ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกจัดอันดับ สุดแปลก ฮา

    ลำดับตอนที่ #61 : 5 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะ(ที่คุณก็เข้าใจได้ง่าย แม้ไม่ใช่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.97K
      1
      5 เม.ย. 52

    5 ว่าด้วยเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะ
    (ที่คุณก็เข้าใจได้ง่าย แม้ไม่ใช่แพทย์หรือเภสัชกรก็ตาม)


    คำเตือน
    บทความนี้ เป็นบทความที่อาจมีเนื้อความที่กระทบกับผลิตภัณฑ์หรือคนบางกลุ่ม ดังนั้น หากจะนำไปเผยแพร่ กรุณาคิดให้ดีก่อน และไม่ต้องให้เครดิตผม

    เวลาเราไม่สบาย เราก็จะไปหยิบยาตัวหนึ่งมากิน และเราเคยคิดหรือไม่ว่า ยานั้นมันจะได้ผลจริงๆ โอเค ถ้ามันเป็นพาราเซตามอล แต่เมื่อลงลึกไป เวลาเป็นไข้ ถ้าเราไปโรงพยาบาลหรือร้านขายยา เราอาจจะได้รับยาที่ชื่อ Amoxyมาทาน นั่นคือยาปฏิชีวนะ
    และเวลาท้องเสีย เรามักจะนึกว่าสงสัยเชื้อโรคไปเล่นงาน ก็เลยกินยาปฏิชีวนะ ซึ่งเราสามารถซื้อหาได้ตามร้านขายยารวมทั้งร้านขายของชำด้วย
    เพื่อนผม(E.R.A.)ได้ลงข้อมูลเกี่ยวกับยาปฏิชีวนะไว้ด้วย ซึ่งได้กล่าวถึงยาDisentoที่ซื้อกินบ่อยมากในหลายๆคน แต่ไม่มีใครทราบว่า อาจถึงตายได้
    วันนี้ผมจึงนำเรื่องที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาปฏิชีวนะมาให้อ่านกันครับ
    ส่วนรายละเอียดของเรื่องยาปฏิชีวนะใช้อย่างไร แนะนำว่าให้ไปอ่านที่ลิ้งค์นี้ครับ

    http://writer.dek-d.com/ERA101/writer/view.php?id=502743

    อันดับ 5 ยาปฏิชีวนะคือยาแก้อักเสบและฆ่าเชื้อครอบจักรวาล

    http://www.co.weld.co.us/departments/health/happenings/images/antibiotics_1.jpg
    หลายคนเข้าใจอย่างนี้ เพราะอาจจะได้ยินหมอบอกว่า "เอายาแก้อักเสบไปกินซะ" จึงต้องปรับความเข้าใจเสียใหม่เลยว่า ยาปฏิชีวนะ หมายถึงยาที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ซึ่งในความหมายทั่วๆไป หมายถึงเฉพาะยาต้านเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น เพราะยาตัวอื่น เราจะไปเรียกว่า ยาฆ่าเชื้อปรสิต ยาฆ่าเชื้อโปรโตซัว ยาฆ่าเชื้อรา อะไรแบบนี้ การที่แก้อักเสบนั่นเป็นเพราะว่าตัวเชื้อที่ทำให้เกิดอักเสบตายไปครับ แต่ยาที่แก้อักเสบจริงๆ ก็คืออีกกลุ่มหนึ่งเลย ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ เช่น แอสไพริน
     ส่วนเรื่องฆ่าเชื้อได้หมด ต้องบอกเลยว่า ไม่จริง(ไม่งั้นจะทำยามาหลายตัวทำไม) ยาก็จะจำเพราะต่อเชื้อไปอีกครับว่า เชื้อลักษณะแบบนี้ หรือ แบบโน้นอีก ดังนั้น การเลือกใช้ยาปฏิชีวนะจึงควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเภสัชกรเท่านั้น(รวมถึงบุคลากรทาการแพทย์อย่างพยาบาลด้วย) ไม่ควรซื้อมาทานเอง


    อันดับ 4 ยาปฏิชีวนะตัวใหม่ย่อมดีกว่าตัวเก่า ยิ่งแพง ก็ยิ่งดี
    http://www.whenifallinlove.net/diary/diary_folder/10777/10777_uploaded/Doctor_Haruhi_XD_by_bxdr.jpg
    ไม่จริงเลย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการตลาดซะมากกว่า สิ่งที่เราจะเจอก็คือ ยาตัวนี้จากผลงานวิจัยพบว่าดีกว่าตัวเก่านะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการหยิบงานวิจัยที่เข้าข้างตัวเอง หรือ จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ไม่ได้พูดถึง ขอยกตัวอย่างคร่าวๆดังนี้
    1. ยาได้ผลมากกว่ายาตัวเก่าครับ (อ่านดู มันเขียน 1 เปอร์เซนต์) อืม แต่ราคาแพงกว่าหลายเท่าตัว
    2. ยานี้รักษาโรค....ได้ เมื่อเทียบกับยาหลอกหรือยาที่ไม่ได้มีประโยชน์ในการรักษาเลย(เรียกว่าPlacebo) พบว่า ให้ผลไม่ต่างกัน งั้นแปลว่า ตูจะซื้อมากินทำไมหว่า ในเมื่อหายเองได้
    3. ยานี้ครอบคลุมได้หลายเชื้อกว่ากลุ่มเก่า
    ที่น่ากลัวที่สุดคือข้อ3นี่ล่ะครับ เพราะว่า มันอาจจะดีกับผู้ได้รับยา แต่จะส่งผลในอนาคตก็คือ เชื้อตัวอื่นๆก็อาจจะมีบางตัวที่อัพเกรดตัวเอง แล้วดื้อยาได้ ตัวอย่างเกิดขึ้นในรพ.แห่งหนึ่ง ซึ่งให้ยาปฏิชีวนะทุกตัวเป็นนโยบาย ผลคือ เกิดการดื้อยา และไม่สามารถหายาที่จะรักษาได้ นอกจากนั้น เจ้าเชื้อตัวพวกนี้มีความสามารถถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับเชื้อสายพันธุ์อื่น ทำให้ตัวที่ไม่เกี่ยวกันเล้ย ดันดื้อยาชนิดนี้ได้

    อันดับ 3 ยาปฏิชีวนะ กินไปเถอะ ไม่เป็นอันตรายหรอก
    http://kk.org/ct2/Doctor_House.jpg
    เรื่องของเรื่องคือ เข้าใจผิดอย่างแรง ยาทุกชนิดจะมีสิ่งที่เรียกว่าผลข้างเคียง ถ้าเอาตามหนังจีนก็คือ "ยาก็คือยาพิษ อยู่ที่คนใช้" ซึ่งผลข้างเคียงก็จะมีตั้งแต่นิดหน่อยไปถึง เสียชีวิต  และถ้าหนักกว่าเสียชีวิต นั่นก็คือพิการครับ ตัวอย่างนะครับ ยาเพนิซิลลิน มีเรื่องที่ต้องคำนึงอยู่เรื่อหนึ่งคือการแพ้ยา ผลข้างเคียงร้ายแรงมากคือ ผิวหนังจะไหม้ ซึ่งบางคนจะเป็นทั้งตัว แต่บางคนก็ขึ้นเฉพาะที่ โดยมักจะขึ้นที่อวัยวะเพศ ลักษณะคือจะไหม้เลยครับ ส่วนคดีดอกรักไม่นานมานี้ ก็ทำให้ตาบอดได้
     นอกจากนี้ยังมียาตัวหนึ่งที่ชื่อNorfloxacin ซึ่งล่าสุดเพื่อนท้องเสียแล้วเภสัชกรเอายาตัวนี้มาให้กิน ยาตัวนี้มีการทดลองในสัตว์ทดลอง พบว่า ยานี้มีผลกับเอ็นร้อยหวายและกระดูกอ่อนในหนูวัยเด็ก น่าแปลกใจที่ว่า ยานี้ยังคงขายตามท้องตลาดโดยที่ไม่ได้อยู่ในความพิจารณาของแพทย์ซักเท่าไหร่ แต่ว่าไม่มีรายงานในเด็กนะครับ แต่นั่นคือ เรากำลังเอาชีวิตเสี่ยงทุกครั้งที่เราใช้ยาปฏิชีวนะเหล่านี้นะครับ

    อันดับ 2 ยาปฏิชีวนะกินไปเถอะ กินไว้ก่อน เผื่อเอาไว้
    http://www.fortunewatch.com/wp-content/uploads/2007/09/choosing_a_doctor.gif
    อย่างที่บอกครับ ยาปฏิชีวนะ ถ้าได้รับอย่างไม่สมเหตุสมผล ผลคือ เชื้อจะดื้อยาได้ง่าย และเกิดผลข้างเคียงของยาที่เราไม่ควรจะได้รับ ถ้าไม่จำเป็น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่นๆอีก เช่น
    ในร่างกายเราจะมีเชื้อโรคเจ้าถิ่นอยู่ เรียกว่า Normal Flora ซึ่งเมื่อส่งยาปฏิชีวนะไป มันก็จะจัดการพวกนี้ด้วย เมื่อเชื้อพวกนี้เหลือน้อย เชื้อตัวอื่นที่ไม่โดนทำลายก็ได้โอกาสและครองพื้นที่แทนซะเลย นั่นทำให้เกิดเป็นโรคต่างๆขึ้นมาได้ครับ อย่างเช่นการท้องเสียจากการใช้ยาปฏิชีวนะ และโรคอื่นๆอีกมากมาย นั่นแปลว่ากินยาฆ่าเชื้อ ก็ทำให้เกิดโรคจากเชื้ออื่นๆได้เหมือนกัน

    อันดับ 1 ยาปฏิชีวนะ = ทางออกที่ดีที่สุด

    คำถามง่ายๆครับ ถ้าคุณเป็นหวัด คุณจะกินยาปฏิชีวนะมั้ย บางโรคนั้นเห็นได้ชัดว่า ไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวก็หายเอง แต่ก็จะมีบางคนแย้งว่า กินก็น่าจะช่วยทำให้หายเร็วขึ้นนี่นา จากงานวิจัยพบว่าเร็วขึ้นครับ เอาตัวเลขสมมติ ถ้าโรคหวัดที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหายได้ภายใน10วัน(นั่นคือเราดูแลสุขภาพตัวเอง ไม่กินยา) เรากินยาปฏิชีวนะเข้าไป จะหายเร็วขึ้น 14ชั่วโมง(นั่นคือ 9วันกับอีก 10 ชั่วโมงถึงหาย) มันคุ้มค่ามั้ยล่ะ นอกจากนั้น เชื้อหวัดส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่ค่อยเกิดจากเชื้อแบคทีเีรีย กล่าวคือ ถ้าโรคบางโรคสามารถที่จะหายเองตามธรรมชาติ หรือใช้วิธีดูแลสุขภาพตัวเองได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเสียตังค์ให้กับยาปฏิชีวนะครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×