ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ Fiction] - Ankylose - [YooSu,Yunjae,MinRic]

    ลำดับตอนที่ #22 : - Ankylose - Chapter.22

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.03K
      6
      28 ม.ค. 53

    TALK ::
    มาอัพอีกแล้วค่า^^~
    แหะๆ มีคนถามถึงว่าใกล้จบแล้วเหรอ
    คิดว่าน่าจะประมาณตอนที่ 34 ก็น่าจะจบนะคะ แต่ก็จะมีบทส่งท้ายให้อีกค่ะ^^
    ส่วนตอนพิเศษ...คิดว่าน่าจะมี 3 ตอน ของ 3 คู่...จะอยู่ในรวมเล่มนะคะ^^
    (เผลอๆอาจจะมียูซูเพิ่มอีกตอนเป็น 4 ตอนด้วย แฮ่ๆ)

    ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ^^ ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์มากๆค่ะ

    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ~




     

     

    เมื่อกี้เจ้ายูชอนมันทำอะไรของมัน

     

    ยุนโฮที่ยืนมองอยู่ไกลๆอยู่อีกด้านนึงของห้องกว้างกับคนรักหน้าหวานเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่น้องชายของเขากำลังทำอยู่ ทั้งทีท่าของชางมิน จุนซูและยูชอน แม้จะไม่ได้ยินประโยคของบทสนทนาหรือไม่เห็นสีหน้าของทั้งสามได้ชัดเจนนัก แต่ก็พอจะเอาออกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างตามประสารุ่นพี่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน

     

    ชางมินนะชางมิน ไปขัดแบบนั้นได้ยังไง!”

     

    แจจุงทำหน้ายู่หลังจากที่ชางมินพาจุนซูออกไปจากห้องแต่งตัวโดยทิ้งให้น้องชายเสียงพร่ายืนนิ่งอึ้งอยู่ลำพัง ใบหน้าคมคายนั้นหม่นแสงลงทั้งแลดูสับสนจนน่าสงสาร เมื่อความจริงที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยนั้นยังคงเป็นปริศนาที่เจ้าตัวไม่มีวันได้รับรู้ถึงมันเสียที

     

    ไปขัดน่ะดีแล้ว เมื่อจุนซูจะร้องไห้อยู่แล้วนะ ให้ตายสิเจ้ายูชอน ทำไมไม่รู้จักพูดตรงๆ เอาแต่ทำตัวคลุมเครือแบบนี้ จะได้เค้ามาเร้อ…”

     

    เสียงของร่างสูงที่บ่นเหมือนหมีกินผึ้งทำเอาแจจุงอดที่จะหันไปค้อนเล็กน้อยให้ไม่ได้ ยุนโฮที่เห็นคนรักกระชับมือที่แอบจับกันแน่นและดวงตากลมโตที่จ้องมายังตนเองไม่กระพริบแล้วก็ได้แต่อมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มอบอุ่น

     

    เป็นอะไรไปหือ?

     

    นี่ถ้าแจเป็นคนอื่นล่ะก็คงคิดว่ายุนหลงรักจุนซูไปแล้วล่ะ…”

     

    เสียงหวานเอ่ยแผ่วติดจะแง่งอนอยู่ในทีนั้นน่ารักเสียจนยุนโฮคลี่ยิ้มออกมากว้างๆ ในใจนึกอยากจะหอมแก้มใสๆของคนรักสักฟอดสองฟอด หากไม่ติดว่ามีเหล่าทีมงานเดินว่อนกันให้ทั่วห้องจนเกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นแบบนี้ล่ะก็คงจะได้ทำสมใจ

     

    สิ่งที่ทำจึงเป็นเพียงแค่การกระชับมือบางนั้นให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ถ่ายทอดความอบอุ่นและความรักผ่านเรียวนิ้วและฝ่ามือที่สัมผัสกันอย่างแนบชิด น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นเอ่ยเสียงเบาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งผ่านไปให้แจจุงต้องก้มหน้างุดด้วยความขัดเขิน

     

    แต่เพราะนี่เป็นแจไงยุนถึงรู้ว่าไม่มีทางที่แจจะคิดแบบนั้น

     

    ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อให้พอเห็นจางๆจนร่างสูงยิ้มออกมาน้อยๆ ดวงตากลมโตของคนร่างบางค่อยๆปรายขึ้นมองคนรักก่อนที่จะพูดเสียงอุบอิบอย่างลองเชิง

     

    “…แล้วถ้าเกิดแจคิดขึ้นมาล่ะ?

     

    ถึงตอนนั้นยุนก็จะให้แจมองตายุนแจจะได้รู้ว่าคนที่ยุนรักมีแค่แจคนเดียวไง…”

     

    สายตาคมฉายแววกรุ้มกริ่มเพทุบายจนร่างบางต้องหลบสายตาวิบวับนั้นของชายคนรัก มือบางหยิกเบาๆที่มือหนาแก้เขินในที

     

    “…ทำมาเป็นปากหวาน

     

    ก็กับแจคนเดียวแหละ~”

     

    ภาพของพี่ใหญ่สองคนในวงที่ยืนคุยกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนมนั้นคงมีแต่คนภายในวงเท่านั้นที่จะรับรู้ว่ามีความรู้สึกของความรักมากมายแผ่กระจายอยู่รอบข้างทั้งสองด้วย ยูชอนที่ยังคงยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องที่เดิมจดจ้องมองร่างบางที่ตนเองเคยคิดว่าหลงรักอยู่เคียงข้างยุนโฮซึ่งกำลังคลี่ยิ้มให้อย่างอบอุ่น รู้สึกแปลกใจตนเองอย่างมากที่สุดจนต้องเผลอเลื่อนมือหนาของตนเองไปจับที่หน้าอกด้านซ้ายอย่างช้าๆ รับฟังถึงเสียงของใจตนเองที่เต้นเป็นจังหวะเนิบนาบราวกับต้องการจะบอกอะไรสักอย่างกับเขาอย่างไรอย่างนั้น


     

     

    ไม่เจ็บเลย

    ทำไมกันนะ?




     

    ความรู้สึกเจ็บปวดที่เคยได้รับมาทุกครั้งที่เห็นคนที่หลงรักเป็นของใครอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง บัดนี้กลับไม่รู้สึกถึงมันเลยแม้แต่น้อย เป็นเพียงความรู้สึกที่อาจเรียกได้ว่า อิจฉาล้วนๆอย่างไม่มีสิ่งใดอื่นมาเจือปน


     

     

    อิจฉาแต่ก็มีความสุขที่เห็นรุ่นพี่ทั้งสองคนมีความรักให้แก่กันและกัน

     

    เราจะมีโอกาสเป็นแบบนั้นได้บ้างรึเปล่านะจุนซูเอ๊ะ?

     


     

    ความคิดภายในสมองของร่างโปร่งหยุดเพียงแค่นั้น เมื่อจู่ๆชื่อของเจ้าของใบหน้าหวานน่ารักที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์สดใสก็แวบเข้ามาจนตั้งตัวไม่ติด คิ้วเรียวเข้มของยูชอนขมวดเข้าหากันน้อยๆในขณะที่รับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นไปในจังหวะที่เปลี่ยนไป


     

     

    ตึกตึกตึกตึกตึกตึก


     

     

    ทำไมทำไมเมื่อกี้เราถึงคิดถึงแต่จุนซู?

     

    จะเป็นไปได้ยังไง


     

     

    ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างช้าๆ ภาพในสมองมีแต่ร่างเล็กๆขาวนวลอมชมพูของเจ้าโลมาน้อยลอยอยู่เต็มไปหมด ทั้งใบหน้าที่มักจะยิ้มแย้มสดใสอยู่เป็นนิจ ยามที่ใบหน้าหวานนั้นตกอยู่ในห้วงนิทรา เวลาที่พองลมที่แก้มใสจนป่องออก เวลาที่แววตาเรียวรีคู่สวยนั้นเต็มไปด้วยแววอ่อนโยน หน้าตาใสซื่อบ้องแบ๊วที่เจ้าตัวชอบทำออกมาได้อย่างน่ารักน่าชังโดยที่ไม่รู้ตัว


     

     

    หรือแม้กระทั่งในตอนที่ดวงหน้าหวานนั้น มีน้ำตา’…



     

     

    ตึกตึกตึกตึกตึกตึก

     


     

    เต็มไปหมดเลยจุนซู ในหัวฉันมีแต่หน้านาย

     

    นี่ฉันรักนายเข้าแล้วจริงๆใช่มั้ย?


     

     

    ความรู้สึกที่มีตอนนี้แม้จะชัดเจนจนเรียกได้ว่ามั่นใจทว่าก็คลุมเครือเพราะความอ่อนไหวเสียเหลือเกิน หากเขาจะพูดว่าตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรกับรุ่นพี่หน้าสวยเลยก็ดูจะเกินจริงไป แต่ก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆความรู้สึกที่มีต่อคิม แจจุงถึงได้กลับกลายจากความรักเป็นความผูกพันฉันท์พี่น้องธรรมดาไปเสียได้


     

     

    เขาต้องจัดการความรู้สึกของตนเองให้มันชัดเจนมากกว่านี้ใช่ไหม?

     

    เขาต้องบอกทุกอย่างกับพี่แจจุง!

     


     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     

     

    การถ่ายรายการสามรายการรวดดำเนินจบไปได้ด้วยดีทว่าก็กินเวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะสามทุ่มอยู่แล้ว น้องชายคนสุดท้องของทงบังชินกิกำลังคว้าขนมปังก้อนโตเข้าปากในขณะที่รอพวกพี่ๆเดินออกจากห้องแต่งตัวไปพร้อมๆกัน


     

     

    ครืดดด~


     

     

    แรงสั่นสะเทือนที่มาจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กในกระเป๋ากางเกงทำให้ชางมินขมวดคิ้วเล็กน้อย มือหนาค่อยๆล้วงหยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะพบว่ามีข้อความเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก


     

     

    [เจ้าโย่ง! แบร่~]

     


     

    ประโยคสั้นๆที่ทำให้ร่างสูงต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นรูปอีโมชั่นรูปคนแลบลิ้นหน้าตากวนอวัยวะที่ใช้เดินเสียเหลือเกิน เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆในลำคอเมื่อคนที่จะส่งประโยคอะไรพวกนี้ให้เขาด้วยเบอร์ที่ไม่รู้จักแบบนี้ก็คงเดาได้ไม่ยากนักหรอก

     

    ทันทีที่กำลังจะเก็บเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กเข้ากระเป๋าดังเดิม สายตาคมก็เหลือบเห็นแถบสกรอบาร์ที่ปรากฏอยู่ข้างๆข้อความเสียก่อน ชางมินขมวดคิ้วเป็นครั้งที่สาม ก่อนที่จะกดปุ่มลูกศรเพื่อเลื่อนลงประมาณเกือบสิบบรรทัดถึงจะเห็นประโยคสุดท้ายของข้อความนั้น

     


     

    ประโยคที่ทำให้เจ้าของใบหน้าคมคายหล่อเหลาเผลอระบายรอยยิ้มออกมาเสียกว้าง

     


    .

    .

    .

     

    […รีบกลับมาเร็วๆหน่อยสิ…]

     

     


    …………...

     


     

    เป็นอะไรไปน่ะชางมิน ดูอารมณ์ดีจังเลยนะ

     

    เสียงทุ้มของยุนโฮที่นั่งเบาะหน้าคู่กับคนรักหน้าหวานบนรถตู้เพื่อเตรียมกลับที่พักเอ่ยถามขึ้นพร้อมๆกับหันหน้ามาทางน้องชายตัวสูงที่นั่งอยู่เบาะหลังตรงกลางเช่นเคย จุนซู แจจุง และยูชอนปรายสายตามองมาที่ชางมินอย่างสงสัยเช่นกัน

     

    นั่นสิ แอบยิ้มเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกทีแล้วคิม แจจุงได้ทีจิกกัดเข้าให้

     

    ไม่มีอะไรสักหน่อยนี่ ผมก็แค่ดีใจที่จะได้กลับบ้านซะทีเท่านั้นเอง

     

    ไหล่กว้างยักขึ้นเล็กน้อยทว่าใบหน้าคมที่ดูจะผิดแปลกไปจากเดิมก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของรุ่นพี่คนอื่นที่เปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกันได้อยู่ดี ยุนโฮและแจจุงมองหน้ากันก่อนที่จะส่ายหน้ายิ้มๆแล้วหันกลับไป จุนซูหัวเราะคิกคักก่อนที่จะใช้ศอกเล็กกระทุ้งสีข้างของน้องชายที่นั่งข้างๆก่อนที่จะกระซิบแผ่วเบา

     

    เมื่อกี้เห็นน้า~”

     

    “…เห็น?...เห็นอะไรของพี่เล่า

     

    ยิ่งเสียงทุ้มพยายามกลบเกลื่อนให้เห็นมากแค่ไหน จุนซูก็เผยรอยยิ้มน่ารักพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆมากขึ้น ตอนนั้นเป็นจังหวะพอดีกับที่เขาปรายสายตามองไปที่ชางมินพอดิบพอดี จึงได้เห็นช็อตเด็ดที่พ่อคนหน้าตายยิ้มกว้างหน้าบานเป็นจานดาวเทียมในขณะที่จดจ้องกับเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กนั่น

     

    ดีจังเลยน้า~อิยะฮะฮะ

     

    พี่จุนซู เงียบเดี๋ยวนี้นะฮะ!”

     

    ชางมินหลีกเลี่ยงการออกเสียงเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของรุ่นพี่คนอื่นในรถด้วยการใช้ภาษาปากเอ่ยกับเจ้าตัวเล็กที่ยังยิ้มออกมาอย่างรู้ทันไม่เลิกซะจนอดที่จะรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าไม่ได้

     

    เขินล่ะสิ~อิยะฮะฮะ ไม่ล้อแล้วก็ได้ นายเองก็มีมุมน่ารักเหมือนกันน้า~นึกว่าจะทำหน้าแก่เป็นอย่างเดียว อิยะฮะฮะ~”

     

    เสียงแหบหวานที่เอ่ยออกมาเบากว่าเสียงกระซิบแต่ชางมินก็สามารถรับรู้ทุกถ้อยคำได้อย่างชัดเจนช่างชวนให้อยากจะกลั่นแกล้งพี่ชายตัวเล็กนี่ไม่ได้จริงๆ ก็เล่นทำตัวซะน่ารักน่าชังขนาดนี้แล้ว อยากจะแกล้งทำเข้มขรึมอย่างไม่พอใจให้ร่างเล็กๆทำหน้ายู่เสียหน่อยแต่ก็ทำไม่ลง


     

     

    ท่าทีที่กำลังหยอกล้อกันตามประสาคู่กัดคู่ฮากลับไม่ต่างอะไรจากการหยอกเย้าของคู่รักในสายตาของใครบางคน

     


     

    ใครจะเหมือนนายล่ะจุนซู

     

    ริมฝีปากไปไวกว่าความคิด ด้วยความที่อยากจะมีส่วนร่วม(?)และแทรกเข้าไปในกลางบทสนทนาที่ น่าหมั่นไส้ในความรู้สึกของตนเองนั้นทำให้คนตัวเล็กที่ถูกเอ่ยถึงหันมาค้อนขวับก่อนที่จะเอ่ยเสียงสะบัดอย่างแง่งอนในที

     

    พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงน่ะยูชอน!”

     

    ก็หมายความว่าอย่างนั้นน่ะแหละ

     

    แอบร้องไชโยในใจเมื่อสายตาเรียวรีของคนร่างเล็กที่เขาพยายามจะเรียกร้องความสนใจปรายมองจ้องมาที่เขา แม้ว่าเจ้าของดวงหน้าหวานนั้นจะกำลังทำหน้ามู่ทู่อย่างไม่พอใจก็ตามที ไม่รู้ทำไมตนเองถึงอยากจะยิ้มขำออกมาเพราะความน่ารักนั้น

     

    ง่วงชะมัดเลยอ่ะ…”

     

    เสียงทุ้มต่ำของชางมินทำให้ความสนใจของโลมาน้อยเบนกลับไปที่น้องสุดท้องอีกครั้งหนึ่งจนยูชอนเผลอขมวดคิ้ว สายตาคมปรายมองใบหน้าคมของน้องชายร่างสูงที่ปิดปากหาววอดใหญ่

     

    เมื่อคืนนายนอนอ่านหนังสือดึกอีกแล้วรึไง? สงสารยูฮวานบ้างเถอะน่า

     

    ต่อให้ผมเล่นกลองชุดในห้อง เจ้านั่นก็ยังหลับได้เลยล่ะมั้งพี่จุนซู

     

    นายนี่น้า…” จุนซูถอนหายใจแผ่วเบา

     

    ช่างเถอะพี่อีกตั้งชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ขอยืมไหล่ก่อนก็แล้วกันนะฮะ..”

     

    ไม่พูดเปล่า ทันทีที่สิ้นเสียงทุ้มต่ำของตนเอง ชางมินก็ค่อยๆวางศีรษะลงบนไหล่เล็กของจุนซูที่แม้ในคราแรกจะอยากแกล้งน้องชายให้ไม่ได้หลับเสียให้เข็ด แต่พอเห็นร่องรอยสีคล้ำที่ใต้ดวงตาของชางมินแล้วก็ยอมนั่งนิ่งสละไหล่เล็กของตนเองให้เป็นหมอนแต่โดยดี โดยที่มีร่างโปร่งของยูชอนจ้องตาไม่กระพริบ


     

     

    นี่เขาไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าเมื่อกี้เจ้าชางมินยักคิ้วกวนๆส่งมาให้เขา!

     

    นายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ชางมิน?


     

     

    “…จุนซู! ฉันปวดหัวอ่ะ!”

     

    ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ปากเจ้ากรรมโพล่งออกไปแบบนั้น ทำให้สมาชิกอีกสามคนแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ เว้นก็แต่จุนซูที่กำลังสละไหล่เป็นที่อิงศีรษะให้น้องคนเล็กที่หันมามอง คนเรียกร้องความสนใจก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอย่างที่เคยทำ

     

    ปวดหัวอีกแล้วเหรอยูชอนไม่สบายรึเปล่าน่ะ?

     

    ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนตัวเล็กจะต้องพูดคำว่า อีกแล้วเหรอเพราะตลอดวันทั้งวันของการเดินทางไปอัดรายการสามรายการรวดนี้ มีประโยคของคำว่า ปวดหัวออกมาจากริมฝีปากอิ่มของปาร์ค ยูชอนออกมาให้ฟังร่วมสิบครั้งเห็นจะได้!

     

     แต่จุนซูก็ยังคงเป็นจุนซู อาการที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจนทุกครั้งที่ร่างโปร่งเอ่ยออกมาว่าไม่สบายกายหรือไม่สบายใจนั้นทำให้หัวใจของยูชอนเต้นผิดจังหวะขึ้นมาได้บ้าง อย่างน้อยที่สุดคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ริมกระจกฝั่งขวามือก็ยังสนใจเขาบ้าง ยูชอนรีบเอ่ยต่อทันทีด้วยน้ำเสียงแผ่วๆที่ติดจะออดอ้อนอยู่ไม่น้อยเลย

     

    ไม่รู้สิจุนซูปวดหัวจังเลยอา…”

     

    ยูชอนก็นอนสิพิงไหล่ชางมินก็ได้ หัวจะได้ไม่กระแทกกับกระจกรถอีกไง

     

    คำตอบด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยและหวังดีที่เอ่ยมาจากริมฝีปากบางๆของจุนซูนั้นทำให้ยูชอนได้แต่แอบทำปากยู่อย่างไม่พึงใจเท่าใดนัก

     


     

    ฉันอยากนอนซบไหล่นายต่างหากเล่า เข้าใจไหม!?


     

     

    ไม่เอาด้วยหรอกฮะ…” น้องคนเล็กผละจากไหล่บางๆของพี่ชายเคียงข้างพร้อมทำลอยหน้าลอยตาอย่างจงใจ

     

    ผมไม่ให้ทั้งสองอย่างเลย


     

     

    ป๊าดดดด!

     


     

    สองพี่ใหญ่ที่นั่งเบาะหน้าด้วยกันถึงกับร้องในใจเมื่อเห็นว่าชางมินดูจะเอาจริงเอาจังและเล่นแผนการได้แนบเนียนเสียจนอยากจะยกรางวัลนักแสดงชายดีเด่นให้เหลือเกิน ครั้นจะขอหันไปดูสีหน้าของคนถูกแกล้งเสียหน่อยก็เกรงว่าจะไม่เนียนเท่าที่ควร จึงได้แต่เหลือบๆมองยูชอนที่ดูจะอึ้งไป สีหน้ายกยิ้มกริ่มของชางมิน และสีหน้างงๆของจุนซูเพียงเท่านั้น

     

    สองอย่าง? สองอย่างอะไรของนายน่ะชางมิน แล้วนี่ก็ให้ยูชอนพิงไหล่บ้างสิ ฉันยังให้นายพิงเลยนะ!”

     

     

    ถ้าพี่ยูชอนอยากจะพิงไหล่ของผมล่ะก็นะ

     

    เฮ้อ~ ซื่อบื้อจริงๆเลยนะพี่จุนซู


     

     

    จุนซูอา~ ฉันอยากนั่งข้างๆนายอ่ะ

     

    เสียงทุ้มพร่าเอ่ยอ้อนเพื่อนรักจนชางมินเกือบเผลอที่จะหลุดหัวเราะออกไป สีหน้าที่พี่ชายร่างโปร่งเคียงข้างตอนนี้กำลังทำอยู่มันไม่ได้น่ารักเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นเลยแม้แต่น้อยในสายตาของเขา

     

     

    แต่อาจจะไม่ใช่ในสายตาของใคร บางคน


     

    แต่ว่าผมก็อยากนั่งข้างๆพี่จุนซูเหมือนกันนี่


     

     

    บ๊ะ! ไอ้นี่


     

     

    ยูชอนถึงกับขมวดคิ้วให้กับท่าทีของน้องชายตัวเองที่ช่างดูเหมือนจะ จงใจกวนเขาเสียเหลือเกิน ไหนจะมาจับมือคนตัวเล็กของเขาไว้อีกแน่ะ นี่เจ้าเด็กตัวสูงนี่มันต้องการอะไรกันแน่เนี่ย!

     


     

    เอ๊ะ…‘ของเขางั้นเหรอ?

    นี่เขาเรียกจุนซูว่าเป็น ของเขา อย่างนั้นได้ยังไงกัน

     


     

    ใบหน้าคมคายของปาร์ค ยูชอนดูจะนิ่งไปในทันทีเมื่อกลับไปทบทวนความคิดของตนเองเมื่อครู่ ในขณะที่จุนซูกำลังทำหน้าคิดหนักเรื่องที่จะต้องเป็น หมอนให้กับสมาชิกในวงทั้งสองคน เพราะคนหนึ่งก็เป็นเจ้าน้องชายตัวแสบ อีกคนหนึ่งก็เป็นเพื่อนสนิท


     

     

    แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่


     



     

    งั้นฉันจะนั่งตรงกลางก็ได้นะ




     

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++



    To Be Continued...




    Chapter.22

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×