คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : - Ankylose - Chapter.22
TALK ::
มาอัพอีกแล้วค่า^^~
แหะๆ มีคนถามถึงว่าใกล้จบแล้วเหรอ
คิดว่าน่าจะประมาณตอนที่ 34 ก็น่าจะจบนะคะ แต่ก็จะมีบทส่งท้ายให้อีกค่ะ^^
ส่วนตอนพิเศษ...คิดว่าน่าจะมี 3 ตอน ของ 3 คู่...จะอยู่ในรวมเล่มนะคะ^^
(เผลอๆอาจจะมียูซูเพิ่มอีกตอนเป็น 4 ตอนด้วย แฮ่ๆ)
ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ^^ ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์มากๆค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ~
“เมื่อกี้เจ้ายูชอนมันทำอะไรของมัน”
ยุนโฮที่ยืนมองอยู่ไกลๆอยู่อีกด้านนึงของห้องกว้างกับคนรักหน้าหวานเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่น้องชายของเขากำลังทำอยู่ ทั้งทีท่าของชางมิน จุนซูและยูชอน แม้จะไม่ได้ยินประโยคของบทสนทนาหรือไม่เห็นสีหน้าของทั้งสามได้ชัดเจนนัก แต่ก็พอจะเอาออกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างตามประสารุ่นพี่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
“ชางมินนะชางมิน ไปขัดแบบนั้นได้ยังไง!”
แจจุงทำหน้ายู่หลังจากที่ชางมินพาจุนซูออกไปจากห้องแต่งตัวโดยทิ้งให้น้องชายเสียงพร่ายืนนิ่งอึ้งอยู่ลำพัง ใบหน้าคมคายนั้นหม่นแสงลงทั้งแลดูสับสนจนน่าสงสาร เมื่อความจริงที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยนั้นยังคงเป็นปริศนาที่เจ้าตัวไม่มีวันได้รับรู้ถึงมันเสียที
“ไปขัดน่ะดีแล้ว เมื่อจุนซูจะร้องไห้อยู่แล้วนะ ให้ตายสิเจ้ายูชอน ทำไมไม่รู้จักพูดตรงๆ เอาแต่ทำตัวคลุมเครือแบบนี้ จะได้เค้ามาเร้อ
”
เสียงของร่างสูงที่บ่นเหมือนหมีกินผึ้งทำเอาแจจุงอดที่จะหันไปค้อนเล็กน้อยให้ไม่ได้ ยุนโฮที่เห็นคนรักกระชับมือที่แอบจับกันแน่นและดวงตากลมโตที่จ้องมายังตนเองไม่กระพริบแล้วก็ได้แต่อมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มอบอุ่น
“เป็นอะไรไปหือ?”
“นี่ถ้าแจเป็นคนอื่นล่ะก็
คงคิดว่ายุนหลงรักจุนซูไปแล้วล่ะ
”
เสียงหวานเอ่ยแผ่วติดจะแง่งอนอยู่ในทีนั้นน่ารักเสียจนยุนโฮคลี่ยิ้มออกมากว้างๆ ในใจนึกอยากจะหอมแก้มใสๆของคนรักสักฟอดสองฟอด หากไม่ติดว่ามีเหล่าทีมงานเดินว่อนกันให้ทั่วห้องจนเกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นแบบนี้ล่ะก็คงจะได้ทำสมใจ
สิ่งที่ทำจึงเป็นเพียงแค่การกระชับมือบางนั้นให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ถ่ายทอดความอบอุ่นและความรักผ่านเรียวนิ้วและฝ่ามือที่สัมผัสกันอย่างแนบชิด น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นเอ่ยเสียงเบาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งผ่านไปให้แจจุงต้องก้มหน้างุดด้วยความขัดเขิน
“แต่เพราะนี่เป็นแจไง
ยุนถึงรู้ว่าไม่มีทางที่แจจะคิดแบบนั้น”
ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อให้พอเห็นจางๆจนร่างสูงยิ้มออกมาน้อยๆ ดวงตากลมโตของคนร่างบางค่อยๆปรายขึ้นมองคนรักก่อนที่จะพูดเสียงอุบอิบอย่างลองเชิง
“
แล้ว
ถ้าเกิดแจคิดขึ้นมาล่ะ?”
“ถึงตอนนั้นยุนก็จะให้แจมองตายุน
แจจะได้รู้ว่าคนที่ยุนรักมีแค่แจคนเดียวไง
”
สายตาคมฉายแววกรุ้มกริ่มเพทุบายจนร่างบางต้องหลบสายตาวิบวับนั้นของชายคนรัก มือบางหยิกเบาๆที่มือหนาแก้เขินในที
“
ทำมาเป็นปากหวาน”
“ก็กับแจคนเดียวแหละ~”
ภาพของพี่ใหญ่สองคนในวงที่ยืนคุยกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนมนั้นคงมีแต่คนภายในวงเท่านั้นที่จะรับรู้ว่ามีความรู้สึกของความรักมากมายแผ่กระจายอยู่รอบข้างทั้งสองด้วย ยูชอนที่ยังคงยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องที่เดิมจดจ้องมองร่างบางที่ตนเองเคยคิดว่าหลงรักอยู่เคียงข้างยุนโฮซึ่งกำลังคลี่ยิ้มให้อย่างอบอุ่น รู้สึกแปลกใจตนเองอย่างมากที่สุดจนต้องเผลอเลื่อนมือหนาของตนเองไปจับที่หน้าอกด้านซ้ายอย่างช้าๆ รับฟังถึงเสียงของใจตนเองที่เต้นเป็นจังหวะเนิบนาบราวกับต้องการจะบอกอะไรสักอย่างกับเขาอย่างไรอย่างนั้น
ไม่เจ็บเลย
ทำไมกันนะ
?
ความรู้สึกเจ็บปวดที่เคยได้รับมาทุกครั้งที่เห็นคนที่หลงรักเป็นของใครอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง บัดนี้กลับไม่รู้สึกถึงมันเลยแม้แต่น้อย เป็นเพียงความรู้สึกที่อาจเรียกได้ว่า ‘อิจฉา’ ล้วนๆอย่างไม่มีสิ่งใดอื่นมาเจือปน
อิจฉา
แต่ก็มีความสุขที่เห็นรุ่นพี่ทั้งสองคนมีความรักให้แก่กันและกัน
เราจะมีโอกาสเป็นแบบนั้นได้บ้างรึเปล่านะจุนซู
เอ๊ะ?
ความคิดภายในสมองของร่างโปร่งหยุดเพียงแค่นั้น เมื่อจู่ๆชื่อของเจ้าของใบหน้าหวานน่ารักที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์สดใสก็แวบเข้ามาจนตั้งตัวไม่ติด คิ้วเรียวเข้มของยูชอนขมวดเข้าหากันน้อยๆในขณะที่รับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นไปในจังหวะที่เปลี่ยนไป
ตึกตึก
ตึกตึก
ตึกตึก
ทำไม
ทำไมเมื่อกี้เราถึงคิดถึงแต่จุนซู?
จะเป็นไปได้ยังไง
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างช้าๆ ภาพในสมองมีแต่ร่างเล็กๆขาวนวลอมชมพูของเจ้าโลมาน้อยลอยอยู่เต็มไปหมด ทั้งใบหน้าที่มักจะยิ้มแย้มสดใสอยู่เป็นนิจ ยามที่ใบหน้าหวานนั้นตกอยู่ในห้วงนิทรา เวลาที่พองลมที่แก้มใสจนป่องออก เวลาที่แววตาเรียวรีคู่สวยนั้นเต็มไปด้วยแววอ่อนโยน หน้าตาใสซื่อบ้องแบ๊วที่เจ้าตัวชอบทำออกมาได้อย่างน่ารักน่าชังโดยที่ไม่รู้ตัว
หรือแม้กระทั่ง
ในตอนที่ดวงหน้าหวานนั้น ‘มีน้ำตา’
ตึกตึก
ตึกตึก
ตึกตึก
เต็มไปหมดเลยจุนซู ในหัวฉันมีแต่หน้านาย
นี่ฉัน
รักนายเข้าแล้วจริงๆใช่มั้ย?
ความรู้สึกที่มีตอนนี้แม้จะชัดเจนจนเรียกได้ว่ามั่นใจทว่าก็คลุมเครือเพราะความอ่อนไหวเสียเหลือเกิน หากเขาจะพูดว่าตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรกับรุ่นพี่หน้าสวยเลยก็ดูจะเกินจริงไป แต่ก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆความรู้สึกที่มีต่อคิม แจจุงถึงได้กลับกลายจากความรักเป็นความผูกพันฉันท์พี่น้องธรรมดาไปเสียได้
เขาต้องจัดการความรู้สึกของตนเองให้มันชัดเจนมากกว่านี้ใช่ไหม?
เขาต้องบอกทุกอย่างกับพี่แจจุง!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การถ่ายรายการสามรายการรวดดำเนินจบไปได้ด้วยดีทว่าก็กินเวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะสามทุ่มอยู่แล้ว น้องชายคนสุดท้องของทงบังชินกิกำลังคว้าขนมปังก้อนโตเข้าปากในขณะที่รอพวกพี่ๆเดินออกจากห้องแต่งตัวไปพร้อมๆกัน
ครืดดด~
แรงสั่นสะเทือนที่มาจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กในกระเป๋ากางเกงทำให้ชางมินขมวดคิ้วเล็กน้อย มือหนาค่อยๆล้วงหยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะพบว่ามีข้อความเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก
[เจ้าโย่ง! แบร่~]
ประโยคสั้นๆที่ทำให้ร่างสูงต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นรูปอีโมชั่นรูปคนแลบลิ้นหน้าตากวนอวัยวะที่ใช้เดินเสียเหลือเกิน เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆในลำคอเมื่อคนที่จะส่งประโยคอะไรพวกนี้ให้เขาด้วยเบอร์ที่ไม่รู้จักแบบนี้ก็คงเดาได้ไม่ยากนักหรอก
ทันทีที่กำลังจะเก็บเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กเข้ากระเป๋าดังเดิม สายตาคมก็เหลือบเห็นแถบสกรอบาร์ที่ปรากฏอยู่ข้างๆข้อความเสียก่อน ชางมินขมวดคิ้วเป็นครั้งที่สาม ก่อนที่จะกดปุ่มลูกศรเพื่อเลื่อนลงประมาณเกือบสิบบรรทัดถึงจะเห็นประโยคสุดท้ายของข้อความนั้น
ประโยคที่ทำให้เจ้าของใบหน้าคมคายหล่อเหลาเผลอระบายรอยยิ้มออกมาเสียกว้าง
.
.
.
[
รีบกลับมาเร็วๆหน่อยสิ
]
...
“เป็นอะไรไปน่ะชางมิน ดูอารมณ์ดีจังเลยนะ”
เสียงทุ้มของยุนโฮที่นั่งเบาะหน้าคู่กับคนรักหน้าหวานบนรถตู้เพื่อเตรียมกลับที่พักเอ่ยถามขึ้นพร้อมๆกับหันหน้ามาทางน้องชายตัวสูงที่นั่งอยู่เบาะหลังตรงกลางเช่นเคย จุนซู แจจุง และยูชอนปรายสายตามองมาที่ชางมินอย่างสงสัยเช่นกัน
“นั่นสิ แอบยิ้มเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกทีแล้ว” คิม แจจุงได้ทีจิกกัดเข้าให้
“ไม่มีอะไรสักหน่อยนี่ ผมก็แค่ดีใจที่จะได้กลับบ้านซะทีเท่านั้นเอง”
ไหล่กว้างยักขึ้นเล็กน้อยทว่าใบหน้าคมที่ดูจะผิดแปลกไปจากเดิมก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของรุ่นพี่คนอื่นที่เปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกันได้อยู่ดี ยุนโฮและแจจุงมองหน้ากันก่อนที่จะส่ายหน้ายิ้มๆแล้วหันกลับไป จุนซูหัวเราะคิกคักก่อนที่จะใช้ศอกเล็กกระทุ้งสีข้างของน้องชายที่นั่งข้างๆก่อนที่จะกระซิบแผ่วเบา
“เมื่อกี้เห็นน้า~”
“
เห็น?...เห็นอะไรของพี่เล่า”
ยิ่งเสียงทุ้มพยายามกลบเกลื่อนให้เห็นมากแค่ไหน จุนซูก็เผยรอยยิ้มน่ารักพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆมากขึ้น ตอนนั้นเป็นจังหวะพอดีกับที่เขาปรายสายตามองไปที่ชางมินพอดิบพอดี จึงได้เห็นช็อตเด็ดที่พ่อคนหน้าตายยิ้มกว้างหน้าบานเป็นจานดาวเทียมในขณะที่จดจ้องกับเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กนั่น
“ดีจังเลยน้า~อิยะฮะฮะ”
“พี่จุนซู เงียบเดี๋ยวนี้นะฮะ!”
ชางมินหลีกเลี่ยงการออกเสียงเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของรุ่นพี่คนอื่นในรถด้วยการใช้ภาษาปากเอ่ยกับเจ้าตัวเล็กที่ยังยิ้มออกมาอย่างรู้ทันไม่เลิกซะจนอดที่จะรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าไม่ได้
“เขินล่ะสิ~อิยะฮะฮะ ไม่ล้อแล้วก็ได้ นายเองก็มีมุมน่ารักเหมือนกันน้า~นึกว่าจะทำหน้าแก่เป็นอย่างเดียว อิยะฮะฮะ~”
เสียงแหบหวานที่เอ่ยออกมาเบากว่าเสียงกระซิบแต่ชางมินก็สามารถรับรู้ทุกถ้อยคำได้อย่างชัดเจนช่างชวนให้อยากจะกลั่นแกล้งพี่ชายตัวเล็กนี่ไม่ได้จริงๆ ก็เล่นทำตัวซะน่ารักน่าชังขนาดนี้แล้ว อยากจะแกล้งทำเข้มขรึมอย่างไม่พอใจให้ร่างเล็กๆทำหน้ายู่เสียหน่อยแต่ก็ทำไม่ลง
ท่าทีที่กำลังหยอกล้อกันตามประสาคู่กัดคู่ฮา
กลับไม่ต่างอะไรจากการหยอกเย้าของคู่รักในสายตาของใครบางคน
“ใครจะเหมือนนายล่ะจุนซู”
ริมฝีปากไปไวกว่าความคิด ด้วยความที่อยากจะมีส่วนร่วม(?)และแทรกเข้าไปในกลางบทสนทนาที่ ‘น่าหมั่นไส้’ ในความรู้สึกของตนเองนั้นทำให้คนตัวเล็กที่ถูกเอ่ยถึงหันมาค้อนขวับก่อนที่จะเอ่ยเสียงสะบัดอย่างแง่งอนในที
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงน่ะยูชอน!”
“ก็หมายความว่าอย่างนั้นน่ะแหละ”
แอบร้องไชโยในใจเมื่อสายตาเรียวรีของคนร่างเล็กที่เขาพยายามจะ ‘เรียกร้องความสนใจ’ ปรายมองจ้องมาที่เขา แม้ว่าเจ้าของดวงหน้าหวานนั้นจะกำลังทำหน้ามู่ทู่อย่างไม่พอใจก็ตามที ไม่รู้ทำไมตนเองถึงอยากจะยิ้มขำออกมาเพราะความน่ารักนั้น
“ง่วงชะมัดเลยอ่ะ
”
เสียงทุ้มต่ำของชางมินทำให้ความสนใจของโลมาน้อยเบนกลับไปที่น้องสุดท้องอีกครั้งหนึ่งจนยูชอนเผลอขมวดคิ้ว สายตาคมปรายมองใบหน้าคมของน้องชายร่างสูงที่ปิดปากหาววอดใหญ่
“เมื่อคืนนายนอนอ่านหนังสือดึกอีกแล้วรึไง? สงสารยูฮวานบ้างเถอะน่า”
“ต่อให้ผมเล่นกลองชุดในห้อง เจ้านั่นก็ยังหลับได้เลยล่ะมั้งพี่จุนซู”
“นายนี่น้า
” จุนซูถอนหายใจแผ่วเบา
“ช่างเถอะพี่
อีกตั้งชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ขอยืมไหล่ก่อนก็แล้วกันนะฮะ..”
ไม่พูดเปล่า ทันทีที่สิ้นเสียงทุ้มต่ำของตนเอง ชางมินก็ค่อยๆวางศีรษะลงบนไหล่เล็กของจุนซูที่แม้ในคราแรกจะอยากแกล้งน้องชายให้ไม่ได้หลับเสียให้เข็ด แต่พอเห็นร่องรอยสีคล้ำที่ใต้ดวงตาของชางมินแล้วก็ยอมนั่งนิ่งสละไหล่เล็กของตนเองให้เป็นหมอนแต่โดยดี โดยที่มีร่างโปร่งของยูชอนจ้องตาไม่กระพริบ
นี่เขาไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าเมื่อกี้เจ้าชางมินยักคิ้วกวนๆส่งมาให้เขา!
นายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ชางมิน?
“
จุนซู! ฉ
ฉันปวดหัวอ่ะ!”
ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ปากเจ้ากรรมโพล่งออกไปแบบนั้น ทำให้สมาชิกอีกสามคนแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ เว้นก็แต่จุนซูที่กำลังสละไหล่เป็นที่อิงศีรษะให้น้องคนเล็กที่หันมามอง ‘คนเรียกร้องความสนใจ’ ก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอย่างที่เคยทำ
“ปวดหัวอีกแล้วเหรอยูชอน
ไม่สบายรึเปล่าน่ะ
?”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนตัวเล็กจะต้องพูดคำว่า ‘อีกแล้วเหรอ’ เพราะตลอดวันทั้งวันของการเดินทางไปอัดรายการสามรายการรวดนี้ มีประโยคของคำว่า ‘ปวดหัว’ ออกมาจากริมฝีปากอิ่มของปาร์ค ยูชอนออกมาให้ฟังร่วมสิบครั้งเห็นจะได้!
แต่จุนซูก็ยังคงเป็นจุนซู อาการที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจนทุกครั้งที่ร่างโปร่งเอ่ยออกมาว่าไม่สบายกายหรือไม่สบายใจนั้นทำให้หัวใจของยูชอนเต้นผิดจังหวะขึ้นมาได้บ้าง อย่างน้อยที่สุดคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ริมกระจกฝั่งขวามือก็ยังสนใจเขาบ้าง ยูชอนรีบเอ่ยต่อทันทีด้วยน้ำเสียงแผ่วๆที่ติดจะออดอ้อนอยู่ไม่น้อยเลย
“ไม่รู้สิจุนซู
ปวดหัวจังเลยอา
”
“ยูชอนก็นอนสิ
พิงไหล่ชางมินก็ได้ หัวจะได้ไม่กระแทกกับกระจกรถอีกไง”
คำตอบด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยและหวังดีที่เอ่ยมาจากริมฝีปากบางๆของจุนซูนั้นทำให้ยูชอนได้แต่แอบทำปากยู่อย่างไม่พึงใจเท่าใดนัก
ฉันอยากนอนซบไหล่นาย
“ไม่เอาด้วยหรอกฮะ
” น้องคนเล็กผละจากไหล่บางๆของพี่ชายเคียงข้างพร้อมทำลอยหน้าลอยตาอย่างจงใจ
“ผมไม่ให้ทั้งสองอย่างเลย”
ป๊าดดดด!
สองพี่ใหญ่ที่นั่งเบาะหน้าด้วยกันถึงกับร้องในใจเมื่อเห็นว่าชางมินดูจะเอาจริงเอาจังและเล่นแผนการได้แนบเนียนเสียจนอยากจะยกรางวัลนักแสดงชายดีเด่นให้เหลือเกิน ครั้นจะขอหันไปดูสีหน้าของคนถูกแกล้งเสียหน่อยก็เกรงว่าจะไม่เนียนเท่าที่ควร จึงได้แต่เหลือบๆมองยูชอนที่ดูจะอึ้งไป สีหน้ายกยิ้มกริ่มของชางมิน และสีหน้างงๆของจุนซูเพียงเท่านั้น
“สองอย่าง
? สองอย่างอะไรของนายน่ะชางมิน แล้วนี่ก็ให้ยูชอนพิงไหล่บ้างสิ ฉันยังให้นายพิงเลยนะ!”
ถ้าพี่ยูชอนอยากจะพิงไหล่ของผมล่ะก็นะ
เฮ้อ~ ซื่อบื้อจริงๆเลยนะพี่จุนซู
“จุนซูอา~ ฉันอยากนั่งข้างๆนายอ่ะ”
เสียงทุ้มพร่าเอ่ยอ้อนเพื่อนรักจนชางมินเกือบเผลอที่จะหลุดหัวเราะออกไป สีหน้าที่พี่ชายร่างโปร่งเคียงข้างตอนนี้กำลังทำอยู่มันไม่ได้น่ารักเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นเลยแม้แต่น้อยในสายตาของเขา
แต่อาจจะไม่ใช่
ในสายตาของใคร ‘บางคน’
“แต่ว่าผมก็อยากนั่งข้างๆพี่จุนซูเหมือนกันนี่”
บ๊ะ! ไอ้นี่
ยูชอนถึงกับขมวดคิ้วให้กับท่าทีของน้องชายตัวเองที่ช่างดูเหมือนจะ ‘จงใจ’ กวนเขาเสียเหลือเกิน ไหนจะมาจับมือคนตัวเล็กของเขาไว้อีกแน่ะ นี่เจ้าเด็กตัวสูงนี่มันต้องการอะไรกันแน่เนี่ย!
เอ๊ะ
‘ของเขา’ งั้นเหรอ
?
นี่เขาเรียกจุนซูว่าเป็น ‘ของเขา’ อย่างนั้นได้ยังไงกัน
ใบหน้าคมคายของปาร์ค ยูชอนดูจะนิ่งไปในทันทีเมื่อกลับไปทบทวนความคิดของตนเองเมื่อครู่ ในขณะที่จุนซูกำลังทำหน้าคิดหนักเรื่องที่จะต้องเป็น ‘หมอน’ ให้กับสมาชิกในวงทั้งสองคน เพราะคนหนึ่งก็เป็นเจ้าน้องชายตัวแสบ อีกคนหนึ่งก็เป็น
เพื่อนสนิท
แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่
“งั้นฉันจะนั่งตรงกลางก็ได้นะ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
Chapter.22
ความคิดเห็น