บันทึกจัดอันดับ สุดแปลก ฮา

ลำดับตอนที่ #78 : ขอเม้าท์ เที่ยวดินแดนปลาดิบ (ตอนที่ 3)

ขอเม้าท์ เที่ยวดินแดนปลาดิบ

ตอนที่ 3
7 เรื่องญี่ปุ่นขอเม้าท์(4และ5)

ไปญี่ปุ่น ได้ออกทะเลด้วยครับ แต่เป็นทะเลสาบอาชิ นะครับ อิอิ (ปกติได้แต่ออกทะเลในกระทู้) มีเรือโจรสลัดครับ มีสองลำ ก็ขึ้นไปแล้วเค้าจะพาข้ามไปอีกฝั่ง ซึ่งอากาศตอนผมไปไม่หนาวครับ แต่ตอนออกทะเลนี่สิ หนาวจับใจ ดีที่ใส่เสื้อกันหนาวมา ผมได้ยืนบนดาดฟ้าเรือด้วย สวยงามมากครับ(ไว้ขอรูปได้เมื่อไหร่จะเอามาลง) ก็จะเห็นวิวมุมกว้างครับ น้ำเค้าสะอาดมากด้วย ถ้ายืนบนดาดฟ้าเรือที่สูงที่สุดของเรือนั้น อาจจะได้สัมผัสเกล็ดหิมะด้วยเพราะหนาวมากๆ(แต่แค่เกล็ดนะ)

เอาล่ะ ไปต่อกันครับ

เรื่องที่ 4 หุบเขาไข่ดำ โอวาคุดานิ

อยู่ใกล้ๆฟูจิครับ แต่เป็นอีกเขานึงนะ ที่นี่แบบว่า มีกำมะถันพวยพุ่งออกมาให้เห็นแบบในรูปนี่ล่ะครับ การที่จะไปนั้น จะต้องขึ้นกระเช้าไปครับ

ซึ่งเมื่อไปถึงนั้น อากาศจะสบายมากครับ เพราะเราอยู่ชั้นหนึ่ง ยังไม่ได้ไปเจอกำมะถัน จากนั้นเราก็เดินขึ้นเขาไปครับ แต่เค้าก็ทำบันไดให้เดินนะ ใช้เวลาเดินถ้าคุยไปเดินไปก็ประมาณ10นาที ถึงชั้นบนก็จะเป็นที่ขายไข่ดำครับ ไข่ดำก็คือ เอาไข่มาต้มกับน้ำแร่บนเขาซึ่งมีส่วนประกอบของกำมะถัน เลยทำให้เปลือกไข่ป็นสีดำ และข้างในจะคล้ายๆกับไข่พะโล้น่ะครับ เขาบอกว่า ถ้ากินไข่1ฟอง จะอายุยืนไปอีก7ปีเลย!!!! ผมก็กินครับ เพราะผมเป็นประเภทอายุสั้น แต่รักฉันยาว อิอิอิ
 ในบริเวณนี้จะมีกลิ่นกำมะถันแรงพอควร ก็อย่าไปอยู่นานนะครับ กำมะถันมีฤทธิ์เป็นกรด และจากที่ร้านนี้ ก็ยังสามารถขึ้นไปต่อได้อีก ใช้เวลาประมาณ30นาที ถึงบ้านสีเหลืองที่เค้าจะทำไข่ดำที่นั่น จากนั้นก็จะขนไข่ใส่กล่องแล้วแขวนกับกระเช้าแล้วปล่อยลงไปยังภาคพื้นดินครับ(ไข่ที่ขายนั้นจะเป็น6ฟอง 500เยนครับ)
 อ้อ! เรื่องกระเช้านั้น ถ้าอยากหาโอกาสพิเศษ แนะนำว่ามาช่วงฤดูใบไม่ผลิ และเลือกวันเวลาให้ดีๆ เพราะว่าสองข้างทางของกระเช้านั้นจะเป็นต้นซากุระครับ เมื่อดอกซากุระบานนี่ จะสวยงามมากๆเลย(แต่ตอนผมไป มันร่วงหมด ก็เลยอดดูT_T)

ตอนขากลับมา ก็ลองแวะซื้อของหน่อยนะครับ ของแห้งที่นี่อร่อย และอีกอันคือไอติมครับ เป็นแบบซอฟต์ครีม ถ้านึกไม่ออกให้ลองนึกถึงไอติมของแม็คโดนัลด์ดูครับ และก็ขายไข่ดำด้วย ตอนซื้อนี่ดูดีๆนะครับ เพราะว่าถ้าซื้อบนเขาที่ขึ้นจะเป็นไข่ต้ม แต่ชั้นล่างนี่จะเป็นไข่ลวกๆ

ปกติคนมาเที่ยวคือจอดรถ ขึ้นกระเช้า เที่ยว แล้วค่อยลงกระเช้ามาที่จอดรถ แต่ข้างบนก็มีลานจอดรถนะ พี่โชเฟอร์ประจำทัวร์ชาวญี่ปุ่นใจดีอุตส่าห์ขึ้นเขามารอรับเลย ก็เลยไม่ต้องรอคิวนั่งกระเช้าครับ

สำหรับคนที่เป็นโรคเมาภูเขา ผมแนะนำว่าทานยามาก่อนก็ดีครับ แต่โดยส่วนตัวแล้ว ไม่น่ามีปัญหานะ เพราะมันก็ไม่ได้สูงขนาดนั้นหรอก

เรื่องที่ 5 ฟูจียามะ

และก็มาถึงภูเขาไฟฟูจีครับ (ฟูจิยามะ)ซึ่งทัวร์จะพาไปได้ถึงชั้น5 ตอนที่ผมไปโชคดีมากที่อากาศดีครับ จึงไปได้ถึงชั้น5 คือปกติอากาศที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างแปรปรวน บางทัวร์เลยอยู่ได้แค่ชั้น1 หรือหมอกลงก็จะทำให้ถ่ายรูปไม่สวย(ไว้ผมเอารูปมาได้จะเอามาลงแทนนะครับ) ภูเขาไฟฟูจีได้ชื่อว่า สวยงามที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะว่า สูง ขาว สวย หมวย(นี่เอ็งหมายถึงภูเขาป่าวฟระ) และก็รูปทรงเป็นกรวยที่สมบูรณ์แบบครับ กล่าวคือ ไม่ว่าจะมองอยู่มุมไหนของบริเวณรอบๆภูเขา ก็จะเห็นรูปทรงเดียวกันหมด และข้างบนก็จะมีวัดด้วยนะ ไปสักการะบูชา เค้าบอกว่า ภูเขาไฟฟูจีนั้น ถ้าเราเห็น เราอธิษฐานอะไรก็จะได้สิ่งนั้น เพราะเชื่อว่าภูเขาไฟฟูจีนี่ศักดิ์สิทธิ์แท่งทองจริงๆ แต่ก่อนนี่ไม่ให้ผู้หญิงขึ้นนะครับแต่ตอนหลังที่มีฝรั่งคนหนึ่งพิชิตยอดเขาได้(และเป็นผู้หญิง) ก็มีกระแสเรียกร้องสิทธิสตรีที่จะขึ้นเขาได้ทัดเทียมกับเพศชาย ผลคือ มีหญิงขึ้นไปในช่วงนั้นถึงแสนกว่าคนเลยครับ นับจากนั้น ทางการเลยอนุญาตให้ผู้หญิขึ้นไปได้
 ต่อครับ บนเขาก็จะมีหิมะด้วย ไปเล่นปาหิมะกันที่นั่นสนุกดีครับ และก็มีไม้สำหรับขึ้นเขาด้วย ขายในราคา 1000เยน(แต่ผมไม่เอาด้วยหรอก อิิอิ) ของขายขึ้นชื่อที่นี่นอกจากพวงกุญแจแล้วก็คือกระดิ่งครับ เพราะเวลาขึ้นเขาก็จะมีกระดิ่งเพื่อคนอื่นๆทราบว่าเค้าอยู่ตรงไหน และแน่นอนว่า มีคิตตี้กับstitchตามไปหลอกหลอนที่นั่นด้่วย

แต่ถึงฟูจียามะจะสวยงามเพียงไร ก็ยังไม่ได้ขึ้นเป็นมรดกโลก เพราะว่ามีขยะอยู่เต็มไปหมดครับ โดยเฉพาะบางคนที่เอาเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆไปทิ้ง เพราะว่าที่ญี่ปุ่น มีการเก็บค่าขนทิ้งขยะพวกนี้ด้วยครับ บางคนก็เลยเอามาทิ้งที่นี่ซะเลย ดังนั้น ในแต่ละปีก็จะมีอาสาสมัครมาช่วยกันเก็บขยะพวกนี้ จนปัจจุบันกำลังมีการประชุมอยู่ว่าอาจจะจัดให้เป็นมรดกโลกแล้ว เป็นเรื่องน่าดีใจครับ(ไว้พี่ไทยลองทำบ้างนะ)

ภูเขาไฟฟูจีเชื่อว่าดับแล้ว แต่ก็ยังมีคนทำนายว่า จะเกิดการระเบิดในช่วง100ปี(ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าเริ่มจากปีไหน)โดยถ้าคำนวณความเสียหายนี่ หาค่าไม่ได้เลยครับ บริเวณต่างๆแทบจะราบเป็นหน้ากอง แต่ก็คือทำนายน่ะนะ
และก็อีกเรื่องเศร้าของที่นี่คือ ถ้าดูในรูปภาพจะเห็นด้านล่างเป็นป่าใช่มั้ยครับ ปกติคนเดินเขาก็จะเดินจากตรงนี้ไปขึ้นภูเขาไฟฟูจีให้ได้ เป็นความท้าทายในชีวิตแบบหนึ่ง ซึ่งถ้าหากว่าจะเพิ่งเข็มทิศล่ะก็ หมดสิทธิ์ครับ เพราะว่าลาวาซึ่งเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กโลกก็ไปรบกวนเข็มทิศด้วยเหมือนกัน เท่ากับว่า หลงแล้วหลงเลยครับ ก็จะมีคนตายที่ป่าจำนวนมาก และส่วนใหญ่ในคนกลุ่มนั้น จะเป็นคนที่มาฆ่าตัวตายครับ


Bonus ญี่ปุ่นและความเครียด

ในรูปเอามาจากหนังเรื่อง Suicide club ของญี่ปุ่นครับ(จากรูปคงพอทราบนะว่าจะร่วมมือกันทำอะไร) ซึ่งเราก็นึกว่าเรื่องแต่งธรรมดา ที่ไหนได้ มันเป็นเรื่องจริงในสังคมญี่ปุ่นครับ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เศรษฐกิจธุรกิจถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้า แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นประเทศที่มีความเครียดมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย ดังนั้น เรามักจะได้ยินเรื่องฆ่าตัวตายเป็นเรื่องธรรมดาในญี่ปุ่นครับ รวมไปถึงความบ้าคลั่งหรือเป็นสาวกของวงดนตรีด้วย เช่น X-Japanที่มีคนนึงฆ่าตัวตาย ผลคือ มีแฟนคลับหลายคนฆ่าตัวตายตาม ไม่ใช่เรื่องที่เหลือเชื่อครับ เพราะว่าสังคมของญี่ปุ่นเป็นแบบนั้นจริงๆ พี่กุ้งเคยบอกด้วยว่า ความชอบของญี่ปุ่นไม่ใช่ธรรมดา อย่างเช่น ถ้าแฟนคลับรู้ว่า ดาราคนนั้นกำลังควงแฟนคนนึงอยู่ พวกเค้าจะสืบเสาะหาที่อยู่หรือเบอร์โทรและโทรไปด่าแฟนคนนั้นด้วย น่าแปลกมั้ยล่ะ สำหรับคนทั่วไป และเรื่องฆ่าตัวตายนี้ก็สืบไปถึงที่ป่าของแถบฟูจีที่เล่าให้ฟังด้วยครับ เพราะว่า จะมีโซนนึงที่เป็นป่าทึบและเข้าเมื่อไหร่ หลงแน่นอน ทุกปีก็จะมีคนไปฆ่าตัวตายในนั้นบ่อยมากครับ จนทางการต้องเอาป้ายช่วงเหลือด้านการเงิน การงาน สารพัด ไปติดตามที่ตำแหน่งต่างๆในป่า โดยบริเวณที่พบศพครับ แต่ว่าส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ผลอยู่ดี