ลำดับตอนที่ #77
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #77 : ขอเม้าท์ เที่ยวดินแดนปลาดิบ (ตอนที่ 2)
ขอเม้าท์ เที่ยวดินแดนปลาดิบ
ตอนที่ 2
7 เรื่องญี่ปุ่นขอเม้าท์(1-3)
ตอนที่ 2
7 เรื่องญี่ปุ่นขอเม้าท์(1-3)
ว่าแล้วก็ขอเม้าท์เลยครับ ผมขอแบ่งภาคเป็นสามตอนสำหรับอันนี้นะครับ เรื่องที่เล่าไม่เรียงลำดับตามวันที่ไปนะครับ
มาญี่ปุ่น ลงสนามบินนาริตะครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ6ชั่วโมงครึ่ง(แต่เผื่อดีเลย์ไว้เลยประมาณอีกครึ่งชั่วโมง)ซึ่งสายการบินที่ผมไปคือ JALครับ(แต่ขึ้นที่สุวรรณภูมิเหมือนเดิมนะ) เครื่องบินนับว่าใช้ได้เลยครับ แต่ว่าที่นั่งต่างๆจะออกเล็กซะหน่อยเมื่อเทียบกับการบินไทย บนเครื่องนี่ก็สั่งน้ำได้เลยครับ เค้าจะมีถุงถั่วให้ด้วย อร่อยมาก สำหรับน้ำที่ดื่มนั้น แนะนำว่าให้ลองชาเขียวร้อนเพราะว่าชาเขียวของญี่ปุ่นจะไม่เหมือนชาเขียวโออิชิที่เราซื้อกินกันนะครับ รสจะออกไปทางขม ไม่หวาน ถ้าใครเคยกินที่ร้านเช่น Ootoyaละก ประมาณนั้นแหละ ส่วนใครที่สนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ลองทานเบียร์Asahiดูครับ คือบนเครื่องจะมีเบียร์ที่ผมสังเกตมามี3ยี่ห้อ(เบียร์ Asahi เบียร์ Kirin และ เบียร์สิงห์) ไม่มีเบียร์ช้างนะครับ(เพราะเป็นที่รู้กันว่า มีสิงห์ที่ไหน ไม่มีช้างที่นั่น) เบียร์Kirinจะแรงครับ ไม่อร่อยเท่าAsahi ที่แนะนำเพราะว่า ญี่ปุ่นกินเบียร์กันเยอะมากครับ เวลาไปร้านอาหารที่ญี่ปุ่นนี่ โต๊ะไหนมีเบียร์ รู้เลยว่า คนญี่ปุ่น อิอิอิ
เอาล่ะ ผมจะพาไปดูสถานที่ที่ไปครับ(กล้องผมเสีย แต่ว่ามีญาติพี่น้องถ่ายไว้ ถ้าเป็นไปได้จะเอามาลง)
เรื่องที่ 1 วัดเซ็นโชจิ(ย่านอาซาคุสะ)
เป็นวัดชื่อดัง 1ใน3วัดเกจิของญี่ปุ่นครับ(ผมจำได้ว่าอีกที่นึงคือนาริตะซัง) เป็นวัดที่เขาบอกว่าศักดิ์สิทธิ์มาก มีตำนานเีกี่ยวกับหินที่มีลักษณะเหมือนเจ้าแม่กวนอิมด้วยครับ ซึ่งตำนานเล่าว่า ชายคนหนึ่งนั่งเหวี่ยงแหจับปลาไม่ได้ปลาเลย แต่แล้วก็ได้หินนี้มา ตนจึงทิ้งลงไป แล้วก็หาปลาใหม่ แต่พอลากแหขึ้นมา ก็ดันได้หินนี้มาอีก เจ้าตัวคิดว่า คงเป็นชะตาลิขิต ก็เลยเอากลับไปบูชาที่บ้าน หลังจากนั้น พอเขาไปตกปลาอีกเมื่อไหร่ ก็จะได้ปลากลับมาเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้ลือให้แซ่ดในหมู่บ้านครับ ซึ่งหินนี้ ได้ถูกนำไปให้ทางวัดดูแล ปัจจุบันนี้มีการนำที่ครอบ(ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรอ่ะ)มาครอบทับไว้ครับ และมีคนมาไหว้และขอพรมากมาย พี่กุ้ง(หัวหน้าทัวร์)เคยบอกว่าตอนนั้นโดม(ปกรณ์ลัมน่ะแหละ)ก็มาที่นี่ ก็มาไหว้ขอพรขอให้ได้กลับมาที่ญี่ปุ่นนี้อีก พอขึ้นรถเท่านั้นแหละมีคนโทรมาให้เล่นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น เท่านั้นแหละ หลอน เอ๊ย! ตกใจกันทั้งคันเลย แสดงว่าศักดิ์นะนี่ อืม
ในตัววัดก็จะต้องทำความสะอาดร่างกายซะก่อน อ๊ะ แต่ไม่ใช่ไปอาบน้ำนะ แต่เป็นการล้างมือล้างปากที่น้ำพุครับ
จะเห็นเด็กญี่ปุ่นถือกระบวยตักน้ำ นั่นแหละ ขั้นตอนคือ ตักน้ำใส่กระโหลก เอ๊ย! กระบวย แล้วราดมือซ้าย ราดมือขวา แล้วเอาน้ำที่เหลือซดเข้าปาก(บางท่านอาจเอามือไปรองกระบวยแทน เพราะกลัวน้ำลาย)แล้วบ้วนที่พื้น(ไม่ใช่ในอ่างนะจ๊ะ) จากนั้นก็ไปซื้อธุปเทียนไปบูชาในราคา100เยนปักที่กระถางธุปแล้วก็ไปข้างในตัววัดเพื่อไปไหว้ท่านได้เลย (เข้าตามคนเสื้อแดงไปน่ะ)
ข้างในก็จะมีให้อธิษฐานแล้วโยนเหรียญครับ ซึ่งแนะนำว่า ก่อนไป พกเหรียญ 5 เยนไว้(เป็นเหรียญมีรูสีทอง)เพราะว่า 5หมายถึงโชคดีในภาษาญี่ปุ่นครับ ก็ไปอธิษฐาน โยนเหรียญ ตบมือ2แปะแล้วโค้ง ถ้าใครไม่หนำใจก็มีเสี่ยงเซียมซีครับ 100เยน แล้วมาเปิดดู ไม่ต้องห่วงว่าจะอ่านไม่รู้เรื่องเพราะว่า อันนี้เขามีแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ด้วยครับ
พอหลังจากได้ไหว้พระขอพรแล้ว ก็ไปช็อปปิ้งซื้อของที่ระลึกครับ แบบว่า โคตะระเยอะ
ถ้าในเรื่องซื้อของฝากให้เพื่อนๆที่ไทย แนะนำพวงกุญแจเล็กๆครับ มีเยอะมากๆ สนนราคาอยู่ที่300 เยน ถึง 700เยน(ตีซะประมาณ 100-250บาท)ซึ่งเดี๋ยวจะได้เจอตัวการ์ตูนนู้นนี้มากมาย แต่ขออุบไว้พูดในท้ายบทความดีกว่า อิอิ ละก็มีแมวกวักมาเนะคิเนโคะด้วยครับ ซึ่งไปลองดูดีๆนะ จะเห็นว่าบางตัวใช้มือซ้าย บางตัวมือขวา ซ้ายคือเรียกลูกค้า ขวาคือเรียกเงินครับ ซึ่งบางร้านทำยกสองข้างด้วย เช่น
บางตัวยกขาสูงด้วย นับว่า ฮาดีครับ
อ้อ! แล้วก็ ถ้าจะถ่ายรูป เอกลักษณ์ของที่นี่อยู่ที่โคมใหญ่เบ้อเริ่มครับ มี3โคม แต่่ว่าแต่ละบริเวณจะมีผลัดปรับปรุง ซึ่งเท่ากับว่า มาครั้งนึงก็จะได้ถ่ายรูปกับโคม 2 โคมครับ
เรื่องที่ 2 ร้านอาหารญี่ปุ่น
ร้านอาหารญี่ปุ่นนี่ เอกลักษณ์ของเขาคือ เก่งอย่างไหน ทำอย่างนั้น อย่างร้าน Jojoenนี่จะอร่อยเรื่องปิ้งย่างครับ ก็จะมีเมนูแต่ปิ้งย่าง ภาพนี้ไม่ใช่ที่กินนะครับ แต่เอามาให้ดูว่ามีผักดองมีข้าว มีของกินเล่น ของจริงคืออันนี้ครับ สังเกตขนาดเมื่อเทียบกับตะเกียบ
ซึ่งในร้านก็จะมีเล่น Xylophone(เหมือนระนาด)เป็นแนว Jazzด้วยครับ กินไปเพลินไป เนื้อของที่นี่ไม่เหมือนเนื้อที่กินที่เมืองไทยครับ เพราะว่าเนื้อขอเขาจะมีมันแทรกอยู่กับตัวเนื้อ ทำให้เวลากินจะชุ่มฉ่ำและนุ่มลิ้นเหมือนละลายในปากเลยแหละ ตอนแรกเห็นจานเนื้อเล็กๆมาก่อน(คาดว่าเป็นลิ้นวัว)ก็นึกว่าหมดละ พอมาจานแบบนี้ เหอเหอเหอ จาเป็นลม(ราคาอยู่ที่ประมาณ8000เยนนะ ชุดใหญ่)
ร้านอาหารอีกที่ก็น่าสนใจครับ คือ AOI MARUSHINในย่าน อาซาคุสะ(ออกจากวัดเซ็นโชจิก็มากินที่นี่ครับ)จะขายพวกเทมปุระหมดเลย อร่อยมากครับ(พี่กุ้งบอกว่า เชื้อพระวงศ์ก็มากินที่นี่นะ) แต่ถ้ามากินเอง สงสัยจะยาก เพราะว่า ร้านมักจะเต็มและราคาของชุดที่กิน อยู่ที่3400เยนครับ
และอีกที่ที่ชอบคือ Hugry Bear restaurantที่ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ครับ ขายแต่ข้างราดแกงกะหรี่ สนนราคาที่ 700-900เยน อร่อยมาก ที่คอแกงกะหรี่ญี่ปุ่นอย่างผมไม่ควรพลาด อิอิอิ
เรื่องที่ 3 ช็อปปิ้ง@ Shinjuku
เหมาะสำหรับชาวช็อปปิ้งทั่วราชอาณาจักร เพราะมันมีทุกๆอย่างจริงๆครับ ทั้งร้านเครื่องสำอางค์ ร้านขายของเด็ก ร้านขายของสารพัด ร้านเครื่องเขียน ร้านอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ ห้างต่างๆ รวมถึง Kinokuniya ร้านขายหนังสือ ถึง 7 ชั้นเลยครับ ผู้หญิงน่าจะชอบพวก Shiseidoกับ Kaneboนะครับ ตอนผมไป มันลด 30%แน่ะ ละก็รองเท้าก็ราคาถูก แต่ผมว่า บางรุ่นดีไซน์ไม่ค่อยสวยอ่ะ ร้านที่ผมแนะนำคือ OIOIครับ อ่านว่า Marui(มารุอิ)ไม่รู้มันอ่านได้ไงเนอะ มีขายกระเป๋าขายเสื้อผ้าในราคาพอย่อมเยาว์สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลายครับ แบบว่า มีOIOIของชายนะ แต่ชั้นล่างเป็นกระเป๋าผู้หญิงและเสื้อผ้าผู้หญิง อิอิ ที่นี่ต้องเลือกวันและเวลาพอควรครับ เพราะว่าบางหน้าจะมีการลดกระหน่ำถึง70%เลยทีเดียว บรรดาสาวกของถูกนี้ แซ่บหลายชัวร์ ที่นี่มีร้านอื่นๆ เดี๋ยวจะListที่ผมชอบไว้นะครับ
ร้าน Sanrio เหมาะสำหรับสาวกคิตตี้ครับ
ร้าน 100 yen ของที่นี่คอนเซ็ปต์คือทุกอย่างราคาร้อยเยนครับ แต่ว่าก็มีบวกภาษีอีก5%สรุปคือ จ่าย 105เยนครับ มีของแปลกๆเยอะดี เหมือนDaisoในไทย
ร้าน Donki ถ้าเรียกให้ถูก เหมือนร้านจีฉ่อยที่มีทุกอย่างที่ขวางหน้าและไม่เป็นระเบียบครับ มีของเล่นแปลกๆด้วยเช่นที่กดโฟม(เหมือนเวลาซื้อของมันจะให้พลาสติกที่มีปุ่มๆ แล้วชอบไปกดเล่นๆใช่ม้า อันนี้ทำมาให้ทำคลายเครียด)
แถมยังมีขายกางเกงในน่ากลัวอีก แบบว่า จีสตริง หรือ กางเกงในที่มีปลอกไว้ใส่ช้างน้อยอะไรแบบเนี้ย รวมไปถึงของเล่นเด็กที่เป็นรูปไอ้นั่น พอเอาใส่น้ำแล้วพองตัวได้ บรื๋อ~
ที่นี่มีร้านSexshopด้วยนะครับ เป็นร้านเล็กๆ ที่น่าแปลกใจคือ หน้าร้านมีคาราโอเกะเพลงไทยลูกทุ่งง่ะ ไมเป็นงั้น
ส่วนร้านอื่นๆนี่ เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แต่มั่นใจว่า ของที่นั่นส่วนใหญ่ถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยครับ โดยเฉพาะกระเป๋านี่ ไปซื้อที่นู่นเอาได้ครับ ของก็แบรนด์เนมนะ ราคาย่อมเยาว์
ความกว้างขวางของที่ย่านนี้นี่เอาเป็นว่า มากกว่าสี่สหายแห่งสยามรวมกันครับ คือ สยามฝั่งนู้นกับสยามเซ็นและดิส ไปถึงพารากอนและเซ็นทรัลเวิร์ลครับ
ตอนกลางคืนจะเห็นนักเรียนญี่ปุ่นมาเดินดูของด้วย นอกจากนี้ จะมีคนแจกทิชชู่ ซึ่งพวกนี้คือ โฮสต์แมนครับ จะเป็นชายหน้าตาดี มักจะใส่สูทมายืนแจกทิชชู่ คนพวกนี้ไม่ใช่ผู้ชายขายตัวนะครับ แต่เป็นเพื่อนดริ๊งค์ที่จะชวนไปดื่มแล้วก็หญิงคนนั้นก็ต้องจ่ายตังค์เอง สาวๆอย่าหลงมนต์เสน่ห์พี่ท่านนะครับ
น่ารู้ Kitty & Stitch
คือว่า สัญลักษณ์ของญี่ปุ่นอีกอันนึงคือ Hello Kittyครับ และที่น่าแปลกใจคือ เจ้า Stitchนี่แหละ
สังเกตว่า เวลาไปที่ไหนๆ ก็จะมีของที่ระลึกที่มีเจ้าสองตัวนี้โปล่มาเสมอครับ อย่างเช่น ตอนไปวัดเซ็นโชจิ ก็จะมี คิตตี้ถ่ายกับโตเกียวทาวเวอร์ และStitcjเกาะโตเกียวทาวเวอร์ หรือบางที่เช่นโรงแรมที่ผมไปมีออนเซ็น ก็จะเป็นพวงกุญแจ Stitchอาบน้ำออนเซ็นอยู่ นั่นคือ ทั้งสองตัวนี้เป็นสัญลักษณ์ประจำญี่ปุ่นไปซะแล้ว แต่บางทีก็มีตัวอื่นนะครับ เช่น นารุโตะเกาะโตเกียวทาวเวอร์ ลูฟี่ขี่เรือ หรือหมี(ชื่อไรไม่รู้)สีน้ำตาลๆน่ะครับ
มาญี่ปุ่น ลงสนามบินนาริตะครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ6ชั่วโมงครึ่ง(แต่เผื่อดีเลย์ไว้เลยประมาณอีกครึ่งชั่วโมง)ซึ่งสายการบินที่ผมไปคือ JALครับ(แต่ขึ้นที่สุวรรณภูมิเหมือนเดิมนะ) เครื่องบินนับว่าใช้ได้เลยครับ แต่ว่าที่นั่งต่างๆจะออกเล็กซะหน่อยเมื่อเทียบกับการบินไทย บนเครื่องนี่ก็สั่งน้ำได้เลยครับ เค้าจะมีถุงถั่วให้ด้วย อร่อยมาก สำหรับน้ำที่ดื่มนั้น แนะนำว่าให้ลองชาเขียวร้อนเพราะว่าชาเขียวของญี่ปุ่นจะไม่เหมือนชาเขียวโออิชิที่เราซื้อกินกันนะครับ รสจะออกไปทางขม ไม่หวาน ถ้าใครเคยกินที่ร้านเช่น Ootoyaละก ประมาณนั้นแหละ ส่วนใครที่สนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ลองทานเบียร์Asahiดูครับ คือบนเครื่องจะมีเบียร์ที่ผมสังเกตมามี3ยี่ห้อ(เบียร์ Asahi เบียร์ Kirin และ เบียร์สิงห์) ไม่มีเบียร์ช้างนะครับ(เพราะเป็นที่รู้กันว่า มีสิงห์ที่ไหน ไม่มีช้างที่นั่น) เบียร์Kirinจะแรงครับ ไม่อร่อยเท่าAsahi ที่แนะนำเพราะว่า ญี่ปุ่นกินเบียร์กันเยอะมากครับ เวลาไปร้านอาหารที่ญี่ปุ่นนี่ โต๊ะไหนมีเบียร์ รู้เลยว่า คนญี่ปุ่น อิอิอิ
เอาล่ะ ผมจะพาไปดูสถานที่ที่ไปครับ(กล้องผมเสีย แต่ว่ามีญาติพี่น้องถ่ายไว้ ถ้าเป็นไปได้จะเอามาลง)
เรื่องที่ 1 วัดเซ็นโชจิ(ย่านอาซาคุสะ)
เป็นวัดชื่อดัง 1ใน3วัดเกจิของญี่ปุ่นครับ(ผมจำได้ว่าอีกที่นึงคือนาริตะซัง) เป็นวัดที่เขาบอกว่าศักดิ์สิทธิ์มาก มีตำนานเีกี่ยวกับหินที่มีลักษณะเหมือนเจ้าแม่กวนอิมด้วยครับ ซึ่งตำนานเล่าว่า ชายคนหนึ่งนั่งเหวี่ยงแหจับปลาไม่ได้ปลาเลย แต่แล้วก็ได้หินนี้มา ตนจึงทิ้งลงไป แล้วก็หาปลาใหม่ แต่พอลากแหขึ้นมา ก็ดันได้หินนี้มาอีก เจ้าตัวคิดว่า คงเป็นชะตาลิขิต ก็เลยเอากลับไปบูชาที่บ้าน หลังจากนั้น พอเขาไปตกปลาอีกเมื่อไหร่ ก็จะได้ปลากลับมาเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้ลือให้แซ่ดในหมู่บ้านครับ ซึ่งหินนี้ ได้ถูกนำไปให้ทางวัดดูแล ปัจจุบันนี้มีการนำที่ครอบ(ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรอ่ะ)มาครอบทับไว้ครับ และมีคนมาไหว้และขอพรมากมาย พี่กุ้ง(หัวหน้าทัวร์)เคยบอกว่าตอนนั้นโดม(ปกรณ์ลัมน่ะแหละ)ก็มาที่นี่ ก็มาไหว้ขอพรขอให้ได้กลับมาที่ญี่ปุ่นนี้อีก พอขึ้นรถเท่านั้นแหละมีคนโทรมาให้เล่นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น เท่านั้นแหละ หลอน เอ๊ย! ตกใจกันทั้งคันเลย แสดงว่าศักดิ์นะนี่ อืม
ในตัววัดก็จะต้องทำความสะอาดร่างกายซะก่อน อ๊ะ แต่ไม่ใช่ไปอาบน้ำนะ แต่เป็นการล้างมือล้างปากที่น้ำพุครับ
จะเห็นเด็กญี่ปุ่นถือกระบวยตักน้ำ นั่นแหละ ขั้นตอนคือ ตักน้ำใส่กระโหลก เอ๊ย! กระบวย แล้วราดมือซ้าย ราดมือขวา แล้วเอาน้ำที่เหลือซดเข้าปาก(บางท่านอาจเอามือไปรองกระบวยแทน เพราะกลัวน้ำลาย)แล้วบ้วนที่พื้น(ไม่ใช่ในอ่างนะจ๊ะ) จากนั้นก็ไปซื้อธุปเทียนไปบูชาในราคา100เยนปักที่กระถางธุปแล้วก็ไปข้างในตัววัดเพื่อไปไหว้ท่านได้เลย (เข้าตามคนเสื้อแดงไปน่ะ)
ข้างในก็จะมีให้อธิษฐานแล้วโยนเหรียญครับ ซึ่งแนะนำว่า ก่อนไป พกเหรียญ 5 เยนไว้(เป็นเหรียญมีรูสีทอง)เพราะว่า 5หมายถึงโชคดีในภาษาญี่ปุ่นครับ ก็ไปอธิษฐาน โยนเหรียญ ตบมือ2แปะแล้วโค้ง ถ้าใครไม่หนำใจก็มีเสี่ยงเซียมซีครับ 100เยน แล้วมาเปิดดู ไม่ต้องห่วงว่าจะอ่านไม่รู้เรื่องเพราะว่า อันนี้เขามีแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ด้วยครับ
พอหลังจากได้ไหว้พระขอพรแล้ว ก็ไปช็อปปิ้งซื้อของที่ระลึกครับ แบบว่า โคตะระเยอะ
ถ้าในเรื่องซื้อของฝากให้เพื่อนๆที่ไทย แนะนำพวงกุญแจเล็กๆครับ มีเยอะมากๆ สนนราคาอยู่ที่300 เยน ถึง 700เยน(ตีซะประมาณ 100-250บาท)ซึ่งเดี๋ยวจะได้เจอตัวการ์ตูนนู้นนี้มากมาย แต่ขออุบไว้พูดในท้ายบทความดีกว่า อิอิ ละก็มีแมวกวักมาเนะคิเนโคะด้วยครับ ซึ่งไปลองดูดีๆนะ จะเห็นว่าบางตัวใช้มือซ้าย บางตัวมือขวา ซ้ายคือเรียกลูกค้า ขวาคือเรียกเงินครับ ซึ่งบางร้านทำยกสองข้างด้วย เช่น
บางตัวยกขาสูงด้วย นับว่า ฮาดีครับ
อ้อ! แล้วก็ ถ้าจะถ่ายรูป เอกลักษณ์ของที่นี่อยู่ที่โคมใหญ่เบ้อเริ่มครับ มี3โคม แต่่ว่าแต่ละบริเวณจะมีผลัดปรับปรุง ซึ่งเท่ากับว่า มาครั้งนึงก็จะได้ถ่ายรูปกับโคม 2 โคมครับ
เรื่องที่ 2 ร้านอาหารญี่ปุ่น
ร้านอาหารญี่ปุ่นนี่ เอกลักษณ์ของเขาคือ เก่งอย่างไหน ทำอย่างนั้น อย่างร้าน Jojoenนี่จะอร่อยเรื่องปิ้งย่างครับ ก็จะมีเมนูแต่ปิ้งย่าง ภาพนี้ไม่ใช่ที่กินนะครับ แต่เอามาให้ดูว่ามีผักดองมีข้าว มีของกินเล่น ของจริงคืออันนี้ครับ สังเกตขนาดเมื่อเทียบกับตะเกียบ
ซึ่งในร้านก็จะมีเล่น Xylophone(เหมือนระนาด)เป็นแนว Jazzด้วยครับ กินไปเพลินไป เนื้อของที่นี่ไม่เหมือนเนื้อที่กินที่เมืองไทยครับ เพราะว่าเนื้อขอเขาจะมีมันแทรกอยู่กับตัวเนื้อ ทำให้เวลากินจะชุ่มฉ่ำและนุ่มลิ้นเหมือนละลายในปากเลยแหละ ตอนแรกเห็นจานเนื้อเล็กๆมาก่อน(คาดว่าเป็นลิ้นวัว)ก็นึกว่าหมดละ พอมาจานแบบนี้ เหอเหอเหอ จาเป็นลม(ราคาอยู่ที่ประมาณ8000เยนนะ ชุดใหญ่)
ร้านอาหารอีกที่ก็น่าสนใจครับ คือ AOI MARUSHINในย่าน อาซาคุสะ(ออกจากวัดเซ็นโชจิก็มากินที่นี่ครับ)จะขายพวกเทมปุระหมดเลย อร่อยมากครับ(พี่กุ้งบอกว่า เชื้อพระวงศ์ก็มากินที่นี่นะ) แต่ถ้ามากินเอง สงสัยจะยาก เพราะว่า ร้านมักจะเต็มและราคาของชุดที่กิน อยู่ที่3400เยนครับ
และอีกที่ที่ชอบคือ Hugry Bear restaurantที่ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ครับ ขายแต่ข้างราดแกงกะหรี่ สนนราคาที่ 700-900เยน อร่อยมาก ที่คอแกงกะหรี่ญี่ปุ่นอย่างผมไม่ควรพลาด อิอิอิ
เรื่องที่ 3 ช็อปปิ้ง@ Shinjuku
เหมาะสำหรับชาวช็อปปิ้งทั่วราชอาณาจักร เพราะมันมีทุกๆอย่างจริงๆครับ ทั้งร้านเครื่องสำอางค์ ร้านขายของเด็ก ร้านขายของสารพัด ร้านเครื่องเขียน ร้านอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ ห้างต่างๆ รวมถึง Kinokuniya ร้านขายหนังสือ ถึง 7 ชั้นเลยครับ ผู้หญิงน่าจะชอบพวก Shiseidoกับ Kaneboนะครับ ตอนผมไป มันลด 30%แน่ะ ละก็รองเท้าก็ราคาถูก แต่ผมว่า บางรุ่นดีไซน์ไม่ค่อยสวยอ่ะ ร้านที่ผมแนะนำคือ OIOIครับ อ่านว่า Marui(มารุอิ)ไม่รู้มันอ่านได้ไงเนอะ มีขายกระเป๋าขายเสื้อผ้าในราคาพอย่อมเยาว์สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลายครับ แบบว่า มีOIOIของชายนะ แต่ชั้นล่างเป็นกระเป๋าผู้หญิงและเสื้อผ้าผู้หญิง อิอิ ที่นี่ต้องเลือกวันและเวลาพอควรครับ เพราะว่าบางหน้าจะมีการลดกระหน่ำถึง70%เลยทีเดียว บรรดาสาวกของถูกนี้ แซ่บหลายชัวร์ ที่นี่มีร้านอื่นๆ เดี๋ยวจะListที่ผมชอบไว้นะครับ
ร้าน Sanrio เหมาะสำหรับสาวกคิตตี้ครับ
ร้าน 100 yen ของที่นี่คอนเซ็ปต์คือทุกอย่างราคาร้อยเยนครับ แต่ว่าก็มีบวกภาษีอีก5%สรุปคือ จ่าย 105เยนครับ มีของแปลกๆเยอะดี เหมือนDaisoในไทย
ร้าน Donki ถ้าเรียกให้ถูก เหมือนร้านจีฉ่อยที่มีทุกอย่างที่ขวางหน้าและไม่เป็นระเบียบครับ มีของเล่นแปลกๆด้วยเช่นที่กดโฟม(เหมือนเวลาซื้อของมันจะให้พลาสติกที่มีปุ่มๆ แล้วชอบไปกดเล่นๆใช่ม้า อันนี้ทำมาให้ทำคลายเครียด)
แถมยังมีขายกางเกงในน่ากลัวอีก แบบว่า จีสตริง หรือ กางเกงในที่มีปลอกไว้ใส่ช้างน้อยอะไรแบบเนี้ย รวมไปถึงของเล่นเด็กที่เป็นรูปไอ้นั่น พอเอาใส่น้ำแล้วพองตัวได้ บรื๋อ~
ที่นี่มีร้านSexshopด้วยนะครับ เป็นร้านเล็กๆ ที่น่าแปลกใจคือ หน้าร้านมีคาราโอเกะเพลงไทยลูกทุ่งง่ะ ไมเป็นงั้น
ส่วนร้านอื่นๆนี่ เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แต่มั่นใจว่า ของที่นั่นส่วนใหญ่ถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยครับ โดยเฉพาะกระเป๋านี่ ไปซื้อที่นู่นเอาได้ครับ ของก็แบรนด์เนมนะ ราคาย่อมเยาว์
ความกว้างขวางของที่ย่านนี้นี่เอาเป็นว่า มากกว่าสี่สหายแห่งสยามรวมกันครับ คือ สยามฝั่งนู้นกับสยามเซ็นและดิส ไปถึงพารากอนและเซ็นทรัลเวิร์ลครับ
ตอนกลางคืนจะเห็นนักเรียนญี่ปุ่นมาเดินดูของด้วย นอกจากนี้ จะมีคนแจกทิชชู่ ซึ่งพวกนี้คือ โฮสต์แมนครับ จะเป็นชายหน้าตาดี มักจะใส่สูทมายืนแจกทิชชู่ คนพวกนี้ไม่ใช่ผู้ชายขายตัวนะครับ แต่เป็นเพื่อนดริ๊งค์ที่จะชวนไปดื่มแล้วก็หญิงคนนั้นก็ต้องจ่ายตังค์เอง สาวๆอย่าหลงมนต์เสน่ห์พี่ท่านนะครับ
น่ารู้ Kitty & Stitch
คือว่า สัญลักษณ์ของญี่ปุ่นอีกอันนึงคือ Hello Kittyครับ และที่น่าแปลกใจคือ เจ้า Stitchนี่แหละ
สังเกตว่า เวลาไปที่ไหนๆ ก็จะมีของที่ระลึกที่มีเจ้าสองตัวนี้โปล่มาเสมอครับ อย่างเช่น ตอนไปวัดเซ็นโชจิ ก็จะมี คิตตี้ถ่ายกับโตเกียวทาวเวอร์ และStitcjเกาะโตเกียวทาวเวอร์ หรือบางที่เช่นโรงแรมที่ผมไปมีออนเซ็น ก็จะเป็นพวงกุญแจ Stitchอาบน้ำออนเซ็นอยู่ นั่นคือ ทั้งสองตัวนี้เป็นสัญลักษณ์ประจำญี่ปุ่นไปซะแล้ว แต่บางทีก็มีตัวอื่นนะครับ เช่น นารุโตะเกาะโตเกียวทาวเวอร์ ลูฟี่ขี่เรือ หรือหมี(ชื่อไรไม่รู้)สีน้ำตาลๆน่ะครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น