ผ่านภพบรรจบฟ้า นิยายแนวจีนโบราณย้อนเวลาข้ามมิติที่เมื่อเข้ามาอ่านแล้วพบว่ามีเสน่ห์แตกต่างจากเรื่องอื่นอย่างยิ่ง อ่านแล้วรู้สึกสนุก อยากอ่านต่อ เพลิดเพลินจนรู้ตัวอีกทีก็อ่านมาจนถึงตอนปัจจุบันที่ผู้เขียนลงไว้ ณ ขณะนั้นแล้ว
เรื่องราวกล่าวถึงเฟิร์น เด็กสาวที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้วมาฟื้นขึ้นมาในโลกยุคจีนโบราณ กับความเชื่อที่ว่าตนเองต้องทำภารกิจสักอย่างเพื่อช่วยโลกใบนี้ฝังหัวเนื่องจากอ่านนิยายมาเยอะ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าตัวกลายเป็นเด็กหญิงนิรนามที่ถูกเรียกชื่อเป็นหมายเลขว่า 43 มีภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ เพียงแต่ภารกิจที่ให้ทำนี้กลับลึกลับซับซ้อนเกินกว่าที่เจ้าตัวคาดการณ์ไปมากนัก เพราะมันไม่ใช่ทั้งภารกิจชิงรักหักสวาท กอบกู้บ้านเมือง หรือชิงความเป็นหนึ่งในวังหลังแต่อย่างใด แต่เป็นภารกิจแก้ไขความผิดพลาดของเทพเซียนท่านหนึ่งที่สร้างหายนะให้กับโลกใบนี้ขึ้น ซึ่งภารกิจนี้ได้ทำให้เธอได้เข้าไปพัวพันกับผู้คนตลอดจนเหตุการณ์ต่างๆมากมาย
เนื้อหาทั้งหลายถูกบรรยายด้วยภาษาง่ายๆ เจือปนกันระหว่างคำยุคเก่ากับคำยุคใหม่ที่เข้าใจได้ง่าย ไม่ได้ใช้คำที่ซับซ้อนเท่าใดนัก เนื่องจากตัวละครเอกที่มาจากยุคปัจจุบันต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่เป็นเหมือนยุคอดีตของตนจึงได้มีคำจากสองยุคสมัยอยู่ปะปนกันไป ฉากต่างๆที่ปรากฎในเรื่องเล่าได้เห็นภาพตามไปได้เรื่อยๆ การบรรยายฉากแอ็คชั่นอาจเรียบง่ายไปบ้างเมื่อเปรียบเทียบว่านี่เป็นนิยายแนวจีนโบราณซึ่งต้องมีทั้งเรื่องของลมปราณ วรยุทธ์ อาวุธมหาเทพ ตลอดจนกระบวนท่าต่อสู้ที่แสนจะอลังการต่างๆ หากด้วยจุดเด่นที่ค่อนข้างเด่นมากของเรื่องอย่างบทนำและตัวละครที่มีสีสันอย่างยิ่งยวดก็ช่วยกลบทับความเรียบง่ายนั้นไปได้อย่างดี
จุดเด่นสำคัญที่ทำให้นิยายเรื่องนี้จับความสนใจของผู้อื่นได้อย่างอยู่หมัดจุดแรกก็คือบทนำ ปกติแล้วนิยายแนวจีนโบราณย้อนยุคเช่นนี้มักจะเริ่มต้นด้วยการตายของตัวเอกแล้วไปปรากฏตัวในยุคหรือมิติอื่น หากนิยายเรื่องนี้กลับแหวกแนวนิยายย้อนยุคทั้งหมดทั้งปวงด้วยการให้ตัวเองมาเกิดในร่างใหม่ และถูกฆ่าให้ตายซ้ำตายซากจนต้องมาเกิดใหม่อีกหลายรอบ เป็นการสร้างความประทับใจชนิดจำได้ไม่รู้ลืมต่อผู้อ่าน ทั้งยังกระตุ้นให้เกิดความสนใจใคร่รู้ กระตือรือร้นที่จะอ่านต่อไปอย่างยิ่ง
และเมื่ออ่านตอนต่อไปเรื่อยๆก็ยิ่งรู้สึกไม่ผิดหวังที่ได้เข้ามาอ่าน เพราะนอกจากจะมีบทนำที่จับผู้อ่านเสียอยู่หมัดแล้ว นิยายเรื่องนี้ยังมีการดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว กระชับ มีมุกตลกขำกลิ้งสอดแทรกเข้ามาเป็นระยะ มีปมให้ขบคิด มีแง่คิดให้คิดตามอยู่เรื่อยๆ เช่น ในตอนที่นางเอกรอความช่วยเหลืออยู่ในค่ายฝึก ไม่ยอมกินอาหารที่ผู้คุมสามนำมาให้ จนกระทั่งตัวเองเกือบตายจึงยอมรับความจริงได้ว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่ทุกคนจะได้รับความช่วยเหลือ หรือการมีคนทรยศอยู่ในพรรคไร้นาม เป็นต้น
ตัวละครของเรื่องเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้นิยายเรื่องนี้โดดเด่นมาก ทั้งที่นิยายเรื่องนี้มีตัวละครเยอะมากราวกับเกลียวคลื่นจำนวนมหาศาลที่พัดเข้าหาชายฝั่ง แต่พวกเขากลับเป็นราวกับระลอกคลื่นแห่งความรู้สึกต่างๆมากมายที่ถาโถมเข้ามาใส่จิตใจผู้อ่านอย่างไม่ให้ตั้งตัว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ใดที่ได้อ่านผ่านภพบรรจบฟ้าแล้วจะไม่หลงรักไปความมึนๆของเฟิร์นหรือ 43 ความซื่อๆบ้าๆแถมหลงทางเก่งอย่างไม่น่าเชื่อของ 20 ความเกรียนและฮาของ16 ความฉลาดเจ้าเล่ห์ไร้ยางอายของ19 ความโหดแต่น่ารักของ1 ความสวยแต่โหดของ12 ความใจดีจริงใจของ27 ความเกรียนแถมโง่หลอกง่ายแต่น่ารักของผักเน่า ตลอดจนตัวละครอื่นๆมากมายทั้งผู้คุมสาม อาจารย์ ศิษย์พี บัดซบคิ้วบาก ฯลฯ
ผู้เขียนสร้างลักษณะนิสัยของพวกเขาให้มีชีวิตชีวาอย่างมาก ทำให้เนื้อเรื่องสนุกและน่าติดตามขึ้นไปอีก คาแรคเตอร์ตัวละครก็ถูกสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนผู้อ่านเกิดความรู้สึกผูกพันกับพวกเขา ซึ่งเมื่อรู้สึกผูกพันแล้ว ยามที่ตัวละครตัวหนึ่งตายไปก็สร้างความสะเทือนใจให้ไม่ใช่แค่กับตัวเอกที่สูญเสียผู้เป็นที่รักไป แต่รวมถึงผู้อ่านที่มีอารมณ์ร่วมไปด้วยราวกับตัวเองได้สูญเสียคนสำคัญไปเหมือนกันชนิดเรียกได้ว่าน้ำตาท่วมจอแถมสะอื้นในอกทุกครั้งที่ตัวละครที่ตายไปแล้วถูกกล่าวถึงเลยทีเดียว จุดนี้ขอชื่นชมผู้เขียนอย่างยิ่ง
ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องนี้สวนใหญ่จะเน้นเรื่องราวของสายสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างเหล่าเด็กฝึกจากพรรคไร้นามที่ถูกพาตัวมาปล่อยไว้ที่ค่ายและต้องพยายามแข็งแกร่งรวมถึงพยายามมีชีวิตรอดจนถึงวันที่จะได้เข้าร่วมการทดสอบสุดท้ายเพื่อเลือกว่าจะไปอยู่หอสุริยัน จันทรา นภา หรือวารีต่อไป ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาพบกันอีกครั้งในหลายปีถัดมาโดยที่สายสัมพันธ์ไม่เคยขาดสะบั้นลง นอกจากนี้ ยังเจือปนมาด้วยกลิ่นอายความรักระหว่างหมายเลข 1 43 และเหวินจิ้งหรือ 27.5 ให้ได้ลุ้นว่ากันว่าใครกันแน่ที่จะเป็นผู้คว้าหัวใจของ43ไปครอง และทั้งที่มีการบรรยายถึงความสัมพันธ์ในด้านความรักนี้แล้ว แต่ผ่านภพบรรจบฟ้ากลับไร้ซึ่งฉากหวือหวา มีแต่ฉากน่ารักๆให้ลุ้นกันจนตัวโก่งว่าเมื่อไหร่พระเอกนางเอกจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ นับเป็นนิยายรักสีขาวอีกหนึ่งเรื่องในเว็บเด็กดีแห่งนี้
ทั้งนี้ ด้วยปมต่างๆภายในเรื่องนี้มีเยอะมาก แต่ผู้เขียนพยายามมุ่งความสนใจและเดินเรื่องไปที่ปมหลักของเรื่องราวคือภารกิจของตัวเอกอย่างเดียว แล้วแทรกปมหรือความคืบหน้าปูมหลังของตัวละครอื่นๆเช่น สถานการณ์การเมืองของหมายเลข 1 เข้ามาเป็นระยะ จะนับว่าเป็นข้อดีที่ทำให้สามารถเพ่งความสนใจไปที่เรื่องราวของตัวเอกอย่างเดียวก็ดี แต่จะให้มองว่าเป็นข้อเสียที่ดึงความสนใจจากผู้อ่านไปยังอีกปมหนึ่งซึ่งเป็นปมเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ไม่แพ้ของตัวเอกแล้วไม่สานต่อให้จบก็เป็นได้เช่นกัน
การดำเนินเรื่องโดยบรรยายผ่านมุมมองของตัวเอกจะทำให้สามารถคุมเรื่องให้อยู่แต่ในมุมมองของตัวเอกหรือสถานการณ์รอบตัวของตัวเอกได้ แต่การเปิดปมที่หนักหน่วงของตัวละครหลักออกมาและเขียนเนื้อหาข้ามไปข้ามมาให้เห็นความคืบหน้าเป็นระยะทำให้เนื้อเรื่องดูเร่งรีบจนเกินไป อรรถรสในการอ่านจึงมีจุดที่ทำให้ต้องสะดุดลง
ผู้เขียนใส่ปมทั้งการเมืองและสถานการณ์ในยุทธจักรหรือเรื่องของเทพเซียนไว้ในเรื่องเดียวกันจึงมีจุดให้ต้องเก็บรายละเอียดเยอะ และต้องพยายามคุมเรื่องไม่ให้เน้นหนักในด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป หรือมองข้ามด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องจะมุ่งความสนใจไปที่ประเด็นใดกันแน่ และเมื่อให้ความสนใจไปที่ประเด็นใดประเด็นหนึ่งแล้ว ก็ไม่ควรให้อีกประเด็นที่ตัดสินใจว่าเป็นประเด็นรองแล้วมีความโดดเด่นขึ้นมาจนบางครั้งแทบจะกลบความสำคัญของประเด็นหลักไป
และเนื่องจากนิยายเรื่องนี้เป็นแนวจีนโบราณย้อนยุคใช้ชีวิตอยู่ในยุทธจักร มีสถานการณ์เกมการเมืองเข้ามาเจือปนเป็นระยะด้วยปูมหลังของหมายเลข 1 นั่นเอง ทำให้ต้องมีการบรรยายถึงสถานภาพทางการเมืองตลอดจนสภาพทางภูมิศาสตร์ของแคว้นเจ็ดแคว้นในเรื่องขึ้นมาเพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจได้ ซึ่งผู้เขียนก็ได้มีการบรรยายแจกแจงรายละเอียดให้ทราบไว้ในบางตอน เช่น ตอนที่ 37 ที่เล่าถึงเมืองบา ผู้เขียนบรรยายถึงประวัติศาสตร์ของแคว้นฉินไว้ในตอนต้นของเนื้อหา เป็นการบรรยายที่อัดแน่นเต็มไปด้วยเนื้อหาล้วนๆจนเหมือนกับจับความรู้ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งใส่เข้ามาในความคิดผู้อ่านอย่างกะทันหันและปริมาณมาก ผิดกับเนื้อหาในตอนก่อนๆที่ผ่านมาซึ่งจะแทรกที่มาของเรื่องราวให้อ่านเป็นระยะสลับกับมุกตลกของตัวละครในเรื่อง มีการเล่าที่มาของแคว้นต่างๆแบบจับยัดกันซึ่งหน้าทำให้เนื้อเรื่องที่ผ่านมากับเนื้อหาส่วนเป็นประวัติศาสตร์ขัดกันเอง
กล่าวคือ เนื้อหาในตอนที่ผ่านมาเปรียบเสมือนคลื่นที่พัดมาอย่างมีจังหวะ สวยงาม กระชับ ชวนให้รู้สึกสนุกสนานกระปรี้กระเปร่าอยากวิ่งลุยออกไปต่อ หากจู่ๆก็ปรากฏเป็นคลื่นใหญ่ที่ซัดตูมลงมาโดยไม่มีบอกกล่าวล่วงหน้า คลื่นเนื้อหาประวัติศาสตร์ของแคว้นที่ผู้เขียนสร้างขึ้นถาโถมเข้าใส่ลูกใหญ่เกินไป ทำให้เกิดความรู้สึกสะดุด ไม่อยากไปต่อ เพราะความกระปรี้กระเปร่าสนุกสนานเหล่านั้นหยุดชะงักไปจากคลื่นลูกใหญ่ลูกนี้ หากสามารถแบ่งคลื่นลูกนี้ให้เล็กลงกว่านี้สักนิดนึงได้ ให้กลายเป็นลูกใหญ่(ไม่มาก)หนึ่งลูกกับลูกเล็กหนึ่งลูก จะช่วยให้ความรู้สึกที่อยากจะไปต่อไม่ถูกบั่นทอนให้ลดลงมากเท่าแบบเดิมได้
ตัวละครเอกของเรื่องอย่าง43หรือที่ภายหลังได้นามว่าหลิ่งเฟย ทั้งที่เป็นตัวเอกของเรื่อง แต่เมื่ออ่านไปแล้วกลับให้ความรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่บุคลิกไม่ชัดเจนที่สุดในเรื่อง เป็นคนใจเย็นที่ขี้บ่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ใจร้อนแต่ฉลาดก็ไม่เชิงทีเดียว การที่ผู้เขียนต้องมีการอธิบายถึงที่มาของลักษณะนิสัยพื้นเพหรือสภาพครอบครัวของตัวเอกไว้ในมุมพูดคุยท้ายเรื่องเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจตัวละครเอกไปในทางเดียวกันกับผู้เขียนเป็นสิ่งพิสูจน์ได้อย่างดีถึงความไม่ชัดเจนของลักษณะบุคลิกนิสัยของตัวละครนี้
หากสามารถบรรยายเนื้อหาในแต่ละตอนของเรื่องให้ผู้อ่านค่อยๆเก็บรายละเอียดนิสัยของตัวละครด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องมาคอยบอกในมุมพูดคุยกับผู้อ่านท้ายตอนจะเป็นการดีกว่า เนื่องด้วยยังมีผู้อ่านบางคนไม่นิยมอ่านมุมคุยกับนักเขียนท้ายตอน หรือผู้อ่านที่ซื้อเรื่องนี้แบบรูปเล่มไปในภาคหน้าที่ได้เป็นหนังสือไปแล้ว หากคาใจเรื่องลักษณะนิสัยของตัวละครก็จะได้แต่เก็บงำความรู้สึกขัดแย้งๆเล็กๆนั้นไว้ในใจ ไม่สามารถหาคำตอบของที่มาที่ไปในการกระทำที่บางครั้งขัดแย้งกันเองของตัวละครเอกในเรื่องได้เพราะไม่มีมุมพูดคุยกับนักเขียนให้อ่านได้ในเล่ม
โดยรวมแล้ว ผ่านภพบรรจบฟ้าถือเป็นนิยายแนวย้อนยุคจีนโบราณที่อ่านแล้วสนุกเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง ด้วยบทนำที่ไม่เหมือนใคร คลื่นตัวละครมากมายที่มีบุคลิกโดดเด่นทำให้ผู้อ่านหลงรัก บทสนทนาที่ไหลลื่นอ่านแล้วมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครไม่ว่าจะยามหัวเราะหรือร้องไห้ เนื้อหาที่เข้มข้นชวนติดตามทั้งมิตรภาพ การต่อสู้ การเมือง ความรัก หรือการสูญเสีย ตลอดจนการดำเนินเรื่องที่กระชับฉับไวไม่ยืดเยื้อ มีฉากตลกเบาสมองสอดแทรกเข้ามาตลอด หากด้วยปมปูมหลังของตัวละครเอกและตัวละครหลักมีมากเกินไปทำให้กลายเป็นว่าการพยายามเปิดปมของตัวละครเอกโดยข้ามๆการเปิดปมของตัวละครหลักแบบไม่ให้กระจ่างชัด การจับเนื้อหาประวัติศาสตร์ของเมืองในมิติจีนโบราณที่เขียนขึ้นเองใส่ผู้อ่านแบบเทลงมาโครมเดียวแบบไม่ให้หยุดคิดหรือพยายามจดจำข้อมูลราวกับคลื่นยักษ์ที่โผล่มาท่ามกลางลมสงบจนชวนติดขัด ตลอดจนการต้องมีคำอธิบายลักษณะนิสัยของตัวเอกไว้ในมุมพูดคุยกับผู้อ่านเนื่องจากความขัดแย้งกันเองในตัวละครเอกก็ทำให้อรรถรสในการอ่านสะดุดลงบ้าง
สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนในการสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ต่อไป และขอแสดงความยินดีที่ผ่านการพิจารณากับสำนักพิมพ์ อย่างไรเสียคำวิจารณ์นี้ก็เป็นเพียงมุมมองและความเห็นของผู้อ่านคนหนึ่งจากบรรดาผู้อ่านหลายคนของนิยายเรื่องนี้เท่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการคิดและตัดสินใจของตัวผู้เขียนเอง