ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ลมในความมืด
Prince of world ตอนที่1”ลมในความมืด”
       
          ในเมืองทางตอนใต้ของประเทศแถบยุโรป เมืองเล็กๆที่มีแต่สิ่งไม่เจริญต่างๆมากมายให้ได้พบเห็นกันบ่อย  ภาพของถังขยะที่ล้มระเนระนาด  พื้นถนนเกลื่อนไปด้วยเศษขยะทับถมกันมากมาย  ที่บัดนี้เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่ว เป็นแหล่งกำเนิดของพาหะนำโรคหลายชนิด ตั้งแต่แมลงวันจนกระทั่งหนูตัวใหญ่ๆที่วิ่งไปมาตามซอกมุมถนนของเมืองนี้ “ เมืองปาเรล ” ที่คุณมักจะพบเห็นสิ่งผิดปรกติของชาวเมืองเมืองนี้ได้ดี มันเป็นเมืองที่ไม่เจริญ ดูเหมือนว่าคำไม่เจริญไม่สามารถครอบคลุมและบ่งชี้ถึงสภาพของเมืองนี้ได้ดีสักเท่าไหร่ อันที่จริงเมืองนี้มีสภาพค่อนข้างแย่ทีเดียว คำว่าไม่เจริญอาจเป็นคำที่น้อยไปเมื่อ    เปรียบเทียบกับชาวเมือง เมืองอื่น ทั้งถนนที่เงียบเชียบวังเวง ยิ่งในตอนกลางคืนคงไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งมีชีวิตที่เดินอยู่บนถนนนั้นมีแต่ประเภทสี่ขาเท่านั้น  แต่มีคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่อยู่นอกบ้านตอนดึกสงัด เช่นคืนนี้
“ เงียบชะมัด นี่เมืองหรือป่าช้าวะเนี่ย “ เสียงหนึ่งบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ดังออกมาจากหลังต้นไม้ที่สวนสาธารณะ
“ เอาเถอะ อย่าบ่นมากไปเลย วิลสัน ก่อนที่นายจะทำงานของท่านเคิร์กพลาด ซึ่งหมายถึงตัดเบี้ยเลี้ยงของนายประจำเดือนนี้ครึ่งหนึ่ง “ เสียงหญิงสาวดังขึ้นขู่อย่างหงุดหงิดเต็มทน
  วิลสัน ที่ เธอพูดด้วยนั้น เป็นชายร่างสูง อายุประมาณ 30กว่าๆ ใบหน้าที่ยังคงหนุ่มกับผมสีน้ำเงินเข้มเรียบร้อย  การแต่งตัวของเขาดูผิดแปลกจากคนทั่วไปที่อยู่ในเมืองนี้  ถ้าตอนนี้เป็นตอนกลางวันเขาคงจะเด่นไม่น้อยในชุดสูทสีดำกับแว่นกันแดด
“ เอาน่า เอมม่า ฉันไม่ทำให้เธอเสียเรื่องหรอก ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตัดเบี้ยเลี้ยง” วิลสันเปรยเบาๆอย่างเยาะเย้ยเล็กๆ
แต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นไม่ได้มีท่าทีสนใจแม้แต่น้อย เธอกำลังมองหาอะไรบางอย่างท่ามกลางความมืดของสวนสาธารณะ
“ นายจะใส่แว่นกันแดดอีกนานไหม ในเมื่อมันไม่มีแดดแบบนี้น่ะ ฉันหวังแค่นายคงไม่โง่พอที่จะอ้างว่าใส่มันเพื่อกันแสงจันทร์ตอนเที่ยงคืน
หรอกนะ “ หญิงสาวสบถอู้อี้ในลำคอ แต่วิลสันได้ยินทุกคำชัดเจน จึงรีบเก็บแว่นลงก่อนที่เขาจะหน้าแตกต่อหน้าเธอมากไปกว่านี้
          แสงจันทร์นวลผ่องบนท้องฟ้าสีกำมะหยี่ดูแล้วช่างตัดกันดีจริงๆ แสงนั้นสาดส่องลงมาบนใบหน้าของหญิงสาวที่วิลสัน เรียกเธอว่า เอมม่า วัย30กว่าๆเช่นกัน  ทำให้เห็นร่างที่มีเอวบาง  ผิวขาว ผมยาวสีส้มแปร๊ด ทำให้ดูเด่นในเวลากลางคืนมากๆ ดวงตาโตสีน้ำเงินเข้ม แสดงแววหงุดหงิดกับชายคนที่มาด้วยอย่างมาก 
      เธอยืนทำคิ้วขมวดอยู่หลังเงาต้นไม้ สายตามองหาอะไรบางอย่างผ่านความมืดมิด
      ครู่ใหญ่ เสียงเอะอะโวยวายก็ดังทำลายความเงียบของค่ำคืนนี้ ตามมาด้วยเสียงแก้วแตก ออกมาจากมุมถนน
“ เฮ้ยๆ มันหนีไปโน่นแล้ว จับมันมาให้ได้ วันนี้ข้าจะฆ่ามันให้ตายคาพระบาทคู่นี้นี่แหละ “ เสียงของนักเลงดังแทรกผ่านม่านความมืดสีดำ
ร่างหนึ่งที่มีความเร็วจัด  วิ่งฉิว....ผ่านหน้าสวนสาธารณะที่เอมม่ากับวิลสันหลบอยู่ ทั้งคู่สะดุ้ง  เสียงของพวกนักเลงอีกประมาณ3-4คนดังขึ้น
ก่อนที่ร่างทั้งหมดจะเคลื่อนตามร่างนั้นหายไปในความมืดของถนนทิ้งไว้แต่เสียงโวยวาย
“ เขามาแล้ว” เอมม่ากระซิบ น้ำเสียงดูตื่นเต้นเล็กน้อย
“ ดีใจเรื่องบ้าอะไรเนี่ย “ วิลสันบ่นอุบอิบเมื่อเห็นแววสนุกสนานบนดวงตาของเอมม่า “ เธอประสาทรึไง “
“ชู่วว !! เงียบซิ “ เอมม่าสั่ง  ก่อนจะเรียกไม้ยาวๆสีน้ำตาลเรียวขึ้นมาบนมือ ที่ปลายไม้นั้นส่องแสงเรืองรองสีทองๆเล็กน้อย ความยาวของมันประมาณ 12นิ้วได้  “ นายรอเปิดประตูเวลาอยู่ตรงนี้แหละ ฉันจะไปเอาตัวเขาออกมา”
“ อืมม “ วิลสันรับคำด้วยท่าทีเคร่งขรึม ที่แสร้งทำ
“เอาล่ะ” เอมม่ากระซิบก่อนจะพุ่งตัวผ่านต้นไม้ใหญ่ออกไปตามความมืด  เธอเสกแสงไฟดวงจ้อยขึ้นมาที่ปลายไม้ เพื่อนำทางในความมืด  เธอพยายามเร่งตามกลุ่มนักเลงนั้นให้ทัน ในที่สุด กลุ่มนักเลงทั้งหมดก็หยุดลงที่ซอกแคบๆแห่งหนึ่ง โดยไม่รู้ตัวว่ามีหญิงสาวร่างบางตามมาข้างหลัง  ด้วยความสามารถของเอมม่า เธอไม่ปรากฏแม้แต่เสียงฝีเท้าให้พวกนั้นได้ยิน 
“  ในที่สุด  ข้าก็แจแกจนได้แล้วนะ ไอ้หนู แกไม่รอดแน่ๆวันนี้ “ เสียงของหัวหน้ากลุ่มนักเลงดังขึ้นอย่างบันดาลโทสะ เอมม่ากระตุกเล็กน้อยก่อนจะขยับเข้าใกล้เพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธอเห็นร่างของเด็กหนุ่มคนนึงจนตรอกอยู่ในซอกนั้น ร่างนั้นสั่นเล็กน้อย อย่างหมดหนทางหนี
“แกหมดหนทางหนีแล้ว เด็กน้อย วันนี้ข้าจะสั่งสอนให้แกรู้ว่า ข้าเท่านั้นที่เป็นใหญ่ในแถบนี้  การต่อสู้กระจอกๆของแกไม่มีทางเทียบข้าได้หรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆ  “ หัวหน้ากลุ่มพูด ก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะ ลูกน้องในกลุ่มที่ยืนล้อมเด็กหนุ่มนั้นอยู่ก็ส่งสียงหัวเราะชอบใจตามหัวหน้าของพวกมัน” เฮ้ย พวกเรา จัดการมันซะ เอาให้จับมีดไม่ได้อีกต่อไปเลย  วะ ฮ่าๆๆๆๆ “
    เสียงเตะต่อย ดังขึ้นเป็นชุด พร้อมกับเสียงของแตก  เอมม่าตาลาย เธอรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเธอที่จะนำร่างของเหยื่อกลางวงออกมาก่อนที่จะเละคามือนักเลงกลุ่มนั้น  การตะลุมบอนเริ่มขึ้น ร่างตรงกลางวงนั้นบอบช้ำจากการโดนเตะต่อยและอัด เอมม่ารู้ตัวดีว่าเวลาของเธอมาถึงแล้ว
    ทันใดนั้นสิ่งประหลาดก็เกิดขึ้นลมขนาดใหญ่กระจายตัวออกเป็นวงพร้อมกับเสียงแก้วแตก เศษอิฐในซอกนั้นหล่นลงมาจากกำแพงอย่าง
รวดเร็ว ภายในเสี้ยววินาที ฝุ่นก็ตลบคละคลุ้งบริเวณนั้นไปหมด
“ เฮ้ยย นี่มันอะไรกันวะ “
” เกิดอะไรขึ้น “
“ เฮ้ย แกทับตัวข้าอยู่ “
“อย่าเบียดข้าสิ ไอ้เวนนี่ “
เกิดการชุลมุนขึ้นอย่างมากเมื่อลมเริ่มแรงขึ้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้  ซักครู่ลมนั้นก็หายไปพร้อมกับร่างทั้ง4ของนักเลงนอนหมดสติอยู่ตรงนั้นเอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวละครยังน้อยอยุ่อ่า ตอนหลังๆจาเริ่มเยอะน้าค้า
       
          ในเมืองทางตอนใต้ของประเทศแถบยุโรป เมืองเล็กๆที่มีแต่สิ่งไม่เจริญต่างๆมากมายให้ได้พบเห็นกันบ่อย  ภาพของถังขยะที่ล้มระเนระนาด  พื้นถนนเกลื่อนไปด้วยเศษขยะทับถมกันมากมาย  ที่บัดนี้เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่ว เป็นแหล่งกำเนิดของพาหะนำโรคหลายชนิด ตั้งแต่แมลงวันจนกระทั่งหนูตัวใหญ่ๆที่วิ่งไปมาตามซอกมุมถนนของเมืองนี้ “ เมืองปาเรล ” ที่คุณมักจะพบเห็นสิ่งผิดปรกติของชาวเมืองเมืองนี้ได้ดี มันเป็นเมืองที่ไม่เจริญ ดูเหมือนว่าคำไม่เจริญไม่สามารถครอบคลุมและบ่งชี้ถึงสภาพของเมืองนี้ได้ดีสักเท่าไหร่ อันที่จริงเมืองนี้มีสภาพค่อนข้างแย่ทีเดียว คำว่าไม่เจริญอาจเป็นคำที่น้อยไปเมื่อ    เปรียบเทียบกับชาวเมือง เมืองอื่น ทั้งถนนที่เงียบเชียบวังเวง ยิ่งในตอนกลางคืนคงไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งมีชีวิตที่เดินอยู่บนถนนนั้นมีแต่ประเภทสี่ขาเท่านั้น  แต่มีคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่อยู่นอกบ้านตอนดึกสงัด เช่นคืนนี้
“ เงียบชะมัด นี่เมืองหรือป่าช้าวะเนี่ย “ เสียงหนึ่งบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ดังออกมาจากหลังต้นไม้ที่สวนสาธารณะ
“ เอาเถอะ อย่าบ่นมากไปเลย วิลสัน ก่อนที่นายจะทำงานของท่านเคิร์กพลาด ซึ่งหมายถึงตัดเบี้ยเลี้ยงของนายประจำเดือนนี้ครึ่งหนึ่ง “ เสียงหญิงสาวดังขึ้นขู่อย่างหงุดหงิดเต็มทน
  วิลสัน ที่ เธอพูดด้วยนั้น เป็นชายร่างสูง อายุประมาณ 30กว่าๆ ใบหน้าที่ยังคงหนุ่มกับผมสีน้ำเงินเข้มเรียบร้อย  การแต่งตัวของเขาดูผิดแปลกจากคนทั่วไปที่อยู่ในเมืองนี้  ถ้าตอนนี้เป็นตอนกลางวันเขาคงจะเด่นไม่น้อยในชุดสูทสีดำกับแว่นกันแดด
“ เอาน่า เอมม่า ฉันไม่ทำให้เธอเสียเรื่องหรอก ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตัดเบี้ยเลี้ยง” วิลสันเปรยเบาๆอย่างเยาะเย้ยเล็กๆ
แต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นไม่ได้มีท่าทีสนใจแม้แต่น้อย เธอกำลังมองหาอะไรบางอย่างท่ามกลางความมืดของสวนสาธารณะ
“ นายจะใส่แว่นกันแดดอีกนานไหม ในเมื่อมันไม่มีแดดแบบนี้น่ะ ฉันหวังแค่นายคงไม่โง่พอที่จะอ้างว่าใส่มันเพื่อกันแสงจันทร์ตอนเที่ยงคืน
หรอกนะ “ หญิงสาวสบถอู้อี้ในลำคอ แต่วิลสันได้ยินทุกคำชัดเจน จึงรีบเก็บแว่นลงก่อนที่เขาจะหน้าแตกต่อหน้าเธอมากไปกว่านี้
          แสงจันทร์นวลผ่องบนท้องฟ้าสีกำมะหยี่ดูแล้วช่างตัดกันดีจริงๆ แสงนั้นสาดส่องลงมาบนใบหน้าของหญิงสาวที่วิลสัน เรียกเธอว่า เอมม่า วัย30กว่าๆเช่นกัน  ทำให้เห็นร่างที่มีเอวบาง  ผิวขาว ผมยาวสีส้มแปร๊ด ทำให้ดูเด่นในเวลากลางคืนมากๆ ดวงตาโตสีน้ำเงินเข้ม แสดงแววหงุดหงิดกับชายคนที่มาด้วยอย่างมาก 
      เธอยืนทำคิ้วขมวดอยู่หลังเงาต้นไม้ สายตามองหาอะไรบางอย่างผ่านความมืดมิด
      ครู่ใหญ่ เสียงเอะอะโวยวายก็ดังทำลายความเงียบของค่ำคืนนี้ ตามมาด้วยเสียงแก้วแตก ออกมาจากมุมถนน
“ เฮ้ยๆ มันหนีไปโน่นแล้ว จับมันมาให้ได้ วันนี้ข้าจะฆ่ามันให้ตายคาพระบาทคู่นี้นี่แหละ “ เสียงของนักเลงดังแทรกผ่านม่านความมืดสีดำ
ร่างหนึ่งที่มีความเร็วจัด  วิ่งฉิว....ผ่านหน้าสวนสาธารณะที่เอมม่ากับวิลสันหลบอยู่ ทั้งคู่สะดุ้ง  เสียงของพวกนักเลงอีกประมาณ3-4คนดังขึ้น
ก่อนที่ร่างทั้งหมดจะเคลื่อนตามร่างนั้นหายไปในความมืดของถนนทิ้งไว้แต่เสียงโวยวาย
“ เขามาแล้ว” เอมม่ากระซิบ น้ำเสียงดูตื่นเต้นเล็กน้อย
“ ดีใจเรื่องบ้าอะไรเนี่ย “ วิลสันบ่นอุบอิบเมื่อเห็นแววสนุกสนานบนดวงตาของเอมม่า “ เธอประสาทรึไง “
“ชู่วว !! เงียบซิ “ เอมม่าสั่ง  ก่อนจะเรียกไม้ยาวๆสีน้ำตาลเรียวขึ้นมาบนมือ ที่ปลายไม้นั้นส่องแสงเรืองรองสีทองๆเล็กน้อย ความยาวของมันประมาณ 12นิ้วได้  “ นายรอเปิดประตูเวลาอยู่ตรงนี้แหละ ฉันจะไปเอาตัวเขาออกมา”
“ อืมม “ วิลสันรับคำด้วยท่าทีเคร่งขรึม ที่แสร้งทำ
“เอาล่ะ” เอมม่ากระซิบก่อนจะพุ่งตัวผ่านต้นไม้ใหญ่ออกไปตามความมืด  เธอเสกแสงไฟดวงจ้อยขึ้นมาที่ปลายไม้ เพื่อนำทางในความมืด  เธอพยายามเร่งตามกลุ่มนักเลงนั้นให้ทัน ในที่สุด กลุ่มนักเลงทั้งหมดก็หยุดลงที่ซอกแคบๆแห่งหนึ่ง โดยไม่รู้ตัวว่ามีหญิงสาวร่างบางตามมาข้างหลัง  ด้วยความสามารถของเอมม่า เธอไม่ปรากฏแม้แต่เสียงฝีเท้าให้พวกนั้นได้ยิน 
“  ในที่สุด  ข้าก็แจแกจนได้แล้วนะ ไอ้หนู แกไม่รอดแน่ๆวันนี้ “ เสียงของหัวหน้ากลุ่มนักเลงดังขึ้นอย่างบันดาลโทสะ เอมม่ากระตุกเล็กน้อยก่อนจะขยับเข้าใกล้เพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธอเห็นร่างของเด็กหนุ่มคนนึงจนตรอกอยู่ในซอกนั้น ร่างนั้นสั่นเล็กน้อย อย่างหมดหนทางหนี
“แกหมดหนทางหนีแล้ว เด็กน้อย วันนี้ข้าจะสั่งสอนให้แกรู้ว่า ข้าเท่านั้นที่เป็นใหญ่ในแถบนี้  การต่อสู้กระจอกๆของแกไม่มีทางเทียบข้าได้หรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆ  “ หัวหน้ากลุ่มพูด ก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะ ลูกน้องในกลุ่มที่ยืนล้อมเด็กหนุ่มนั้นอยู่ก็ส่งสียงหัวเราะชอบใจตามหัวหน้าของพวกมัน” เฮ้ย พวกเรา จัดการมันซะ เอาให้จับมีดไม่ได้อีกต่อไปเลย  วะ ฮ่าๆๆๆๆ “
    เสียงเตะต่อย ดังขึ้นเป็นชุด พร้อมกับเสียงของแตก  เอมม่าตาลาย เธอรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเธอที่จะนำร่างของเหยื่อกลางวงออกมาก่อนที่จะเละคามือนักเลงกลุ่มนั้น  การตะลุมบอนเริ่มขึ้น ร่างตรงกลางวงนั้นบอบช้ำจากการโดนเตะต่อยและอัด เอมม่ารู้ตัวดีว่าเวลาของเธอมาถึงแล้ว
    ทันใดนั้นสิ่งประหลาดก็เกิดขึ้นลมขนาดใหญ่กระจายตัวออกเป็นวงพร้อมกับเสียงแก้วแตก เศษอิฐในซอกนั้นหล่นลงมาจากกำแพงอย่าง
รวดเร็ว ภายในเสี้ยววินาที ฝุ่นก็ตลบคละคลุ้งบริเวณนั้นไปหมด
“ เฮ้ยย นี่มันอะไรกันวะ “
” เกิดอะไรขึ้น “
“ เฮ้ย แกทับตัวข้าอยู่ “
“อย่าเบียดข้าสิ ไอ้เวนนี่ “
เกิดการชุลมุนขึ้นอย่างมากเมื่อลมเริ่มแรงขึ้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้  ซักครู่ลมนั้นก็หายไปพร้อมกับร่างทั้ง4ของนักเลงนอนหมดสติอยู่ตรงนั้นเอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวละครยังน้อยอยุ่อ่า ตอนหลังๆจาเริ่มเยอะน้าค้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น