ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ Fiction] - Ankylose - [YooSu,Yunjae,MinRic]

    ลำดับตอนที่ #8 : - Ankylose - Chapter.8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.95K
      4
      31 ธ.ค. 52

    TALK ::

    ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านักอ่านทุกท่านนะคะ^^~

    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากๆนะคะที่ติดตาม แฮ่ๆ^^ ดีใจที่ชอบกันค่ะ
    ช่วงนี้ไรเตอร์ได้หยุดย๊าวยาว~ แต่จะเปิดเรียนวันจันทร์นี้ เพราะงั้นช่วงนี้เลยเอามาลงให้ไวๆ
    จะได้ไม่ต้องรอนานกันนะคะ^^~

    คิดว่าอัพครั้งหน้า ไม่วันเสาร์ก็อาทิตย์ล่ะค่ะ แต่น่าจะเป็นเสาร์มากกว่า
    ยังไงก็ช่วยติดตามกันเหมือนเดิมนะคะ^^ ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์และกำลังใจนะคะ
    และขอบคุณนักอ่านทุกท่านเลยค่ะ









    Chapter.8

     

     

    ปาร์ค ยูชอนง่วนอยู่กับการทำข้าวต้มในครัวด้วยความคิดในสมองที่แล่นสลับไปสลับมาด้วยความสับสน ภาพของความฝันนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำไม่ยอมเลือนหายไปไหน


     

     

    ฝันที่เหมือนจริงเหมือนจริงมากเกินไป

    ความหอมหวานที่ได้สัมผัสนั้นเหมือนจะยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูก

     

    จุนซูทำไมฉันถึงฝันเห็นนาย

     

    เขาชอบแจจุงไม่ใช่หรือ? แล้วทำไม?

     


     

    กลับมาแล้ว~!”

     

    เสียงอันคุ้นเคยพร้อมกันสามเสียงทำให้ยูชอนไล่ความคิดแปลกๆที่วนเวียนอยู่ตั้งแต่ลืมตาตื่นออกไปได้จนหมด น้องคนเล็กเป็นคนแรกที่โผล่เข้ามาในห้องครัวราวกับรู้ว่ามีใครอยู่ในนั้น

     

    กลิ่นข้าว~พี่ยูชอนทำอะไรกินเหรอฮะ?

     

    สมกับเป็นชิม ชางมินที่มีสัมผัสการดมกลิ่นอาหารเป็นเลิศที่ถามได้อย่างตรงประเด็น สาเหตุที่รู้ว่ามีคนอยู่ที่ห้องครัวก็เป็นเพราะกลิ่นอาหารนี่เอง

     

    ข้าวต้มน่ะ พอดีว่าจุนซูไม่สบาย…”

     

    ไม่สบาย? แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าฮะ?

     

    น้ำเสียงร้อนรนของน้องชายตัวสูงทำให้ยูชอนเผลอขมวดคิ้วน้อยๆ ทว่าก่อนที่จะได้ตอบอะไร เสียงคุ้นเคยของพี่ชายหน้าสวยที่เดินมาที่ครัวพร้อมๆกับหัวหน้าวงก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

     

    ใครใครไม่สบาย?

     

    เอ้อจุนซูน่ะครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ตัวรุมๆ

     

    มานอนซมช่วงที่ได้หยุดพักแบบนี้โชคร้ายชะมัด แล้วนี่นายทำของกินไปให้จุนซูเหรอ?

     

    เจ้าของใบหน้าเล็กคมเข้มที่ยังคงโอบเอวแจจุงไม่เลิกเอ่ยถามและได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าจากน้องในวงที่หันไปสนใจหม้อข้าวต้มตรงหน้าต่อ

     

    ผมจะขึ้นไปดูพี่จุนซูหน่อยแล้วกันนะครับ เสียงน้องเล็กที่เอ่ยชื่อทำให้มือเรียวของยูชอนกระตุกเล็กน้อยแต่เจ้าของก็หลีกเลี่ยงที่จะสนใจมัน

     

    “…เดี๋ยวพวกฉันไปด้วย ยูชอน ฝากเรื่องข้าวของจุนซูด้วยแล้วกันนะแจจุงเอ่ยกับคนในครัวก่อนที่จะเตรียมเดินตามน้องคนเล็กไป

     

    ครับ

     


     

    …………….

     


     

    ยุนโฮ แจจุงและชางมินค่อยๆเปิดแง้มประตูห้องออกอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะเดินไปยังเตียงของคนไม่สบาย เจ้าของใบหน้ากลมสีระเรื่อหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงของนิทรา ผ้าพันคอสีเข้มที่พันอยู่รอบลำคอดูน่าอึดอัดนั้นทำให้แจจุงขมวดคิ้วน้อยๆ

     

    หลับอยู่เหรอเนี่ยแล้วผ้าพันคอพันไว้แบบนั้นใช้ได้ที่ไหนกัน เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกตายพอดี ชางมิน นายช่วยเบาแอร์หน่อยนะ

     

    น้องคนสุดท้องพยักหน้าหงึกก่อนที่จะเดินไปหารีโมทเครื่องปรับอากาศ ในขณะที่มือเรียวเล็กของพี่คนโตจะค่อยๆประคองท้ายทอยน้องชายหน้าหวานโดยที่มียุนโฮช่วยคลายผ้าพันคอสีเข้มนั้นออก

     

    ร่องรอยสีก่ำที่ปรากฏแม้จะเป็นรอยจางแต่ก็ตัดกับผิวขาวเด่นชัดทำให้แจจุงและยุนโฮถึงกับผงะ มือเรียวของแจจุงที่ประคองศีรษะของคนบนเตียงไว้เผลอปล่อยจนศีรษะกลมกระทบกับหมอน ส่งผลให้จุนซูขมวดคิ้วน้อยๆก่อนที่จะค่อยๆปรือตาขึ้น

     

    “…นี่มันอะไรกันน่ะ…”

     

    เสียงคุ้นเคยของพี่ชายทำให้จุนซูกระพริบตาถี่ๆเป็นจังหวะเดียวกับที่ชางมินเดินมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ดวงตาคู่คมของน้องคนเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจไม่แพ้กับพี่ชายอีกสองคนเลยสักนิด

     

    ร่างเล็กบนเตียงเอียงคออย่างงุนงงก่อนที่จะยิ้มจางๆพร้อมกับเสียงแหบหวานที่เอ่ยผะแผ่วพร้อมๆกับค่อยๆยันกายขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงด้วยท่าทางที่เหนื่อยอ่อน

     

    กลับมาแล้วเหรอฮะ? แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้----อ๊ะ!”

     

    ดวงตาใสแป๋วเรียวรีเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงความโล่งบริเวณลำคอ มือเล็กรีบฉวยผ้าพันคอให้พันปกปิดมิดชิดแทบจะในทันที

     


     

    แต่ก็คงไม่ทันเสียแล้ว


     


    จุนซู

     

    เสียงของยุนโฮที่เอ่ยเสียงเข้มทำให้ร่างเล็กสะดุ้งน้อยๆ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวยังไงดี

     

    คือว่าพี่ยุนโฮยุงมันกัดน่ะฮะ…”

     

    ยุงบ้านนายสิกัดแล้วเป็นรอยแบบนั้น พี่ไม่ได้โง่นะจุนซู ใครเป็นคนทำ?

     

    เสียงของคิม แจจุงที่เอ่ยขึ้นมาทำให้จุนซูก้มหน้างุดลงไปอีกครั้งหนึ่ง หยาดน้ำสีใสเริ่มระรื้นที่ดวงตาคู่สวยเมื่อความทรงจำเรื่องสาเหตุของรอยสีกุหลาบทั่วลำคอและแผ่นอกของตนเองย้อนกลับเข้ามาในความคิด

     

    “…คือว่า…”

     

    จุนซูนี่เราเป็นอะไรทำไมไม่บอกพี่!”

     

    เสียงที่ดูห้วนขึ้นของลีดเดอร์วงที่ใครๆก็รู้ดีว่ารักและหวงคิม จุนซูมากแค่ไหนทำให้คนตัวเล็กบนเตียงสะดุ้งอีกครั้งหนึ่ง กายเล็กสั่นระริกทั้งๆที่ยังไม่คลายริมฝีปากที่เม้มแน่นหนักกว่าเก่า

     

    คิม จุนซู!”

     

    “…เดี๋ยวผมคุยเองฮะ พวกพี่ออกไปกันพี่ยูชอนให้อย่าเพิ่งเข้ามาที่ห้องนี้ได้มั้ย?

     

    ชางมินที่ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้ามากกว่าใครเอ่ยบอกกับพี่ใหญ่สองคนที่ขมวดคิ้วมุ่นเป็นปม ในคราแรกดูเหมือนยุนโฮจะเอ่ยปฏิเสธ แต่แรงรั้งเบาๆที่ต้นแขนจากคนรักร่างบางก็ทำให้เขาต้องเดินออกจากห้องไปด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก

     

    ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องอีกครั้งก่อนที่ชางมินจะค่อยๆนั่งลงบนเตียง สายตาที่มักจะใช้กวนประสาทคนตัวเล็กอยู่เสมอๆกลับฉายแววเป็นห่วงออกมาอย่างปิดไม่มิด

     

    พี่จุนซูรอยพวกนี้…”

     

    “……”

     

    พี่ยูชอนใช่มั้ยครับ?

     

    การสะดุ้งเฮือกของคนตัวเล็กตรงหน้าเป็นคำตอบได้อย่างดี ดวงหน้าหวานที่ก้มต่ำอยู่นานค่อยๆเงยขึ้น รอยยิ้มสดใสกลับถูกแทนที่ด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

     

    อยะอย่าบอกเค้านะ…”

     

    “……”

     

    ฮึกห้ามบอกยูชอนนะสัญญากับพี่นะ…”

     

    เล่าให้ผมฟังได้มั้ย?

     

    จุนซูนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ไหล่เล็กสะท้านเพราะแรงสะอื้น ก่อนที่จะรีบปาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบพวงแก้ม

     

    “…เมื่อวานยูชอนเมาเมามาก พพี่ก็เลยพาเค้าขึ้นมาที่ห้องแล้วฮึกพี่ไม่ดีเองชางมิน…”

     

    “……..”

     

    พี่รู้ว่ายูชอนเค้าฮึก ไม่มีสติในตอนนั้นอึ่กแต่พี่ก็ยังฮึก

     

    เสียงสะอื้นปนเปไปกับเสียงแหบหวานจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง ชางมินถอนหายใจออกมาแผ่วเบาก่อนที่จะค่อยๆโน้มตัวเข้าไปโอบคนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน

     

    ไม่ต้องเล่าแล้วนะฮะไม่เป็นไรนะ…”

     

    ห้ามบอกนะอย่าบอกยูชอนนะฮือ…”

     

    ครับๆ ไม่บอกครับหยุดร้องไห้ได้แล้ว มันไม่ใช่ความผิดพี่สักหน่อย…”

     

    แต่พี่ฉวยโอกาสฮึกยูชอนเองไม่ได้ผิดอะไรเลย…”

     


     

    ผิดสิผิดที่ทำให้พี่ชายตัวเล็กของเขาต้องร้องไห้แบบนี้

     


     

    เลิกร้องไห้ได้แล้วน่าพี่ เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นมาจริงๆหรอก นี่โชคดีที่ยังแค่ตัวรุมๆนะ

     

    สัญญาแล้วนะว่า…”

     

    ว่าผมจะไม่บอกพี่ยูชอน จะให้ผมย้ำอีกร้อยรอบเลยรึยังไงกัน เช็ดน้ำตาซะ เสื้อผมเปียกไปหมดแล้วเนี่ย

     

    เสียงกวนๆที่แฝงด้วยความเป็นห่วงตามแบบฉบับของน้องคนเล็กทำให้จุนซูคลี่ยิ้มออกมาบางๆจนชางมินต้องยิ้มตาม มือหนาเลื่อนไปขยี้เรือนผมนุ่มๆนั้นอย่างจงใจกลั่นแกล้ง


     

     

    ยังไงพี่ชายตัวเล็กของเขาคนนี้ก็ยังดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนเดิม..

    บริสุทธิ์เหมือนน้ำที่ไม่มีสิ่งใดมาเจือปน

     

    ถึงเขาจะแสดงออกในอีกด้านหนึ่ง แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเขารักและเคารพในตัวพี่ชายคนนี้มากเพียงใด

     

    เหมือนกับที่รักและเคารพพี่ๆคนอื่นในวง เพียงแค่คนตรงหน้าดูใสซื่อจนน่าปกป้องมากเกินไปก็เท่านั้นเอง

     


     

    พี่ยูชอนน่าจะเอาข้าวต้มมาแล้วล่ะฮะ ยังไงก็อย่ามัวแต่นั่งร้องไห้จนตาปูดน่าเกลียดกว่าเดิมล่ะ

     

    เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยแผ่วๆที่เล็ดลอดมาจากข้างนอกทำให้ชางมินเอ่ยเช่นนั้นก่อนที่จะยืนขึ้น

     

    ชางมิน!”

     

    ฮ่าๆ

     

    น้องชายตัวสูงทิ้งเสียงหัวเราะอย่างสะใจไว้ให้(?)ก่อนที่ตัวเองจะรีบเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหาอะไรทานแทบจะในทันที สายตาคมนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นยูชอนที่กำลังเดินถือถาดชามข้าวต้มหอมฉุยมาตามทาง

     

    พี่แจจุง~ผมหิวแล้ว

     

    ถึงจะใช้เสียงอ้อนครวญเช่นนั้น ทว่าแววตากลับบุ้ยใบ้ไปทางห้องครัวชั้นล่างเพื่อที่จะให้รุ่นพี่อีกสองคนที่กำลังรอฟังเรื่องราวทั้งหมดลงไปคุยกันข้างล่าง

     

    ยูชอน พี่ฝากดูจุนซูด้วยนะ

     

    ครับ


     

     

    …………….


     

     

    ว่าไงนะ!?

     

    ชางมินกลอกตาไปมาอย่างหน่ายๆเมื่อเสียงแหวของคิม แจจุงที่ทำตาโตพูดคำว่า ว่าไงนะเป็นรอบที่สาม

     

    พี่จะให้ผมพูดอีกกี่ครั้งกันล่ะฮะ ก็อย่างที่พูดไปนั่นแหละ

     

    นายจะบอกฉันว่าสองคนนั้น…”

     

    ไม่ใช่สองคนหรอกครับ เพราะพี่ยูชอนจำไม่ได้ว่าทำอะไรไปบ้าง

     

    เสียงห้วนๆของน้องสุดท้องเอ่ยขณะที่เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาของกิน ทิ้งพี่ใหญ่สองคนที่กำลังยืนอึ้งคิ้วขมวด ก่อนที่ชางมินจะหันหน้าหงอยๆมากล่าวอย่างผิดเวลาอย่างไรบอกไม่ถูก

     

    พี่แจจุง…”

     

    “…..”

     

    หิวข้าวอ่ะ~”

     

    ใบหน้าสวยหวานของแจจุงเบ้ออกเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้าอย่างเข้าใจ ทว่าคนตัวสูงเคียงข้างกลับไม่เป็นเช่นนั้น

     

    ฉันต้องไปคุยกับยูชอนให้รู้เรื่อง! จุนซูร้องไห้ขนาดนั้นแล้…”

     

    พี่จุนซูเค้าขอร้องไว้ว่าอย่าบอกพี่ยูชอนเค้านะครับ

     

    “…..”

     

    เมื่อเห็นว่าหัวหน้าวงเงียบไปด้วยสีหน้าที่ไม่พึงพอใจอย่างชัดเจน ด้วยนิสัยที่รักและหวงน้องชายคนสนิทที่รู้จักกันมานานและความเป็นหัวหน้าวงยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดในใจมากขึ้นไปอีก

     

    ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคิม จุนซูให้ความสำคัญกับปาร์ค ยูชอนมากแค่ไหน ถึงทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากก็ตามที แต่ในดวงตาเรียวรีใสซื่อคู่นั้นมักจะสะท้อนออกมาด้วยความความรู้สึกที่เกินกว่านั้นโดยที่มีเพียงแค่คนในวงเท่านั้นที่จะสังเกตเห็น


     

     

    แต่ปาร์ค ยูชอนคนนั้นกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย

     


     

    ……………

     


     

    จุนซู อิ่มแล้วเหรอ?

     

    สายตาของยูชอนปรายมองชามข้าวต้มที่พร่องไปแทบไม่ถึงครึ่งที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะโดยที่คนตัวเล็กพยักหน้าน้อยๆกับคำถามนั้น

     

    ทำไมกินแค่นี้ล่ะ นายไม่สบายอยู่นะหรือว่าฝีมือฉันมันไม่อร่อย…”

     

    ไม่ใช่อย่างนั้น อร่อยสิแต่ฉันกินไม่ลงจริงๆ

     

    กินอีกหน่อยได้มั้ย?

     

    คนตัวเล็กส่ายหน้าพึ่บพั่บจนร่างสูงอ่อนใจกับความหัวรั้นของคนตรงหน้าที่แม้จะไม่สบายก็ยังไม่ยอมทานข้าวให้มากๆ แล้วแบบนี้จะไปหายได้ยังไงกัน

     

    งั้นเดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะ

     

    ไม่กินยานะ!”

     

    เสียงแหบหวานร้องห้ามก่อนที่จะดึงรั้งชายเสื้อสีเข้มของคนตัวสูงกว่าที่หันหน้ามาทำสีหน้าดุใส่

     

    ถ้าไม่กินยาแล้วจะหายมั้ยฮะ?

     

    ฉันไม่ได้ไม่สบายซะหน่อยก็แค่ตัวรุมๆ

     

    จุนซู

     

    เสียงทุ้มพร่ากลับเข้มขึ้นจนคนตัวเล็กต้องทำหน้าหงอย ก่อนที่จะสะดุ้งตัวโยนเมื่อมือหนาเลื่อนมาสัมผัสมือของตนเองที่จับชายเสื้อของอีกฝ่ายอยู่ มือเล็กรีบชักกลับทันทีจนยูชอนต้องขมวดคิ้ว

     

    “…เป็นอะไรไป?

     

    เปล่านี่…”

     

    งั้นฉันจะไปเอายามาให้ นอนพักซะนะ

     

    ขอบคุณนะ…”

     

    จุนซูยิ้มน่ารักให้ก่อนที่จะไถลตัวลงนอนบนเตียง อาการปวดหนึบทั่วร่างกายยังคงไม่หายไปและตอกย้ำความทรงจำนั้นซ้ำไปซ้ำมา


     

     

    ทุกครั้งที่สัมผัสยูชอนก็อดสะดุ้งไม่ได้ทุกที

     

    เหตุการณ์ของเมื่อคืนย้อนเข้ามาในความคิดจนต้องเผลอผละออก

     


     

    มันเป็นแค่ความฝันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นเอง ลืมมันซะ…”

     

    เสียงเล็กได้แต่พึมพำซ้ำๆกับตนเองทั้งๆที่ส่วนลึกๆในใจก็รู้ดีกว่าไม่อาจลืมความเจ็บปวดภายในใจและความรู้สึกของเหตุการณ์ในคืนนั้นได้เลยแม้แต่นิดเดียว



     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    To Be Continued...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×