ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct) darker than black | taeten (hogwarts au)

    ลำดับตอนที่ #2 : Stage 01 - The Red Bride

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.94K
      168
      5 ต.ค. 61



    Stage 01

    The Red Bride

     

     

     

              หนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ถูกกางออก ภาพเคลื่อนไหวของนักโทษที่กำลังขู่คำรามบนหน้าหนึ่งซึ่งถูกมองข้ามไป เด็กหนุ่มนั่งไขว่ห้างอยู่บนลังไม้ นัยน์ตาสีฟ้าครามจับจ้องเนื้อหาข่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วน มือสากเสยผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตขึ้น ย้อนนึกไปว่าจริงๆแล้วสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำในวันนี้คือการไปซื้อหนังสือเล่มใหม่ให้น้องชายที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกในตรอกไดแอกอน แต่ดูเหมือนว่ามันคงจะต้องเลื่อนไปวันอื่น

     

              อีธาน ฟรอสต์ เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนตามไว้ ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยนัยน์ตาสีฟ้าคราม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีธรรมชาติ และสันกรามที่โดดเด่นส่งเสริมให้โครงหน้าดูมีเอกลักษณ์ เขาเอนหลังเล็กน้อยก่อนกระโดดลงมาจากลังไม้อย่างสวยงาม พับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะไม้แถวๆนั้น นัยน์ตาคมหรี่ลง..มองเจ้านกเค้าแมวสีขาวแซมเทาซึ่งมีท่าทางกระวนกระวายผิดปกติ

     

              “เป็นอะไรไปเรลิกซ์?” มันกระพือปีกแรงกว่าเดิมก่อนส่งเสียงร้องแปลกๆชวนให้รู้สึกสงสัย ทำท่าเหมือนมีใครกำลังมาเสียอย่างนั้น..โอ้ ขอทีเถอะ นี่มันร้านหม้อใหญ่รั่วนะ คงไม่มีอาชญากรหรือพวกลัทธิศาสตร์มืดเข้าบุกใช่มั้ย?

     

              เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ๆ และเจ้าเรลิกซ์ก็ดูจะยิ่งร้อนรนเหมือนโดนน้ำร้อนลวก

     

              “มันดูดีใจที่ได้เจอฉัน นายว่างั้นมะ?

     

              บางทีเขาคงต้องคิดใหม่ ไม่ใช่อาชญากรหรือผู้เสพความตายหรอก..แต่ ยู อาร์ลิงตัน นี่ล่ะคือสาเหตุที่ทำให้เจ้านกตัวนี้มันกลัวจนหัวหด

     

    “นายว่างั้นเหรอ แต่ฉันว่ามันกลัวนายมากกว่า”

     

              จอห์นนี่ มอนทรีเอล ลอบยิ้มอย่างนึกขัน มองไปที่เพื่อนสนิททั้งสองซึ่งคนหนึ่งนั่งถือหนังสือพิมพ์อยู่บนลังไม้ ส่วนอีกคนก็วิ่งแจ้นไปเล่นกับสัตว์เลี้ยงของเพื่อนเรียบร้อยแล้ว เขาเลื่อนเก้าอี้มาใกล้ๆอีธานก่อนหย่อนตัวลงนั่ง นัยน์ตาคมจับจ้องไปยังข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ซึ่งก็ได้ความว่าเร็วๆนี้พึ่งมีอาชญากรตัวเป้งถูกจับเข้าคุกอัซคาบันไป

     

              “โลกเดี๋ยวนี้นี่น่ากลัวนะ”

     

    อีธานเงยหน้าขึ้นมอง “ฉันไม่ได้อ่านข่าวนั้น..”

     

              เขากางหนังสือพิมพ์หน้าที่ตนพึ่งเปิดค้างไว้เมื่อครู่ “นี่ต่างหาก”

     

              “การคาดคะเนเกี่ยวกับคดีไฟไหม้คฤหาสน์ของตระกูลเลือดบริสุทธิ์ชื่อดังเมื่อ 8 ปีก่อน อา..นี่มัน” จอห์นนี่เกาหัวแกรกๆมองอีธานที่พับมันเก็บไว้เหมือนเดิม พวกเขาลุกไปนั่งที่โต๊ะดีๆก่อนที่ชายคนหนึ่งจะนำโกโก้ร้อนมาเสิร์ฟ สำหรับจอห์นนี่มันค่อนข้างน่าตกใจทีเดียวที่อีธานจะสนใจอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ แต่เนื้อหาข้างในมันก็พอเดาได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงสนใจขนาดนั้น

     

              “กระทรวงเวทมนตร์และมือปราบมารสันนิษฐานว่านี่เป็นอาจเป็นฝีมือของมักเกิ้ลหรือมักเกิ้ลบอร์นที่มีความแค้นกับพวกเลือดบริสุทธิ์..”

     

              เสียงโครมครามดังขึ้นจากข้างหลังร้านทำให้จอห์นนี่ต้องหยุดอ่านไป เด็กหนุ่มทั้งสามเหลือบมองเล็กน้อย เห็นคนครัวในชุดผ้ากันเปื้อนถือกระทะวิ่งไล่ใครบางคนอย่างเอาเป็นเอาตาย ดูๆแล้วก็น่าจะเป็นพวกกินแล้วชิ่งนั่นล่ะ คิดได้ดังนั้นก็ละความสนใจทันที ยูชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ “แล้วนายไม่ไปซื้อหนังสือแล้วรึไง?

     

              อีธานส่ายหน้า เขาเห็นเพื่อนสนิทตัวดีอ้าปากค้างก่อนมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ “ทำไม? อย่าบอกนะว่านายอ่านข่าวเพลินตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงตอนนี้น่ะ”

     

              “ก็พยายามหาข่าวนี้จากหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ทุกสำนักพิมพ์ เผื่อจะมีข้อมูลไหนที่ตรงกันบ้าง”

     

              “เคราเมอร์ลิน..นายคืออีธานตัวจริงเหรอ สนใจย้ายไปอยู่บ้านเรเวนคลอตอนนี้มั้ย” ท่าทางเว่อร์วังของเพื่อนทำให้สองหนุ่มถึงกับส่ายหน้า รู้สึกเหนื่อยใจกับนิสัยเล่นใหญ่ที่ไม่เคยแก้หายนั่นซักที จอห์นนี่ใช้ช้อนคนโกโก้ในแก้วของตัวเองก่อนปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น อีธานดูจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก..และเขารู้ว่าทำไม

     

              “ใครมันจะไปกล้าเผาคฤหาสน์พวกเลือดบริสุทธิ์กัน..มีแต่คนบ้าเท่านั้นล่ะที่กล้าทำน่ะ” ยูยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เขาซดโกโก้รวดเดียวหมดก่อนนั่งเท้าคางมองเพื่อนสนิทที่ยังดูคิดไม่ตกกับข่าวนั่น ในตอนแรกพวกเขาแค่นัดมาเจอกันที่นี่เพราะคิดถึง(?)ที่ไม่ได้เจอหน้ากันตลอดช่วงปิดเทอม แถมอีธานยังบอกว่าจะไปซื้อหนังสือให้น้องชายอีก ซึ่ง..ดูๆแล้วคงได้แค่สิงอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวัน

     

              “แต่จะว่าไปนายควรสนใจการสอบส.พ.บ.ส.ที่ต้องสอบในปีนี้มากกว่าข่าวนั่นนะ” จอห์นนี่ว่า เนื่องจากพวกเขาก็กำลังจะเข้าสู่การเรียนในโรงเรียนฮอกวอตส์ปีที่ 7 แล้ว มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเตรียมตัวสอบเพื่อที่จะได้เรียนจบ แน่นอนว่าจากคำบอกเล่าของรุ่นพี่..มันเป็นการสอบที่โหดหินมากที่สุดเท่าที่พ่อมดแม่มดอายุ 17 คนนึงจะได้เจอ

     

              แค่คิดเขาก็รู้สึกท้อแท้ไปแล้ววันละหลายๆครั้ง

     

              อีธานทำหน้าเบื่อหน่าย..เขาพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “อ๋อ..การสอบนั่นน่ะเหรอ”

     

              “มีชีวิตชีวากว่านี้หน่อยก็ได้ ทำท่าเหมือนคนซังกะตาย”

     

              “ฉันไม่ได้เรียนเก่งเหมือนนายนี่” ชายหนุ่มอ้าปากหาววอดก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ พูดถึงเรื่องเรียนก็พาลไปคิดถึงเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่อยู่บ้านเรเวนคลอ และป่านนี้คงกำลังอ่านหนังสือหรือฝึกปรือฝีมือในการปรุงยาอยู่แน่ๆ พวกเขาทั้ง 4 คนอยู่ปี 7 แล้ว..จึงเริ่มเคร่งเครียดกับหนทางในอนาคต

     

    จะว่าไปยู จอห์นนี่ และเขาเป็นนักเรียนฮอกวอตส์บ้านกริฟฟินดอร์ ลืมไปแล้วเหมือนกันว่าทำไมถึงไปสนิทกับเด็กเรเวนคลอคนนั้นได้

     

              โรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์จะจำแนกนักเรียนออกเป็น 4 บ้าน กริฟฟินดอร์ เรเวนคลอ ฮัฟเฟิลพัฟ และสลิธีริน

     

    อนึ่ง..กลุ่มพวกเขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักในฮอกวอตส์ จอห์นนี่เป็นพรีเฟ็ค ยูเป็นกัปตันทีมควิดดิช และเขาก็เป็นซีกเกอร์มือดีของบ้าน..เรียกได้ว่ากลุ่มของพวกเขามีแต่คนเด่นคนดังแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ที่ใครๆก็อยากจะรู้จัก และเป็นกลุ่มที่อาจารย์ค่อนข้างหมายหัวอยู่พอสมควร

     

              พูดถึงบ้านกริฟฟินดอร์ก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “ไอจอห์น”

     

              “ว่า?

     

              “แล้วพี่เจสสิก้าจะแต่งงานเมื่อไหร่วะ ใกล้แล้วนี่” จอห์นนี่มองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง คนตัวสูงที่สุดในกลุ่มกระแอมเบาๆก่อนยื่นซองจดหมายบางอย่างมาให้ กลิ่นของมันหอมฟุ้งคล้ายๆว่าจะเป็นกลิ่นดอกกุหลาบหรือดอกไม้ป่า ดูก็รู้แล้วว่าเป็นบัตรเชิญไปงานแต่ง

     

              “ก็จะเอามาให้อยู่พอดี”

     

    เจสสิก้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของจอห์นนี่

     

    เดิมทีตระกูลมอนทรีเอลเป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์..เว้นก็แต่จอห์นนี่ที่เป็นเลือดผสม เพราะแม่ของเขาเป็นเพียงมักเกิ้ลหรือก็คือมนุษย์ธรรมดาที่ทำงานเป็นนางพยาบาล เจสสิก้าเป็นเลือดบริสุทธิ์ พวกเขารู้จักเธอเพราะตอนที่พวกเขาเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ปีแรก ตอนนั้นเธอเป็นพรีเฟ็คบ้านกริฟฟินดอร์และเรียนอยู่ปี 6 พอดี พวกเราค่อนข้างสนิทกันด้วยนิสัยหลายอย่างที่เข้ากันได้

     

              อืม..ก็อาจจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอเรียนจบใหม่ๆและทำตัวแปลกไปบ้าง แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

     

              ที่สำคัญ..เธอกำลังจะแต่งงาน!

     

              “เคราเมอร์ลินเป็นพยาน! เชื่อเถอะว่าเมื่อก่อนฉันไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงอย่างเจสสิก้าจะมีโอกาสได้แต่งงาน ก็ดูยัยนั่นสิ! ยัยนั่นดู..ไม่สนใจผู้ชาย” ยูลูบคางตัวเองพลางนึกไปถึงการเจอกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เธอยังดูไม่มีวี่แววจะคบกับใครเลยด้วยซ้ำ ตกใจอยู่เหมือนกันที่อยู่ๆจอห์นนี่ก็โผล่พรวดเข้ามาในเตาผิงแล้วบอกว่าเจสสิก้ากำลังคบกับผู้ชายคนนึงได้สามเดือนเศษ

     

              รู้สึกเหมือนพ่อที่เห็นลูกสาวกำลังออกเรือน โอ้ แต่เจสสิก้าอายุมากกว่าพวกเขานี่นะ

     

              “21 สิงหาคม แนะนำว่าให้ใส่ชุดหล่อๆไปนะ เดี๋ยวจะขายหน้าเอา” จอห์นนี่ว่าก่อนจะหันมามองอีธาน ดูๆแล้วคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คงไม่พ้นชายหนุ่มที่เกิดจากมักเกิ้ลคนนี้ซึ่งปกติคงไม่ได้ออกงานพบปะสังคมของพ่อมดแม่มดมากนัก อีธานทำหน้าหน่ายๆ

     

              “ฉันมีชุดน่า”

     

              “ถ้าไม่มียืมฉันได้นะ”

     

              “บ้านฉันรวย” ยูกับจอห์นนี่มองหน้ากันก่อนที่พวกเขาจะหลุดหัวเราะก๊ากออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย นี่พวกเขาลืมไปได้ยังไงกันนะว่าในโลกของมักเกิ้ล..ตระกูลฟรอสต์ก็ถือเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากขุนนางอังกฤษตระกูลหนึ่งซึ่งร่ำรวยอยู่พอสมควร ไม่น่าเลย..ไม่น่ามีลูกเกิดมาเป็นเจ้าทึ่มถึง 2 คน (ในที่นี้หมายถึงทั้งอีธานและน้องชายของมันอย่างลูคัส..)

     

              มันน่าเหลือเชื่อจริงๆที่ครอบครัวมักเกิ้ลจะให้กำเนิดลูกชายที่เป็นผู้มีพลังเวทมนตร์ถึง 2 คนด้วยกัน จอห์นนี่แอบคิดว่าจริงๆแล้วบรรพบุรุษตระกูลฟรอสต์อาจเคยเกี่ยวดองกับพ่อมดแม่มดซักตระกูลหนึ่งก็เป็นได้

     

              พวกเขาพูดคุยอะไรกันอีกเล็กน้อยก่อนจำใจต้องบอกลาเพราะท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี ได้ยินเสียงยูตะโกนแว่วๆว่าเจอกันในงานแต่งของเจสสิก้า และอีธานก็ทำได้เพียงยิ้มรับเท่านั้น

     

    เขาพาเจ้าเรลิกซ์กลับมาบ้าน ทันทีที่เปิดประตูก็เห็นอาแท้ๆกำลังเดินลงมาจากบันไดด้วยความเร่งรีบ เธอคาบขนมปังไว้ในปาก ในมือข้างหนึ่งมีนมจืดหนึ่งกล่อง ส่วนมืออีกข้างก็หอบกองหนังสือและกองเอกสารมากมาย

     

    “ดึกป่านนี้แล้ว กำลังจะออกไปไหนหรือ ทิฟฟานี่?

     

    “ลูกค้าเรียกตัวด่วนน่ะสิ แย่เลยน๊า อุตส่าห์คิดว่าจะได้นอนอยู่บ้านสบายๆแล้วเชียว” เธอบ่นเสียงแหลมก่อนนำทุกอย่างไปใส่ไว้ในรถ ทิฟฟานี่เป็นน้องสาวของบิดาของเขาซึ่งเสียชีวิตไปพร้อมกับมารดาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงตระกูลฟรอสต์จะเป็นตระกูลสืบเชื้อสายขุนนางเก่า แต่ในปัจจุบันนอกจากทรัพย์สมบัติพวกเราก็ไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์ติดตัวมาด้วย เนื่องจากคุณปู่ของเขาไม่ใช่ลูกชายคนโต แม้พ่อกับแม่จะมีธุรกิจส่วนตัว..แต่เจ้าของก็คือคุณอาของเขา หญิงสาวตรงหน้าพยายามหาเงินเลี้ยงพวกเขาให้กินดีอยู่ดี

     

    นอกจากสาวรับใช้ในบ้าน..ครอบครัวเราก็มีด้วยกัน 5 คน หนึ่งคือทิฟฟานี่ที่คอยหาเงินเลี้ยงดู สองคือแมกซ์..แฟนหนุ่มของเธอ น้องชายของเขา 2 คนอย่างลูคัสและนาธาน และสุดท้ายก็คือเขา เขาจำได้ดีว่าพ่อแม่และอาของเขาตกใจแค่ไหนที่จู่ๆก็มีจดหมายจากฮอกวอตส์ส่งตรงมาถึงบ้าน แถมยังไม่ใช่แค่เขาคนเดียว..ในพี่น้องสามคนมีเพียงนาธานที่เป็นมักเกิ้ลธรรมดา

     

    “ตั้งใจทำงานนะ” เขาพูดแบบขอไปทีก่อนเตรียมตัวเดินขึ้นไปบนห้อง แต่แขนแกร่งก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อนด้วยมือของสาววัยสามสิบกว่าๆ เธอมองเขาตาเขียว “ฉันเป็นอาของเธอนะจ๊ะอีธาน ไหน..พูดกับฉันใหม่ซิ เติบคำว่า ครับ ด้วยนะ”

     

    “ตั้งใจทำงานนะ..ครับ”

     

    “ดีมาก” เธอยิ้มอย่างพอใจก่อนวิ่งแจ้นขึ้นรถไปโดยมีสารถีขาประจำก็คือสามีของเธอ เด็กหนุ่มกรอกตาไปมา..เขาเดินเข้าห้องสวนทางกับลูคัสซึ่งกำลังออกจากห้องของเขาพอดี พวกเราทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่คนเป็นพี่จะนึกอะไรขึ้นมาได้

     

    เดี๋ยวนะ..ลูคัสออกจากห้องของเขา?

     

    “ไอลูคัส!!

     


     

     

    darker than black

     

     


     

              เรื่องในวันนั้นจบลงด้วยการที่น้องชายตัวแสบถูกเขกหัวอย่างแรง จนน้องคนสุดท้องอย่างนาธานถึงกับรีบวิ่งขึ้นมาดูว่าเจ้าลูคัสมันตายรึยัง จากคำบอกเล่าของเจ้าตัวแสบ..ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเข้าไปวางกับดักแกล้งเขา แต่เขาดันจับได้เสียก่อน

     

              ให้ตาย เล่นเป็นเด็กๆไปได้

     

              รู้มั้ยว่าตอนเขาเล่าเรื่องนี้ให้ยูกับจอห์นนี่ฟังพวกมันแทบพุ่งไปจับมือกับเจ้าตัวแสบ ดูเหมือนจะถูกใจมากที่นานๆทีจะมีคนกล้าหือกับอีธานก่อน

     

              มือแกร่งจัดเนคไทสีดำให้เรียบร้อย มองตัวเองในกระจกก็อดรู้สึกดีขึ้นมาไม่ได้ นึกขอบคุณฝีมือการแต่งตัวของน้องชายคนเล็กที่ทำให้เขาสามารถดูดีได้ขนาดนี้ แต่แน่ล่ะ..คนมันจะใส่ชุดแล้วดูดีได้ก็ต้องเกิดจากการหน้าตาดีก่อน ภูมิใจจริงๆที่ตัวเองเกิดมาหล่อ ยืมขำกับความคิดนั้นก่อนหมุนตัวไปมาเช็คความเรียบร้อย

     

              เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทที่ทำจากเนื้อผ้าชั้นดี..กางเกงสีดำราคาแพงกับรองเท้าหนังที่มันเงาดูระยับ ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตที่เคยยุ่งฟูก็ถูกเซตให้เป็นระเบียบ ตามที่ตกลงกันไว้ผ่านทางจดหมาย..ดูเหมือนว่าจอห์นนี่จะเป็นคนมารับเขาแล้วพาไปที่งานแต่งพร้อมกัน ส่วนยูนั้นสามารถใช้เครือข่ายผงฟลูได้เนื่องจากตระกูลอาร์ลิงตันเป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์ และเตาผิงของคฤหาสน์ของเจ้าตัวก็เชื่อมต่อกับคฤหาสน์ของตระกูลมอนทรีเอล

     

              “มารับแล้วเพื่อนยาก” จอห์นนี่โผล่พรวดมาจากหน้าประตูบ้าน เขาพยักหน้าก่อนเดินขึ้นไปนั่งบนรถของอีกฝ่าย เมื่อปรับให้มันล่องหนได้แล้วก็ไม่รีรอที่จะขับมันเพื่อมุ่งหน้าไปสู่คฤหาสน์ตระกูลมอนทรีเอล รถล่องหนเริ่มลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ วิวด้านล่างยังคงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ในสายตาของเขา

     

              ใช้เวลาไม่นานมันก็ลงจอดได้โดยสวัสดิภาพหน้าคฤหาสน์ตระกูลมอนทรีเอล  ด้านหน้าคฤหาสน์มีเอลฟ์ประจำบ้านและเด็กรับใช้คอยออกมาต้อนรับแขก น้ำพุกลางสวนถูกจัดแต่งได้อย่างหรูหรา ภายในก็ไม่น้อยหน้าเลยซักนิด..ทั้งอาหารและห้องโถงที่ใช้รับแขกถูกประดับประดาอย่างสวยงาม สมกับเป็นตระกูลมอนทรีเอลไม่ใช่น้อย

     

              ดูโคมไฟระย้านั่นสิ..มันใหญ่ซะจนเขาแอบคิดว่าหากมันตกลงมาจะต้องมีคนตายเพราะมันซักกี่ศพ

     

              นัยน์ตาคมสอดส่องมองไปรอบๆ กลางห้องโถงมีโต๊ะอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ทอดยาวไปไม่สิ้นสุด หนึ่งในนั้นคือเค้กสีขาวที่ดูอลังการและไม่มีใครคิดจะแตะต้อง ผู้คนในงานต่างแต่งชุดที่ดูหรูหรามีระดับ คิดว่าเกินครึ่งคงเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ไม่ก็เลือดผสม คงไม่ค่อยมีลูกมักเกิ้ลคนไหนกล้ามางานแบบนี้..

     

              โอเค ยกเว้นเขาไว้คนนึง

     

              “ในที่สุดพวกนายก็มา! แต่งตัวดูดีนี่อีธาน ไม่เหมาะกับหน้าเล๊ย” ยูพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนหัวเราะเมื่อเขาตีหน้ายักษ์ใส่ “ฉันหล่อกว่านายอีก รู้ไว้”

     

              “หล่อครับบบบ หล่อมากกกกกก” ลากเสียงยาวอย่างกวนประสาทก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าข้อมือของเขาและจอห์นนี่เอาไว้ แล้วลากไปยังทิศทางหนึ่ง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชายวัยกลางคนกำลังมองมาที่พวกเขาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร

     

              “สวัสดีครับคุณมอนทรีเอล” เขารีบโค้งตัวอย่างนอบน้อมทันที คนๆนี้เป็นพ่อของจอห์นนี่..เขาทำงานอยู่ในกระทรวงเวทมนตร์ ตำแหน่งถือว่าใหญ่โตอยู่พอสมควร เพราะเขาเป็นลูกที่เกิดจากมักเกิ้ล คนๆนี้ซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนสนิทจึงคอยดูแลและแนะนำอะไรหลายๆอย่าง เรียกได้ว่าก่อนที่พ่อแม่เขาจะเสียชีวิต..อีกฝ่ายแทบจะมาสิงสถิตอยู่ในบ้านเขาตลอดปิดเทอมเลยก็ว่าได้

     

              โอ้ ใช่..ส่วนหนึ่งคงเพราะอีกฝ่ายหลงใหลมักเกิ้ล แม้แต่ภรรยาของเขาก็เป็นมักเกิ้ล เขามักพูดว่าชีวิตของมักเกิ้ลมันช่างน่าอัศจรรย์

     

              “โอ้ อีธาน! ดีใจจริงๆที่เธอมา” เขายิ้มรับก่อนมองพ่อของเพื่อนที่เดินมาหาอย่างอารมณ์ดี ชายวัยกลางคนพาเขาไปแนะนำให้พวกเพื่อนๆรู้จัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะต้องไปต้อนรับแขกและจัดการธุระต่างๆให้เรียบร้อย จึงตัดสินใจปล่อยให้พวกเขาไปหาอะไรทานแก้เบื่อ แน่นอนว่าพวกเขาตัดสินใจไปรวมตัวกันอยู่ที่สวนหลังบ้านเนื่องจากต้องการหลบเลี่ยงความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง

     

              เจ้าสาวคนสวยกับผู้เป็นเจ้าบ่าวยังคงไม่โผล่มาในงาน..เขาอยากรู้เสียเหลือเกินว่าเจสสิก้าจะเหมาะกับชุดแต่งงานขนาดไหน

     

              “พอแต่งงานไปยัยนั่นคงไม่ไล่เตะสามีหรอกใช่มั้ย? สยองเป็นบ้า มือก็โคตรหนัก อูย..ฉันยังจำตอนถูกตบครั้งแรกได้อยู่เลย”  คุณชายจากตระกูลอาร์ลิงตันทำหน้าสยอง

     

              “ยัยนั่นเป็นรักแรกสมัยฉัน 11 ขวบเลยนะ!

     

              “ทุกคนเขารู้กันหมดแหละยู รู้ด้วยว่านายถูกตบเพราะไปสารภาพรักตอนเธอกำลังอาบน้ำ” จอห์นนี่ว่าก่อนหัวเราะเมื่อคนถูกกล่าวถึงหันมามองตาเขียว ไม่รู้ว่าโกรธอะไร..ในเมื่อเจ้าตัวทำตัวเองทั้งนั้น

     

              “จริงๆตอนนั้นฉันกับจอห์นนี่ยังไม่สนิทกับนายด้วยซ้ำ แต่เพราะนายเล่นประกาศวีรกรรมซะกลางหอ พวกเราถึงได้รู้ไง” ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นมักเกิ้ลบอร์นกลั้นขำยามเมื่อนึกถึงวีรกรรมของยูซึ่งเจ้าตัวออกมาแฉเองกลางห้องนั่งเล่นของกริฟฟินดอร์ พวกเขานั่งคุยถึงวีรกรรมวัยเด็กของคุณชายตระกูลอาร์ลิงตันสมัยที่ยังไม่สนิทกับอีธานและจอห์นนี่ด้วยสีหน้าขำขัน บรรยากาศสนุกสนานก่อตัวขึ้นก่อนจะหายไปเมื่อคุณมอนทรีเอลเดินมาบอกว่าถึงเวลาพิธีแล้ว

     

              เจสสิก้ายังคงสวยเหมือนครั้งล่าสุดที่เจอกัน ร่างบางสะโอดสะองในชุดแต่งงานซึ่งเป็นชุดเดรสเปิดอกยาวลากพื้น ผมสีน้ำตาลทองถูกดัดเป็นลอนและปล่อยสยายยาวจนถึงกลางหลัง เธอดูงดงามราวกับนางฟ้าไม่มีผิด

     

    “ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

     

    “แต่งตัวสวยก็เป็นนี่”

     

    “อะไรยะ!

     

    “เอาน่า อย่าทะเลาะกันเลย วันนี้เป็นวันดีนะ”

     

    คนเป็นเจ้าสาวเดินมาพูดคุยกับพวกเขานิดหน่อยก่อนดีดหน้าผากคนพูดมากอย่างยูไปทีหนึ่ง ดูก็รู้ว่าคงหมั่นไส้ไม่ใช่น้อย และถูกห้ามทัพโดยจอห์นนี่ที่ใจเย็นที่สุดในกลุ่ม เธอส่งยิ้มให้พวกเขาก่อนเดินไปควงแขนพ่อของเธอเพื่อดำเนินพิธีต่อไป

     

              หากบอกว่าพิธีที่จัดขึ้นนั้นช่างเรียบง่าย..มันคงเป็นการโกหก เพราะไม่ว่าจะขั้นตอนไหน สวมแหวน ตัดเค้ก โยนช่อดอกไม้ ล้วนแต่ดูอลังการงานสร้างสมกับที่เป็นตระกูลมอนทรีเอลทั้งสิ้น

     

              ครั้งหนึ่งจอห์นนี่เคยเล่าให้เขาฟังว่าโชคยังดีที่แม้ตระกูลมอนทรีเอลจะเป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รังเกียจพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลหรือคนที่เป็นมักเกิ้ล นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พ่อและแม่ของจอห์นนี่ยังไม่ถูกกีดกันจากบ้านใหญ่ ถึงแม้ว่าตอนแต่งงานกันจะไม่ได้จัดพิธีอลังการเท่านี้ก็เถอะ

     

              “พวกเขาดูมีความสุขดีนะ” เขาว่าพลางหันไปมองคนสองคนซึ่งกำลังยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่จับมือกันตัดเค้กก้อนโต

     

              มือของทั้งสองจับกันแน่นราวกับต้องการบอกให้รู้ว่าจะไม่มีอะไรในโลกมาพรากพวกเขาออกจากกันได้ รอยยิ้มเปี่ยมสุขของเจสสิก้าทำให้จอห์นนี่ซึ่งเป็นลูกพี่ลลูกน้องน้ำตาคลอ เธอดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอยยิ้มของเธอเจิดจ้าจนแม้แต่อีธานยังรู้สึกมีความสุขไปด้วย

     

              หากแต่ในยามที่ทุกคนกำลังสนใจคู่บ่าวสาวในงาน..ใครบางคนก็กำลังแสยะยิ้มอยู่ในเงามืด

     

              “ครูซิโอ!

     

              “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด”

     

    คาถากรีดแทงถูกร่ายโดยใครบางคนพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้น และร่างของหญิงสาวซึ่งเป็นแขกผู้ร่วมงานคนหนึ่งที่ล้มลงไปจมกองเลือดต่อหน้าต่อตา ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวายภายในเสี้ยววินาที ราวกับว่าความสุขที่เอ่อล้นออกมาจากการตัดเค้กนั่นเป็นเพียงแค่ความฝัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งชวนให้รู้สึกอยากจะอาเจียน เช่นเดียวกับใบหน้าที่ซีดเผือดของเจ้าสาวเจ้าของงานแต่ง

     

              เพล้ง!!

     

              โคมไฟระย้าตกลงมาท่ามกลางความวุ่นวาย ผู้คนพยายามหนีออกจากที่นี่..ทว่าพวกเขากลับพบว่าประตูทางเข้าและทางออกทั้งหมดถูกปิดตาย และที่สำคัญ..พวกเขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์หนีออกจากที่นี่ได้

     

              อีธานมองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยใจที่สั่นระรัวด้วยความกลัว เหตุการณ์บางอย่างเมื่อ 2 ปีก่อนซ้อนทับจนรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งหัวใจ ทั้งเสียงกรีดร้อง เสียงร่ายคำสาปพิฆาต เสียงร่ายคาถากรีดแทง เสียงการต่อสู้ เขม่าควัน..

     

    และชีวิตของใครบางคนที่ต้องจบสิ้นลง

     

    มือแกร่งสั่นจนน่าวิตก..เขาจับไหล่เพื่อนทั้งสองที่กำลังสติแตกเอาไว้ก่อนเอ่ยเสียงสั่น

     

              “เจสสิก้า..อยู่ไหน”

     

              “ใช่ เจสสิก้า ลืมเจสสิก้าไปเลย!” จอห์นนี่กวาดตามองไปทั่วงาน เห็นแขกในงานวิ่งวุ่นกันเต็มไปหมด แต่พวกเขากลับไม่เห็นเจสสิก้าเลย..ทั้งๆที่เธอควรจะโดดเด่นในชุดเจ้าสาวแท้ๆ แต่เธอกลับหายไป! ดูนั่นสิ เจ้าบ่าวของเธอยังดูกระวนกระวายและอยู่ไม่สุข ทำให้พวกเขารู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายก็กำลังตามหาเธออยู่เช่นกัน

     

              แต่ก่อนที่จะได้ก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ ใครบางคนซึ่งซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำสนิทก็ปรากฎตัวขึ้น ในมือของเขามีไม้กายสิทธิ์..ริมฝีปากที่แสยะยิ้มนั่นทำให้พวกเขารู้สึกขนลุก ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับคาถากรีดแทงที่พุ่งไปทุกสารทิศ

     

              พวกมันไม่ได้มีแค่คนเดียว!

     

              พ่อมดแม่มดในงานทุกคนพยายามหยิบไม้กายสิทธิ์มาเพื่อร่ายคาถาใส่ศัตรู หากทว่าพวกมันกลับไม่เกรงกลัว ทุกคนพยายามตั้งสติแม้ว่าจริงๆแล้วในใจจะอยู่ในภาวะตื่นตะหนก คงไม่มีใครคาดคิดว่าผู้เสพความตายจะบุกงานแต่งของตระกูลมอนทรีเอล เพราะพวกมันไม่ได้ก่อเหตุฆ่าใครมานานแล้วหลังจากที่ดาร์คลอร์ดคนก่อนได้ตายไป

     

              “อีธาน พวกมันเป็นผู้เสพความตาย”

     

              “นายควรระวังตัวนะ..เอาไม้กายสิทธิ์มารึเปล่า”

     

              “ฉันเอามาแล้ว แต่..พวกเรายังหาเจสสิก้าไม่เจอ” เจ้าตัวว่าก่อนพยายามหลบพวกผู้เสพความตายและสอดส่องสายตามองหาเจ้าสาวของงานนี้อีกครั้ง

     

              “อินเซนดิโอ!” คาถาบทหนึ่งถูกร่ายขึ้นโดยผู้เสพความตาย..เปลวเพลิงถูกจุดขึ้นทันทีที่ไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่โต๊ะและเก้าอี้ซึ่งวางระเกะระกะ

     

              อีธานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น..แต่คฤหาสน์ทั้งหลังกำลังถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ มันคงเป็นฝีมือของผู้เสพความตายซักคน และจู่ๆประตูก็สามารถเปิดได้ แขกที่มาร่วมงานต่างพากันวิ่งหนีอลหม่านไปทางนั้น เขาเห็นรอยยิ้มเยาะของพวกคนในชุดคลุมสีดำสนิทซึ่งยืนหยุดอยู่ที่เดิม

     

              คนเหล่านั้นกวาดสายตามองเหยื่อ..และพุ่งไปจัดการทันทีที่เจอเป้าหมาย

     

              มันเหมือนกับว่า..พวกเขาไม่ได้สุ่มฆ่า แต่มีเป้าหมายแต่แรกว่าควรฆ่าใคร

     

              “เฮ้ย! นั่น!” ใครคนหนึ่งชี้ไปบนเพดาน..ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งห้อยอยู่กลางอากาศ เธอดูไร้ชีวิต..และพวกอีธานจำเธอได้ดี คงไม่ต้องถามถึงเจ้าบ่าวของเธอซึ่งกำลังกรีดร้องอย่างสติแตกเมื่อเห็นศพของเจ้าสาวตัวเองลอยอยู่ในอากาศ ชุดแต่งงานโชกไปด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดง ใบหน้าของเธอซีดเผือด มีรอยแผลเหวอะหวะอยู่เต็มไปหมด คิดว่าคงโดนคาถากรีดแทงมานับครั้งไม่ถ้วน

     

              พวกเขารู้สึกเหมือนตัวชาไปทั้งร่าง..

     

              เจสสิก้าอยู่ตรงนั้น..เธอสวมชุดแต่งงานที่ถูกย้อมด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดง จอห์นนี่ดูช็อคจนพูดอะไรไม่ออก ส่วนยูก็แทบไม่ขยับเขยื้อนเลยตั้งแต่เมื่อครู่ที่เห็นศพของรักแรกค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ

     

              ทุกอย่างวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างกลายเป็นแบบนั้น พวกแขกที่เป็นผู้ใหญ่ต่างพากันดันเด็กๆให้หนีออกไปจากงานให้เร็วที่สุด ผู้เป็นเจ้าบ่าวในงานนี้ก็เช่นกัน..เขาถูกพ่อของจอห์นนี่ลากออกไปทั้งน้ำตา แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ถูกคนในตระกูลมอนทรีเอลดันหลังให้หลบหนีจากผู้เสพความตายแล้วค่อยๆย่องไปที่ทางออก

     

              วันนี้มันควรจะเป็นวันที่ดีของเจสสิก้าไม่ใช่หรือ?

     

              อีธานคร่ำครวญในใจ..มันเหมือนกับพวกเขากำลังฝันดีแล้วจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นฝันร้ายกะทันหัน พวกเขาพยายามวิ่งหนีออกไปจากที่นี่

     

              หากแต่..ผู้เสพความตายคนหนึ่งกลับเห็นเขาเข้า

     

              ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นผู้หญิง แขนผอมบางของหล่อนมีตรามารประทับอยู่ นัยน์ตาของเธอสว่างวาบราวกับตาของสัตว์ในยามค่ำคืน ท่ามกลางเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่าง เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้น

     

              “ครูซิโอ!” คาถากรีดแทงถูกร่ายอีกครั้ง โชคยังดีที่เขาเบี่ยงตัวหลบมันทันอย่างฉิวเฉียด

     

              “กำจัดพวกเลือดสีโคลนให้หมด!!!

     

              เขาได้ยินหนึ่งในพวกมันตะโกนก้อง จอห์นนี่และยูรีบวิ่งมาทางเขาด้วยความเป็นห่วง ทั้งคู่พยายามพาเขาออกจากที่นี่ พวกเลือดสีโคลนเป็นคำที่ใช้เรียกพวกพ่อมดแม่มดที่เกิดจากมักเกิ้ล มันเป็นคำที่..แสดงให้เห็นถึงการแบ่งแยกชนชั้น การเหยียดหยามสายเลือด อะไรทำนองนั้น และมันทำให้อีธานรู้สึกแย่

     

              เพราะอีธาน..ก็เป็นพ่อมดที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นมักเกิ้ล

     

              ในขณะที่พยายามวิ่งหนี เขาก็ลอบมองกลับไปด้านหลัง..ผู้เสพความตายกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ฆ่าคนที่เกิดจากมักเกิ้ลซึ่งเข้าร่วมงานนี้ และนั่นรวมถึงเขาด้วย

     

              ทว่า..ในมุมหนึ่งของห้องโถง ท่ามกลางเขม่าควัน..นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่คุ้นเคยกลับสว่างวาบขึ้นมาราวกับนัยน์ตาของงู ใครบางคนซึ่งปกปิดใบหน้าอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำกำลังยืนเอนหลังพิงกำแพงมองทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน นัยน์ตาคู่นั้นทำให้อีธานรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างชาวาบ ก้อนเนื้อบริเวณหน้าอกข้างซ้ายแทบจะหยุดเต้น..

     

              นั่นมัน..

     

              “ครูซิโอ!

     

              “หลบ!!

     

             ผลั่ก!

     

    ใครบางคนผลักเขาจนกระเด็นไปอีกทาง หลบคาถากรีดแทงที่พุ่งมาได้อย่างฉิวเฉียด เพราะความมืดทำให้อีธานมองเห็นอีกฝ่ายได้ไม่ชัดนัก อีกทั้งผ้าคลุมสีดำที่อีกฝ่ายใช้ปกปิดใบหน้าก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกฉงน

     

              ผู้เสพความตายควรจะกำจัดเขาไม่ใช่หรือ?

     

              มันเป็นเรื่องที่สงสัยแต่ไม่ควรถามในตอนนี้ เขาถูกจอห์นนี่ดึงแขนออกไปจากคฤหาสน์ พร้อมกันนั้นที่ร่างของเจสสิก้าลุกโชติช่วงไปด้วยเปลวเพลิง เขาหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า..ราวกับพึ่งหนีออกจากนรกมาได้ก็ไม่ปาน เมื่อมองกลับไปก็พบเพียงคฤหาสน์ที่กำลังถูกแผดเผาด้วยไฟนรกเท่านั้น

     

              ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น

     

              ไม่มีใครคาดคิดว่าเจสสิก้าจะต้องเสียชีวิต

     

              ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้เสพความตายจะก่อเหตุอีกครั้งหลังจากที่หายไปนานกว่ายี่สิบปี

     

              ผู้เป็นเจ้าบ่าวในงานแต่งครั้งนี้ดูราวกับคนที่จิตใจพังทลายไม่เหลือซาก เขาทำท่าจะวิ่งเข้าไปในกองเพลิงนั่นจนคนรอบข้างต้องรีบมาห้ามไว้ อีธานขบกัดริมฝีปาก..นึกถึงวินาทีเฉียดตายของตนก็ได้แต่เสียวสันหลังวาบนึกหวาดวิตก

     

             สุดท้ายแล้ว..เขาก็ไม่รู้ว่าใครคือคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

     

              แต่ว่า..

     

              ใครบางคนที่เขาเห็นก่อนจะถูกร่ายคาถากรีดแทงใส่นั่น

     

              ......

     

              เขาคิดว่าเขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

             

     

     

     

    +++++++++


    05/10/2018

              คิดว่าน่าจะพอเดาอิมเมจตัวละครกันได้ เพราะเราพยายามให้ชื่อในเรื่องใกล้เคียงกับชื่อจริงของศิลปินค่ะ เช่น อีแทยง - อีธาน ฟรอสต์  นากาโมโตะ ยูตะ – ยู อาร์ลิงตัน  จอห์นนี่ ซอ – จอห์นนี่ มอนทรีเอล เป็นต้น

              แต่งยากจริงๆค่ะ TT แค่ตอนเดียวรู้สึกเหนื่อยเหมือนเค้นพลังงานทั้งชีวิตมาใช้เลย ฮืออ พยายามบิ้วตัวเองหนักมากด้วยการดูแฮร์รี่หลายๆรอบ ไม่ก็หาหนังแนวแฟนตาซีเวทมนตร์ดู อีกอย่างคงเพราะไม่เคยแต่งแนวนี้ด้วยมั้ง TT

              ใครมีหนังแนวแฟนตาซีแนะนำบ้างคะ การ์ตูนก็ได้ อยากดูจริงๆ นี่พยายามบิ้วอารมณ์ตัวเองให้แต่งฉากร่ายคาถาได้ แต่เหมือนจะยากไปนิด T^T

              ถ้ามีข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดสามารถบอกได้นะคะ ถ้าเจอคำผิดก็แจ้งได้ เพราะบางทีเราก็เบลอๆเหมือนกัน แง

              ปล. ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้น ขอบคุณมากค่ะ ><

     

     

     

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×