ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER + YG] The midnight knight [YOONWOO]

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 เริ่ม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 93
      1
      27 ก.พ. 58





     

                  แม้จะเป็นวันใหม่ แต่ซึงยูนกลับอยากย้อนวันวานได้เสียเหลือเกิน ...

     

                เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาต้องเริ่มฝึกฝนเรียนรู้การใช้อาวุธต่างๆ จากคุณครูสุดเพี้ยนที่ดูท่าทางสติไม่ค่อยจะเต็มเท่าไรนัก

     

                อีซึงฮุน ...

     

                ดวงตะวันยามเที่ยงตรงตั้งฉากกับพื้นแผ่นดินแสงแสงและรังสีความร้อนจ้าออกมาราวกับจะลงโทษทุกสิ่งสารพัดให้ตายไป ความร้อนที่เจ้าสุริยันมอบให้ราวกับเตาอบขนาดใหญ่มหาศาล แม้ซึงยูนจะยืนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ แต่ไม่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเย็นขึ้นมาเลย เพราะอากาศที่สายลมพัดมานั้นเป็นสายลมร้อนๆ ที่กระทบผิวให้ระคาย และแสงตะวันที่เล็ดลอดลงมาจากช่องแมกไม้นั้นอีก ไม่ได้ทำให้ซึงยูนรู้สึกเย็นขึ้นมาเลย

     

                ร้อน ...

     

                เด็กหนุ่มสบถกับตัวเองก่อนเริ่มถอดเสื้อคลุมแขนยาวออก เหงื่อที่เริ่มขึ้นชื้นตามผิวหนังทำให้เจ้าตัวรู้สึกไม่สบายตัวอย่างถึงที่สุด บวกกับผิวที่เคยขาวซีดต้องแดงจัดอย่างเห็นได้ชัดเพราะไอแดด

     

                ซึงยูนไม่ชอบเอาเสียเลย ...

     

                “เอาล่ะๆ เริ่มเรียน เริ่มฝึกกันดีกว่าไหม ? จะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้”

     

                เสียงแหลมๆ ของผู้เป็นครูฝึกจำเป็นดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากร่างของคนที่ยืนอยู่ใต้ร่มไม้นัก เจ้าของเสียงนั้นยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้า แต่ดูเหมือนเจ้าของร่างสูงหนานั้นจะไม่สะทกสะท้านกับไอแดดที่กระทบผิวหนังที่สวมเพียงเสื้อกล้ามตัวโคร่งสีพื้นได้เลย

     

                อีซึงฮุน เทพบ้านั้น ... แข็งแกร่งเกินไปแล้ว

     

                แม้จะยืนอยู่กลางแดดเที่ยงวัน แต่ดูท่าทางแสงแดดจะทำอะไรผิวหนังของผู้เป็นครูฝึกได้เลย ต่างจากอัศวินฝึกหัดอย่างเขา ที่แค่ยืนอยู่ใต้ร่มไม้รับไอร้อนของแดด ตัวก็แดงจัดและเสื้อที่ชุ่มอับไปด้วยเหงื่อ

     

                ซึงยูนพยักหน้ารับสองสามทีก่อนจะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับซึงฮุน อากาศที่ร้อนจัดแทบจะทำให้เจ้าตัวแทบจะเป็นบ้า แต่ยังไงซะก็ต้องอดทน

     

                เพราะคำว่า ต้องปกป้องจินอู มันตราอยู่บนหน้าผากของเขาแล้ว

     

                แม้จะเกินตัวไปหน่อยก็ตาม ...

     

                ดาบเล่มยาวถูกหันด้ามดาบมาทางซึงยูน ซึงฮุนขยิบตาเพื่อเป็นสัญญาณให้เด็กหนุ่มรับมันไปถือเอาไว้ แต่เพราะซึงยูนไม่ได้กะเกณฑ์เรื่องน้ำหนักของมัน ทันทีที่มือรับดาบมาได้ ความหนักของดาบเล่มยาวก็แผลงฤทธิ์ ทิ่มด้านคมนั้นลงไปกับพื้นอย่างไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะตั้งตัว

     

                หนัก ...

     

                “เจ้านี่มัน ...” ซึงฮุนตวาดซึงยูนออกมาเบาๆ ก้มตัวลงจับปลายดาบคมขึ้นมาจากพื้นก่อนกระตุกแย่งด้ามดาบมาจากซึงยูน ดาบสีเงินนั้นวิบวับแวววาวเมื่อยามต้องแสงอาทิตย์ ซึงฮุนไล่มือไปตามคมดาบช้าๆ เพื่อเช็คว่าดาบนั้นไม่เสียหายอะไร แล้วจึงส่งคืนให้ซึงยูนรับไว้เหมือนเดิม “โชคดีที่ไม่ทื่อไปเสียก่อน ยังใช้การได้อยู่ ยังไงก็ถือให้มันมั่นคงกว่านี้หน่อยแล้วกันนะ เจ้าอัศวินฝึกหัด”

     

                อัศวินฝึกหัด ?

     

                เอ่อ ... ยอมรับก็ได้ !

     

                แต่ก็ไม่อยากจะเป็นสักเท่าไรหรอกนะ ...

     

                “...”

     

                “เฮ้อ ... ทำไมอัศวินตามคำทำนายของท่านยางฮยอนซอกอะไรนั้นถึงไม่ใช่ข้ากันนะ ? จะได้ไม่ต้องมาฝึกเจ้ามนุษย์ไร้อำนาจนี่ให้เหนื่อยตัวข้าเปล่าๆ แบบนี้ ?”

     

                ซึงฮุนบ่นออกมาอย่างไม่คิด

     

                “งั้นก็ไม่ต้องสอนสิ”

     

                ซึงยูนสวนกลับ มือที่ถือดาบเล่มยาวฟาดฟันกับอากาศเสียงดัง ซึงยูนพอจะรับมือกับน้ำหนักของดาบสีเงินบ้างแล้วจึงเริ่มต้นที่จะฟาดฟันกับอากาศเผื่อจะชินมือตัวเองขึ้นมาบ้าง

     

                “เห้ย ! ได้อย่างไรกัน ? เดี๋ยวจินอูก็ไล่ฟาดข้ากันพอดี” ซึงฮุนบ่นกระปอดกระแปด “ถ้าเจ้าคืออัศวินตามคำทำนายนั้นจริงๆ เจ้าก็มีหน้าที่ในการปกป้องจินอู ข้าก็พร้อมที่จะสอนเจ้าให้เป็นอัศวินที่เข้มแข็งและแข็งแรงพอ เพราะข้าก็ไม่ยอมให้จินอูต้องได้รับอันตรายสิ่งใดเหมือนกัน”

     

                คำพูดแบบนี้ ... ซึงฮุนกำลังสื่อถึงอะไร ?

     

                “นายกำลังหมายความว่าอะไรกัน ?”

     

                ผู้เป็นครูไม่ตอบอะไร กลับหยิบดาบเล่มยาวสีเงินแต่แลดูเก่ากว่าจากบนโต๊ะตัวเล็กข้างตัวขึ้นมาตวัดปลายดาบราวกับจะแทงเข้าร่างของเด็กหนุ่มให้พรุน แต่ซึงยูนกลับตั้งตัวได้ทันควัน ฟาดฟันดาบในมือรับจนเกิดเสียงกระทบกันดังสนั่น เพื่อป้องกันตัวตามสัญชาตญาณ

     

                ดาบในมือของทั้งซึงฮุนและซึงยูนฟาดฟันกันไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ แม้ซึงยูนจะไม่เคยเรียนฟันดาบมาก่อน แต่สามารถโต้ตอบและเรียนรู้ทักษะการฟันดาบนั้นได้อย่างรวดเร็วจนซึงฮุนก็แอบกลัวฝีมือของซึงยูน

     

                อะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวของเด็กหนุ่มที่ยังไม่ถูกปลุกขึ้นมามันน่ากลัวเหลือเกิน ...

     

                ถ้าซึงยูนเป็นอัศวินที่จะปกป้องจินอูตามคำทำนายเมื่อหลายร้อยปีก่อน ซึงฮุนก็ต้องยอม ...

     

                ยอมในฝีมือที่ร้ายกาจของซึงยูนที่ร้ายกาจแม้จะยังหลับใหลอยู่ในตัวซึงยูน

     

                ยอมจำนนในคำทำนายที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา

     

                ยอมเพราะหน้าที่ในการปกป้องจินอูนั้นไม่ใช่ของซึงฮุนแล้ว แต่นั้นคือหน้าที่ของเด็กหนุ่มที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาแต่มีความพิเศษอะไรบางอย่างที่ซ้อนเร้นอยู่ภายใน

     

                ซึงฮุนยอม ถ้าสิ่งที่ตนกำลังสอนจะทำให้ซึงยูนปกป้องจินอูได้

     

                เพราะผู้เป็นเทพแอบเหม่อลอยคิดถึงแต่เรื่องของใครอีกคนมากเกินไปจึงไม่ทันได้ระมัดระวังตัวเพียงเสี้ยววินาที ทำให้ซึงยูนสามารถฟาดปลายดาบแหลมคมนั้นลงบนเสื้อกล้ามของซึงฮุนจนขาดเป็นทางยาว และช่วงเวลานั้นซึงฮุนจึงสามารถดึงสติของตัวเองให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้

     

                โชคดีที่ไม่โดนกล้ามเนื้อหน้าท้องให้เป็นเป็นแผลเลือดออก

     

                รอยขาดลากยาวจากด้านขวามาด้านซ้าย !

     

                “เห้ย ! ขอโทษนะ เป็นแผลหรือเปล่า ?”

     

                ซึงยูนทิ้งดาบลงกับพื้นโดยไม่คิดสนใจผลลัพธ์ว่าดาบนั้นจะทื่อหรือไม่ รีบวิ่งถลาเข้ามายืนข้างๆ ผู้เป็นครูสุดเพี้ยนที่ตอนนี้ยืนหลุบตามองรอยขาดบนเสื้อตัวโคร่งของตัวเอง

     

                ซึงฮุนยกมือขึ้นโบกไปมาเบาๆ เป็นเชิงว่าไม่เป็นอะไร

     

                “ไม่เป็นแผลหรอก แค่เสื้อขาดนิดเดียวเอง โชคดีที่วันนี้เลือกใส่เสื้อตัวใหญ่เลยไม่เป็นแผลให้เจ้าต้องกังวล”

     

                “ใครกังวลกัน พูดให้มันดีๆ นะ”

     

                ว่าแล้วซึงยูนก็ผละออกจากซึงฮุน เป็นเทพติ๊งต๊องไม่พอ ยังเป็นเทพที่อวดเก่งและปากดีอีก อีซึงฮุนเป็นเทพที่น่าหมั่นไส้ที่สุดแล้วตั้งแต่ที่ซึงยูนถูกดูดเข้ามาในดินแดนประหลาดๆ นี้

     

                ถ้ารู้ว่าปากดีแบบนี้ ... น่าจะฟันให้เลือดออกเป็นแผลยาวๆ เลย จะได้เก็บปากไว้ร้องครวญเจ็บปวดดีกว่าจะแว้งมาปากดีใส่เขา

     

                ซึงยูนก้มตัวลงเก็บดาบที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นนานแล้วขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเดินช้าๆ ไปวางมันลงบนโต๊ะตัวเล็กที่ซึงฮุนเพิ่งวางดาบของตนลง

     

                “ถือว่ายกแรกฉันชนะ ...”

     

                พูดอย่างมีชัย ระบายรอยยิ้มบางๆ ให้ผู้เป็นครูเพี้ยน แต่ซึงฮุนกลับไม่เห็นด้วย ยิ้มกว้างออกมาจนดวงตาเล็กนั้นแทบปิด

     

                “ชนะอะไรกัน ? ข้าแค่เหม่อลอยไปนิดหน่อยเอง เจ้าถึงได้ลอบทำร้ายข้าได้เนี้ย”

     

                “เหม่อ ?” ซึงยูนหุบยิ้มเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัย จะว่าไป บุคคลนี้ก็ทำให้ซึงยูนสงสัยมาตั้งแต่เริ่มฝึกดาบแล้วนะ “นายเหม่ออะไร ? เกี่ยวกับจินอูด้วยใช่ไหม ?”

     

                สิ้นคำถาม ซึงฮุนก็ตีสีหน้าเรียบเฉย หันหลังเพื่อหลบเลี่ยงการตอบคำถาม ออกเท้าก้าวเดินสั้นๆ หวังจะเข้าไปในตัวบ้าน แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงประตูไม้หน้าบ้านหลังเล็ก ก็โดนซึงยูนผู้เป็นศิษย์ชั่วคราวของตัวเองดึงตัวให้เซถอยหลังแล้วเด็กตัวยุ่งก็วิ่งลุ่นๆ ไปขวางประตูบ้านของตนเอาไว้

     

                “หลบไป”

     

                “ไม่หลบ !” เนื่องจากซึงยูนเป็นเด็กที่ไม่ชอบให้มีเรื่องอะไรค้างคาในหัวใจเสียด้วยสิ ถ้าสงสัยอะไรก็จะต้องได้รับคำตอบเดี๋ยวนั้น “บอกมาว่านายมีเรื่องอะไรให้ต้องคิดเหม่อลอย ? เรื่องนั้นต้องเกี่ยวข้องกับจินอูด้วยใช่ไหม ? ไม่งั้นก่อนซ้อมดาบให้ฉันนายจะไม่พูดถึงจินอูหรอก”

     

     

     

     

                “โอ้ย ! เบื่อ !

     

                ใบหน้าหวานบูดบึ้ง ร่างเล็กๆ ที่นั่งบนโซฟาบุกำมะหยี่สีแดงสดดิ้นพล่านราวกับถูกน้ำร้อนลวก กระสับกระส่ายไม่อยู่นิ่งอยู่สุข น้ำเสียงหวานที่พร่ำบอกว่าเบื่อจากปากบางนั้นทำให้ใครบางคนที่ยืนฟังอยู่นอกโถงใหญ่ต้องเดินเข้ามาคุยด้วยเพื่อไม่ให้ชายหน้าหวานที่หน้าหงิกเป็นแมวป่วยนี้ต้องบ่นต่อไปให้รำคาญหู

     

                “ท่านพี่จียง ท่านเบื่อสิ่งใดหนักหนา ? ข้าเห็นท่าบ่นเบื่ออย่างนี้มานานหลายชั่วโมงแล้วนะ”

     

                “ก็ข้าเบื่อจริงๆ นี่นา อยู่แต่ในปราสาทมืดแบบนี้นานๆ ก็เบื่อนะ ท่านพี่ซึงฮยอนก็หวงข้าอะไรหนักหนา ไม่ให้ข้าออกไปนอกปราสาทมืดคนเดียวอย่างนี้ ข้าล่ะเบื่อ”

     

                ว่าพลางกอดอกตีหน้าบูดบึ้ง กลีบปากบางนั้นเบะจนคว่ำ

     

                แต่ผู้ที่อายุน้อยกว่าที่อาสาเป็นคู่สนทนาในเวลานี้กลับยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ สมองของเจ้าตัวคิดไอเดียอะไรบางอย่างได้เพื่อไม่ให้ผู้เป็นพี่ของตนบ่นว่าเบื่ออีก

     

                “ไปเที่ยวกับข้าไหม ? เดี๋ยวข้าขอท่านพี่ซึงฮยอนให้เอง”

     

    คำถามของเด็กตัวเล็กทำให้จียงหูผึ่ง เด้งตัวกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจและปลื้มใจที่จะได้ออกไปเที่ยวเล่นแบบมารตนอื่นบ้าง

     

    “จริงนะ ? เจ้าจะพาข้าออกไปเที่ยวเล่นจริงๆ นะ”

     

    “จริงสิ ... ท่านพี่อยู่แต่ในปราสาทมืดจนไม่รู้ว่าตอนนี้แดนมารของเรามีที่เที่ยวดีๆ เจ๋งๆ เยอะเลย”

     

    XXXXX

     

    สงสัยกันไหมคะว่าเพราะอะไรซึงฮุนถึงเหม่อขนาดนั้น ?

    ตอนหน้าจะมาเฉลยค่ะ ^^

    แล้วสงสัยกันไหมคะว่าเด็กน้อยที่มาชวนท่านพญาจียงไปเที่ยวคือใคร ?

    เก็บความสงสัยไว้ก่อนค่ะ เพราะเจ๊ยังไม่เฉลย ให้เป็นข้อสงสัยกันต่อไป คิคิ ^^

     

    จะพูดคำว่าขอบคูรล้านครั้งดีไหมนะ ? เพราะรีดเดอร์น่ารักมากๆ เลย ><

    แม้จะไม่ค่อยมีคอมเมนท์มาเท่าไหร่ แต่เจ๊ก็ยังดีใจนะคะที่มีตัวเลขของผู้เข้าชมยังขยับบ้าง

    ขอบคุณทุกคนนะคะที่หลงเข้ามา T^T

    ช่วงแรกๆ นี้เป็นการบรรยายภาพรวมๆ เพื่อปรับบทตัวละครนิดๆ หน่อยๆ เนาะ

    อีกไม่นาน ศึกนั้นก็กำลังใกล้เข้ามาแล้ว

    อีกไม่นานความสนุกจะกลับมาที่เนื้อเรื่องค่ะ ยังไงช่วยอยู่รอและลุ้นกันต่อไปเนาะ

    ขอบคุณและรักรีดเดอร์ทุกคนจากใจจริงๆ ค่ะ ^^

     

    #ฟิคอัศวินเที่ยงคืน

     

    PS.1 เนื่องจากว่าความสนุกจะไปเริ่มตั้งแต่ประมาณตอนที่ 12,13,14 เป็นต้นไปเนาะ

    ยังไงก็ช่วยรอกันหน่อยนะคะ

     

    PS.2 ถ้าไม่อยากรอนานๆ เจ๊ตัดสินใจแล้วว่า “อาจ” จะมาอัพทุกวันค่ะ

    เพราะตัวเจ๊ตีบเองก็ต้องปิดเรื่องนี้ก่อนวันที่ 15 มีนาคม เหมือนกัน T^T

    ยังไงก็ให้กำลังใจเจ๊กันด้วยน๊า

     


    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×