ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Raid of Drachen

    ลำดับตอนที่ #21 : Ep.1 Chapter 20 - สืบสวน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 798
      62
      18 มิ.ย. 63

    Chapter 20

    Investigate

    สืบสวน

     

     

     

    บนหลังของสเปียร์มีมนุษย์สองกำลังนั่งอยู่ เบื้องล่างของเขาคือผืนน้ำสีน้ำเงินกว้างสุดลูกหูลูกตา

    “ว่าแต่ทำไมถึงต้องพาผมมาด้วยล่ะ” ฮอลแลนด์กรอกตา ในขณะที่เจ้ามังกรตัวใหญ่บนหลังเขาค่อยๆบินไปอย่างไม่เร่งรีบ

    “บรามันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอไง ว่าให้พวกเราช่วยกันหาสืบเรื่องนี้น่ะ” ฮะการ์ตอบโดยไม่หันมามองมือขวาของเขาจับแผงคอบังคับเจ้าสเปีรย์ด้วยท่าทางสบายๆแต่ถึงอย่างงั้นดวงตาของเขากลับแข็งกร้าวและจริงจัง

    ผืนน้ำด้านล่างพวกเขานี้ถือเป็นพื้นที่อันตรายแสนสาหัสสำหรับมนุษย์

    “มากันตัวเปล่าโดยไม่มีนักรบแบบนี้ ถ้าพวกนั้นบินขึ้นมาโฉบมีหวังเราได้ตายกันหมดนี่แน่” ฮอลแลนด์มองผืนน้ำด้านล่างอย่างไม่ไว้ใจ

    “เจ้าก็รู้ดีว่าพวกลิเวียธานไม่บินมาโฉบพวกเราง่ายๆหรอก ถ้าพวกเราพกสิ่งนี้ไว้” ฮะการ์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบหินสีแดงก้อนใหญ่ขึ้นมา ฮอลแลนด์รู้ดีว่าสิ่งนั้นคืออะไร

    หินอารันโด เป็นหินสีแดงหายากซึ่งจะส่งกลิ่นเบาๆซึ่งมนุษย์ไม่ได้กลิ่นแต่เหล่าลิเวียธานได้กลิ่นและเมื่อเหล่าลิเวียธานได้กลิ่นนี้ พวกมันจะไม่จู่โจมเข้ามา นั่นคือระบบป้องกันที่เซ็นทรัลทำข้อตกลงไว้กับเหล่ามังกรวารีพวกนี้

    “แม้ลิเวียธานส่วนใหญ่จะเป็นแค่มังกรปกติไม่ได้มีสติปัญญา แต่สังคมของพวกมันนั้นมักพึ่งพาหัวหน้าซึ่งพวกนั้นล้วนแต่เป็นมังกรดั้งเดิมที่รู้เรื่องรู้ราวเรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้วเพราะงั้นไม่มีเจ้าพวกนี้ตัวไหนกล้าโจมตีเข้ามาหรอก ต่อให้โจมตีเข้ามาจริงๆ เจ้าสเปียร์เองก็มีฝีมือพอที่จะพาพวกเราหนีไปได้”

    “ถ้าได้อย่างงั้น ผมก็ไม่มีอะไรจะแย้งล่ะนะ” ฮอลแลนด์ไหวไหล่

    “น่าจะแถวนี้ล่ะนะ” ฮะการ์มองลงไปยังผืนน้ำด้านหลังซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    หลังจากนั้นไม่นานผืนน้ำก็ค่อยๆแหวกออกพร้อมกับมังกรขนาดใหญ่สีน้ำเงินที่บินสูงขึ้นมาเหนือพวกเขาและยังมีมังกรขนาดเล็กอีกหลายตัวลอยขึ้นมาตาม

    ผิวของมันเป็นมันวาวและดูเรียบลื่น ปีกของมันที่กางออกนั้นให้ความรู้สึกเหมือนคลีปในระดับนึง ดวงตาสุกใสนั่นมองมาที่ผู้มาใหม่ทั้งสองอย่างเงียบงัน

    “เห็นเหล่าเด็กๆพวกนี้บอกว่ามีแขกผ่านมา” เจ้ามังกรตัวใหญ่เอียงสายตาไปมองเหล่ามังกรตัวเล็กๆด้านหลังก่อนจะหันกลับมามองชายผู้มาใหม่ทั้งสองโดยเฉพาะชายชราหน้าตาขึงขังคนนั้น “ไม่นึกว่าจะเป็นเจ้านะ ฮะการ์ สแตนฟอร์ด”

    “หลายปีแล้วนะ ชอว์” ฮะการ์ยกมือขึ้นทักทาย

    “ถ้าจากที่พวกเราคุยกันล่ะก็ใช่ แต่เร็วๆนี้ข้าพึ่งเห็นเจ้ามังกรนี่บินผ่านมิสทาร์ไปพร้อมกับนักรบคนนึงไม่ใช่เหรอ” ลิเวียธานนามชอว์กล่าวเบาๆ ฮะการ์รู้ว่านั่นหมายถึงเขากับดอรันตอนที่บินไปเวย์แลนด์ในครั้งนั้น

    “ตอนนั้นเกิดเหตุด่วนนิดหน่อยน่ะ”

    “ว่าแต่การที่เจ้ามาที่นี่มันเหมือนกับว่าตรงมาหาข้าเลยไม่ใช่เหรอ ต้องการอะไรล่ะ” ชอว์ยื่นคอยาวๆของมันเข้ามาถาม

    “ราชาของพวกเจ้าอยู่รึเปล่า” ชายชราถามเมื่อชอว์ได้ยินแบบนั้นเจ้าลิเวียธานก็เปลี่ยนสีหน้าทันที

    “ท่านต้องอยู่อยู่แล้ว ที่นี่มิสทาร์อาณาเขตของลิเวียธานนะ” ชอว์ตอบ “แต่ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาพบเจ้าหรอกนะและข้าก็ไม่คิดจะให้ท่านพบเจ้าด้วย”

    “งั้นก็ช่างเถอะ ข้าถามเอาจากเจ้าก็ได้” ฮะการ์ส่ายหน้าให้กับความไม่ค่อยเป็นมิตรของมังกรตรงหน้า

    “เรื่องอะไรล่ะ”

    “ข้าอยากถามความเห็นเจ้าว่า หากมีมังกรหลบหนีผ่านทางทะเลของพวกเจ้า เจ้าคิดว่ามีอะไรพอที่จะเป็นเส้นทางไหนที่สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับของพวกเจ้าได้มากที่สุด”

    “มังกรหลบหนี? งั้นเองหรอกรึ...การที่เจ้าบินผ่านมิสทาร์ไปในวันนั้นรวมถึงการที่เจ้ามาถามข้าแบบนี้แปลว่ามีมังกรหลบหนีได้สำเร็จจริงๆงั้นสินะ” ชอว์พูดอย่างสนอกสนใจ

    “สนใจแค่คำถามของข้าก็พอ” ฮะการ์พูดเสียงเรียบซึ่งชอว์ก็พ่นลมหายใจออกจากจมูกเสียงดังเหมือนเป็นการประชด

    “หึ เจ้าอยู่มานานแล้วสำหรับมนุษย์นะฮะการ์ นานพอที่จะรู้ว่าลำพังมิสทาร์ที่เต็มไปด้วยฝูงลิเวียธานนั้นไม่ใช่สถานที่ที่การหลบหนีเป็นไปไม่ได้ขนาดนั้น ต่อให้มีลิเวียธานนับพันนับหมื่นตัวอาศัยอยู่ก็เถอะเพราะแบบนั้นพวกเจ้าถึงต้องพึ่งเครื่องจักรพวกนั้นของชาวเวย์แลนด์ใช่มั้ยล่ะ”

    “นั่นมันก็ใช่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าลิเวียธานเป็นปัจจัยหนึ่งที่สร้างความยากลำบากในการหลบหนี” ฮอลแลนด์พูดขึ้นมาเป็นครั้งแรกหลังจากเงียบมานานจนชอว์พึ่งสังเกตถึงตัวเขาได้

    “ฮอลแลนด์? ข้าพึ่งเห็นว่าเจ้าอยู่ที่นี่ด้วย” ชอว์พูดทักทายแต่ฮอลแลนด์ไม่สนใจเขายังคงพูดต่อไป

    “ถ้าเราหาได้ว่าพวกเขาใช้วิธีอะไรในการหลีกเลี่ยงลิเวียธานนั่นก็จะช่วยให้การสืบสวนของเราง่ายขึ้น”

    “นั่นก็มีเหตุผลดี” ชอว์เห็นด้วยแล้วจึงถามคำถามกลับไป “งั้นเส้นทางที่พวกเจ้าอยากได้เป็นแบบไหนกันล่ะ”

    “ก็คงต้องเป็นเส้นทางที่มีระยะสั้นในการเดินทางและผ่านพื้นที่ที่มีลิเวียธานไม่หนาแน่น” ฮะการ์เสนอขึ้นมา หลักๆที่เขาต้องการระยะทางที่สั้นเพราะหากเป็นเขา เขาก็คงอยากมีโอกาสที่จะเจอลิเวียธานกับโดรนต่างๆให้น้อยที่สุด

    “อืม...งั้นก่อนอื่นมังกรที่หลบหนีไปตัวนั้น ไปโผล่ที่ตรงไหนของเวย์แลนด์ล่ะ”

    “เป็นเมืองท่าขนาดกลางที่อยู่ทางตอนเหนือของเวย์แลนด์”

    “ทางตอนเหนือของเวย์แลนด์? แบบนี้ก็เท่ากับผ่านทางมิสทาร์มาตรงเลยสิเนี่ย” ชอว์กรอกตาพลางพลางครุ่นคิด “ถ้าผ่านมาตรงๆก็น่าจะเป็นไปได้ยากต่อพื้นที่แถวนี้มีลิเวียธานอยู่เยอะมาก”

    “งั้นมีความเห็นอะไรบ้างมั้ย” ฮะการ์ถาม

    “ข้ามีความเห็นอย่างนึง มีอยู่อีกเส้นทางนึงที่ใช้ระยะพอๆกันและห่างจากส่วนในของมิสทาพอสมควรซึ่งในบริเวณนั้นมีจำนวนของลิเวียธานน้อยกว่าบริเวณนี้หลายเท่าเชียวล่ะ”

    “เส้นทางนั้นคือ?

    “บินอ้อมจากทางมารามลงมายังเกาะเรบอนจากนั้นก็ค่อยข้ามไปยังเมืองที่ว่าอีกที” เมื่อชอว์ตอบเสร็จนักรบปลดเกษียรทั้งสองคนหันมามองหน้ากันเอง

    “มารามเหรอ?” ฮะการ์ทวนคำ

    “อย่างที่คิดเลย” ฮอลแลนด์บอกเบาๆเพราะว่าเขาเองก็ได้ข้อสันนิษฐานเดียวกัน โดยเกาะเรบอนที่ว่านั้นคือเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเวย์แลนด์ขึ้นไปอีก"

    “เจ้าคิดไว้แล้วเหรอ” ฮะการ์ถาม

    “ก็แค่การคาดเดาล่ะนะ” ฮอลแลนด์ยักไหล่ “ผมมองถึงเส้นทางที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุดก็คงเป็นเส้นทางนี้”

    “ถ้างั้นตอนนี้เราก็พอจะบีบอาณาเขตการสืบสวนได้แล้วล่ะ ที่เหลือก็แค่ต้องลองสืบดูกับตัวป้อมปราการหน้าด่านเท่านั้น” ฮะการ์ดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อจากนั้นก็คลี่มันออก แผนที่ขนาดกลางก็ถูกกางออกมาด้วยมือของเขา “หากลากจากระยะที่ไกล้ที่สุดของมารามไปยังเกาะเรบอน...ก็คงจะเป็นป้อมปราการนี้สินะ...ป้อมปราการหมายเลขเก้า”

    ฮะกาน์ชี้ไปยังสัญลักษณ์เล็กๆที่คล้ายกับปราสาทในแผนที่ซึ่งอยู่กลางทะเลพอดิบพอดี

    “ว่าแต่ข้ามีข้อสงสัยนิดหน่อย” ชอว์ถามขึ้นมา “หากเจ้ามังกรนี่หลบหนีไปสำเร็จแล้วในตอนนั้นแล้วเจ้าสามารถหามันเจอได้ยังไง”

    “มีรายงานจากเมืองเล็กๆเมืองนั้นน่ะสิ ว่าภายในสองสามวันนั้นมีเหตุการณ์ประหลาดๆที่เกิดชึ้นจากสัตว์ประหลาดล่องหน รัฐบาลของเวย์แลนด์ที่เห็นท่าไม่ดีก็เลยทำการติดต่อกับทางเซ็นทรัลให้ส่งนักรบไปตรวจตราให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” ฮะการ์ตอบพลางนึกถึงเรื่องราวเมื่อตอนนั้น “บังเอิญในตอนนั้นฉันกำลังให้คำแนะนำกับนักรบของตระกูลโวเกลอยู่พอดีและปราสาทโวเกลก็อยู่ติดชายแดนพอดีซะด้วยก็เลยขอติดไปด้วยซะหน่อย”

    “ดอรัน ออตโต้แมน งั้นสินะ” ฮอลแลนด์เปรยชื่อๆหนึ่งขึ้นมาซึ่งฮะการ์ก็พยักหน้ารับ

    “หมายความว่าเจ้ามังกรที่หลบหนีไปนั่น หลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองราวสองสามวันสินะ...เหมือนกับว่ามันกำลังหาอะไรอยู่เลยนะ” ชอว์กล่าวอย่างสงสัยซึ่งฮะการ์เองก็ไม่ได้ให้คำตอบนี้กับชอว์ถึงแม้เขาจะพอรู้ได้ว่าสิ่งที่เจ้ามังกรผู้หลบนี้ตนนั้นพยายามค้นหาคืออะไร

    หนังสือสันสีแดงที่ฝังเขี้ยวมังกรเก่าแก่หลายพันปี

    “เอาล่ะ ยังไงตอนนี้เราก็พอจะคาดเดาเส้นทางได้แล้วล่ะนะ ที่เหลือก็แค่ดำเนินการต่อไป” ฮะการ์เป่าปากอย่างโล่งอก

    “พวกเจ้ารู้มั้ยว่าการใช้เส้นทางที่สั้นไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเส้นทางหลบหนีของเจ้ามังกรที่ว่าหรอกนะ”

    “ข้ารู้ดี แต่มันก็มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุดใช่มั้ยล่ะ สำหรับเรื่องที่เราต้องสืบสวนตั้งแต่หนึ่งแบบนี้มีอะไรก็ต้องลองให้หมดนั่นแหละ ถ้าผิดถึงตอนนั้นก็ค่อยคิดใหม่อีกที” ฮะการ์ตอบเรียบๆโดยอย่างไม่ใส่ใจ

    “ก็ตามนั้นแหละนะ” ฮอลแลนด์ยิ้มอย่างเห็นด้วย

    “ถ้าพวกเจ้าว่าอย่างงั้นข้าก็ไม่ขัดเพราะยังไงสิ่งที่ยากที่สุดที่พวกเจ้าต้องไปค้นหากันไม่ใช่วิธีหลบหนีจากลิเวียธานแต่เป็นวิธีจากเครื่องจักรพวกนั้นของชาวเวย์แลนด์ต่างหาก”

    “พวกข้ารู้ดี” ฮะการ์ตอบเบาๆ “ว่าแต่พวกเจ้าพอจะมีข่าวสารอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างรึเปล่า เกี่ยวกับมังกรที่คิดจะหลบหนีจากแอนทีคอะไรประมาณนี้”

    “ข้าไม่ได้รู้อะไรมากเกินไปกว่าเจ้าหรอกฮะการ์ สำหรับลิเวียธานอย่างพวกเราแล้วเรื่องบนผืนดินหาใช่เรื่องต้องใส่ใจไม่” ชอว์หันดวงตาคู่โตของมันมาจ้องทั้งสองคนเขม็ง

    “แต่การที่มีมังกรหลบหนีไปยังเวย์แลนด์ได้เป็นเรื่องที่ผิดหลักพันธสัญญาและพวกเจ้าก็ควรมีส่วนรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วย” ฮอลแลนด์พูดขึ้นมา

    “พันธสัญญางั้นสินะ...” ชอว์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนเหมือนกับลมพัดแรงๆผ่านมนุษย์ทั้งสองไปชั่วขณะ “ไม่ต้องห่วง พวกเราจะช่วยเท่าที่ช่วยได้นั่นแหละแต่ต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในขอบเขตของผืนน้ำเท่านั้นะ ถ้ามีข่าวสารอะไรข้าก็จะส่งไปบอกพวกเจ้าเอง”

    “ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ ถ้ายังไงก็ฝากเอาเรื่องนี้ไปแจ้งยังราชาของพวกเจ้าด้วย” ฮะการ์พยักหน้าขอบคุณซึ่งชอว์ก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกรอบ

    “ข้าจะแจ้งท่านให้แต่เจ้าก็รู้ว่าท่านไม่ใช่ผู้ที่จะยอมเคลื่อนไหวอะไรไปตามคำขอของมนุษย์อย่างพวกเจ้านัก”

    “แค่นั้นก็พอแล้ว” ฮะการ์ตอบอย่างพอใจก่อนจะนั่งลงบนหลังของเจ้าสเปียร์แล้วจับแผงคอของเจ้ามังกรตัวโต “งั้นธุระของพวกข้าก็หมดลงแค่นี้แหละ พวกข้าจะไปยังป้อมปราการที่คุยกันไว้ตะกี้”

    อย่างว่าแม้จะได้คำแนะนำเพิ่มขึ้นมาแต่พวกเขาก็ยังมีอะไรที่ต้องสืบสวนอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหลีกเลี่ยงโดรน เครื่องตรวจจับ หรือกระทั่งภาพถ่ายจากดาวเทียม

    ฮะการ์เตรียมจะออกแรงกดลงไปที่แผงคอของสเปียร์เพื่อควบคุมให้มันบินไปแต่ก่อนหน้านั้นเจ้ามังกรทะเลก็ยกแขนขึ้นมาห้ามไว้ซะก่อน

    “ก่อนพวกเจ้าจะไปข้าขอแนะนำอะไรไว้ซักอย่าง”

    “เรื่องอะไร?” ฮะการ์ถาม

    “พวกข้าจะช่วยเหลือเจ้าตามที่บอกไว้...แต่ก็ใช่ว่ามังกรทุกตัวจะนิยมชมชอบพันธสัญญาของเออร์มินนักหรอกนะ” ชอว์พูดทิ้งท้าย ลิเวียธานขนาดใหญ่หันหลังกลับแล้วบินลงทะเลไป

    ฮะการ์กับฮอลแลนด์หันมามองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร บางทีพวกเข้าเองก็อาจจะเข้าใจคำแนะนำนั้นของชอว์อยู่แล้วก็ได้แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาใส่ใจเรื่องนั้น

    “งั้นเราก็ไปกันเถอะ ป้อมปราการหมายเลขเก้า” ฮะการ์พูดจบสเปียร์ก็สะบัดปีกแล้วบินต่อบนท้องฟ้าเหนือผืนน้ำ

     

     

     

     

    ณ ป้อมปราการหน้าด่านที่ตั้งอยู่กลางทะเล

     “ขอต้อนรับ ท่านผู้อาวุโสฮะการ์และท่านสมาชิกสภาฮอลแลนด์ สู่ป้อมปราการหมายเลขเก้าของเรา” ชายสวมเครื่องแบบคนหนึ่งชายสองคนได้ถูกต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าตัวป้อมปราการแห่งนี้อย่างดี

    ทั้งสองคนเพียงพยักหน้ารับเล็กๆเพราะยังไงพวกเขาไม่ใช่คนที่ใส่ใจพิธีการอะไรมากอยู่แล้ว

    “พวกเรามีเรื่องจะสอบถามผู้บัญชาการของที่นี่ซักหน่อย ช่วยเรียกเขามาคุยหน่อยจะได้มั้ย” ฮอลแลนด์พูดขึ้นซึ่งเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ตอบรับอย่างขันแข็งโดยการวิ่งออกไปตามคำสั่ง

    ชายผู้ทรงอิทธิพลทั้งสองของแอนทีคกำลังยืนอยู่บนป้อมปราการขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่กลางทะเล รูปแบบสถาปัตยกรรมของที่นี่นั้นดูแตกต่างและแปลกแยกจากรูปแบบของแอนทีคอย่างสิ้นเชิงบนตัวป้อมปราการนั้นเต็มไปด้วยเครื่องจักรที่คนส่วนใหญ่บนแอนทีคล้วนแล้วแต่ไม่เคยเห็น

    “ดูกี่ครั้งก็น่าประทับใจไม่เปลี่ยนเลยนะ เทคโนโลยีของชาวเวย์แลนด์เนี่ย” ฮะการ์พูดออกมาขณะสายตามองจานดาวเทียมขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตรงยอดของป้อมปราการ

    “ใช่ น่าทึ่งและน่าสนใจ” ฮอลแลนด์กล่าวเสริม “แต่น่าเสียดายที่มันยังขาดพลังไป สำหรับสัตว์ร้ายพวกนั้นน่ะของพวกนี้ไม่เพียงพอหรอก”

    “นั่นสินะ”

    หลังจากพูดคุยฆ่าเวลาเสร็จไม่นาน เจ้าหน้าที่คนเมื่อครู่ก็เดินกลับมาโดยแจ้งว่าเขาได้รายงานหัวหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่อไปเขาจะพาทั้งสองคนไปยังห้องประชุม

    เมื่อเข้ามาถึงห้องประชุม พวกเขาก็พบกับผู้บัญชาการของที่นี่ซึ่งเป็นชายอายุราวสามสิบถึงสี่สิบซึ่งถือว่าค่อนข้างหนุ่มสำหรับตำแหน่งนี้

    “ขอต้อนรับทั้งสองท่านสู่ป้อมปราการของเราครับ ผมคริล เทอร์กี้ ผู้บัญชาการแห่งป้อมปราการหมายเลขเก้าแห่งนี้ เป็นเกียรติเหลือเกินที่ท่านทั้งสองมาเยี่ยมเยียนพวกเราถึงที่นี่” ผู้บัญชาการนามคริลกล่าวทักทาย

    “เป็นเกียรติเช่นกัน คุณผู้บัญชาการ” ฮะการ์พูดตอบอย่างสุภาพ

    “ว่าแต่ที่ท่านทั้งสองมาถึงที่นี่มีธุระอะไรรึเปล่าครับ” คริลแอบเกร็งเพราะการที่มีคนระดับนี้มาถึงป้อมปราการของเขานั้นมันทำให้เขาอดเครียดไม่ได้

    “เราอยากจะสอบถามข้อมูลจากคุณซักหน่อย” คราวนี้ฮอลแลนด์เป็นคนพูดขึ้นมาหลังจากนั้นชายทั้งสองก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้ให้

    “สอบถามข้อมูลงั้นเหรอครับ..แน่นอนครับ เชิญถามมาได้เลย”

    “พวกคุณคงได้ข่าวเรื่องที่มีมังกรตัวหนึ่งไปโผล่ที่เวย์แลนด์แล้วใข่มั้ย”

    “ครับ เรื่องใหญ่ขนาดนั้นผมย่อมต้องรู้อยู่แล้ว” คริลตอบแล้วหันมามองฮะการ์ “ได้ยินว่าท่านฮะการ์เป็นผู้จัดการเจ้ามังกรตัวนั้นด้วยนี่ครับ”

    “เป็นฝีมือของนักรบที่ไปกับข้าเท่านั้น ข้าแค่บังเอิญได้ไปอยู่ตรงนั้นพอดีก็เท่านั้น” ฮะการ์พูดอย่างไม่ใส่ใจ

    “ว่าแต่พวกท่านทั้งสองอยากได้ข้อมูลอะไรจากทางเรางั้นเหรอครับ”

    “ทุกอย่าง” ฮอลแลนด์ตอบสั้นๆ “ในวันนั้นพวกคุณสังเกตเห็นอะไรผิดปกติรึเปล่า ได้รับแจ้งข่าวเมื่อไหร่ เมื่อรับรู้แล้วทำยังไง หรือกระทั่งมีความเห็นอะไรกับเรื่องนี้บ้าง ผมอยากทราบให้หมด”

    เมื่อคริลได้ยินคำถาม เขาก็นั่งคิดไปด้วยซักพักก่อนจะส่ายหน้าช้าๆออกมาเป็นคำตอบ

    “เรื่องผิดปกติเหรอ...ไม่มีนะครับ” คริลตอบสั้นๆจนชายสูงอายุทั้งสองแอบผิดหวังเล็กๆ

    “งั้นขอถามอะไรหน่อย” ฮะการ์ถามขึ้นมาบ้าง เขาความคิดบางอย่างอยู่ในหัวซึ่งแม้เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันน่าจะถูกแต่เขาก็ต้องการคำยืนยัน

    “ครับ?

    “ก่อนหน้าวันที่ได้รับแจ้งข่าวเรื่องมังกรหลบหนีซักสองสามวัน ได้มีพายุพัดผ่านที่นี่มั่งรึเปล่า” ฮะการ์ตีสีหน้าจริงจังขึ้นมา เมื่อคริลได้ยินแบบนั้นเจ้าตัวรีบพยักหน้าออกมาทันที

    “ใช่ครับ มีพายุพัดผ่านที่นี่จริงๆ” คริลยืนยันในสิ่งที่ฮะการ์ถามซึ่งฮะการ์ก็ดูพึงพอใจกับคำตอบนั้น

    ปัจจัยอีกอย่างที่ยากต่อการหลบหนีซึ่งฮะการ์และฮอลแลนด์ไม่ได้พูดให้เนลลี่ฟังนั้นคือ ภาพถ่ายจากดาวเทียม

    พื้นที่ของมิสทาร์นั้นล้วนแล้วแต่เป็นผืนน้ำกว้างใหญ่เพราะงั้นหากมีอะไรที่ดูผิดสังเกตบินผ่านก็จะสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายจึงได้มีการติดตั้งดาวเทียมเพื่อสังเกตการณ์มิสทาร์ด้วย

    โดยก่อนมาฮะการ์ให้ฮอลแลนด์ตรวจเช็คสภาพอากาศในช่วงเวลานั้นซึ่งเขาเองก็พบสิ่งที่น่าสนใจบางอย่างนั่นคือ...

    พายุขนาดกลางสองลูก

    ในตอนนั้นฮอลแลนด์เองก็เกิดแนวคิดประหลาดๆขึ้นมา

    หากเจ้ามังกรผู้หลบหนีเลือกที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ในพายุเพื่อใช้หลบเลี่ยงการตรวจสอบจากดาวเทียมล่ะ? และนอกจากนี้พายุทั้งสองลูกยังพัดผ่านไปยังเวย์แลนด์ทั้งคู่อีก พายุนั้นเคลื่อนที่ตลอดเวลาจึงเป็นการง่ายที่จะหลบซ่อนตัวแล้วเคลื่อนที่ไปพร้อมๆกับตัวพายุและด้วยการที่มันเป็นพายุที่ไม่ได้รุนแรงมากนักจึงไม่ใช่เรื่องเกินตัวที่มังกรจะอยู่ในนั้นได้เป็นวันๆ

    นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฮอลแลนด์ถึงได้สงสัยในเส้นทางนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม

    โดยพายุลูกแรกที่พัดผ่านนั้นพวกเขาสันนิษฐานไว้ว่ามันคือลูกที่เจ้ามังกรผู้หลบหนีใช้เป็นเครื่องมือบังตาจากดาวเทียม ส่วนลูกที่สองนั้นคือลูกที่พัดผ่านเมืองบ้านเกิดของเลสเตอร์ในวันนั้น

    “หลังจากพายุลูกแรกพัดไปไม่กี่วันก็มีพายุลูกถัดไปพัดมาอีกใช่รึเปล่า” ฮะการ์ถามยืนยันอีกครั้ง

    “ครับ ใช่แล้วครับ” คริลยืนยันอีกครั้ง

    ถ้าปัญหาเรื่องดาวเทียมหมดไปแล้ว ต่อไปปัญหาต่อไปก็คงเป็นเรื่องโดรนกับเรดาร์สินะงั้นสินะ...บางทีอาจจะ... ฮอลแลนด์แอบคิดในใจในขณะที่ฮะการ์ยังคงสอบถามข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมอยู่

    “ผู้บัญชาการ ข้อมูลจากโดรนที่กระจายอยู่ทั่วมิสทาร์นั้นจะถูกส่งไปให้ป้อมปราการทุกป้อมรึเปล่า” ฮอลแลนด์ถามขึ้นมาในหัวของเขาตอนนี้กำลังนึกถึงความเป็นไปได้ประหลาดๆที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงอยู่

    “ไม่ครับ ป้อมปราการแต่ละป้อมจะมีอาณาเขตที่คอยดูแตกต่างกันเพราะงั้นข้อมูลจากโดรนที่อยู่ในอาณาเขตของป้อมปราการนี้ก็จะส่งมาให้เฉพาะในป้อมปราการนี้เท่านั้น”

    “อย่างที่คิดจริงๆ” ฮอลแลนด์พึมพำเบาๆก่อนจะถามอีกคำถาม “เช่นเดียวกับข้อมูลจากเรดาร์ด้วยใช่มั้ย”

    “ใช่ครับ” คริลตอบรับสั้นๆ

    “คิดอะไรออกรึไง ฮอลแลนด์” ฮะการ์หันไปถามซึ่งฮอลแลนด์เองก็ไม่ได้ตอบคำถามของฮะการ์ต่อ เขาเพียงหันหน้าไปมองคริลพร้อมกับถามอะไรต่อ

    “ป้อมปราการที่นี่มีคนอยู่กี่คน”

    “ก็มีอยู่ราวสิบกว่าคนครับ” คริลตอบในทันที สำหรับป้อมปราการซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็กอย่างที่นี่แล้วนี่ก็เป็นจำนวนที่พอเหมาะ

    “แล้วคนที่คอยตรวจตราสัญญาณจากตัวโดรนกับเรดาร์ล่ะ” ฮอลแลนด์

    “ก็มีอยู่สองคนครับ”

    “สองคน?” คำตอบของคริลทำให้ฮะการ์ขมวดคิ้ว

    “ครับ เนื่องจากอาณาเขตที่เราประจำการอยู่เป็นอาณาเขตที่ค่อนข้างเล็กจึงไม่จำเป็นต้องใช้คนในการตรวจตรามากครับ”

    “ผมขอสอบถามอะไรกับเจ้าหน้าที่สองคนนั้นหน่อยจะได้มั้ย” ฮอลแลนด์ขอในสิ่งที่ตัวเองต้องการในทันทีซึ่งแน่นอนว่าคริลไม่มีทางปฏิเสธเขาได้อยู่แล้ว

    “แน่นอนครับ ผมจะพาทั้งสองท่านไปยังห้องสังเกตการณ์ของเรา คนของเราอยู่ที่ห้องนี้แหละ” คริลลุกขึ้นแล้วพาเดินนำผู้มาเยือนทั้งสองออกจากห้องแล้วเดินไปที่ห้องๆหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างจากห้องประชุมไม่ไกล

    หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็พบห้องที่เขียนไว้ว่า “ห้องสังเกตการณ์”

    พอคริลเปิดประตูเข้าไปก็พบกับขอภาพเต็มไปหมดทั้งที่เป็นแบบตั้งโต๊ะและติดฝาผนังผนัง ด้านในมีเจ้าหน้าที่ชายหญิงสองคนนั่งอยู่ในห้องซึ่งพอพวกเขาสังเกตว่าหัวหน้าของตัวเองเปิดประตูเข้ามาพวกเขาก็ลุกขึ้นทำความเคารพทันที

    “ผู้บัญชาการ? มีอะไรรึเปล่าครับ” เจ้าหน้าที่ชายพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองอีกสองคนด้านหลัง “ว่าแต่ด้านหลังนั่นคือ?

    “สองท่านนี้คือสมาชิกสภาสูงของเซ็นทรัล ท่านอยากตรวจสอบข้อมูลการคุ้มกันต่างๆ” คริลแนะนำแขกของวันนี้ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งสองหลังจากได้ยินชื่อ “สมาชิกสภาสูงแห่งเซ็นทรัล” แล้วพวกเขาก็ถึงกับตัวเกร็ง

    “ข...ขอต้อนรับ...”

    “ไม่ต้องมากพิธีหรอก” ฮะการ์ยกมือขึ้นห้าม “อย่าได้กังวลไปเลย พวกข้าเพียงแค่อยากรู้อะไรบางอย่างเท่านั้น”

    “ท่านทั้งสองอยากได้รู้อะไรงั้นเหรอคะ” เจ้าหน้าที่หญิงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง ฮะการ์สะบัดหน้าไปทางฮอลแลนด์ซึ่งเป็นคนที่ต้องการถาม

    “พวกเธอได้รู้ข่าวเรื่องมังกรที่หลบหนีไปสู่เวย์แลนด์รึเปล่า”

    “ครับ พวกเราทราบมาเหมือนกัน”

    “แล้วได้อยู่ในวันที่พายุลูกแรกพัดผ่านที่นี่ไปรึเปล่า” ฮอลแลนด์ถามต่อซึ่งพอมาถึงคำถามนี้ทั้งสองคนก็ดูงุนงงไปชั่วขณะ

    “ค่ะ ฉันอยู่” เจ้าหน้าที่สาวตอบแต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชายจะได้ตอบคำถามต่อ ฮอลแลนด์ก็พูดแทรกขึ้นมาต่อ

     “งั้นก่อนอื่นเลย ข้อมูลการตรวจสอบจากวันนั้นยังคงอยู่ใช่มั้ย เปิดให้ฉันดูทั้งหมดเดี๋ยวนี้เลย” ฮอลแลนด์ออกคำสั่งในทันทีซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งสองก็หันมามองหน้ากันอย่างงุนงงอีกครั้งแต่ก็พยักหน้ารับ พวกเขาเดินไปที่คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ก่อนจะเริ่มคีย์เพื่อหาข้อมูลย้อนหลัง ในขณะนั้นฮอลแลนด์ก็หันไปหาคริลซึ่งยืนอยู่ข้างๆ “ผู้บัญชาการ หลังจากที่ได้ข่าวเรื่องมังกร คุณได้ลองมาตรวจเช็คข้อมูลย้อนหลังบ้างรึเปล่า”

    “แน่นอนครับ ถึงในตอนนั้นทางเราจะไม่มีสัญญาณใดๆมาจากทั้งโดรนและเรดาร์ตรวจจับเลยแต่ทางเราเองก็ลองตรวจเช็คซ้ำอีกรอบแล้ว”

    “งั้นเหรอ” ฮอลแลนด์ถอนหายใจ “ก็ได้แต่หวังว่าฉันจะคิดผิดล่ะนะ”

    “สรุปสิ่งที่เจ้าคิดไว้คืออะไร พอจะบอกข้ารึยัง” ฮะการ์ถาม

    “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เดี๋ยวเราก็รู้เอง” ฮอลแลนด์ตอบแบบนั้นและในตอนนั้นเองดูเหมือนเจ้าหน้าที่ทั้งสองจะหาข้อมูลย้อนหลังเจอแล้ว

    “ค้นหาเจอแล้วค่ะ จะให้เปิดเลยมั้ยคะ” เจ้าหน้าที่สาวพูดขึ้นมาก่อน

    “อืม เอาเลย”

    “งั้นอยากได้ข้อมูลช่วงเวลาไหนดีคะ” เจ้าหน้าที่สาวหันมาถาม

    “วันที่พายุเข้าที่นี่คือวันไหน” ฮอลแลนด์ถามคริลต่อ

    “เกือบสามวันก่อนที่เราจะได้ข่าวเรื่องมังกรครับ ในตอนนั้นก็เป็นเวลาราวๆสองทุ่มพอดี”

    “ตามที่ได้ยินนั่นแหละ” ฮอลแลนด์ส่งต่อข้อมูลนั้นไปสู่เจ้าหน้าที่ทั้งสองซึ่งพวกเขาก็คีย์ข้อมูลไปตามคำสั่งและในที่สุดข้อมูลก็เปิดออกมา

    ทันใดนั้นเองดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้างขึ้น

    “ท...ทำไม” คริลเป็นคนที่ตกใจกลับมากที่สุด ปากของเขาสั่นพะงาบๆพร้อมกับพูดที่แทบจะไม่เป็นคำ

    “นี่มัน...” ฮะการ์มองหน้าจาอย่างตื่นตะลึง

    สิ่งถูกแสดงอยู่บนหน้าจอคือข้อมูลการตรวจสอบจากเรดาร์ซึ่งบนในช่วงเวลาที่พายุพัดผ่านมานั้น ได้มีจุดสีแดงๆซึ่งแสดงถงวัตถุบินบินผ่านไปบนหน้าจอเรดาร์อย่างช้าๆ

    “ข้อมูลจากโดรนล่ะ” ฮอลแลนด์ถามด้วยน้ำเสียงเย็นแต่ภายในของเขากลับคุกรุ่นไปตัวเปลวเพลิง

    “ม...มีโดรนสองตัวพบสิ่งแปลกปลอมเหมือนกันครับ ผมกำลังจะเปิดภาพที่แสดงจากโดรนให้” เจ้าหน้าที่หนุ่มที่ดูจะตื่นตกใจไม่แพ้รีบเปิดข้อมูลที่ว่าขึ้นมาทันที

    สิ่งถูกแสดงออกมาต่อจากนั้นคือภาพที่ถูกตรวจจับได้จากเครื่องตรวจจับความร้อนของโดรน เงาสีแดงขนาดใหญ่มีปีกที่แสดงอยู่บนหน้าจอนั้นก็คือ...

    “มังกร...ผู้บัญชาการนี่มันหมายความว่ายังไงกันหา!” ฮอลแลนด์หันไปคำรามใส่คริล

    “ผมไม่รู้เรื่องนะครับ! ในวันนั้นผมก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้อีกรอบแล้วแถมผมยังเป็นคนยืนมองอยู่ตรงนี้เองด้วย ผมไม่เข้าใจเหมือนกันครับ” คริลดูตื่นตกใจอย่างเหลือเชื่อ เขามองภาพบนหน้าจอด้วยสีหน้าซีดเผือกราวกับเห็นผี

    “อย่างนี้นี่เอง นี่คือสิ่งที่เจ้าคิดไว้สินะ ฮอลแลนด์” ฮะการ์แม้จะตกใจเช่นกันแต่เขาก็ยังคงรักษาอารมณ์ที่นิ่งไว้ได้ “ระบบป้องกันของป้อมปราการหน้าด่านนั้นดีเยี่ยมก็จริงแต่มันก็มีจุดบอดข้อใหญ่อยู่”

    “อา ใช่แล้วล่ะ หากผู้ตรวจตราเลือกที่เพิกเฉยแล้วล่ะก็มันก็ไม่ต่างอะไรกับไม่การตรวจสอบนั่นแหละ” ฮอลแลนด์พูดจบก็เดินไปกระชากคอเสื้อของคริล “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันผู้บัญชาการ”

    “ผมไม่รู้! ผมไม่รู้เหมือนกันครับ”

    “น้อยๆหน่อยนะ จะบอกว่าไอ้ภาพที่อยู่ตรงหน้านี้มันเป็นภาพหลอนหรือยังไงกัน”

    “ใจเย็นก่อนฮอลแลนด์ ถึงเขาจะเป็นผู้บัญชาการแต่ปัญหาจริงๆของเรามันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น” ฮะการ์หันมามองหน้าเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจตราชายหญิงทั้งสองคน

    “พวกเจ้าสองคนคงมีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”

    “ผ...ผมก็ไม่รู้เรื่องนะครับ” เจ้าหน้าที่ชายพูดอย่างตื่นกลัว “ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้นซักหน่อย ผมพึ่งเข้ามาประจำแทนเท่านั้นเอง”

    “ประจำแทน?” ฮะการ์ทวนคำแต่แล้วในวินาทีนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นในขณะที่สายตาของเขากำลังจดจ้องอยู่กับเจ้าหน้าที่หนุ่มก็มีบางอย่างที่ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ

    เจ้าหน้าที่สาวที่ยืนเงียบๆอยู่นานได้กระชากมีดเล่มเล็กเล่มหนึ่งที่เหน็บไว้กับตัวแล้วง้างมันเข้ามาหาลำคอของชายชราทันที

    ฮะการ์เบิกตามองอย่างตื่นตะลึงแต่ด้วยสัญชาตญาณของการเป็นอดีตนักรบมังกรแม้จะอายุถึงเลขเจ็ดแล้วเขาจึงสามารถยกมือขึ้นไปหยุดใบมีดนั้นได้ทันโดยการจับข้อมือของหญิงสาวไว้

    “โห ดูเหมือนเราจะเจอตัวการแล้วนะ” ผู้นำตระกูลสแตนฟอร์ดพูดจบก็ออกแรงบิดข้อมือของเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นจนมีดคล้อยหลุดออกจากข้อมือหลังจากนั้นเขาก็ใช้แรงฉุดแขนของหญิงสาวแล้วเหวี่ยงเจ้าตัวลงกระแทกพื้นโดยใช้ขาของเขากดหลังของเธอไว้

    “เลือกศัตรูผิดไปหน่อยนะแม่สาวน้อย ถึงจะหมดพลังไปแล้วแต่ตาแก่นี้น่ะไม่ได้เคี้ยวง่ายๆหรอก” ฮอลแลนด์ปล่อยมือจากคอเสื้อของคริลแล้วเดินไปก้มมองหญิงสาวที่ถูกกดลงกับพื้น “เอาล่ะ ถึงขนาดจู่โจมมาแบบนี้คงไม่ผิดตัวแล้วล่ะ พอจะบอกหน่อยได้มั้ยว่าคิดอะไรถึงได้ทำแบบนี้”

    เจ้าหน้าที่สาวไม่ตอบสนองใบหน้าของเธอยังคงถูกกดอยู่กับพื้นจนฮอลแลนด์ต้องถอนหายใจ เขาจึงใช้มือจับใบหน้าของหญิงสาวให้ค่อยๆหันมา

    “นี่มัน...” ในตอนที่ฮอลแลนด์เห็นใบหน้าของเจ้าหน้าที่สาวเขากลับเป็นฝ่ายตกใจซะเองเพราะมันมีอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากปกติ

    ดวงตาของหญิงสาวนั้นเรืองแสงแวววาวและส่องไปประกายเป็นสีม่วงแถมยังดูว่างเปล่าราวกับลูกแก้วขุ่นๆ

    “เธอ...ถูกสะกดจิต” ฮะการ์มองดวงตาสีม่วงคู่นั้นอย่างไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง

    “น้อยๆหน่อยนะ จะบอกว่าไอ้ภาพที่อยู่ตรงหน้านี้มันเป็นภาพหลอนหรือยังไงกัน”

    คำพูดก่อนหน้านี้ของฮอลแลนด์ดังขึ้นมาในหัวของชายชรา ในตอนนั้นชิ้นส่วนต่างๆในความคิดของชายชราก็ค่อยๆประกอบเป็นรูปเป็นร่าง เขาหันไปถามเจ้าหน้าที่ผู้ชายซึ่งตอนนี้กำลังยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่

    “เจ้าบอกว่าเจ้าพึ่งเข้ามาประจำการแทนใช่มั้ย นั่นมันหมายความว่ายังไง”

    “เมื่อวานนี้เป็นวันเปลี่ยนเวรครับ เป็นวันที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่จนครบกำหนดแล้วหรือมีเหตุจำเป็นต้องกลับแอนทีคหรือเวย์แลนด์โดยด่วนสามารถกลับได้ซึ่งเจ้าหน้าที่ของที่นี่ก็พึ่งกลับไปคนนึง ผมจึงมาประจำการแทนครับ”

    “ผู้บัญชาการ ตอนที่คุณบอกว่ามาตรวจสอบด้วยตัวเองน่ะ คนที่เปิดข้อมูลพวกนี้ให้คุณดูน่ะใช่เจ้าหน้าที่ที่เพิ่งลางานไปคนนี้รึเปล่า” ฮะการ์หันไปถามคริลต่อ

    “ครับ ใช่แล้วครับ เป็นเขากับเธอคนนี้นี่แหละ ในตอนนั้นบนหน้าจอมันว่างเปล่าไม่มีอะไรอย่างนี้จริงๆนะครับ” คริลบอกอย่างว่องไว

    “เขาคนนั้นอายุเท่าไหร่” ดวงตาของฮะการ์หรี่ลงกับคำถามนั้น

    “อายุเหรอครับ น่าจะสามสิบกว่าๆได้แล้วนะครับ”

    “สามสิบเหรอ? นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก” ฮอลแลนด์พูดขึ้นมาแบบนั้นทำให้ฮะการ์รู้เลยว่าตอนนี้พวกเขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดตรงกันแล้ว

    “ไม่หรอก ยังพอเป็นไปได้อยู่” ฮะการ์ก็ใช้สันมือของเขาฟาดลงไปที่คอหอยของหญิงสาวที่ถูกกดไว้กับพื้นจนเจ้าตัวสลบไป “เจ้าหน้าที่คนนั้น เขากลับไปด้วยวิธีไหน”

    “เป็นเรือรับส่งความเร็วสูงซึ่งมีหินอามันโดนคุ้มกันครับ เขากลับไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่จากป้อมปราการข้างเคียงหลายคนเลย”

    “แล้วตอนนี้เรือลำนั้นไปถึงไหนแล้ว”

    “เขาออกไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าตรู่ ป่านนี้ก็คงถึงฝั่งแล้วล่ะครับ”

    “ช้าไปรึเนี่ย” ฮะการ์กำหมัดแน่น “ส่งข้อมูลของเขาคนนั้นมาให้ข้าผ่านทางเซ็นทรัล ตอนนี้เราจะกลับกันแล้ว”

    “ค...ครับ” คริลตอบรับเสียงสั่นในตอนนี้เขางงไปหมดแล้วว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ สมาชิกสภาของเซ็นทรัลทั้งสองเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    “มีอยู่จริงๆสินะ พลังที่สามารถสะกดจิตคนได้” ฮะการ์เปรยขึ้นมา “ผู้ตรวจสอบมีสองคนเพื่อให้ตรวจสอบกันเองได้แต่ถ้าหากสะกดจิตอีกคนไว้ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องนั้นอีก หัวใสจริงนะ”

    “แต่ผู้หญิงคนนั้นมาทำงานที่นี่ได้แปลว่าเธอก็ต้องกินดวงตามังกรไปแล้ว ถ้าเป็นพลังของมังกรตัวนั้นก็ไม่น่าจำทำอย่างนี้ได้หรือว่าข้อสันนิษฐานของผมจะผิดกัน” ฮอลแลนด์พูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

    “เรื่องนั้นเราค่อยมาหาคำตอบกันอีกที”

    “แต่ถ้าเป็นพลาน่านั้นจริงก็คงอธิบายอะไรหลายๆอย่างได้ ตอนที่ผู้บัญชาการมาตรวจสอบข้อมูลเขาก็คงจะสร้างภาพลวงตาขึ้นมาคลุมหน้าจอ ภาพลวงตาที่แสดงข้อมูลผิดๆว่าไม่มีมังกรบินผ่านที่นี่”

    “เราคิดแบบเดียวกันเลยนะ”

    “แต่ยังมีอีกอย่างที่ผมยังไม่เข้าใจ” ฮอลแลนด์พูดขึ้นต่อ “ผู้บัญชาการบอกว่าเจ้าหน้าที่นั่นอายุราวสามสิบ อายุเท่านั้นไม่มีทางครอบครองพลังได้อยู่หรอก”

    “เจ้าลืมอะไรไปบางอย่างนะ ฮอลแลนด์ หากเขาสร้างภาพลวงตาขึ้นมาคลุมหน้าจอได้กะอีแค่สร้างภาพลวงตาปลอมตัวเป็นใครบางคนทำไมเขาจะทำไม่ได้”

    “นั่นมันบ้าชัดๆ” ฮอลแลนด์พูดอย่างไม่อยากจะยอมรับความจริงนี้

    “ตัวการของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ เขากลับไปยังแอนทีคแล้วและถึงจะยังไม่รู้จุดมุ่งหมายก็เถอะแต่เขาคงไม่หยุดก่อเรื่องง่ายๆแค่นี้แน่” ดวงตาเรียวของฮะการ์มองไปข้างหน้าอย่างเคร่งเครียด “ต่อจากนี้เขาคงสร้างความวุ่นวายให้เราน่าดูเลยล่ะด้วยพลาน่าของมารามอส”

     

     

     

     

    ณ ยามค่ำคืนของพื้นที่เงียบสงบในป่าแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากชายทะเลมาหลายกิโลเมตรมีชายคนหนึ่งกำลังเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์

    “รูเวน! ฉันกลับมาแล้ว” ชายคนนั้นพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบของป่า ในตอนนั้นเองมังกรขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็ค่อยๆเดินออกมาจากมุมมืดของป่า

    “เจ้าเป็นไครกัน” มังกรสีแดงตัวใหญ่ตนนั้นพูดขึ้น

    “อะไรกัน ฉันหายไปหลายเดือนจำกันไม่ได้แล้วเหรอไง” ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พอเจ้ามังกรนามรูเวนได้ยินแบบนั้นก็พอเดาออกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นไคร

    “ไนลิก” รูเวนเปรยชื่อของชายตรงหน้าออกมา “ว่าแต่ใบหน้านั่นเป็นของไครกัน”

    “กิลเลส โมราน เจ้าหน้าที่ตรวจตราผู้ประจำป้อมปราการหมายเลขเก้าน่ะ” ชายคนนั้นพูดจบใบหน้าที่ปรากฏอยู่บนหน้าเขาตอนนี้ก็ค่อยๆจางหายไปจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา

    ชายหนุ่มผมสีดำสนิทผู้มาพร้อมกับดวงตาสีเขียวอ่อน

    “ให้ตายเถอะ ถึงจะเป็นการสร้างภาพลวงตาง่ายๆแต่ทำมันตลอดเป็นเดือนๆนี่มันก็ไม่ง่ายเลยนะ” ชายหนุ่มคนนั้นปาดเหงื่อที่หน้าผากพร้อมกับถอนหายใจ

    “พลาน่าของมารามอส ยังเป็นอะไรที่เห็นแล้วชวนคลื่นใส้เหมือนเดิมเลยนะ”

    “กลับมาถึงก็พูดจาหยาบคายเชียว ฉันเสียใจรู้รึเปล่า”

    “ไอ้คนที่หายไปเป็นเดือนๆยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” รูเวนแค่นหัวเราะ “ข้าได้ยินข่าวลือมาเหมือนกัน ดูเหมือนเล่นสนุกของเจ้าจะสำเร็จไปได้ด้วยดีนะ”

    “จะว่าสำเร็จด้วยดีก็คงไม่ได้หรอกแต่ฉันก็พอใจกับผลงานนะ” ไนลิกยิ้มบาง

    “แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ”

    “อืม ระบบป้องกันของพวกเขาบางส่วนก็ทำได้ดีแต่บางส่วนก็อ่อนหัดอย่างเหลือเชื่อถ้าให้ยกตัวอย่างก็คงเป็นตัวป้อมปราการล่ะนะ” ไนลิกพูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ “เชื่อมั้ยว่าพวกเขาใช้แค่คีย์การ์ดอย่างเดียวในการยืนยันตัวตนภายในป้อมปราการ เหลือเชื่อมั้ยล่ะ ต้องหละหลวมขนาดไหนถึงจะใช้แค่คีย์การ์ดอย่างเดียว”

    “ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดมาหรอกนะ” รูเวนถอนหายใจ

    “ไอ้ฉันก็นึกว่าน่าจะมีการยืนยันด้วยชีวภาพด้วยซะอีก” ไนลิกพูดจบเขาก็โยนกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ลงพื้นก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เตรียมไว้เสียของหมดเลย”

    มันคือดวงตาของมนุษย์ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี

    “ข้ากำลังจะถามอยู่เลยว่ามนุษย์ที่เจ้าปลอมแปลงใบหน้าไปใช้ไปอยู่ที่ไหนแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่ต้องถามแล้วสินะ” รูเวนหรี่สายตามองดูชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังถือดวงตาของมนุษย์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย

    “มนุษย์น่ะกินดวงตาของมังกรที่ถูกย่อส่วนเพื่อให้ได้สัมผัสถึงมังกร” ไนลิกเปรยเบาๆพร้อมกับกลิ้งวัตถุทรงกลมนั้นไปมาบนมือ “ไหนๆก็ไม่ได้ใช้แล้ว ไม่สนใจลองดูเหรอว่าถ้ามังกรกินดวงตาของมนุษย์เข้าไปจะเป็นยังไง”

    รูเวนส่ายหน้าอ่อนใจเพราะเขารู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้ก็แค่อยากพูดกวนประสาทเขาเท่านั้นแหละเพราะยังไงทุกคนก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าดวงตาของมนุษย์มันไม่ได้มีผลอะไรใดๆกับมังกร

    “ยังไงก็เถอะ ไนลิก ข้าเป็นคนที่เลือกจะเดินตามแผนการของเจ้าเพราะงั้นเจ้าจะทำอะไรข้าก็ไม่คิดจะขัด” รูเวนพูดขึ้นมา “แต่ข้าก็ยังไม่เห็นความจำเป็นของการที่เจ้าต้องเสียเวลาเป็นเดือนๆไปทำอะไรแบบนี้อยู่ดี บอกข้าหน่อยสิ เจ้าทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกันแน่”

    ไนลิกนิ่งงันไปชั่วขณะ เขาค่อยๆเก็บดวงตาของกิลเลส โมราน เข้าไปในกระเป๋าพลางครุ่นคิดคำตอบของคำถามนั่นจนสุดท้ายเขาก็ได้คำตอบสั้นๆที่น่าพอใจ

    “ประกาศสงครามไงล่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×