ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Raid of Drachen

    ลำดับตอนที่ #30 : Ep.1 Chapter 29 - ราวเดอร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 541
      56
      29 พ.ค. 62

    Chapter 29

    Rounder

    ราวเดอร์

     

     

     

    ราวเดอร์ คือ ชื่อของการทดสอบครั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นทุกครึ่งปีในเวสปาร์ทาวเวอร์

    การทดสอบครั้งใหญ่ของเวสปาร์ทาวเวอร์นี้นั้นเป็นเหมือนสถานที่แสดงฝีมือของเหล่านักเรียน ผู้จะเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ใหม่ของสังคมนักรบมังกร ทำให้ราวเดอร์นั้นเป็นการทดสอบที่ให้คนให้ความสนใจกันในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้ปกครองปราสาทที่ต้องการหานักรบเข้าสังกัด บุคคลระดับสูงของเซ็นทรัล เหล่าพ่อแม่ของนักเรียน หรือกระทั่งนักข่าวที่เตรียมสมุดโน๊ตในมือมาเตรียมสัมภาษณ์เหล่านักรบฝึกหัดทั้งหลาย

    “วุ่นวายจริง” เลสเตอร์พูดขึ้นมาอย่างเซ็งๆ ในวันนี้นั้นเวสปาร์ทาวเวอร์ดูจะสับสนวุ่นวายและเต็มไปด้วยผู้คนมากกว่าปกติ

    “เห็นด้วย” ร็อกแซนด์พูดเสริมเป็นที่รู้ดีว่าเธอนั้นเป็นพวกเกลียดความวุ่นวายเป็นที่สุด

    “แต่ผมว่าคนเยอะๆก็ดีเหมือนกันนะ ตื่นเต้นดี”

    “ตื่นเต้นดี? อารมณ์ไหนของนายเนี่ย” เลสเตอร์ท้วงนีลที่พูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีออกไป

    ราวเดอร์ เริ่มต้นขึ้นแล้วในวันนี้ การทดสอบทั้งหมดนั้นจะมีทั้งหมดตั้งแต่เช้ายันเย็นและสำหรับนักรบฝึกหัดทั้งสิบสองคน พวกเขาจะมีการทดสอบพิเศษเฉพาะไว้ในช่วงสุดท้ายอีกที

    ตอนนี้พวกเขากำลังยื่นอยู่หน้าลานกว้างซึ่งเป็นสถานที่เตรียมตัวสำหรับนักเรียนทุกคนของจะถูกพาไปยังสนามสอบ โดยอีกไม่นานนั้นจะเป็นพิธีเปิดของราวเดอร์ซึ่งผู้อำนายการของเวสปาร์ทาวเวอร์อย่างโจเซฟจะเป็นผู้เปิดพิธี

    เลสเตอร์รู้สึกตึงขึ้นมาทันทีแม้มันจะไม่ได้มากอย่างที่เขาเคยคิดเอาไว้ก็เถอะแต่มันก็จัดอยู่ในระดับที่เรียกว่าน่าเป็นห่วงอยู่ดี

    สุดท้ายเขาก็ต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่นีลพูดออกมา ยังไงซะสิ่งที่เขาทุ่มเทมาตลอดครึ่งปีก็จะถูกใช้และชี้ชะตาในวันนี้วันเดียว

    แล้วจะไม่ให้เขาอดตื่นเต้นขึ้นมาได้ยังไงล่ะ

    “ว่าแต่การทดสอบจะเริ่มเรียงลำดับจากวิชาอะไรไปวิชาอะไรนะ” เลสเตอร์ถามขึ้นมา ความจริงเขาก็อ่านรายละเอียดพวกนี้มาก่อนที่จะมาที่นี่แล้วแต่อย่างน้อยก่อนจะถึงเวลาทดสอบจริงๆเขาก็อยากจะขอทวนอีกซักครั้ง

    “วิชาการเลี้ยงดูและฝึกฝนมังกร วิชาซ่อมแซมและดูแลอาวุธ วิชาสมุนไพร วิชาประวัติศาสตร์มังกร ส่วนสุดท้ายวิชาศิลปะการต่อสู้และวิชาควบคุมพลาน่าสำหรับนักรบมังกรนั้นจะทดสอบพร้อมกันเป็นการทดสอบสุดท้าย” นีลยกสมุดจกคู่มือของเขาขึ้นมาอ่านให้ฟังเหมือนเคย

    “ให้ตายเถอะ คนจัดตารางสอบนี่มันใจร้ายไปรึเปล่าเนี่ย” เลสเตอร์บ่นอุบออกมาอย่างอดไม่ได้

    “บ่นไปก็เท่านั้นแหละ นักรบมังกรก็แบบนี้แหละ ต้องพร้อมกับอะไรหนักๆจนแทบไม่ได้พักเสมอ” เอลเลียตบอกแม้ใจจริงเขาเองก็แอบเซ็งกับตารางสอบนี่ไม่น้อย

    เวลานี้เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง การทดสอบจะเริ่มขึ้นตั้งแต่แปดโมงเช้าลากยาวไปจนถึงเที่ยงหลังจากนั้นจะมีเวลาพักเบรกให้หนึ่งชั่วโมงก่อนจะเริ่มทดสอบกันอีกครั้งตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงหกโมงเย็น

    และการทดสอบสุดท้ายเฉพาะของนักรบมังกรจะเริ่มขึ้นที่หกโมงครึ่งและจบลงไม่เกินสองทุ่ม

    นั่นคือกำหนดการคร่าวๆที่เขาได้อ่านมาพูดง่ายๆก็คือตลอดทั้งวันพวกเขามีเวลาพักเบรกรวมแล้วแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

    “ไอ้หนึ่งชั่วโมงตอนช่วงพักเที่ยงนี่ยังอุตส่าห์ใจดีเว้นให้ไปกินข้าวได้” เลสเตอร์ยิ้มเฝื่อนๆ “แต่ไอ้ครึ่งชั่วโมงช่วงหลังนี่มีก็เหมือนไม่มีเลยแฮะ”

    “เอาเถอะ บ่นไปนายก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอกน่า” ร็อกแซนด์ตบไหล่ปลอบใจเลสเตอร์เบาๆจนเจ้าตัวต้องหัวเราะแห้งๆ

    “ให้ตายสิ เด็กเวย์แลนด์นี่ขี้บ่นเสียจริงๆนะ ช่างน่าสมเพชจริงๆ” เสียงเชิดขึ้นจมูกอันคุ้นเคยแม้ไม่อยากจะคุ้นเคยดังขึ้นมาแทรกระหว่างบทสนทนาระหว่างพวกเขา เลสเตอร์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่เขาไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าซักเท่าไหร่ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม

    “มาเอล...” เลสเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งหงุดหงิดและเบื่อหน่าย

    “แหมๆ โทษทีที่มาขัดจังหวะคุยกันแค่อยากจะมาเตือนอะไรนิดหน่อยน่ะ” มาเอลเชิดสายตาใส่เลสเตอร์ก่อนจะหันหน้าไปมองเอลเลียต “ว่าแต่คุณผู้สืบทอดตระกูลดังยังจำการดวลที่เราตกลงกันไว้ได้รึเปล่าล่ะ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันยังไม่ลืม” เอลเลียตตอบไปสั้นๆด้วยสีหน้าที่มองก็รู้ว่าไม่อยากจะคุยด้วย เขาเพียงแค่หวังว่าถ้าตอบๆไปซักพักเจ้าตัวปัญหานี่ก็จะไปไกลๆเอง

    “งั้นก็เตรียมตัวขายขี้หน้าไว้ได้เลยล่ะ เพราะยังไงฉันก็คงชนะอยู่ดี ใช่มั้ย ดาร์ฟ!” มาเอลหันไปพูดกับลูกน้องคนสนิทของตัวเองเหมือนเช่นเคย

    “ใช่เลย...”

    “ใช่เลยครับ ท่านมาเอล...เอาแต่เลียรองเท้าเจ้านายตัวเองไม่เบื่อเหรอไง” ร็อกแซนด์ชิงพูดขึ้นมาก่อนที่อีกฝั่งจะได้พูดจบพร้อมกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย “น่าเบื่อจริง นี่นายเป็นหมาที่ทำได้แต่กระดิกตามเจ้าของสั่งเหรอไงกันเนี่ย”        

    “ว่าไงนะ!” ดาร์ฟที่โดนดูถูกแบบนั้นตะโกนขึ้นมาอย่างเดือดดาล

    “ใจเย็นๆ ดาร์ฟ” ร้อนถึงมาเอลที่ต้องมารีบห้ามปราม “เธอก็แค่อารมณ์ร้อนไปหน่อยน่ะ ปล่อยเธอไปเถอะ เพราะยังไงเธอก็คงจะปากกล้าถึงได้แค่วันนี้แหละ”

    “เข้าใจผิดไปรึเปล่า บอกไว้ก่อนเลยนะว่าต่อให้หมอนี่แพ้นายมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลยแม้แต่น้อย” ร็อกแซนด์หันมาชี้หน้าเด็กหนุ่มข้างๆจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง “ที่ฉันพูดก็เพราะท่าทีของพวกนายมันรำคาญลูกตาฉันมันก็เท่านั้นแหละ”

    “ไหงพูดงั้นอะ นี่ฉันเพื่อนเธอนะ” เลสเตอร์ร้องท้วงแต่ร็อกแซนด์ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจอะไร เธอยืนเท้าเอวพร้อมกับมองหน้ามาเอลด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

    “เอาเถอะ ให้พวกเขาพูดมากให้เต็มที่ไปเลยวันนี้ ยังไงซะทุกอย่างมันก็จะจบลงในวันนี้แหละ” มาเอลตีสีหน้าไม่พอใจชั่ววูบแต่ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีหน้ายิ้มเยาะได้ไวพอๆกัน

    “ถามจริงเถอะ นายมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าตัวเองจะชนะ” นีลถามขึ้นมามั่งซึ่งมาเอลเมื่อได้ยินคำถามนี้เขาก็หัวเราะเยาะออกมา

    “แน่นอนอยู่แล้ว! คิดว่าอัจฉริยะอย่างฉันจะแพ้เจ้าเด็กบ้านนอกจากเวย์แลนด์อย่างหมอนี่เหรอไง”

    “อัจฉริยะ? ผมว่าคำๆนี้ไม่เหมาะกับนายนักหรอกนะ ถ้าจำไม่ผิดนายได้ที่อันดับที่สิบในการคัดเลือกนักเรียนที่ได้ขี่มังกรใช่มั้ย ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงก็มีคนที่อัจฉริยะกว่านายอีกเก้าคนน่ะสิ ผมไม่คิดว่าอัจฉริยะจะมีกันเกลื่อนแบบนั้นหรอกนะ” นีลพูดสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยั่น “แล้วก็นะขนาดผมที่ได้อันดับที่แปดยังไม่อวดดีเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะแบบนายเลย”

    ทันทีที่พูดจบเอลเลียตที่นิ่งเงียบมาตลอดก็ถึงอุบหัวเราะ ถ้าจะมีใครทำให้คนที่สุภาพกับทุกๆคนอย่างนีลไม่พอใจจนถึงกับพูดจาแบบนี้ออกมาก็คงมีแต่มาเอลเท่านั้นแหละ

    แน่นอนว่าคนที่หน้าชาและอับอายมากที่สุดก็คงจะเป็นตัวมาเอลเอง

    “น...นั่นมันก็แค่วิชาเดียวเท่านั้นแหละ!” มาเอลโกรธจนหน้าแดง “ที่สำคัญนี่มันไม่ใช่เรื่องของนายเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นเรื่องของฉันกับเจ้าอันดับที่ยี่สิบหกคนนั้นต่างหาก!

    เลสเตอร์ที่ถูกชี้ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขารีบหันไปยกมือห้ามปรามนีลที่ทำท่าจะพูดสวนต่อก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้

    “นายพูดถูกมาเอล ถ้าเป็นฉันเมื่อครึ่งปีก่อนเรื่องจะชนะนายก็คงเป็นแค่ฝัน ยังไงฉันก็ไม่มีทางชนะนายแน่”

    “ในที่สุดก็รู้ตัว..”

    “นายหูตึงรึไง ฉันพูดว่าตัวฉันเมื่อครึ่งปีก่อนน่ะนะ” เลสเตอร์กล่าวเบาๆก่อนจะต่อประโยคด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าเมื่อครึ่งปีก่อนฉันคงไม่มีทางชนะแต่ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ฉันจะชนะนายให้ดู ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบไสหัวไปให้พ้นๆหน้าพวกฉันซะ”

    มาเอลที่ได้ยินคำพูดนั้นของเลสเตอร์ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกจนหน้าของเขาแทบจะแดงจนเป็นมะเขือเทศอยู่แล้วแต่สุดท้ายเจ้าตัวก็พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้

    “ไปกันเถอะ ดาร์ฟ อยู่ที่นี่ต่อไปก็มีประโยชน์หรอก”

    “ค...ครับ ท่านมาเอล” ดาร์ฟยังคงไม่ลืมที่จะพูดประโยคประจำตัวของตัวเองแล้วเดินตามมาเอลออกไป

    “ในที่สุดตัวน่ารำคาญก็ไปซะที” ร็อกแซนด์รู้สึกสบายใจขึ้นมาเพราะสำหรับเธอแค่มีคนน่ารังเกียจนั่นอยู่ใกล้ๆมันก็ทำให้เธออึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

    “นี่ เลสเตอร์”

    “หือ?” เลสเตอร์หันไปตามเสียงทักของเอลเลียต

    “ฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจที่นายพูดเมื่อกี้หรอกนะ” เอลเลียตยิ้มบางก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “แต่พูดแล้วต้องทำให้ได้ด้วยล่ะ”

    “ฉันรู้ดีน่า” เด็กหนุ่มจากเวย์แลนด์ตอบสั้นๆ

    ในตอนนั้นเสียงอือออของเด็กๆที่อยู่ในลานกว้างก็เงียบลง เลสเตอร์หันไปมองแท่นยืนที่ตั้งอยู่ตรงด้านหน้าของลานกว้างเขาก็เห็นว่าผู้อำนวยการโจเซฟได้ขึ้นไปประจำตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย

    นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าราวเดอร์กำลังจะเริ่มในไม่ช้า

    “สวัสดีเหล่านักเรียนของเวสปาร์ทาวเวอร์ทั้งหลาย นับจากครั้งที่เราเจอกันพร้อมหน้าแบบนี้ก็ครึ่งปีแล้วสินะ” โจเซฟกล่าวขึ้นอย่างนุ่มนวลด้านหลังด้านหลังของเขาคืออาจารย์ผู้สอนทั้งหมดของเวสปาร์ทาวเวอร์ในปีนี้ยืนเรียงกัน ดูๆแล้วมันช่างเป็นภาพที่เหมือนกับการปฐมนิเทศเมื่อครึ่งปีก่อนเสียจริง “คิดว่าพวกเธอคงรู้อยู่แล้วว่าทำไมเราถึงมารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้เพราะงั้นฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการพูดเยอะ ก่อนอื่นเลยฉันมีข้อความเสียงหนึ่งข้อความที่ถูกฝากมาถึงพวกเธอ”

    “ข้อความเสียง” เลสเตอร์ทวนคำ

    หลังจากนั้นเอลวินก็หยิบของบางอย่างที่ตัวเองถืออยู่ขึ้นมาให้โจเซฟบนเวที มันคือดอกไม้หน้าตาประหลาดขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายดอกทานตะวันเพียงแต่มันมีสีแดงสด

    “นั่นมันดอกทรัมเป๊ตนี่นา” เลสเตอร์พูดขึ้น

    พืชในแอนทีคนั้นล้วนแล้วแต่แปลกประหลาดและน่าเหลือเชื่อซึ่งเจ้าดอกไม้นี่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งเหลือเชื่อที่ว่านั่น

    ดอกทรัมเป็ตเป็นดอกไม้ประหลาดที่เขาเคยเรียนในคาบเรียนวิชา สมุนไพร ความจริงแล้วสีดั้งเดิมของมันเป็นสีเหลืองเหมือนดอกทานตะวัน หากเด็ดกลีบของมันออกหนึ่งกลีบแล้วล่ะก็มันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงทีละน้อยๆและในระหว่างที่มันเปลี่ยนเป็นสีแดงหากมีใครพูดอะไรไปตัวดอกไม้นี่จะทำหน้าที่เหมือนเครื่องบันทึกเสียงที่กำลังอัดเสียงอยู่และถ้าหากผู้ใช้อัดเสียงเสร็จแล้วและต้องการที่จะเปิดเสียงที่บันทึกไว้ สิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงเด็ดกลีบของมันอีกหนึ่งกลีบเท่านั้น

    แน่นอนว่าเลสเตอร์ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมถึงมีดอกไม้ประหลาดๆแบบนี้อยู่ในโลกด้วยแต่เขาเองไม่ได้ประหลาดใจเท่าไหร่นัก

    ให้ทำยังไงได้ล่ะ ที่นี่คือแอนทีค ดินแดนที่มีเหล่ามังกรบินเล่นอยู่เต็มฟ้านี่นะ

    “ดอกทรัมเป๊ตนี่บันทึกข้อความเสียงที่สำคัญมากมาให้พวกเธอ...ข้อความจากเซเนกา”

    “เซเนกา?” สี่สหายทวนคำพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ความจริงแล้วไม่ได้มีเพียงพวกเขาเท่านั้นแต่เด็กๆทุกคนในที่นี้ก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน

    “เซเนกาที่ว่านี่...เซเนกาตนนั้นน่ะเหรอ” เลสเตอร์หันไปถามเอลเลียตข้างๆทันที การที่เขาอยู่ที่นี่มาครึ่งปีทำให้เขาพอจะรู้จักอะไรๆในแอนทีคมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งอะไรที่มันสำคัญๆ

    “ก็น่าจะมีอยู่เซเนกาเดียวนั่นแหละ” เอลเลียตตอบแม้ในตอนนี้เขาเองก็ยังแปลกใจที่ได้ยินชื่อนี้อยู่ดี

    เซเนกา ราชาแห่งพายุ ตำนานที่ยังมีชีวิต บุตรแห่งเออร์มินและผู้อาวุโสอันยิ่งใหญ่แห่งเซ็นทรัล หนึ่งในมังกรทรงอำนาจที่สุดแห่งยุคที่สี่ และยังเป็นหนึ่งในสองดราเชนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน

    “ราวเดอร์นั้นเป็นดั่งการทดสอบครั้งสำคัญของนักรบมังกรรุ่นใหม่ผู้เป็นอนาคตของเซ็นทรัลและโลกใบนี้เพราะผู้ปกครองอย่างเซเนกาย่อมต้องสนใจในราวเดอร์นี้อยู่แล้ว ทุกๆปีก่อนที่จะเริ่มราวเดอร์ครั้งแรกท่านจะส่งข้อความมาเสมอเพราะงั้นไม่ต้องแปลกใจไปหรอก” โจเซฟอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยต่างกับเด็กๆทุกคนที่รู้สึกเกร็งไปตามๆกัน

    โจเซฟยักไหล่เบาๆเหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าปฏิกิริยาของเหล่าเด็กๆพวกนี้จะเป็นยังไง ผู้อำนวยการของเวสปาร์ทาวเวอร์เลิกสนใจกับเสียงอือออที่ดังระงมแล้วดึงกลีบของดอกทรัมเป๊ตออกหนึ่งกลีบทันที

    “สวัสดีเหล่าเด็กๆนักเรียนของเวสปาร์ทาวเวอร์ทุกคน”

    เสียงเรียบสงบแต่ทรงอำนาจดังออกมาจากดอกทรัมเป๊ตจนเสียงอือออในลานกว้างแห่งนี้ต้องหยุดลง

    “ข้ามีนามว่า เซเนกา คิดว่าพวกเจ้าคงรู้จักข้าดีก็อยู่แล้ว พวกเจ้าอาจะสงสัยว่าข้ามีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเจ้าซึ่งความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก สิ่งที่ข้าจะทำก็แค่มาพูดเปิดงานแทนผู้อำนวยการของพวกเจ้าก็เท่านั้นเอง” เสียงจากดอกทรัมเป๊ตดังขึ้นมา มันไม่ได้ดังมากถึงขนาดก้องห้องประชุมแต่เด็กๆทุกคนก็ได้ยินมันชัดเจนเนื่องจากเวลานี้ไม่มีใครที่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่คนเดียว “ถ้าให้ข้าเปรียบแล้วล่ะก็เวสปาร์ทาวเวอร์ก็เป็นดั่งกระถางต้นไม้ เป็นเหมือนภายชนะที่ทำให้พวกเจ้าซึ่งเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ได้เติบโตขึ้นแต่ว่านะ...ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าเมล็ดพันธุ์แต่ละเมล็ดจะโตขึ้นมาเป็นดอกไม้ที่งดงามเทียบเท่ากันเพราะแบบนั้นเราถึงต้องมีการคัดแยกอย่างราวเดอร์ยังไงล่ะ”

    เสียงของเซเนกายังคงเรียบนิ่งแต่สงบ หากให้เลสเตอร์พูดล่ะก็มันเหมือนกับเสียงผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมานานกำลังบอกอะไรบางอย่าง

    “และผู้ที่จะเป็นผู้คัดเลือกพวกเจ้า...ผู้ที่จะเป็นคนหยิบกระถางดอกไม้ที่ถูกใจไปก็คือเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งสี่สิบสี่เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับเลือกจากตระกูลใหญ่โดยตรงอย่างพวกเจ้านี่ถือเป็นโอกาสเพียงหนึ่งในสองครั้งที่พวกเจ้าจะได้รับ” เสียงของมังกรในตำนานตนนั้นยังคงดังต่อไปพร้อมกับความรู้หนักอึ้งที่เด็กๆทุกคนรู้สึกได้ “ทันทีที่บิดาของข้าหยิบยื่นพลังให้ ออราส นักรบมังกรคนแรก เขาผู้นั้นไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะรับพลังนั้นไว้และเพราะแบบนั้นตัวตนของเหล่านักรบมังกรถึงได้อยู่มาจนถึงวันนี้ ข้าจะไม่บอกพวกเจ้าหรอกนะว่าหากไม่พร้อมครั้งหน้ายังมีน่ะเพราะสำหรับผู้ที่ไม่คิดจะฉกฉวยโอกาสในทุกๆครั้งที่มีคนหยิบยื่นให้ คนผู้นั้นไม่เหมาะที่จะเป็นนักรบมังกรหรือกระทั่งผู้สนับสนุนหรอก”

    คำพูดของเซเนกานั้นสะท้อนในใจของเลสเตอร์ไปมา แม้มันจะเป็นคำพูดที่ดูจะไม่ได้ถนอมจิตใจของผู้เข้าสอบแต่ละคนซักเท่าไหร่แต่เขากลับรู้สึกได้เองว่ามันเป็นเรื่องจริง

    “สุดท้ายจงจำไว้เหล่าเด็กๆทั้งหลายจงอย่าให้มีคำว่า “เสียใจภายหลัง” คั่งค้างอยู่ในจิดใจของพวกเจ้า” เซเนกากล่าวเบาๆก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม “สุดท้ายนี้ข้าขอประกาศเริ่มราวเดอร์ครั้งแรกในปีการศึกษานี้อย่างเป็นทางการ ขอให้พวกเจ้าทั้งหมดโชคดีกับการทดสอบ”

    “ข้อความเสียงจากเซเนกาทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละ” โจเซฟกล่าวทันทีที่เสียงจากดอกทรัมเป๊ตเงียบไป “อีกไม่ถึงห้านาทีการสอบวิชาแรกก็จะเริ่มแล้ว พวกเจ้าทุกคนเตรียมตัวกันพร้อมแล้วใช่มั้ย”

    ไม่มีใครตอบคำถามของโจเซฟเพราะความจริงมาถึงตอนนี้จะพร้อมหรือไม่พร้อมมันก็ไม่มีผลอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าคำกล่าวของมังกรในตำนานเมื่อครู่จะเป็นคำอวยพรหรือไม่ใช่ก็ตาม

    หลังจากนั้นเด็กๆทุกคนก็ถูกพาเดินพายังลานกว้างที่ใช้สำหรับการเรียนวิชาดูแลและฝึกฝนมังกร ที่ลานกว้างนั้นมีมังกรยืนอยู่ทั้งหมดสิบตัวซึ่งทั้งหมดเป็นมังกรที่เอลวินฝึกเองกับมือ ด้านข้างมังกรแต่ละตัวมีผู้คุมสอบซึ่งเลสเตอร์ไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่ก็น่าจะเป็นคนของเอลวินเหมือนกันยืนประจำอยู่

    “เราจะทดสอบการความรู้ทั่วไปและออกคำสั่งกับมังกรทั้งหลายตามที่เราได้เรียนกันไว้โดยจะทดสอบครั้งละสิบคน ใครที่ทดสอบเสร็จแล้วก็ไปยืนรออยู่ด้านหลังพอทุกคนทดสอบเสร็จหมดแล้วเราจะพาไปทดสอบข้อเขียนต่อ” เอลวินอธิบายก่อนจะคลายข้อสงสัยให้เด็กๆทุกคนที่กำลังงุนงง “ผู้คุมสอบจะเป็นถามคำถามพวกเจ้าคนละห้าข้อ คำถามจะมีตั้งแต่ให้บอกคุณลักษณะของมังกรที่พวกเจ้าจะได้รับการสุ่มไปเจอหนึ่งในสิบตัวนี้จนไปถึงการออกคำสั่งง่ายๆกับมัน มังกรพวกนี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเพราะงั้นถ้าหากพวกเจ้าออกคำสั่งกับมันได้อย่างถูกต้องล่ะก็รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่”

    “ทดสอบปฏิบัติงั้นสินะ” เอลเลียตสรุปได้แบบนั้น

    “อืม แต่เหมือนจะมีทดสอบข้อเขียนอีกหลังจากนี้เพราะงั้นการทดสอบนี่น่าจะไม่นานเท่าไหร่” นีลออกความเห็น

    “นายคงไม่ได้กังวลจนเสียขวัญใช้มั้ย” ร็อกแซนด์หันไปถามเด็กหนุ่มข้างๆซึ่งเป็นดั่งนักเรียนในวิชานี้ของตน

    “เสียขวัญเหรอ? ไม่รู้สิ คิดเรื่องนั้นไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกมั้ง” เลสเตอร์ยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจสูดลมหายใจให้เต็มปอด “งั้นก็มาเริ่มกันเถอะ ราวเดอร์ของพวกเราน่ะ”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×