ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) น้องปลา (Kaihun Ft.Chanbaek,Krislay)

    ลำดับตอนที่ #5 : ปลาตัวที่ 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2K
      40
      18 เม.ย. 64


    ปลาตัวที่ 5







    บริษัท มีปลา

    17.00 น.



                “น้องปลา...พี่บอกให้ขึ้นมาได้แล้ว”  เสียงตะโกนของพี่เขยที่เตือนน้องเมียให้ขึ้นมาจากบ่อปลาหลังบ้านเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ  เพราะมันเป็นการเตือนรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้เนื่องจากเด็กน้อยเอาแต่เล่นเพลินจนลืมเวลา


                หลังจากที่น้องปลาได้ตัดใหมออกจากฝ่ามือและแผลต่างๆก็หายเป็นปกติ  ทุกอย่างในบ้านก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม  น้องปลาอาบน้ำแต่งตัวเอง  ทานอาหารเองและได้ลงไปเล่นกับเพื่อนในบ่อปลาหลังบ้าน  แต่สิ่งที่ผิดปกติคือ...น้องเริ่มดื้อกับคริส

     



                คนเป็นพี่เขยรู้ดี...ว่าเขาอาจทำให้น้องปลาติดนิสัยชอบคนตามใจ  แต่ก็ไม่คิดว่าน้องปลาจะดื้อแบบนี้  คริสไม่สงสัยเลยว่าทำไมอี้ชิงถึงชอบบ่นน้องชายของตัวเองอยู่บ่อยๆ  แล้ววันนี้เขาก็ได้มาเจอกับตัวและเห็นกับตา  คริสทำงานหนักมาตั้งแต่เช้าเนื่องจากภรรยากับพ่อตาไม่อยู่ตั้งแต่เมื่อคืนและกว่าจะกลับก็วันมะรืน

     



                เวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง...น้องปลาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเล่นอยู่ในบ่อปลาหลังบ้านเสียที  และคริสก็เริ่มโมโหเพราะงานของเขายังมีออร์เดอร์ของลูกค้าค้างอยู่อีก 5 ราย  แล้วก็ยังไม่ได้แพ็คปลาให้ลูกค้าเลยสักกล่อง  แถมน้องเมียยังเล่นซนจนทำให้ต้องเป็นห่วง  ถึงแม้เด็กน้อยจะทำงานในส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว  แต่ก็ใช่ว่าจะเล่นน้ำจนเลยเวลาขนาดนี้


                “น้องปลา...พี่บอกให้ขึ้นมาเดี๋ยวนี้  ทำไมถึงดื้อ หึ!!!”  พี่เขยถือไม้เรียวไว้ในมือและดุน้องปลาแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน  แต่ก็แค่ถือไม้มาขู่ไว้เพื่อให้เด็กน้อยยอมเชื่อฟังเขาเท่านั้นและไม่ได้คิดที่จะตีน้องจริงๆ


                “............!!!!!!!!”  เสียงทุ้มดังก้องจนน้องปลาตกใจและสะดุ้งสุดตัว


                “จะขึ้นมาได้หรือยัง  เดี๋ยวก็ไม่สบายจนได้”  ตีไม้เรียวลงไปกับฝาผนังดังเพี๊ยะๆ  และการกระทำแบบนั้นก็ทำให้น้องปลารู้สึกว่าคริสเริ่มน่ากลัวมากขึ้นกว่าทุกครั้ง


                “พะ...พี่คริสจ๋าจะตีหนูเหรอฮะ?”  ถามเสียงสั่นเพราะเจ้าตัวรู้สึกกลัวมากๆเนื่องจากคริสไม่เคยดุเขาถึงขนาดนี้


                "ตีแน่ๆ...ถ้ายังไม่ขึ้นมาจากบ่อสักที  ดูซิ...เล่นจนมือซีดไปหมดแล้วเนี่ย  เห็นไหม??!"  ร่างสูงใหญ่...ก้าวขาฉับๆเดินเข้าไปหาน้องปลาที่นั่งเล่นอยู่ในน้ำ  แล้วจับมือบางเพื่อดึงเด็กดื้อให้ขึ้นมาจากบ่อ  แต่.......

              


    เพี๊ยะ !!!!!!!!!!!



               “โอ๊ย!!...ฮึกก  หนูเจ็บนะฮะ"  น้ำตาไหลพรากเพราะรู้สึกเจ็บและเสียใจมากๆ


                เสียงไม้เรียวดังขึ้น...และนั่นก็ทำให้คนถูกตีรู้สึกว่าพี่เขยไม่ได้รักเขาอีกแล้ว  น้องปลาคิดว่าแค่เล่นอยู่ในบ่อนานเกินไปทำไมถึงต้องถูกตี  เด็กน้อยคิดไว้ว่าถ้าคริสเดินมาเรียกอีกรอบเขาก็จะเลิกเล่นและไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนเหมือนเฉกเช่นทุกวัน  แต่ทำไมวันนี้...ถึงถูกตี??


               

                “พี่ไม่ได้ตั้งใจ...ไหนพี่ขอดูแขนหน่อย”  คริสทิ้งไม้ลงกับพื้นและเปิดแขนเสื้อของน้องปลาขึ้นเพื่อดูรอยที่ถูกไม้เรียวฟาดลงไปเมื่อครู่


                น้องปลาเสียใจที่สุดเพราะไม่คิดว่าคริสจะตีเขาแรงถึงขนาดนี้  แต่ความจริงแล้ว...พี่เขยสุดหล่อไม่ได้ตั้งใจจะตีน้องด้วยซ้ำ  คริสกำลังจะตีไม้ลงไปที่ข้างบ่อ  แต่มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่น้องปลาลุกขึ้นยืนพอดี  ไม้เรียวจึงฟาดลงไปที่แขนของน้องอย่างแรง  เด็กน้อยร้องไห้โฮและสะบัดแขนออกจากมือพี่เขยพร้อมกับรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที

     

                คริสวิ่งตามเพื่อที่จะไปขอโทษเด็กน้อย  แต่กลับถูกรุ่นน้องคนสนิทเรียกเอาไว้เสียก่อน  สายตาของความเป็นห่วงมองตามน้องปลาไปจนสุดทาง  และเสียงปิดประตูโครมครามบนชั้นสองของบ้านก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกคริสได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้น้องปลารู้สึกอย่างไร  คริสถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะตอนนี้ทั้งเรื่องงานและเรื่องภายในบ้านมันตีรวนกันไปหมด

     









     







                “เอ่ออ....มีเรื่องอะไรกันเหรอเฮีย  ทำไมดูเครียดๆ”  รู้สึกงงตั้งแต่ถูกน้องปลาวิ่งชนเมื่อครู่  แถมรุ่นพี่คนสนิทยังมีสีหน้าที่ดูเคร่งเครียด


                “มึงมาทำไมวะไอ้ดำ  คนกำลังยุ่งๆ”  รู้ว่าตัวเองกำลังพาล  แต่อารมณ์ของคริสตอนนี้จะให้มาพูดดีด้วยก็คงยาก


                จงอินมีนัดมารับปลาที่พ่อเขาสั่งไว้เมื่อหลายวันก่อน  และมันก็ถึงเวลานัดพอดีเพราะพรุ่งนี้เช้าเขาต้องไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้า  แต่พอมาถึงกลับได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากหลังบ้าน  จงอินจึงเดินเข้ามาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น  แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงไหนน้องปลากลับวิ่งสวนออกมาชนเข้ากับไหล่ของเขาพอดี  แล้วก็วิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านโดยไม่ทักทายกันสักคำ


                “มาเอาน้องปลา เอ้ยย!!....มาเอาปลาที่สั่งไว้ครับเฮีย”  คำเอ่ยหยอก...หยุดลงทันทีเมื่อจงอินเห็นสีหน้าของคริสที่บ่งให้รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น


                “ปลาที่มึงสั่ง...กูแพ็คไว้อยู่ในโกดัง  มึงไปเอาได้เลย  เสร็จธุระแล้วมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นก่อนที่จะโดนตีนกู”


                ไม่มีอารมณ์มาเล่นกับใครเพราะงานของเขายังมีค้างอยู่อีกมาก  แถมตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องไปทำอาหารเย็นให้กับน้องปลาอีก  คริสรู้สึกเหนื่อยทุกครั้งเวลาที่อี้ชิงไม่อยู่บ้าน  และวันนี้ก็เหนื่อยมากขึ้นเป็นพิเศษเพราะน้องปลาดื้อจนทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดเลยด้วยซ้ำ


    !!!!!!!!!!!!!!!

     


                เสียงวิ่งตึงๆจากชั้นบนของบ้าน...ทำให้คริสและจงอินต้องหันไปมองเป็นตาเดียว  แล้วสิ่งที่เห็นก็คือน้องปลาอาบน้ำแต่งตัวพร้อมอยู่ในชุดนอน  แต่ทำไมถึงสะพายกระเป๋าปลาโลมาคู่ใจเอาไว้  เด็กน้อยวิ่งลงมาจากชั้นบนและตรงเข้าไปกอดแขนของจงอินเอาไว้พร้อมกับแอบอยู่ทางด้านหลัง

     


                คนถูกกอด...คิดว่าวันนี้คงโดนคริสเตะจริงๆเพราะดูจากท่าทางของน้องปลาแล้วก็คงจะมีเหตุให้เขาและคริสต้องมานั่งจับเข่าคุยกันเหมือนประเด็นคำว่า  "แฟน"  ในแบบของน้องปลาเข้าใจ  แต่ตอนนี้ทั้งคริสและจงอินต่างก็รู้สึกสงสัยว่าน้องปลาคิดจะทำอะไรกันแน่  โดยเฉพาะคริส...เนื่องจากน้องอยู่ในชุดนอนตัวโปรดลายปลาดาวสีชมพู  แต่กลับสะพายกระเป๋าคู่ใจเหมือนกำลังจะเตรียมตัวออกไปข้างนอก  


                “หนูจะไปนอนกับพี่จงอิน  หนูไม่อยากอยู่กับพี่คริสจ๋าแล้ว”  หายตัวไปอาบน้ำจัดกระเป๋ามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ  น้องปลาเสียใจจนไม่อยากเข้าใกล้คริสอีกแล้วเพราะคิดว่าพี่เขยไม่ได้รักเขาเหมือนเดิม


                “พี่ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น  พี่ไม่อนุญาต!!!”  อารมณ์ของคริสยังไม่คงที่  แถมน้องปลายังดื้อจะไปนอนค้างที่อื่น  นั่นจึงทำให้พี่เขยต้องดุน้องปลาอีกครั้ง  พร้อมกับเดินเข้าไปกระชากกระเป๋าที่น้องสะพายเอาไว้ด้านหลัง


    แต่......


                “เฮียยย!!...ใจเย็นก่อน  ค่อยๆพูดก็ได้  น้องตกใจหมดแล้ว”  จงอินใช้มือกันเอาไว้เพื่อไม่ให้คริสกระชากกระเป๋าของน้องและดึงร่างน้อยๆที่กำลังสั่นไปด้วยความหวาดกลัวให้หลบไปทางด้านหลัง


                “น้องปลาครับ...ทำไมไม่อยู่กับพี่คริสล่ะครับ  ไม่รักพี่คริสแล้วเหรอ”  พยายามพูดดีๆเพราะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงทำให้น้องปลาอยากจะหนีออกจากบ้านเพื่อไปอยู่กับเขา


                “พี่คริสจ๋านั้นแหละไม่รักหนู  พี่คริสจ๋าตีหนูเจ็บ”  ดึงแขนเสื้อขึ้นโชว์รอยไม้เรียว  ซึ่งตอนนี้...ผิวเนื้อขาวเนียนมันแดงเป็นรอยยาวอย่างเห็นได้ชัด


                จงอินตกใจที่เห็นรอยบนแขนของน้องปลา  และเขาก็ไม่คิดว่าพี่เขยอย่างคริสจะกล้าทำกับน้องเมียได้ถึงขนาดนี้  ก่อนหน้านั้นได้ยินแต่เสียงโวยวายอยู่หลังบ้านและน้องปลาก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน  แต่ก็ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนี้


                “น้องปลารอพี่อยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ  เดี๋ยวพี่ขอไปคุยกับพี่คริสแป้บนึง”  ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น  แล้วคริสมาตีน้องปลาสุดที่รักของเขาทำไม








     


     







                จงอินกับคริสเดินไปที่โกดังเพื่อเคลียร์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น  พร้อมนำกล่องใส่ปลาที่ลูกน้องแพ็คไว้เรียบร้อยขนขึ้นรถเตรียมกลับเอาไปเก็บไว้ที่บ้าน  ระหว่างที่เดินขนย้ายสัตว์น้ำ...พวกเขาก็ได้คุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นไปด้วย  ใครผิด  ใครถูก  จงอินไม่อาจตัดสินได้  แต่ก็เข้าใจดีว่ารุ่นพี่คนสนิทไม่ได้ตั้งใจจะตีน้องปลา  แต่คริสก็ผิดที่เอาอารมณ์ของเรื่องงานมาปนกับอารมณ์ของความเป็นห่วง

     


                จงอินทราบดี...ว่าคริสตามใจและใจดีกับน้องมาตลอด  พอน้องปลาถูกดุก็เลยคิดว่าพี่เขยไม่รักและขาดคนปกป้อง  ส่วนตัวเขาก็เดินเข้ามาถูกจังหวะพอดี  น้องปลาจึงคิดว่าผู้ชายคนนี้คงจะปกป้องเขาจากความรู้สึกผิดหวังและเสียใจได้  ถ้าตอนที่เกิดเรื่องอี้ชิงอยู่ในบ้านก็คงเป็นพี่ชายแท้ๆที่จะเป็นคนปกป้องน้อง


                “เฮียให้น้องไปอยู่กับผมก่อนก็ดีนะ  เฮียจะได้รีบเคลียร์งานให้เสร็จ  ส่วนน้องปลาผมจะดูแลให้เป็นอย่างดี  เฮียไม่ต้องเป็นห่วง”  ไม่ได้พูดเพื่อหวังที่จะได้อยู่กับน้องปลาสองต่อสอง  แต่จงอินแค่อยากให้คริสได้อยู่คนเดียวเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองและคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด


                “กูไว้ใจมึงนะไอ้ดำ  แต่ถ้ามึงทำอะไรเกินเลยกับน้องปลา  มึงโดนกูเตะไส้แตกแน่”  เขาก็เป็นห่วงน้องปลาไม่แพ้จงอินเหมือนกัน  เผลอๆจะมากกว่าด้วยซ้ำ  แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าตอนนี้อารมณ์ยังไม่คงที่และคริสก็เข้าใจว่าน้องปลาคงไม่อยากอยู่กับเขาในเวลานี้เช่นกัน


                “โถ่เฮีย...เห็นผมเป็นคนยังไง  ผมไม่ปล้ำน้องปลาหรอก  ถึงน้องมันจะน่าปล้ำก็เถอะ” 



    เพี๊ยะ!  


    เพี๊ยะ!!  


    เพี๊ยะ!!!



                สิ้นคำที่ไม่น่าฟัง...เจ้าของคำพูดสองแง่สามง่ามก็โดนมือใหญ่ๆของรุ่นพี่ตบกระโหลกจนเสียงดังไปถึงหน้าปากซอย  แต่ก็ยอมให้พาน้องปลาไปนอนค้างด้วย  และคริสก็จะเป็นคนไปรับน้องด้วยตัวเองก่อนจะถึงวันที่อี้ชิงกับพ่อตาจะกลับมาจากต่างประเทศ  เพราะถ้าเรื่องที่น้องถูกตีรู้ถึงหูอี้ชิงเมื่อไหร่  สามีอย่างเขาคงอดทำการบ้านไปหลายวัน  เผลอๆอาจนานไปอีกหลายสัปดาห์  ถึงอี้ชิงจะชอบดุน้องปลาบ่อยๆ  แต่เจ้าตัวก็รักน้องมากๆและไม่เคยตีน้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว


                “น้องปลาแน่ใจนะครับว่าจะไปนอนค้างกับพี่จงอินที่บ้าน??”  คนเป็นพี่เขยถามเพื่อลองใจน้องเมียอีกครั้งและหวังว่าน้องจะเปลี่ยนใจ  แต่....


                “แน่ใจ ฮึกก!!...ก็พี่คริสจ๋าไม่รักหนูแล้วหนิ  ฮึกกก!”  เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ  แต่กลับร้องไห้ไปด้วยเพราะความรู้สึกต่างๆภายในจิตใจมันกำลังสับสนวุ่นวายไปหมด


                จงอินเดินจูงมือเด็กน้อยมาขึ้นรถและขับตรงกลับบ้านทันที  แต่ในระหว่างทาง...น้องปลาก็นั่งเงียบมาตลอด  ถามอะไรก็ไม่ตอบทั้งนั้น  จงอินทราบดีว่าน้องคงเสียใจมากที่ถูกพี่เขยตี  แถมยังเป็นครั้งแรกในรอบสิบหกปีที่น้องปลาได้ไปนอนค้างที่บ้านของคนอื่นโดยไม่มีคริสหรือคนในครอบครัวตามไปด้วยสักคนจงอินจึงไม่อยากถามอะไรอีกแล้ว  และความเงียบก็คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้  









     

     







    บริษัท  บ้านปลา

    20.06 น.



                น้องปลาร้องไห้มาตลอดทางจนหลับ  จงอินจึงจำเป็นต้องอุ้มเด็กน้อยลงมาจากรถและเรียกลูกน้องที่อยู่ในโรงงานมาขนปลาจากท้ายรถเอาไปเก็บไว้ในห้องปลอดเชื้อ  เมื่อลูกน้องเดินออกมาจากโรงงานก็เห็นลูกพี่ของตัวเองอุ้มคนแปลกหน้าเอาไว้จนจมอก  พวกเขาจึงอดที่จะแซวไม่ได้เพราะจงอินไม่เคยพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านเลยสักครั้งตั้งแต่เรียนจบและย้ายมาช่วยงานคุณพ่อที่นี่


                “วู้วววววว....พกเมียมาด้วยเหรอ  พกเมียมาด้วยเหรอเนี่ย  ฮิ้ววววว!!!!”  ต่างคนต่างร้องเพลงแซวลูกพี่จนเสียงดังลั่นไปหมด


                “เออเมียกูเอง  แล้วก็ช่วยเงียบปากของพวกมึงด้วย  เดี๋ยวเมียกูตื่น”  พูดจบก็ใช้เท้าถีบประตูรถเพื่อปิดและรีบเดินเข้าบ้านไปทันที  เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้  น้องปลาอาจตื่นจากเสียงที่ยังตะโกนแซวกันไม่เลิก


                ในขณะที่จงอินอุ้มน้องปลาเดินเข้ามาในบ้าน  ทุกสายตาที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องโถงก็หันกลับมามองที่เขากันหมด  โดยเฉพาะพี่ชายต่างแม่ที่จ้องน้องปลาเหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัว  ส่วนพี่เขยตัวโย่งก็ได้แต่ยิ้มมุมปากเพราะรู้ดีว่าจงอินคิดเช่นไรกับคนที่ถูกอุ้มอยู่ในตอนนี้

     

                จากที่แบคฮยอนนอนตักของสามีเพื่อดูทีวีอยู่ในตอนแรก  ก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาน้องชายเพื่อสอบถามถึงเรื่องของคนที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมอก  แบคฮยอนเคยเห็นน้องปลาเพียงไม่กี่ครั้ง  เพราะเขาไม่ได้มีหน้าที่ไปรับปลาเหมือนชานยอลหรือคุณพ่อ  แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงมาอยู่กับจงอิน  แถมยังถูกอุ้มมาแบบนั้นอีก


                “มึงไปขโมยลูกเค้ามาเหรอจงอิน  เดี๋ยวกูจะได้เตรียมเงินไปประกันมึงที่โรงพัก”  คำถามของแบคฮยอนทำให้คนเป็นสามีที่กำลังนั่งดูหนังอยู่อย่างเพลิดเพลินถึงกับหัวเราะจนเสียงดังลั่นบ้าน


                “เออ....ขอดีๆไม่ให้ก็ต้องขโมยแบบเนี้ยแหละ”  ยิ่งจงอินรับมุกของพี่ชายก็ยิ่งทำให้เสียงหัวเราะของชานยอลดังมากขึ้นไปกว่าเดิมจนต้องรีบพาน้องปลาขึ้นไปนอนพักบนห้องก่อนที่จะตื่นตกใจกับเสียงนั้น


                จงอินรำคาญสองผัวเมียคู่นี้...จึงรีบเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านเพื่อจะได้พาน้องปลาไปนอนที่ห้องของเขาสักที  จงอินค่อยๆเปิดประตูและเดินไปวางน้องปลาลงบนเตียง  และเพราะบ้านหลังนี้ไม่มีห้องรับรองไว้สำหรับต้อนรับผู้มาเยือน  น้องปลาจึงจำเป็นต้องนอนในห้องขอบเขา  หลังจากที่วางน้องปลาลงบนเตียงและห่มผ้าให้น้องเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปเตรียมของเพื่อจะไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้าในเช้าของวันพรุ่งนี้ 

     



                จงอินเดินออกมาจากห้องพร้อมกับปิดไฟและเดินตรงมายังโรงงานอีกครั้งเพื่อสั่งงานลูกน้อง  มือหนาจัดของใส่ลังและแพ็คของทุกอย่างเป็นอย่างดี  เพราะระหว่างการขนย้ายของทุกอย่างที่ใช้ในการทำตู้ปลามันห้ามชำรุดหรือแตกหักโดยเด็ดขาด  แล้วที่สำคัญ...ถ้าตู้ปลาเกิดมีรอยร้าวหรือบิ่นเพียงนิดเดียว  งานทุกอย่างที่เตรียมไว้มานานเป็นอันต้องยุติหมดและต้องเริ่มแก้ไขใหม่อีกครั้งตั้งแต่ต้น  ซึ่งจงอินก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น

     



                ระหว่างที่ทำงาน...คนเป็นลูกพี่ก็โดนลูกน้องแซวไม่เลิกเรื่องที่อุ้มคนแปลกหน้าเข้าไปนอนในบ้าน  แต่จงอินก็ไม่ได้ตอบคำถามว่าคนที่เขาอุ้มมาเป็นใครหรือสนใจเสียงแซวอะไรนั่น  เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศให้ใครต่อใครรู้ว่าน้องปลาเป็นอะไรกับเขา  และถึงแม้จะเป็นลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานาน  แต่จงอินก็ไม่ได้สนิทจนถึงขนาดจะต้องมารู้เรื่องส่วนตัว

     



                หลังจากทำงานทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว  จงอินก็เดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวเข้านอน  แต่ในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันได  เขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของคนคนหนึ่งดังออกมาจากในห้องนอนของตัวเอง  แต่ชื่อที่ถูกเรียกนั้น...มันไม่มีอยู่ในบ้านหลังนี้  และเสียงที่ยังคงขานชื่อใครบางคนไม่หยุดก็เป็นเสียงของน้องปลา  จงอินไม่รู้ว่าเด็กน้อยตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่  หรือตะโกนเรียกชื่อนั้นนานเท่าใด


                "พี่คริสจ๋า  พี่คริสจ๋า  พี่คริสจ๋าอยู่ไหน”  เป็นคนหนีเจ้าชื่อนี้มาเองแท้ๆ  แต่น้องปลาก็ยังร้องหาแต่คริสเสมอเมื่อรู้สึกขาดที่พึ่ง

     








     







                จงอินรีบวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วและเปิดประตูห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าน้องปลาตื่นขึ้นมาทำไม  ขาวยาวสมส่วนเดินฝ่าความมืดเข้าไปด้วยความเคยชินเพราะไม่อยากเปิดไฟจนมันสว่างไปทั้งห้อง  เนื่องจากแสงสว่างที่มากเกินไปอาจทำให้น้องปลาตกใจที่ต้องตื่นมาพบกับห้องที่ไม่คุ้นเคย  จงอินจึงเดินไปเตียงพร้อมกับเปิดโคมไฟดวงเล็กที่อยู่ด้านข้างแทน


                “ไงครับน้องปลา  ตื่นมาทำไม  อยากกลับไปหาพี่คริสหรือเปล่า หื้ม”  เด็กน้อยรู้ตัวดีว่ากำลังเสียฟอร์ม  เพราะอุตส่าห์ทำใจกล้าหนีออกมานอนค้างกับจงอินที่นี่  แต่กลับตื่นมาร้องหาแต่คนเป็นพี่เขย


                “หนูอยากเข้าห้องน้ำ  ตะ...แต่ไม่รู้จะเรียกใคร  แล้วห้องก็มืดด้วยฮะ”  จงอินก็เข้าใจเช่นกันว่ามันเป็นความเคยชินของน้อง  และที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของน้องปลา  จะให้น้องเดินไปไหนมาไหนด้วยตัวเองก็คงไม่ใช่ที่  เด็กน้อยจึงเอาแต่เรียกหาคนที่คุ้นเคย


                “แล้วอยากกลับบ้านมั้ยครับ  เดี๋ยวพี่ไปส่ง”  กลัวว่าน้องปลาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้  จงอินจึงอาสาจะพาน้องไปส่งที่บ้านอีกครั้ง


                “ไม่!! ที่บ้านไม่มีใครรักหนูแล้ว  พี่อี้กับพ่อก็ไม่อยู่” 


                ไม่อยากอธิบายอะไรให้น้องปลาฟังในตอนนี้เพราะมันดึกมากแล้ว  และอารมณ์ของน้องก็ยังไม่พร้อมที่จะรับฟัง  จงอินจึงพาเด็กน้อยไปเข้าห้องน้ำ  พร้อมกับยืนรออยู่หน้าห้องเพื่อจะพาน้องกลับมานอนอีกครั้ง  มือหนาห่มผ้าให้น้องเสร็จสรรพเมื่อทำธุระในห้องน้ำเรียบร้อย  แต่ในขณะที่กำลังจะลุกออกไปจากเตียงกว้าง  คนเป็นเจ้าของห้องก็ถูกเสียงหวานๆของน้องปลาเรียกไว้เสียก่อน


                “พี่จงอินจะไปไหนฮะ  อย่าทิ้งน้องปลาไว้คนเดียวสิ”  รู้สึกใจอ่อนกับคำว่า อย่าทิ้ง ของเด็กน้อยจนคนถูกเรียกต้องนั่งลงบนเตียงอีกครั้งเพื่ออธิบายเหตุผล


                “พี่จะไปอาบน้ำครับ  พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า  เดี๋ยวพี่ตื่นสายแล้วโดนลูกค้าว่าเอานะครับ” 


                “งานอะไรเหรอฮะ...ให้หนูไปด้วยได้ไหม  หนูไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว”  แค่เสียงใสออดอ้อนก็ทำให้คนฟังใจอ่อนจะแย่อยู่แล้ว  แต่ตอนนี้น้องปลากลับเอาศีรษะที่นอนอยู่บนหมอนในตอนแรก  เปลี่ยนเป็นมานอนบนตักของจงอินและกอดเอวหนาเอาไว้  ซึ่งเจ้าตัวมักจะทำแบบนี้เสมอเวลาอยู่กับคุณพ่อ


                “ไปติดตั้งตู้ปลาให้ลูกค้าครับ  แล้วก็เอาเพื่อนๆจากร้านของน้องปลาไปใส่ไว้ในนั้นด้วย”


                “จริงเหรอฮะ...เพื่อนๆของหนูจะมีบ้านใหม่หลังใหญ่ๆใช่ไหมฮะ!!?”  เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของตักและกอดเอวหนาแน่นขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่จงอินพูดเมื่อครู่


                “แต่ถ้าน้องปลาจะไปด้วยก็ห้ามซน  ห้ามดื้อนะครับ เดี๋ยวพี่โดนลูกค้าว่า”  อยากจบการสนทนาให้เร็วกว่านี้  เพราะการกระทำของน้องปลามันกำลังทำให้จงอินเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ


                “ฮะ...หนูสัญญาว่าจะไม่ดื้อ  พี่จงอินให้หนูไปด้วยนะ”  กิริยาท่าทางของน้องปลาทำให้จงอินรู้สึกอยากฟัดเด็กตรงหน้าให้จมเตียง  แต่ติดตรงคำพูดของรุ่นพี่คนสนิทที่มันลอยเข้ามาในหูและเขาก็ยังไม่อยากโดนเตะไส้แตกตอนนี้ด้วย


                “ถ้าอยากไปก็รีบนอน  เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะครับ”  อยากเปลี่ยนใจและยอมโดนเตะสักครั้งเพราะหลังจากที่พูดจบ  น้องปลาก็ลุกขึ้นจากตักและจูบกู๊ดไนท์ไปสันกรามอย่างรวดเร็ว  พร้อมนอนหลับตาเหมือนกับจะให้มันถึงพรุ่งนี้เช้าไวๆเสียอย่างนั้น


                กว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่งกว่า  เนื่องจากการกระทำของน้องปลาทำให้คนถูกจูบต้องเสียเวลาไปกับการขัดฉลามเพชฌฆาตของตัวเองอยู่นานในห้องน้ำ  และเขาก็ยังไม่รู้ชะตากรรมเลยว่าพรุ่งนี้จะตื่นทันเพื่อไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้าหรือไม่  เพราะตอนเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อจะเตรียมตัวไปนอนที่โซฟา  แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นเด็กน้อยนอนเสื้อเปิดไปถึงไหนต่อไหนอยู่บนเตียงของเขา  และจากที่เคยสงสัยว่ารูปร่างของน้องปลาจะสวยแค่ไหน  คืนนี้จงอินก็ได้คำตอบนั้นแล้ว  และก็หวังว่าตัวเองจะไม่ตื่นมากลางดึกเพื่อขัดฉลามเพชฌฆาตอีกเป็นครั้งที่สอง


    แต่........



    ...



    ...



    ...



                "ซี้ดดด....น้องปลาาา  อ่าห์"



    (มันก็อดไม่ไหวจริงๆ.....)



              






     



     





    06.00 น.



                “มอร์นิ่งครับลูกพี่...แหมๆ ๆ หน้าตาเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม  จัดไปกี่ยกล่ะเมื่อคืน”  คนเป็นลูกพี่โดนแซวแต่เช้าขณะที่นั่งทานอาหารอยู่ในห้องครัว


                “เช็คของดูอีกรอบด้วยนะว่าครบหรือเปล่า”  ไม่สนคำเอ่ยหยอกและเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเพราะตอนนี้น้องปลาก็นั่งทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน


    แต่..........


                “สวัสดีครับเมียลูกพี่  เมื่อคืนหลับสบายไหมครับ??”  จงอินไม่เคยด่าลูกน้องต่อหน้าคนอื่น  แต่สงสัยงานนี้คงต้องลองดูสักทีเผื่อลูกน้องจะได้เลิกแซว  และกลับไปทำงานตามที่สั่ง


                “สบายฮะ...พี่จงอินของหนูใจดีที่สุด”  คนถูกถาม...ตอบโดยไม่ได้สนใจความหมายที่ลูกน้องของหนุ่มผิวเข้มพูดเลยสักนิด  และนั่นก็ทำให้จงอินจำเป็นต้องไล่ลูกน้องออกไปให้พ้นๆจากห้องครัวก่อนที่น้องปลาจะโดนแซวไปมากกว่านี้


                “มึงจะไปได้หรือยัง...หรืออยากถูกไล่ออก”  ไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุดันเลยสักนิด  แต่สายตาคมที่กำลังจ้องมองกลับทำให้ลูกน้องเริ่มเข้าใจแล้วว่าควรออกไปทำงานตามคำสั่งเสียที


                “เมีย! เมีย! เมีย! หนูเป็นเมียพี่จงอิน”  ข้าวที่ตักเข้าปากไปเมื่อครู่...กระเด็นออกมาจนหมดเมื่อจงอินได้ยินสิ่งที่น้องปลาเอ่ยเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ


                “น้องปลาห้ามพูดแบบนี้ที่ไหนเด็ดขาดเลยนะครับ  มันไม่ดี แล้วรู้ไหมว่าเมียคืออะไร”  ทั้งปรามและถามน้องปลาไปในคราวเดียวกัน  เพราะจงอินไม่อยากให้เด็กน้อยไปพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น  ยิ่งถ้าคนคนนั้นเป็นคริส  ความอันตรายต่อการพูดคำนั้นย่อมมีความเสี่ยงต่อชีวิตของเขา


                “รู้สิฮะ...ก็เหมือนพี่คริสจ๋ากับพี่อี้ไง  คนที่นอนด้วยกันก็ต้องเป็นผัวเมียกันสิฮะ  แต่...อืมมม? หนูกับพี่จงอินยังไม่ได้แต่งงานกันเลยหนิฮะ  แล้วแบบนี้จะเรียกว่า เมีย ได้หรือเปล่า?”  ตอนแรกก็กลุ้มใจเรื่องการติดตั้งตู้ปลาเพราะครั้งนี้พ่อของเขาไม่ได้ไปด้วยเหมือนเช่นทุกครั้งเนื่องจากท่านไปต่างประเทศ  แต่ตอนนี้จงอินกำลังกลุ้มใจเรื่องของน้องปลามากกว่า


                จงอินรีบเปลี่ยนประเด็นในเรื่องผัวๆเมียๆ...และรีบทานอาหารเช้าให้เสร็จโดยเร็วเพราะมันใกล้จะถึงเวลาที่เขาและพรรคพวกต้องเดินทางไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้า  ทีมงานรอบนี้มีจงอิน  ชานยอล  แบคฮยอนและลูกน้องอีก คน รวมน้องปลาด้วยทั้งหมดก็  9 คนสำหรับการติดตั้งตู้ปลาในรอบนี้  ถ้าพ่อของเขาไปด้วยจงอินคงไม่ต้องขนลูกน้องไปมากมายถึงขนาดนี้  เพราะพ่อเพียงคนเดียวก็เท่ากับลูกน้องถึงสามคน

     



                ตอนแรกน้องปลาจะสะพายกระเป๋าปลาโลมาใบโปรดไปทำงานกับเขาด้วย  แต่ก็ถูกจงอินห้ามไว้เนื่องจากการติดตั้งตู้ปลามันเป็นเรื่องที่อันตรายเกินกว่าจะเอาชีวิตของน้องไปเสี่ยง  และเขาไม่อยากให้เอาของอย่างอื่นไปปะปนกับวัสดุที่ต้องใช้ในการติดตั้งเพราะมันอาจเกิดอันตรายขึ้นได้  และน้องปลาก็ไม่ดื้อกับเขาเหมือนที่ได้สัญญากันเอาไว้เมื่อคืนและรีบเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บไว้บนห้องตามเดิม

     



                เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ที่จะมาติดตั้งตู้ปลา...จงอินก็สั่งลูกน้องให้ยกของลงมาจากรถให้หมด  และเปลี่ยนจากการขับรถยนต์มาเป็นการขับรถโฟคลิฟต่ออีกทีเพื่อย้ายสิ่งของที่หนักมากๆอย่างเช่นตู้กระจกอะคริลิก  เครื่องบำบัดน้ำเสีย  และอุกปกรณ์ที่จะเอาไปตกแต่งตู้ปลา  ส่วนชานยอลกับแบคฮยอนก็พาน้องปลาไปนั่งรออยู่ที่โซฟา  เด็กน้อยดูจงอินประกอบบ้านปลาหลังใหญ่ด้วยสีหน้าที่ลุ้นไปตลอดว่าบ้านหลังนี้จะสวยสักแค่ไหน  และจะมีปลาอยู่ในนั้นทั้งหมดกี่ตัว

     



                น้องปลาเดินวนไปรอบๆตู้กระจก...และถามจงอินว่าอันนั้นมีไว้ทำอะไร  อันนี้จะเอามาใส่ตรงไหน  ซึ่งคำถามที่น้องกำลังพูดไม่หยุดอยู่ตอนนี้  จงอินก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะน้องไม่ได้ซน  แถมเรียกให้ช่วยหรือให้ทำสิ่งใดน้องก็รีบช่วยโดยไม่บ่นเลยสักคำ  แต่ ชั่วโมงต่อมา...น้องปลากลับเริ่มหงุดหงิดเพราะบ้านปลาหลังใหญ่ที่มีน้ำอยู่เต็มตู้และมีปะการังกับหินหลากสีตกแต่งอยู่อย่างสวยงาม  แต่เหลือเพียงปลาเท่านั้นที่จงอินยังไม่ยอมเอามาใส่ตู้สักที


                “พี่จงอิน...เมื่อไหร่จะเอาปลามาใส่ตู้ล่ะฮะ  เดี๋ยวปลาก็ตายพอดี”  เด็กน้อยหน้ามุ้ยเนื่องจากคำถามพวกนี้เขาได้ถามจงอินไปหลายรอบแล้ว  แต่หนุ่มผิวเข้มก็ยังทำเฉย  และที่น้องปลาเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าปลาที่ร้านของเขาถ้ามันถูกแพ็คอยู่ในกล่องนานๆมันอาจทำให้ปลาป่วยแล้วตายในที่สุด


                “คราวนี้เข้าใจหรือยังครับว่าทำไมพี่คริสถึงตีน้องปลา”  คนถูกถามเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย  เนื่องจากไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ยเมื่อครู่  และคิดว่าเรื่องการเอาปลาใส่ตู้มันไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่พี่เขยตีเขาเมื่อวาน


                จงอินสั่งให้ลูกน้องไปเอาปลาที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วตั้งแต่เมื่อคืนเข้ามายังบริเวณที่ติดตั้ง  เพราะเขาจะให้น้องเป็นคนใส่ปลาลงไปในบ้านหลังใหญ่ที่เพิ่งประกอบเสร็จด้วยตัวของน้องเอง  พร้อมกับอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงยังไม่ยอมใส่ปลาลงไปในตู้สักทีจนทำให้น้องปลาโกรธ...รวมถึงเรื่องของคริสด้วย


                “น้องปลาโกรธเรื่องที่พี่ไม่ยอมเอาเพื่อนของหนูใส่ตู้ใช่ไหมครับ?”  เด็กน้อยยังคงหน้าบึ่ง แต่จงอินก็ถามออกไปอย่างใจเย็นและไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดที่น้องเอาแต่ใจตัวเอง


                “ใช่ฮะ...ก็หนูกลัวปลามันป่วย  แล้วถ้ามันตายจะทำยังไง  พี่จงอินไม่ยอมฟังหนูเลย” บึนปากใส่จงอินอีกครั้ง  และหันหลังให้เพราะโดนขัดใจมานาน


                “พี่คริสก็กลัวน้องปลาจะป่วยเหมือนกัน  เมื่อวานพี่คริสไปตามน้องปลาให้ขึ้นมาจากบ่อกี่ครั้ง  หนูก็ไม่ขึ้นมาสักที  แล้วถ้าหนูป่วย  พี่คริสก็จะโดนคุณพ่อทำโทษ  หนูอยากให้พี่คริสโดนทำโทษหรือเปล่าครับ...แล้วก็หันหน้ามาคุยกับพี่ด้วย”

     

                “ไม่อยากฮะ” คนถูกตักเตือนรีบหันหน้ากลับมาพร้อมกับส่ายหัว  แถมยังอมลมไว้จนแก้มป่อง


                “แล้วพี่คริสก็ไม่ได้ตั้งใจจะตีน้องปลาด้วย  พี่คริสเล่าให้พี่ฟัง...ว่าจะตีไม้ลงไปที่บ่อ  แต่หนูยกแขนขึ้นมาพอดี  ไม้มันเลยไปโดนแขนของหนู  พี่คริสเสียใจมาก...ที่ทำให้น้องปลาเจ็บ  แล้วพี่คริสก็ร้องไห้ด้วยนะรู้หรือเปล่า”  แต่งเรื่องเพิ่มเติมเพื่ออรรถรสในความน่าสงสาร  ซึ่งจริงๆแล้วคริสไม่ได้ร้องไห้เลยแม้แต่นิดเดียว  แต่เรื่องที่คริสเสียใจที่ทำให้น้องปลาต้องมาเจ็บตัวคือเรื่องจริงทั้งหมด


                “ฮึกก!!! พี่คริสจ๋าจะโกรธหนูมั้ยฮะพี่จงอิน  ฮึกก!”  น้ำตาไหลพรากเมื่อรู้ความจริงทั้งหมด  และน้องปลาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เขาต่างหากที่เป็นคนผิด


                “ไม่โกรธครับ...พี่คริสรักน้องปลามากๆ  พี่คริสโทรมาถามพี่ตลอดเลย  ว่าน้องปลากินข้าวหรือยัง  น้องปลาอาบน้ำหรือยังแล้วพี่คริสก็สั่งไว้อีกว่าห้ามให้น้องปลานอนดึก”  ยิ่งได้ยินสิ่งที่จงอินกล่าว...น้ำตาก็ไหลแรงยิ่งว่าฤดูน้ำหลากในหน้าฝนเสียอีก


                “ฮืออออ...ออออ!!!  หนูจะกลับบ้าน  หนูจะไปหาพี่คริสจ๋า”  ดีใจที่ทำให้น้องปลาทราบถึงการกระทำของพี่เขย  และรู้ว่าความดื้อรั้นกับความซุกซนของตัวเองมันมีผลต่อความเป็นห่วงของใครบ้าง


                “ยังกลับไม่ได้ครับ  เพื่อนๆยังไม่ได้เข้าบ้านเลย  น้องปลาต้องอยู่ช่วยงานพี่ให้เสร็จก่อน  ส่วนพี่คริสจะมารับน้องปลาพรุ่งนี้เช้า  แล้วเลยไปรับพี่อี้ชิงกับคุณพ่อที่สนามบินด้วยกัน”  รุ่นพี่คนสนิทเพิ่งโทรมาบอกเมื่อเช้าว่าจะมารับน้องเมียในวันพรุ่งนี้พร้อมกับเดินทางไปรับเมียกับพ่อตาต่อที่สนามบิน  จงอินจึงรีบหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นพูดเพื่อเบี่ยงความสนใจและเพื่อให้น้องหยุดร้องไห้...ซึ่งมันก็ได้ผล


                “เย้ ๆ ๆ ๆ หนูรักพี่คริสจ๋า หนูรักพี่จงอิน เย้ ๆ ๆ “  มือบางรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า  แล้วโผเข้าไปกอดคอจงอินเพราะดีใจที่พี่เขยยังรักเขาเหมือนเดิม  แถมจะได้ไปรับอี้ชิงกับพ่อที่สนามบินอีกด้วย  


                จงอินกอดตอบด้วยความรู้สึกที่อยากจะปลอบใจคนในอ้อมออก...และไม่ได้คิดอกุศลเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา  น้องปลาอาจดื้อบ้างไปตามวัย  แต่การใช้ไม้แข็งเพื่อปราบเด็กดื้อก็อาจจะใช้ไม่ได้ผลเสมอไป  และไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่มันก็ต้องใช้การพูดคุยด้วยเหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์กันทั้งนั้น  ยิ่งเป็นคนที่เรารักด้วยแล้วก็ยิ่งต้องถนอมน้ำใจและถนอมคำพูดดีๆเอาไว้ให้มากที่สุด








     

     







                "Lion Fish  ลงไปเลย"


                "Angel  Fish  กำลังตามมาแล้วค้าบบบบ"


                "Blue  Tang  บุ๋ย บุ๋ย บุ๋ย"


                "Trigger  Fish  บ๊ายย บายย"  


                เสียงของเด็กน้อยที่เรียกชื่อสัตว์น้ำตามที่ตัวเองปล่อยลงไปในตู้ตัวด้วยเองอย่างสนุกสนาน  มันกำลังทำให้คนที่สร้างบ้านปลาหลังนี้อยู่นานหลายชั่วโมงรู้สึกหายเหนื่อย  และมีความสุขไปกับร้อยยิ้มที่เขากำลังยืนมองอยู่ในตอนนี้ 






                ทีมงานทุกคนต่างหลงในความน่ารักของน้องปลาโดยไม่รู้ตัว  ยิ่งเฉพาะกับแบคฮยอนด้วยแล้ว  อะไรๆก็เข้าข้างน้องปลาไปหมด  ไม่ว่าเด็กคนนี้จะทำสิ่งใด  จะไปที่ไหนหรืออยากกินอะไร  แบคฮยอนก็ตามใจทุกอย่าง  และตอนนี้บนโต๊ะอาหารมื้อค่ำก็มีกุ้งเผาจานโตวางอยู่มากมายเพราะน้องปลาบอกว่าอยากกิน  แม่ครัวประจำบริษัทบ้านปลาอย่างแบคฮยอนก็เลยจัดให้  ขนาดคนเป็นสามีบ่นว่าอยากกินนั่นกินนี่อยู่หลายครั้งหลายอย่าง  แต่แบคฮยอนก็ยังเมิน

     



                หลังจากที่ติดตั้งตู้ปลาเสร็จเรียบร้อย...จงอินและลูกน้องต่างช่วยกันเก็บอุปกรณ์ต่างๆขึ้นรถ  ส่วนชานยอลกับแบคฮยอนเดินทางกลับมาที่บ้านมาก่อนและแวะไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อของสดแล้วเตรียมจัดโต๊ะอาหาร  ทุกครั้งที่บริษัทของจงอินทำงานเสร็จสิ้น  พวกเขาจะกลับมาทำอาหารเลี้ยงทีมงานทุกครั้ง  เพราะลูกน้องทุกคนก็เหนื่อยมาหลายวันกับการเตรียมงานเพื่อติดตั้งตู้ปลาในแต่ละออร์เดอร์


                “กุ้ง กุ้ง กุ้ง กุ้ง กุ้ง!!!”  เสียงใสแจ๋วของน้องปลาดังไปทั่วโต๊ะอาหาร  และทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็พากันแกะกุ้งให้เด็กน้อยจนเต็มจาน


                “อิ่มหรือยังครับน้องปลา  พี่คริสสั่งว่าห้ามนอนดึกนะครับ”  รีบตัดบทโดยการเอ่ยชื่อรุ่นพี่คนสนิทมาอ้าง  เพราะตอนนี้ทุกคนต่างเอาใจน้องปลากันจนวุ่นวายไปหมด


                “อิ่มแล้วฮะพี่จงอิน”  เมื่อเสียงของน้องปลาสิ้นสุดลง  ทุกคนที่นั่งรายล้อมกันอยู่ที่โต๊ะอาหารต่างพากันโวยวายใส่จงอินเป็นการใหญ่เพราะทุกคนยังไม่อยากให้น้องปลาไปนอนตอนนี้


                หนุ่มผิวเข้มไม่สนใจเสียงโวยวาย...แถมยังจูงมือเด็กน้อยเดินขึ้นมาบนห้องทันที  เมื่อเดินเข้ามาในห้องจงอินก็สั่งให้น้องปลาไปอาบน้ำและออกมาจัดกระเป๋าเอาไว้ก่อนที่ตัวเองจะเข้านอนเพื่อเตรียมตัวรอคริสมารับกลับบ้านในเช้าวันพรุ่งนี้  น้องปลาทำตามที่จงอินบอกทุกอย่างและรีบปีนขึ้นเตียงล้มตัวลงนอนทันทีเมื่อจัดของเสร็จ  เด็กน้อยอยากให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเร็วๆเพราะจะได้เจอพี่เขยและทุกคนในบ้านเสียที


    แต่......

     


                พยายามหลับตาอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับจริงๆจนต้องลืมตาขึ้นมาในความมืดอีกครั้ง  กายน้อยๆนอนพลิกซ้ายพลิกขวาเหมือนตัวเองเป็นกุ้งเผาที่ถูกย่างอยู่บนเตาเมื่อตอนมื้อค่ำ  ส่วนเจ้าของห้องที่นอนอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามก็ได้ยินเสียงสะบัดผ้าห่มไปมา  แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะคิดว่าน้องปลาคงนอนดิ้น  แต่สักพัก...เขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองดังขึ้น


                “พี่จงอินฮะ  พี่จงอินหลับหรือยัง?”  เรียกด้วยเสียงที่เบาจนเหมือนกระซิบ  เพราะไม่รู้ว่าจงอินหลับแล้วหรือยัง


                “มีอะไรครับน้องปลา...ทำไมยังไม่นอนอีกครับ  ปวดท้องหรือเปล่า หื้ม?” เดินมาหาน้องปลาที่เตียงและเปิดโคมไฟดวงเล็กเหมือนเดิมเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น  จงอินคิดว่าน้องอาจปวดท้องเพราะเจ้าตัวกินกุ้งไปเยอะอยู่พอสมควร


                “หนูนอนไม่หลับฮะ  พี่จงอินมานอนกับหนูหน่อย”  งานเข้าอีกครั้งเพราะเมื่อคืนก่อนเพียงแค่เห็นน้องปลานอนเสื้อเปิดจนถึงหน้าอก  ความคิดด้านมืดก็แล่นเข้ามาในหัวสมองเต็มไปหมด  แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมน้องปลาถึงต้องเรียกให้มานอนด้วยกัน


                “ทำไมนอนไม่หลับล่ะครับ  น้องปลาไม่สบายหรือเปล่า”  มือหนาแตะไปที่หน้าผากของน้องเพื่อวัดไข้  แต่....


                “เปล่าฮะ...หนูแค่นอนไม่หลับเฉยๆ”  จับมือที่วางอยู่บนหน้าผากของตัวเองออก  และดึงร่างของหนุ่มผิวเข้มให้ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน


                รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเพราะน้องปลาไม่เพียงแค่ดึงมือของหนุ่มผิวเข้มให้ขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น  แต่เจ้าตัวยังปีนขึ้นมานอนทับอยู่บนอกกว้าง  ตอนนี้จงอินนอนตัวแข็งเป็นท่อนไม้เพราะไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ยังไงดี  และฉลามเพชฌฆาตก็กำลังจะแข็งพอๆกับตัวเจ้าของที่นอนแข็งไปก่อนหน้านั้น


                “พี่จงอินเป็นอะไรเหรอฮะ หนูกวนพี่จงอินหรือเปล่า”  อยากตอบไปตรงๆว่ากวนมาก  เพราะการที่น้องปลานอนทับอยู่บนตัวของเขาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาคุยในระยะอันตรายแบบนี้มันทำให้หัวใจของจงอินเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก


                “ทำไมน้องปลานอนแบบนี้ละครับ”  ไม่ได้รู้สึกเมื่อยหรือรำคาญ  แต่ความคิดด้านมืดเริ่มกลับมาทักทายจงอินอีกครั้ง


                “เวลาหนูนอนไม่หลับ  หนูจะไปหาพ่อที่ห้องแล้วก็นอนแบบนี้ทุกครั้ง  แล้วพ่อก็จะลูบหลังให้จนกว่าหนูจะหลับ พี่จงอินลูบหลังให้หนูหน่อยสิฮะ”  ความลำบากใจกำลังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ  เพราะเจ้าของผิวเนียนขาวกำลังอนุญาตให้เขาได้สัมผัส


                “แล้วเวลาที่อยู่กับพี่คริสสองคน  น้องปลานอนกับพี่คริสแบบนี้ด้วยหรือเปล่า หื้ม?”  ถามออกไปทั้งๆที่ก็รู้คำตอบเพราะขนาดตอนที่น้องปลาเจ็บมือ  คริสยังเคยอาบน้ำให้น้องมาแล้ว  นับประสาอะไรกับแค่เรื่องการหลับนอน


                “ไม่ฮะ  หนูไม่เคยนอนกับพี่คริสจ๋าเลย  เวลาที่พี่อี้กับพ่อไม่อยู่บ้าน  พี่คริสจ๋าจะไปนอนที่โกดังเก็บปลา  แล้วอีกอย่างนะฮะ...หนูไม่อยากไปนอนกับพี่คริสจ๋าด้วยฮะ  พี่อี้บ่นให้หนูฟังตลอดเลยว่าพี่คริสจ๋านอนกรนเสียงดังยังกับเรือหาปลา”  เด็กน้อยทำเสียงกรน ครืด ครืด เลียนแบบเสียงกรนของคริสให้ฟังจนจงอินอดที่จะขำไปกับเสียงนั้นไม่ได้


                รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินน้องปลาพูดแบบนั้น  เพราะสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ในตอนแรกมันผิดไปจากคำตอบที่ได้รับ  จงอินก็ไม่อยากเชื่อว่าน้องปลาจะไม่เคยนอนกับคริส  เพราะขนาดตอนที่เจ้าตัวเจ็บมือ  คริสยังอาบน้ำแต่งตัวให้จนน้องหายดี  แต่ตอนนี้...เมื่อน้องปลาได้มานอนอยู่กับเขา  นั่นจึงทำให้จงอินรู้สึกว่าตัวเองได้รับสิทธิ์ในการกล่อมเด็กน้อยเหมือนอย่างที่คุณพ่อของน้องปลาเคยทำ 

     


                จงอินรู้สึกผ่อนคลาย...และเลิกนอนตัวแข็งเป็นท่อนไม้เพราะมันรู้สึกมีความสุขที่สุด  น้องปลาเริ่มไว้ใจเขามากขึ้นและยอมเปิดใจคุยเรื่องต่างๆมากมายในขณะที่อยู่ด้วยกันมา คืนกับอีก 1 วันเต็มๆ  แถมคนในอ้อมอกตอนนี้ก็ยังเข้ากับคนในครอบครัวของเขาได้เป็นอย่างดีและเป็นที่รักของทุกคนทั้งๆที่พวกเขาก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า  แต่น้องปลากลับไม่รู้สึกกลัวหรือหวาดระแวงเลยสักนิด  มือหนาลูบหลังให้เด็กน้อยจนหลับไปพร้อมๆกันอย่างมีความสุขโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปขัดฉลามเพชฌฆาตของตัวเองในห้องน้ำเลยแม้แต่ครั้งเดียว








     


     







    บริษัท  บ้านปลา

    07.00 น.



                “ไอ้ดำ...มึงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!


                เป็นเช้าอันแสนเจ็บปวดของคนเป็นเจ้าของห้องเมื่อคริสมารับน้องเมียกลับบ้านก่อนเวลาที่ได้นัดเอาไว้  เวลาที่นัดไว้คือ โมงแต่ตอนนี้มันเพิ่งจะ โมง  แล้วคริสมาทำไมตั้งแต่เช้า  จงอินยังไม่เข้าใจเหตุผล  แถมตอนนี้ก็รู้สึกเจ็บหนังหัวไปหมดเพราะถูกมือใหญ่ๆกระชากด้วยความแรงเมื่อเห็นภาพบาดตาระหว่างเขากับน้องปลาบนเตียง

     



                คริสเดินทางมาที่บ้านของจงอินแต่เช้าเพราะเที่ยวบินของอี้ชิงกับคุณพ่อมันเลื่อนเข้ามาเร็วกว่ากำหนด  และถ้าคริสมารับน้องปลาช้ากว่านี้  เขาอาจโดนพ่อตาเพิ่มโทษอีกครั้งเพราะคดีเก่าก็ยังไม่หมดอายุความ  ซึ่งคริสก็ยังไม่อยากรับโทษเพิ่มอีกแล้ว  และเมื่อถูกเชื้อเชิญให้เข้ามาในบ้านโดยมีภรรยาของรุ่นน้องตัวโย่งให้ความช่วยเหลือ  คริสก็รีบเดินเข้ามาให้ห้องนอนของจงอินทันทีและได้มาพบกับภาพที่ทำให้เขาต้องอารมณ์เสียแต่เช้าตรู่

     



                ภาพที่เห็นคือ...จงอินนอนกอดน้องปลาจนแทบจมหายเข้าไปในอ้อมอก  และน้องปลาก็ยังไปนอนให้มันกอดอย่างหน้าตาเฉย  ดีเท่าไหร่แล้ว...ที่คริสเห็นแค่นั้นเพราะถ้าเช้านี้ทั้งสองคนไม่มีเสื้อผ้าใส่ติดกายเลยสักชิ้น  มีหวังจงอินโดนกระทืบตายคาบ้านแน่ๆ  ขาวยาวของคนเป็นพี่เขยรีบเดินไปที่เตียงนอนทันทีแล้วจิกหัวรุ่นน้องผิวเข้มขึ้นมา  จากนั้นก็เหวี่ยงลงไปกองอยู่กับพื้นโดยที่เจ้าของห้องก็ยังไม่ได้ทันได้ตั้งสติอะไรเลยด้วยซ้ำ

     



                จงอินรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งกระโหลก...หัวของเขามันถูกกระชากเหมือนในหนังสยองขวัญไม่มีผิด  แถมยังถูกเหวี่ยงจนกระเด็นไปนอนกองอยู่ที่หน้าห้องน้ำ  และคริสก็ไม่สนใจเสียงร้องอันแสนเจ็บปวดของรุ่นน้องเลยสักนิดเพราะตอนนี้เขาสนใจแต่น้องปลาที่ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง


                “น้องปลาครับตื่นได้แล้ว  พี่คริสจ๋ามารับแล้วนะครับ”  ดึงผ้าห่มผืนโตออกจากตัวเด็กน้อยและแตะมือลงไปบนก้นของน้องปลาเบาๆเพื่อเป็นการปลุก 


                “งืออ...พี่คริสจ๋ามารับหนูแล้วเหรอ  หนูคิดถึงพี่คริสจ๋าที่สุดเลยฮะ”  งัวเงียตื่นขึ้นมาบ่นงึมงำด้วยความง่วงนอน  เพราะปกติเจ้าตัวจะตื่น โมงเสมอ  และนี่มันเพิ่ง โมง  ซึ่งก็ถือว่าเช้ามากสำหรับน้องปลา


                “ครับบบ...พี่มารับแล้วครับ  เราไปหาพี่อี้กับพ่อที่สนามบินด้วยกันนะครับ”  คริสอุ้มน้องปลาเข้าสู้อ้อมอกพร้อมหยิบกระเป๋าปลาโลมาคู่ใจของน้องสะพายขึ้นบ่าไปด้วย  แล้วเดินออกมาจากห้องของจงอินทันทีโดยที่ไม่มีคำกล่าวลา


                คนเป็นพี่เขยอุ้มน้องเมียเดินมาถึงรถก็เปิดประตูและวางน้องลงอย่างเบามือพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จสรรพ  คริสรู้ว่าน้องปลาหายโกรธเขาแล้ว  เพราะในระหว่างที่จงอินรอน้องปลาอาบน้ำเมื่อคืน  เขาก็ได้ฟังเรื่องราวต่างๆมากมายที่ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น  แต่สำหรับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้าสดๆร้อนๆ...คริสถือว่ามันเป็นคดีที่ร้ายแรงเกินกว่าจะมาหักล้างกับความดีที่จงอินได้ทำไว้ก่อนหน้านั้น


                “เฮียยยย...ให้น้องปลามาที่นี่บ่อยๆได้ปะ  เมียผมชอบ  แล้วบ้านก็ไม่เหงาด้วย”  คนที่เพิ่งกลับมาจากการซื้อโจ๊กให้ภรรยาเห็นคริสกำลังจะออกรถ  เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปทักทาย


                “บ้านมึงไม่เหงาแต่กูเหงา  แล้วน้องกูไม่ใช่ของสาธารณะที่ใครจะยืมตัวไปนั่นมานี่”  แค่น้องปลาไม่อยู่บ้านเพียงสองวัน  พี่เขยอย่างคริสก็รู้สึกเหงาเพราะบ้านมันเงียบไปหมด  เขาคิดถึงเสียงแจ๋วๆที่เรียกเขาทั้งวันว่าพี่คริสจ๋าอย่างนั้นพี่คริสจ๋าอย่างนี้


                “โหยยยย...เฮีย  แค่นี้ทำเป็นหวงไปได้”  พูดตัดพ้อโดยไม่ได้มองหน้ารุ่นพี่เลยสักนิดว่าอยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นด้วยหรือไม่


                "งั้นกูยืมเมียมึงไปเล่นที่บ้านบ้างได้ไหม  ช่วงนี้เมียกูไม่ค่อยอยู่บ้านซะด้วย  ห้องนอนกูแม่งเงียบยังกับป่าช้า"  พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมยิ้มมุมปากก่อนจะเหยียบคันเร่งแล้วขับรถออกไปจากรั้วของบริษัทรุ่นน้อง


                ชานยอลรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันทีเมื่อคริสพูดจบ...และคิดว่าตัวเองไม่ควรจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรือไปล้อเล่นกับน้องเมียอันเป็นที่รักของรุ่นพี่  แถมอาจถูกเมียด่าอีกรอบเนื่องจากแบคฮยอนใช้ให้ไปซื้อโจ๊กนานแล้ว  แต่เขายังมัวแต่ยืนคุยกับคริสอยู่นานสองนานทั้งๆที่ก็รู้ว่าภรรยาหิวมากแค่ไหน


    และ.......



    ...



    ...



    ...



    ...



    ...        


                “พี่ชานยอลลลลลลลลลลลลลลลลลลล"



    สิ่งที่สามีคิดไว้....มันก็ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง!!!

     










     








    100%

    เรื่อง เพลงพกเมีย ของยุ้ยญาติเยอะนั้นนนน...เราต้องของอภัยจริงๆ

    มันไม่มีเพลงไหนเข้ากับสถานการณ์ตอนนั้นได้เลย55555555 

    เอ็นดูน้องปลากันเยอะๆนะคะ

    เราจะพยายามทำฟิคเรื่องนี้ให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ

    ขอบคุณนักอ่านและผู้ติดตามทุกคนมากๆนะคะ

    จุ้บ  จุ้บ

    #ฟิคน้องปลา 

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×