารดาของเขาได้

     

     

     

                จงอินส่ายหัวให้กับเรื่องของคนในบ้าน  และรีบเดินกลับไปยังห้องนอนเพราะไม่อยากยืนต่อปากต่อคำกับพี่ชายของตัวเองนานนักเพราะอาจโดนหางเลขไปด้วย  แถมสีหน้าที่แสนจะทะเล้นของชานยอลก็ยิ่งเป็นฉนวนของความโมโหได้เป็นอย่างดี

     

     

                “เรียกพี่ซะเสียงดังเลยนะคร้าบบบ...เมียที่เคารพ”  ทั้งสีหน้าและคำพูด...จงอินไม่รู้ว่าอันไหนมันกวนประสาทมากกว่ากัน

     

                “มานวดให้หน่อย...แบคเมื่อย”  เมื่อสิ้นคำสั่งที่แสนจะกระเง้ากระงอด  คนเป็นน้องอย่างจงอินก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความเอือมระอาและรีบปิดประตูห้องของตัวเองทันที

     

                แต่....คำพูดของแบคฮยอนมันก็ทำให้จงอินรู้ได้ทันทีว่าคืนนี้ชานยอลคงไม่ต้องออกไปนอนนอกบ้านอีกแล้ว  เพราะทุกครั้งที่พี่ชายต่างแม่ของเขาโดนมือใหญ่ๆของสามีบีบนวด  แบคฮยอนก็มักจะหลับสบายและตื่นสายทุกที  แถมยังตื่นมาพร้อมกับการฝากรอยข่วนเล็กๆไว้จนเต็มแผ่นหลังของชานยอลอีกด้วย

     

              ...

     

     

     

              ...

     

     

     

              ...

     

     

     

              ...

     

     

     

              ...

     

     

     

                “อ๊ะ พะ....พี่ชานยอลล

     

     

     

     

                “อื้มมม...ว่าไงครับน้องแบค

     

     

                

                

                "อ๊ะ  อ๊ะ!!!"

     

     

     

     

     

                “อ่าาาาห์

     



     

     



     

     



     







     

     

     

     

    100%

    กลับมาแล้วค้าาา

    ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานขนาดนี้  T^T

    เป็นกำลังใจให้กับน้องปลาและพี่จงอินด้วยน้าาาาา

    ขอบคุณผู้อ่านและผู้ติดตามทุกคนมากๆค่ะ

    L o v E ♥ 

    #ฟิคน้องปลา 

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×