ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vampire's secret lover (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : ค้างคาวตัวที่หนึ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 391
      2
      26 ก.พ. 54

               ค้างคาวตัวที่หนึ่ง

     

    ผมสูดหายใจลึก คิดว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่จะหลอกตัวเองได้ยังไงในเมื่อความจริงมันก็อยู่ตรงหน้านี่แล้ว ผมหนุ่มหน้ามนคนเย็นชานาม”ฟีล” ฟีลที่แปลว่าความรู้สึก ความรู้สึกที่ตายด้านไปนานแล้ว ตั้งแต่วันไหนไม่รู้ ที่ผมเริ่มปิดกั้นตัวเอง ขีดเส้นเอาไว้ไม่ให้คนอื่นข้ามมาได้  และตอนนี้มันอะไรกันนะ ผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะกระโดดตึก รูปร่างสูงโปร่ง เป็นหนุ่มวัยทำงานที่หล่อเหลาทีเดียว ผมหยักศกสีน้ำตาลบอกว่าเป็นลูกครึ่งแน่ๆ แต่ท่าทางการแต่งตัวของเขามันซอมซ่อไปหน่อยเท่านั้นเอง

     

    “เอาไง จะมากระโดดกับฉันไหม” ไอ้ลูกครึ่งชาติอะไรไม่รู้ถามผม คงไม่มีใครหรอก เพราะบนดาดฟ้านี่มีแค่ผมคนเดียว แต่เพื่อเสริมความมั่นใจ หรือเพื่ออะไรสักอย่างว่าคนๆที่มันถามไม่ใช่ผม ก็เลย หันซ้ายแลขวาเลิ่กลั่ก

     

    “ฮ่าๆๆ ฮะๆ ก๊ากๆๆๆ XD” อะ อะไรเนี่ย ??? หัวเราะหาพระแสงปืนต้นเรอะ!!!

     

    “จะกลับบ้านแล้ว จะโดดก็โดดไปคนเดียวเซ่!” ผมตั้งท่าจะกลับ

     

    “อะไรกัน อะไรกัน ฉันรู้นะว่าจริงๆแล้วนายก็อยากจะตายไปให้พ้นๆโลกที่เน่าเฟะนี่”

     

    “...”

     

    “ไม่มีทั้งเพื่อน ทั้งแม่....ที่แท้จริง”  ผมกำหมัดแน่น

     

    “แล้วนายก็คงจะลังเลมิใช่น้อยที่จะโดด.....ฮะๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาล่องลอยอยู่บนดาดฟ้านี่ทุกวันหรอก”

     

    “การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกสักหน่อย เจ้าบ้า!” คราวนี้ไม่ฟังอะไรอีกแล้ว ผมกระทืบเท้าตึง ตึง จากมาทันที  ขณะกำลังก้าวลงบันได ค้างคาวที่น่าขยะแขยงโคตรๆก็บินโฉบหัว โอ๊ยย วันนี้มันวันซวยอะไรกันเนี่ย!!!

     

    .....

     

    ทั้งวัน ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย คิดถึงแต่ไอ้ฝรั่งงี่เง่านั่น เฮ้อ ทั้งๆที่น่าจะลืมแล้วแท้ๆ แต่ว่าวันเดียวมันจะไปลืมได้ยังไง= =  ผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ แต่คิดแล้วก็น่าโมโห คนอะไรอย่างกับเจาะเข้าไปอ่านใจผมได้แน่ะ และสุดท้ายดูสิ ก็ไม่ยักกะเห็นตัวอะไรลอยละลิ่วลงมาจากดาดฟ้าเลยซักตัว นี่มันเข้าข่ายหลอกลวงประชาชีกันชัดๆ เดินเพลินๆก็ถึงบ้านพอดี บ้านอันใหญ่ยิ่ง แต่ยิ่งอยู่ ก็ยิ่งคับแคบลงทุกที นั่นมันหมายถึงใจของผมรึเปล่านะ

     

    “อ้าว กลับมาแล้วเหรอหนูธีรภาพ” ปัญญาอ่อนจริงเจ๊ อายุผมนะตั้ง 16 แล้วนะ มัวมาเรียกหนูอยู่ได้

     

    “กลับมาแล้วครับ” ถึงใจจะเกลียด แต่ก็ต้องทำตัวดีๆสินะ....

     

    “วันนี้พ่อเค้าไปอเมริกานะ” ผมวางแก้วน้ำลง เรื่องเดิมๆที่ได้ยินบ่อยมาก ไปทำงานบ้างล่ะ ไปประชุมบ้างล่ะ ไอ้ผมนะชินมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ แต่คุณเจ๊นงค์คนนี้เค้าจะไม่คิดน้อยใจบ้างรึไงว่าตกลงแต่งงานเพราะรักหรือจะให้เลี้ยงลูกสุดที่จะรักสุดจะหลงคนนี้กันแน่

     

    “งั้นก็.....เหงาหน่อยนะครับ” เสียงเบาๆจนดูเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า

     

    “เอ้อนี่ วันนี้มีค้างคาวตัวเบื้อเร่อเลยบินวนเวียนแถวสวน ฉันว่าฟีลรักสัตว์ น่าจะไปไล่มันได้นะจ๊ะ” อ้าว  คุณเจ๊ผู้งดงามปล่อยงานไว้แล้วมั้ยล่ะ= =

     

    ....

     

    เซ็งจริง ค้างคาวอีกและ นี่แกพยายามจะผูกมิตรกับฉันเหรอ ฝันไปซะเถอะ แล้วจะทำยังไงละทีนี้ สวนนี่ก็ใช่ว่าจะเล็กนะเฟ้ย ถึงตอนเด็กจะมาวิ่งเล่นจนรู้ทุกซอกทุกมุม แต่พออะไรๆ ใครๆ เค้าจากไป เราก็ไม่ได้มาเหยียบอีกเลย แล้วหน้าที่คนสวนสมัยนี้ ฮึ่มม คิดจะรับประทานเงินเดือนของพ่อฉันกันฟรีๆเลยเหรอ หายหัวไปไหนหมดว่ะ!!

    นั่นไง ไอ้ค้างคาวตัวดำๆ น่าหยะแหยงนั่น เมื่อกลางวันก็เจอมาแล้วตัวนึง ตอนเย็นก็มาอีกแล้ว ตัวเรามีฟีโรโมนเรียกค้างคาวรึเปล่าเนี่ย ผมค่อยๆย่องไปหาค้างคาวตัวนั้น(ตัวมันเล็กมาก ไหนคุณเจ๊แกบอกว่าใหญ่เบ้อเร่อไง- -) ขนาดก็พอๆกับตัวเมื่อกลางวันนี่นะ ส่วนอาวุธของผมก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ไม้สอยมะม่วงอันยาว ยาวมาก ก็เท่านั้น

     

    ตุ้บ!!

     

    เฮ้ยย!!

     

    ผมกระโดดหนีแทบไม่ทัน เมื่อซาก? เอ่อ คิดว่างั้นนะของค้าวคาวตัวนั้นตกลงตรงหน้า นี่มันตายแล้วเหรอเนี่ย ยังไม่ได้แตะต้องอะไรซักจิ๊ดดเดียว เพื่อความแน่ใจของผม ก็เลยถอยห่างออกมาในระยะที่ไม้สอยมะม่วงสามารถแตะซาก(?)นั้นได้

     

    จึกจึก!

     

    “ฮ่าๆๆ มันจั๊กจี้นะ”

     

    “ว้ากกกกกกกกกกกกกกกก”  ค้างคาวพูดได้!!!! OxO

     

    “เจอกันอีกแล้วนะสุดที่ร้ากกก” ไอ้ค้างคาวนั่น!! มันบินหาผม!!  ทำไงละครับ วิ่งสิครับ  ว่าแต่ ใครเป็นที่รักเมิ๊งงงงง

     

    ฟิ้ววสสส~

     

    เบรก เอี๊ยดดดดดดด ลุงแช่มคนสวน โอ้ สวรรค์~~~

     

    “คุณหนูครับ คุณหนู!”.............หัวสมองพร่าเลือน อะไรๆก็ดูจะเบลอ อืมมม เหมือนตอนที่เรากินเบียร์ครั้งแรกเลยแฮะ.........

     

    .....

     

    “เป็นไงบ้างคะหมอ”

     

    “เพลียครับ แค่พักผ่อนก็เท่านั้นเอง”

     

    “เฮ้อ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่เทพเขาจะมาว่านงค์อีกว่าเลี้ยงลูกเขาไม่ดี ฮิๆ คุณหมอจะกลับเลยใช่ไหมคะ งั้นก็กลับเถอะคะ^^

     

                นอนฟังก็สักพักแล้วนี่นะ เจ๊นงค์สะคราญหัวเราะได้ชั่วมากจริงๆ แถมมีความเป็นเจ้าบ้านที่ดี ปล่อยให้หมอเดินไปหน้าบ้านที่ห่างออกไป 300 เมตรคนเดียวขณะเวลาห้าทุ่ม ดึกดื่น ส่วนตัวเธอก็กลับไปดูหนังญี่ปุ่น ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากหรอก ถ้าหนังที่ว่านั่นไม่ใช่หนังเกย์อ่ะนะ = =”

     

    “หนูธีรภาพก็พักผ่อนอย่างที่หมอบอกซะนะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่ไหว ก็ไม่ต้องไป แหม หมอเค้าก็น่าจริงๆเลยนะ โทรเรียกห้าโมงเย็น แต่ดั๊นน มาซะห้าทุ่ม ถ้าเจ๊ เอ๊ย! ฉันไม่เกรงใจคนในบ้านละก็นะ มีหวังหมอคนนี้เป็นได้หูชา ชิส์!” หมอคนนั้นไม่หูชา แต่ผมนะหูชาอ่ะเจ๊

     

    “เอ่อ ขอบคุณครับ” ผมกล่าวไป เพราะเจ๊แกก็ทุ่มเทให้ผมอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกเข้าหน้าไม่ติดอยู่ดีถ้าจะให้พูดขอบคุณกับเจ๊แก เพราะผมรู้ว่าที่ทำๆไปทั้งหมดนะ เจ๊แกหวังผลทั้งนั้น

     

    “ฝันดีจ๊ะ” ทันทีที่ราตรีทักทาย ผมข่มตาให้หลับ แต่ว่า...ทำไมมันไม่หลับกันนะ เฮ้อ........

     

    ........    “มะ แม่  แม่จ๋า แม่ ตื่นสิ แม่” เด็กน้อยกอดร่างที่ไร้วิญญาณของผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายฝน ยิ่งถ่ายเทลงมามากเท่าไหร่ ก็เหมือนยิ่งย่ำยีหัวใจของเขามากเท่านั้น

     

    “ฟีล แม่เขาไปสวรรค์แล้วลูก”

     

    “ไปยังไง แม่อยู่นี่ แม่อยู่นี่! ฮือ แต่แม่ไม่ตื่นอะพ่อ ไมแม่ไม่ตื่นล่า” เด็กวัย 7 ขวบ จะไปรู้อะไร....กับการอยู่หรือการจากไป

     

    “ภพ ช่วยหน่อย” เทพสีหน้าไม่สู้ดีนัก ด้วยความรักลูก เมื่อเห็นลูกเป็นแบบนี้ ถูกย่ำยีทั้งทางกายและใจ โจรมันทำได้แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ ไม่ต่างจากสัตว์ที่ผุดขึ้นมาจากนรกเลยสักนิด  “ภพ” บอดี้การ์ดวัยกระเตาะ เพียง 17 ปี ผู้เข้าอกเข้าใจเจ้านายของเขาเข้าไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา

     

    “ไม่เป็นไรนะครับบอส” เขายิ้มน้อยๆให้เทพ แล้วเดินไปที่รถพยาบาลซึ่งจอดรอไว้อยู่แล้ว

     

    “พี่ภพครับ อย่าลืมอุ้มแม่นะ” เด็กน้อยขยำเสื้อชายหนุ่ม

     

    “แม่จ๋าของฟีล ก็ต้องให้พ่อจ๋าอุ้มสิครับ”

     

    “พ่อครับๆ ฟีลขอนอนด้วยคนสิครับ” เสียงเด็กน้อยดูอ่อนแรง หลังจากกลับจากโรงพยาบาลแล้ว เด็กน้อยก็ยังตาสว่างอยู่อย่างนั้น  ทั้งๆที่ง่วง เพิ่งรู้ว่าการนอนมันยากก็วันนี้แหละ ทั้งมืด ทั้งกลัว กลัวคนพวกนั้น กลัวว่าแม่จะไม่มาหา   ฟีลเคาะแล้วเคาะอีก แต่พ่อของเขาก็ไม่เปิดประตูสักที หรือว่าเสียงมันจะเบาเกินไป เพราะได้ยินเสียงจากในห้องของพ่อ มันดังมาก

     

    “อา...อื้อ....หยุด ก่อน....”

     

    “บอสครับ ผมรักบอส”

     

    “พอก่อนภพ! ฉันเจ็บ  อา~

     

    “อือ อืมม”

     

    แอ๊ดดด

     

    ทันทีที่ประตูเปิด เด็กน้อยฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ในเมื่อเขาเพิ่งเจอมากับตัวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เอง แต่ทำไม??? พอ่ถึงดูมีความสุขมากกว่าเขานะ??

     

    “พี่ภพ! พี่ภพทำอะไรพ่ออ่า พี่ภพออกมานะ พ่อเจ็บนะ!!” เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา วิ่งเข้าไปตีพี่ภพเสียยกใหญ่ น้ำตาไหลพราก รู้ดีว่ามันเป็นอย่างไรกับความรู้สึกแย่ๆที่ได้รับจากคนตั้งสามคน แถมพี่ภพตัวใหญ่กว่าพ่อตั้งเยอะ เหมือนที่เขาตัวเล็กกว่าคนพวกนั้น

     

    “เอ่อ ฟีล หยุดก่อน พ่อไม่เป็นอะไรหรอกลูก” เทพคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวพลางปลอบลูกไปพลาง

     

    “พ่อชอบเหรอครับ ทำไมเหรอครับ ผมก็โดนทำแบบนี้ แต่ผมไม่เห็นชอบเลย!? ฮืออ พ่อเป็นคนพวกเดียวกับคนพวกนั้นเหรอฮะ พ่อใจร้ายที่สุดเลย ฮืออ พ่อสั่งพวกนั้นให้ทำกับผมเหรอ” เด็กน้อยไม่ฟังอะไรซะเลย

     

    “เดี๋ยวก่อนสิฟีล”

     

    “พี่ภพก็เหมือนกันสิฮะ ใช่มั้ยฮะ?? ผมเกลียดทุกคนเลย ฮือ” เด็กน้อยปาดน้ำตา วิ่งกลับห้องตัวเอง เทพแทบจะลุกตาม แต่ร่างกายเขาไม่ไหวเอาซะเลย

     

    “ให้เขาอยู่คนเดียวเถอะครับ”............

     

                ตั้งแต่วันนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผมเก็บตัวเงียบ ไม่คุยกับใครอีกเลย มารู้ตัวอีกที พ่อก็แต่งงานใหม่ และมีอเมริกาเป็นบ้านหลังที่หนึ่งไปแล้ว ไปเสวยสุขกับพี่ภพ เฮอะ! ทิ้งลูกกับเมียใหม่ไปเสวยสุขกันอยู่สองคนละนะ เลวที่สุด ถ้าเทียบพ่อกับเจ๊นงค์แล้ว ยังไงผมก็เกลียดพ่อมากกว่าใครทั้งหมด

     

     

    “มัวแต่ฟื้นฝอยหาตะเข็บอยู่ได้”  เอ๋?? เสียงคุ้นๆ

     

    “ว่าไง คุณหนูฟีล” เงาตะคุ่มๆเดินมาที่เตียง แสงจากดวงจันทร์วันเพ็ญ ทำให้เห็นหน้าเจ้านี่ได้อย่างชัดเจน คนที่กวนประสาทผมตั้งแต่เมื่อกลางวัน

     

    “ไอ้ฝรั่งขี้นก!” เหวอ...เผลอหลุดปากด่ามันซะแล้วว

     

    “ขี้นกบ้าอาร๊ายยย ฉันเป็นลูกครึ่งหรอกเจ้าเด็กเป-รต”

     

    “เฮ้ยยย นี่แกด่าฉันเหรอ จะมากไปแล้วนะเว่ย”

     

    “จุ๊ จุ๊ เบาๆหน่อย เดี๋ยวคนข้างนอกตื่นหมด”

     

    “ตื่นก็ดีนะสิ ไอ้บ้าเอ๊ยยยย อุ้บส์ อ่อยอ้ะไอ้อ้า อ้วยอ้วยยยย โอนอ้นนนน ใอเอ้ออ้ายยย อ้วยอี” ถึงจะไม่รู้เรื่อง แต่ก็ต้องพูดให้ได้เท่าที่แรงยังมีละนะ หัวใจของผมสั่นเทิ้ม ดูเหมือนอะไรๆในวันวานจะย้อนกลับมา เหมือนลาง....จะไม่ดี

     

    “ฉันนะน่ะ อยากจะด่านายมานานแล้วหละ คนอาไร๊ โตเป็นควายยยยแล้ว แต่ยังโกรธเกลียดพ่อตัวเองอยู่ได้ ทั้งๆที่ตอนนั้นยังเด็กก็เลยไม่รู้เรื่องอะไรเล้ย แต่พอโต พอรู้เรื่องดีแล้ว ก็ยังหลอกตัวเองว่าพ่อเลวอย่างนู้น เลวอย่างนี้ บ้ารึเปล่า” มาเป็นชุดเลยนะ แล้วแกมาอ่านใจฉันออกได้ไงฟร่ะ!

     

    “อ่อยยยยยย” มันมัดมือผมกับหัวเตียง ปากไม่ต้องพูดถึง โดนมัดจนเจ็บไปหมดแล้ว

     

    “กลัวเสียศักดิ์ศรีละซี้ กลัวจะเสียฟอร์ม ก็อุตส่าห์เกลียดมาตั้งเก้าปีแล้วนี่นะ ถ้าจะโทรไปหาแล้วบอกว่า พ่อครับ ผมขอโทษครับ เมื่อตอนเจ็ดขวบผมงี่เง่าเองหละครับ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพ่อรักผมแค่ไหน แล้ววันนั้นพ่อก็แค่ต้องการคนปลอบใจเท่านั้น ผมเข้าใจครับ  มันก็จะดูดีเกินไป ศักดิ์ศรีมันกินได้ที่ไหนกันเล่า” หูกรูชาแล้วเฟร้ยยยยยย

     

    “อื้ออ” ไอ้หัวน้ำตาลแยกขาผมออกอย่างง่ายดาย เพราะผมหมดแรงนะสิครับ หรือที่มันเทศน์อยู่นี้เป็นอุบายจะให้ผมดิ้นๆๆๆ จนหมดแรงใช่มั้ยยย??? เออ มรึงฉลาดโคตรรร

     

    “อยู่นิ่งๆละ เจ็บก็บอก” มือใหญ่นั่นค่อยๆปลดกางเกงออก ไม่บอกก็รู้ว่าจะทำอะไร ภาพความทรงจำ ภาพแย่ๆมันไหลวนอยู่ในหัวไม่หยุด รู้สึกว่าน้ำอุ่นๆจะไหลลงมาช้าๆ ช้ามาก ช้าเหมือนจะตอกย้ำทุกสิ่งทุกอย่าง ทำไงดี ... แต่ผมไม่มีแรงเลย

     

    “หือ ร้องไห้เลยเหรอ ฉันรู้น่า ฉันรู้ดีเกี่ยวกับนาย” ผมส่งสายตาอ้อนวอน ไม่ดิ้น ไม่อะไรทั้งสิ้น ห้องที่มืดอยู่แล้ว ยิ่งเบลอเข้าไปอีกเมื่อน้ำตามันเอ่อล้นอย่างนี้ มองไม่เห็นหน้าไอ้ฝรั่งนั่นเลย

     

    “อู๊อีเอ้ออุด”

     

    “พูดไม่รู้เรื่องเลยนะ เอางี้ ถ้าฉันแกะผ้าออก ห้ามส่งเสียงดังนะจ๊ะเด็กดี” ผมพยักหน้าแบบไม่รู้ตัวเลยว่ามันเร็วแค่ไหน แต่คงตลกน่าดูเพราะไอ้นี่มันก็หัวเราะอีกแล้ว เกลียดแกตอนหัวเราะที่สุด

     

    “นี่! ถ้าเกิดคุณรู้เรื่องที่ผมเคยเจอมาแล้ว ก็หยุดเถอะนะ” เปลี่ยนโหมดเป็นเด็กดีไปตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า

     

    “หึหึ” เฮ้ยยย หัวเราะบ้านพ่องมรึงเรอะ!! อุตส่าห์ลดตัวไปพูดดีๆด้วยนะเว่ย

     

    “ขอร้องล่ะ” โหยย นี่ไม่ได้พูดคำนี้มากี่ปีแล้วนะเรา

     

    “นายดีแต่ปาก แต่ใจนายก็ยังแย่อยู่ดีนะ ฉะนั้น.....ฉันไม่ชอบ.....ฉะนั้น....ต่อกันดีกว่า” เฮ้ยยย =[]=!!!!!!!!!!

     

    “อื้อๆ” ปากของผมรวมกับปากของมัน กลิ่นบุหรี่ รสของบุหรี่(ละมั้งนะ) เกลียด เกลียดที่สุด.....

    .....

    เป็นยังไงมั่่งคะ กับตอนแรก ติให้หน่อย อย่าชม- - อ้าวยังไง 55+ ชมก็ได้นะ เหอๆๆ อุโฮะๆ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×