ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์วิวาห์เจ้าชายมาเฟีย (พริม สกาย)

    ลำดับตอนที่ #13 : จอมเผด็จการ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.89K
      3
      7 ก.ย. 58

    บทที่13 จอมเผด็จการ

    แอลตัน มาร์ติน คันหรู วิ่งเข้ามาจอดเทียบอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ ที่ทำขึ้นจากไม้สักราคาแพง ทางเดินจากประตูรั่วบ้าน จนถึงประตูบ้านหลังใหญ่ทำขึ้นจากคอนกรีต ลายไม้วนไปจนสุดทางเดิน รอบบริเวณบ้านมีสนามหญ้า อยู่ทั้งสองด้านติดริมรั่ว มีต้นปาล์มต้นใหญ่ เรียงรายกันสุดทางเดินแซมด้วยดอกไม้นานาชนิดที่เจ้าของบ้านนิยมชมชอบ ถัดออกไปจากสนามกว้างใหญ่มีศาลาริมน้ำอยู่ด้านซ้าย ที่ติดอยู่กับทะเลสาปของหมู่บ้าน บ้านอภิเศรษฐกุล ใหญ่โตโอ่อ่าเหมาะสมกับเจ้าของบ้านอย่างคุณหญิง ฟ้าลดา  อภิเศรษฐกุล มารดาอันเป็นที่รักยิ่งของเจ้าพ่อเหมือง ทุกอย่างถูกจัดให้อยู่ในความเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ  ไม่เว้นแม้แต่สนามหญ้าหน้าบ้านที่ถูกตัดให้เตี้ยเตียนเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่รกและไม่โล่งจนเกินไป

    พริริสานั่งมาในรถด้วยความเงียบตลอดทาง ตั้งแต่ชายหนุ่มส่งสายตาดุๆมาให้ เธอก็หามุมส่วนตัวนั่งมาโดยที่ไม่พูดไม่จากับชายหนุ่มอีกเลย สกายเองก็เช่นกัน เขาตั้งหน้าตาขับรถโดยที่ไม่คิดจะสนใจผู้ที่โดยสารที่มาด้วยอีกคน จวบจนรถคันหรูเลี้ยวเข้าบ้านหลังใหญ่ ชายหนุ่มจึงหันหน้ามาเอ่ยกับหญิงสาว

    พริริสา!!  สกายเรียกชื่อหญิงสาวเสียงนิ่งๆ  แต่คนถูกเรียกกลับนั่งนิ่งไม่ไหวติงหรือหันมาสนใจคนที่เอ่ยขานนาม จนชายหนุ่มต้องเรียกชื่อเธอซ้ำอีกครั้ง ด้วยความขุ่นเคือง ทำไมคนตัวเล็กถึงได้อวดดีและจองหองเช่นนี้

    พริริสา!!! หูแตกหรือยังไง!!สกายตะคอกเสียงใส่หน้าพริริสา ยัยบ้านี่ช่างกวนประสาทเขาได้ทุกชั่วโมงจริงๆ

                “คุณ! อยู่แค่นี้ทำไมต้องตะคอกด้วย พริริสาหันขวับทันที พร้อมใช้มือสองข้างขึ้นมาปิดหูของตนเอง ก่อนจะเผลอใช้สายตาไม่พอใจใส่ชายหนุ่ม จนเขาเองก็จ้องตอบแบบไม่เกรงกลัวเช่นกัน และเป็นพริริสาเองที่ต้องหลบสายตาคู่นั้นของเขา

    เอาละพริริสาฉันเบื่อที่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับเธอเต็มทีหันหน้ามาฟังในสิ่งที่ฉันจะพูด สกายใช้แขนข้างหนึ่งเท้ากับพวงมาลัยรถ พร้อมเอี้ยวตัวมาหาเธอแล้วเอ่ยขึ้น เมื่อพริริสายังมองออกไปนอกรถ ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน และไม่คิดจะสนใจในสิ่งที่เขาจะพูดต่อ ชายหนุ่มจึงออกคำสั่งกับเธออีกครั้ง

    พริริสา อย่าดื้อได้มั้ย” ไม่พูดเปล่า สกายใช้มือด้านหนึ่งไปคว้าเอาหัวไหล่เธอ และบีบแรงๆ จนคนดื้อรั้นร้องครวญหันกลับมามองด้วยสายตาเขียวปั๊ด

    โอ้ย! ..เจ็บนะ ปล่อยฉัน.. คุณทำบ้าอะไรของคุณ  คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดอยากจะสั่งใครให้ทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ คุณคิดว่าตนเองเป็นพระเจ้าหรือยังไง ทุกคนถึงจะต้องทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่าง ฉันจะไม่ทนคุณอีกแล้ว คุณมันบ้าอำนาจ เผด็จการ หื่นกาม คุณมัน.....เป็นผู้ชายที่น่าเกลียดที่สุดในโลกเลย

      พริริสาพูดยาวเหยียด เธอไม่สามารถอดทนต่อคำสั่งของชายหนุ่มได้อีกต่อไปแล้ว พร้อมกันนั้นก็ใช้มือเล็กทั้งสองข้างปัดมือใหญ่ของชายหนุ่มที่บีบหัวไหล่ของเธอทิ้ง ก่อนจะระดมทุบไปตามลำตัวของชายหนุ่ม อย่างไม่ยั้ง ทั้งแค้น ทั้งโกรธทั้งอาย ที่ชายหนุ่มให้เธอทำเรื่องน่าอายให้ แถมตอนนี้ก็ยังมาออกคำสั่งกับเธอเหมือนกับเธอเป็นทาสของเขาก็ไม่ปาน ยิ่งไปกว่านั้น น้ำตาที่เก็บกลั้นมาตั้งแต่นั่งมาในรถก็พลันไหลรินออกมานองใบหน้า สุดจะทนเก็บกลืนได้อีก  ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรถึงนั้นแล้ว เธอรู้แต่ว่าเธอควรไปให้ไกลจากผู้ชายใจร้ายที่คอยจะออกคำสั่งคนนี้

    ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณ คุณได้ยินมั้ย ไอ้ผู้ชายบ้า เห็นแก่ตัว!”

    เพี๊ย! 

    เสียงฝามือเล็กๆฟาดไปตามใบหน้าสากของชายหนุ่ม จนสกายหน้าหันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือเล็กนั้น เขาขบกรามเข้าหากันแน่น ด้วยความโกรธ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสติพอที่จะไม่ทำร้ายร่างกายของคนที่ร้องโวยวายอยู่

                “พริริสาหยุด ฉันสั่งให้เธอหยุดไงเล่า สกายทำเสียงดุ รวบแขนทั้งสองข้างที่ใช้ทุบตีเขาอยู่ไว้ ตรงหน้า ข่มพริริสาด้วยดวงตาแข็งกร้าวนั้น

    ไม่!! คุณไม่มีสิทธิ์ มาสั่งฉัน คุณไม่ใช่เจ้าของชีวิตฉัน

                “ใช่!!.ตอนนี้ฉันยังไม่ใช่เจ้าของชีวิตเธอ แต่ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าของชีวิตเธอก็คือฉัน จำหน้าฉันไว้ให้ดีพริริสา ฉันนี่แหละจะเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างในชีวิตเธอ ฉันนี่แหละจะเป็นเจ้าของชีวิตเธอ โดยที่เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะออกปากออกเสียงอีกต่อไปเจ้าพ่อเหมืองบอกด้วยความพิโรธ เขาไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กแบบนี้จะกล้ามีฤทธิ์เดชกับเขาจนถึงขั้นทำให้เขาโมโห

        “เลว!!...”

         “ใช่ ฉันมันเลว มันชั่ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อฉันเลือกแล้วว่าเป็นเธอ ก็ต้องเป็นเธอพูดจบสกายก็ใช้มือข้างหนึ่งรวบมือเธอไว้ร่วมกัน อีกข้างก็ดันประตูรถออกไป ก่อนจะลากฉุดกระชากลากถูกพริรสามายังฝังเขาอย่างไม่คิดจะถะนุถนอม พร้อมดึงเธอลงจากรถ  

    ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ฉันไปทำอะไรให้คุณ  คุณถึงต้องมาตามจองล้างจองผลาญฉันแบบนี้  ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น ฉันจะกลับบ้าน ปล่อย!..พริริสาพูดเสียงสั่นคลอ ทั้งกลัว ทั้งโกรธ เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไร หญิงสาวพยายามจะสลัดมือใหญ่ที่รวมตึงแขนเธอเอาไว้ แต่ดูเหมือนยิ่งดีดดิ้น ชายหนุ่มยิ่งรัดแน่น ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ทีท่าสนใจคำด่าทอของเธอสักนิด ยังคงฉุดดึงตัวเธอเข้าไปในบ้านหลังใหญ่

                หุบปากเน่าๆของเธอไปซะพริริสา แล้วก็เดินตามฉันเข้าบ้านดีๆ ไม่อย่างนั้นเธอเจอดีแน่เจ้าพ่อเหมืองขู่ทับ ก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูง หญิงสาวให้เดิมตาม ดีพยศแบบนี้แหละเขาชอบ ค่อยดูเขาจะปราบพยศคนหัวดื้อให้ยอมศิโรราบกับเขาแต่โดยดี แล้วดูสิ เธอยังจะกล้าอวดดีแบบนี้อีกมั้ย

    ไม่ ฉันจะกลับบ้าน ปล่อย...นะ พริริสาขืนตัวไม่ยอมเดินตามชายหนุ่ม เธอนั่งลงไปกับพื้นเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มลากเข้าไปได้ง่ายๆ แต่เธอคิดผิดอย่างมหันต์ที่นั่งลงไปแบบนั้น เพราะเมื่อชายหนุ่มเห็น แทนที่เขาจะลากเธอ เขากลับโน้นตัวลงมาช้อนร่างเล็กขึ้น ด้วยวงแขนกล้ามเป็นมัดๆของเขาแทน

    อยากให้อุ้มก็ไม่บอกตั้งแต่แรก 

       อร๊าย !! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ คนตัวเล็กยังไม่ยอมเลิกโวยวาย   ใช้มือปัดป้องทุบตีให้ชายหนุ่มยอมปล่อยเธอลง

                “พริริสาหยุด!!! คราวนี้ เสียงชายหนุ่มดังและหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม  ใบหน้าเรียบเฉยเปลี่ยนเป็นจริงจัง และดุยิ่งกว่าเดิม เขามองคนในอ้อนแขนด้วยสายตาแข็งกร้าว ความอดทนต่อความดื้อรื้นของคนตัวเล็กเริ่มหมดลง ในเมื่อคนอย่างสกาย ไม่ต้องจับตัวใครมาก็ มีผู้หญิงมาเสนอตัวให้เขาถึงที แต่นี่เขาเองก็ไม่เข้าใจตนเอง ทำไมเขาถึงต้องบังคับขู่เข็ญแม่ผู้หญิงตัวๆเล็กหัวรั้นคนนี้มาด้วย

    คุณก็ปล่อยฉันไปสิ คุณจะมาจับตัวฉันไว้แบบนี้ทำไม ฉันไม่ใช่นักโทษของคุณนะ ฉันไปทำอะไรให้คุณโกรธแค้นหนักหนา คุณถึงต้องทำกับฉันแบบนี้ อือ อือ ......

                เมื่อโดนคนตัวใหญ่ดุด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง กับแววตาแข็งกร้าวที่มองมา พริริสาก็ใจหล่นวูบ ขนาดที่ว่าลินลณีด่าทอเธอแถบทุกวัน เธอยังไม่รู้สึกกลัวถึงเพียงนี้  แต่กลับผู้ชายตรงหน้าทำไมเขาถึงน่ากลัวแบบนี้

     “พริริสา เลิกโวยวายแล้วฟังฉัน สกายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิม เพราะถ้าขืนเธอยังโวยวายเสียงดังไปกว่านี้ มีหวังคนในบ้านได้แตกตื่นแห่กันออกมาดูแน่ๆ ว่าเขาไปพรากลูกเต้าเล่าใครมา

    ได้ผลคนที่ร้องโวยวายอยู่ในวงแขน เงียบและเก็บกลืนเสียงสะอื้นลงคอ ก่อนจะยอมเงยหน้าเหลือบเปลือกตามองคนที่อุ้มเธออยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมีสีหน้าและแววตาไม่พอใจเขาอยู่ดี

    ชายหนุ่มยอมปล่อยคนตัวเล็กจากวงแขนใหญ่ให้ลงไปยืนอยู่กับพื้น ก่อนจะจับไหล่เล็กให้หันมาฟังในสิ่งที่เขาจะพูด ในขนาดที่คนตัวเล็กยังมีน้ำตาไหลรินตลอดเวลา

    หยุดร้องให้ได้แล้วพริริสา ฉันไม่ได้จับตัวเธอมาเพื่อเอามากักขังหน่วงเหนี่ยว เหมือนอย่างที่เธอกำลังคิดอยู่ ชายหนุ่มลดมือที่จับหัวไหล่ของเธอ เลือนขึ้นไปเช็คคราบน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มให้อย่างเบามือ เขาคิดว่าท่ายังใช้อารมณ์คุยกัน วันนี้ทั้งวันก็คงคุยไม่รู้เรื่อง ในเมื่อเธอเหมือนน้ำมันชั้นดี ที่พร้อมจะเผาไหม้เปลวเพลิงอย่างเขาให้มอดไหม้ไปพร้อมๆกัน

    แล้วคุณต้องการ อะไรจากฉัน พริริสาเอ่ยขึ้นปนเสียงสะอื้น และก็ใช้มือเล็กขึ้นมาปัดมือใหญ่ที่กำลังเช็คน้ำตาบนแก้มออกทิ้ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่ก้มหน้ามองเธออยู่เช่นกัน

     “ฉันมีเรื่องให้เธอช่วย และค่าตอบแทนก็คือ เงินสิบล้านบาทที่ฉันจะเอาไปให้พี่สาวของเธอในวันพรุ่งนี้  เจ้าพ่อเหมืองยืนเท้าเอวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉย แต่สีหน้าและแววตาจริงจัง ยามที่เธอเงยหน้ามาสบตากับเขา

       “แล้วทำไมต้องเป็นฉัน” เธอเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

    ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นเธอ ทั้งที่มีผู้หญิงอีกมากมายรอให้เขาเลือก แต่มีอะไรบางอย่างบอกกับเขาว่า เธอนี่แหละเหมาะที่จะเป็นเมียกำมะลอของเขามากที่สุด

       “ตามฉันมานี่พริริสาชายหนุ่มยื่นมือไปจูงแขน หญิงสาวก่อนจะเดินนำออกไปทางศาลาริมน้ำที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตัวบ้าน คนตัวเล็กที่เริ่มหายจากการสะอื้นไห้ ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดีไม่ต่อต้านอีก

    เธอคิดว่าฉันเป็นคนยังไง หลังจากเดินมาถึงศาลาริมน้ำ สกายก็เปิดฉากพูดขึ้นทันที เขายืนทอดสายตาใช้ไหล่กว้างพิงกับเสาต้นใหญ่ของศาลาริมน้ำ โดยปล่อยให้คนตัวเล็กนั่งอยู่กับเก้าอี้ไม้ สีน้ำตาลเข้มตัวเล็กที่ถูกจัดวางไว้ในศาลา

     “เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ บ้าอำนาจ เผด็จการ หื่นกาม” พริริสาตอบออกไปโดยไม่ต้องคิด

      พริริสา!! สกายเอ่ยชื่อเธอเสียงเข้ม เริ่มหงุดหงิดแม่คนตัวเล็กขึ้นมาตะงิดๆ

    ก็คุณถาม ฉันก็ตอบ คุณยังจะเอาอะไรอีก

     “เอาสาระพริริสา

    ฉันไม่รู้ คุณกับฉันเราเพิ่งพบกันแค่สองครั้ง แต่ละครั้งคุณก็นำความเดือดร้อนให้ฉันมาโดยตลอด  ฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณเป็นแบบไหน พริริสาตอบออกไปตามความเป็นจริง ก็เธอไม่รู้จริงๆนี่ ว่าเขาเป็นคนยังไง เวลาเพียงแค่นี้เธอไม่สามารถตัดสินใจได้หรอก ว่าเขาเป็นคนยังไง ที่เธอรู้เธอก็บอกออกไปหมดแล้ว

    เอาละ ไม่รู้ก็ไม่รู้ อีกหน่อยถ้าเธออยู่กับฉันไปนานๆเธอก็จะรู้เองว่าฉันเป็นคนยังไง สกายหันมาคุยกับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ พร้อมเหลือบเปลือกตาจ้องมองเธออย่างใช้ความคิด ว่าควรจะอธิบายยังให้เธอเข้าใจ ในสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากนี้ไป

    ทำไมฉันต้องอยู่กับคุณด้วย แล้วเดี๋ยวนะ! เมือสักครู่ฉันได้ยินคุณพูดว่า พรุ่งนี้คุณจะนำเงินสิบล้านไปให้พี่ลิน เพื่ออะไร?. พริริสาถามอย่างสงสัย ในเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เธอได้ยินไม่ผิดแน่นอนว่าชายหนุ่มจะนำเงินตั้งสิบล้าน ที่ชาตินี้ทั้งชาติไม่รู้เธอจะหามาใช้หนี้ได้ไหม แต่ดูเขาเหมือนไม่เดือนร้อนสักนิด

    สกายยกยิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้างๆเธอแล้วใช้มือใหญ่ขึ้นมาเกาะกุมมือเล็กที่ประสานกันอยู่บนหน้าตักของตน จนคนที่ถูกละเมิดสิทธิ์ถึงกับหน้าแดงระรื่นกับสัมผัสแบบนี้  แทนที่จะปัดทิ้งเธอกลับปล่อยให้เขาเกาะกุมอยู่อย่างนั้น

    เธอได้ยินไม่ผิดพริริสา พรุ่งนี้ฉันจะนำเงินสิบล้านไปให้พี่สาวของเธอตามที่นัดไว้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน คือเธอต้องอยู่กับฉันที่นี่ ในฐานะภรรยาของฉันภายในหนึ่งปีในที่สุดเจ้าพ่อเหมืองก็ตัดสินใจพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูดกับเธอตั้งแต่แรกออกมาจนได้ แต่คนที่นั่งฟังอยู่ถึงกับตาค้างและชักมือกลับ พร้อมกระถดตัวหนีออกห่าง

    บ้า คุณมันบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงคิดทำอะไรแบบนี้  

    ใช่มันเหมือนบ้า แต่เธอฟังฉันให้จบก่อนได้ไหม แล้วค่อยโวยวายที่หลัง ชายหนุ่มบอกเสียงเหนื่อยๆ พร้อมดึงแขนของคนตัวเล็กให้มานั่งที่เดิม

    ส่วนตัวเขาเองก็พาตนเองมานั่งยังฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว  และนั่งใช้หลังพิงไปกับพนักเก้าอี้ แขนสองข้าง ที่ข้างหนึ่งมีนาฬิกาเรือนแพงติดอยู่ ไขว้กันไว้เหนือเข่า แล้วเอ่ยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้เธอฟัง ถึงข้อตกลง และเงื่อนไขสัญญาหรือแม้แต่ทำไม เขาถึงต้องหาใครสักคนมาอุปโลกน์ มาเป็นเมียของตนเอง ที่ชายหนุ่มไม่เล่าก็มี เรื่องการมีลูกกับแค่เขาเป็นใครมาจากไหนก็เท่านั้น

    คราวนี้เธอจะเชื่อฉัน ได้หรือยัง ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากเล่าจบแล้วยังเห็นเธอนิ่ง ไม่พูดไม่จา เหมือนกำลังใช้ความคิด

    แล้วคุณคิดว่า คุณแม่ของคุณท่านจะเชื่อเหรอ ในเมื่อคุณบอกเองว่าเพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทย แล้วจู่ๆก็พาฉันเข้าบ้าน คุณไม่คิดว่ามันจะเร็วไปเหรอ สิ่งที่ชายหนุ่มเล่ามาทั้งหมด ดูเหมือนจะเชื่อยากสำหรับพริริสา แต่หลักฐานคือ บ้านหลังใหญ่โต กับเงินอีกสิบล้าน ที่เขาเสนอมาให้ ทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธลงได้ ถ้าแค่แกล้งเล่นละครตบตาผู้เป็นมารดาเขาภายในหนึ่งปี แล้วทำให้เธอพ้นจากหนี้สินทั้งหมด มันก็น่าคิดไม่ใช่เหรอ

    เรื่องนั้นฉันจัดการเอง

    ก็ได้ฉันช่วยคุณก็ได้ แต่คุณต้องรับปากกับฉันก่อนว่าคุณจะไม่ล่วงเกินฉันเหมือน เออ...ในรถอีกพริริสากัดฟันพูดในสิ่งที่น่าอายออกไป ด้วยความความหวาดหวั่น เมื่อถูกสายตาเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มจ้องมองมา

    ตกลงฉันรับปาก ถ้าเธอไม่เต็มใจ ฉันจะไม่ทำอีก โอเคไหมสกายยืนขึ้นเต็มความสูง เขาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยักไหล่ตอบออกไป โดยไม่คิดอะไร แต่กลับทำให้คนที่นั่งฟังถึงกลับค้อนขวับเข้าให้

    แน่นอนฉันไม่เต็มใจแน่ๆ 

     “เอาละ ในเมื่อเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว ที่นี่เธอกับฉันก็เข้าบ้านกันได้แล้ว ถ้าเด็กในบ้านมันถามอะไรเธอ เธอก็แค่บอกว่าเป็นคนรักของฉันเท่านั้น ส่วนเรื่องคุณแม่หลังจากที่ท่านกลับมา ฉันจะเป็นคนบอกท่านเอง พูดจบคนที่กุมชัยชนะอยู่ในมือก็เดินนำหน้าเธอออกไป ปล่อยให้คนตัวเล็ก ยืนทำหน้างงอยู่ตรงนั้น

    มานี่  ยืนบื้ออยู่นั้นแหละเข้าไปในบ้านได้แล้ว ฉันร้อน..และหิวมากด้วย  ตอนบ่ายฉันมีงานจะต้องไปทำต่อ ไม่มีเวลามาคอยเทคแคร์เธอหรอกนะ อยู่ที่นี่เธอต้องดูแลตนเอง ฉันไม่มีเวลามาป้อนข้าวป้อนน้ำเจ้าพ่อเหมืองเอ่ยขึ้น ระหว่างกึงลากกึงจูงพริริสาเข้าบ้าน  ก่อนจะกลั้นยิ้มเมื่อมองเห็นสายตาเขียวปั๊ดของคนตัวเล็กส่งกลับมาให้เขา แล้วเดินจูงมือเล็กให้เดินตามเข้าไปในบ้านพร้อมกัน..............

    เธอคิดถูกแล้วใช่มั้ยพริริสา ที่ทำแบบนี้  พริริสาคิดอยู่ในใจ ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มที่จูงมือของเธอให้เดินตามไปติดๆ แต่กับรู้สึกแปลกๆในใจ ทำไมเธอถึงไม่รังเกลียดเขา เหมือนกับที่ปากเธอพูด แล้วทำไมเธอต้องใจสั่นเวลาเขาจับจูงมือตนเอง คำถามมากมายๆเกิดขึ้นในหัว กว่าจะรู้ตัวอีกที เขาก็พาเธอเดินเข้ามาภายในบ้าน อภิเศรษฐกุลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องผู้ที่เข้ามาเยือนใหม่ด้วยความสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าปริปากเอ่ยถามขึ้น เพราะเกรงกลัวต่ออำนาจของสายตาคู่คมที่เหลือบมองพวกเขาอยู่เป็นนัยๆ หลายคนนำร่างของตนเองแยกย้ายกันออกไป เพราะยังไม่อยากตกงานหรือหาที่ซุกหัวนอนใหม่ หากเอ่ยเอื้อนวาจาออกไปให้เจ้าของบ้าน ไม่พอใจ หรือโกรธเคืองขึ้นมา แม้จะอยู่มานานหลายปีดีดัก แต่เรื่องกิติศัพท์ ลุกชายเจ้าของบ้าน ก็มักจะแพร่กระจายให้ได้ยินเสมอ แม้ไม่เห็นด้วยตาตนเอง แต่คำร่ำลือผสมสีตีไข่ใส่ผักชี นั้นแหละตัวดีนัก มันสามารถทำให้บางคนที่ไม่รู้จักชายหนุ่มดี กลัวจนหงอ ยิ่งสายตาคู่คมมองจ้องมา ยามเคืองขุ่นไม่พอใจ มันเหมือนจะเผาผลาญสรรพสิ่งทุกอย่างให้วอดวายกลายเป็นจุน หลายคนที่เคยสัมผัส ต่างรู้ดีและโจษจันท์กันไปทั่ว ถึงอย่างนั้นก็น้อยคนนึกที่จะได้เจอแววตาวาวโรจน์ ที่เจ้าพ่อเหมืองจะจับจ้องอย่างไม่พอใจ แต่หากใครในที่นี่เคยได้เจอและสัมผัสก็นับว่าเป็นคราวซวยของคนนั้นไป ไม่เว้นแม้แต่พริริสาที่เธอเคยสัมผัสมาด้วยตาตนเอง ยังไม่กล้าจะขัดขืน หรือทัดทานได้

    หลังจากที่หลายคนแยกย้ายกันออกไปทำสิ่งอื่น ก็คงเหลือแต่หญิงร่างอวบมีอายุคนเก่าคนแก่ของคุณหญิงฟ้าลดา ที่ละมือจากไม้ขนไก่ ขนปุกปุ๋ยที่กำลังสาระวนปัดกวาดเช็คถู อยู่ตามเครื่องเงินลายครามจากประเทศจีนของสุดรักสุดหวงแหนของเจ้าของบ้าน ผู้หญิงอีกคนที่ชายหนุ่มนับถือและเคารพเหมือนแม่บังเกิดเกล้าอีกคน กำลังนำร่างอันอุ้ยอ้ายของตนเอง เดินตรงมายังเขาและเธอ 

     “คุณหนู

       “คุณหนู!! เพียงได้ยินเสียงเรียกขานนามของผู้ชายที่อยู่ข้างๆ พริริสาก็อุทานออกมาเบาๆ อีตานี่เป็นคุณหนูอย่างนั้นเหรอ พริริสาคิดในใจอย่างขบขัน จนเผลอมีเสียงหัวเราะขำเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน เป็นเหตุให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาส่งสายตาดุให้อย่างจัง จนเธอเก็บเสียงหัวเราะนั้นแทบไม่ทัน ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อร่างอวบของหญิงชราเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า 

    คุณหนูไปไหนมาค่ะ รู้ไหมนมเป็นห่วง เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ให้เรียบร้อย ดูสิผมเผ้าก็ไม่ยอมไปตัดให้ปล่อยให้บดบังใบหน้าของตนเองอยู่ได้”  หลังจากพาร่างอวบมายืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม หญิงชราก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แกมว่ากล่าว จะว่าไปก็มีแต่นางนี่แหละที่ดูจะเจ้ากี้เจ้าการกับเจ้าพ่อเหมืองไปแทบทุกระเบียบนิ้ว แล้วชายหนุ่มก็แทบจะขัดใจอะไรไม่ค่อยได้พอๆกับมารดาผู้ให้กำเนิด

       ก็นางเลี้ยงของนางมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เฝ้าทะนุทนอมมาตั้งแต่ยังแบเบาะ พอเติบใหญ่ขึ้นมาชายหนุ่มก็เป็นผู้ชายที่ตาหน้าหล่อเหลาแทบหาที่ติไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนัยต์ตาสีน้ำตาลเข้มดุจราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ที่เปล่งประกายพลังอำนาจอยู่ในตัว หรือจมูกที่โด่งเป็นสันรับกับใบหน้ารูปไข่ ถอดแบบออกมาจากคุณหญิงฟ้าลดาไม่มีผิดเพี้ยน ส่วนร่างกายสูงใหญ่กำยำ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เห็นกล้ามเนื้อเป็นหมัดๆ อกพายไหล่ผึ่ง สมชายชาตรี ก็ถอดแบบมาจาก มิสเตอร์โรเบิรต์ บิดาบังเกิดเกล้า ไม่ผิดเช่นกัน ทุกอย่างถูกปั้นเสริมเติมแต่งจากธรรมชาติได้อย่างลงตัว เป็นชายหนุ่มที่ใครเห็นก็ต้องต่างหลงใหลได้ปลื้ม ไม่เว้นแม้แต่เด็กรับใช้ในบ้าน แต่ได้ชื่อว่าสมภารไม่มีทางกินไก่วัด นั้นคือกฎเหล็กของเจ้าพ่อเหมือง 

    หรือแม้แต่ปากหยักสีชมพูได้รูปที่ชวนให้ลิ้มลองสัมผัสรสความหอมหวาน ทุกอย่างถูกมอบให้ชายหนุ่มเพียงคนเดียว แต่ไฉนเลยเล่า หลังจากไม่ได้พบหน้าเป็นสิบๆปี ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีของนาง ถึงเปล่งร่างเป็นเหมือนมหาโจรเช่นนี้ ทั้งผมเผ้าหนวดเครารกรุงรัง จนไม่เหลือคราบของบุรุษหนุ่มที่ผู้หญิงทั่วโลกต่างใฝ่ฝันอยากที่จะได้เขาเป็นคู่ครอง ไฉนเลยชายหนุ่มที่นางอุตส่าห์ฟูมฟักมาตั้งแต่เล็กๆ ถึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวเช่นนี้ งานหรือก็มีคนเป็นร้อยทำให้ แต่เจ้าพ่อเหมืองก็เลือกที่จะไปครุกดินครุกฝุ่นกับคนงาน

    ตายแล้ว!.. นี่ไปโดนอะไรมาคะ ถึงกับเลือดตกยางออกอย่างนี้ โอ๊ย!นมจะเป็นลม เมื่อถามไถ่ยังไม่ได้ความ สายตาอันหย่อนยานก็เหลือบไปเห็น รอยแผลที่มีเลือดซึมอยู่ที่สีข้าง หญิงชราถึงกับเอามือกุมขมับตนเอง ก่อนจะทำท่าซวนเซ จนชายหนุ่มที่ยืนยิ้มอยู่ต้องเอื้อมแขนลงไปประคองคนที่ เดินเข้ามาบ่นได้เป็นชุดๆ ตั้งแต่เขาก้าวขามายืนอยู่บนโถงกลางบ้านหลังใหญ่

     โธ่..นมอุ่นครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับระวังก็แต่นมจะเป็นลมเป็นแล้ง เพราะบ่นผมเยอะนี่แหละเจ้าพ่อเหมืองทำเสียงออดอ้อนหยอกเย้าแม่นมของตนเองยังกับมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา แถมยังเผยรอยยิ้มที่อวดเรียวฟันขาว จนคนที่ยืนอยู่ข้างๆทำสีหน้าประหลาดใจ นี่เขายิ้มแบบนี่กับคนอื่นเป็นด้วยเหรอ เท่าที่เธอเคยเห็นส่วนใหญ่เป็นยิ้มเหยียดๆกับการแสยะยิ้มออกมาเพราะความเหี้ยมเกรียมของตนเองซะมากกว่า

      จะไม่ให้นมบ่นได้ยังไงกันละคะดูคุณหนูของนมทำเข้าแล้วนี่หนูคนนี้เป็นใครกันหรือคะ  หลังจากว่ากล่าวสกาย จนเป็นที่พอใจแล้ว นางก็เปลี่ยนประเด็นหันมามองหน้าพริริสา ก่อนจะเงยหน้าถาม ชายหนุ่มด้วยความสงสัย ก็เด็กผู้หญิงที่เขาพามา หน้าตายังเด็กนักไม่รู้เจ้าพ่อเหมืองของนางไม่พรากลูกเต้าใครมาหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นๆจริง นางคงได้เป็นลมเป็นแล้งไปจริงๆ

    ออ นี่พริริสาครับนม สกายตอบไม่ค่อยจะเต็มเสียงหนัก แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่สามารถจับพิรุธชายหนุ่มได้ เพราะรอยยิ้มชวนฝันนั้นคือต้นเหตุ ให้เขาซ่อนบางสิ่งบางอย่างได้อย่างแยบยล

     พริริสา นี่นมอุ่น คนเก่าคนแก่ของคุณแม่ท่าน สกายแนะนำให้หญิงสาวที่ยืนทำหน้างงปนประหลาดใจ ให้รู้จักกับแม่นมของตน ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ต่างจากคำพูดออดอ้อน ที่เธอได้ยินเวลาเขาพูดคุยกับแม่นมของตนเองลิบลับ

    สวัสดีค่ะคุณนมอุ่น พริริสาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะยกมือไหว้ พร้อมๆกับการส่งรอยยิ้มผูกมิตรให้ แน่นอนถ้าเธอต้องอยู่ที่นี่ในฐานะเมียกำมะลอของเขาจริงๆ เธอควรผูกมิตรกับคนที่นี่ไว้เป็นดีที่สุด

         ไหวพระถือจ๊ะแม่หนู แล้วนี่ไปไงมาไง ถึงมาด้วยกันได้คะคุณหนู หลังจากรับไหว้หญิงสาวที่สกายพามา นางก็ไม่วายหันไปถามชายหนุ่ม ด้วยความสงสัยและเคลือบแคลงใจ เพราะมันเนิ่นนานมาแล้วที่นางไม่เห็นว่า ชายหนุ่มจะพาผู้หญิงเข้าบ้านนับตั้งแต่เกิดเรื่อง เมื่อหลายปีดีดักที่แล้ว

        ความลับครับนมเดี๋ยวคุณแม่ท่านกลับมา แล้วผมจะบอกพร้อมกัน แต่ตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ เหนียวตัวมากเลย แถมหิวมากด้วย ยังไรบกวนนมไปสั่งให้แม่ครัวเตรียมอาหารสำหรับ ผมกับเธอด้วยนะครับ ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนจะออดอ้อนนางด้วย การบดปากหยักลงไปที่พวงแก้มอันเหี่ยวย่นของนางทั้งสองข้างแรงๆ จนคนที่โดนชายหนุ่มอ้อนด้วยลูกไม้แบบนี้ ถึงกับค้อนให้เพราะความหมั้นไส้ สกายไม่เคยเปลี่ยนแปลง ต่อให้แข็งกร้าวดุดันกับคนภายนอกสักแค่ไหน แต่พอกลับเขาบ้าน ชายหนุ่มก็กลายเป็นคนอ่อนโยนที่พร้อมจะอ้อนนางได้ทุกเมื่อ

          “เอาเถอะค่ะ ไม่บอกก็ไม่บอก งั้นคุณหนูไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่นะคะ เดี๋ยวนมจะไปเตรียมอาหารไว้รอ เสร็จแล้วจะได้ลงมาทานข้าวเมื่อเห็นว่าเจ้าพ่อเหมืองยังไม่อยากเล่า ความเป็นไประหว่างเขากับหญิงสาว นางก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ เพราะนางรู้นิสัยของเจ้าพ่อเหมืองดี ถ้าไม่บอกคลาดครั้นให้ตายยังไงก็ไม่ยอมบอก ยังไงซะชายหนุ่มก็หาทางหลักเลี่ยงได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว  

        “ครับนม

    ไปพริริสา หลังจากบอกกล่าวแม่นมของตนเองเสร็จ ชายหนุ่มก็พยักหน้า เป็นเชิงให้พริริสารับรู้ว่าควรเดินตามเขาขึ้นไปข้างบน หญิงสาวไม่ตอบรับเธอยังยืนตัวแข็งทื่อ จ้องมองสายหนุ่มตาปริบๆ เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นชายหนุ่มในมุมอ่อนโยนเช่นนี้  

    ตายแล้ว นี่อย่าบอกนะคะ  ว่าคุณหนูจะให้แม่หนูคนนี่ขึ้นไปข้างบนด้วย นางใช้มือทาบอก ถามออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจ เพราะไม่คิดว่าสกายจะให้หญิงสาวที่มาด้วยขึ้นไปบนห้องนอนส่วนตัวของตนเอง ลำพังแค่ผู้หญิงเข้าบ้านนี่ก็แปลกอยู่แล้ว นี่ชายหนุ่มยังจะพาเธอขึ้นห้องอีก มันชักยังไงๆอยู่

         นั้นนะสิ ฉันรอคุณอยู่ข้างล่างนี่ก็ได้นะคะ คุณขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ  พริริสาเป็นคนเอ่ยขึ้น เพราะเธอเองก็ไม่อาจรับรองความปลอดภัยของตนเอง ว่าจะสามารถรอดเงื้อมือ คนหื่นกามอย่างเขาได้จริงๆมั้ย ดูท่าทางเขากะล่อนไม่เบา อยู่กับคนที่บ้านเขากลายเป็นคนอีกคนที่เธอไม่คิดว่า คนบ้าอำนาจ เผด็จการ จอมบงการอย่างเขาจะเป็นได้ แต่อยู่ต่อหน้าเธอเขากับเป็นคนอื่นที่แสดงตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง อีตานี่สองบุคลิกชัดๆ

        สกายมองหน้าหญิงสาวสลับกับแม่นมของตนเองอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเดินเข้าไปโน้นหน้ากระซิบกระซาบข้างหูนาง จนนางอุทานออกมาด้วยความตกใจอีกครั้ง

    อกอีแป้นจะแตก คุณหนูทำไมทำอย่างนี้คะ เดี๋ยวคุณหญิงรู้เข้า นมว่าท่านต้องเป็นลมเป็นแล้งไปอีกคนแน่ๆ นางใช้มือตีไปตามต้นแขนของชายหนุ่มเบาๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก่อนจะสั่นศีรษะเบาๆ มองหน้าหญิงสาวที่ยินส่งยิ้มจางๆมาให้ แล้วนึกเอ็นดูนัก ถ้าเจ้าพ่อเหมืองจะให้เธอมาเป็นสะใภ้ของบ้านจริงๆนางก็คงไม่เกี่ยงงอนคัดค้าน เพราะคุณหนูของนางรักใคร นางก็พร้อมจะรักเธอคนนั้นด้วย แต่มันจะเร็ว ไปไหมในเมื่อชายหนุ่มเพิ่งกลับมาได้แค่อาทิตย์กว่าเอง

     คราวนี้ ผมกับพริริสา ขึ้นไปได้หรือยังครับนม สกายถามแม่นมตนเองอีกครั้งด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเลห์ เมื่อคิดคำที่จะพาพริริสาขึ้นบนห้องได้

       ค่ะ ตามสบายค่ะ นมไม่ยุ่งเรื่องหนุ่มสาวแล้ว ไม่ไหวๆ หนุ่มสาวสมัยนี่ วัยไฟกันจริงๆตามคุณหนูเธอขึ้นไปเถอะแม่หนูนางหันมาบอกพริรสาที่ยืนทำหน้าสงสัย อยู่      

    ไปพริริสา เมื่อพูดทำความเข้าใจกับแม่นมของตนเองเข้าใจแล้ว ชายหนุ่มก็หันมาเรียกคนที่ยืนนิ่งเป็นหุ่น

       ดะ.... เดี๋ยวสิคุณ เมื่อครู่คุณพูดอะไรกับนมอุ่นเหรอคะ ฉันเห็นสีหน้าของเธอตกใจไม่ใช่เล่นพริริสาถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย ก่อนจะยอมเดินตามชายหนุ่มขึ้นไปบนบ้าน อย่างกล้าๆกลัวๆ เริ่มไม่ค่อยแน่ใจตนเอง ว่าเธอคิดผิดหรือถูกที่ตกปากรับคำช่วยชายหนุ่มในครั้งนี้

       ฉันก็แค่บอกว่า เมื่อคืนฉันเมามาก เลยเผลอไปเจาะไข่แดงเธอเข้า ก็เท่าเอง คนพูดยักไหล่ไม่สะทกสะท้าน กับวาจาของตนเอง กลับเดินลอยหน้าลอยตาดึงแขนเธอขึ้นข้างบนอย่างไม่คิดจะสนใจอะไร แต่คนฟังถึงกับอ้าปากค้าง กับสิ่งที่ตนเองได้ยิน กว่าจะรวบรวมสติสะตังของตนเองได้ ก็ต่อเมื่อชายหนุ่มพาเธอมาหยุดยืนอยู่ตรงห้องนอนส่วนตัวขนาดใหญ่ของเขา

                “เอาละ พริริสา จัดการอาบน้ำอาบท่าเธอซะ เดี๋ยวฉันจะไปหาเสื้อของคุณแม่ท่านมาให้ใส่ ฉันให้เวลาเธอครึ่งชั่วโมงทุกอย่างต้องเรียบร้อย ผ้าเช็ดตัวกับของใช้ส่วนตัวอยู่ในชิ้นชักในห้องน้ำ เชิญเธอหยิบจับได้ตามสบาย รับรองทุกอย่างเป็นของใหม่ สกายยืนเท้าเอว สั่งคนที่ยืนอึ้งอยู่กับคำพูดของเขาเมื่อสักครู่ ด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เพราะเขายังมีธุระต่ออีกหลายทีที่ต้องไปจัดการ ก่อนจะไปหาลินลณีตามที่นัดไว้ วันนี้ทั้งหมดคงไม่ได้มายืนเถียงต่อปากต่อคำกับเธอ

    พริริสาได้ที่ฉันสั่งไหม

                 “หะ... หา คุณว่าอะไรนะคะ คนที่เอาแต่เหมอเริ่มรู้สึกตัว ก็รีบหันรีหันขวางถามเจ้าของน้ำเสียงเข้มนั้น  เธอไม่ชอบน้ำเสียงเข้มที่ฟังแล้วเย็นยะเยือกแบบนี้ มันรู้สึกน่ากลัวจนน่าขนลุก นี่ชีวิตเธอจะไม่หลุดพ้น น้ำเสียงเยือกเย็นและดุดัน อย่างนี้จริงๆเหรอ  ลำพังได้ยินจากลินลณีก็แทบจะผวาอยู่แล้ว แต่พอหลุดจากหล่อน กลับต้องมาเจอกับผู้ชายอีกคน เธอกลัวแต่ว่าผู้ชายคนนี่จะร้ายกาจกว่าพี่สาวเธอนะสิ เพราะสิ่งที่เธอเจอมากับตัว ถึงสองครั้งสองครานั้น มันบ่งบอกอย่างชัดเจน

      ฉันบอกว่า ไปอาบน้ำได้แล้ว ทุกอย่างต้องเสร็จภายในครึ่งชั่วโมง

    ออ คะ พริริสาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพาร่างอันบอบบางเดินไปยังประตูถัดไป

      ห้องน้ำที่ใหญ่กว่าห้องนอนเธอซะอีก ทุกอย่างจัดไว้อย่างหรูหราอลังการและแบ่งออกไว้อย่างเป็นสัดส่วน จนพริริสาอดที่จะทึ่งในความสวยงามนั้นไม่ได้ แต่ก็มีเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เธอคิด ก่อนจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป จากสมอง เพราะถ้าเธอมั่วชักช้า มีหวังเจ้าของห้องได้เข้ามาโวยวายเธออีกรอบแน่ๆ ซึ่งแน่นอนเธอยังไม่อยากเดือดร้อน หรือถูกชายหนุ่มดุด่าอีก ทางที่ดีเธอควรเชื่อฟังและรีบทำตามคำสั่งของเขาจะดีกว่า  ก่อนจะใช้มือเล็กเปิดชิ้นชักแล้วดึงผ้าเช็คตัวกับของใช้บางอย่างของมาจากตู้แล้วเดินหายเข้าไปในกรอบกระจกที่ถูกกั้นไว้ พร้อมเปิดน้ำชโลมร่างกายของตนเอง เพื่อดับร้อนและดับความทุกข์ในใจที่มีอยู่

    สายน้ำจากฝักบัวที่ร่วงหล่นมากระทบกายสาวไม่ขาดสาย ความเย็นชื่นเข้ามาชโลมร่างกายให้ชุ่มฉ่ำ แต่ทำไมข้างในมันกลับร้อนรุ่ม กับปัญหาต่างๆที่เข้ามาถาโถมไม่หยุดหย่อน  หยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอไหลออกมา พร้อมๆกับสายน้ำที่หล่นลงมาชโลมร่างกาย สิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันคืออะไร เธอตกปากรับคำที่จะช่วยชายหนุ่มเพื่อแลกกับเงินสิบล้าน แต่เมื่อมองในทางกลับกัน มันก็เหมือนเธอยอมขายตัวเพื่อแลกกับเงินไม่มีผิดเพี๊ยน

    เธอคิดดีแล้วหรือพริริสา ไหนบอกจะไม่ยอมขายศักดิ์ศรีตนเองเพื่อแลกกับเงินยังไงเล่า แต่นี่ไม่เพียงข้ามวันเธอก็กลืนน้ำลายตัวเอง  แล้วดูเหมือนผู้ชาย ร้ายกาจคนนั้นจะจงใจให้เธอมารับงานนี้ ถ้าแค่เล่นเป็นเมียกำมะลอแล้วไม่มีอะไรไปกว่านั้นมันก็ดี แต่ลางสังหรณ์อะไรบ้างอย่างมันบอกกับเธอว่า มันจะไม่จบอยู่แค่นี้  เธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเธอจะต้องตกอยู่ในอาณัติของชายหนุ่มตลอดไป…..,

    สกายเดินออกมาจากห้องนอนตัวเองแล้วตรงไปยังห้องส่วนตัวของมารดา เพื่อไปหาชุดลำลองให้เธอใส่ ก่อนที่เขาจะออกไปทำธุระแล้วจัดแจงเสื้อมามาให้พริริสาใส่ใหม่

    เอาตัวนี่แหละชายหนุ่มดึงชุดกระโปรงแบบเรียบๆที่มีเนื้อผ้าเป็นผ้าซาดิน สีชมพูอ่อนออกจากไม้แขวน มาพิจารณาดูพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจ ถือไปให้พริริสาสวมใส่ไว้แก้ขัด

    ก๊อก! ก๊อก!

    พริริสา เสร็จหรือยังสกายร้องเรียกคนที่อยู่ในห้องน้ำอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

    เสียงเคาะประตูห้องน้ำ ที่ดังระรัวปลุกให้คนที่ปล่อยให้น้ำตาไหลไปกับสายน้ำที่ชโลมร่างกายอยู่นั้น ต้องตื่นจากภวังค์แล้วคว้าผ้าเช็คตัวมาผันกายเอาไว้ ก่อนจะเดินออกมาเปิดประตูห้องน้ำ แล้วโผล่ออกมาแค่ศีรษะเพื่อขานรับชายหนุ่ม

    เสร็จแล้วค่ะ ขานรับเสียงแผ่วเบา พร้อมก้มหน้านิ่ง

        พูดกับฉันทำไมไม่มองหน้าฉัน สกายเอ่ยเสียงเข้มขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกหงุดหงิดและขัดใจ ที่พริริสาเอาแต่หลบหน้าหลบตาไม่ยอมมองหน้าเขา มันน่าจะจับมาสั่งสอนให้หลาบจำ ที่บังอาจมาไร้มารยาทกับเขาเช่นนี้

       เมื่อได้ยินชายหนุ่มต่อว่า เธอจึงเหลือบเปลือกตาขึ้นมองหน้าเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่า การยืนสบตาอย่างเกรงๆเหมือนประชดซะมากกว่า มือทั้งสองข้างจับขอบประตูไว้แน่น ถ้าขืนเขาคิดจะทำอะไรเธอ เธอจะได้ใช้ประตูห้องน้ำนี่แหละตะบันหน้าเขาได้

       อย่ามาประชด!! เอาไปใส่ซะ แล้วก็รีบออกมาฉันจะได้เข้าไปอาบน้ำมั้ง สกายทำเสียงเดือดแล้วโยนชุดกระโปรงที่ไปเอามาจากตู้เสื้อผ้าของมารดา ใส่หน้าพริริสา จนเธอเกือบรับไว้ไม่ทัน

    เพียงแค่ไม่นานพริริสาก็ออกมายืนทำหน้าเล่อหลา พร้อมกับชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน  ที่ขับผิวขาวของเธอให้ดูเปล่งปลั่ง แม้มันจะเป็นชุดของคนมีอายุสักหน่อย แต่เธอก็ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบในความคิดของชายหนุ่ม

     ค่อยดูเป็นผู้เป็นคน ขึ้นมาสักหน่อย ดีกว่าชุดเน่าของเธอเยอะเลย ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมเดินเข้ามาดึงผ้าเช็คตัวที่หญิงสาวถือออกมาเช็คผมตนเองออกจากมือของเธอไปหน้าตาเฉย   จนพริริสาเผลอมองค้อนที่ชายหนุ่มไร้มารยาท อะไรของเขา ผ้าขนหนูเยอะแยะในตู้ มีไม่ใช้กลับมาแย่งเอาจากมือเธอ ผู้ชายอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ หญิงสาวนินทาเขาอยู่ในใจ

    เธอกำลังนินทาฉัน ผ่านสายตาอยู่นะพริริสา

    ใครนินทาอะไรคุณกันคนโดนจับได้ ยังปฎิเสธเสียงแข็ง เรื่องอะไรจะต้องยอมรับว่าเธอกำลังต่อว่าเขาอยู่ในใจ   

    เอาละ ฉันเบื่อที่จะต้องมาเถียงกับเธอเต็มทนพริริสา โน้นไดร์เป่าผมกับหวีอยู่ทางด้านโน้นจัดการตนเองเรียบร้อยแล้ว มารอฉันอยู่ตรงนี้ ฉันอาบน้ำเสร็จเราจะได้ลงไปทานข้าวกัน  ว่าพร้อมเดินส่ายศีรษะ และเอาผ้าขนหนูพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำไป คล้ายหงุดหงิดที่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับพริริสา

          ชิส์ ใครอยากจะเถียงกับคุณไม่ทราบ  พริริสาสบทออกมาเบาๆก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวตามที่ชายหนุ่มบอก         

    หลังจากจัดการกับตนเองเรียบร้อยแล้ว พริริสาเพิ่งสังเกตว่าทุกอย่างในห้องทุกอย่างตกแต่งด้วยสีดำกับสีเทา  เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ในห้องนี้เป็นสีดำหมด ไม่เว้นแม้แต่โซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง หรือแม้แต่โต๊ะทำงานหรือเตียงนอน แม้กระทั้งตู้เสื้อผ้า จะมีก็แต่ผ้าปูที่นอนนี่แหละที่เป็นสีเทา  ผู้ชายคนนี้ดูลึกลับจังในความคิดของเธอ จะมองไปทางไหนก็ดำมืดไปหมด ก็คงเหมือนจิตใจเขาละมั้ง  ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดทำอะไรแผลงๆและจับตัวเธอมาถึงนี่ หญิงสาวคิดต่อว่าเขาอยู่ในใจ

    ไม่นานคนที่คิดอะไรไปเรื่อยเปลื่อยก็เริ่มง่วง ส่วนคนที่สั่งให้เธอรีบอาบน้ำแต่งตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องน้ำ ท้องไส้ก็เริ่มปั่นป่วนเนื่องจากไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้า ครั้นจะให้เดินออกไปหาเอง นั้นยิ่งเป็นเรื่องยาก พริริสาจึงตัดสินใจเอนหลังไปกับเบาะนุ่มของเตียงใหญ่ข่มความหิวระหว่างรอคนที่ชอบออกคำสั่งกับตัวเอง

    หญิงสาวนอนตะแคงใช้แขนข้างหนึ่ง ขึ้นมาหนุนศีรษะตนเองไว้ แล้วคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามา รวมถึงวริชไม่รู้ป่านนี้เขาจะรู้เรื่องนี้หรือยัง ว่าวันนี้เธอผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ความวุ่นวายและเรื่องยุ่งๆไหลเข้ามาแบบตั้งตัวไม่ทัน จนบางครั้งเธอก็ไม่รู้ว่าจะจัดการต่อกับเรื่องราวพวกนี้ยังไงดี หญิงสาวหลับตาเพื่อผ่อนคลายความเครียดที่สะสม และในที่สุดก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียที่มี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×