คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ปลาตัวที่ 5
ปลาตัวที่ 5
บริษัท มีปลา
17.00 น.
“น้องปลา...พี่บอกให้ขึ้นมาได้แล้ว” เสียงตะโกนของพี่เขยที่เตือนน้องเมียให้ขึ้นมาจากบ่อปลาหลังบ้านเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันเป็นการเตือนรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้เนื่องจากเด็กน้อยเอาแต่เล่นเพลินจนลืมเวลา
หลังจากที่น้องปลาได้ตัดใหมออกจากฝ่ามือและแผลต่างๆก็หายเป็นปกติ ทุกอย่างในบ้านก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม น้องปลาอาบน้ำแต่งตัวเอง ทานอาหารเองและได้ลงไปเล่นกับเพื่อนในบ่อปลาหลังบ้าน แต่สิ่งที่ผิดปกติคือ...น้องเริ่มดื้อกับคริส
คนเป็นพี่เขยรู้ดี...ว่าเขาอาจทำให้น้องปลาติดนิสัยชอบคนตามใจ แต่ก็ไม่คิดว่าน้องปลาจะดื้อแบบนี้ คริสไม่สงสัยเลยว่าทำไมอี้ชิงถึงชอบบ่นน้องชายของตัวเองอยู่บ่อยๆ แล้ววันนี้เขาก็ได้มาเจอกับตัวและเห็นกับตา คริสทำงานหนักมาตั้งแต่เช้าเนื่องจากภรรยากับพ่อตาไม่อยู่ตั้งแต่เมื่อคืนและกว่าจะกลับก็วันมะรืน
เวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง...น้องปลาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเล่นอยู่ในบ่อปลาหลังบ้านเสียที และคริสก็เริ่มโมโหเพราะงานของเขายังมีออร์เดอร์ของลูกค้าค้างอยู่อีก 5 ราย แล้วก็ยังไม่ได้แพ็คปลาให้ลูกค้าเลยสักกล่อง แถมน้องเมียยังเล่นซนจนทำให้ต้องเป็นห่วง ถึงแม้เด็กน้อยจะทำงานในส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเล่นน้ำจนเลยเวลาขนาดนี้
“น้องปลา...พี่บอกให้ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ทำไมถึงดื้อ หึ!!!” พี่เขยถือไม้เรียวไว้ในมือและดุน้องปลาแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็แค่ถือไม้มาขู่ไว้เพื่อให้เด็กน้อยยอมเชื่อฟังเขาเท่านั้นและไม่ได้คิดที่จะตีน้องจริงๆ
“............!!!!!!!!” เสียงทุ้มดังก้องจนน้องปลาตกใจและสะดุ้งสุดตัว
“จะขึ้นมาได้หรือยัง เดี๋ยวก็ไม่สบายจนได้” ตีไม้เรียวลงไปกับฝาผนังดังเพี๊ยะๆ และการกระทำแบบนั้นก็ทำให้น้องปลารู้สึกว่าคริสเริ่มน่ากลัวมากขึ้นกว่าทุกครั้ง
“พะ...พี่คริสจ๋าจะตีหนูเหรอฮะ?” ถามเสียงสั่นเพราะเจ้าตัวรู้สึกกลัวมากๆเนื่องจากคริสไม่เคยดุเขาถึงขนาดนี้
"ตีแน่ๆ...ถ้ายังไม่ขึ้นมาจากบ่อสักที ดูซิ...เล่นจนมือซีดไปหมดแล้วเนี่ย เห็นไหม??!" ร่างสูงใหญ่...ก้าวขาฉับๆเดินเข้าไปหาน้องปลาที่นั่งเล่นอยู่ในน้ำ แล้วจับมือบางเพื่อดึงเด็กดื้อให้ขึ้นมาจากบ่อ แต่.......
เพี๊ยะ !!!!!!!!!!!
“โอ๊ย!!...ฮึกก หนูเจ็บนะฮะ" น้ำตาไหลพรากเพราะรู้สึกเจ็บและเสียใจมากๆ
เสียงไม้เรียวดังขึ้น...และนั่นก็ทำให้คนถูกตีรู้สึกว่าพี่เขยไม่ได้รักเขาอีกแล้ว น้องปลาคิดว่าแค่เล่นอยู่ในบ่อนานเกินไปทำไมถึงต้องถูกตี เด็กน้อยคิดไว้ว่าถ้าคริสเดินมาเรียกอีกรอบเขาก็จะเลิกเล่นและไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนเหมือนเฉกเช่นทุกวัน แต่ทำไมวันนี้...ถึงถูกตี??
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ...ไหนพี่ขอดูแขนหน่อย” คริสทิ้งไม้ลงกับพื้นและเปิดแขนเสื้อของน้องปลาขึ้นเพื่อดูรอยที่ถูกไม้เรียวฟาดลงไปเมื่อครู่
น้องปลาเสียใจที่สุดเพราะไม่คิดว่าคริสจะตีเขาแรงถึงขนาดนี้ แต่ความจริงแล้ว...พี่เขยสุดหล่อไม่ได้ตั้งใจจะตีน้องด้วยซ้ำ คริสกำลังจะตีไม้ลงไปที่ข้างบ่อ แต่มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่น้องปลาลุกขึ้นยืนพอดี ไม้เรียวจึงฟาดลงไปที่แขนของน้องอย่างแรง เด็กน้อยร้องไห้โฮและสะบัดแขนออกจากมือพี่เขยพร้อมกับรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที
คริสวิ่งตามเพื่อที่จะไปขอโทษเด็กน้อย แต่กลับถูกรุ่นน้องคนสนิทเรียกเอาไว้เสียก่อน สายตาของความเป็นห่วงมองตามน้องปลาไปจนสุดทาง และเสียงปิดประตูโครมครามบนชั้นสองของบ้านก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกคริสได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้น้องปลารู้สึกอย่างไร คริสถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะตอนนี้ทั้งเรื่องงานและเรื่องภายในบ้านมันตีรวนกันไปหมด
“เอ่ออ....มีเรื่องอะไรกันเหรอเฮีย ทำไมดูเครียดๆ” รู้สึกงงตั้งแต่ถูกน้องปลาวิ่งชนเมื่อครู่ แถมรุ่นพี่คนสนิทยังมีสีหน้าที่ดูเคร่งเครียด
“มึงมาทำไมวะไอ้ดำ คนกำลังยุ่งๆ” รู้ว่าตัวเองกำลังพาล แต่อารมณ์ของคริสตอนนี้จะให้มาพูดดีด้วยก็คงยาก
จงอินมีนัดมารับปลาที่พ่อเขาสั่งไว้เมื่อหลายวันก่อน และมันก็ถึงเวลานัดพอดีเพราะพรุ่งนี้เช้าเขาต้องไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้า แต่พอมาถึงกลับได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากหลังบ้าน จงอินจึงเดินเข้ามาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงไหนน้องปลากลับวิ่งสวนออกมาชนเข้ากับไหล่ของเขาพอดี แล้วก็วิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านโดยไม่ทักทายกันสักคำ
“มาเอาน้องปลา เอ้ยย!!....มาเอาปลาที่สั่งไว้ครับเฮีย” คำเอ่ยหยอก...หยุดลงทันทีเมื่อจงอินเห็นสีหน้าของคริสที่บ่งให้รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น
“ปลาที่มึงสั่ง...กูแพ็คไว้อยู่ในโกดัง มึงไปเอาได้เลย เสร็จธุระแล้วมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นก่อนที่จะโดนตีนกู”
ไม่มีอารมณ์มาเล่นกับใครเพราะงานของเขายังมีค้างอยู่อีกมาก แถมตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องไปทำอาหารเย็นให้กับน้องปลาอีก คริสรู้สึกเหนื่อยทุกครั้งเวลาที่อี้ชิงไม่อยู่บ้าน และวันนี้ก็เหนื่อยมากขึ้นเป็นพิเศษเพราะน้องปลาดื้อจนทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดเลยด้วยซ้ำ
!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงวิ่งตึงๆจากชั้นบนของบ้าน...ทำให้คริสและจงอินต้องหันไปมองเป็นตาเดียว แล้วสิ่งที่เห็นก็คือน้องปลาอาบน้ำแต่งตัวพร้อมอยู่ในชุดนอน แต่ทำไมถึงสะพายกระเป๋าปลาโลมาคู่ใจเอาไว้ เด็กน้อยวิ่งลงมาจากชั้นบนและตรงเข้าไปกอดแขนของจงอินเอาไว้พร้อมกับแอบอยู่ทางด้านหลัง
คนถูกกอด...คิดว่าวันนี้คงโดนคริสเตะจริงๆเพราะดูจากท่าทางของน้องปลาแล้วก็คงจะมีเหตุให้เขาและคริสต้องมานั่งจับเข่าคุยกันเหมือนประเด็นคำว่า "แฟน" ในแบบของน้องปลาเข้าใจ แต่ตอนนี้ทั้งคริสและจงอินต่างก็รู้สึกสงสัยว่าน้องปลาคิดจะทำอะไรกันแน่ โดยเฉพาะคริส...เนื่องจากน้องอยู่ในชุดนอนตัวโปรดลายปลาดาวสีชมพู แต่กลับสะพายกระเป๋าคู่ใจเหมือนกำลังจะเตรียมตัวออกไปข้างนอก
“หนูจะไปนอนกับพี่จงอิน หนูไม่อยากอยู่กับพี่คริสจ๋าแล้ว” หายตัวไปอาบน้ำจัดกระเป๋ามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ น้องปลาเสียใจจนไม่อยากเข้าใกล้คริสอีกแล้วเพราะคิดว่าพี่เขยไม่ได้รักเขาเหมือนเดิม
“พี่ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น พี่ไม่อนุญาต!!!” อารมณ์ของคริสยังไม่คงที่ แถมน้องปลายังดื้อจะไปนอนค้างที่อื่น นั่นจึงทำให้พี่เขยต้องดุน้องปลาอีกครั้ง พร้อมกับเดินเข้าไปกระชากกระเป๋าที่น้องสะพายเอาไว้ด้านหลัง
แต่......
“เฮียยย!!...ใจเย็นก่อน ค่อยๆพูดก็ได้ น้องตกใจหมดแล้ว” จงอินใช้มือกันเอาไว้เพื่อไม่ให้คริสกระชากกระเป๋าของน้องและดึงร่างน้อยๆที่กำลังสั่นไปด้วยความหวาดกลัวให้หลบไปทางด้านหลัง
“น้องปลาครับ...ทำไมไม่อยู่กับพี่คริสล่ะครับ ไม่รักพี่คริสแล้วเหรอ” พยายามพูดดีๆเพราะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงทำให้น้องปลาอยากจะหนีออกจากบ้านเพื่อไปอยู่กับเขา
“พี่คริสจ๋านั้นแหละไม่รักหนู พี่คริสจ๋าตีหนูเจ็บ” ดึงแขนเสื้อขึ้นโชว์รอยไม้เรียว ซึ่งตอนนี้...ผิวเนื้อขาวเนียนมันแดงเป็นรอยยาวอย่างเห็นได้ชัด
จงอินตกใจที่เห็นรอยบนแขนของน้องปลา และเขาก็ไม่คิดว่าพี่เขยอย่างคริสจะกล้าทำกับน้องเมียได้ถึงขนาดนี้ ก่อนหน้านั้นได้ยินแต่เสียงโวยวายอยู่หลังบ้านและน้องปลาก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน แต่ก็ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนี้
“น้องปลารอพี่อยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ขอไปคุยกับพี่คริสแป้บนึง” ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น แล้วคริสมาตีน้องปลาสุดที่รักของเขาทำไม
จงอินกับคริสเดินไปที่โกดังเพื่อเคลียร์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมนำกล่องใส่ปลาที่ลูกน้องแพ็คไว้เรียบร้อยขนขึ้นรถเตรียมกลับเอาไปเก็บไว้ที่บ้าน ระหว่างที่เดินขนย้ายสัตว์น้ำ...พวกเขาก็ได้คุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นไปด้วย ใครผิด ใครถูก จงอินไม่อาจตัดสินได้ แต่ก็เข้าใจดีว่ารุ่นพี่คนสนิทไม่ได้ตั้งใจจะตีน้องปลา แต่คริสก็ผิดที่เอาอารมณ์ของเรื่องงานมาปนกับอารมณ์ของความเป็นห่วง
จงอินทราบดี...ว่าคริสตามใจและใจดีกับน้องมาตลอด พอน้องปลาถูกดุก็เลยคิดว่าพี่เขยไม่รักและขาดคนปกป้อง ส่วนตัวเขาก็เดินเข้ามาถูกจังหวะพอดี น้องปลาจึงคิดว่าผู้ชายคนนี้คงจะปกป้องเขาจากความรู้สึกผิดหวังและเสียใจได้ ถ้าตอนที่เกิดเรื่องอี้ชิงอยู่ในบ้านก็คงเป็นพี่ชายแท้ๆที่จะเป็นคนปกป้องน้อง
“เฮียให้น้องไปอยู่กับผมก่อนก็ดีนะ เฮียจะได้รีบเคลียร์งานให้เสร็จ ส่วนน้องปลาผมจะดูแลให้เป็นอย่างดี เฮียไม่ต้องเป็นห่วง” ไม่ได้พูดเพื่อหวังที่จะได้อยู่กับน้องปลาสองต่อสอง แต่จงอินแค่อยากให้คริสได้อยู่คนเดียวเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองและคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“กูไว้ใจมึงนะไอ้ดำ แต่ถ้ามึงทำอะไรเกินเลยกับน้องปลา มึงโดนกูเตะไส้แตกแน่” เขาก็เป็นห่วงน้องปลาไม่แพ้จงอินเหมือนกัน เผลอๆจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าตอนนี้อารมณ์ยังไม่คงที่และคริสก็เข้าใจว่าน้องปลาคงไม่อยากอยู่กับเขาในเวลานี้เช่นกัน
“โถ่เฮีย...เห็นผมเป็นคนยังไง ผมไม่ปล้ำน้องปลาหรอก ถึงน้องมันจะน่าปล้ำก็เถอะ”
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!!
เพี๊ยะ!!!
สิ้นคำที่ไม่น่าฟัง...เจ้าของคำพูดสองแง่สามง่ามก็โดนมือใหญ่ๆของรุ่นพี่ตบกระโหลกจนเสียงดังไปถึงหน้าปากซอย แต่ก็ยอมให้พาน้องปลาไปนอนค้างด้วย และคริสก็จะเป็นคนไปรับน้องด้วยตัวเองก่อนจะถึงวันที่อี้ชิงกับพ่อตาจะกลับมาจากต่างประเทศ เพราะถ้าเรื่องที่น้องถูกตีรู้ถึงหูอี้ชิงเมื่อไหร่ สามีอย่างเขาคงอดทำการบ้านไปหลายวัน เผลอๆอาจนานไปอีกหลายสัปดาห์ ถึงอี้ชิงจะชอบดุน้องปลาบ่อยๆ แต่เจ้าตัวก็รักน้องมากๆและไม่เคยตีน้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“น้องปลาแน่ใจนะครับว่าจะไปนอนค้างกับพี่จงอินที่บ้าน??” คนเป็นพี่เขยถามเพื่อลองใจน้องเมียอีกครั้งและหวังว่าน้องจะเปลี่ยนใจ แต่....
“แน่ใจ ฮึกก!!...ก็พี่คริสจ๋าไม่รักหนูแล้วหนิ ฮึกกก!” เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ แต่กลับร้องไห้ไปด้วยเพราะความรู้สึกต่างๆภายในจิตใจมันกำลังสับสนวุ่นวายไปหมด
จงอินเดินจูงมือเด็กน้อยมาขึ้นรถและขับตรงกลับบ้านทันที แต่ในระหว่างทาง...น้องปลาก็นั่งเงียบมาตลอด ถามอะไรก็ไม่ตอบทั้งนั้น จงอินทราบดีว่าน้องคงเสียใจมากที่ถูกพี่เขยตี แถมยังเป็นครั้งแรกในรอบสิบหกปีที่น้องปลาได้ไปนอนค้างที่บ้านของคนอื่นโดยไม่มีคริสหรือคนในครอบครัวตามไปด้วยสักคนจงอินจึงไม่อยากถามอะไรอีกแล้ว และความเงียบก็คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้
บริษัท บ้านปลา
20.06 น.
น้องปลาร้องไห้มาตลอดทางจนหลับ จงอินจึงจำเป็นต้องอุ้มเด็กน้อยลงมาจากรถและเรียกลูกน้องที่อยู่ในโรงงานมาขนปลาจากท้ายรถเอาไปเก็บไว้ในห้องปลอดเชื้อ เมื่อลูกน้องเดินออกมาจากโรงงานก็เห็นลูกพี่ของตัวเองอุ้มคนแปลกหน้าเอาไว้จนจมอก พวกเขาจึงอดที่จะแซวไม่ได้เพราะจงอินไม่เคยพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านเลยสักครั้งตั้งแต่เรียนจบและย้ายมาช่วยงานคุณพ่อที่นี่
“วู้วววววว....พกเมียมาด้วยเหรอ พกเมียมาด้วยเหรอเนี่ย ฮิ้ววววว!!!!” ต่างคนต่างร้องเพลงแซวลูกพี่จนเสียงดังลั่นไปหมด
“เออเมียกูเอง แล้วก็ช่วยเงียบปากของพวกมึงด้วย เดี๋ยวเมียกูตื่น” พูดจบก็ใช้เท้าถีบประตูรถเพื่อปิดและรีบเดินเข้าบ้านไปทันที เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ น้องปลาอาจตื่นจากเสียงที่ยังตะโกนแซวกันไม่เลิก
ในขณะที่จงอินอุ้มน้องปลาเดินเข้ามาในบ้าน ทุกสายตาที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องโถงก็หันกลับมามองที่เขากันหมด โดยเฉพาะพี่ชายต่างแม่ที่จ้องน้องปลาเหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัว ส่วนพี่เขยตัวโย่งก็ได้แต่ยิ้มมุมปากเพราะรู้ดีว่าจงอินคิดเช่นไรกับคนที่ถูกอุ้มอยู่ในตอนนี้
จากที่แบคฮยอนนอนตักของสามีเพื่อดูทีวีอยู่ในตอนแรก ก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาน้องชายเพื่อสอบถามถึงเรื่องของคนที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมอก แบคฮยอนเคยเห็นน้องปลาเพียงไม่กี่ครั้ง เพราะเขาไม่ได้มีหน้าที่ไปรับปลาเหมือนชานยอลหรือคุณพ่อ แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงมาอยู่กับจงอิน แถมยังถูกอุ้มมาแบบนั้นอีก
“มึงไปขโมยลูกเค้ามาเหรอจงอิน เดี๋ยวกูจะได้เตรียมเงินไปประกันมึงที่โรงพัก” คำถามของแบคฮยอนทำให้คนเป็นสามีที่กำลังนั่งดูหนังอยู่อย่างเพลิดเพลินถึงกับหัวเราะจนเสียงดังลั่นบ้าน
“เออ....ขอดีๆไม่ให้ก็ต้องขโมยแบบเนี้ยแหละ” ยิ่งจงอินรับมุกของพี่ชายก็ยิ่งทำให้เสียงหัวเราะของชานยอลดังมากขึ้นไปกว่าเดิมจนต้องรีบพาน้องปลาขึ้นไปนอนพักบนห้องก่อนที่จะตื่นตกใจกับเสียงนั้น
จงอินรำคาญสองผัวเมียคู่นี้...จึงรีบเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านเพื่อจะได้พาน้องปลาไปนอนที่ห้องของเขาสักที จงอินค่อยๆเปิดประตูและเดินไปวางน้องปลาลงบนเตียง และเพราะบ้านหลังนี้ไม่มีห้องรับรองไว้สำหรับต้อนรับผู้มาเยือน น้องปลาจึงจำเป็นต้องนอนในห้องขอบเขา หลังจากที่วางน้องปลาลงบนเตียงและห่มผ้าให้น้องเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปเตรียมของเพื่อจะไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้าในเช้าของวันพรุ่งนี้
จงอินเดินออกมาจากห้องพร้อมกับปิดไฟและเดินตรงมายังโรงงานอีกครั้งเพื่อสั่งงานลูกน้อง มือหนาจัดของใส่ลังและแพ็คของทุกอย่างเป็นอย่างดี เพราะระหว่างการขนย้ายของทุกอย่างที่ใช้ในการทำตู้ปลามันห้ามชำรุดหรือแตกหักโดยเด็ดขาด แล้วที่สำคัญ...ถ้าตู้ปลาเกิดมีรอยร้าวหรือบิ่นเพียงนิดเดียว งานทุกอย่างที่เตรียมไว้มานานเป็นอันต้องยุติหมดและต้องเริ่มแก้ไขใหม่อีกครั้งตั้งแต่ต้น ซึ่งจงอินก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
ระหว่างที่ทำงาน...คนเป็นลูกพี่ก็โดนลูกน้องแซวไม่เลิกเรื่องที่อุ้มคนแปลกหน้าเข้าไปนอนในบ้าน แต่จงอินก็ไม่ได้ตอบคำถามว่าคนที่เขาอุ้มมาเป็นใครหรือสนใจเสียงแซวอะไรนั่น เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศให้ใครต่อใครรู้ว่าน้องปลาเป็นอะไรกับเขา และถึงแม้จะเป็นลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานาน แต่จงอินก็ไม่ได้สนิทจนถึงขนาดจะต้องมารู้เรื่องส่วนตัว
หลังจากทำงานทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว จงอินก็เดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวเข้านอน แต่ในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันได เขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของคนคนหนึ่งดังออกมาจากในห้องนอนของตัวเอง แต่ชื่อที่ถูกเรียกนั้น...มันไม่มีอยู่ในบ้านหลังนี้ และเสียงที่ยังคงขานชื่อใครบางคนไม่หยุดก็เป็นเสียงของน้องปลา จงอินไม่รู้ว่าเด็กน้อยตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือตะโกนเรียกชื่อนั้นนานเท่าใด
"พี่คริสจ๋า พี่คริสจ๋า พี่คริสจ๋าอยู่ไหน” เป็นคนหนีเจ้าชื่อนี้มาเองแท้ๆ แต่น้องปลาก็ยังร้องหาแต่คริสเสมอเมื่อรู้สึกขาดที่พึ่ง
จงอินรีบวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วและเปิดประตูห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าน้องปลาตื่นขึ้นมาทำไม ขาวยาวสมส่วนเดินฝ่าความมืดเข้าไปด้วยความเคยชินเพราะไม่อยากเปิดไฟจนมันสว่างไปทั้งห้อง เนื่องจากแสงสว่างที่มากเกินไปอาจทำให้น้องปลาตกใจที่ต้องตื่นมาพบกับห้องที่ไม่คุ้นเคย จงอินจึงเดินไปเตียงพร้อมกับเปิดโคมไฟดวงเล็กที่อยู่ด้านข้างแทน
“ไงครับน้องปลา ตื่นมาทำไม อยากกลับไปหาพี่คริสหรือเปล่า หื้ม” เด็กน้อยรู้ตัวดีว่ากำลังเสียฟอร์ม เพราะอุตส่าห์ทำใจกล้าหนีออกมานอนค้างกับจงอินที่นี่ แต่กลับตื่นมาร้องหาแต่คนเป็นพี่เขย
“หนูอยากเข้าห้องน้ำ ตะ...แต่ไม่รู้จะเรียกใคร แล้วห้องก็มืดด้วยฮะ” จงอินก็เข้าใจเช่นกันว่ามันเป็นความเคยชินของน้อง และที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของน้องปลา จะให้น้องเดินไปไหนมาไหนด้วยตัวเองก็คงไม่ใช่ที่ เด็กน้อยจึงเอาแต่เรียกหาคนที่คุ้นเคย
“แล้วอยากกลับบ้านมั้ยครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” กลัวว่าน้องปลาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ จงอินจึงอาสาจะพาน้องไปส่งที่บ้านอีกครั้ง
“ไม่!! ที่บ้านไม่มีใครรักหนูแล้ว พี่อี้กับพ่อก็ไม่อยู่”
ไม่อยากอธิบายอะไรให้น้องปลาฟังในตอนนี้เพราะมันดึกมากแล้ว และอารมณ์ของน้องก็ยังไม่พร้อมที่จะรับฟัง จงอินจึงพาเด็กน้อยไปเข้าห้องน้ำ พร้อมกับยืนรออยู่หน้าห้องเพื่อจะพาน้องกลับมานอนอีกครั้ง มือหนาห่มผ้าให้น้องเสร็จสรรพเมื่อทำธุระในห้องน้ำเรียบร้อย แต่ในขณะที่กำลังจะลุกออกไปจากเตียงกว้าง คนเป็นเจ้าของห้องก็ถูกเสียงหวานๆของน้องปลาเรียกไว้เสียก่อน
“พี่จงอินจะไปไหนฮะ อย่าทิ้งน้องปลาไว้คนเดียวสิ” รู้สึกใจอ่อนกับคำว่า อย่าทิ้ง ของเด็กน้อยจนคนถูกเรียกต้องนั่งลงบนเตียงอีกครั้งเพื่ออธิบายเหตุผล
“พี่จะไปอาบน้ำครับ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า เดี๋ยวพี่ตื่นสายแล้วโดนลูกค้าว่าเอานะครับ”
“งานอะไรเหรอฮะ...ให้หนูไปด้วยได้ไหม หนูไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว” แค่เสียงใสออดอ้อนก็ทำให้คนฟังใจอ่อนจะแย่อยู่แล้ว แต่ตอนนี้น้องปลากลับเอาศีรษะที่นอนอยู่บนหมอนในตอนแรก เปลี่ยนเป็นมานอนบนตักของจงอินและกอดเอวหนาเอาไว้ ซึ่งเจ้าตัวมักจะทำแบบนี้เสมอเวลาอยู่กับคุณพ่อ
“ไปติดตั้งตู้ปลาให้ลูกค้าครับ แล้วก็เอาเพื่อนๆจากร้านของน้องปลาไปใส่ไว้ในนั้นด้วย”
“จริงเหรอฮะ...เพื่อนๆของหนูจะมีบ้านใหม่หลังใหญ่ๆใช่ไหมฮะ!!?” เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของตักและกอดเอวหนาแน่นขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่จงอินพูดเมื่อครู่
“แต่ถ้าน้องปลาจะไปด้วยก็ห้ามซน ห้ามดื้อนะครับ เดี๋ยวพี่โดนลูกค้าว่า” อยากจบการสนทนาให้เร็วกว่านี้ เพราะการกระทำของน้องปลามันกำลังทำให้จงอินเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ
“ฮะ...หนูสัญญาว่าจะไม่ดื้อ พี่จงอินให้หนูไปด้วยนะ” กิริยาท่าทางของน้องปลาทำให้จงอินรู้สึกอยากฟัดเด็กตรงหน้าให้จมเตียง แต่ติดตรงคำพูดของรุ่นพี่คนสนิทที่มันลอยเข้ามาในหูและเขาก็ยังไม่อยากโดนเตะไส้แตกตอนนี้ด้วย
“ถ้าอยากไปก็รีบนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะครับ” อยากเปลี่ยนใจและยอมโดนเตะสักครั้งเพราะหลังจากที่พูดจบ น้องปลาก็ลุกขึ้นจากตักและจูบกู๊ดไนท์ไปสันกรามอย่างรวดเร็ว พร้อมนอนหลับตาเหมือนกับจะให้มันถึงพรุ่งนี้เช้าไวๆเสียอย่างนั้น
กว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่งกว่า เนื่องจากการกระทำของน้องปลาทำให้คนถูกจูบต้องเสียเวลาไปกับการขัดฉลามเพชฌฆาตของตัวเองอยู่นานในห้องน้ำ และเขาก็ยังไม่รู้ชะตากรรมเลยว่าพรุ่งนี้จะตื่นทันเพื่อไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้าหรือไม่ เพราะตอนเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อจะเตรียมตัวไปนอนที่โซฟา แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นเด็กน้อยนอนเสื้อเปิดไปถึงไหนต่อไหนอยู่บนเตียงของเขา และจากที่เคยสงสัยว่ารูปร่างของน้องปลาจะสวยแค่ไหน คืนนี้จงอินก็ได้คำตอบนั้นแล้ว และก็หวังว่าตัวเองจะไม่ตื่นมากลางดึกเพื่อขัดฉลามเพชฌฆาตอีกเป็นครั้งที่สอง
แต่........
...
...
...
"ซี้ดดด....น้องปลาาา อ่าห์"
(มันก็อดไม่ไหวจริงๆ.....)
06.00 น.
“มอร์นิ่งครับลูกพี่...แหมๆ ๆ หน้าตาเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม จัดไปกี่ยกล่ะเมื่อคืน” คนเป็นลูกพี่โดนแซวแต่เช้าขณะที่นั่งทานอาหารอยู่ในห้องครัว
“เช็คของดูอีกรอบด้วยนะว่าครบหรือเปล่า” ไม่สนคำเอ่ยหยอกและเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเพราะตอนนี้น้องปลาก็นั่งทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน
แต่..........
“สวัสดีครับเมียลูกพี่ เมื่อคืนหลับสบายไหมครับ??” จงอินไม่เคยด่าลูกน้องต่อหน้าคนอื่น แต่สงสัยงานนี้คงต้องลองดูสักทีเผื่อลูกน้องจะได้เลิกแซว และกลับไปทำงานตามที่สั่ง
“สบายฮะ...พี่จงอินของหนูใจดีที่สุด” คนถูกถาม...ตอบโดยไม่ได้สนใจความหมายที่ลูกน้องของหนุ่มผิวเข้มพูดเลยสักนิด และนั่นก็ทำให้จงอินจำเป็นต้องไล่ลูกน้องออกไปให้พ้นๆจากห้องครัวก่อนที่น้องปลาจะโดนแซวไปมากกว่านี้
“มึงจะไปได้หรือยัง...หรืออยากถูกไล่ออก” ไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุดันเลยสักนิด แต่สายตาคมที่กำลังจ้องมองกลับทำให้ลูกน้องเริ่มเข้าใจแล้วว่าควรออกไปทำงานตามคำสั่งเสียที
“เมีย! เมีย! เมีย! หนูเป็นเมียพี่จงอิน” ข้าวที่ตักเข้าปากไปเมื่อครู่...กระเด็นออกมาจนหมดเมื่อจงอินได้ยินสิ่งที่น้องปลาเอ่ยเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
“น้องปลาห้ามพูดแบบนี้ที่ไหนเด็ดขาดเลยนะครับ มันไม่ดี แล้วรู้ไหมว่าเมียคืออะไร” ทั้งปรามและถามน้องปลาไปในคราวเดียวกัน เพราะจงอินไม่อยากให้เด็กน้อยไปพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น ยิ่งถ้าคนคนนั้นเป็นคริส ความอันตรายต่อการพูดคำนั้นย่อมมีความเสี่ยงต่อชีวิตของเขา
“รู้สิฮะ...ก็เหมือนพี่คริสจ๋ากับพี่อี้ไง คนที่นอนด้วยกันก็ต้องเป็นผัวเมียกันสิฮะ แต่...อืมมม? หนูกับพี่จงอินยังไม่ได้แต่งงานกันเลยหนิฮะ แล้วแบบนี้จะเรียกว่า เมีย ได้หรือเปล่า?” ตอนแรกก็กลุ้มใจเรื่องการติดตั้งตู้ปลาเพราะครั้งนี้พ่อของเขาไม่ได้ไปด้วยเหมือนเช่นทุกครั้งเนื่องจากท่านไปต่างประเทศ แต่ตอนนี้จงอินกำลังกลุ้มใจเรื่องของน้องปลามากกว่า
จงอินรีบเปลี่ยนประเด็นในเรื่องผัวๆเมียๆ...และรีบทานอาหารเช้าให้เสร็จโดยเร็วเพราะมันใกล้จะถึงเวลาที่เขาและพรรคพวกต้องเดินทางไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้า ทีมงานรอบนี้มีจงอิน ชานยอล แบคฮยอนและลูกน้องอีก 5 คน รวมน้องปลาด้วยทั้งหมดก็ 9 คนสำหรับการติดตั้งตู้ปลาในรอบนี้ ถ้าพ่อของเขาไปด้วยจงอินคงไม่ต้องขนลูกน้องไปมากมายถึงขนาดนี้ เพราะพ่อเพียงคนเดียวก็เท่ากับลูกน้องถึงสามคน
ตอนแรกน้องปลาจะสะพายกระเป๋าปลาโลมาใบโปรดไปทำงานกับเขาด้วย แต่ก็ถูกจงอินห้ามไว้เนื่องจากการติดตั้งตู้ปลามันเป็นเรื่องที่อันตรายเกินกว่าจะเอาชีวิตของน้องไปเสี่ยง และเขาไม่อยากให้เอาของอย่างอื่นไปปะปนกับวัสดุที่ต้องใช้ในการติดตั้งเพราะมันอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ และน้องปลาก็ไม่ดื้อกับเขาเหมือนที่ได้สัญญากันเอาไว้เมื่อคืนและรีบเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บไว้บนห้องตามเดิม
เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ที่จะมาติดตั้งตู้ปลา...จงอินก็สั่งลูกน้องให้ยกของลงมาจากรถให้หมด และเปลี่ยนจากการขับรถยนต์มาเป็นการขับรถโฟคลิฟต่ออีกทีเพื่อย้ายสิ่งของที่หนักมากๆอย่างเช่นตู้กระจกอะคริลิก เครื่องบำบัดน้ำเสีย และอุกปกรณ์ที่จะเอาไปตกแต่งตู้ปลา ส่วนชานยอลกับแบคฮยอนก็พาน้องปลาไปนั่งรออยู่ที่โซฟา เด็กน้อยดูจงอินประกอบบ้านปลาหลังใหญ่ด้วยสีหน้าที่ลุ้นไปตลอดว่าบ้านหลังนี้จะสวยสักแค่ไหน และจะมีปลาอยู่ในนั้นทั้งหมดกี่ตัว
น้องปลาเดินวนไปรอบๆตู้กระจก...และถามจงอินว่าอันนั้นมีไว้ทำอะไร อันนี้จะเอามาใส่ตรงไหน ซึ่งคำถามที่น้องกำลังพูดไม่หยุดอยู่ตอนนี้ จงอินก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะน้องไม่ได้ซน แถมเรียกให้ช่วยหรือให้ทำสิ่งใดน้องก็รีบช่วยโดยไม่บ่นเลยสักคำ แต่ 3 ชั่วโมงต่อมา...น้องปลากลับเริ่มหงุดหงิดเพราะบ้านปลาหลังใหญ่ที่มีน้ำอยู่เต็มตู้และมีปะการังกับหินหลากสีตกแต่งอยู่อย่างสวยงาม แต่เหลือเพียงปลาเท่านั้นที่จงอินยังไม่ยอมเอามาใส่ตู้สักที
“พี่จงอิน...เมื่อไหร่จะเอาปลามาใส่ตู้ล่ะฮะ เดี๋ยวปลาก็ตายพอดี” เด็กน้อยหน้ามุ้ยเนื่องจากคำถามพวกนี้เขาได้ถามจงอินไปหลายรอบแล้ว แต่หนุ่มผิวเข้มก็ยังทำเฉย และที่น้องปลาเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าปลาที่ร้านของเขาถ้ามันถูกแพ็คอยู่ในกล่องนานๆมันอาจทำให้ปลาป่วยแล้วตายในที่สุด
“คราวนี้เข้าใจหรือยังครับว่าทำไมพี่คริสถึงตีน้องปลา” คนถูกถามเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย เนื่องจากไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ยเมื่อครู่ และคิดว่าเรื่องการเอาปลาใส่ตู้มันไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่พี่เขยตีเขาเมื่อวาน
จงอินสั่งให้ลูกน้องไปเอาปลาที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วตั้งแต่เมื่อคืนเข้ามายังบริเวณที่ติดตั้ง เพราะเขาจะให้น้องเป็นคนใส่ปลาลงไปในบ้านหลังใหญ่ที่เพิ่งประกอบเสร็จด้วยตัวของน้องเอง พร้อมกับอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงยังไม่ยอมใส่ปลาลงไปในตู้สักทีจนทำให้น้องปลาโกรธ...รวมถึงเรื่องของคริสด้วย
“น้องปลาโกรธเรื่องที่พี่ไม่ยอมเอาเพื่อนของหนูใส่ตู้ใช่ไหมครับ?” เด็กน้อยยังคงหน้าบึ่ง แต่จงอินก็ถามออกไปอย่างใจเย็นและไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดที่น้องเอาแต่ใจตัวเอง
“ใช่ฮะ...ก็หนูกลัวปลามันป่วย แล้วถ้ามันตายจะทำยังไง พี่จงอินไม่ยอมฟังหนูเลย” บึนปากใส่จงอินอีกครั้ง และหันหลังให้เพราะโดนขัดใจมานาน
“พี่คริสก็กลัวน้องปลาจะป่วยเหมือนกัน เมื่อวานพี่คริสไปตามน้องปลาให้ขึ้นมาจากบ่อกี่ครั้ง หนูก็ไม่ขึ้นมาสักที แล้วถ้าหนูป่วย พี่คริสก็จะโดนคุณพ่อทำโทษ หนูอยากให้พี่คริสโดนทำโทษหรือเปล่าครับ...แล้วก็หันหน้ามาคุยกับพี่ด้วย”
“ไม่อยากฮะ” คนถูกตักเตือนรีบหันหน้ากลับมาพร้อมกับส่ายหัว แถมยังอมลมไว้จนแก้มป่อง
“แล้วพี่คริสก็ไม่ได้ตั้งใจจะตีน้องปลาด้วย พี่คริสเล่าให้พี่ฟัง...ว่าจะตีไม้ลงไปที่บ่อ แต่หนูยกแขนขึ้นมาพอดี ไม้มันเลยไปโดนแขนของหนู พี่คริสเสียใจมาก...ที่ทำให้น้องปลาเจ็บ แล้วพี่คริสก็ร้องไห้ด้วยนะรู้หรือเปล่า” แต่งเรื่องเพิ่มเติมเพื่ออรรถรสในความน่าสงสาร ซึ่งจริงๆแล้วคริสไม่ได้ร้องไห้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เรื่องที่คริสเสียใจที่ทำให้น้องปลาต้องมาเจ็บตัวคือเรื่องจริงทั้งหมด
“ฮึกก!!! พี่คริสจ๋าจะโกรธหนูมั้ยฮะพี่จงอิน ฮึกก!” น้ำตาไหลพรากเมื่อรู้ความจริงทั้งหมด และน้องปลาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เขาต่างหากที่เป็นคนผิด
“ไม่โกรธครับ...พี่คริสรักน้องปลามากๆ พี่คริสโทรมาถามพี่ตลอดเลย ว่าน้องปลากินข้าวหรือยัง น้องปลาอาบน้ำหรือยังแล้วพี่คริสก็สั่งไว้อีกว่าห้ามให้น้องปลานอนดึก” ยิ่งได้ยินสิ่งที่จงอินกล่าว...น้ำตาก็ไหลแรงยิ่งว่าฤดูน้ำหลากในหน้าฝนเสียอีก
“ฮืออออ...ออออ!!! หนูจะกลับบ้าน หนูจะไปหาพี่คริสจ๋า” ดีใจที่ทำให้น้องปลาทราบถึงการกระทำของพี่เขย และรู้ว่าความดื้อรั้นกับความซุกซนของตัวเองมันมีผลต่อความเป็นห่วงของใครบ้าง
“ยังกลับไม่ได้ครับ เพื่อนๆยังไม่ได้เข้าบ้านเลย น้องปลาต้องอยู่ช่วยงานพี่ให้เสร็จก่อน ส่วนพี่คริสจะมารับน้องปลาพรุ่งนี้เช้า แล้วเลยไปรับพี่อี้ชิงกับคุณพ่อที่สนามบินด้วยกัน” รุ่นพี่คนสนิทเพิ่งโทรมาบอกเมื่อเช้าว่าจะมารับน้องเมียในวันพรุ่งนี้พร้อมกับเดินทางไปรับเมียกับพ่อตาต่อที่สนามบิน จงอินจึงรีบหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นพูดเพื่อเบี่ยงความสนใจและเพื่อให้น้องหยุดร้องไห้...ซึ่งมันก็ได้ผล
“เย้ ๆ ๆ ๆ หนูรักพี่คริสจ๋า หนูรักพี่จงอิน เย้ ๆ ๆ “ มือบางรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า แล้วโผเข้าไปกอดคอจงอินเพราะดีใจที่พี่เขยยังรักเขาเหมือนเดิม แถมจะได้ไปรับอี้ชิงกับพ่อที่สนามบินอีกด้วย
จงอินกอดตอบด้วยความรู้สึกที่อยากจะปลอบใจคนในอ้อมออก...และไม่ได้คิดอกุศลเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา น้องปลาอาจดื้อบ้างไปตามวัย แต่การใช้ไม้แข็งเพื่อปราบเด็กดื้อก็อาจจะใช้ไม่ได้ผลเสมอไป และไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่มันก็ต้องใช้การพูดคุยด้วยเหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์กันทั้งนั้น ยิ่งเป็นคนที่เรารักด้วยแล้วก็ยิ่งต้องถนอมน้ำใจและถนอมคำพูดดีๆเอาไว้ให้มากที่สุด
"Lion Fish ลงไปเลย"
"Angel Fish กำลังตามมาแล้วค้าบบบบ"
"Blue Tang บุ๋ย บุ๋ย บุ๋ย"
"Trigger Fish บ๊ายย บายย"
เสียงของเด็กน้อยที่เรียกชื่อสัตว์น้ำตามที่ตัวเองปล่อยลงไปในตู้ตัวด้วยเองอย่างสนุกสนาน มันกำลังทำให้คนที่สร้างบ้านปลาหลังนี้อยู่นานหลายชั่วโมงรู้สึกหายเหนื่อย และมีความสุขไปกับร้อยยิ้มที่เขากำลังยืนมองอยู่ในตอนนี้
ทีมงานทุกคนต่างหลงในความน่ารักของน้องปลาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเฉพาะกับแบคฮยอนด้วยแล้ว อะไรๆก็เข้าข้างน้องปลาไปหมด ไม่ว่าเด็กคนนี้จะทำสิ่งใด จะไปที่ไหนหรืออยากกินอะไร แบคฮยอนก็ตามใจทุกอย่าง และตอนนี้บนโต๊ะอาหารมื้อค่ำก็มีกุ้งเผาจานโตวางอยู่มากมายเพราะน้องปลาบอกว่าอยากกิน แม่ครัวประจำบริษัทบ้านปลาอย่างแบคฮยอนก็เลยจัดให้ ขนาดคนเป็นสามีบ่นว่าอยากกินนั่นกินนี่อยู่หลายครั้งหลายอย่าง แต่แบคฮยอนก็ยังเมิน
หลังจากที่ติดตั้งตู้ปลาเสร็จเรียบร้อย...จงอินและลูกน้องต่างช่วยกันเก็บอุปกรณ์ต่างๆขึ้นรถ ส่วนชานยอลกับแบคฮยอนเดินทางกลับมาที่บ้านมาก่อนและแวะไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อของสดแล้วเตรียมจัดโต๊ะอาหาร ทุกครั้งที่บริษัทของจงอินทำงานเสร็จสิ้น พวกเขาจะกลับมาทำอาหารเลี้ยงทีมงานทุกครั้ง เพราะลูกน้องทุกคนก็เหนื่อยมาหลายวันกับการเตรียมงานเพื่อติดตั้งตู้ปลาในแต่ละออร์เดอร์
“กุ้ง กุ้ง กุ้ง กุ้ง กุ้ง!!!” เสียงใสแจ๋วของน้องปลาดังไปทั่วโต๊ะอาหาร และทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็พากันแกะกุ้งให้เด็กน้อยจนเต็มจาน
“อิ่มหรือยังครับน้องปลา พี่คริสสั่งว่าห้ามนอนดึกนะครับ” รีบตัดบทโดยการเอ่ยชื่อรุ่นพี่คนสนิทมาอ้าง เพราะตอนนี้ทุกคนต่างเอาใจน้องปลากันจนวุ่นวายไปหมด
“อิ่มแล้วฮะพี่จงอิน” เมื่อเสียงของน้องปลาสิ้นสุดลง ทุกคนที่นั่งรายล้อมกันอยู่ที่โต๊ะอาหารต่างพากันโวยวายใส่จงอินเป็นการใหญ่เพราะทุกคนยังไม่อยากให้น้องปลาไปนอนตอนนี้
หนุ่มผิวเข้มไม่สนใจเสียงโวยวาย...แถมยังจูงมือเด็กน้อยเดินขึ้นมาบนห้องทันที เมื่อเดินเข้ามาในห้องจงอินก็สั่งให้น้องปลาไปอาบน้ำและออกมาจัดกระเป๋าเอาไว้ก่อนที่ตัวเองจะเข้านอนเพื่อเตรียมตัวรอคริสมารับกลับบ้านในเช้าวันพรุ่งนี้ น้องปลาทำตามที่จงอินบอกทุกอย่างและรีบปีนขึ้นเตียงล้มตัวลงนอนทันทีเมื่อจัดของเสร็จ เด็กน้อยอยากให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเร็วๆเพราะจะได้เจอพี่เขยและทุกคนในบ้านเสียที
แต่......
พยายามหลับตาอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับจริงๆจนต้องลืมตาขึ้นมาในความมืดอีกครั้ง กายน้อยๆนอนพลิกซ้ายพลิกขวาเหมือนตัวเองเป็นกุ้งเผาที่ถูกย่างอยู่บนเตาเมื่อตอนมื้อค่ำ ส่วนเจ้าของห้องที่นอนอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามก็ได้ยินเสียงสะบัดผ้าห่มไปมา แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะคิดว่าน้องปลาคงนอนดิ้น แต่สักพัก...เขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองดังขึ้น
“พี่จงอินฮะ พี่จงอินหลับหรือยัง?” เรียกด้วยเสียงที่เบาจนเหมือนกระซิบ เพราะไม่รู้ว่าจงอินหลับแล้วหรือยัง
“มีอะไรครับน้องปลา...ทำไมยังไม่นอนอีกครับ ปวดท้องหรือเปล่า หื้ม?” เดินมาหาน้องปลาที่เตียงและเปิดโคมไฟดวงเล็กเหมือนเดิมเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น จงอินคิดว่าน้องอาจปวดท้องเพราะเจ้าตัวกินกุ้งไปเยอะอยู่พอสมควร
“หนูนอนไม่หลับฮะ พี่จงอินมานอนกับหนูหน่อย” งานเข้าอีกครั้งเพราะเมื่อคืนก่อนเพียงแค่เห็นน้องปลานอนเสื้อเปิดจนถึงหน้าอก ความคิดด้านมืดก็แล่นเข้ามาในหัวสมองเต็มไปหมด แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมน้องปลาถึงต้องเรียกให้มานอนด้วยกัน
“ทำไมนอนไม่หลับล่ะครับ น้องปลาไม่สบายหรือเปล่า” มือหนาแตะไปที่หน้าผากของน้องเพื่อวัดไข้ แต่....
“เปล่าฮะ...หนูแค่นอนไม่หลับเฉยๆ” จับมือที่วางอยู่บนหน้าผากของตัวเองออก และดึงร่างของหนุ่มผิวเข้มให้ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน
รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเพราะน้องปลาไม่เพียงแค่ดึงมือของหนุ่มผิวเข้มให้ขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น แต่เจ้าตัวยังปีนขึ้นมานอนทับอยู่บนอกกว้าง ตอนนี้จงอินนอนตัวแข็งเป็นท่อนไม้เพราะไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ยังไงดี และฉลามเพชฌฆาตก็กำลังจะแข็งพอๆกับตัวเจ้าของที่นอนแข็งไปก่อนหน้านั้น
“พี่จงอินเป็นอะไรเหรอฮะ หนูกวนพี่จงอินหรือเปล่า” อยากตอบไปตรงๆว่ากวนมาก เพราะการที่น้องปลานอนทับอยู่บนตัวของเขาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาคุยในระยะอันตรายแบบนี้มันทำให้หัวใจของจงอินเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก
“ทำไมน้องปลานอนแบบนี้ละครับ” ไม่ได้รู้สึกเมื่อยหรือรำคาญ แต่ความคิดด้านมืดเริ่มกลับมาทักทายจงอินอีกครั้ง
“เวลาหนูนอนไม่หลับ หนูจะไปหาพ่อที่ห้องแล้วก็นอนแบบนี้ทุกครั้ง แล้วพ่อก็จะลูบหลังให้จนกว่าหนูจะหลับ พี่จงอินลูบหลังให้หนูหน่อยสิฮะ” ความลำบากใจกำลังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะเจ้าของผิวเนียนขาวกำลังอนุญาตให้เขาได้สัมผัส
“แล้วเวลาที่อยู่กับพี่คริสสองคน น้องปลานอนกับพี่คริสแบบนี้ด้วยหรือเปล่า หื้ม?” ถามออกไปทั้งๆที่ก็รู้คำตอบเพราะขนาดตอนที่น้องปลาเจ็บมือ คริสยังเคยอาบน้ำให้น้องมาแล้ว นับประสาอะไรกับแค่เรื่องการหลับนอน
“ไม่ฮะ หนูไม่เคยนอนกับพี่คริสจ๋าเลย เวลาที่พี่อี้กับพ่อไม่อยู่บ้าน พี่คริสจ๋าจะไปนอนที่โกดังเก็บปลา แล้วอีกอย่างนะฮะ...หนูไม่อยากไปนอนกับพี่คริสจ๋าด้วยฮะ พี่อี้บ่นให้หนูฟังตลอดเลยว่าพี่คริสจ๋านอนกรนเสียงดังยังกับเรือหาปลา” เด็กน้อยทำเสียงกรน ครืด ครืด เลียนแบบเสียงกรนของคริสให้ฟังจนจงอินอดที่จะขำไปกับเสียงนั้นไม่ได้
รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินน้องปลาพูดแบบนั้น เพราะสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ในตอนแรกมันผิดไปจากคำตอบที่ได้รับ จงอินก็ไม่อยากเชื่อว่าน้องปลาจะไม่เคยนอนกับคริส เพราะขนาดตอนที่เจ้าตัวเจ็บมือ คริสยังอาบน้ำแต่งตัวให้จนน้องหายดี แต่ตอนนี้...เมื่อน้องปลาได้มานอนอยู่กับเขา นั่นจึงทำให้จงอินรู้สึกว่าตัวเองได้รับสิทธิ์ในการกล่อมเด็กน้อยเหมือนอย่างที่คุณพ่อของน้องปลาเคยทำ
จงอินรู้สึกผ่อนคลาย...และเลิกนอนตัวแข็งเป็นท่อนไม้เพราะมันรู้สึกมีความสุขที่สุด น้องปลาเริ่มไว้ใจเขามากขึ้นและยอมเปิดใจคุยเรื่องต่างๆมากมายในขณะที่อยู่ด้วยกันมา 2 คืนกับอีก 1 วันเต็มๆ แถมคนในอ้อมอกตอนนี้ก็ยังเข้ากับคนในครอบครัวของเขาได้เป็นอย่างดีและเป็นที่รักของทุกคนทั้งๆที่พวกเขาก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า แต่น้องปลากลับไม่รู้สึกกลัวหรือหวาดระแวงเลยสักนิด มือหนาลูบหลังให้เด็กน้อยจนหลับไปพร้อมๆกันอย่างมีความสุขโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปขัดฉลามเพชฌฆาตของตัวเองในห้องน้ำเลยแม้แต่ครั้งเดียว
บริษัท บ้านปลา
07.00 น.
“ไอ้ดำ...มึงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!”
เป็นเช้าอันแสนเจ็บปวดของคนเป็นเจ้าของห้องเมื่อคริสมารับน้องเมียกลับบ้านก่อนเวลาที่ได้นัดเอาไว้ เวลาที่นัดไว้คือ 9 โมงแต่ตอนนี้มันเพิ่งจะ 7 โมง แล้วคริสมาทำไมตั้งแต่เช้า จงอินยังไม่เข้าใจเหตุผล แถมตอนนี้ก็รู้สึกเจ็บหนังหัวไปหมดเพราะถูกมือใหญ่ๆกระชากด้วยความแรงเมื่อเห็นภาพบาดตาระหว่างเขากับน้องปลาบนเตียง
คริสเดินทางมาที่บ้านของจงอินแต่เช้าเพราะเที่ยวบินของอี้ชิงกับคุณพ่อมันเลื่อนเข้ามาเร็วกว่ากำหนด และถ้าคริสมารับน้องปลาช้ากว่านี้ เขาอาจโดนพ่อตาเพิ่มโทษอีกครั้งเพราะคดีเก่าก็ยังไม่หมดอายุความ ซึ่งคริสก็ยังไม่อยากรับโทษเพิ่มอีกแล้ว และเมื่อถูกเชื้อเชิญให้เข้ามาในบ้านโดยมีภรรยาของรุ่นน้องตัวโย่งให้ความช่วยเหลือ คริสก็รีบเดินเข้ามาให้ห้องนอนของจงอินทันทีและได้มาพบกับภาพที่ทำให้เขาต้องอารมณ์เสียแต่เช้าตรู่
ภาพที่เห็นคือ...จงอินนอนกอดน้องปลาจนแทบจมหายเข้าไปในอ้อมอก และน้องปลาก็ยังไปนอนให้มันกอดอย่างหน้าตาเฉย ดีเท่าไหร่แล้ว...ที่คริสเห็นแค่นั้นเพราะถ้าเช้านี้ทั้งสองคนไม่มีเสื้อผ้าใส่ติดกายเลยสักชิ้น มีหวังจงอินโดนกระทืบตายคาบ้านแน่ๆ ขาวยาวของคนเป็นพี่เขยรีบเดินไปที่เตียงนอนทันทีแล้วจิกหัวรุ่นน้องผิวเข้มขึ้นมา จากนั้นก็เหวี่ยงลงไปกองอยู่กับพื้นโดยที่เจ้าของห้องก็ยังไม่ได้ทันได้ตั้งสติอะไรเลยด้วยซ้ำ
จงอินรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งกระโหลก...หัวของเขามันถูกกระชากเหมือนในหนังสยองขวัญไม่มีผิด แถมยังถูกเหวี่ยงจนกระเด็นไปนอนกองอยู่ที่หน้าห้องน้ำ และคริสก็ไม่สนใจเสียงร้องอันแสนเจ็บปวดของรุ่นน้องเลยสักนิดเพราะตอนนี้เขาสนใจแต่น้องปลาที่ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง
“น้องปลาครับตื่นได้แล้ว พี่คริสจ๋ามารับแล้วนะครับ” ดึงผ้าห่มผืนโตออกจากตัวเด็กน้อยและแตะมือลงไปบนก้นของน้องปลาเบาๆเพื่อเป็นการปลุก
“งืออ...พี่คริสจ๋ามารับหนูแล้วเหรอ หนูคิดถึงพี่คริสจ๋าที่สุดเลยฮะ” งัวเงียตื่นขึ้นมาบ่นงึมงำด้วยความง่วงนอน เพราะปกติเจ้าตัวจะตื่น 9 โมงเสมอ และนี่มันเพิ่ง 7 โมง ซึ่งก็ถือว่าเช้ามากสำหรับน้องปลา
“ครับบบ...พี่มารับแล้วครับ เราไปหาพี่อี้กับพ่อที่สนามบินด้วยกันนะครับ” คริสอุ้มน้องปลาเข้าสู้อ้อมอกพร้อมหยิบกระเป๋าปลาโลมาคู่ใจของน้องสะพายขึ้นบ่าไปด้วย แล้วเดินออกมาจากห้องของจงอินทันทีโดยที่ไม่มีคำกล่าวลา
คนเป็นพี่เขยอุ้มน้องเมียเดินมาถึงรถก็เปิดประตูและวางน้องลงอย่างเบามือพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จสรรพ คริสรู้ว่าน้องปลาหายโกรธเขาแล้ว เพราะในระหว่างที่จงอินรอน้องปลาอาบน้ำเมื่อคืน เขาก็ได้ฟังเรื่องราวต่างๆมากมายที่ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น แต่สำหรับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้าสดๆร้อนๆ...คริสถือว่ามันเป็นคดีที่ร้ายแรงเกินกว่าจะมาหักล้างกับความดีที่จงอินได้ทำไว้ก่อนหน้านั้น
“เฮียยยย...ให้น้องปลามาที่นี่บ่อยๆได้ปะ เมียผมชอบ แล้วบ้านก็ไม่เหงาด้วย” คนที่เพิ่งกลับมาจากการซื้อโจ๊กให้ภรรยาเห็นคริสกำลังจะออกรถ เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปทักทาย
“บ้านมึงไม่เหงาแต่กูเหงา แล้วน้องกูไม่ใช่ของสาธารณะที่ใครจะยืมตัวไปนั่นมานี่” แค่น้องปลาไม่อยู่บ้านเพียงสองวัน พี่เขยอย่างคริสก็รู้สึกเหงาเพราะบ้านมันเงียบไปหมด เขาคิดถึงเสียงแจ๋วๆที่เรียกเขาทั้งวันว่าพี่คริสจ๋าอย่างนั้นพี่คริสจ๋าอย่างนี้
“โหยยยย...เฮีย แค่นี้ทำเป็นหวงไปได้” พูดตัดพ้อโดยไม่ได้มองหน้ารุ่นพี่เลยสักนิดว่าอยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นด้วยหรือไม่
"งั้นกูยืมเมียมึงไปเล่นที่บ้านบ้างได้ไหม ช่วงนี้เมียกูไม่ค่อยอยู่บ้านซะด้วย ห้องนอนกูแม่งเงียบยังกับป่าช้า" พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมยิ้มมุมปากก่อนจะเหยียบคันเร่งแล้วขับรถออกไปจากรั้วของบริษัทรุ่นน้อง
ชานยอลรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันทีเมื่อคริสพูดจบ...และคิดว่าตัวเองไม่ควรจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรือไปล้อเล่นกับน้องเมียอันเป็นที่รักของรุ่นพี่ แถมอาจถูกเมียด่าอีกรอบเนื่องจากแบคฮยอนใช้ให้ไปซื้อโจ๊กนานแล้ว แต่เขายังมัวแต่ยืนคุยกับคริสอยู่นานสองนานทั้งๆที่ก็รู้ว่าภรรยาหิวมากแค่ไหน
และ.......
...
...
...
...
...
“พี่ชานยอลลลลลลลลลลลลลลลลลลล"
สิ่งที่สามีคิดไว้....มันก็ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง!!!
100%
เรื่อง เพลงพกเมีย ของยุ้ยญาติเยอะนั้นนนน...เราต้องของอภัยจริงๆ
มันไม่มีเพลงไหนเข้ากับสถานการณ์ตอนนั้นได้เลย55555555
เอ็นดูน้องปลากันเยอะๆนะคะ
เราจะพยายามทำฟิคเรื่องนี้ให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ
ขอบคุณนักอ่านและผู้ติดตามทุกคนมากๆนะคะ
จุ้บ จุ้บ
#ฟิคน้องปลา
ความคิดเห็น