ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ Fiction] - Ankylose - [YooSu,Yunjae,MinRic]

    ลำดับตอนที่ #9 : - Ankylose - Chapter.9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.94K
      3
      2 ม.ค. 53

    TALK ::
    วันจันทร์นี้เปิดเรียนแล้วล่ะค่ะ T^T ไม่อยากไปรร.เลยจริงๆ~
    แต่ยังไงก็จะพยายามมาอัพให้เร็วเหมือนเดิมนะคะ^^
    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ทุกคอมเมนท์กำลังใจมากๆนะคะ
    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยค่า^^~







    Chapter.9

     


     

    จุนซู…”

     

    เวลาพลบค่ำของวันเสียงทุ้มพร่าของร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อเรียกคนตัวเล็กที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงนุ่มให้ทานข้าว เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ยูชอนทำเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะเดินอ้อมมาใบหน้ากลมที่กำลังนอนตะแคงหันหลังให้กับเขาอยู่

     

    ได้ทีนอนกินบ้านกินเมืองเชียวนะ ตัวแค่รุมๆเองแท้ๆ

     

    ยูชอนได้ทีกัดเล็กน้อยแม้จะรู้ดีว่าคนที่อยู่ในห้วงนิทราได้อย่างน่ารักน่าชังตรงหน้านั้นคงไม่มีทางที่จะได้ยิน ร่างบางค่อยพลิกตัวกลับมานอนหงายด้วยนัยน์ตาที่หลับพริ้ม ริมฝีปากบางสีอ่อนเผยอน้อยๆชวนให้หัวใจเต้นระรัว

     

    อย่างกับแมวเลยนะนายน่ะ..”

     

    ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆก่อนที่จะจ้องใบหน้ากลมนั้นอย่างไม่วางตา แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับเพียงใด แต่เสียงหัวใจของเขามันก็ดังจนสามารถได้ยินอย่างชัดเจนจริงๆ

     

     

    ริมฝีปากบางๆนี่จะหวานเหมือนในฝันรึเปล่านะ?

     

     

    เรียวนิ้วยาวค่อยๆสัมผัสที่ริมฝีปากนุ่มอย่างเผลอใจก่อนที่จะค่อยๆผละออก ความเงียบงันของบรรยากาศยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะทาบทับริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นด้วยตัวของเขาเองเสียเหลือเกิน

     

    ใบหน้าคมเผลอโน้มเข้าไปใกล้ๆโดยที่ไม่รู้ตัว ใกล้จนรู้สึกได้ถึงเสียงและความอุ่นร้อนของลมหายใจ ทุกอย่างภายในหัวสมองดูเหมือนจะเบลอจนคิดอะไรไม่ออกนอกจากก้มลงไปประทับกับริมฝีปากเล็กๆนั่นเท่านั้น

     

    “….มิน…”

     

    ทว่าเสียงเล็กๆที่ครวญงัวเงียออกมาทำให้ต้องหยุดชะงัก ยูชอนที่ได้คืนสติรีบผละออกมาแทบจะในทันที


     

     

    นี่เรากำลังจะทำอะไรน่ะ!?

     


     

    ชางมิน….”

     

    เสียงเครือๆที่ได้ยินลางๆพร้อมกับมือเล็กที่คว้าหมับที่ข้อมือร่างสูงไว้แน่นทำให้ยูชอนเผลอเม้มริมฝีปากก่อนที่จะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

     

    “…ไม่ได้นะมินชางมิน….”

     

    เสียงที่ได้ยินจากริมฝีปากบางที่สั่นระริกยิ่งแผ่วเบาเข้าไปทุกที หยาดน้ำสีใสที่ไหลจากปลายหางตาที่หลับพริ้มร่วงหล่นสู่พื้นเตียงสีสะอาดทำให้ยูชอนเบิกตากว้าง

     

    จุนซู! จุนซู..!”

     

    แรงเขย่าเบาๆที่ต้นแขนทั้งสองข้างทำให้ร่างเล็กค่อยๆปรือตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ภาพของคนที่ฝังลึกติดอยู่ภายในใจค่อยๆปรากฏสู่สายตาเรียวใส

     

    ยูชอน?

     

    เสียงเล็กเอ่ยเรียกร่างสูงตรงหน้าแผ่วเบาก่อนที่จะเอียงคอน้อยๆอย่างงุนงง

     

    เป็นอะไรของนายน่ะ?

     

    ฉันต่างหากที่ต้องถามนาย เจ้าบ้า

     

    หือ?

     

    ใบหน้าน่ารักที่เอียงคอน้อยๆอย่างงุนงงพร้อมกับส่งสายตาใสแป๋วมาให้ทำเอายูชอนเกือบที่จะหยิกแก้มใสๆนั่นแรงๆสักทีสองที

     

    นายร้องไห้ทำไม?

     

    ร้อง? ฉันเนี่ยนะจะร้องไห้อ้าว…”

     

    จุนซูที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าใบหน้าของตนเองมีหยดน้ำหยดเล็กเกาะอยู่ก็ต้องร้องขึ้นมาอย่างงุนงง แนวฟันขาวเผลอขบริมฝีปากของตนเองตามนิสัยก่อนที่จะช้อนสายตาสบกับร่างสูงที่ดูเหมือนจะจับผิดอยู่ในที

     

    “…สงสัยฉันคงฝันร้ายน่ะฮะๆ

     

    “…ฝันร้ายแต่นายละเมอชื่อชางมินเนี่ยนะ

     

    ดวงตาสีรัตติกาลเรียวรีไหวระริกอีกครั้งหนึ่งด้วยแววตื่นตระหนก ก่อนที่จะปล่อยให้บรรยากาศรอบกายอึดอัดไปมากกว่านี้ จุนซูจึงทำเพียงหัวเราะออกมาเท่านั้น

     

    ก็ใช่น่ะสิ! ฉันฝันว่าชางมินจู่ๆก็กลายเป็นซอมบี้แล้วจะมาไล่ฆ่าฉันอะ

     

    “….”

     

    มันน่ากลัวมากๆเลยนะรู้รึเปล่า พูดถึงก็ขนลุก โชคดีจังที่นายปลุกฉัน ไม่งั้นฉันต้องตายแน่ๆเลย

     

    ร่างสูงทำเพียงจ้องมองใบหน้าน่ารักที่แย้มยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะทำสีหน้าอย่างจงใจที่จะ กวนเหมือนที่เคยใช้ในการหยอกล้ออยู่บ่อยครั้ง

     

    ฝันอะไรไม่เข้าท่า นี่ลุกไหวรึยัง? จะลงไปกินข้าวหรือจะกินในห้องล่ะ?

     

    เดี๋ยวฉันลงไปกินข้างล่างดีกว่า ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย

     

    ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่นอนกินบ้านกินเมืองทั้งวันเนี่ยนะ?

     

    เงียบน่ายูชอน!”

     

    ร่างบางๆของคนตัวเล็กทำแก้มพองลมอย่างแง่งอนและส่งค้อนวงโตให้กับยูชอนอีกรอบหนึ่งซึ่งไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย

     

    อ๊ะ…!”

     

    เสียงแหบหวานที่ร้องขึ้นมาเบาๆเมื่อรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาทันทีเมื่อลุกขึ้นนั่ง ทำให้ร่างสูงยื่นมือไปประคองตามสัญชาตญาณ ทว่าทันทีที่มือหนาสัมผัสกับไหล่บาง คนตัวเล็กก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาจนแม้แต่ยูชอนเองยังตกใจ จุนซูขืนตัวออกมาจากการสัมผัสนั้นก่อนที่จะพูดอย่างตะกุกตะกัก

     

    มะไม่เป็นไรยูชอนฉันแค่..ตกใจนิดหน่อยน่ะ…”

     

    ดวงตาเรียวรีที่หลบสายตาคมของร่างสูงอย่างชัดเจนยิ่งเพิ่มทวีความงุนงงและสงสัยให้มากขึ้น เท้าเล็กค่อยๆแตะพื้นเย็นเฉียบก่อนที่จะขึ้นมายืนตัวตรงเคียงข้างผู้เป็นเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา

     

    ลงไปกินข้าวกันเถอะ~”

     

    คงมีแต่คนไม่ฉลาดเท่านั้นที่จะดูไม่ออกว่าร่างบางๆตรงหน้าของปาร์ค ยูชอนคนนี้มีอะไรที่ปิดบังร่างสูงอยู่เป็นแน่ ทว่ายูชอนก็หลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถามถึงมัน แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกตะขิดตะขวงกับท่าทีแปลกๆของเพื่อนรักมากเท่าใดก็ตาม


     

     

    เขาเชื่อว่าเขากับจุนซูไม่มีความลับต่อกัน..

     

    เมื่อถึงเวลาที่จุนซูพร้อมเขามั่นใจว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะเป็นคนบอกเขาเอง

     

    ใช่อย่างน้อยเขาก็เชื่ออย่างนั้น

     

     


    ……………


     

     

    อ้าวจุนซูลงมาแล้วเหรอ

     

    พี่ใหญ่ของวงที่กำลังวางจานกับข้าวลงบนโต๊ะทานข้าวสีสะอาดรีบเดินมาหาคนตัวเล็กที่ในสายตาของเขาแล้วกำลังพยายามเดินให้ดูปกติที่สุดแม้ว่ามันจะไม่สามารถตบตาเอ่อ…‘คนมีประสบการณ์เช่นเขาได้ก็ตามที

     

    เป็นยังไงบ้าง?

     

    มือเรียวสัมผัสหน้าผากของคนตัวเล็กเบาๆและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง จุนซูทำเพียงยิ้มน้อยๆอย่างสดใสเหมือนที่เคยทำ ก่อนที่จะส่ายหน้าดุ๊กดิ๊ก

     

    ผมไม่เป็นไรแล้วฮะ วันนี้พี่แจจุงทำอะไรกินอ่า?

     

    แจจุงลอบมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกายเจ้าตัวเล็กที่กำลังตื่นเต้นกับของกินอย่างเงียบๆ ยูชอนจ้องมองจุนซูอย่างเป็นห่วงไม่วางตาจนแจจุงรู้สึกอยากจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจ้าคนกระทำได้รับรู้อะไรซะบ้าง ทว่าคำพูดของชางมินที่วนอยู่ในหัวก็ทำให้ริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างปิดลง

     

    มีแกงกิมจิ แล้วก็ไก่ทอ---อ้าว ไปไหนแล้ว…”

     

    จุนซูเดินเข้าไปในครัวตั้งนานแล้วครับพี่แจจุง แล้วพี่จ้องหน้าผมทำไมเนี่ย?

     

    เสียงทุ้มพร่าเอกลักษณ์ของเจ้าน้องชายตัวดีทำให้แจจุงขมวดคิ้วน้อยๆก่อนที่จะส่ายหน้าปฏิเสธเชิงว่าไม่มีอะไร

     

    อ๊า!! ทำอะไรน่ะชางมิน!?

     

    เสียงโลมาแหลมปรี๊ดทำให้ยูชอนและแจจุงรีบเข้าไปดูในครัวก่อนที่จะนิ่งค้างเมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังกอดเอวของผู้เป็นน้องคนสุดท้องไว้แน่น

     

    เป็นอะไรไปน่ะจุนซู!?

     

    พี่แจจุง ชางมินจะแอบกินไก่ทอดก่อนแหละ!”

     

    จุนซูได้ทีฟ้องพี่ใหญ่จนน้องชายคนเล็กทำหน้าเบ้เมื่อถูกคุณแม่คนสวยจับได้ ริมฝีปากหยักสวยได้รูปของชางมินขยับเข้าออกเพื่อเป็นการล้อเลียนเสียงของพี่ชายที่ชอบง้องแง้งจนจุนซูหันมาค้อนขวับ

     

    อ๊า~ทำอะไรน่ะชางมิน~”

     

    เสียงทุ้มที่ดัดให้แหลมไม่ต่างอะไรไปจากตอนจัดรายการวิทยุแล้วต้องแสดงละครเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่นิดเดียว รางวัลที่ได้รับก็เลยกลายเป็นกำปั้นเล็กๆของพี่ชายตัวเล็กที่ทุบอั่กๆมาอย่างไม่เกรงใจ

     

    โอ๊ย! ผมเจ็บนะพี่จุนซู!”

     

    สมควรแล้ว!! ใครใช้ให้นายมาเลียนแบบฉันแบบนี้เล่า! อีกอย่างเสียงฉันก็ไม่ได้ทุเรศขนาดนั้นซะหน่อย!!!”

     

    ฝ่ายแม่บ้านหน้าสวยที่ดูเหมือนต้องรีบหยุดน้องทั้งสองก่อนที่สงครามขนาดย่อมจะขยายใหญ่ไปมากกว่านี้ก็เอ่ยเสียงดุ

     

    หยุดทั้งคู่นั่นแหละ! ชางมิน ทีหลังห้ามมาแอบกินแบบนี้อีกนะ!”

     

    ชางมินเบ้หน้าน้อยๆก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยวใส่พี่ชายคู่กรณีตัวเล็กที่ได้ทีหันมาแลบลิ้นใส่ให้อย่างจงใจ และท่าทางทะเล้นๆหัวรั้นของคนตัวเล็กก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของคุณแม่ประจำวงไปได้

     

    นายก็เหมือนกันจุนซู! เลิกใช้เสียงแหลมๆนั่นโวยวายได้แล้ว!”

     

    เป็นทีของโลมาที่ต้องทำหน้าหงอยก่อนที่จะเบ้ปากเมื่อน้องชายคนเล็กได้ทีทำสีหน้าล้อเลียนจนอยากจะก่อสงครามใหม่อีกรอบจริงๆ ในสมองของคนตัวเล็กมีแต่คำว่ากล่าวชางมินจนลืมไปเสียสนิทเลยว่า

     

     

    มือของน้องสุดท้องที่ยังคงกอดเอวบางของตนเองไว้หลวมๆ

     

     

    และเหตุผลที่ปาร์ค ยูชอนนิ่งเงียบไม่มีบทอยู่นานสองนานก็เพราะมัวแต่นิ่งค้างจดจ้องมือแกร่งของผู้เป็นน้องของวงที่ยังคงโอบรอบเอวบางไว้นั่น!

     

    หัวใจกระตุกวูบอย่างแปลกประหลาดพร้อมกับความรู้สึกอะไรบางอย่างที่พุ่งพล่านในร่างกาย มือหนาเผลอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทผู้ใสซื่อมัวแต่ส่งค้อนวงโตให้ร่างสูงตรงหน้าจนลืมไปว่าอยู่ใกล้ชิดกันขนาดไหน!

     


     

    จะโอบหลวมหรือว่าแน่น เขาไม่รู้หรอก!

     

    รู้อย่างเดียวคืออะไรบางอย่างกำลังแล่นในสมองเขาและบอกว่า ไม่ชอบดังลั่น


     

     

    จุนซู

     

    กว่าที่จะรู้ตัวอีกที เสียงทุ้มพร่าของตนเองก็ดันเอ่ยชื่อของเจ้าของใบหน้าน่ารักนั่นเสียแล้ว ดวงตาใสไหวระริกอยู่ครู่หนึ่งที่หันมา ทว่าก็เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีจนยูชอนคิดว่าตนเองตาฝาดไป

     

    “…อะไรเหรอยูชอน?

     

    “…นาย…”

     

    ร่างสูงอ้ำอึ้งอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีในเมื่อการที่เรียกชื่อคนตัวเล็กออกไปก็แทบเรียกได้ว่า ไม่ได้ตั้งใจเสียด้วยซ้ำ สายตาที่กร้าวขึ้นเล็กน้อยค่อยๆอ่อนลงเมื่อเห็นจุนซูผละตนเองออกมาจากน้องชายคนเล็กที่วิ่งไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวแทนแล้ว

     

    หือ?

     

    ยิ่งเห็นดวงตาใสแป๋วจ้องมาที่เขาอย่างนั้น ร่างสูงก็คิดอะไรไม่ออกจนต้องหาเรื่องมาแหย่หรือแกล้งคนตรงหน้าทุกทีไป

     

    นายลงมาแล้วไม่รู้จักจัดเตียงบ้างเลยรึยังไง รู้รึเปล่าว่าเมื่อกี้ฉันต้องทำให้นายที่จู่ๆก็เดินพรวดพราดออกไปแบบนั้นน่ะห๊ะ

     

    ก็นี่ฉันป่วยอยู่นะ! จะลืมบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่!”

     

    เสียงแหลมๆที่เอ่ยแก้ตัวอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้ยูชอนอดที่จะหัวเราะออกมาน้อยๆไม่ได้ ไม่ว่ายังไงคนตรงหน้าของเขาก็ช่างสดใส น่ารักอยู่เสมอแม้จะคงความหัวรั้นอย่างน่าเอ็นดูแบบนี้ก็ตามที

     

    เลิกเถียงกันได้แล้ว กินข้าวซะจุนซู นายจะได้หายไข้ซะที เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานไม่ไหวหรอก

     

    คำว่า ทำงาน ทำให้คนมีไข้แอบทำแก้มป่อง เพราะดูเหมือนวันหยุดสามวันที่นานๆครั้งจะได้มีหายไปกับคำว่า ไม่สบายของตนเองได้ถนัดนัก ดวงตาเรียวรีหม่นลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น คืนที่ไม่อาจให้อภัยตนเองได้

     

    นั่นสิ ไปกินข้าวกัน~”

     

    ยูชอนเอ่ยยิ้มก่อนที่จะได้ทีวางแขนพาดบ่าของคนตัวเล็กอย่างที่ชอบทำจนเคยชิน และจุนซูก็ไม่เคยว่าอะไรเขาเลยสักครั้ง นั่นก็เพราะว่าความสนิทสนมที่เหมือนกับครอบครัวนั่นน่ะแหละ

     

    แต่ทว่า

     

    อย่านะ!”

     

    แรงสะบัดจากเจ้าของใบหน้าน่ารักเคียงข้างที่ทำให้มือของเขาหล่นจากบ่าเล็กทำเอายูชอนถึงกับนิ่งอึ้ง จุนซูเผลอหอบหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรู้ตัวว่าตนเองทำอะไรลงไป

     

    “..เอ่อขอโทษนะยูชอน คือว่าฉันแค่ตกใจน่ะ…”

     

    รอยยิ้มน่ารักที่เพื่อนสนิทอย่างปาร์ค ยูชอนดูเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าจงใจแสร้งขึ้นทำให้ต้องขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แจจุงที่มองดูอาการของน้องชายตัวเล็กอยู่นานก็รีบเอ่ยปากก่อนที่อะไรๆจะคลุมเครือไปมากกว่านี้

     

    ไปกินข้าวได้แล้ว ทั้งสองคนนั่นแหละ

     

    แล้วก็เป็นหน้าที่ของคุณแม่ของวงเจ้าของใบหน้าสวยที่ลากน้องชายทั้งสองคนไปกินข้าวพร้อมๆกันโดยที่มียุนโฮและชางมินนั่งรออยู่แล้ว

     


     

    …………..


     

     

    ข้าวไม่ถึงสิบคำค่อยๆผ่านริมฝีปากบางของจุนซูที่พยายามกินอย่างลำบาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพิษไข้ที่แม้จะทุเลาลงแล้วก็ยังรู้สึกขมคอจนไม่อยากจะทานอะไร และส่วนหนึ่งก็เพราะหัวใจดวงเล็กที่ยังคงครุ่นคิดถึงแต่อาการของตนเองเมื่อครู่

     

     

    เขาเป็นอะไรไป?

     

    ตอนนี้เขารู้สึก กลัวทุกครั้งที่ยูชอนจะมาแตะตัว

     

    นี่เขาเป็นอะไรไปกันแน่..?

     

     

    จุนซู นายเป็นอะไรน่ะ? ไม่อร่อยเหรอ?

     

    เสียงที่อ่อนลงของแจจุงทำให้จุนซูที่กำลังตกอยู่ในภวังค์รีบเอ่ยขึ้นเพื่อแก้การเข้าใจผิด

     

    เปล่าครับพี่แจจุง! มันอร่อยมากๆเลยฮะแค่ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ก็เท่านั้นเอง..”

     

    ชางมินที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวเพื่อยัดลงกระเพาะหลุมดำปรายสายตาขึ้นมามองพี่ชายตัวเล็กอย่างเป็นห่วง ก่อนที่จะก้มลงไปกินข้าวต่อ(อ้าว?)

     

    วันนี้เป็นอะไรไปน่ะจุนซู? พรุ่งนี้ไหวรึเปล่า?

     

    ยุนโฮอดที่จะถามขึ้นมาเพราะความเป็นห่วงไม่ได้ ไหนจะปัญหาของเจ้าน้องชายตัวเล็กกับยูชอนที่เหมือนจะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยอีก ยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงเข้าไปใหญ่

     

    ไหวอยู่แล้วฮะพี่ยุนโฮ งั้นผมขอไปนอนเอาแรงดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ทำงานเต็มที่

     

    จุนซูเอ่ยยิ้ม ไม่ว่ายังไงความรักในการทำงานของร่างเล็กนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยูชอนยิ้มออกมาที่มุมปากก่อนที่จะเอ่ยประโยคที่ทำให้จุนซูเผลอสะดุ้ง

     

    งั้นฉันจะพาไปที่ห้องนะ

     

    “…เอ่อไม่เป็นไรหรอกยูชอน กินข้าวไปเถอะ ฉันไปเองได้

     

    แต่ว่า…”

     

    จุนซูเสียงทุ้มพร่าเอ่ยชื่อของคนตรงหน้าจนคนร่างเล็กนิ่งเงียบไป

     

    ชางมินที่เห็นท่าทีว่าคนตัวเล็กจะปฏิเสธยูชอนไม่ได้ก็เอ่ยอะไรบางอย่างออกมาในขณะที่ลุกขึ้นมายืนข้างๆร่างเล็กที่มองหน้าตนเองอย่างขอความช่วยเหลือในที




     

    เดี๋ยวผมไปส่งพี่จุนซูเองฮะ


     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    To Be Continued...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×