ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ Fiction] - Ankylose - [YooSu,Yunjae,MinRic]

    ลำดับตอนที่ #10 : - Ankylose - Chapter.10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.94K
      2
      4 ม.ค. 53

    TALK ::

    เปิดเรียนแล้วเหนื่อยจริงจังเลยค่ะ T^T
    ถ้าเป็นไปได้อยากจะหยุดอีกยาวๆจังเลยน้า~

    ยังไงก็จะพยายามมาอัพให้เร็วที่สุดจะได้ไม่ต้องรอกันนานนะคะ^^

    ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์ ทุกกำลังใจมากๆค่ะ
    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ^^~












    Chapter.10


     

     

    เดี๋ยวผมไปส่งพี่จุนซูเองฮะ ผมทานเสร็จแล้ว

     

    เสียงทุ้มต่ำของน้องคนเล็กที่เอ่ยขึ้นทำให้ร่างขาวสูงหันไปมองแทบจะในทันที รวมไปถึงแจจุงและยุนโฮที่เงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวด้วยอาการตกตะลึงเล็กน้อยที่ชิม ชางมินบอกว่า ทานเสร็จแล้วหลังจากที่กินไปจานเดียวเท่านั้น

     

    นะนั่นสินะยูชอน เดี๋ยวฉันเดินไปกับชางมินก็ได้ ถึงจะไม่จำเป็นต้องใครมีใครไปส่งก็เถอะ

     

    แต่…”

     

    ห้องฉันอยู่แค่นี้เองยูชอน ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แต่ฉันไม่เป็นไรจริงๆ

     

    ร่างเล็กตอบด้วยรอยยิ้มจางๆกับความห่วงใยของยูชอนที่มักจะคอยดูแลเขาอยู่เสมอๆ แม้ว่าส่วนลึกในใจจะเจ็บปวดเพราะความสัมพันธ์ของการเป็นเพื่อนขนาดไหน แต่ความเป็นเพื่อนที่ดีของยูชอนมันก็ดีเกินไปจนเขาไม่อาจแม้แต่จะกล่าวถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง


     

     

    บอกออกไปว่า รักไม่ได้

     

    เพราะคำๆนั้นสำหรับเขาสองคน หมายถึง เพื่อนสนิทเท่านั้น


     

     

    ถ้าพี่เป็นก็คงแปลกแล้วล่ะ พี่จุนซูหนังเหนียวจะตาย ผมว่าน่าจะสงสารเชื้อไวรัสมากกว่าสงสารพี่จุนซูซะอีกนะ

     

    ชางมิน!!”

     

    ถ้อยคำที่จงใจเอ่ยเย้าคนตัวเล็กทำให้จุนซูแว้ดใส่น้องชายตัวสูงที่ยืนกลั้นขำกับอากัปกิริยาของคนร่างเล็กอยู่นั่นเอง

     

    ให้ชางมินเดินไปกับจุนซูนั่นแหละยูชอน! วันนี้นายต้องมาช่วยฉันล้างจานนะ!”

     

    แจจุงเอ่ยก่อนที่จะทำหน้ายู่เมื่อนึกถึงการล้างจานที่ตนเองไม่ชอบเสียเต็มประดา ยุนโฮหันไปมองดวงหน้าหวานควับก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงออดอ้อนในที

     

    อ้าวแล้วฉันล่ะ?

     

    นายไม่ต้องล้างของวันนี้สักหน่อย เกี่ยวอะไรด้วยล่ะยุนโฮ

     

    เจ้าของใบหน้าคมทำหน้ามุ่ยแง่งอนอย่างไม่สมกับหน้าตาเอาเสียจนแจจุงแอบยิ้มขำออกมาเล็กน้อย

     

    ก็ฉันอยากช่วยนี่…”

     

    หมีตัวโตทำหน้าเบ้ทว่าไม่ได้รับการตอบรับอะไรนอกจากรอยยิ้มน่ารักจากหนุ่มหน้าสวยประจำวงเท่านั้น ภาพของคู่รักที่กำลังส่งสายตาให้กันตรงกันทำให้ยูชอนเสหน้าไปอีกทางหนึ่งด้วยความรู้สึกปวดแปลบที่แตกต่างออกไปจากเดิมซึ่งแม้แต่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจ

     

    จุนซูรู้ถึงความรู้สึกของเพื่อนรักดี จึงได้แต่ยืนนิ่งมองร่างขาวอยู่อย่างนั้นจนชางมินต้องสะกิดเรียกเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กคิดมากไปกว่านี้

     

    พี่จุนซู ไปเถอะครับ

     

    “…เอ่ออื้อ

     

    ร่างเล็กต้องตัดสินใจละสายตาไปจากใบหน้าคมคายนั้นเมื่อน้องชายสุดท้องดันที่หลังแผ่วเบา รอยยิ้มจางๆถูกมอบให้กับชางมินที่ได้แต่ส่งสายตาเป็นห่วงอย่างไม่เปิดเผยเท่าใดนัก


     

     

    ถึงชางมินจะชอบแกล้งเขาอยู่บ่อยๆจนแทบเรียกได้ว่าเป็นคู่กัด

     

    แต่น้องชายคนนี้ก็เป็นห่วงเขาไม่แพ้คนอื่นในวงเลยสักนิดเดียว

     

    เขารู้ดี และรู้สึกขอบคุณกับความรู้สึกนี้เอามากๆ

     


     

    ขอบใจนะชางมิน…”

     

    เสียงเล็กๆเอ่ยแผ่วเบาอย่างที่ตั้งใจให้น้องชายตัวสูงได้ยินเพียงคนเดียว ชางมินกระตุกยิ้มน้อยๆก่อนที่จะอดไม่ได้ที่จะยื่นมือหนาไปขยี้เรือนผมสีน้ำตาลเข้มของพี่ชายตัวเล็กแผ่วเบา


     

     

    ยังไงคิม จุนซูก็เป็นพี่ชายที่ น่าเอ็นดูสำหรับน้องชายอย่างเขาเสมออยู่ดีนั่นแหละ

     


     

    ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่ต้องขอบคุณผมหรอก ขึ้นไปพักผ่อนเถอะฮะ

     

    อื้ม

     

    รอยยิ้มสดใสอย่างที่สมกับเป็นจุนซูที่แต่งแต้มอยู่บนดวงหน้าน่ารักทำให้ชางมินหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่จะกึ่งดันกึ่งโอบไหล่บางเพื่อเดินขึ้นไปชั้นบน

     

     

    ไม่มีใครรู้สึกตัวถึงสายตาของปาร์ค ยูชอนที่ลอบมองด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในอกเลยแม้แต่น้อย

     


     

    ทั้งๆที่พี่แจจุงอยู่ตรงหน้าทำไมเขาถึงต้องเผลอมองจุนซูทุกทีเลยนะ

     

    ทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นจุนซูปฏิเสธเขาแบบนั้นด้วย


     

     

    ยูชอนส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดของตนเองออกไปก่อนที่จะแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ตนเองฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้


     

     

    อาจเป็นเพราะหมอนั่นป่วยอยู่ก็ได้ เขาถึงได้รู้สึกเป็นห่วงเกินกว่าปกติ

     

    ก็คงเป็นเพราะแค่นั้นนั่นแหละ

     


     

    สายตาคมปรายมองคู่รักของพี่ใหญ่ในวงทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวจนดูท่าว่าจะลืมไปแล้วว่าเขายืนอยู่ใกล้ๆเพียงแค่นี้เอง หัวใจเต้นกระตุกจนรู้สึกเจ็บแปลบที่ความรักไม่มีวันจะสมหวัง แต่กระนั้นรอยยิ้มหวานๆที่ปรากฏอยู่ที่ใบหน้าสวยนั้นก็ทำให้เขาสบายใจ


     

     

    ไม่ปฏิเสธว่ายังรู้สึกปวดแปลบที่หัวใจที่ใครคนนั้นไม่ใช่ตัวเอง

     

    แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่คนที่รักมีความสุข

     


     

    พี่แจจุง ตกลงพี่จะให้ผมช่วยล้างจาน หรือจะให้ช่วยวิจารณ์ความหวานเลี่ยนของพวกพี่สองคนกันแน่!”

     

    พี่ใหญ่สองคนประจำวงหยุดชะงักก่อนที่แจจุงจะหันมายิ้มแหะๆให้อย่างขัดเขินในขณะที่ยุนโฮทำเพียงยักคิ้วโดยที่มือหนายังโอบไหล่บางของคนรักไม่ปล่อย

     

    อิจฉารึไง?

     

    ถ้อยคำล้อเล่นของพี่ชายกลับทำให้ยูชอนสะดุ้งอยู่ในใจ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นก่อนที่จะเอ่ยตอบอย่างแสร้งไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดนั้น

     

    “…ใครจะไปอิจฉากัน

     

    ก็หาใครสักคนสิยูชอน ฮ่าๆๆ

     

    ใครสักคนที่ว่า ผมจะหาได้ที่ไหนล่ะพี่


     

     

    ก็ในเมื่อผมยังทำใจเรื่องพี่แจจุงไม่ได้

     


     

    ช่วงนี้ยูซูก็ดังดีออก

     

    ยุนโฮเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดีทว่ากลับถูกคนสวยในอ้อมแขนส่งสายตาไม่พอใจให้จนต้องหุบยิ้ม ยูชอนเผลอชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะแสร้งทำหน้าเหยเก

     

    อย่าแม้แต่จะคิดเลยพี่ เจ้าตัวเล็กขี้โวยวายพูดมากแบบนั้นเนี่ยนะ

     

    ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้นเพราะความสนิทสนมที่มีให้กันมาเป็นเวลานาน แต่เพียงแค่เขาคิดถึงเจ้าของใบหน้ากลมๆที่ชอบทำตาแป๋วๆอย่างไร้เดียงสา และเสียงแหบหวานแหลมที่ชอบโวยวายอะไรแปลกๆก็ทำให้อดที่จะหัวเราะไม่ได้ทุกครั้งไป

     

    ทำเป็นพูดไป ฉันแทบไม่เคยเห็นพวกนายอยู่ห่างกันเลยด้วยซ้ำ

     

    แม้จะรู้สึกไม่พึงใจเอามากๆที่เจ้าน้องชายตรงหน้าไม่รู้เรื่องความรู้สึกหรือสิ่งที่ทำลงไปกับคนตัวเล็กนั่นเลยสักนิด แต่ก็พยายามที่จะหยอกออกไปเผื่อว่ายูชอนจะได้รู้สึกถึงอะไรบ้าง


     

     

    แต่คำตอบที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่มนั้นมันไม่ใช่แบบนั้น

     


     

    ก็พวกผมสนิทกันไง แถมช่วงนี้แฟนยูซูออกมาเยอะพี่เองก็รู้ไม่ใช่เหรอ ก็เลยเอาเรื่องปกติที่พวกผมสนิทกันดีอยู่แล้วมาเป็นแฟนเซอร์วิสเลยไง

     

    แจจุงเผลอเม้มริมฝีปากเล็กน้อยอย่างสงสารคนตัวเล็กจับใจเพราะดูเหมือนน้องชายตรงหน้าจะไม่ได้เข้าใจถึงความรู้สึกของจุนซูที่มีต่อตนเองเลยสักนิด


     

     

    แต่ก็ไม่มีใครรู้อีกนั่นล่ะ

     


    ว่านอกจากพี่ใหญ่ทั้งสองคนของวงจะรับรู้ถึงคำพูดของยูชอนแล้ว ยังมีชางมินและจุนซูที่ยังไม่ได้ไปไหนไกลได้ยินอยู่ด้วย

     

    ดวงหน้าหวานของคนตัวเล็กหม่นลงในขณะที่เผลอขบริมฝีปากบางของตนเองแน่นจนแดงก่ำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไหวระริกด้วยความเจ็บปวดพร้อมๆกับหยาดสีใสที่เริ่มคลอหน่วย จุนซูพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอและกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างสุดความสามารถเหมือนอย่างที่เคยทำเวลารู้สึกเสียใจ

     

    ชางมินมองพี่ชายตัวเล็กเคียงข้างด้วยความรู้สึกเห็นใจและรู้สึกผิดอย่างเป็นที่สุด ถ้าหากเขาไม่ได้บอกว่าลืมหนังสือไว้ที่ห้องนั่งเล่น ก็คงจะไม่ต้องเดินผ่านห้องอาหารแล้วได้ยินอะไรที่ทำร้ายจิตใจร่างบางๆแบบนี้

     

    พี่จุนซู…”

     

    “…..”

     

    ผมขอโทษนะฮะ…”

     

    “…บ้าเหรอ ไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย

     

    เสียงแหบหวานรีบเอ่ยตอบทันทีที่สิ้นเสียงของน้องชายตัวสูง ก่อนที่จะฉีกยิ้มน่ารักตามปกติที่แสร้งขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ แต่นั่นก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของชางมินไปอยู่ดี

     

    “…พี่รู้ดีอยู่แล้วล่ะว่ายูชอนคิดยังไง…”

     

    “….”

     

    ทั้งกับพี่แจจุงแล้วก็กับพี่…”

     

    “…พี่จุนซู…”

     

    ไม่มีอะไรเกี่ยวกับยูชอนที่พี่ไม่รู้หรอกนะ จริงมั้ย?

     

    รอยยิ้มหวานๆที่ขัดกับแววตาเศร้าๆนั่นเสียเหลือเกินทำให้ชิม ชางมินถอนหายใจออกมาแผ่วเบา มือหนายื่นไปบีบไหล่เล็กนั่นเบาๆก่อนที่จะเอ่ยเสียงนุ่ม

     

    ขึ้นไปนอนพักเถอะครับพี่

     

    อืมขอบใจนะ

     

    ความรู้สึกอ่อนแรงทั้งกายและใจกับคำพูดที่ได้ยินเต็มสองหูจากปากของคนที่หลงรักแทบทำให้จุนซูไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะก้าวเท้า ชางมินที่เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้เป็นพี่ชายดีจึงได้แต่พยุงร่างเล็กให้เดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบๆ


     

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++


     

     

    หลังจากที่ยูชอนช่วยรุ่นพี่หน้าสวยประจำวงอย่างคิม แจจุงล้างจานจนเสร็จเรียบร้อยโดยที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ทำอะไรมากเท่าไหร่ เพราะในใจหนึ่งก็มัวแต่ลอบมองดวงหน้าหวานของร่างบางข้างๆ ส่วนอีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงเพื่อนตัวเล็กที่ป่านนี้คงจะนอนหลับอยู่ที่ห้องแล้ว ยูชอนถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มในห้องนั่งเล่น


     

     

    นี่เราเป็นอะไรไปอีกแล้ว?

     


     

    ความมึนงงและสับสนวนไปเวียนมาอยู่ในหัวจนยูชอนต้องสะบัดหน้าคมของตนเองเพื่อไล่ความฟุ้งซ่านนั้น ก่อนที่จะยันกายลุกขึ้นโดยมีจุดหมายอยู่ที่ห้องนอนของตนเองและร่างเล็ก รวมไปถึงน้องชายตัวสูงอย่างชางมิน

     

    พี่ไม่เป็นอะไรแน่นะฮะ?

     

    มือแกร่งหยุดชะงักก่อนที่จะบิดลูกบิดนั้น เมื่อเสียงคุ้นเคยของผู้เป็นน้องสุดท้องดังขึ้นมาให้ได้ยินเพียงแผ่วๆ

     

    “…ไม่เป็นไรหรอก นายลงไปหาของกินเถอะชางมิน พี่รู้นะว่านายยังไม่อิ่ม

     

    รู้ทันอีกแล้ว

     

    แน่นอน เรื่องการกินของนาย ถ้าพี่ไม่รู้ พี่คงโง่เต็มทน

     

    “…แล้วปกติพี่ไม่ได้ฉลาดน้อยรึไง?

     

    ชิมชางมิน!”

     

    เสียงแหวแหลมปรี๊ดดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงหัวเราะร่าอย่างจงใจกวนประสาทของชางมินทำให้ยูชอนนิ่งเงียบอยู่ในใจ มือหนาหมายที่จะเปิดประตูเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าประตูก็ถูกกระชากเปิดออกมาซะก่อน

     

     

    พร้อมๆกับใบหน้าคมของน้องสุดท้องที่ดูจะนิ่งงันไปเมื่อเห็นเขา

     

     

    มีอะไรเหรอครับ? พี่ยูชอน?


     

     

    ถามอย่างกับว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของห้องนี้ด้วยอย่างนั้นแหละ!


     

     

    น้อยๆหน่อยชางมิน นี่มันก็ห้องพี่เหมือนกันนะ

     

    ชางมินไม่ตอบอะไรนอกจากยกยิ้มให้เล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วไม่ให้คนตัวเล็กที่นอนตะแคงหันหลังให้บนเตียงทั้งๆที่หูผึ่งได้ยิน

     

    “…งั้นก็ดูแลพี่จุนซูด้วยนะฮะ

     

    ถ้อยคำที่เหมือนจะแฝงนัยอะไรบางอย่างทำให้ยูชอนเผลอขมวดคิ้ว เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจุนซูและชางมินจะดูสนิทสนมกันเสียเหลือเกินจนเขารู้สึกแปลกๆ


     

     

    ถึงปกติทั้งสองคนนี้จะสนิทกันเอามากๆอยู่แล้ว

     

    แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดมีลับลมคมในเหมือนกับรู้เรื่องแค่สองคนแบบนี้

    ไหนจะไอ้ทีท่าที่ดู หวงจุนซูของชางมินอีก

     


     

    ปาร์ค ยูชอนส่ายหน้าไล่ความคิดแปลกๆของเขาออกไป ดูท่าว่าเขาจะฟุ้งซ่านมากขึ้นทุกทีๆตั้งแต่มีความฝันบ้าๆนั่น พวกเขาทงบังชินกิอยู่ด้วยกันมาหลายปี โอบไหล่แตะตัวกันก็บ่อย กอดก็นับครั้งไม่ถ้วน หอมแก้มยังเคยมาแล้ว ผูกพันแน่นแฟ้นเสียยิ่งกว่าคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นเรื่องที่สนิทกันขนาดนี้ก็เป็นเรื่องยิ่งกว่าปกติไม่ใช่หรอกหรือ?

     

    จุนซู…”

     

    ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งที่ที่ว่างบนเตียงอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้กระเทือนไปถึงคนที่นอนอยู่ ริมฝีปากอิ่มเอ่ยเรียกชื่อคนตัวเล็กแผ่วเบาโดยที่ไม่รู้ว่าจุนซูหลับอยู่รึเปล่าด้วยซ้ำไป

     

    หลับแล้วเหรอ? เพิ่งจะนอนไปเมื่อกี้แท้ๆ

     

    เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับของเจ้าของดวงหน้าน่ารัก ยูชอนจึงได้แต่อมยิ้มน้อยๆกับร่างเล็กตรงหน้า มือหนาค่อยๆห่มผ้าห่มให้คลุมไปจนถึงไหล่บอบบางอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะต้องขมวดคิ้วกับเจ้าผ้าพันคอสีเข้มที่ยังคงพันแน่นอยู่รอบลำคอขาว

     

    “…คิดจะใส่เจ้านี่ทั้งวันเลยรึไงกัน ไปกินข้าวก็ไม่ยอมถอด


     

     

    แย่ล่ะ! ถึงมันจะมองแทบไม่เห็นแล้วแต่ถ้าเป็นยูชอนต้องรู้แน่ๆ


     

     

    เมื่อมือแกร่งมาสัมผัสแถวๆรอบลำคอที่เหมือนจะดึงผ้าพันคอออก จุนซูก็รีบคว้าหมับเอาไว้แทบจะในทันทีจนลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังแกล้งหลับอยู่!

     

    จุนซู?

     

    งืมข้าวหน้าปลาไหล…”

     

    ทันทีที่ตั้งสติได้ คิม จุนซูก็พลิกตัวนอนหงายพร้อมๆกับรีบทำเนียนสวมวิญญาณคนนอนละเมอในทันทีก่อนที่จะกระชับผ้าพันคอไว้ในมือแน่น ท่าทางของคนตรงหน้าทำเอายูชอนหัวเราะออกมาเสียงเบา


     

     

    คิดว่าไม่รู้รึไงว่าแกล้งหลับ

     

     


    มืออบอุ่นที่เคลื่อนมาสัมผัสพวงแก้มใสแผ่วเบาอย่างเป็นห่วงเป็นใยโดยที่ไม่มีความรู้สึกอื่นมาเจือปน

     

    “…หายเร็วๆล่ะ…”

     

    เสียงกระซิบแผ่วๆอย่างอ่อนโยนและอบอุ่นที่ข้างใบหูบอกออกมาแบบนั้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าและประตูห้องน้ำที่ถูกปิดลง

     

    พร้อมๆกับหยาดน้ำสีใสที่ไหลลงมาช้าๆจากปลายตาเรียว



     

     

    อย่าทำให้ฉันรักนายไปมากกว่านี้เลยยูชอน



     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    To Be Continued...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×