คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : - Ankylose - Chapter.13
TALK ::
มาอัพเรียบร้อยแล้วค่า^^~ ช่วงนี้ปั่นต้นฉบับได้เร็วเลยได้ลงเร็วไปด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์มากๆเลยค่ะ^^
ยังไงก็ช่วยติดตามกันด้วยนะค้า~
Chapter.13
ในเวลาเกือบตีสองของวัน ขายาวของปาร์ค ยูชอนค่อยๆก้าวมาจากห้องทำงานเพื่อหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องของตนเองที่ใช้ร่วมกับสมาชิกในวงอีกสองคน ดวงตาคมยังคงฉายแววสับสน แม้ว่าเขาจะพยายามไปสงบสติอารมณ์ที่ห้องทำงานแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เพลงที่ตั้งใจจะแต่งให้จบ ก็ยังถูกอะไรหลายๆอย่างทำให้แต่งไม่ได้แม้เพียงนิด ตัวโน้ตที่ถูกเขียนไว้บนแผ่นกระดาษสีสะอาดยังคงค้างคาไว้อยู่ที่ตำแหน่งเดิมเหมือนเคย
ป่านนี้จุนซูคงจะหลับไปแล้ว..
ร่างสูงค่อยๆเปิดประตูห้องออกก่อนที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นคนตัวเล็กนอนหลับสนิทอยู่ที่เตียงของเจ้าตัวด้วยท่าซุกมือไว้ใต้หมอนเหมือนกับเด็กๆอย่างที่จุนซูชอบทำ ยูชอนค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆกับเจ้าของใบหน้าน่ารักนั้น จดจ้องดวงหน้าหวานอยู่นานด้วยคำถามที่อัดแน่นอยู่ในหัวสมอง
รักฉัน
นายรักฉันจริงๆเหรอจุนซู?
เป็นความคิดที่ยังคงวนเวียนภายในสมองอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่เหตุการณ์เมื่อเย็นก็บอกกับเขาได้เป็นอย่างดีว่าคนตรงหน้าที่หลับตาพริ้มอยู่ในนิทรานั้นรู้สึกยังไงกับเขา ยูชอนปรายสายตามองไปยังเตียงฝั่งตรงข้ามที่เยื้องไปจากเตียงของคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
โดนเจ้าตัวเล็กนี่ให้มานอนห้องเดิมด้วยสินะ..
ดูเหมือนว่าชางมินจะรู้อะไรเยอะเสียด้วย
สาเหตุที่ช่วงนี้จุนซูแปลกไปก็เพราะแบบนี้เองน่ะเหรอ?
ก่อนที่จะปล่อยให้ตนเองฟุ้งซ่านคิดไปต่างๆนานา ยูชอนก็ถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนที่จะเดินตรงไปที่เตียงของตัวเองที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเคียงข้างของคนตัวเล็ก แม้จะพยายามข่มตาให้หลับ แต่ดูเหมือนอะไรๆมันจะไม่ง่ายขนาดนั้นเลย
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาคิดยังไงกับจุนซู
เขารักพี่แจจุง
เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเขามาตลอด
แต่จุนซูล่ะ..? จุนซูเป็น ‘เพื่อน’ คนสำคัญที่เขาอยากจะอยู่ด้วยตลอดไป
พรุ่งนี้เขาจะมองหน้าจุนซูยังไง
เขายังไม่รู้เลย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ยูชอน! ตื่น!!!”
“ฮะ?
โอ้ย!”
เสียงของหมอนตบดังอั่กที่ช่วงเอวทำเอาคนขี้เซาตาสว่างในช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ ยูชอนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะหันมามองผู้ปลุกตนเอง
“ทำไมวันนี้รุนแรงจังเนี่ยจุนซ---อ้าว
พี่ยุนโฮ”
“ก็ฉันน่ะสิ! วันนี้มีอัดรายการตอนเช้านะ อาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปกินข้าวได้แล้ว!”
ยูชอนค่อยๆยันกายลุกขึ้นก่อนที่จะปรายสายตามองเตียงอีกสองเตียงที่ตอนนี้ว่างเปล่า ดวงตาคมหม่นลงก่อนที่จะถอนหายใจแผ่วเบา
“
จุนซูล่ะ
?”
หัวหน้าวงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบออกมาเสียงเรียบแม้จะไม่เข้าใจในท่าทีของน้องชายตรงหน้า
“ลงไปแล้ว นายเองก็รีบๆอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาข้างล่าง เข้าใจนะ?”
มีเพียงการพยักหน้าเนือยๆของน้องชายร่างสูงเป็นคำตอบเท่านั้น ยุนโฮถอนหายใจแผ่วเบาก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ยูชอนคิดอะไรอยู่คนเดียวอย่างเงียบๆ
ทำไมนายไม่ปลุกฉันล่ะ..?
ยูชอนเม้มริมฝีปากของตนเองก่อนที่จะรีบส่ายศีรษะแรงๆราวกับต้องการจะไล่ความคิดที่เริ่มฟุ้งซ่านมากขึ้นทุกทีของตัวเอง ร่างโปร่งคว้าผ้าขนหนูสีสะอาดที่วางพาดไว้ไม่ใกล้ไม่ไกลก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความรู้สึกที่ยังคงสับสน
.
“วันนี้มีอะไรกินเนี่ยพี่แจจุง?”
“ลงมาก็ถามถึงของกินเลยนะ ชางมินเข้าสิงรึไงนายน่ะ”
แจจุงเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะในขณะที่กำลังยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะอาหารโดยที่มีจุนซูช่วยถือจานมาอีกคนหนึ่ง สายตาคมของร่างโปร่งเผลอมองใบหน้าน่ารักนั่นชั่วครู่ด้วยความรู้สึกวูบไหวและสับสน
“จุนซู
”
“หือ? มีอะไรเหรอยูชอน?”
มีแววไหวระริกเพียงชั่วครู่ในดวงตาเรียวสวยของคนตัวเล็ก ก่อนที่เจ้าตัวจะแย้มยิ้มน่ารักเอ่ยถามอย่างราบเรียบเป็นปกติอย่างที่ไม่อาจจับผิดได้
“เอ่อ
ไม่มีอะไรหรอก”
ร่างโปร่งกลืนความสงสัยและสับสนทั้งหมดลงไปเหมือนเดิมด้วยรอยยิ้มจางๆ ก่อนที่จะหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ แกงกิมจิหอมฉุยที่โชยกลิ่นลอยมาแตะจมูกเรียกน้ำย่อยให้เขารู้สึกอยากอาหารขึ้นมาได้ถนัดนัก
“รีบๆกินเลยนะ เดี๋ยวไปอัดรายการไม่ทัน”
ยูชอนพยักหน้ารับกับคำพูดของคุณแม่ของวง แม้ว่าจะต้องยอมรับกับตัวเองว่าตลอดเวลาของการรับประทานอาหารเช้า สายตาของเขาก็ไม่อาจที่จะละไปจากใบหน้าหวานของคนตัวเล็กได้เลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์และคำพูดเมื่อคืนวนเวียนในหัวสมองจนเขาอยากจะโพล่งถามออกมาเลยเสียด้วยซ้ำว่ามันเป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่
“เป็นอะไรน่ะยูชอน? เหม่ออีกแล้วนะ”
เสียงทุ้มหวานของพี่ชายหน้าสวยทำให้ยูชอนเผลอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะหันมายิ้มจางๆให้ตามปกติ
“ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ว่าแต่แกงกิมจิฝีมือพี่เนี่ย ยังไงก็อร่อยสุดๆเลยนะ”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว~”
ร่างบางเอ่ยพร้อมยืดอกอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มน่ารักจนยูชอนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ก็เพราะรุ่นพี่หน้าสวยของเขาเป็นซะแบบนี้น่ะสิ ถึงได้รู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ๆบ่อยๆ
แต่ความรู้สึกนั้น ตอนนี้ยังมีอยู่รึเปล่านะ
?
ความคิดหนึ่งที่แวบขึ้นมาในสมองทำให้ยูชอนชะงัก ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจตัวเองที่คิดอะไรแปลกๆออกมาอีกแล้ว แถมเจ้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้า ไม่มีอะไรผิดปกติไปเลยด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมานายอยู่ด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะจุนซู?
ทำไมฉันถึงไม่เคยสะกิดใจเลยนะ?
“
หน้าฉันมีอะไรติดอยู่เหรอยูชอน?”
พอใบหน้าน่ารักที่ตนเองจดจ้องอยู่นานจนลืมอาหารเช้าตรงหน้าเงยขึ้นมามองด้วยสายตาแป๋วๆแบบนั้น จู่ๆหัวใจของเขาก็เต้นผิดจังหวะไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ
เปล่านี่! หน้านายก็ยังน่าเกลียดเหมือนเดิมนั่นแหละจุนซู”
“ว่าไงนะ!”
คิ้วของคนตัวเล็กดูจะขมวดมุ่นขึ้นทันตาอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่ดวงหน้าใสนั้นเริ่มมุ่ยลงเหมือนกับเด็กๆ ทำให้ร่างโปร่งและคนอื่นๆในวงอดยิ้มตามไปกับท่าทีนั้นไม่ได้
“นายได้ยินยังไง ก็หมายความว่าอย่างนั้นนั่นแหละ”
ยูชอนแสร้งยักไหล่อย่างจงใจกวนประสาทหยอกแกล้งร่างเล็กอย่างที่เขาชอบทำ แม้ว่าจะไม่ค่อยสนิทใจเท่าใดนัก แต่เขาก็ไม่อยากที่จะทำให้อะไรๆมันเปลี่ยนแปลงไปจากนี้
“ยูชอน!” เสียงเล็กร้องแหวขึ้นจากคนแก้มป่อง
“หยุดทั้งคู่เลยนะ! ถ้ามัวแต่เถียงกันวันนี้จะกินเสร็จมั้ย อีกยี่สิบนาทีต้องไปที่อัดรายการแล้วนะ!”
เป็นอีกครั้งที่คนหน้าสวยประจำวงต้องห้ามทัพก่อนที่จะมีสงครามน้ำลายย่อยๆของคนสองคนที่สนิทกันจนกัดกันได้ตลอดเวลา
“ก็ยูชอนมาว่าผมก่อนนี่นา!”
“จุนซู”
เสียงติดดุของหัวหน้าวงทำเอาคนตัวเล็กทำหน้าฮึดฮัดก่อนที่จะเงียบเสียงไป ยูชอนแต่ได้ยกยิ้มน้อยๆเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นกิจวัตรแต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อสายตาของยุนโฮปรายมามอง ภายในใจที่สับสนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเพียงแค่มีบทสนทนาฉันท์เพื่อนชั่วครู่กับคนร่างเล็กตรงหน้า
เพราะคำว่า ‘เพื่อน’ ระหว่างเขากับคนตัวเล็กตรงหน้านี้ช่างสำคัญมากเหลือเกิน
สำคัญสำหรับเขามากเสียจน
ไม่อยากให้มันหายไป
ดวงตาคมทอดมองใบหน้าหวานมู่ทู่ที่ก้มลงไปทานข้าวอีกครั้งหนึ่งด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ความรู้สึกสับสนประทังเข้ามาในใจจนเขารู้สึกมึนงง อดคิดต่อไปไม่ได้ว่าต่อไปนี้เขาควรที่จะทำอย่างไรดีกับเพื่อนรัก ควรจะวางตัวยังไงไม่ให้ร่างขาวนวลนั้นต้องเจ็บปวด
ฉันจะทำยังไงดีจุนซู
ตอนนี้นายกำลังเจ็บปวดอยู่รึเปล่า
?
ยิ่งคิดเท่าไหร่ความรู้สึกก็ยิ่งปนเปสับสนมากขึ้นเท่านั้น ยูชอนถอนหายใจออกมาแผ่วเบาก่อนที่จะรวบช้อนและตะเกียบอย่างเป็นระเบียบพร้อมกับเอ่ยขอตัวไปนั่งรอที่หน้าบ้าน
“ผมไปรอข้างนอกนะ”
เสียงทุ้มพร่าเอ่ยบอกให้รุ่นพี่ในวงอีกสองคนที่เงยหน้าขึ้นมาราวกับจะถามว่า ‘จะไปไหน?’ ให้รับรู้ นัยน์ตาเรียวคมปรายมองดวงหน้าน่ารักที่แสร้งทำเป็นจดจ่ออยู่กับการทานอาหารเช้าเพียงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะผินกายเดินออกไปจากห้องอาหารอย่างรวดเร็ว
จุนซูแทบจะหยุดทานอาหารตรงหน้าทันทีที่ร่างสูงหายไปจากสายตา นัยน์ตาหวานมองไปยังทางที่ร่างโปร่งเพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่ราวกับว่ายูชอนยังยืนอยู่ตรงนั้น แววตาใสค่อยๆหม่นลงไหวระริก ก่อนที่จะตักข้าวเข้าปากอย่างช้าๆผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ ทว่าผ่านไปเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น ร่างเล็กก็จัดการรวบช้อนเก็บจานเสียแล้ว
“
ผมอิ่มแล้วฮะ”
เสียงแหบหวานเอ่ยบอกแผ่วๆด้วยรอยยิ้มจางๆก่อนที่จะรีบก้าวเดินไปที่หน้าบ้าน หวังเพื่อจะได้พูดคุยกับร่างสูงที่ดูจะแปลกไปจนสังเกตเห็นได้ชัดเจน
..
ร่างสูงเจ้าของเสียงทุ้มพร่านั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านในขณะที่มองอะไรรอบๆกายไปอย่างเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย แต่ภายในสมองกลับครุ่นคิดเรื่องอะไรบางอย่างอย่างหนัก กระทั่งเสียงของต้นเหตุการณ์คิดมากเอ่ยทักจนเขาเกือบสะดุ้ง
“ยูชอน”
“ฮ
ฮะ? มีอะไรเหรอจุนซู?”
สายตาของร่างโปร่งมองไปยังคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะหย่อนกายนั่งเคียงข้างโดยเว้นระยะห่างไว้อย่างพอดี ดวงตากลมโตจ้องตรงไปยังเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่า? วันนี้นายดูแปลกๆนะ”
“ไม่นี่ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย นายคิดไปเองรึเปล่า” ยูชอนเอ่ยปฏิเสธ
“แน่ใจเหรอ? ไม่มีอะไรแน่นะ?”
“แน่ใจสิ”
เมื่อคนเคียงข้างยืนกรานออกมาเช่นนั้น คิม จุนซูก็ได้แต่ทำปากยู่ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนท่านั่งที่เตรียมคาดคั้นคำตอบจากคนร่างโปร่งเสียเต็มที่เป็นการนั่งไขว่ห้างอย่างที่ชอบทำพลางทอดมองไปยังเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ
“
นี่ ยูชอน
”
“หือ?”
จู่ๆบรรยากาศที่เงียบงันไปชั่วครู่หนึ่งก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงแหบหวานที่เอ่ยขึ้นมาแผ่วๆจนแทบไม่ได้ยิน ยูชอนขานรับในลำคอก่อนที่จะหันหน้าไปมองคนเคียงข้างที่ตอนนี้กำลังจดจ้องมาที่ตัวเขาเช่นกัน
“
เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปใช่มั้ย?”
สิ้นเสียงที่สั่นเทิ้มน้อยๆที่คนฟังอาจไม่รู้สึกถึงความสั่นเทานั้น ทว่าคำถามกลับทำเอาปาร์ค ยูชอนถึงกับอึ้งไปไม่ถูก กว่าที่จะหาเสียงของตัวเองเจอแล้วเอ่ยตอบกลับไป ความเงียบงันที่ปกคลุมบรรยากาศก็เกือบที่จะทำให้อึดอัดไปเสียแล้ว
“
ท
ทำไมถามอะไรแบบนั้นล่ะ?”
“ก็
” เสียงหวานลากยาว ก่อนที่จะเอ่ยตอบเรียบๆ “ช่วงนี้นายดูแปลกๆ
ฉันก็เลยคิดว่านายมีอะไรที่ไม่สบายใจ
”
“
..”
“แต่นายก็ไม่ยอมบอกฉันเลย
”
ใบหน้ากลมของคนร่างเล็กเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่จริงจังก่อนที่จะจดจ้องใบหน้าเรียวของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังทำอะไรไม่ถูก
“นายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเราจะไม่มีความลับต่อกันน่ะ”
“
ฉัน
”
แล้วนายจะให้ฉันพูดยังไงล่ะจุนซู
?
ต้องทำยังไงนายถึงจะไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้
?
“จุนซู
จริงๆแล้วนาย---”
“ยูชอน! จุนซู! นั่งคุยอะไรกันอยู่น่ะ! รถมาแล้วนะ!”
เสียงของยุนโฮที่ดังมาจากทางประตูบ้านทำให้การสนทนาของคนทั้งคู่หยุดลงครึ่งๆกลางๆเพียงแค่นั้น จุนซูหันไปมองใบหน้าของพี่ชายหัวหน้าวงเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับมามองคนเคียงข้างเช่นเดิมราวกับว่าต้องการให้พูดต่อให้จบ
“เมื่อกี้นายว่าไงนะยูชอน?”
“
ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่กำลังคิดว่านายคิดมากแบบนี้น่ะ ระวังแก่เร็วนะ ฮ่าๆๆๆ”
ถ้อยคำที่คิดจะเอ่ยถามถึงความรู้สึกที่แท้จริงของคนตัวเล็กตรงหน้าถูกกลืนลงลำคอไปหมดสิ้น อาจจะเพราะความกลัวหรืออะไรบางอย่าง เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่เพียงว่าตอนนี้เขารู้สึกไม่สนิทใจเอาเสียเลย อย่างน้อยสาเหตุแรกก็เพราะการได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่ไม่ควรจะรู้ของคนตรงหน้านี้
“ถ้าฉันแก่ นายเองก็แก่เหมือนกันนั่นแหละ! เจ้าบ้า!!”
ร่างเล็กทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงแง่งอนแถมด้วยค้อนวงโตที่เหมือนกับลูกแมวขู่ฟ่อๆ ก่อนที่จุนซูจะผินกายเดินขึ้นรถที่มาจอดรออยู่หน้าบ้านไปโดยที่มียูชอนเดินตามหลังไปห่างๆ
เอาเข้าจริงๆกลายเป็นว่าตอนที่อยู่ในรถ ร่างโปร่งกลับเลือกที่จะนั่งเบาะหน้าที่นานๆครั้งจะนั่ง โดยที่ร่างเล็กของคิม จุนซูก็ยังต้องจองที่นั่งติดกระจกรถฝั่งซ้ายมืออย่างเคย ภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มีตลอดการเดินทางไปทำงานของปาร์ค ยูชอน แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ถึงความรู้สึกจริงๆภายในจิตใจของเขาว่ากำลังครุ่นคิดถึงอะไรอยู่
จะถาม
หรือไม่ถามดี
?
ควรที่จะถามไปตรงๆ
รึเปล่านะ..?
.
“ยูชอน! ยูชอน! ตื่นได้แล้ว!”
เสียงทุ้มต่ำของรุ่นพี่หัวหน้าวงมาพร้อมกับแรงเขย่าที่ไหล่ทั้งสองข้างจนร่างโปร่งที่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ค่อยๆปรือตาขึ้นมาอย่างง่วงงุน แต่ก่อนที่จะมองภาพตรงหน้าชัดๆ ริมฝีปากอิ่มของยูชอนก็เกือบที่จะเอ่ยเรียกชื่อคนปลุกผิดคนเสียแล้ว
“
หือ
? จุนพี่ยุนโฮ..” ยูชอนนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อคนที่ปลุกก็ไม่ใช่คนตัวเล็กอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“นายนี่เป็นพวกแพ้อัดรายการช่วงเช้าจริงๆ ตื่นแล้วลงมาจากรถได้แล้ว!”
ยูชอนพยักหน้าทั้งๆที่ยังไม่ตื่นเต็มที่ ยอมรับโดยสดุดีว่าตัวเขาเองก็ไม่ชอบที่จะอัดรายการตอนเช้าเสียจริงๆ ในเมื่อมันทำให้ภายในสมองของเขามันโล่งว่างเพราะความง่วงที่เข้ามาแทรกซึมขนาดนี้
แต่สิ่งเดียวที่ยังเด่นชัดอยู่ในใจไม่เปลี่ยนแปลงในความง่วงงุนนั้นก็ยังเป็นเรื่องเดิม
จุนซู
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
ความคิดเห็น