ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกจัดอันดับ สุดแปลก ฮา

    ลำดับตอนที่ #95 : เฉลย 15 เรื่องที่คนมักเข้าใจผิด(ข้อ1-5)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.56K
      1
      13 มิ.ย. 53

    เฉลย 15 เรื่องที่คนมักเข้าใจผิด


    ช่วงบอลโลก ก็เลยเอารูปนี้มาลงครับ
    แถมนิดๆ เครื่องเป่าอันนี้คือ วูวูเซลา(Vuvuzela)
    วูวูเซล่า บางที่เรียกว่า เลปาตาต้าครับ ยาว1เมตร เสียงโมโนโทนคือตัวโน้ต Bb
    มีอันตรายคือ เสียงดัง127เดซิเบลซึ่งอันตรายต่อหู มีงานวิจัยของชาวเยอรมันว่าอาจทำให้สูญเสียการได้ยินอย่างถาวรได้เลยทีเดียว
    เครื่องเป่านี้ ไม่ได้เพิ่งเกิดนะครับ มานานแล้ว ใช้ตอนฟีฟ่าและโดนแบนไปช่วงหนึ่ง

    ทางที่ดี ก็เปิดทีวีเบาๆละกันครับ หรือใครไปดูบอลก็เอาที่อุดหูไปด้วยก็ดีครับ

    มาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ
    คำเฉลยของคำถามทั้ง15ข้อนั้น คือ
    .......................
    ....................
    ...............
    ..........
    ......
    ผิดหมดทุกข้อครับ

    ข้อที่ 1

    เซอร์ ไอแซค นิวตัน ค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลกโดยบังเอิญ เมื่อเขาไปนั่งใต้ต้นแอปเปิ้ลแล้วแอปเปิ้ลตกใส่หัว(บางตำราบอกว่าเขามองเห็น แอปเปิ้ลตกจากต้น ทำให้เขาคิดขึ้นมาได้)



    ตัวอย่างของนิวตันเป็นการสอนเด็กๆว่า ต้องรู้จักช่างสังเกต เผื่อจะได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆซึ่งช่วยพัฒนาเทคโนโลยีต่อๆไปได้
    แต่คงต้องบอกว่าเสียใจด้วยที่ สิ่งที่พวกเรารู้นั้น มันผิด!
    นิวตันไม่เคยบอกว่าเขานั่งใต้ต้นแอปเปิ้ลแล้วมันตกใส่หัว หรือว่า ไปดูต้นแอปเปิ้ลแล้วมันตกลงมาครับ นิวตันไม่ว่างงานขนาดนั้น
    เขาคิดทฤษฎีขึ้นมาด้วยตนเอง และตอนที่เสนอทฤษฎี
    เขาใช้วิธีการอธิบายที่เข้าใจง่ายๆโดนการยกตัวอย่างเรื่อง แอปเปิ้ลให้ฟัง
    แต่ทว่าปากต่อปาก ก็เลยทำให้เปลี่ยนเป็นว่า เขานี่ล่ะ นั่งใต้ต้นแอปเปิ้ล
    (แต่ถ้าเป็นเมืองไทย ไปนอนใต้ต้นทุเรียนคงตายคาที่ก่อนจะค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วงล่ะนะ)

    ข้อที่ 2โธมัส อัลวา เอดิสัน เป็นคนประดิษฐ์หลอดไฟ(Lightbulb)เป็นคนแรก


    1%ของความสำเร็จเกิดจากสมอง อีก99%เกิดจากหยาดเหงื่อในความพยายาม(ที่จะเอาไอเดียเขามาทำเอง) ถึงแม้ว่าเอดิสันได้ชื่อว่าสุดยอดนักประดิษฐ์และจดลิขสิทธิ์มากมาย แต่จริงๆแล้วเขาเป็นนักพัฒนาและต่อยอดมากกว่า งานหลายงานของเขาคือ งานของคนอื่นซึ่งยังไม่เสร็จ และ เอดิสันสามารถทำให้สำเร็จได้ก่อนพวกเขาซะอีก
    โจเซฟ วิลสัน สวอน(Joseph Wilson Swan)คือเหยื่อของเอดิสันในผลงานชิ้นนี้นี่เอง
    อย่างไรก็ตาม ถ้าขุดไปถึงต้นตอของหลอดไฟแล้ว ก็ต้องยกย่องให้ ฮัมฟรีย์ เดวี่(Humphrey Davy)เป็นบรรพบุรุษของหลอดไฟครับ โดยทำไว้ใช้ในเหมืองถ่านหิน เชื้อเพลิงคือ น้ำมันพืช
    เราเรียกว่า Davy Lamp ครับ
    ซึ่งมีประโยชน์มากๆ เพราะเมื่อลงไปชั้นลึกๆ ออกซิเจนมีน้อย ตะเกียงจะดับเพราะขาดออกซิเจน ทุกคนก็จะรีบขึ้นไปด้านบน ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนตายจากขาดออกซิเจนมาเยอะมากแล้วครับ
    หน้าตาของ Davy Lamp


    ข้อที่ 3GUI(Graphic User Interface)และDesktop Computer สร้างขึ้นโดยBill gates
    http://4.bp.blogspot.com/_AQGm4eok95c/SF3H1JAIFVI/AAAAAAAAAbE/VfOwTtV9y-U/s400/Vista_Desktop_Orb.jpg

    Bill gatesคือเจ้าพ่อMicrosoft Computer ก็ไม่น่าแปลกที่เขาจะพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ให้ใช้กันอยู่ทุกวัน แต่ก็มีชื่อเสียในเรื่องการขโมยข้อมูลไปพัฒนาเองครับ ไปลองหาอ่านได้ ในรายนี้ GUI และ Desktop ถ้าพูดง่ายๆก็คือระบบ MouseและDesktopนั้น ถูกคิดขึ้นโดยบริษัทเล็กๆ นามว่า XEROX(คุ้นๆมั้ย)ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ทีนี้ Steve Jobเห็นไอเดียดี ก็เลยนำไปพัฒนาเป็นMacintosh(ก็คือบรรพบุรษmacbookน่ะแหละ) แล้วตัว Bill gates ก็มาดูงานเปิดตัวของบริษัทApple แล้วนำไปพัฒนาต่อเองเป็นWindows ครับ นำไปเสนอให้บริษัทยักษ์ใหญ่IBM ซึ่งส่วนแบ่งที่ได้มาเยอะจนทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีในที่สุด(แต่คนไทยเก่งกว่า Vistaยังไม่วางแผงขายเลย MBK Pantipเอามาขายกันละ)


    ข้อที่ 4หลุมดำมีแรงดึงดูดมหาศาลซึ่งจะดูดทุกอย่างที่อยู่ โดยรอบเข้าไปได้


    ในการ์ตูนหลายเรื่อง เวลาใช้Blackhole ก็จะดูดทุกอย่างเข้าไปในนั้นใช่มั้ยครับ เรื่องของเรื่องคือ มีคนคำนวณแรงดึงดูดของหลุมดำยังน้อยกว่าดาวเคราะห์บางดวงเลยด้วยซ้ำ!
    ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่เห็นดวงดาวบินวนใกล้ๆหลุมดำแล้วไม่โดนดูดเข้าไปครับ


    ข้อที่ 5ตุ่มรับรสของคนเราบนลิ้น จะมีตำแหน่งเฉพาะของมันอยู่คือเปรี้ยวหวานเค็มขม(บ้างก็ว่ามีอูมามิ) เช่น ขม ก็จะอยู่แถบโคนลิ้น หวานก็จะอยู่ปลายลิ้นเป็นต้น

    อันที่จริงคือ ทุกหย่อมบนลิ้นเรานั้นมีต่อมรับรสทุกชนิดครับ วิธีทดลองง่ายๆคือ เอาน้ำตาลมาแปะที่ปลายลิ้น เทียบกับโคนลิ้น ที่โคนก็ยังรู้สึกหวานเหมือนกัน นอกจากนั้น ยังมีงานวิจัยว่า ถ้างั้นบริเวณดังกล่าวมีปริมาณต่อมรับรสชนิดนั้นเยอะหรือไม่ เช่น ปลายลิ้นก็จะมีต่อมรับรสหวานเยอะ ผลการวิจัยบอกว่า ไม่แตกต่างกัน นั่นคือ ต่อรับรสหวานไม่ว่าที่ปลายลิ้น โคนลิ้น หรือข้างๆลิ้น ปริมาณพอๆกันครับ!

    หมวดอื่นๆ ขออนุญาตพักไว้ก่อนนะครับ แล้วจะมาต่อใหม่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×