คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ปลาตัวที่ 4
ปลาตัวที่ 4
บริษัท มีปลา
07.30 น.
“พี่อี้เบาๆหน่อย หนูเจ็บนะ!!!”
“เรียกให้มาอาบน้ำตั้งนานแล้วก็มัวแต่เล่นอยู่ได้ งานพี่มีอีกตั้งเยอะแยะ ถ้าไม่ช่วยก็อย่ามาถ่วงเวลาคนอื่น”
“แล้วใครล่ะที่ทำให้หนูต้องเป็นแบบเนี้ย”
“เออ...งั้นเย็นนี้ก็ให้คนต้นเหตุมาอาบน้ำให้ก็แล้วกัน พี่เบื่อเด็กดื้อแล้ว”
หลังจากเกิดเรื่องที่ผับเมื่อหลายวันก่อน...ทั้งคริสและอี้ชิงก็โดนคุณพ่อทำโทษเนื่องจากบาดแผลที่เกิดขึ้นกับน้องปลามันค่อนข้างรุนแรงอยู่พอสมควร มือทั้งสองข้างถูกผ้าก๊อตพันแผลเอาไว้และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จนกว่าจะตัดใหมออก
มือข้างซ้ายของน้องปลาถูกเย็บรวมๆแล้วเกือบ 10 เข็ม ส่วนมือขวาก็เป็นแผลอยู่หลายแห่งแต่ไม่ถึงกับต้องเย็บเหมือนมือข้างซ้าย อี้ชิงถูกพ่อลงโทษโดยการต้องอาบน้ำแต่งตัวให้น้องปลาทุกวันจนกว่ามือของน้องจะหายดี อี้ชิงรู้สึกเหนื่อยเพราะเขาไม่ใช่แค่ถูกพ่อลงโทษเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังถูกคริสผู้เป็นสามีลงโทษทุกวันจนตอนนี้อี้ชิงรู้สึกหมดแรงและไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น
ส่วนคริสก็โดนพ่อตาลงโทษโดยการห้ามออกไปเที่ยวจนกว่าจะได้รับอนุญาต และเขาก็ไม่รู้ว่าจะได้รับอิสรภาพคืนมาอีกครั้งเมื่อไหร่ คนเป็นเขยเหมือนจะโดนลงโทษหนักกว่าใครเนื่องจากพ่อตาอุตส่าห์ไว้วางใจยกทั้งธุรกิจยกทั้งลูกสุดที่รักให้ดูแล แต่ก็ยังเกิดเหตุที่ทำให้น้องคนเล็กต้องมาเจ็บตัวจนได้
ด้านของน้องปลา...ไม่จำเป็นต้องลงโทษอะไรก็เหมือนโดนลงโทษไปในตัวอยู่แล้ว เพราะมือที่เจ็บจนไม่สามารถทำอะไรได้ก็ทำให้น้องปลาบ่นว่าเบื่อแทบทุกวันโดยเฉพาะการอดลงไปเล่นกับเจ้าพวกหางสวยในบ่อหลังบ้าน น้องปลาไปยืนร้องไห้อยู่หน้าบ่อทุกวันเพราะอยากลงไปเล่นกับปลาในบ่อใจจะขาด แต่มือที่ถูกพันผ้าก๊อตเอาไว้และหมอก็สั่งห้ามโดนน้ำเด็ดขาด นั่นจึงทำให้น้องปลารู้สึกเศร้าที่อดลงไปเล่นกับเพื่อนหางสวยพวกนั้น
“หนูไม่ใส่เสื้อตัวนี้ ไม่เอาไม่ใส่!!!” วิ่งหนีไปนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงเพราะอี้ชิงเลือกเสื้อผ้ามาให้ใส่แต่ไม่ถูกใจ
“อย่าเรื่องมาก คนป่วยไม่มีสิทธิ์เลือกเข้าใจมั้ย” อี้ชิงต้องรบกับน้องของตัวเองเกือบทุกวันตั้งแต่เรื่องอาบน้ำจนถึงเรื่องการแต่งตัว
“หนูจะใส่เสื้อสีชมพู หนูไม่ใส่เสื้อสีนี้” นอนม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มเพื่อกันไม่ให้อี้ชิงจับตัวเองใส่เสื้อสีดำที่อี้ชิงถืออยู่ในมือ
“เปลี่ยนก็ได้ เปลี่ยนก็ได้ ออกมาจากผ้าห่มเดี๋ยวนี้พี่ต้องรีบไปทำงาน” คนเป็นพี่ปาเสื้อสีดำลงพื้นด้วยความหงุดหงิดและรีบเดินไปหยิบเสื้อตัวอื่นมาให้น้องชายใส่แทน
อี้ชิงอยากให้คริสเป็นคนอาบน้ำแต่งตัวให้กับน้องปลาทุกวันแทนเขา เพราะน้องปลาไม่เคยดื้อกับคริสเหมือนที่ดื้อกับเขาเลยสักครั้ง วันไหนที่คริสมีคิวอาบน้ำให้กับน้องปลา น้องไม่เคยดื้อแถมยังรีบเข้าไปรอคริสในห้องน้ำแบบที่ไม่ต้องตะโกนเรียกจนปากฉีกเหมือนตัวเอง และหลังจากที่รบกับน้องของตัวเองเสร็จสิ้นก็พากันลงมาชั้นล่างเพื่อทานอาหารเช้า
งานในบริษัท...น้องปลามีหน้าที่อยู่หน้าคอมพ์ฯเพื่อเช็คสินค้าว่ามีบริษัทใดสั่งปลาเอาไว้บ้าง ซึ่งหน้าที่ตรงนี้ก็ต้องตกเป็นของอี้ชิงตามระเบียบเพราะมือของน้องปลายังใช้งานได้ไม่เต็มที่ และอี้ชิงก็ขอสาบานต่อหน้าหม้อข้าวตรงนี้เลยว่าถ้าน้องปลาหายดีเมื่อไหร่ เขาจะพาตัวเองไปกระโดดน้ำทะเลจนกว่าจะหายเครียด
“พี่คริสจ๋าวันนี้มีอะไรกินบ้าง...หนูหิวแล้วฮะ” เด็กดื้อของอี้ชิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่ออยู่กับคริส
“ไปนั่งรอที่โต๊ะเลย เดี๋ยวพี่จะตักไปป้อน” หน้าที่อีกอย่างของคริสหลังจากเกิดเรื่องก็คือ...ทำกับข้าวและป้อนทุกอย่างให้กับน้องปลาไม่ว่าน้องจะอยากกินอะไรก็ตาม
วันนี้คริสตื่นแต่เช้าและเข้าครัวเพื่อทำข้าวต้มกุ้งของโปรดน้องปลาเอาไว้ คริสไม่ได้เกี่ยงเรื่องทำอาหารหรือการตื่นเช้าเพราะเขากับอี้ชิงก็พลัดกันทำอาหารเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนพ่อตาก็ไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องออกไปเลือกปลาสวยงามตามออร์เดอร์พิเศษของลูกค้าอยู่บ่อยๆ
“พี่คริสจ๋าเอากุ้งเยอะๆ ๆ ๆ เลย” นั่งแกว่งขาและพูดปากยื่นปากยาวพร้อมกับรออาหารเช้าของโปรดอยู่บนเก้าอี้
“รู้แล้ว รู้แล้ว กุ้งจะหมดหม้อแล้วเนี้ย อ้าปากเร็วๆเดี๋ยวพี่ต้องไปเปิดร้านแล้ว” น้องปลาทำตามทุกอย่างที่คริสบอกจนอี้ชิงที่นั่งทานข้าวอยู่เงียบๆฝั่งตรงข้ามนึกหมั่นไส้
“เคี้ยวช้าๆแล้วค่อยกลืน เดี๋ยวปวดท้องขึ้นมาอีกจะให้หมอมาฉีดยา” อี้ชิงปรามน้องของตัวเองทันที เนื่องจากน้องปลาชอบรีบทานรีบเคี้ยวเพราะกลัวไม่ได้ไปเล่นกับเพื่อนจนเคยตัว แล้วมันก็มักจะทำให้น้องปลาท้องอืดจนต้องเรียกหมอมาฉีดยาอยู่บ่อยครั้ง
“พี่คริสจ๋าหนูอิ่มแล้วฮะ” คริสรีบล้างจานและเก็บของทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะอาหารเพื่อที่ตัวเองจะได้ลงไปเปิดร้านเสียที
“วันนี้น้องปลาต้องช่วยพี่อี้ดูรายชื่อลูกค้าและห้ามออกไปวิ่งเล่น 1 วัน เข้าใจที่พี่คริสพูดมั้ยครับ แล้วก็ห้ามดื้อ” ล้างจานไปก็พูดเตือนน้องเมียไปด้วย เพราะถึงแม้น้องปลาจะไม่ต้องทำงาน แต่ก็ต้องคอยช่วยดูรายชื่อลูกค้าให้พวกพี่ๆจนกว่างานจะเสร็จ
“จ๋าจ้ะ...หนูเข้าใจ” ยิ้มตาหยีใส่พี่เขยแต่หันมาแลบลิ้นใส่พี่ชายของตัวเองต่อทันทีเพราะเรื่องที่คริสบอกเมื่อครู่ อี้ชิงได้บอกน้องปลาไปแล้วเช่นกัน
อี้ชิงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกเข้าไปทุกที ขนาดน้องปลาเป็นน้องแท้ๆของเขาแต่ก็ไม่เคยยอมเชื่อฟังตัวเองเหมือนกับคริสบ้าง อี้ชิงบอกน้องไปแล้วเมื่อเช้าว่าวันนี้ต้องช่วยเขาดูรายชื่อลูกค้าด้วยกันเพราะมีแต่น้องปลาคนเดียวเท่านั้นที่จำรายชื่อทั้งหมดได้ แต่เจ้าตัวกลับทำเป็นหูทวนลมแถมยังร้องเพลงกลบเสียงคำสั่งของเขาอีกต่างหาก แล้วพอคริสพูดบ้างน้องกลับขานรับเสียงหวานโดยไม่ดื้อแม้แต่นิดเดียว
10.00 น.
“สวัสดีครับ...จากบริษัทบ้านปลา มารับปลาที่สั่งไว้ครับ” จงอินทักทายเด็กน้อยขายปลาที่กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตอนนี้
“นัดไว้ 5 โมงเย็นไม่ใช่เหรอฮะ แล้วพี่จงอินจะมาทำไมแต่เช้า ปลายังไม่ได้แพ็คเลย ทำไมพูดไม่รู้เรื่องละฮะ” น้องปลาไม่ได้หงุดหงิดที่จงอินมาแต่หัววัน แต่หงุดหงิดที่อดไปวิ่งเล่น
“เป็นอะไรครับน้องปลา ทำไมพูดกับพี่ไม่เพราะเลย หื้ม?” ไม่ได้อยากว่าน้อง...แต่ถ้าไม่ใช่เขาที่มารับปลาในตอนนี้แต่เป็นลูกค้าคนอื่น น้องปลาอาจโดนลูกค้าตำหนิก็เป็นได้
“หนูเจ็บแผล หนูเบื่อ หนูอยากไปวิ่งเล่น” หน้างอยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในโลกใบนี้ น้องปลาหงุดหงิดที่ชีวิตของเขาต้องมาอดทำอะไรหลายอย่างๆเพราะมือที่ได้รับบาดเจ็บ
“งะ....งั้น” ยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดให้จบ...ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาเสียก่อน และเสียงนั่นก็ทำให้น้องปลาหายหงุดหงิดไปในทันที
วันนี้พ่อของจงอินขอติดรถมาด้วยเมื่อรู้ข่าวว่าน้องปลาไม่สบาย และที่รู้ก็เพราะเห็นลูกเขยของตัวเองถูกไล่ให้ออกไปนอนกับหมาหน้าโรงงานด้วยเหตุที่แอบเมียหนีไปเที่ยวเมื่อหลายคืนก่อน พอถามไปถามมาพ่อของจงอินจึงได้รู้อะไรเพิ่มมาอีกหนึ่งเรื่องนั่นก็คือ....เจ้าของร้านขายปลาแห่งนี้เป็นรุ่นพี่ของลูกชายตัวเอง
“น้องปลาาาา คิดถึงคุณลุงไหมเอ่ย” แค่เสียงก็ชนะจงอินขาดลอย แถมพ่อยังถือขนมมาฝากน้องปลาอีกห่อใหญ่และตอนนี้พ่อของจงอินก็ทำคะแนนทิ้งห่างลูกชายไปไกลอยู่พอสมควร
“คุณลูงงงงงงงงงงง ใจดี” จงอินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นธาตุอากาศเมื่อน้องปลาขานเรียกพ่อของตัวเองด้วยเสียงที่หวานจนน้ำตาลยังจืดพร้อมกับวิ่งไปกอดพ่อของเขาเอาไว้แน่น
“ไหนคุณลุงขอดูมือหน่อยซิ แล้วน้องปลาเจ็บมากหรือเปล่า” เด็กน้อยแบมือให้ชายสูงวัยดูบาดแผล แต่สายตากลับมองถุงขนมที่อยู่ในมือของคุณลุงเสียอย่างนั้น
“กินขนมถึงจะหายเจ็บฮะ” จงอินยิ้มให้กับทฤษฎีแปลกประหลาดที่น้องปลาพูดขึ้นเมื่อครู่ ใครเขาสอนกันว่ากินขนมแล้วจะหายเจ็บ
“แล้ววันนี้ไม่มีเรียนเหรอครับน้องปลา?” จงอินได้โอกาสคุยบ้างหลังจากยืนเป็นธาตุอากาศอยู่นาน
“มีฮะ...แต่หนูต้องหยุดเรียนเพราะยังเขียนหนังสือไม่ได้” ไม่พูดเปล่าเพราะน้องปลาโชว์แผลที่มีผ้าก๊อตพันเอาไว้เต็มมือไปหมด
“มือเจ็บแบบนี้ก็อดลงไปเล่นกับเพื่อนในบ่อปลาเลยสิ” จงอินพูดเหมือนแทงไปโดนจุดสำคัญของน้องปลาเข้าเต็มๆ
“ช่ายยยย...หมอบอกว่ามือห้ามโดนน้ำจนกว่าจะหายดี หนูเบื่ออะ เมื่อไหร่แผลจะหายก็ไม่รู้” คราวนี้จงอินรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะน้องปลาเริ่มออกอาการงอแง และตาแดงๆนั่นก็ยังบ่งบอกได้ว่ากำลังจะร้องไห้
“น้องปลาก็ไปเล่นกับคุณส้มแป้นแทนก่อนสิ คุณส้มแป้นน้อยใจแย่แล้ว” จงอินพูดเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อไม่ให้น้องปลาร้องไห้หรือเสียใจ
“คุณส้มแป้นมีบ้านใหม่สวยมากเลยฮะ หนูก็เลยไม่อยากไปกวน คุณส้มแป้นหลับสบายทุกคืนเลยนะฮะ” จงอินรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกหน่อยเพราะเมื่อพูดถึงคุณส้มแป้น น้องปลาก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าขึ้นมาบ้าง
“คุณส้มแป้นชอบบ้านใหม่ แล้วน้องปลาชอบด้วยมั้ยครับ” ทั้งๆที่กลัวคำตอบ แต่จงอินก็ยังอยากถามเพราะตั้งแต่ที่ทำบ้านใหม่ให้กับเจ้าส้มแป้นของน้องปลาจนเสร็จ จงอินก็ไม่ได้คุยกับน้องปลาอีกเลย
“ชอบสิฮะ ชอบที่สุด พี่จงอินของหนู เก่งที่หนึ่ง” คนทำบ้านปลายิ้มปากกว้างแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากของน้อง
“อ้าวว...แล้วบ่อปลาของลุง น้องปลาไม่ชอบแล้วเหรอ ลุงน้อยใจแล้วน้าาา” รู้สึกหมั่นไส้พ่อของตัวเองขึ้นมาทันทีแถมน้องปลายังอ้อนพ่อของเขาเพื่อหวังว่าคุณลุงใจดีคนโปรดจะหายน้อยใจ
จงอินรู้สึกคิดผิดที่เอาพ่อติดรถมาด้วยในเวลานี้ เพราะจริงๆแล้วพ่อของเขาต้องมารับปลาที่สั่งไว้ในตอนเย็น และที่เขาต้องมาแต่เช้าขนาดนี้ก็เพื่อที่จะโกยคะแนนหลังจากที่น้องปลายอมเรียกชื่อและให้ความสนิทสนมด้วยเมื่อหลายวันก่อน แต่!!!พ่อกลับมาทำเสียแผนซะได้
และเมื่อต่างคนต่างเอาอกเอาใจเด็กน้อยกันได้สักพัก....พ่อของจงอินก็ขอแยกตัวเพื่อไปดูปลาที่ตัวเองสั่งเอาไว้พร้อมกับทิ้งระเบิดลูกใหญ่โดยการหอมแก้มน้องปลาต่อหน้าลูกชายก่อนเดินจากไป เกิดมาจนอายุจะเข้าเลขสามจงอินไม่เคยคิดอยากจะต่อยพ่อของตัวเองเท่าวันนี้มาก่อน และตอนนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสเหมาะที่เขาจะกลับมาทำคะแนนอีกครั้งเพื่อกระชับความสนิทสนมให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
แต่จงอิน...ยังเห็นสีหน้าของน้องปลาที่ดูไม่สดชื้นเท่าที่เคยเห็นน้องในตอนแรกๆ และคิดว่ามันอาจมาจากอาการบาดเจ็บที่มือ
“น้องปลาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมไม่ยิ้มเลย เจ็บแผลเหรอครับ” ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจับมือข้างหนึ่งของน้องปลาขึ้นมาดู
“ไม่เจ็บฮะ แต่หนูเบื่อ หนูอยากไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ” จงอินเข้าใจดีว่าคำว่าเพื่อนของน้องปลาหมายถึงปลาในบ่อที่อยู่หลังบ้าน
“งั้นพี่พาน้องปลาออกไปทานไอติมกันที่ห้างดีมั้ย?” ตาเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อของหวานสุดโปรดหลุดออกมาจากปากของคนตรงหน้า
“ไป ๆ ๆ หนูอยากกินไอติม” พูดพร้อมเอียงศีรษะไปถูไหล่ของจงอินเหมือนเป็นการอ้อน และนั่นก็ถือว่าเป็นไม้ตายอันดับต้นๆของน้องปลาเลยก็ว่าได้
“งั้นเราไปขออนุญาตพี่คริสด้วยกันดีกว่านะครับ ถ้าพี่คริสอนุญาต พี่จงอินก็จะพาไป”
คนเป็นเจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับออร์เดอร์ของลูกค้า วันนี้มันต้องรีบเคลียร์ทุกอย่างให้หมดเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์–วันอาทิตย์ ซึ่งร้านขายปลาของเขาถือว่าเป็นวันหยุด แต่ในขณะที่กำลังจะขนกล่องเปล่าเพื่อเตรียมไปบรรจุปลาให้กับลูกค้าที่โกดัง มือทั้งสองข้างก็ต้องวางของทั้งหมดลงกับพื้นตามเดิมเพราะเสียงเรียกของน้องเมียตัวป่วน
คริสรู้ดีว่าตัวเองตามใจน้องปลาจนเคยตัว แต่การตามใจมันก็มีส่วนดีตรงที่น้องปลายอมเชื่อฟังเขาและไม่ค่อยดื้อเหมือนตอนอยู่กับอี้ชิง คนเป็นพี่เขยคิดว่าอี้ชิงดุน้องเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เพราะถ้าเขาดุน้องขึ้นมาอีกคน น้องปลาต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ และเขาก็เป็นเพียงแค่พี่เขย คริสจึงไม่สามารถดุน้องปลาได้อย่างที่พี่แท้ๆอย่างที่อี้ชิง
“พี่คริสจ๋าาาาา” เรียกด้วยน้ำเสียงแบบนี้คริสก็รู้ทันทีว่าน้องต้องมาอ้อนหรือขออะไรสักอย่างจากเขาแน่ๆ
“หิวแล้วเหรอไงถึงวิ่งมาหาพี่แบบนี้ เดี๋ยวก็หกล้มจนได้” คริสทิ้งกล่องเปล่าในมือทันที แล้วเดินไปอุ้มน้องปลาเอาไว้จนเต็มอ้อมกอด
“หนูกับพี่จงอินมาขออนุญาตพี่คริสจ๋าไปกินไอติมที่ห้างฮะ พี่จงอินจะพาหนูไปเดินเล่นด้วย” จงอินแอบขำอยู่ในลำคอเพราะเขาบอกน้องปลาแค่ว่าจะพาไปกินไอศกรีม แต่ไม่ได้บอกว่าจะพาไปเดินเล่นสักหน่อย
“กล้าไปกับคนอื่นแล้วเหรอ พี่คริสกับพี่อี้ไม่ได้ไปด้วยนะครับ งานยังไม่เสร็จเลย” น้องปลาทำท่าคิดหนักทันทีเพราะตั้งแต่เกิดมา ตัวเขาก็ไม่เคยไปไหนกับคนอื่นถ้าไม่ใช่คนในบ้านเป็นคนพาไป
และความเงียบ...ก็ทำให้จงอินคิดหนักเช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าน้องปลาจะตอบตกลงหรือว่าปฏิเสธกันแน่ จงอินเห็นน้องปลากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างอยู่กับพี่เขย ซึ่งเขาก็ได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก แต่จงอินก็คิดว่าน้องปลาคงกำลังปรึกษากับคริสว่าตัวเองควรไปเที่ยวกับคนอื่นดีหรือไม่
แล้วสักพัก...คริสก็ปล่อยน้องปลาลงบนพื้นและโอบเอวบางเข้ามาหาจงอินพร้อมกับอนุญาตให้พาน้องปลาไปกินไอศกรีมที่ห้างสรรพสินค้าได้ แต่!!!ห้ามกลับเกิน 6 โมงเย็นเพราะร้านของคริสก็ใกล้จะปิดในเวลานั้น รวมถึงไม่อยากให้น้องปลากลับค่ำจนเกินไปเนื่องจากน้องต้องกลับมาทายาและทำแผล แถมเย็นนี้อี้ชิงก็จะไม่อยู่บ้านเพราะต้องเดินทางไปหาคุณพ่อเพื่อเลือกปลาตามออร์เดอร์ใหม่ที่ลูกค้าเพิ่งสั่งเข้ามาเมื่อตอนเช้า
น้องปลาดีใจที่จะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกกับคนอื่นเป็นครั้งแรก ซึ่งคริสบอกกับน้องปลาว่าถ้าน้องสนิทกับใครก็สามารถไปไหนมาไหนกับคนคนนั้นได้ แต่ก็ต้องมาขออนุญาตจากเขาหรือพี่อี้ชิงก่อนเสมอ และอย่าออกไปไหนโดยที่ไม่บอกคนในบ้านโดยเด็ดขาดเพราะถ้าพ่อรู้พ่อจะทำโทษน้องปลา
“เดี๋ยว ๆ ๆ แล้วเฮียจะอุ้มน้องปลาไปไหนอีกล่ะ ไหนเฮียอนุญาตให้ผมพาน้องไปเที่ยวแล้วไง” จงอินสงสัยว่าคริสจะพาน้องปลาไปไหนอีก ทั้งๆที่เพิ่งอนุญาตให้เขาพาน้องออกไปเที่ยว
“พาไปเปลี่ยนชุดไง นี่มันชุดอยู่บ้าน ในห้างอากาศมันเย็น เดี๋ยวน้องปลาไม่สบาย” และคำตอบที่ได้รับ...ก็ทำให้จงอินสงสัยหนักขึ้นไปกว่าเดิม
“เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ....เฮียก็ให้น้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเองดิ น้องโตแล้วนะเฮีย” น้องปลาคิดว่าจงอินกำลังทำให้เขาเสียเวลา เจ้าตัวจึงตะโกนเรียกอี้ชิงให้มารับเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแทนพี่คริส
“อะไรอีกวะไอ้ดำ วันนี้น้องกูจะได้ไปแดกไอติมไหมเนี่ย” ต่อว่าจงอินเสร็จสรรพและหันไปมองเด็กน้อยด้วยความเป็นห่วง เพราะการวิ่งพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อภรรายาของเขาไปด้วย มันทำให้น้องปลาไม่ทันได้เห็นกล่องเปล่าที่วางอยู่เกลื่อนพื้นแล้วอาจหกล้ม แถมการจะได้ออกไปทานของหวานสุดโปรดที่ห้างสรรพสินค้าก็ยิ่งทำให้น้องเมียของเขาดีใจจมลืมไปว่าร่างกายของตัวเองยังมีบาดแผล
“ก็เฮียจะไปเปลี่ยนชุดให้น้องได้ยัง....น้องปลาโตแล้วนะเฮีย ไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบ” โดนด่าอีกครั้งก็ยอม แต่ความสงสัยมันต้องได้รับคำตอบ
“มึงตาบอดเหรอไอ้ดำ มึงไม่เห็นเหรอว่าน้องปลามือเจ็บ น้องจะถอดเสื้อผ้าได้ไง แล้วอีกอย่างนะ...ตั้งแต่น้องมันบาดเจ็บ น้ำกูก็อาบให้ทุกวัน กะอีแค่เปลี่ยนเสื้อผ้า...มึงจะมาสงสัยอะไรกูหนักหนาวะ” อธิบายเหตุผลพร้อมรีบเรียงกล่องเปล่าให้เรียบร้อยก่อนที่น้องเมียจะลงมาอีกรอบแล้วสะดุดกล่องแพ็คปลาจนได้แผลใหม่
ส่วนคนที่ได้รับคำตอบอย่างจงอิน...ก็รู้สึกหน้าชาทันทีเมื่อยินแบบนั้นและแอบอิจฉารุ่นพี่คนสนิทอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกตอนนี้จะใช้คำว่า “หึงหวง” ก็ยังใช้ไม่ได้ แต่จงอินรู้สึกว่าหน้าที่แบบนี้มันควรเป็นของพ่อแม่หรือไม่ก็พี่ของน้องปลาเท่านั้น แต่ทำไม??คริสถึงได้รับสิทธิ์นี้ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่พี่เขย
แล้วววว...ความสงสัยทั้งหมดก็ต้องหยุดลงเมื่อจงอินได้ยินเสียงใสๆของน้องปลาดังขึ้น?
“พี่จงอินนนนน....เราไปกันเถอะหนูพร้อมแล้ว” และเด็กน้อยที่สวมสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีขาวกับกางเกงสั้นเหนือเข่าสีชมพูอ่อน พร้อมสวมร้องเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋ารูปปลาโลมาเอาไว้ด้านหลังก็ทำให้จงอินยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย
(น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารักที่สุดในโลกกกกกกกกกกกกก!!)
ห้าง XOXO
14.00 น.
เมื่อจงอินขับรถมาถึงห้างสรรพสินค้า...เจ้าตัวก็พาน้องเดินตรงไปยังร้านไอศกรีมเจ้าประจำของแบคฮยอนทันที ร้านนี้เป็นร้านที่เขากับชานยอลมักจะมานั่งทานเครื่องดื่มด้วยกันเสมอเมื่อสมัยยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย พวกเขาไม่ชอบทานอะไรหวานๆอย่างพวกเค้กหรือไอศกรีม แต่ที่ต้องเข้ามาในร้านนี้อยู่บ่อยๆก็เป็นเพราะเแบคฮยอนชอบทานขนมหวานและชานยอลก็มักจะมานั่งเฝ้าแฟนของตัวเองอยู่บ่อยๆ
จงอินพาน้องปลาไปเลือกไอศกรีมที่วางเรียงกันอยู่หน้าตู้กระจก และสีสันสวยงามของไอศกรีมที่อยู่ในตู้ก็สามารถเรียกความสนใจให้กับน้องปลาได้เป็นอย่างดี เด็กน้อยทำตาเป็นประกายเมื่อเห็นของโปรดเรียงอยู่ตรงหน้าเยอะแยะมากมาย ส่วนจงอินก็รู้สึกดีใจที่เห็นน้องมีความสุข น้องปลาเลือกไอศกรีมรสช็อกโกแล็ตและรสมินต์ แถมท๊อปปิ้งด้วยสตอเบอร์รี่สดที่วางอยู่บนวิปครีมเนื้อนุ่มสีขาวและจงอินก็สั่งเพียงโกโก้ร้อนมาทานอย่างเดียวเท่านั้น
จงอินพาน้องปลาเดินกลับมานั่งรอไอศกรีมของตัวเองที่โต๊ะ และชวนคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยในช่วงที่รอของหวานมาเสิร์ฟ ตอนแรกเขารู้สึกแปลกใจที่น้องปลาไม่มีเพื่อนเลยสักคนและไม่ยอมไว้ใจใครทั้งนั้นนอกจากคนในบ้าน แต่พอได้ฟังสิ่งที่น้องปลาเล่ามาทั้งหมด...ความคิดของจงอินในตอนแรกก็เริ่มเปลี่ยนไป
จริงๆแล้วน้องปลาก็เหมือนคนปกติธรรมดา...เมื่ออยู่ที่ไหนแล้วรู้สึกสบายใจหรือปลอดภัยก็อยากจะอยู่ตรงนั้นตลอดไป และเวลาที่เจออะไรร้ายๆก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงพร้อมหาคนที่ไว้ใจได้มาปกป้องตัวเอง แต่อีกมุมมองหนึ่งเขาก็คิดว่า...การที่น้องปลาเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านโดยที่ไม่ได้ออกไปไหนเลยถ้าไม่มีใครไปด้วยมันก็อาจจะทำให้กลายเป็นคนที่ตามคนอื่นไม่ทัน และถ้าจะเปรียบเทียบมันก็คงจะคล้ายกับ "กบที่อยู่แต่ในกะลา"
“ไอศกรีมช็อคโกแล็ตมินต์...กับโกโก้ร้อนได้แล้วค่ะ”
เมื่อพนักงานเดินเอาของหวานมาเสิร์ฟ...น้องปลาก็ออกอาการดีใจจนพนักงานคนนั้นอดที่จะยิ้มตามไปกับการกระทำของน้องไม่ได้ จงอินนั่งนิ่งอยู่สักพักและสงสัยว่าเมื่อของโปรดมาวางอยู่ตรงหน้าแล้วทำไมน้องปลายังคงทำเฉย?? แต่เมื่อเด็กน้อยกระพริบตาปริบๆพร้อมกับยกมือที่มีผ้าก๊อตพันไว้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ จงอินก็อยากจะด่าตัวเองแรงๆโทษฐานที่ลืมว่าน้องปลามีอาการบาดเจ็บและยังหยิบจับอะไรไม่ได้ในตอนนี้ ส่วนน้องปลา....ก็ไม่กล้าเอ่ยขอความช่วยเหลือเพราะจงอินเป็นคนอื่น ซึ่งไม่ใช่คนในครอบครัวเหมือนกับคริสและอี้ชิง น้องปลาจึงไม่กล้าบอกว่าให้ผู้ชายตรงหน้าช่วยป้อนไอศกรีมให้เขา
คนขี้ลืม...รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนย้ายตัวเองมานั่งอยู่ข้างๆน้องปลาและคิดอยู่ในใจว่าวันนี้จะ "พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส" เพราะเขาจะดูแลน้องปลาให้ดีที่สุด
“พี่ขอโทษนะครับ พี่ลืมไปว่าน้องปลาเจ็บมือ” ตักของหวานเข้าปากน้องปลาช้าๆพร้อมกล่าวขอโทษ เพราะรู้สึกผิดที่จำไม่ได้ว่าเด็กน้อยมีอาการบาดเจ็บ
“ไม่เป็นไรฮะแต่ เอ่อออออ...พี่จงอินไม่ลำบากใช่ไหม??” น้องปลารู้สึกเกรงใจมากๆเพราะตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของทุกคนในบ้านมาตลอดและตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น
“ไม่ลำบากเลยครับ...พี่เต็มใจ และถ้าวันไหนพี่ว่าง พี่ก็จะพาน้องปลามาทานไอติมอีก” ลำบากกว่านี้จงอินก็ยอม เพราะเด็กน้อยตรงหน้าช่างน่ารักน่าเอาอกเอาใจไปเสียทุกอย่าง
“พี่จงอินใจดีเหมือนพี่คริสจ๋าเลยฮะ หนูชอบพี่จงอิน” รู้สึกดีใจที่น้องปลาพูดแบบนั้น เพราะความสัมพันธ์จากคนสนิทมันค่อยๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
“แล้วพี่อี้ชิงล่ะครับ...ไม่ใจดีเท่าพี่คริสเหรอ?” เหมือนน้องปลาจะพูดถึงพี่เขยมากกว่าคนเป็นพี่ชายแท้ๆ จงอินจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปและที่ถามก็เพื่อต้องการทำความรู้จักกับเด็กคนนี้ให้มากขึ้น
“ใจดีเหมือนกันฮะ แต่พี่อี้ชอบดุ แต่หนูก็รักพี่อี้ม๊ากกกกก แล้วหนูรู้ว่าพี่อี้ก็รักหนูเหมือนกัน” ตอบคำถามไปด้วยและอ้าปากรับของหวานคำโตไปด้วยจนครีมสีขาวติดอยู่ที่ริมฝีปาก แล้วก็เป็นคนป้อนอย่างจงอินที่ช่วยใช้นิ้วโป้งเกลี่ยออกให้แทนการใช้ทิชชู่
"ละ...แล้วว!!"
กำลังจะสานสัมพันธ์ต่อ...แต่กลับถูกใครคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายน้องปลาเหมือนรู้จักกันมาก่อน และดูจากท่าทางของน้องปลาแล้ว จงอินก็เริ่มไม่แน่ใจว่าชายแปลกหน้าคนนี้ไปรู้จักกับน้องปลาตั้งแต่ตอนไหน?? เพราะระหว่างที่ทักทายกัน...น้องปลาก็เริ่มขยับกายเข้ามาใกล้จงอินมากขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนจะขึ้นมานั่งตัก แถมยังซบหน้าลงมาบนหลังพร้อมกระซิบว่า "คนใจร้าย" มาแล้ว
“สวัสดีครับน้องปลา...วันนี้มาเที่ยวเหรอครับ??” ทั้งท่าทางและน้ำเสียง ทำให้จงอินไม่สงสัยเลยว่าทำไมน้องปลาถึงมีท่าทางหวาดกลัวแบบนั้น
“...................." ไร้เสียงตอบรับจนจงอินต้องเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนคนที่ยังซบหน้าอยู่บนแผ่นหลังของเขา
“สวัสดีครับผม คิมจงอิน มีอะไรถามผมก็ได้ครับ พอดีน้องไม่ค่อยสบาย” กล่าวทักทายชายแปลกหน้าอย่างสุภาพ แต่ดูเหมือนชายคนนี้จะไม่สนใจที่เขาพูดเลยสักนิดและเริ่มชวนน้องปลาคุยอีกครั้ง
“มือเป็นอะไรครับน้องปลา เจ็บมากหรือเปล่า...แล้วไปโดนอะไรมา?” ชายแปลกหน้าถือวิสาสะจับมือข้างที่เด็กน้อยของเขาได้รับบาดเจ็บ โดยที่น้องปลาก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
และ......
“อื้ออ....หนูเจ็บนะ!!!” น้องปลารีบดึงมือกลับลงมาไว้ใต้โต๊ะทันที เพราะชายแปลกจับไปโดนแผลที่ถูกเย็บไว้พอดี
“กูอุตส่าห์มีมารยาทด้วยแล้วนะ...แต่ถ้ามึงยังทำแบบนี้กูคงไม่ต้องมีมารยาทแล้วมั้ง” จงอินลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกระชากคอเสื้อของชายแปลกหน้าคนนั้นด้วยความโมโห
“มึงเป็นใครวะ...แล้วมาเสือกอะไรด้วย!!?” ชายที่ไร้มารยาทยังคงหาเรื่อง โดยไม่ได้ดูสีหน้าของจงอินเลยสักนิดว่าแทบจะฆ่าใครก็ได้ที่ทำให้น้องปลาเจ็บ
“เป็นแฟน...ชัดพอไหม!!!? แล้วคนที่เสือกก็คือมึงไม่ใช่กู!!” พูดจบก็สวนหมัดใส่ใบหน้าชายคนนั้นทันทีแบบเต็มแรงและไม่ยั้งมือ รวมถึงไม่ยั้งอารมณ์อะไรทั้งนั้น เสียงโอดโอยของน้องปลาเพียงเล็กน้อยทำให้จงอินรู้สึกโกรธมากจริงๆ
พนักงานและลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านต่างมองไปที่โต๊ะของหนุ่มผิวเข้มเป็นตาเดียว แต่วันนี้โชคก็เข้าข้างคนลงมือก่อนเพราะผู้จัดการร้านรู้จักกับจงอินเป็นอย่างดีเพราะจำได้ว่าเป็นลูกค้ามาตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นแค่พนักงานทั่วไปจนตอนนี้ได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้จัดการสาขา
ทั้งผู้จัดการร้านและพนักงานคนอื่นๆต่างพากันเชิญชายแปลกหน้าออกไปนอกร้านโทษฐานก่อความวุ่นวายจนลูกค้าท่านอื่นที่มาใช้บริการเกิดความตระหนกตกใจ จงอินโค้งกายเพื่อขอบคุณผู้จัดการร้านและพนักงานทุกคนที่ช่วยเหลือเขา เพราะถ้าพนักงานในร้านไม่เข้ามาห้ามศึกในครั้งนี้ มีหวังชายแปลกหน้าคงโดนกระทืบจนตาย
“น้องปลาแบมือให้พี่ดูหน่อยครับ...เลือดออกหรือเปล่า หื้มม?” เด็กน้อยยังคงก้มหน้างุดพร้อมกับเอามือทั้งสอข้างแอบไว้ที่ด้านหลังของตัวเอง และรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“คนไม่ดี...พี่คริสจ๋าบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดี” เกิดสงสัยว่าทำไมน้องปลาถึงบอกว่าชายแปลกหน้าคนนั้นเป็นคนไม่ดี เพราะก่อนหน้านี้จงอินไม่เคยรู้จักกับน้องปลามาก่อน นั่นจึงทำให้เขาไม่ทราบถึงความเป็นมาเป็นไปของใครสักคน
“น้องปลารู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอครับ” คนถูกถามพยักหน้าเป็นคำตอบ แต่ยังไม่กล้าสบตาจงอินตรงๆและยังหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“เขาชอบมาซื้อปลาที่ร้าน แต่หนูไม่ยอมขาย เขามาซื้อปลาทุกวันและบอกว่าปลาตัวเก่าตายไปแล้วก็เลยต้องมาซื้อปลาบ่อยๆ พี่คริสจ๋าบอกว่าผู้ชายคนนั้นพูดโกหก ที่เขามาซื้อปลาทุกวันเพราะอยากมาคุยกับหนูมากกว่า เขาไม่ได้ซื้อปลาไปเลี้ยง หนูไม่ชอบคนใจร้าย หนูเกลียดผู้ชายคนนั้น”
คำว่า เกลียด ของน้องปลา...ทำให้จงอินรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เพราะเขาไม่อยากโดนน้องปลาเกลียดหรือทำท่าทางไม่อยากคุยด้วยแบบที่ทำกับชายแปลกหน้าคนนั้น จงอินคิดว่าถ้าวันนี้เป็นคริสที่มานั่งอยู่ในร้านไอศกรีมแทนเขา ชายแปลกหน้าคงโดนอะไรสักอย่างจากคริสจนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน ข้อหาทำให้น้องเมียอันเป็นที่รักได้รับบาดเจ็บ
“คราวหน้าพี่จะดูแลเราให้ดีกว่านี้ พี่จะไม่ทำให้เราเจ็บตัวอีกแล้ว พี่ขอโทษนะครับน้องปลา” เด็กน้อยพิงกายซบไหล่ของจงอินทันทีเพราะรู้สึกว่าตัวเองถูกปกป้องจากคนใจร้ายคนนั้น และเจ้าของไหล่กว้างก็จับแขนข้างที่น้องเจ็บขึ้นมาเป่าเบาๆ ซึ่งการกระทำแบบนี้ก็พาให้น้องปลาคิดไปถึงตอนที่คุณพ่อชอบทำให้เขาเวลาที่หกล้มหรือเล่นซนจนได้แผล
“หนูไม่เจ็บแล้วฮะ พี่จงอินก็ทำเหมือนพ่อหนูเลย เวลาหนูเจ็บ....พ่อก็จะเป่าแบบนี้” รอยยิ้มของน้องปลาทำให้จงอินรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จากที่โมโห จากที่โกรธเคืองก็กลับเบาใจขึ้นมาทันที
“แล้วน้องปลาอยากทานอะไรอีกมั้ยครับ...เดี๋ยวพี่จะพาไป” เริ่มตักไอศกรีมที่หลืออยู่ในถ้วยป้อนใส่ปากเด็กน้อยที่เอาแต่ซบหน้าอยู่บนไหล่ของเขาอีกครั้ง เพราะของหวานสุดโปรดของน้องปลามันใกล้จะละลายหมดแล้ว
“พี่จงอินเป็นแฟนกับหนูเหรอฮะ ทำไมหนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย” รับของหวานเข้าปากก่อนเงยใบหน้าจิ้มลิ้มและพูดออกไปทั้งๆที่มันไม่ได้ตรงกับสิ่งที่จงอินถามเลยสักนิด แถมยังพิงกายแล้วเอนศีรษะวางไว้บนไหล่กว้างอย่างออดอ้อน
เหมือนเป็นการกระทำที่ฆ่าจงอินให้ตายได้ในทันที เพราะตอนนี้ริมฝีปากของน้องปลาและของเขามันใกล้กันมาก ยิ่งจงอินก้มหน้าลงไปมอง เขาก็ยิ่งเห็นว่าปากของน้องปลามันน่าจูบมากแค่ไหน ขนาดสีของสตอเบอร์รี่ที่อยู่ในถ้วยไอศกรีมตอนนี้ว่าแดงแล้วก็ยังแพ้ความฉ่ำวาวและแดงอย่างเป็นธรรมชาติแบบเด็กน้อยของเขา
“แล้วน้องปลาอยากเป็นแฟนกับพี่จงอินไหมครับ??” เป็นคำถามที่กลัวคำตอบมากที่สุดเท่าที่เคยถามมา แต่ลองดูก็ไม่ได้เสียหายอะไรเพราะจงอินก็ไม่ได้รีบร้อนจะเอาเด็กตรงหน้ามาเป็นแฟนถึงขนาดนั้นเนื่องจากน้องปลายังเด็กมากๆ
“เป็นได้เหรอฮะ...แต่เป็นแล้วจะเหมือนพี่คริสจ๋ากับพี่อี้ไหม?” คำตอบที่จงอินอยากได้...กลับกลายมาเป็นคำถามอีกครั้ง
“ถ้าเหมือนแล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะครับ...น้องปลาช่วยบอกพี่หน่อยสิ” จงอินเริ่มสงสัยว่าทำไมการเป็นแฟนกับเขาถึงได้มาเกี่ยวกับคริสและอี้ชิง
ยิ่งถามก็ยิ่งสงสัย...ยิ่งสงสัยก็ต้องรีบหาคำตอบ
“ก็เมื่อคืน...หนูได้ยินเสียงพี่คริสจ๋าพูดกับพี่อี้ว่า คราวหลังจะซนอีกไหม อ่าห์ แล้ววว...พี่อี้ก็ไม่ได้ตอบอะไรนะฮะ หนูได้ยินแต่เสียงของพี่อี้ร้องว่า อ๊ะ อ๊ะ พี่คริสเบาๆหน่อย ซี๊ดดดด.....ดังแบบเนี้ยตลอดทั้งคืนเลยฮะ พอเช้ามาหนูไปถามพี่คริสจ๋า พี่เขาก็บอกหนูว่า มันเป็นเรื่องของคนมีแฟน เด็กแบบน้องปลาไม่เกี่ยว แล้วพี่อี้ก็ตัวแดงไปหมดเลยนะฮะ ปากก็แดงด้วย เหมือนโดนมดกันเลยยยยย หนูไม่อยากมีแฟนเลยฮะ หนูกลัว!!!”
ทั้งภาพและเสียง...วิ่งวนอยู่ในหัวของจงอินตั้งแต่ตอนที่น้องปลาเริ่มเล่นบทเป็นพี่อี้ชิง และการหาคำตอบก็ทำให้จงอินถึงกับเป็นใบ้ สมัยนี้...เด็กที่อายุเท่ากับน้องปลาบางคนก็คงมีแฟนกันแล้ว และคำว่า "แฟน" ในแบบที่เจ้าตัวเข้าใจก็ห่างไกลกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะการมีคู่ครองแบบที่แต่งงานกันไปตามพิธีมันก็ต้องทำเรื่องอย่างว่า ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนเป็นสามีภรรยา และตอนนี้จงอินก็คิดว่า...ถ้ากลับไปส่งน้องปลาที่บ้านในช่วงเย็น เขาคงต้องขอคุยกับคริสเป็นการส่วนตัวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
บริษัท บ้านปลา
21.05 น.
“พี่ชานยอลลลลลลลล!!” เจ้าของเสียงในระดับความดังที่เกินมาตรฐาน...จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก บยอนแบคฮยอน
“อารายยยยยยยยยยย” และเสียงนี้...ก็เป็นการตอบรับของพี่เขยอย่างปาร์คชานยอล ซึ่งเมื่อได้ยินแล้วจงอินก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่ามัน กวนตีน
ขับรถกลับมาที่บ้านหลังจากไปส่งน้องปลาพร้อมทั้งคุยกับคริสอยู่นานถึงเรื่องคำว่า "แฟน" ในแบบที่น้องปลาเข้าใจจนค่ำมืด แต่พอเข้ามาในบ้านก็ยังต้องมาปวดประสาทกับเสียงโวยวายของพี่ชายต่างแม่กับพี่เขยเพิ่มอีก แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดหลายคืนติดต่อกันตั้งแต่ที่เกิดเรื่องจากผับเมื่อหลายวันก่อน และบทลงโทษของชานยอลก็คือ...การถูกไล่ให้ไปนอนกับหมาที่โรงงานจนกว่าเมียจะหายโกรธ
“นี่เจ๊...ไล่ชานยอลไปนอนกับหมาบ่อยๆ ถ้าหมามันท้องขึ้นมาก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นพ่อ”
“ถ้ามันประสาทเสียขนาดทำหมาท้องกูก็จะยอมรับลูกของมันมาเลี้ยงเอง... ถุ้ยยย!!! แกจะบ้าเหรอจงอิน!!!...เข้าข้างกันเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะโดนไล่ให้ไปนอนข้างนอกกันหมดบ้านเลยคอยดู!!!”
จงอินชินแล้วกับคู่รักต่างไซส์ของบ้านหลังนี้ และชานยอลก็มักจะทำให้แบคฮยอนโมโหอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังรักกันดี...จงอินเคยสงสัยว่าทำไมชานยอลถึงได้ทนมือทนตีนพี่ชายของเขานัก และถ้าแบคฮยอนไม่ได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นสามี แล้วใครที่ไหนจะมาทนพี่ชายต่างมารดาของเขาได้
จงอินส่ายหัวให้กับเรื่องของคนในบ้าน และรีบเดินกลับไปยังห้องนอนเพราะไม่อยากยืนต่อปากต่อคำกับพี่ชายของตัวเองนานนักเพราะอาจโดนหางเลขไปด้วย แถมสีหน้าที่แสนจะทะเล้นของชานยอลก็ยิ่งเป็นฉนวนของความโมโหได้เป็นอย่างดี
“เรียกพี่ซะเสียงดังเลยนะคร้าบบบ...เมียที่เคารพ” ทั้งสีหน้าและคำพูด...จงอินไม่รู้ว่าอันไหนมันกวนประสาทมากกว่ากัน
“มานวดให้หน่อย...แบคเมื่อย” เมื่อสิ้นคำสั่งที่แสนจะกระเง้ากระงอด คนเป็นน้องอย่างจงอินก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความเอือมระอาและรีบปิดประตูห้องของตัวเองทันที
แต่....คำพูดของแบคฮยอนมันก็ทำให้จงอินรู้ได้ทันทีว่าคืนนี้ชานยอลคงไม่ต้องออกไปนอนนอกบ้านอีกแล้ว เพราะทุกครั้งที่พี่ชายต่างแม่ของเขาโดนมือใหญ่ๆของสามีบีบนวด แบคฮยอนก็มักจะหลับสบายและตื่นสายทุกที แถมยังตื่นมาพร้อมกับการฝากรอยข่วนเล็กๆไว้จนเต็มแผ่นหลังของชานยอลอีกด้วย
...
...
...
...
...
“อ๊ะ พะ....พี่ชานยอลล”
“อื้มมม...ว่าไงครับน้องแบค”
"อ๊ะ อ๊ะ!!!"
“อ่าาาาห์”
100%
กลับมาแล้วค้าาา
ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานขนาดนี้ T^T
เป็นกำลังใจให้กับน้องปลาและพี่จงอินด้วยน้าาาาา
ขอบคุณผู้อ่านและผู้ติดตามทุกคนมากๆค่ะ
L o v E ♥
#ฟิคน้องปลา
ความคิดเห็น