คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ปลาตัวที่ 6
ปลาตัวที่ 6
บริษัท มีปลา
08.40 น.
“น้องปลาตื่นได้แล้ว เดี๋ยวครูสอนพิเศษจะมาแล้วนะ” อี้ชิงตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารและเตรียมเปิดร้านตามปกติ แต่ที่วันนี้ต้องตื่นเช้ากว่าทุกวันก็เพราะต้องมาปลุกน้องชายตัวแสบให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว เนื่องจากน้องปลามีเรียนพิเศษกับคุณครูคนโปรด
“แบร่!!!!!” ตกใจจนสะดุ้งสุดตัว...เพราะในขณะที่กำลังจะเปิดผ้าห่มออกเพื่อปลุกน้องของตัวเอง น้องปลากลับโผล่ขึ้นมาจากผ้าห่มพร้อมส่งเสียงร้องออกมาเหมือนเล่นหลอกผี อีกทั้งชุดที่ใส่อยู่ก็ไม่ใช่ชุดนอนเสียด้วย อี้ชิงคิดว่าเมื่อคืนน้องปลาอาจไม่ได้อาบน้ำแล้วเผลอนอนหลับไปทั้งๆชุดอยู่บ้านแบบนี้ ส่วนขี้แกล้ง..ก็เอาแต่หัวเราะจนเสียงดังลั่นห้องเมื่อทำให้พี่ของตัวเองตกใจได้สำเร็จ
“เล่นบ้าอะไรเนี่ย...แล้วทำไมถึงใส่ชุดนี้นอน เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำเหรอ?” น้องปลายังนอนหัวเราะพร้อมกลิ้งตัวไปมาอยู่บนเตียงโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่พี่ชายพูดเลยสักนิดและไม่ตอบคำถามใดๆทั้งนั้น แถมยังแลบลิ้นปลิ้นตาทำทะเล้นเพราะรู้สึกสะใจที่แกล้งพี่ของตัวเองได้สำเร็จ แต่....
“โอ๊ยย!! หนูเจ็บนะ” หมั่นไส้คนที่ยังนอนหัวเราะไม่เลิกจนต้องลงมือหยิกก้นของเด็กขี้แกล้งไปหนึ่งที อี้ชิงคิดว่าจะมีสักวันไหมที่เขาไม่ต้องตื่นมารบกับน้องของตัวเองทุกวัน...ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนๆก็ตาม ทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียนและเรื่องภายในบ้าน อี้ชิงต้องรบกับน้องปลาทุกวันตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงตอนค่ำ
“ตกลงเมื่อคืนได้อาบน้ำหรือเปล่า แล้วทำไมถึงใส่ชุดนี้นอน?” ถามน้องปลาซ้ำอีกครั้งและถ้ายังไม่ได้คำตอบ น้องคงต้องโดนมากกว่าการหยิกก้นแน่ๆ และบทลงโทษของอี้ชิงที่ทำให้น้องปลาไม่กล้าดื้อกับเขาก็คือการพักบ่อปลาเพื่อนรักหลังบ้านเป็นเวลา 3 วันหรือจนกว่าคนเป็นพี่จะหายโกรธ
“หนูอาบน้ำแต่งตัวเสร็จตั้งนานแล่ว ไม่ได้นอนทั้งชุดนี้สักหน่อย พี่อี้ลืมแล้วเหรอว่าเย็นนี้พี่จงอินจะพาหนูไปเที่ยวงานประจำปีของหมู่บ้านคนญี่ปุ่น?” ไม่มีทางลืมแน่นอนเพราะน้องปลาขีดปฏิทินไว้ด้วยปากสีแดง แถมยังตั้งไว้บนหัวนอนและวาดรูปเด็กหน้ายิ้มไว้ตรงวันที่นั้นด้วย
“โธ่...ไอ้เด็กบ้าเห่อ พี่เค้ามารับตอนเย็นนู้นนน นี่เพิ่งจะเก้าโมงเอง” ก็รู้สึกดีใจกับความสุขที่ฉายอยู่บนใบหน้าคนเป็นน้อง เพราะตั้งแต่น้องปลารู้จักกับจงอิน เจ้าตัวก็เริ่มมีความรับผิดชอบมากขึ้น เข้าใจอะไรง่ายมากขึ้นและดื้อกับเขาน้อยลง(นิดหน่อย)
สิ่งแรกที่ชีวิตของน้องชายเปลี่ยนไป...ก็คือการมีเพื่อนใหม่และเล่นกับเจ้าพวกหางสวยในบ่อหลังบ้านน้อยลง ถึงแม้เพื่อนใหม่ที่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวของจงอินเท่านั้น แต่อี้ชิงก็ถือว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับน้องของตัวเองอยู่ดี เพราะตั้งแต่ที่เกิดเรื่องแย่ๆกับน้องเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เริ่มเข้าเรียนในชั้นมัธยมที่โรงเรียนแห่งหนึ่งแล้วโดนเพื่อนแกล้ง คริสก็สั่งห้ามน้องปลาไปโรงเรียนอีกเลยพร้อมกับจ้างครูพิเศษมาสอนที่บ้าน แล้วตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...น้องปลาก็ไม่มีเพื่อนอีกเลย แถมยังเริ่มกลัวคนแปลกหน้าและไม่ไว้ใจใครนอกจากคนในบ้าน แต่ตอนนี้เมื่อน้องปลาได้มาพบกับจงอิน เจ้าตัวจึงเริ่มมีเพื่อนใหม่และโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกนิดนึง (นิดนึงจริงๆนะ)
อี้ชิงยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกกังวลมาก...เพราะกลัวน้องปลาเสียใจที่ไม่ได้ไปเรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นๆหรือไม่มีมีเพื่อนเหมือนเช่นที่เคย ตัวอี้ชิงเอง...ก็เริ่มมีปากเสียงกับสามีบ่อยขึ้นในช่วงที่คริสสั่งห้ามน้องปลาไปโรงเรียน พี่ชายอย่างเขาคิดว่าการไปโรงเรียนแล้วโดนเพื่อนแกล้งมันก็เป็นเรื่องปกติและใครๆก็โดนแกล้งกันทั้งนั้น อีกทั้งน้องปลาก็โตมากแล้วและควรแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง
จนสุดท้าย...เมื่อได้รู้ความจริงบางอย่างที่น้องปลายอมเปิดปากพูด อี้ชิงก็เริ่มเห็นด้วยกับคริสขึ้นมาทันทีและไม่ให้น้องปลาไปโรงเรียนอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น แล้วความจริงที่น้องบอกกับเขาก็มีเพียงแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นที่รู้ เพราะถึงแม้น้องปลาจะรักคริสมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางรักมากไปกว่าพี่แท้ๆของตัวเองแน่นอน และเรื่องที่คริสรู้ว่าน้องปลาถูกแกล้งที่โรงเรียนมันก็เป็นความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
“ก็หนูตื่นเต้นหนิ พี่จงอินบอกว่าจะมีพลุให้ดู...แล้วมีดอกไม้ไฟให้เล่นด้วยนะ หนูยังไม่เคยเล่นเลยฮะ หนูอยากไป หนูอยากไป ๆ ๆ ๆ “ คนถูกหยิกก้น...ลุกขึ้นเท้าเอวพูดปากยื่นปากยาวอยู่บนเตียงพร้อมกับแสดงสีหน้าออกมาให้พี่ชายเห็นว่าเขารู้สึกตื่นเต้นมากแค่ไหนที่จะได้ไปเที่ยวกับจงอินในเย็นวันนี้
“ถ้าอยากไปขนาดนั้นก็อย่าดื้อ แล้วก็ไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวครูพิเศษก็นั่งมารออีก มันเสียมารยาทรู้ไหม?” อี้ชิงหมั่นไส้น้องของตัวเองที่ยืนพูดเสียงแจ๋วๆอยู่บนเตียง เขาเลยจัดการดึงผ้าห่มที่น้องเหยียบอยู่ขึ้นมาพับเก็บจนน้องเกือบหงายหลังตกเตียง และเมื่อคนพี่ชายเก็บที่นอนให้น้องเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็พากันออกมาจากห้องนอนเพื่อที่จะได้ทานอาหารเช้ากันเสียที...และคริสก็คงจัดโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว
...
...
...
หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย...น้องปลาก็รีบขึ้นมาเตรียมตัวจัดหนังสือเพื่อรอครูมาสอนพิเศษที่ห้องนั่งเล่น และเมื่อจัดของต่างๆพร้อมเพื่อการเรียน เจ้าตัวก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องไปเตรียมชาร้อนเอาไว้ต้อนรับคุณครูคนโปรดเหมือนเช่นที่เคย มัวแต่ดีใจที่วันนี้จะได้ไปเที่ยวอีกครั้ง แถมจะได้ไปเจอกับพี่ชายคนใหม่อย่างแบคฮยอนที่ทำอาหารได้อร่อยไม่แพ้พี่อี้กับพี่คริสจ๋า...น้องปลาจึงลืมทำของว่างเอาไว้ให้คุณครู
แต่...ในขณะที่เดินไปจนถึงประตูห้องครัว เขากลับได้ยินเสียงของพี่เขยกับพี่ชายของตัวเองกำลังทำอะไรบางอย่างและเสียงแบบนั้นมันก็ช่างคล้ายกับเสียงที่เคยได้ยินมาเมื่อหลายคืนก่อน??
น้องปลาคิดว่าเวลานี้พี่เขยควรลงไปเปิดร้านตามปกติ แต่ทำไมคนทั้งคู่ถึงยังไม่ออกไปจากห้องครัวทั้งๆที่ทานมื้อเช้าเสร็จไปตั้งนานแล้ว?? คนเป็นน้อง...แอบดูคริสและอี้ชิงอยู่ที่ข้างประตูห้องครัวเพราะมันปิดไม่สนิทเพื่อดูว่าพี่ๆกำลังทำอะไรกัน? แล้วทำไมถึงยังไม่ลงไปเปิดร้านสักที?? และสิ่งที่เห็นก็ทำให้คนแอบบมองถึงกับมีสภาพเหมือนปลาน็อคน้ำ สมองมันตาย ตาค้าง ตัวแข็งและได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่!!!!
น้องปลาไม่เข้าใจว่าพี่ทั้งสองกำลังทำอะไรกันอยู่...และภาพที่เห็นมันก็ทำให้รู้สึกเขินอายแปลกๆ อีกทั้งน้ำเสียงที่เจ้าตัวเคยได้ยินมาบ้างในตอนกลางคืนก็ช่างเหมือนกับเสียงที่กำลังได้ยินอยู่ในตอนนี้ไม่มีผิด!!!?? แถมพี่อี้ชิงจอมโหดของเขาก็ยังมีแค่กางเกงขายาวตัวเดียวเท่านั้นที่ใส่ติดกาย แล้วพี่คริสจ๋าก็ยังเอาลิ้นใส่เข้าไปในปากของพี่อี้อีก...ทำไม? ทั้งภาพและเสียงที่ปรากฏอยู่ในห้องครัวทำให้น้องปลาเริ่มสงสัยว่าพี่ๆกำลังทำอะไรกัน?? คนแอบมองยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับที่ใบหน้าของตัวเองแล้วลูบไปมาเพราะรู้สึกว่ามันร้อนแปลกๆ...หัวใจก็เต้นแรงเหมือนมันจะหลุดออกมาจากอก
“อื้มมม...อ๊ะ!!” เปล่งเสียงร้องออกมาเมื่อถูกผู้เป็นสามีจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวเพราะหลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย อี้ชิงก็เก็บจานชามไปล้างเหมือนที่เคยทำและคริสก็ลงไปเปิดร้านด้านล่าง
เป็นเช้าที่รีบมากวันหนึ่ง...และเสียเวลาไปกับการปลุกน้องชายอยู่นาน แถมยังต้องลงไปเช็คออร์เดอร์สัตว์น้ำที่ลูกค้าสั่งมาเพิ่มเติม อี้ชิงจึงคว้าจานเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยความรวดเร็ว แล้วนำไปวางไว้ในอ่างพร้อมเปิดน้ำเพื่อล้างภาชนะทุกใบ แต่น้ำ...ที่ถูกเปิดด้วยความแรงแล้วปะทะเข้ากับจานชามที่อยู่ด้านใน เศษอาหารต่างๆจึงกระเด็นมาโดนเสื้อของอี้ชิงจนเลอะไปหมด ยิ่งรีบก็เหมือนยิ่งช้าและยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เขาจึงถอดเสื้อที่เปื้อนโยนลงไปบนโต๊ะด้านหลังด้วยความโมโหโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปนั้นได้ถูกผู้เป็นสามีเห็นมาตั้งแต่แรก
คริสลงมาเปิดร้านได้สักพัก...แต่ก็ยังไม่เรียบร้อยดีเพราะเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้อี้ชิงต้องทำงานในส่วนของน้องปลาด้วยเนื่องจากน้องมีเรียนพิเศษ เมื่อคิดได้แบบนั้นคนเป็นพี่เขยจึงเดินไปหาน้องปลาที่ห้องนั่งเล่นเพื่อถามถึงบัญชีของลูกค้าว่าวันนี้มีใครสั่งปลามาบ้างหรือมีมากน้อยเท่าใด แต่ก่อนจะไปหาเด็กน้อย คริสก็แวะมาหาอี้ชิงที่ห้องครัวเพื่อจะวานให้คนรักช่วยลงไปเปิดร้านแทนเขา แต่เมื่อมาถึง...คริสกลับเห็นภรรยาคนสวยที่ตอนนี้เปลือยท่อนบนอวดผิวขาวเนียนยืนล้างภาชนะต่างๆอยู่ที่อ่างหินอ่อน
คนเป็นสามี...กลืนน้ำลายลงคอทันทีเมื่อเห็นภาพทั้งหมด เพราะตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวทั้งกิริยาท่าทางของอี้ชิงมันช่างดูเย้ายวนและน่ามองเป็นที่สุด ผิวขาวนวลที่มีรอยรักสีแดงจางๆประปราย การก้มกายที่โชว์ก้นอวบผ่านกางเกงผ้าแนบเนื้อสีเข้มและทุกๆอย่างที่เป็นอี้ชิงมันก็ทำให้คริสหน้ามืดจนต้องรีบเข้าไปจัดการกับภรรยาที่ยั่วมาสามีโดยไม่ได้ตั้งใจแต่เช้าตรู่
คริสค่อยๆเปิดประตูห้องครัวอย่างเบามือ...แต่ไม่ได้ปิดให้สนิทเพราะกลัวอี้ชิงจะรู้ตัว จากนั้นก็รีบเดินด้วยความรวดเร็วแล้วอุ้มภรรยาขึ้นมานั่งบนโต๊ะก่อนป้อนจูบอันแสนร้อนแรงให้ทันที ลิ้นอุ่นชื้นเกี่ยวพันกอบโกยความหวานอยู่นานจนเจ้าของปากอิ่มเริ่มหายใจไม่ทัน คริสยอมละออกจากความหอมหวาน เพื่อให้อี้ชิงได้รับออกซิเจนเข้าปอด แต่สายตาช่ำปรือของคนตรงหน้ากลับเป็นฉนวนให้ไฟแห่งความปรารถนาของผู้เป็นสามีลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
คริสก้มลงจูบปากอิ่มตรงหน้าซ้ำๆอย่างห้ามใจไม่ได้ ทั้งๆที่เขาก็รู้ตัวดีว่ายังมีงานให้ทำอยู่อีกมากมายแถมยังเปิดร้านไม่เรียบร้อย ส่วนอี้ชิงที่ยังหายใจเข้าปอดไม่เต็มที่ก็ถูกผู้เป็นสามีปล้นจูบไปอีกครั้ง และทุกครั้งที่คริสทำแบบนี้....อี้ชิงก็มักจะสติหลุดลอยเสมอ แต่!!!ก็จูบตอบไปอย่างคนไม่ยอมแพ้เช่นกัน อี้ชิงยอมรับว่าตัวเองชอบคริสในโหมดหื่นๆที่สุด แต่ ณ เวลานี้บวกกับงานที่ยังไม่ได้เริ่มลงมืออีกหลายอย่างก็ทำให้ต้องยอมตัดใจกับบทเลิฟซีนอันแสนร้อนแรงก่อนที่จะเสียลูกค้า
“อื้มมม...พี่คริสพอก่อนครับ เดี๋ยวคุณครูน้องปลาจะมาแล้ว....อ๊ะ!!” เจ้าของเสียงร้อง...พยายามเบือนหน้าหนีจากการถูกจู่โจม แต่คนเป็นสามีก็ยังจูบไม่หยุด แถมยังขบกัดไปตามซอกคอและแผ่นอกของเขาไปเรื่อยๆ ใช่ว่าอยากจะหยุดอยู่แค่นี้เพราะอี้ชิงก็รู้สึกอารมณ์ค้างไม่ต่างไปจากคริสสักเท่าไหร่
“ต่ออีกนิดไม่ได้เหรอคะคนดี ยั่วให้อยาก...แล้วก็บอกให้หยุด น้องอี้ใจร้าย” เสียงทุ้มงอแงใส่ภรรยาเพราะมันเหมือนอาวุธร้ายที่กำลังจะพร้อมรบ แต่แม่ทัพ....กลับไม่ยอมให้ใช้อาวุธนั้น แถมยังยุติการออกศึกครั้งนี้อีกด้วย
“เดี๋ยวค่อยมาต่อคืนนี้ก็ได้ครับ คืนนี้น้องอี้จะยอมพี่คริสทุกอย่างเลย เดี๋ยวพี่คริสเปิดร้านไม่ทัน นะ นะ นะ พอก่อนนะ” มารยาร้อยเล่มเกวียนยังถือว่าน้อยเกินไปสำหรับการง้อคนรักในครั้งนี้ อี้ชิงทั้งง้อทั้งปลอบใจคนเป็นสามีที่ยังคงทำหน้าหงอยไม่เลิกโดยการจูบเบาๆไปที่สันกรามคมพร้อมกอดเอวหนาเอาไว้แน่น คริสถอนหายใจเพราะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ต้องยอมทำตามและอุ้มภรรยาลงมาจากโต๊ะอาหารแล้วรีบเดินออกไปจากห้องครัวทันทีเพื่อเปิดร้าน
ส่วนเด็กน้อย...ที่เห็นพี่เขยกำลังจะเดินตรงมายังประตูห้องครัว เจ้าตัวจึงรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องนั่งเล่นตามเดิมพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ น้องปลาจับไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองและลูบไปมาเหมือนกับจะบอกมันว่าให้เต้นลงช้าลงหน่อยได้ไหม? เพราะมันรู้สึกเหนื่อยมาก...เหนื่อยเหมือนเวลาที่ไปวิ่งเล่นอยู่ในบ่อปลาหลังบ้านไม่มีผิด และตอนนี้ใบหน้ามันก็ร้อนวูบวาบไปหมด สมองก็ยังจำแต่ภาพที่อยู่ในครัวรวมถึงมีคำถามมากมายที่ติดค้างอยู่ในใจ
“สวัสดีครับน้องปลา...วันนี้ทำการบ้านเสร็จไหมเอ่ย?” เสียงของคุณครูที่ทักทายลูกศิษย์ตัวแสบดังขึ้นก็ทำให้น้องปลาหลุดออกจากภวังค์ของความตื่นเต้นและความสงสัยไปชั่วขณะ
“สวัสดีครับ...คุณครูคยองซูดีโอ” เอ่ยทักทายพร้อมก้มลงไปหยิบสมุดการบ้านส่งให้กับคุณครูคนโปรดทันที
น้องปลา...ไม่เคยเรียกชื่อของคุณครูคนนี้ถูกเลยสักครั้งถึง แม้จะรู้ดีว่าชื่อของคุณครูคืออะไร แต่ก็ไม่อยากเรียกให้มันซ้ำกับคนอื่นเพราะเมื่อรู้สึกว่าใครเป็นคนพิเศษ น้องก็มักจะเปลี่ยนชื่อหรือเติมคำใหม่ๆใส่ลงไปในชื่อนั้นด้วยเสมออย่างเช่นพี่คริสจ๋า ส่วนคุณครูคนนี้ชื่อเดิมว่า โดคยองซู ชื่อเล่นว่า ดีโอ แต่น้องปลาก็ชอบเรียกชื่อจริงชื่อเล่นสลับกันไปมาจนคุณครูต้องยอมปล่อยผ่าน และไม่ว่าลูกศิษย์คนนี้จะเรียก ครูคยองดีโอ ครูดีโอคยองซู ครูโดคยองดีโอหรืออะไรก็ตามที...เจ้าของชื่อก็ไม่เคยถือสาหาความ
“น้องปลา...ไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าแดงแบบนั้น แล้วเหงื่อก็ออกด้วย ไหนคุณครูขอดูหน่อยซิ” คยองซูเห็นอาการผิดปกติของลูกศิษย์มาตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร...จนกระทั่งเริ่มเรียนไปได้สักพักน้องปลาก็ไม่มีทีท่าที่จะสนใจเรียนเหมือนเฉกเช่นทุกครั้ง แถมยังก็มีอาการเหม่อลอยและไม่ค่อยตอบคำถามเวลาที่ถูกเรียกหรือพูดเจื้อยแจ้วเสียงใสเหมือนที่เคย
“ปะ...เปล่าฮะ หนูสบายดี แค่มีเรื่องสงสัยนิดหน่อย ตะ...แต่ว่า เอ่ออ มันไม่ใช่เรื่องเรียนนะฮะ แล้วหนูจะถามคุณครูดีโอได้ไหมฮะ??” รู้ตัวดีว่าต่อให้เรียนไปอีกทั้งวันเขาก็เรียนไม่รู้เรื่อง น้องปลาก็แค่อยากรู้ว่าสิ่งที่เขาเห็นมันเรียกว่าอะไรและทำไปทำไม? ใช่ว่าไม่เคยเห็นคนจูบกัน แต่ทั้งเสียงรวมถึงการกระทำแบบนั้นในห้องครัวมันก็ทำให้เกิดความสงสัย
“ถามมาสิ...ถ้าครูตอบได้ก็จะตอบนะครับ” คยองซูวางปากกาลงบนโต๊ะและตั้งใจฟังในสิ่งที่ลูกศิษย์ของตัวเองกำลังจะถาม เพราะเห็นสีหน้าของน้องปลาตอนนี้มันเหมือนมีความลำบากใจจนไม่สามารถเรียนหนังสือได้ตามปกติ
“คะ...คือเมื่อเช้าหนูเห็นพี่คริสจ๋ากับพี่อี้เค้า เอ่ออ...ออ เอาปากมาโดนกันแล้วพี่คริสจ๋าก็เอาลิ้นใส่เข้าไปในปากของพี่อี้ด้วยฮะ ทำไมพี่คริสจ๋าต้องทำแบบนั้นด้วยฮะคุณครูคยอง??” เข้าใจแล้วว่าทำไมลูกศิษย์ของเขาถึงได้หน้าแดงแบบนั้น และหลังจากที่ฟังลูกศิษย์เล่ามาจนจบ คยองซูก็รู้สึกเขินอายไม่ต่างจากคนเล่าเรื่องเลยสักนิด คนเป็นครูไม่แน่ใจว่าจะอธิบายเรื่องทั้งหมดที่น้องปลาสงสัยให้ฟังอย่างไรดีเพื่อไม่ให้มันดูอนาจารมากจนเกินไปเพราะน้องปลายังเด็กมาก...และคงไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่ตัวเองไปพบเจอ
“น้องปลารู้ใช่ไหม...ว่าพี่ทั้งสองคนเป็นแฟนกันและก็แต่งงานแล้ว สิ่งที่น้องปลาเห็นมันเป็นเรื่องปกติของคู่รักทั่วไปที่มักจะทำเพื่อแสดงความรักที่มีต่อกัน แล้วทุกคนที่เป็นแฟนกันหรือแต่งงานกันแล้ว พวกเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น ส่วนคนที่ไม่ใช่แฟนกัน เขาไม่มีทางทำแบบนั้นโดยเด็ดขาด แล้วสิ่งที่น้องปลาเห็นมันก็เรียกว่า จูบ น้องปลาเข้าใจที่คุณครูพูดไหมครับ??”
เข้าใจทุกอย่างดี...และใช่ว่าจะไม่เคยเห็นคริสกับอี้ชิงจูบกันเพราะวันที่พี่ๆทั้งสองคนแต่งงาน พวกเขาก็จูบกันหลังจากที่สวมแหวนเมื่อเสร็จสิ้นพิธี แต่!!จูบตอนนั้นกับจูบตอนนี้ทำไมมันถึงไม่เหมือนกันเลยสักนิด แถมยังดูน่าอายแล้วก็ทำให้เขารู้สึกเขินแปลกๆ น้องปลาหมดข้อสงสัยและเริ่มต้นตั้งใจเรียนอีกครั้ง พร้อมกับลืมเรื่องจูบไปชั่วขณะ...เพราะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองมีนัดกับจงอินเรื่องที่จะไปเที่ยวด้วยกันในเย็นนี้ตามที่ได้สัญญากันเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน
“ครูจะให้การบ้านไปเพิ่มอีก 10 ข้อนะครับ ส่วนการบ้านอันเก่าที่น้องปลาทำผิดไป 3 ข้อ น้องปลาต้องกลับไปทำมาใหม่แล้วเอามาส่งครูอาทิตย์หน้า ตกลงไหมครับ??” คยองซูมาสอนพิเศษให้กับน้องปลาอาทิตย์สามครั้ง ส่วนวันอื่นๆเจ้าตัวก็จะได้เรียนกับคุณครูท่านอื่น แต่สำหรับคุณครูคนนี้ น้องปลาขอยกให้เป็นครูที่เขารักมากที่สุดและให้ความไว้ใจไม่ต่างจากคนในครอบครัว
“คุณครูดีโอคยองซูอย่าเอาเรื่องนั้นไปบอกพี่คริสจ๋ากับพี่อี้นะฮะ เดี๋ยวหนูถูกดุ” เดินมาส่งคุณครูคนโปรดที่รถหลังจากหมดเวลาเรียนพิเศษ พร้อมกระซิบบอกเรื่องสำคัญที่ไม่อยากให้คนต้นเหตุได้รับรู้เพราะเกรงว่าตัวเองจะถูกบ่น หรือเผลอๆอาจถูกทำโทษโดยการห้ามลงไปเล่นกับเพื่อนๆในบ่อปลาหลังบ้าน และเมื่อส่งคุณครูคนโปรดเรียบร้อย...น้องปลาก็รีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบนห้องเพื่อรอจงอินมารับออกไปเที่ยวด้วยกัน
บริษัท มีปลา
14.20 น.
“มาเร็วไปหรือเปล่าไอ้ดำ!!? ไหนมึงบอกว่างานมันเริ่มตอนหัวค่ำ??”
“มารับแฟนทั้งที...จะให้มาช้าได้ไงเฮีย”
“มึงอยากตายก่อนได้ไปเที่ยวไหม มึงจะเอาสภาพศพแบบไหน กูให้มึงเลือก”
ความหงุดหงิด...ยังไม่ลดลงตั้งแต่ถูกภรรยาสั่งห้ามทัพไปเมื่อเช้า แถมรุ่นน้องคนสนิทยังมายั่วอารมณ์ให้มันหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก งานก็เยอะ เมียก็ไม่ให้เอา น้องปลาก็หนีจะไปเที่ยวกับคนอื่น คริสจึงรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่เขาอารมณ์แปรปรวนมากที่สุดวันหนึ่งเลยก็ว่าได้ รู้ดีว่าจงอินสามารถดูแลน้องเมียของเขาได้ แต่ก็ใช่ว่าจะชอบที่น้องทำเหมือนจงอินเป็นคนพิเศษเพราะปกติเขามักจะได้ยินเสียงของน้องปลาเรียกเขาว่าพี่คริสจ๋าพี่คริสจ๋าทั้งวัน แต่พอน้องเริ่มมารู้จักกับจงอิน เสียงเรียกที่ฟังดูน่ารำคาญในตอนแรกๆกลับเป็นเสียงที่คริสอยากได้ยินมากที่สุดและรู้สึกเหงาทุกครั้งเมื่อน้องปลาไม่ค่อยมาอ้อนเหมือนแต่ก่อน
“พี่จงอิ๊นนนนนนนนนนนนน” เจ้าของเสียงหวานรีบเดินลงมาข้างล่างเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย และคิดว่าจะมาช่วยงานของอี้ชิงก่อนจะออกไปเที่ยว แต่พอเห็นจงอินยืนคุยอยู่กับพี่เขยอยู่ที่หน้าร้าน เป้าหมายที่ว่าจะลงมาช่วยทำงานก็เป็นอันต้องยุติไปในทันที ขาเรียวสวยในกางเกงขาสั้นสีชมพูวิ่งดุ๊กดิ๊กกางแขนทั้งสองข้างและพร้อมที่จะเข้าไปกอดจงอินด้วยความดีใจเพราะมารับเขาเร็วกว่าที่ได้ตกลงกันเอาไว้
แต่...ความหวังของหนุ่มผิวเข้มที่จะได้กอดตอบเด็กน้อยให้หายคิดถึงก็เป็นอันต้องดับวูบ มื่อคริสเดินเอาตัวใหญ่ๆเหมือนกับกำแพงเมืองจีนมายืนขวางอ้อมกอดของน้องปลา
“พี่คริสจ๋าเป็นอะไรฮะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?” ตอนนี้น้องปลากอดใครก็ได้เพราะยังรู้สึกดีใจไม่หายที่จะได้ออกไปเที่ยว เด็กน้อยกอดพี่เขยไว้แน่น และเงยหน้ามองด้วยความสงสัยว่าทำไมพี่คริสจ๋าของเขาถึงดูไม่ค่อยสดชื่นเลยแถมยังทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้
“วันนี้น้องปลาไม่ไปเที่ยวไม่ได้เหรอคะ พี่คริสจ๋าไม่สบายมากเลย แล้วก็ปวดหัวมากด้วย” ถ้าอี้ชิงมีมารยาเท่ากับร้อยเล่มเกวียน คนเป็นสามีก็คงมีมากกว่าเป็นหมื่นๆ เพราะตอนนี้สีหน้าของคริสที่ดูหงอยๆบวกกับท่าทางซึมๆก็ทำให้น้องปลาเชื่อสนิทใจว่าพี่เขยสุดที่รักคงป่วยมากจริงๆ
คริสเดินจูงมือน้องปลาเข้ามานั่งที่โซฟาด้านในของร้านโดยไม่สนใจจงอินเลยสักนิด จากนั้นก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นมานั่งบนตักและกอดเอวบางไว้แน่นพร้อมซบหน้าหมื่นเล่มเกวียนไว้ที่ไหล่ของน้องอีกที จงอินคิดว่าถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่รุ่นพี่คนสนิทที่เคยเรียนอยู่ที่เดียวกันและเป็นสายรหัสกันมาแต่เก่าก่อน เขาคงกระโดดถีบคริสไปตั้งแต่มายืนขวางอ้อมกอดของน้องปลาเมื่อครู่
แต่ไหนแต่ไร...จงอินก็ไม่เคยคิดว่ารุ่นพี่ของเขาจะแกล้งทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้ได้ เพราะสมัยที่เขายังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย กิติศัพท์ของคริสก็โหดใช่เล่น แต่ตอนนี้...ชายร่างใหญ่ผู้เหี้ยมโหดของคณะวิศวะฯกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนและความโหดที่ใครๆต่างพูดถึงมันก็ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย จงอินคิดว่าแผนที่เขาจะพาน้องปลาไปเที่ยวคงต้องพังไม่เป็นท่าอีกตามเคย เพราะครั้งที่แล้วก็ล่มแบบนี้เหมือนกันทั้งที่คริสเป็นคนอนุญาตเองแท้ๆแต่ก็ชอบสรรหาวิธีเพื่อไม่ให้น้องปลาออกไปเที่ยวกับเขาแทบทุกครั้ง...ซึ่งครั้งนี้ก็อาจจะเป็นเช่นเดิม
ถ้าคริสใช้วิธีอ้อนน้องเมียแบบนี้บ่อยๆ...จงอินก็ของัดไม้ตายขึ้นมาใช้บ้าง และเมื่อคิดได้แบบนั้น ขายาวสมส่วนก็รีบเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ในส่วนที่อี้ชิงนั่งทำงานอยู่พร้อมกับยืนคุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนรู้จักกันมานาน และไม้ตายของรุ่นน้องก็เหมือนจะใช้ได้ผล...เมื่อคริสเห็นภรรยาของตัวเองคุยอยู่กับจงอินแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับหัวเราะกันอย่างออกรส เจ้าตัวจึงทนไม่ได้และยอมปล่อยน้องปลาออกจากอ้อมอกเพื่อให้ไปเที่ยวกับจงอินตามที่ตัวเองได้อนุญาตเอาไว้
ขืนปล่อยให้เมียคุยอยู่กับจงอินนานกว่านี้...มีหวังได้ถูกล้วงความลับออกมาจนหมด ถึงแม้รุ่นพี่อย่างเขาจะไม่ได้มีความลับอะไรมากมาย แต่ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นดี
“น้องปลาอย่าดื้อนะคะ แล้วก็ดูแลตัวเองให้ดี ค่ำๆพี่คริสจ๋าจะไปรับนะคะ” หยิบกระเป๋าใบใหม่ที่จงอินซื้อให้ยื่นให้กับน้องเมียพร้อมอุ้มไปส่งที่รถ เด็กน้อยสะพายกระเป้รูปปลาดาวสีชมพูขึ้นบ่าและกอดคริสไว้แน่นก่อนหอมแก้มฟอดใหญ่เพื่อเป็นการบอกลาแล้วรีบขึ้นรถของจงอินไปทันที
“บ๊ายบายนะฮะพี่คริสจ๋า อย่าลืมทานยาด้วยนะฮะ แล้วหนูจะซื้อขนมมาฝากเยอะๆเลย” โบกมือลาพี่เขยสุดที่รักอยู่ในรถแวนคันใหญ่ และกดกระจกปิดลงทันทีเมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปจากรั้วบ้าน
จงอินมองการกระทำของน้องปลาแล้วเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้รู้สึกอิจฉาที่น้องปลารักคริสมากกว่าเขาและก็รู้สึกดีใจที่น้องสามารถเรียงลำดับความสำคัญในชีวิตได้ถูกต้อง รวมถึงเห็นความเจ็บป่วยของคนในครอบครัวสำคัญกว่าเรื่องของการไปเที่ยว เพราะตอนที่คริสบอกว่าป่วย...เด็กน้อยก็รีบปฏิเสธการไปเที่ยวครั้งนี้ทันทีพร้อมกับโทรเรียกหมอประจำตัวให้มาฉีดยาพี่เขยสุดที่รักถึงที่บ้าน และหายาแก้ปวดศีรษะกับน้ำเปล่ามาให้ได้ทานระหว่างที่รอหมอมาตรวจ
ก็อย่างที่บอก...จงอินไม่ได้อิจฉารุ่นพี่คนนี้ แต่แค่รู้สึกหมั่นไส้ที่คริสมักจะทำตัวน่าสงสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากน้องปลาทั้งๆที่ความเป็นจริงคริสแทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำเพราะเป็นคนในครอบครัว ส่วนเขาก็เป็นแค่คนอื่นที่เพิ่งมาสนิทกับน้องได้ไม่นาน แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง...น้องปลาเกิดรักเขามากกว่าพี่เขย วันนั้นคงเป็นวันที่จงอินต้องกลายเป็นศพที่นอนตายอยู่ใต้ฝ่าเท้าใหญ่ๆของคริส
บริษัท บ้านปลา
17.15 น.
เมื่อเดินทางมาถึงบ้านหนุ่มผิวเข้ม...น้องปลาก็รู้สึกเศร้าลงไปเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวหวังว่าการมาเที่ยวในครั้งนี้ เขาจะได้มาเจอกับแบคฮยอนพี่ชายคนโปรดคนใหม่เหมือนที่คิดไว้ แต่พอมาถึงกลับกลายเป็นว่าวันนี้ทุกคนไม่อยู่บ้านเนื่องจากต้องไปติดตั้งตู้ปลาให้ลูกค้าที่ต่างจังหวัด และที่จงอินไม่ได้ไปด้วยก็เพราะไม่อยากผิดสัญญาที่ให้ไว้กับน้อง
มือหนาเดินจูงเด็กน้อยขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้อง...เพราะงานประจำปีของหมู่บ้านคนญี่ปุ่นมันต้องใส่ยูกาตะเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าร่วมงานได้ ตอนแรกน้องปลาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยนชุดให้มันวุ่นวาย แล้วเสื้อผ้าที่เขาใส่มาตั้งแต่แรกมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่พอได้ฟังสิ่งที่จงอินอธิบาย น้องปลาก็รีบทำตามทันทีเพราะกลัวไม่ได้ไปเที่ยว
จงอินเดินไปที่ห้องนอนของพี่ชายต่างแม่เพื่อหยิบยืมชุดยูกาตะของแบคฮยอนมาให้น้องปลาใส่...เพราะถ้าเป็นชุดของเขาหรือของชานยอล เด็กตัวน้อยๆอย่างน้องปลาไม่มีทางใส่ได้แน่นอนเพราะมันใหญ่เกินไป และเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ...จงอินก็ยื่นชุดยูกาตะส่งให้เด็กตรงหน้าพร้อมบอกให้เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ จงอินยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าและเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เขาก็มายืนรอน้องปลาอยู่ที่หน้าห้องน้้ำ แต่...รออยู่สักพักก็ยังไม่ทีท่าว่าคนที่ด้านในจะออกมาจากห้องน้ำเสียที จงอินจึงเดินไปนั่งรอที่โซฟาพร้อมกับเช็คงานในสมาร์ทโฟนไปด้วย
แกร๊กกก!!!
ปังงงงง!!!
“พี่จงอินนนน...ชุดนี่มันใส่ยังไงเหรอฮะ หนูพยายามใส่อยู่ตั้งนานแต่ก็ใส่ไม่ได้สักที” เสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำและเสียงหวานที่ร้องงอแงเรื่องชุดยูกาตะทำให้คนนั่งรอต้องหันไปมองที่ต้นเสียง แต่!!!ยังไม่ทันจะลุกออกไปจากที่นั่ง เด็กน้อยก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเดินพร้อมสภาพร่างกายที่เหลือเพียงแค่กางเกงในตัวเดียว เด็กน้อยเอียงคอมองหนุ่มผิวเข้มด้วยความรู้สึกสงสัยเพราะในขณะที่ร้องขอความช่วยเหลือเรื่องเสื้อผ้าชุดใหม่ แต่กลับได้รับแต่ความเงียบเป็นคำตอบ
ร่างเปลือยเปล่าของน้องปลาที่จงอินเคยฝันว่าอยากจะได้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง...กลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย ทุกสัดส่วนที่เห็นอยู่ในตอนนี้มันช่างสดใหม่ ขาวใสไร้ที่ติ เอวคอดเล็ก แต่ก้นกลับงอนเด้งเหมือนสาวแรกรุ่น แถมขาก็เรียวยาวได้รูปจนผู้หญิงบางคนยังต้องอาย
นั่งวิเคราะห์ส่วนเว้าส่วนโค้งอยู่นาน...เจ้าของร่างบางจึงเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ๆจนภาพของสวยงามมันเริ่มพร่าเบลอไปหมด จงอินหลับตาและตั้งสติอยู่พักใหญ่ก่อนเริ่มสวมชุดยูกาตะให้กับน้องปลาอย่างตั้งใจ มันเหมือนจะเป็นคนใบ้ไปชั่วขณะเพราะความขาวเนียนยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ แล้วสักพัก...เขาก็จัดการเรื่องเสื้อผ้าเจ้าปัญหาเรียบร้อย จงอินพาน้องปลาเดินมาที่รถเพื่อมุ่งตรงไปยังงานประจำปีที่ใกล้จะเปิดอย่างเป็นทางการแล้วในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
...
...
...
งานประจำปี ณ หมู่บ้านคนญี่ปุ่น
19.30 น.
“พี่จงอิน...หนูอยากกินสายใหม”
"พี่จงอิน...หนูอยากไปร้านนั้น”
“พี่จงอิน...ตรงนู้นเรียกว่าอะไรเหรอฮะ”
พอมาถึงงานประจำปี...เด็กน้อยก็วิ่งเข้าร้านนั้นวิ่งออกร้านนี้ไปทั่วอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พร้อมกับถือห่อขนมและของเล่นต่างๆมากมายจนมันเต็มไม้เต็มมือไปหมด แต่น้องปลาก็ไม่ลืมที่จะเดินจับมือจงอินไปด้วยเพราะถึงแม้ว่างานมันจะสนุกหรือน่าตื้นเต้นมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังกลัวคนแปลกหน้าอยู่ดี น้องปลาเดินเล่นไปเรื่อยๆและไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร้านตักปลาทองที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับร้านขายน้ำหวาน
“พี่จงอิน...หนูขอตักปลาตัวนึงได้ไหมฮะ?”
“ตักเป็นเหรอครับน้องปลา มันยากมากๆเลยนะ”
“หนูอยากลองฮะ...หนูเคยเห็นแต่ในการ์ตูน มันน่าสนุกดี ให้หนูลองไม้นึงก็ได้นะ นะ นะ”
คนถูกอ้อน...หยิบเก้าอี้ทรงเตี้ยที่วางอยู่ด้านหน้าร้านมาให้น้องปลานั่ง พร้อมกับยื่นมือเป็นสัญญาณบอกให้เจ้าของร้านนำไม้ที่ถูกหุ้มด้วยกระดาษเนื้อบางส่งให้เขาเป็นจำนวน 3 อัน จากนั้นก็ยื่นไม้ให้กับน้องปลาเพื่อตักเจ้าสีทองในอ่างพลาสติก เด็กน้อยในชุดยูกาตะสีชมพูจ้องสัตว์น้ำที่ว่ายวนอยู่ในอ่างและค่อยๆจุ่มไม้ลงไปเพื่อตักปลาที่ตัวเองอยากได้ แต่!!พอยกไม้ขึ้นเมื่อได้ปลาที่ต้องการ...กระดาษเนื้อบางสีขาวก็ขาดทันที
คิ้วโก่งได้รูป...ที่ขมวดกันจนยุ่งบนใบหน้าจิ้มลิ้มตอนกำลังตั้งใจตักเพื่อนรักในอ่างมันทำให้จงอินแอบหัวเราะอยู่ในลำคอ และมันก็เป็นอีกครั้งที่น้องปลาตักพลาดจนกระดาษมันขาดเป็นไม้ที่สาม จงอินขอไม้เพิ่มจากเจ้าของร้านและช่วยน้องตักเพื่อนรักหางสวยขึ้นมาจากอ่างอีกครั้ง มือน้อยๆจับไม้ตักปลาไว้แน่นโดยมีมือของหนุ่มผิวเข้มกุมไว้อีกทีก่อนเริ่มจุ่มกระดาษเนื้อบางลงไปในน้ำ
และ....
“เย้ ๆ ๆ ได้แล้วววว พี่จงอินของหนูเก่งที่สุด เย้ๆ ๆ ๆ “ ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจที่จงอินสามารถช่วยเขาตักเจ้าเพื่อนรักในอ่างนั้นได้สำเร็จ น้องปลามองทุกการกระทำอย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอเจ้าของร้านนำเพื่อนรักตัวใหม่ใส่ถุง และพอได้ปลาทองมาเรียบร้อยจงอินก็พาเด็กน้อยกลับบ้านทันทีเพื่อจะไปให้ทันก่อนที่พลุจะถูกจุดขึ้นหลังจากที่งานประจำปีนี้สิ้นสุดลง
“พี่จงอินหนูเจ็บเท้า หนูเดินไม่ไหวแล้วฮะ” ใส่ชุดยูกาตะก็ต้องใส่ร้องเท้าเกี๊ยะตามแบบประเพณี แต่คนที่เพิ่งใส่ร้องเท้าแบบนี้เป็นครั้งแรกเริ่มรู้สึกเมื่อย แถมยังถูกเชือกของร้องเท้าบาดจนผิวเนื้อเริ่มเป็นรอยแดง
“เห็นไหม...พี่บอกว่ามันจะเจ็บน้องปลาก็ไม่เชื่อ” เตือนเด็กดื้อก่อนออกมาจากบ้านอยู่หลายครั้งว่าร้องเท้าแบบนี้อาจทำให้บาดเจ็บเพราะไม่เคยชิน แต่น้องยังรั้นที่จะใส่ให้ได้จนสุดท้าย...สิ่งที่เตือนไว้ก็กลายเป็นจริง จงอินรีบย่อตัวลงกับพื้นและถอดร้องเท้าเกี๊ยะของน้องออกจากเท้าทั้งสองข้างพร้อมแบกเด็กน้อยขึ้นขี่หลังแล้วพาเดินกลับไปที่จุดจอดรถทันที
“หนูขอโทษนะฮะ คราวหลังหนูจะไม่ดื้อกับพี่จงอินอีกแล้ว พี่จงอินอย่าโกรธหนูนะ” เอ่ยขอโทษขอโพยและซบหน้าลงไปบนบ่าของจงอินอย่างออดอ้อน น้องปลารู้สึกผิดที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำเตือนจนทำให้ตัวเองต้องมาเป็นภาระของคนอื่น
“พี่ไม่ได้โกรธน้องปลาเลยครับ แต่พี่ไม่อยากให้หนูเจ็บ หนูเข้าใจที่พี่พูดไหม?”
...
...
...
เมื่อขับรถกลับมาถึงที่บ้าน...จงอินก็รีบนำเพื่อนรักตัวใหม่ของเด็กดื้อไปใส่ไว้ในโหลแก้ว และพาน้องเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของบ้านเพื่อดูการจุดพลุเป็นการส่งท้ายสำหรับการมาเที่ยวในครั้งนี้ แต่ก่อนจะพาน้องขึ้นมาที่นี่ จงอินก็ได้หยิบกล่องยาขึ้นมาด้วยเพื่อจะได้ทำแผลให้กับน้องปลาเนื่องจากเท้าทั้งสองข้างมันมีลอยถลอกที่เกิดจากการเสียดสีของเชือกบนรองเท้าเกี๊ยะ
“พี่จงอิน...หนูกลัว มันร้อนไหมฮะ หนูไม่กล้าเล่น”
“มันไม่ร้อนหรอกครับ น้องปลาลองถือดูสิ พี่ไม่ได้โกหกนะ”
ทำแผลกันเสร็จเรียบร้อย...ก็จุดดอกไม้ไฟเล่นเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอพลุลูกใหญ่ที่จะถูกยิงขึ้นเหนือท้องฟ้าในยามค่ำคืน น้องปลาจดๆจ่องๆแล้วทำท่าจะเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ไฟมาจากมือของหนุ่มผิวเข้ม แต่ก็ยังไม่กล้าอยู่ดี แล้วก็ทำได้แค่นั่งมองเฉยๆเพราะเมื่อเห็นประกายไฟที่พุ่งออกมาจากก้านโลหะหลากสี เจ้าตัวก็ไม่แม้แต่จะหยิบหรือแตะต้องอะไรทั้งนั้น
น้องปลากลัวถูกไฟลวก...เพราะเคยโดนตอนที่ตัวเองกำลังจุดเตาเพื่อทอดไข่ทานกลางดึกคืนหนึ่งโดยที่ไม่บอกพี่ชาย และหลังจากที่โดนไฟลวกคราวนั้น น้องปลาก็ไม่กล้าทำอาหารทานเองอีกเลย แม้บาดแผลที่ได้รับจากการถูกไฟลวกจะไม่ร้ายแรงมากนัก แต่มันก็ปวดแสบปวดร้อนอยู่ไม่ใช่น้อย
“แล้วน้องปลากลัวพลุหรือเปล่าครับ พี่จะได้พาลงไปข้างล่าง นี่ก็ใกล้ถึงเวลาที่จะเริ่มจุดพลุกันแล้วนะครับ”
“หนูไม่กลัวฮะ...หนูชอบ หนูเคยเห็นเค้าจุดพลุกันตอนปีใหม่ แล้วมันก็มีหลายสีด้วยนะฮะ”
เมื่อถึงเวลาที่พลุถูกจุดขึ้นบนท้องฟ้าจริงๆ...เด็กน้อยก็รีบวิ่งไปเกาะลูกกรงที่ถูกติดตั้งไว้กันคนตกลงไปด้านล่างเพื่อจะได้มองความสวยงามให้ใกล้มากที่สุด และการที่จงอินเลือกจะกลับมาดุพลุอยู่ที่บ้านก็เพราะเป็นห่วงเด็กน้อยตรงหน้าที่เริ่มหวาดกลัวคนในงาน ซึ่งเขาก็ไม่อยากให้น้องปลาได้รับอันตรายเนื่องจากพอถึงเวลาของการจุดพลุ ผู้คนในงานก็จะเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ จงอินเดินตามน้องปลาไปเกาะที่ลูกกรง แต่เขาไม่ได้มองไปที่พลุเลยสักนิดและเอาแต่มองการกระทำของเด็กน้อยที่กำลังชี้นิ้วไปยังพลุในสีตัวเองชอบพร้อมหันมายิ้มตาหยีจนเห็นเขี้ยวสวย
ปากคม...ยกยิ้มไปกับทุกๆการกระทำของเด็กน้อยที่แสดงออกมาในแบบที่ไม่มีการปรุงแต่งใดใด มันเป็นธรรมชาติ มันเป็นความใสซื่อและเป็นความน่ารักที่พาให้หัวใจของคนมองเต้นผิดจังหวะ จงอินนึกไม่ออก...ว่าจะเรียกความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ว่าอย่างไร ความรัก ความหลงใหลหรือเพราะแค่บรรยากาศมันพาไป มันเป็นความสับสนที่พิ่งเกิดขึ้นเมื่อเขาได้มารู้จักกับน้องปลา รู้สึกขำตัวเอง...เพราะอายุของเขามันก็ไม่ใช่น้อยๆ แถมยังเคยมีแฟนมาแล้วตั้งมากมาย
แต่วันนี้...กลับต้องมาสับสนในเรื่องของความรู้สึกที่มีให้เด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า
แสงจากพลุ...ที่ถูกจุดขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วสะท้อนเข้ากับใบหน้าสวยก็ยิ่งทำให้จงอินไม่อาจละสายตาจากภาพอันงดงามตรงนี้ไปได้ และในจังหวะที่น้องปลาหันหน้ามายิ้มให้กับเขามันก็ยิ่งเป็นภาพที่ชวนมองมากขึ้นไปอีก ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันทำให้จงอินไม่อาจหักห้ามหัวใจ ห้ามความต้องการ หรือห้ามการกระทำของตัวเองได้อีกแล้ว เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ต่อหน้ามันทำให้รู้สึกหวงและไม่อยากให้ใครได้เห็นนอกจากเขา จงอินคว้าร่างของคนที่ยังยืนดูพลุเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมจูบริมฝีปากสีเชอร์รี่อย่างอ่อนโยน
น้องปลา...ตกใจกับการกระทำของจงอินจนเผลออ้าปากออกโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ทำลงไปนั้นมันเหมือนเป็นการเบิกทางให้ลิ้นอุ่นชื้นเข้ามากอบโกยความหวานได้ง่ายมากขึ้น รสสัมผัสที่นุ่มนวลและยาวนานมันทำให้คนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างน้องปลาเริ่มมัวเมาไปกับรอยจูบ และตอนนี้หัวใจดวงน้อยๆของเด็กในชุดยูกาตะสีชมพูมันก็กำลังเต้นโครมครามดังยิ่งกว่าเสียงพลุที่ถูกจุดแล้วยิงขึ้นไปบนฟ้าเสียอีก
ใบหน้าจิ้มลิ่มเห่อร้อนเหมือนตอนที่เขาเห็นคริสกับอี้ชิงจูบกันอยู่ในห้องครัวเมื่อเช้า เจ้าของปากบาง...กำชุดยูกาตะของหนุ่มผิวเข้มจนมีรอยยับเพราะเริ่มหมดลมหายใจเต็มที และคนที่กำลังมัวเมาไปกับรสสัมผัสก็คงไม่ได้มีแค่น้องปลาเพียงคนเดียวเท่านั้นเพราะจงอินก็กำลังติดอยู่ในรสของความหวานและความนุ่มจนยากที่จะถอนตัว
แต่...เสียงอู้อี้ที่ร้องประท้วงขออากาศหายใจก็ทำให้ปากคมต้องยอมละออกจากความปรารถนาทั้งๆที่ยังคงรู้สึกเสียดาย
น้องปลายืนหอบเอาอากาศเข้าปอด...และรู้สึกเหนื่อยเหมือนกับได้ไปวิ่งเล่นอยู่ในบ่อปลาหลังบ้านมาเป็นร้อยๆรอบ อ้อมแขนของคนเป็นพี่ค่อยๆคลายแรงกอดและใช้ร่างกายอันสมส่วนเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อกักขังปลาตัวน้อยให้ไปยืนพิงลูกกรงเอาไว้ พร้อมกับยกมือข้างหนึ่งเชยคางเด็กที่เอาแต่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แล้วใช้มืออีกข้างลูบแก้มใสเบาๆก่อนทัดผมสีอ่อนของน้องที่กำลังปลิวด้วยแรงลมในยามค่ำคืนไปที่ใบหู และ.............
“น้องปลาเป็นแฟนกับพี่จงอินนะครับ”
100%
เป็นกำลังใจให้พี่จงอินด้วยนะคะ
#ฟิคน้องปลา
ความคิดเห็น