ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์วิวาห์เจ้าชายมาเฟีย (พริม สกาย)

    ลำดับตอนที่ #18 : ออกสื่อ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.89K
      4
      9 ก.ย. 58

     

                                            บทที่18 ออกสื่อ

    พริริสาทำไมยังไม่แต่งตัวเสียงทุ่มห้าว ของคนที่ถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนเข้ามาถามขึ้น เมื่อยังเห็นแม่ตัวดี นั่งอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ เล่นตุ๊กตาที่เขาเพิ่งซื้อให้เมื่อตอนบ่าย และยังไม่ยอมแต่งตัว ทั้งทีเธอขึ้นมาบนห้องตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว

    พริริสาลุกพรวดไม่คิดว่า ชายหนุ่มจะเข้ามาในห้องนอนของเธอในยามนี้ เธอจับเสื้อคุมตัวเองไว้แน่น เพราะคิดว่าชายหนุ่มจะทำมิดีมิร้ายใส่ และมองเขาแบบหวาดๆ ก็ปกติชายหนุ่มจะเข้ามาเฉพาะตอนที่เธอหลับไปแล้ว หรือไม่ก็ไม่อยู่ พอเขาเข้ามาในเวลาแบบนี้เธอก็เลยทำตัวไม่ถูก 

    คือพริม... ไม่รู้ว่าควรแต่งหน้าทำผมยังไงนี่คะเธอตอบออกไปด้วยความใสซื่อ จนคนที่ยืนเท้าเอวถามอยู่ ส่ายหน้าเพราะไม่รู้จะช่วยเธอยังไงเหมือนกัน ก่อนจะนึกอะไรได้แล้วบอกกับพริริสาอีกครั้ง

    ไปแต่งตัวไป เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการให้พูดเสร็จ เขาก็ล้วงโทรศัพท์เครื่องเล็กออกจากกระเป๋ากางเกง ต่อสายหาใครสักคน แล้วเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัว ปล่อยให้พริริสายืนทำหน้าสงสัยอยู่ที่เดิม

    พริริสาถอนหายใจโล่งอก เธอคงจะระแวงชายหนุ่มมากเกินไปหรือเปล่า เพราะแค่เขาเดินเข้ามาในห้องแบบนี้ เธอก็ใจเต้นตุ้มๆ ตอมๆ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต้องยอมรับเลยว่า เธอยังหวาดกลัวและระแวงเขาอยู่ ตั้งแต่คืนนั้นที่มารร้ายในตัวเขาปรากฏขึ้น แก่สายตาเธอ

     เมื่อชายหนุ่มหายเข้าไปในห้องแต่งตัว สักพักก็มีเสียงเปิดน้ำฝักบัวดังขึ้น แสดงว่าเขาขึ้นมาอาบน้ำ แล้วทำไมเขาจะต้องมาอาบน้ำตั้งแต่หนึ่งทุ่ม โดยปกติแล้วกว่าชายหนุ่มจะขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสือผ้าก็ราวตีหนึ่งตีสองเข้าไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้สงสัยนานเมื่อมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

    พี่เอมขออนุญาตเข้าไปนะคะเสียงเอมอร แม่ครัวประจำบ้านนั้นเองที่ดังขึ้น
                  “เชิญค่ะ พี่เอมพริริสาบอก พร้อมๆกับที่เอมอรเปิดประตูห้องเข้ามา
                  “พี่เอาชุดคุณสกายขึ้นมาให้ค่ะ ช่างเพิ่งจะเอามาส่ง”.. นางพูดพร้อมยืนถุงสีเงินที่ห่อหุ้มชุดสูทหรูไว้ข้างในให้พริริสา

    ออ ค่ะพริริสารับมาอย่างงงๆ นี่อย่าบอกนะว่าที่เขาขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งหัวค่ำ เพราะเขาจะออกไปงานเลี้ยงกับเธอด้วย 

    หนูพริมไปแต่งตัวได้แล้วค่ะ เดี๋ยวไปงานสาย คุณหญิงฝากบอกว่าสองทุ่มครึ่งไปเจอกันที่ห้องรับแขกนะคะนางบอกพริริสาอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง

    พริริสาถือชุดสูทของชายหนุ่ม เข้าไปวางไว้ในห้องแต่งตัว จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเสื้อตัวเอง เพราะกลัวเขาจะออกมาต่อว่าเธอ ว่าชักช้าทำอะไรไม่ทันใจอีก

    เนื่องจากชุดที่ซื้อมาเป็นชุดเดสรที่มีซิบยาวตั้งแต่กลางหลังยันช่วงไหล่ ทำให้พริริสาไม่สามารถดึงซิบขึ้นมาจนสุดได้ เธอพยายามเอื้อมแขนมาด้านหลัง แต่ทำยังไงก็ไม่สามารถดึงซิบขึ้นมาจนสุดได้อยู่ดี เป็นเวลาเดียวกันที สกายอาบน้ำเสร็จและเดินออกมาพอดี  เขามีแค่ผ้าขนหนูผืนใหญ่ตัวเดียวพันท่อนล่างปิดบังความใหญ่โตเอาไว้ ส่วนที่มือก็ถือผ้าเช็คตัวผืนเล็ก กำลังเช็คไปตามผมที่มีหยดน้ำปอยๆติดอยู่ ชายหนุ่มก้าวขาเดินมาหยุดที่ประตูห้องน้ำ และเหลือบเปลือกตามองคนที่ยืนงึกๆงักๆ กับการรูดซิบชุดสวยอยู่ ก่อนจะโยนผ้าเช็คผมลงตะกร้า แล้วเดินมาหยุดตรงด้านหลังของเธอ

     “ทำอะไรเขาถามขึ้น จนพริริสาที่ยืนหันหลังให้อยู่ ต้องหันมา แล้วรีบก้าวถอยหลังไปทันที

     “พี่กาย ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะพริริสาถามเสียงสั่น เพราะมองเห็นชายหนุ่มในผ้าขนหนูผันกายแค่ผืนเดียว และเธอรู้ได้ด้วยสันชาตญาณว่าข้างในนั้นมันว่างเปล่าไร้สิ่งปกปิด

     “อย่าถามมากน่ะ มานี่พูดยังไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็ก้าวขามาจับไหล่พริริสาให้หันไปอีกด้าน จนคนขี้กลัวและขี้ระแวง โวยวายเพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเธอหรือเปล่า

    พี่กาย จะทำอะไรพริม อย่านะ ปล่อยสิ บอกให้ปล่อยไงพริริสา พยายามเบี่ยงไหล่หลบ และใช้มือเล็กของตนปัดมือใหญ่ของเขาที่จับไหล่เธอไว้ แบบสับเปะสับปะ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นอุ้งมือใหญ่นั้น

    อยู่เฉยๆ เธอจะดิ้นทำไมหะชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม จนพริริสาไม่กล้าที่จะขยับกายเคลื่อนย้ายไปไหนอีก ได้แต่เม้มปากตัวเองไว้แน่นและหลับตาปี้ รอฟังคำสั่งจากเขา

    สกายจับหัวไหล่เธอหมุนไปด้านหลังอีกครั้ง ก่อนจะใช้มือหนาของตนเองรุดซิบชุดเดรสของเธอให้อย่างนุ่มนวล  ก่อนที่พริริสาจะหันกลับมาขอบคุณด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา 

    ขอบคุณค่ะพริริสาก้มหน้ามองอยู่ที่ปลายเท้าของตนเอง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนมีน้ำใจที่ยืนปั้นหน้าเรียบเฉย เพราะกลัวเขาจะเห็นว่าใบหน้าของเธอตอนนี้ที่กำลังแดงระเรื่อแข่งกันกับลูกชมพู่ จากการกระทำของเขา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้รู้สึกดีนาน เสียงอันเกรี้ยวกราดของชายหนุ่มก็ดังขึ้น กลบความรู้สึกดีๆนั้นจนสิ้น\

      พริริสา!! น้ำเสียงคนเรียกช่างดุดันยิ่งนัก จนคนที่ยืนก้มหน้าก้มตา อยู่ต้องรีบเงยขึ้นมา แล้วมองหน้าเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ว่าเธอทำอะไรผิด ทำไมเขาต้องเรียกชื่อเธอเสียงเข้มแบบนั้น

    แหวนและสร้อยข้อมือของเธออยู่ไหน ฉันสั่งแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามเธอถอดมันออกจากมือเด็ดขาดไม่พูดเปล่าสกายจับข้อมือเธอยกขึ้น แล้วมองอย่างไม่พอใจ ที่พริริสาบังอาจขัดคำสั่งของเขา

         หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาตื่นตระหนก รู้ว่าทำพลาดซะแล้ว ที่ถอดแหวนกับสร้อยออกก่อนที่จะอาบน้ำแล้วลืมใส่กลับ แต่ของมีค่าแบบนี้จะให้เธอใส่อาบน้ำได้ยังไงล่ะ ขืนซุ่มซ่ามทำมันตกลงไปในท่อระบายน้ำ มีหวังชายหนุ่มโมโหเธอมากว่านี้อีก

    ขอโทษคะ พริมถอดมันออกตอนจะอาบน้ำ แล้วลืมใส่คืนพริริสาบอกไม่เต็มเสียง พร้อมสบตากับชายหนุ่ม เหมือนจะสื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะขัดคำสั่งเขา ก็มันลืมจริงๆนี่นา

    ให้มันได้อย่างสิ ไปเอามาใส่เดี๋ยวนี้เลยนะเขาดุ พร้อมยอมปล่อยแขนให้เป็นอิสระ ก่อนจะหมุนตัวไปจัดการหาเสื้อผ้ามาสวมใส่

    พริริสาเดินคอตกไปเอาแหวนกับสร้อยข้อมือมาใส่ เหมือนเด็กโดนผู้ใหญ่ดุว่า เธอใช้ฟันกัดปากล่างไว้ ทำตาละห้อย เหมือนคนโดนขัดใจ แล้วไปยืนใส่แหวนกับสร้อยข้อมืออยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แต่ทุกอากัปกิริยาของเธอกลับทำให้คนที่ยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้านหลังแอบขำ เพราะมองเห็นใบหน้าง้ำงอของเธอผ่านกระจกนั้นเอง
                “ยัยนี่นับวัน ยิ่งเหมือนเด็กเข้าไปทุกที”      

    พริริสาชายหนุ่มเรียกชื่อเธออีกครั้ง

                “คะพริริสาหันกลับมาแล้วทำหน้าหงอย เธอคิดว่าเขาจะต่อว่าอะไรอีก ทั้งอาการแปลกๆที่เธอกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ มันคืออะไร วันนี้ทั้งวันเขาก็ทำให้เธอแปลกใจหลายอย่าง บางทีเขาก็อ่อนโยนกับเธอ บางทีเขาก็แข็งกระด้าง และบางทีก็ทำเหมือนไม่ใส่ใจเธอ แต่ทุกครั้งที่เขาอ่อนโยนกับเธอทำไมใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ มันเหมือนจะหลุดออกมาให้คนใจร้ายอย่างเขาได้เยาะเย้ย เธอไม่อยากจะบอกกับตนเองว่า เธอกำลังหลุมรักผู้ชายใจร้ายคนนี้อยู่ มันต้องไม่ใช่อย่างนั้นสิ พริริสา เธอต้องหนักแน่นและใจแข็งเข้าไว้

                “มานี่สิ ชายหนุ่มสั่ง 

    คุยตรงนี้ไม่ได้เหรอคะคนขี้ระแวงถามกลับ และยังไม่ยอมทำตามคำสั่ง
                “ยืนตรงนั้นแล้วเธอจะช่วยฉันแต่งตัวได้ไหมเล่า

    แต่งตัว! นี่เขาเรียกเธอ ไปช่วยแต่งตัวให้อย่างนั้นหรือ แล้วทำไมเขาไม่แต่งเองเล่า เป็นเด็กอายุสามขวบหรือยังไง ทำไมจะต้องให้เธอเข้าไปช่วยด้วย พริริสาคิดแย้งอยู่ในใจ แต่ถึงอย่างนั้นเท้าก็ยังเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม อย่างระวังตัว
                “พี่จะไปงานด้วยเหรอคะ”  เธอถามขึ้น ในขณะที่มือก็ทำหน้าที่จดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตให้ เพราะชายหนุ่มยื่นแขนลงมาให้เธอพร้อมพยักหน้าสั่งว่าเธอควรทำอะไร

    อืม!! มีอะไร ถามทำไม สกายเหลือบเปลือกตาลงมามองคนที่จดกระดุมให้ เล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจเสื้อผ้าตนเองต่อ อันนี้ที่จริงเขาก็ไม่คิดว่าเขาจะต้องไปด้วย แต่เมื่อไม่กี่นาทีที่เขาจะขึ้นมาอาบน้ำ มารดาลงไปสั่งให้เขาขึ้นมาเตรียมตัว เพื่อจะได้ไปงานเลี้ยงด้วย สกายคัดค้านอยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล จนแล้วจนรอดก็เลยต้องยอมจำนน ต่อคำสั่งมารดาจนได้ ใช่สิ เขาเคยขัดได้ซะที่ไหนละ

     “เปล่าค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะเธอจดกระดมเม็ดสุดท้ายที่แขนเสื้อชายหนุ่มเสร็จแล้วก็เงยหน้าบอกเขา

    ตรงนี่อีก สกายใช้นิ้วชี้ของตนเอง ชี้ไปยังลำตัวของเขาที่ยังไม่ได้จดกระดุม เผยให้เห็นไรขนอ่อนๆที่อกกำยำนั้น พริริสาเบี่ยงสายตาออกไม่อยากจะมอง แล้วใช้มือยื่นไปจดกระดุมให้เขาแบบสั่นๆ แต่นั้นกลับทำให้ชายหนุ่มโวยวาย เพราะเธอจดกระดุมไม่ถูกรังดุมเลยสักเม็ด

    พริริสาสกายเอ่ยเสียงเย็น

    คะ... อุ้ย!! เธอหันกลับมามองตามเสียง ก็เลยรู้ว่าตนเองจดกระดุมไม่ถูกรัง ก่อนจะรีบแกะมันออกแล้วจดให้ชายหนุ่มใหม่ทันที

    สกายก้มหน้าลงมองคนที่จดกระดุมเสื้อให้ อีกนิดเดียวใบหน้าของเขาก็จะติดกับศีรษะเธออยู่แล้ว ยัยนี่  ตัวเล็กจริงๆ ไม่รู้ตอนเด็กกินนมบ้างหรือเปล่า โตขึ้นมาถึงได้เป็นคนแคระแบบนี้ จะว่าไป เธอก็เล็กแต่ตัวนะ อย่างอื่นนะไม่เล็ก เพราะเขาเคยสัมผัสมันมาแล้ว

    เสร็จแล้ว คเมื่อติดหูกระต่ายให้เขาเสร็จ พริริสาก็เงยหน้าขึ้นบอก โดยที่ ใบหน้าของเธอกับเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ เธอสัมผัสได้ถึงเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอ ที่เอ่อรดใบหน้านวลของตนเองนั้น

    เหมือนต้องมนต์สะกด ให้เธอยืนนิ่งจ้องมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่ม ที่ใกล้และชัดเจนที่สุด สมองเธอหยุดสั่งการชั่วคราว เหมือนสิ่งรอบตัวหยุดทำงาน ทั้งทีเข็มนาฬิกายังหมุนไปไม่หยุด แต่สำหรับพริริสาเธอกำลังหยุดสิ่งรอบตัว ไว้ตรงใบหน้าของเขา และยิ่งเมื่อเจอสายตาคู่คมของเขาก็จ้องหน้าเธออยู่เช่นกัน ยิ่งทำให้ชีพจรที่เต้นแรงอยู่แล้ว เพิ่มแรงขึ้นอีกทวีคุณ

    สกายเองก็เหมือนหลุดออกจากความคิดของตนเอง เขาไม่รู้ว่า ทำไมถึงยืนนิ่งจ้องมองใบหน้าหวานของเธออยู่เช่นนี้ ทั้งทีในสมองกำลังคิดแย้ง ว่ามันก็แค่มารยาของผู้หญิง เธอแค่แสดงละคร พริริสาตัวจริงถ้าลองเขาได้เข้าใกล้ตัวเธอ เธอต้องโวยวายดิ้นรนขัดขืนสิ ไม่ใช่ยืนนิ่ง ให้เขาจ้องหน้าเธอแบบนี้   แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจก็ไม่ยอมทำตามที่สมองสั่ง ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงไปปะกบปากของพริริสา

    เมื่อเสียงลมหายใจที่เอ่อรดใบหน้า ของเขาใกล้เข้ามาทุกขณะ พริริสาจึงหลับตาพริ้ม ก่อนที่ลมปากอุ่นๆของชายหนุ่มจะเข้ามาประกบทาบทับกับริมผีปากบางของเธอ สกายใช้มือใหญ่สองข้างของเขา ขึ้นมาประคองใบหน้าของเธอไว้ ก่อนจะส่งลิ้นร้อนตามเข้าไปติดๆคราวนี้ไม่รุนแรง ไม่รีบร้อน และเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

    พริริสารู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน เหมือนวิ่งอยู่ในทุ่งดอกหญ้าที่เต็มไปด้วยความสวยงาม มีแม็กไม้และต้นหญ้าที่ให้ความอบอุ่น บดบังแสงร้อนจากดวงอาทิตย์ ที่เคยแผดเผาตนเอง รสจูบของเขานุ่มนวล อ่อนหวาน ไม่หยาบกระด้างเหมือนครั้งก่อน เธอจูบตอบชายหนุ่มเป็นไม่ประสา แต่นั้นกลับทำให้ชายหนุ่มครางอยู่ในลำคอด้วยความพอใจ ที่พริริสายอมเปิดใจรับจูบจากเขา

    เนิ่นนานกับการใช้ลิ้นร้อนชุ่ม หยอกล้อหยอกเอินกับลิ้นเล็กรสหวาน หากไม่มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เพื่อขัดจังหวะของคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับรสจูบอันแสนหวาน จากชายหนุ่ม ต้องสะดุ้งรู้สึกตัว ว่าเธอเผลอทำตัวน่าอายเข้าให้แล้ว เมื่อเผลอเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มเขามาถึงตัวถึงตัว ของตนเองอีกครั้ง

    พริริสาผละออกจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว แล้วรีบตั้งสติ ก่อนจะเหลือบมองคนตรงหน้าที่เหมือนกำลังยิ้มเยาะเธออยู่ กับสิ่งที่เธอเผลอไผลไปกับเขา เธออยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายยิ่งนัก ที่หลงมัวเมาไปกับคำสาปของเขา ที่ต้องการให้เธอสมยอม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่งตัวแล้วไปเปิดประตูให้คนที่ยื่นเคาะอยู่ด้านนอก
                ชายหนุ่มก็ไม่เข้าใจตัวเองนัก ว่าทำไมหลังจากที่เธอผละออก เขาถึงได้มองเธอด้วยสีหน้าแบบนั้น ทั้งที่เขาพอใจอยู่ไม่น้อยกับการตอบรับที่ดีของเธอ

    พริริสามาเปิดประตูห้องถึงได้รู้ว่า แม่บ้านพาแม็คอัพ อาร์ติส ขึ้นมาส่งให้ สอบถามได้เรื่องว่าสกายโทรไปบอกให้นิพนธ์ให้จัดมาให้เธอนั้นเอง

    ช่างแต่งหน้าทำผมเธอมาแล้วเขาเดินออกมาบอกพริริสา หลังจากจัดการกับเสื้อผ้าตนเองจนเข้าทีแล้ว

    ผมให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมง ในการแต่งหน้าทำผมเธอ เขาหันมาสั่งแม็คอัพ อีกครั้ง ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงโซฟา เพื่อรอพริริสา

    ค่ะ ตินาจัดให้ค่ะแม่สาวประเภทสอง แม็คอัพ อาร์ติส มืออาชีพที่ นิพนธ์หามาให้จีบปากจีบคอบอก

    ไปค่ะคุณน้องเดี๋ยวเจ๊จัดให้หล่อนหันมาบอกก่อนจะจับไหล่ของพริริสาไว้ และดันเข้าไปในห้อง แต่งตัวที่ชายหนุ่มเพิ่งเดินออกมา

    ตากายหนูพริมแม่เข้าไปได้ไหมลูกหลังจากพริริสาหายเข้าไปแต่งหน้านานเกือบสิบนาทีแล้ว คุณหญิงแม่ของชายหนุ่มก็มาเคาะประตูห้อง พร้อมทั้งถือกล่องกำมหยีสีน้ำเงินเข้มอยู่ในมือ

    ครับคุณแม่ คุณแม่มีอะไรหรือครับ สกายเอ่ยถาม เมื่อเดินมาเปิดประตูห้องให้นาง

    หนูพริมยังแต่ตัวไม่เสร็จเหรอลูก

    ครับ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าครับ

    เปล่าจ๊ะ แม่แค่เอาเครื่องประดับเอาให้หนูพริมเธอใส่นะ ลูกสะใภ้คุณหญิงฟ้าลดา ไปงานทั้งที จะไม่ให้มีเครื่องประดับติดตัวไป แม่ไม่ยอมจริงๆนะตากายนางยอม รับพริริสาเป็นลูกสะใภ้อย่างเต็มตัว จนลุกชายตนเองอย่างจะค้อนให้ยิ่งนัก ยิ่งเห็นอาการเห่อลูกสะใภ้ สกายยิ่งหมั่นไส้พริริสาเท่านั้น

    ครับคุณแม่ เดี๋ยวผมจะใส่ให้เธอเองครับ” สกายว่า พร้อมรับกล่องกำมะหยีมาจากมือนาง

    แม่ลงไปรอข้างล่างนะ เสร็จแล้วก็รีบตามไปเลย เข้างานสายเดี๋ยวเสียชื่อคุณหญิงอย่างแม่หมดนางกว่าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

    ครับคุณแม่

    เสร็จแล้วค่ะ........ เสียงแม็คอัพเอ่ยขึ้น เมื่อแต่งหน้าทำผมให้พริริสาเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    สวยใช่มั้ยละคะหล่อนเอ่ย ขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นชายหนุ่มจ้องพริริสาตาไม่กระพริบ

    ไม่มีคำตอบใดจากๆปากชายหนุ่ม นอกจากการยืนนิ่งจ้องมองพริริสา สวย เขายอมรับว่าเธอสวย ยิ่งชุดเดรสเกาะอกสีโอรสสีอ่อนที่เธอใส่ ยิ่งขับผิวนวลเธอให้ดูเปล่งปลั่ง ผมยาวที่ดำขลิบ ถูกถักเปียแล้วเกล้าขึ้นไปไว้จนสุด เผยให้เห็นดวงหน้า ที่ผ่องใสและขาวเนียนนั้น แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพง เพียงบางเบา ก็ขับให้หน้าของพริริสามีมิติ และหน้ามองยิ่งนัก

    ติ๊นา ว่าติ๊นาหมดหน้าที่แล้วติ๊นาไปดีกว่า

    ขอบคุณ พรุ่งนี้ผมจะบอกให้นิพนธ์โอนเงินค่าเสียเวลาให้คุณ..

     “พริริสาไปกันได้แล้ว คุณแม่ท่านรออยู่สกายหันมาสั่งคนที่ยืนก้มตาก้มตา 
                 “ค่ะเธอตอบเพียงสั้นๆ เพราะยังอายกับสิ่งที่ทำลงไป ก่อนจะเดินนำชายหนุ่มไปจะเปิดประตูห้อง

     “เดี๋ยวพริริสา กลับมานี่ก่อน” 

    อะไรของเขา เดี๋ยวไปเดี๋ยวหยุด ตามอารมณ์ไม่ทันแล้วนะ พริริสาคิดตำหนิอยู่ในใจ แต่ก็ยอมเดินกลับมาตามคำสั่ง

    หันหลังมาสิเ ขาสั่งพร้อมวางกล่องกำหยีลงบนเตียงก่อนจะเปิดมันแล้วหยิบสร้อยคอเพชร มาสวมให้จากด้านหลัง พริริสาเห็นการกระทำของชายหนุ่มจากกระจกเงาที่อยู่ด้านในห้องแต่งตัวอาการใจเต้นเร็วก็กลับมาอีกครั้ง

    คุณแม่ท่านให้เธอ เอาไว้ใส่ไปงานกับท่าน เขาบอกเสียงราบเรียบ        
                 “ส่วนตุ้มหูนี่ ใส่เองแล้วกันสกายโน้มตัวไปหยิบตุ้มหูเพชร แล้วมายื่นให้เธอ

     พริริสา เงยหน้ามองเขาเล็กน้อยก่อนจะ หยิบตุ้มหูเอามาใส่ ดีนะที่คุณหญิงแม่ยังเลือกสร้อยเพชรเส้นเล็กมาให้เธอใส่ ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่กล้าใส่ออกจากบ้านแน่ๆ

    เดี๋ยวพริริสา ถอดสร้อยคอของเธอออกก่อน มันไม่เข้ากันกับเครื่องเพชรที่คุณแม่ให้เธอใส่

     “แต่ว่าพยายามค้าน ไม่เห็นด้วย ก็สร้อยเส้นนี่ไม่เคยห่างคอเธอเลยนี่นา  ผู้มีประคุณของเธอบอกว่า มันติดตัวเธอมาตั้งแต่ยังเล็ก

    ไม่มีแต่พริริสา ฉันสั้งให้ถอดก็ต้องถอด กลับบ้านมาค่อยใส่คืนก็ได้ มาฉันช่วยสกายไม่ได้เว้นวรรคให้เธอได้คัดค้านหรือโต้แย้งอีก                

    โรงแรมหรู ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ ถูกจัดขึ้นให้เป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ เพื่อเลี้ยงขอบคุณเศรษฐีน้อยใหญ่ แห่งแวดวงไฮโซทั้งหลาย ที่รวบรวมเพื่อระดมทุน หาเงินบริจาคแก่สถานะเลี้ยงเด็กกำพร้าในภาคเหนือ ซึ่งงานนี้ได้หัวเรือใหญ่อย่างคุณหญิงฟ้าลดา และคุณหญิงชดช้อย ภริยาของรัฐมนตรี ผู้ตงฉินเป็นผู้จัดขึ้น 
                ภายในงานถูกตกแต่งจากดอกไม้นานาพันธ์ เครื่องดื่มและอาหารครบเซ็ต มีทั้งนักข่าว จากสื่อไทยและนอกมาร่วมงานเพื่อทำข่าวอย่างคับคลั่ง เพราะมูลนิธิที่คุณหญิงฟ้าลดากับเพื่อน จัดตั้งขึ้น ช่วยให้เด็กกำพร้าในหลายๆพื้นที่ ได้มีโอกาสอย่างคนทั่วไป และทั้งช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของเด็กๆเหล่านั้นให้ดีขึ้นอีกด้วย จึงนับว่าการจัดการครั้งนี้ขึ้น นอกจากจะจัดเพื่อขอบคุณแขกผู้เกียรติทั้งหลายแหล่แล้ว ยังเปิดรับบริจาคเงินจากเศรษฐีและเศรฐณีจากทั่วฟ้าเมืองไทยอีกด้วย
                งานใหญ่โตแบบนี้ แน่นอนว่า ได้ออเกนไนเซอร์ฝีมือดีจากบริษัทที่โด่งดังมีชื่อเสียงของ ลินลณีทำงานอยู่เป็นผู้จัดให้ และแน่นอน หนึ่งในทีมงานนั้น ก็มีลินลณีร่วมอยู่ด้วย

    พี่ลิลลี่ค่ะ งานด้านนอกเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ยังไงหนูกับทีมงานขอตัวกลับก่อนนะคะ ทางนี้หนูฝากพี่ลิลลี่ด้วยแล้วกันหนึ่งในทีมงานวิ่งเข้ามาบอกเธอ เมื่อจัดเซ็ตฉากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลงเหลือแต่ในส่วนของลินลณีที่ต้องจัดการต้อนรับแขกผู้เกียรติ และดูแลขั้นตอนต่อๆไปของงาน

    จ๊ะ ที่เหลือฉันดูแลเองลินลณีพูดในขนาดที่กำลังใช้ลิปสติกยี่ห้อแพง ป้ายไปที่ปาก โดยไม่ได้สนใจที่จะหันมามองคนที่วิ่งมาด้วยซ้ำ 

    งานนี้ถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ เพราะหล่อนเห็นมีนักข่าวทุกแขนงมารอทำข่าวอยู่ และแน่นอนหล่อนเชื่อว่า งานนี้ต้นน้ำต้องมาร่วมงานด้วยอย่างแน่นอน ถึงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา หล่อนกับต้นน้ำจะไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย แต่เชื่อว่าข่าวของหล่อนกับต้นน้ำก็ยังไม่จางหายลงไปจากหน้าหนังสือซุบซิบแวดวงคนไฮโซอย่างแน่นอน
                ลินลณีเดินกรีดกร่ายออกมาจากหลังเวที เพื่อเดินเข้ามาร่วมกับทีมงานของหล่อน ที่นั่งรออยู่แล้วตรงโต๊ะที่ถูกจัดขึ้น เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงาน ได้ใช้เป็นพื้นทีส่วนตัว  หล่อนใช้เวลาสั่งงานกับทีมงานไม่นาน ก็ขอตัวปลีกออกมา เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่หล่อนคิดไว้ว่ายังไงเขาก็ต้องมา ใช่!งานการกุศล แบบนี้ ไม่มีทางหรอก ที่คนอย่างต้นน้ำ สุริยะจักรจะพลาด เพราะงานเช่นนี้ถ้าหนึ่งในนั้นมีชื่อของตระกูล สุริยะจักร ร่วมบริจาคอยู่ด้วยแล้ว แน่นอนเลยว่า มันจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตระกูลเขา และบริษัทที่กำลังขยายกิจการอยู่

    ลินลณีเดินตรงมาหาต้นน้ำทันที ที่สายตาคมสวยนั้นมองเห็นชายหนุ่มกำลังแจกยิ้มให้กับช่างภาพ ได้กดซัดเตอร์กันระรัว แต่ฝีเท้าที่กำลังเร่งรีบนั้นก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมองเห็นผู้หญิงสองคนที่ผะนาบข้างอยู่ คนหนึ่งเป็นผู้หญิงสูงวัย แต่ยังสวยสง่า ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นญาติผู้ใหญ่ของชายหนุ่ม แต่ผู้หญิงอีกคนล่ะเป็นใคร ดูหน้าตายังเด็กยิ่งนัก แถมยังสวยอีกต่างหาก จะว่าเป็นน้องสาวของต้นน้ำก็ไม่ใช่ เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวสายฟ้า หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคู่ควงคนใหม่ของชายหนุ่ม

    ลินลณียืนกำมือไว้แน่นด้วยความไม่พอใจ แม้จะเลิกรากับต้นน้ำไปแล้ว แต่ก็แอบอิจฉาริษยา ที่เห็นผู้หญิงคนอื่นมายื่นอยู่ข้างผู้ชายที่หล่อนเคยมีสัมผัสลึกซึ้งด้วย

    ก่อนจะตัดสินใจเดินแหวกกลุ่มนักข่าว เพื่อเดินตรงไปหาชายหนุ่มด้วยความลำพองใจ ยังไงซะต้นน้ำกับหล่อนก็เคยมีสัมพันธ์สวาทกัน ชายหนุ่มคงไม่ใจร้ายไล่หล่อนต่อหน้านักข่าวหรอก ลินลณีคิดเข้าข้างตนเองอยู่ในใจ

     “ขอโทษนะคะ ขอลิลลี่เข้าไปหน่อยค่ะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน จนหลายคนที่ยืนถ่ายรูปอยู่ต้องหลีกให้ เพราะจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือคู่ควงคนล่าสุดของชายหนุ่มที่พวกเขากำลัง สัมภาษณ์อยู่

    อ้าวคุณลินลณี หลีกๆ ให้เธอหน่อย เราจะได้มีภาพถ่ายคู่ระหว่างเธอกับคุณต้นน้ำเสียงนักข่าว คนหนึ่งดังขึ้น พร้อมๆกับที่หลายคนยอมหลีกให้ลินลณีเดินเข้าไปหาต้นน้ำได้สำเร็จ

    เพียงได้ยินชื่อของลินลณีต้นน้ำก็หน้าเจื่อนลงเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะเจอหล่อนที่นี้ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อลินลณีมาเดินหยุดอยู่ข้างๆ
                   “สวัสดีค่ะ คุณต้นน้ำ ลิลลี่คิดไว้อยู่แล้วว่าคุณต้องมางานนี้หล่อนเอ่ยเสียงหวานสายตาเป็นประกาย และจงใจทักทายชายหนุ่มด้วยการเขย่งเท้าขึ้นไปหอมแก้มสากเขา เพราะรู้ว่านักข่าวต้องกดซัดเตอร์กันระรัว และพรุ่งนี้ข่าวสังคมไฮโซก็จะมีภาพหล่อนกับต้นน้ำพาดอยู่บนหัวข่าวอย่างแน่นอน

    ต้นน้ำทำหน้าเลิกลั่ก ไม่คิดว่าลินลณีจะใช้วิธีนี้ทักทายเขา พร้อมกับหันไปมองหญิงสูงวัยที่มาด้วย อย่างขอโทษขอโพยอยู่ในใจ ที่ทำให้เจอเหตุการณ์แบบนี้ อุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาแล้วว่า จะไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

    ผมเองก็ไม่คิดว่าลิลลี่จะมาร่วมงานแบบนี้ด้วยชายหนุ่มถามออกไปตามมารยาท และน้ำเสียงค่อยข้างไปทางขรึม

    ลิลลี่มาเป็นตัวแทนของบริษัทค่ะ บังเอิญบริษัทของลิลลี่รับจัดงานนี้เอง”  หล่อนว่า พร้อมมองต้นน้ำด้วยสายตาเป็นประกาย  

    แล้วนี่คุณต้นน้ำพาใครมาด้วยเหรอคะ  ไม่เห็นแนะนำให้ลิลลี่รู้จักบ้างเลยหล่อนเหลือบตามองไปด้านหลังที่มีผู้หญิงสองคนยืนอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะเหยียดปากส่งยิ้มแพรวพราวกับไปให้นักข่าว

    จริงสิคะ วันนี้นอกจากคุณลิลลี่แล้ว คุณต้นน้ำพาใครมาด้วยคะนักข่าวนางหนึ่ง ถามขึ้น พร้อมๆกับอีกหลายๆคนที่ถามคำถามเดียวกัน

     นั้นสิคะ ผู้หญิงอีกสองคนที่คุณต้นน้ำพามาด้วยเป็นใครกันคะ

    ออ..ครับต้นน้ำยิ้มให้นักข่าว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปจับมือของคุณสายน้ำพร้อมๆกับพยักหน้าให้จอมขวัญตามมา

    ผู้หญิงคนนี้คือผู้มีพระคุณของผมครับ คุณอาสายน้ำ สุริยะจักร อาแท้ของผม ส่วนอีกคนที่มาด้วย เธอคือ...ต้นน้ำหันกลับไปมองจอมขวัญแล้วแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันมาตอบนักข่าวต่อ จอมขวัญ สุริยะจักร เธอคือบุตรบุญธรรมของคุณอาผมเองครับ “ 

    เมื่อได้รู้ที่มาที่ไป นักข่าวจึงขอถ่ายรูปครอบครัว ทิ้งให้ลินลณีปั้นหน้ายิ้มอยู่ข้างๆ หล่อนรู้สึกเสียหน้าอย่างมากที่ต้นน้ำไม่สนใจ แถมยังทำเหมือนหล่อนไม่มีตัวตน ก่อนจะพยายามแทรกตัวเข้าไปอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนักข่าวและทำตัวติดกับต้นน้ำ คอยจัดท่าจัดทาง จนผู้หญิงสองคนที่มาด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดอึดอัด และเหมือนต้นน้ำจะรู้ เขาถึงหันไปบอกจอมขวัญให้พาอาของเขาออกไปจากตรงนี้
                “จอมขวัญ พาอาสายน้ำไปหาโต๊ะนั่ง เดี๋ยวฉันตามไปเขาสั่งเสียงเข้ม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีนักข่าวคนไหนที่ได้ยิน เพราะคำพูดที่เอ่ยจากปากหยักฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า มีเพียงแต่คนที่ถูกสั่งเท่านั้นที่รู้ว่า มันเป็นเสียงที่แสนจะเย็นชาเหลือเกินสำหรับเธอ

    ค่ะ พี่ต้นจอมขวัญ รับคำก่อนจะประคองหญิงสูงวัยเดินผละออกไปจากกลุ่มนักข่าว ทิ้งให้ต้นน้ำและลิลณียืนอยู่กับตามลำพัง 

    ดูท่าคราวนี้เขาจะต้องพูดจากับลินลณีให้รู้เรื่อง ว่าอย่ามาหยุ่มหย่ามแบบนี้กับเขาอีก โดยเฉพาะต่อหน้านักข่าวและครอบครัวของเขา ต้นน้ำคิดว่าหลายอาทิตย์ที่ลินลณีหายไป หล่อนอาจจะเลิกสนใจในตัวเขาแล้ว แต่เปล่าเลยสักนิด เขาคิดผิด และดูเหมือนคุณสายน้ำจะไม่พอใจเขาเอามากๆด้วย

    อีกฝั่งหนึ่งของทางเข้าห้องจัดเลี้ยง คุณหญิงฟ้าลดาเดินเคียงคู่มากับชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสูงใหญ่และสง่างามราวเทพบุตร ในชุดสูทสีกรมท่า ส่วนอีกด้านมีหญิงสาวร่างบางแต่รูปโฉมงามเพราะพริ้ง ด้วยชุดเดรสเกาะอกสีโอรส ประคองแขนอยู่
                            วันนี้พริริสาสวยมาก สวยจนสกายแอบชำเลืองเธอบ่อยๆ ตั้งแต่อยู่ในรถ และแอบขัดใจที่เธอลืมผ้าคุมไหล่ที่เขาซื้อให้ติดตัวมาด้วย ทำให้ ณ ตอนนี้ ผิวเนียนช่วงไหล่ของพริริสากำลังอวดโฉม ล่อสายตาหลายคนให้หันมามอง จนเขาอยากจะถอดเสื้อสูทของตนเองคุมให้เธอแทน ถ้าไม่ติดว่ามารดาสั่งห้ามไว้

    เสียงฮือฮาจากคนรอบข้าง เรียกความสนใจให้นักข่าวที่กำลังรุมล้อม ต้นน้ำกับลินลณีให้หันไป ก่อนที่จะรู้ว่าผู้มาใหม่เป็นใครก็พากันวิ่งกรูเข้าไปขอถ่ายรูปและสัมภาษณ์กันยกใหญ่ ทิ้งความสงสัยให้กับลินลณีและต้นน้ำไม่น้อย
                 พริริสาทำตัวไม่ถูก เมื่อโดนทั้งแสงไฟและแสงแฟลชกระทบเข้าม่านตา แม้ว่าคุณหญิงแม่ของชายหนุ่มจะบอกเธอตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ว่าเธอจะเจอกับกองทัพนักข่าว และแสงแฟลชจากกล่องถ่ายรูปราคาแพงหลายสิบอัน

    อยู่ใกล้แม่และพี่เขาเอาไว้นะลูก ไม่ต้องเกรง ทำตัวตามสบาย เชื่อแม่สิ ถ้านักข่าวถาม ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ เดี๋ยวแม่กับพี่กายช่วยเองนั้นคือคำบอกกล่าว คุณหญิงฟ้าลดา หลังจากเดินมาถึงประตูห้องจัดเลี้ยง

    ทันทีที่มาหยุดยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ นักข่าวทั้งหลายแหล่ก็แห่กันเข้ามาสัมภาษณ์คุณหญิงฟ้าลดาทันที

    คุณหญิงมีความรู้สึกยังไงบ้างคะ กับงานการกุศลในครั้งนี้ แถมมูลนิธิของคุณหญิงก็สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างมากมาย ได้ข่าวว่าทางองค์การพิทักษ์สิทธิและคุ้มครองเด็กและสตรีของโลก จะเชิญคุณหญิงกับคุณหญิงชดช้อย ไปร่วมสัมมนา ว่าด้วยเรื่องเด็กกำพร้าในอีกสองเดือนข้างหน้านักข่าวนางหนึ่งถามขึ้น พร้อมทั้งมีคำถามอีกหลายๆคำถามตามมา

    คุณหญิงฟ้าลดายืนตอบคำถามของนักข่าวอยู่ข้างหน้า ส่วนพริริสาก็ดันตนเองถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว เพราะรู้สึกแสบตากับแสงแฟชลและเสียงซัตเตอร์ที่กดกันระรัว เธอถอยมายืนอยู่ข้างสกายโดยอัตโนมัติ และยืนหันซ้ายทีขวาที อย่างตื่นๆเพราะไม่เคยมางานแบบนี้

    สกายจับอาการตื่นเต้นของเธอได้จากใบหน้าที่ตื่นกลัวนั้น กับแววตาที่สั่นระริกผลจากแสงไฟของแฟชลนั้นทำพิษ เขาจึงดึงมือออกจากกระเป๋ากางเกง และคว้ามือเล็กของพริริสามากุมไว้ พริริสาแหงนหน้ามองการกระทำของชายหนุ่ม พร้อมๆกับสลับกันก้มลงมองมือของตนเองที่เขากุมไว้แบบหลวมๆ ด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ดิ้นหรือขัดขืน

    แล้วนั้น คุณหญิงพาใครมาด้วยคะนักข่าวคนเดิมถามขึ้น เมื่อนางตอบคำถามจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว คุณหญิงยิ้มอย่างยินดี เมื่อได้เวลาเปิดตัวลุกชายกับลูกสะใภ้ของตนเองซะที ก่อนที่กล้องหลายสิบตัวจะปรับโฟกัสไปยังคนที่ยืนทำสีหน้าเรียบเฉย อยู่ข้างหลัง  พริริสาถอยรูดไปอยู่ด้านหลังสกายโดยอัตโนมัติเมื่อกล้องหลายสิบตัว เพ่งมาทางเธอกับสกาย จนชายหนุ่มต้องกุมมือเธอไว้แน่น คล้ายจะคลายความตื้นเต้นให้หญิงสาว

    อยู่เฉยๆ ยิ้มอย่างเดียว ไม่ต้องพูดหรือทำอะไรเดี๋ยวพี่จัดการเอง”   ประโยคลื่นหู คำบอกกล่าวที่อ่อนโยน พร้อมๆกับสรรพนามที่ใช้เรียกตนเองเปลี่ยนไป ทำให้พริริสาต้องใจเต้นแรงกว่าเดิมหลายสิบเท่า เธอว่าเธอตื่นเต้นแล้วที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ชายหนุ่มเอื้อยเอ่ยไม่เทียบกันไปติดเลยจริงๆ

    ยิ่งนักข่าวให้ความสนใจเธอกับชายหนุ่มมากเท่าไหร่ พริริสายิ่งตื่นกลัวและทำตัวไม่ถูกเท่านั้น เธอกลัวว่าจะทำให้คุณหญิงแม่ของชายหนุ่มขายหน้า หากเธอทำหรือพูดอะไรออกไป แต่เพราะคำพูดและมือใหญ่ที่กอบกุมไว้อยู่ก็ทำให้เธออุ่นใจขึ้นอย่างน้อยเธอก็มั่นใจว่า เขาจะไม่ทิ้งเธอไว้กลางงานคนเดียว

    ดิฉันมากับลูกชายและลูกสะใภ้  ไหนๆน้องๆก็มาแล้วงั้นดิฉันขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก กับลูกชายและลูกสะใภ้ของดิฉันเลยก็แล้วกัน”  พูดจบนางก็หันไปเรียก สกายกับพริริสาให้เดินขึ้นมายืนเคียงข้างนาง 

    พริริสาขืนตัวไว้เล็กน้อย พร้อมเงยหน้าเหมือนจะถามความคิดเห็นชายหนุ่ม สกายเพียงพยักหน้าให้เธอทำตามเท่านั้น ก่อนจะปล่อยมือจากการกุมมือเล็ก เป็นการใช้นิ้วสอดประสานกันกับนิ้วเรียวของเธอแทน

    นี่สกาย อภิเศรษฐกุล มาร์ตินโคลญ์ ลูกชายของดิฉัน ส่วนนี่ หนูพริริสาลูกสะใภ้ของดิฉัน คำแนะนำตัวของคุณหญิงฟ้าลดา เรียกความฮือฮาจากนักข่าวได้ไม่น้อย เมื่อหลายคนในที่นี่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของชายหนุ่มมา ยิ่งนามสกุลที่ต่อท้าย พวกเขายิ่งมั่นใจว่า ในงานแห่งนี้มีราชสีห์แห่งลุ่มแม่น้ำไนท์ พ่อค้าทองคำระดับโลก ฉายาเดอะไลท์อ้อนโกลด์มาร่วมอยู่ด้วย

     สกายรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่มารดาแนะนำตัวเขาให้นักข่าวทราบ อย่างไม่คิดจะปิดบัง ฐานะ เพราะน้อยนักที่จะรู้ว่าคุณหญิงฟ้าลดามีบุตรชายเป็นถึงเจ้าพ่อเหมือง ส่วนพริริสาก็พยายามคิดว่าเธอเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหน แต่ก็ก็คิดไม่ออก ได้แต่ยืนหลบอยู่ข้างหลังชายหนุ่ม

    คุณ สกาย มาร์ตินโคญน์ วันนี้เรามีโอกาสได้เจอ นักธุรกิจมือฉมัง เจ้าของฉายา สิงโตทองคำด้วย เร็วพวกเราถ่ายรูปเก็บไว้เร็ว  เสียงร้องบอกของนักข่าวที่รู้จักชายหนุ่มร้องบอก ก่อนที่แสงไฟ และแสงแฟลชจะส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง             

    ทางเราเพิ่งทราบว่าคุณหญิงมีบุตรชายเป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มพันล้าน แล้วช่วงที่แล้วมาคุณสกายไปอยู่ที่ประเทศไหนมาคะ เพราะข่าวเงียบมากเลยค่ะนักข่าวจ่อที่อัดเทป ยื่นไปหาชายหนุ่มทันที

    เสียงร้องบอกจากนักข่าวคนหนึ่ง ที่เอ่ยชื่อของชายหนุ่ม ทำให้ผู้หญิงอีกคนที่กำลังสนใจผู้ที่เข้ามาใหม่นั้น เผยรอยยิ้มเย็น ขึ้นอย่างพอใจ และรีบเดินกรีดกรายเข้าไปหานักข่าวกลุ่มนั้น ส่วนต้นน้ำเมื่อลินลณีแยกตัวออกไป เข้าก็เดินไปหาอาหญิงของตนเองกับจอมขวัญทันทีเช่นกัน

    ชายหนุ่มยิ้มให้นักข่าว เป็นรอยยิ้มที่ผู้หญิงหลายคนอยากครอบครองเจ้าของรอยยิ้มนั้น ไว้แต่เพียงผู้เดียว ก่อนจะตอบคำถามสั้นๆแต่ได้ใจความ จนพริริสาถลึงตาใส่ กับคำตอบของเขา

    ตอนนี้ผมอยู่ที่ออสเตรเลียครับ ส่วนที่หายไปเพราะตอนนี้กำลังเตรียมปั๊มหลานให้คุณแม่อยู่”   เขาว่า พร้อมเหลือบมองพริริสา ที่ยืนปั้นยิ้มเจือนๆอยู่  เธอกำลังสงสัยฐานะของชายหนุ่ม ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ลำพังแค่เป็นบุตรชายของคุณหญิงฟ้าลดา นักข่าวคงไม่แตกตื่นและฮือฮากันแบบนี้ เดอะไล้อ้อนโกดล์ เธอเคยได้ยินที่ไหน

    แล้วคุณสกายกับเธอไปเจอกันที่ไหนคะ เราไม่เห็นได้ข่าวว่านักธุรกิจอย่างคุณจะแต่งงานเลย

     “ผมกับเธอเรายังไม่ได้แต่งงานกันครับ เราตกลงที่จะอยู่ด้วยกันก่อน หลังจาที่เรามีลูกด้วยกันเราถึงจะแต่งงานกันสกายคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น เธอกำลังคิดว่าชายหนุ่มช่างแต่งเรื่องเก่งเหลือเกิน

    แล้วคุณคิดหรือคะว่าพริริสา จะมีลูกให้คุณได้ เสียงของลินลณี นั้นเองที่ดังขึ้น หล่อนได้ยินทุกคำพูดของชายหนุ่ม และนั้นยิ่งทำให้หล่อนไม่พอใจ ยิ่งเห็นพริริสาในชุดสวย พร้อมเครื่องเพชรราคาแพงที่เธอสวมใส่ หล่อนยิ่งนึกอิจฉาในความโชคดีของหญิงสาว  ที่สำคัญหล่อนมองเห็นมือใหญ่ของเจ้าพ่อเหมืองกำลังเกาะกุมมือเล็กของพริริสาไว้แน่น ก่อนจะเดินแทรกนักข่าวเข้ามาหาทั้งสามคน

    ลินลณี........

    พี่ลิน.........  สกายและพริริสาแถบจะเอ่ยชื่อเธอของลินลณีขึ้นพร้อมกัน คุณหญิงฟ้าลดามองคนเข้ามาใหม่อย่างรู้ทันในอะไรบางอย่าง แค่ไม่แน่ใจเท่านั้น ส่วนสกายเขามีสีหน้าเรียบเฉย จ้องมองลินลณีด้วยสายตาว่างเปล่า คนที่มีอาการหนักสุดคงจะเป็นพริริสาเพราะเธอบีบมือสกายไว้แน่น แล้วชายหนุ่มเองก็เหมือนจะรู้สึกได้ เขาถึงบีบมือเธอตอบ เพื่อให้เธอรู้ว่า ไม่มีใครสามารถทำอะไรเธอได้

    พี่ๆนักข่าวว่ามั้ยวันนี้ เราโชคดีจังเลยนะคะ   ที่มีโอกาสได้ต้อนรับนักธุรกิจ พันล้าน เจ้าของเหมืองทอง ที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ลินลณีกล่าวขึ้น พร้อมๆกับเสียงของนักข่าวที่บอกเห็นด้วย ก่อนจะตามมาด้วยการกดซัดเตอร์กันระรัว

    ลินลณีคุณต้องการอะไร” สกายกัดฟันกรอด โน้มหน้าลงไปกระซิบถาม คนที่ประกาศความเป็นตัวตนของเขา ให้คนอื่นได้รู้ อย่างไม่ค่อยพอใจนัก

     ลินลณียิ้มอย่างพอใจ เมื่อชายหนุ่มหันมาให้ความสนใจหล่อน ก่อนจะหันไปฉีกยิ้มกว้าง ให้สกายและยกมือไหว้คุณหญิงฟ้าลดาที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อรักษามารยาท

    สวัสดีคะคุณหญิงแม่   วันนี้คุณหญิงแม่สวยมากเลยนะคะ หล่อนออกปากชม คุณหญิงฟ้าลดา

    จ๊ะ หนูก็สวยมากเลยนะจ๊ะ ว่าแต่หนูเป็นใครหรือ ทำไมฉันไม่เคยรู้จัก”  คำตอบเรียบเฉย  แต่กลับทำให้คนที่ยืนยิ้มอยู่ แถมจะจะหุบยิ้มลง ก่อนจะแสร้งปั้นยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

    ออ ลิลลี่ ลืมแนะนำตัว ลิลลี่เป็นพี่สาวของยัยพริมเองค่ะ จริงมั้ยจ๊ะพริม น้ำเสียงอ่อนหวาน หันไปถามพริริสาที่ยืนก้มตาก้มตา จนบุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยถึง ต้องเอ่ยหน้าขึ้นมาตอบคำถาม 

     “ค่ะ จริงค่ะ

    พริมเป็นไงบ้างจ๊ะ สบายดีนะลินลณีถือโอกาสแสดงความรักต่อพริริสาด้วยการ เข้าไปโอบกอดเธอไว้ ก่อนจะกระซิบคำพูดถากถางที่ตรงใบหูของเธอเสียงแผ่วเบา   

    เก่งนักนะนังพริม อ่อยคุณสกายเขาจนหลงหัวปักหัวปลำ ยอมซื้อเครื่องเพชรราคาแพงให้ใส่ แถมยังพาแกมางานแบบนี้ด้วยพริริสาหน้าเสียทันที ที่ลินลณีพูดจบ แต่เธอก็ฝืนยิ้มไม่อยากถือสาคำพูดเย้ยหยันของลินลณี

    หลังจากผละออกมาจากพริริสา ลินลณีก็แสร้งบอกให้ทุกคนถ่ายรูปครอบครัว โดยเหล่อนเองก็ถือโอกาสยืนถ่ายรูปกับครอบครัวของชายหนุ่มด้วย โดยจัดแจงที่ยืนให้เสร็จสรรพ จนพริริสาต้องดันมือที่ชายหนุ่มเกาะกุมอยู่ออก เพราะลินลณีพยายามแทรกกลางเข้ามาระหว่างเธอกับเขา 

    สกายมองการกระทำของลินลณี อย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา  นอกจากวางฟอร์มเงียบเพราะตองการให้เกรียติ์ผู้เป็นมารดา

                   หนูพริม ยังไหวนะลูกคุณหญิงฟ้าลดาเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นสีหนาไม่สู้ดีของพริริสา

    ไหวค่ะคุณแม่”  เธอตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มจางๆ

    แม่ว่าเราไปหาโต๊ะนั่งทางโน้นดีกว่า งานใกล้จะเริ่มแล้ว ทางนี้ปล่อยให้สกายจัดการผู้หญิงของเขาเถอะนางว่า

    คำว่าผู้หญิงของเขาทำให้พริริสา ใจหล่นวูบ นี่เขาคงไม่คิดจะเอาทั้งพี่และน้องมาทำเมียพร้อมกันหรอกนะ ถึงจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆก็เถอะ แต่เธอคงรับไม่ได้หากต้องใช้สามีร่วมกับใคร ถ้าตอนนี้เธอยังต้องอยู่ในอาณัติของชายหนุ่ม ภายใต้คำว่า เมีย พริริสาก็อยากให้ชายหนุ่มให้เกรียติตัวเองบ้าง เพราะตอนนี้เธอนึกออกแล้วว่า ชายหนุ่มเป็นใคร และกิติศัพท์เรื่องผู้หญิงก็ลอยเข้ามาในความคิดของตนโดยอัตโนมัติ เจ้าพ่อเหมือง แห่งรัฐเซาส์เวนส์ หนุ่มราชสีห์นักรักแห่งลุ่มแม่น้ำไนท์ ที่ใช้เงินฟาดหัว ผู้หญิงให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ร่วมถึงเธอด้วย

    สกายคุณหญิงเรียกชื่อลูกชายเสียงเข้ม

                แม่จะพาน้องเข้าไปในงาน จัดการทางนี้ให้เรียบร้อย

    ครับคุณแม่สกายจำใจรับความด้วยสีหน้าหงุดหงิด

    ไปหนูพริม ไปกับแม่”   นางหันมาบอกพริริสาอีกครั้ง ก่อนจะเดินแหวกหลุ่มนักข่าวที่ยืนถ่ายรูประหว่างลินลณีกับสกาย นางไม่คิดว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จนนางรู้สึกสงสารหญิงสาวที่พามาด้วย เพราะหลังจากที่ลินลณีเข้ามาเปิดตัวว่าหล่อนเป็นอะไรกับพริริสา ดูเธอจะเกรงกลัวหล่อนอยู่มาก โดยเฉพาะแววตาคู่นั้นของพริริสา  มันไหววูบจนปิดบังความหวาดกลัวไว้ไม่มิด เธอกลัวอะไร พี่สาวของตนเอง คุณหญิงพยายามคิดหาคำตอบอยู่ในใจ

    คุณหญิงฟ้าลดา พาพริริสามายังโต๊ะ ที่จัดขึ้นไว้ให้แขกระดับวีไอพี ได้นั่ง ซึ่งใกล้ๆกันนั้นก็มีโต๊ะของต้นน้ำและอาของเขา ทันทีคุณหญิงเห็นคนคุ้นเคยที่ห่างเหินกันไปนาน นางก็เดินเข้าไปทักทายทันที

    สายน้ำ สายน้ำใช่ไหมคุณหญิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ   เมื่อพบเพื่อนเก่า

    เสียงเรียกชื่อของตนเอง ทำให้คนที่นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายนั้นต้องหันมาแล้ว เผยรอยยิ้มแห่งความดีใจเช่นกัน เมื่อพบว่าคนที่เรียกชื่อตนคือคนที่เคยสนิทสนมมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย

    คุณพี่ลดา คุณพี่จริงๆด้วย น้องดีใจจังเลยค่ะ ที่มาเจอคุณพี่นางลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตรงเข้าไปสวมกอดทักทายกันอย่างสนิทสนม

    แล้วนี่ไปไงมาไง ถึงมาร่วมงานกับเขาด้วยละจ๊ะ ปกติพี่เห็นเก็บตัวเงียบอยู่กับบ้าน “.นางถามขึ้นเป็นเชิงเย้าแหย่ แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคุณสายน้ำ

    แหมคุณพี่ละก็   ก็พ่อหลานชายตัวดี และพ่อของเขานะสิคะ คะยั้นคะยอให้น้องออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง น้องขัดไม่ได้ก็เลยต้องยอมออกมาด้วยนั้นแหละค่ะ จริงสิคะ น้องยังไม่ได้แนะนำให้ คุณพี่รู้จักกับหลานชายและบุตรสาวของน้องเลย คุณสายน้ำว่า พร้อมหันไปกวักมือเรียกต้นน้ำและจอมขวัญที่นั่งอยู่ ตรงโต๊ะ ให้เดินเข้ามาหา

    นี่ตา ต้นน้ำค่ะ เป็นลูกชายของพี่สายฟ้า ส่วนนี่ หนูจอมขวัญ บุตรสาวบุญธรรมของน้องเองนางแนะนำให้คุณหญิงรู้จักทั้งสองคน

    สวัสดีครับ คุณหญิงป้าต้นน้ำกระพุ่มมือไหว้ ส่งรอยยิ้มสดใสกลับไปให้ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย เมือมองเห็นใบหน้าผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ ข้างๆกับนาง

    น้องพริม”  เขาเอ่ยชื่อเธอเบาๆ

    ไหว้พระเถอะลูก ได้ยินชื่อเสียงมานาน ป้าเพิ่งมีโอกาสได้เจอตัวจริงนางรับไหว้ชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปรับไหว้จอมขวัญต่อ

    แล้วนี่คุณพี่มากับใครคะ หน้าตาสระสวยเชียวคุณสายน้ำเอ่ยถามคุณหญิงเมื่อมองเห็น ใบหน้าหวานของหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างมากับนาง นึกเอ็นดูแววตาเศร้าคู่นั้นของเธอเหลือเกิน

    ออ จริงสิ พี่เกือบลืม หนูพริมมานี่สิลูก นี่คุณสายน้ำ สุริยะจักร เป็นเพื่อนของแม่เองจ๊ะ แล้วนี่หนูพริริสา ลูกสะใภ้ของพี่เอง ภรรยาตาสกายเขาน่ะ” 

    สวัสดีค่ะคุณน้า

      “สวัสดีจ๊ะหนูพริริสา ลูกสะใภ้ของคุณพี่สวยมากเลยนะคะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก จริงมั้ยตาต้น” นางหันมาถามต้นน้ำที่กำลังมองพริริสาอยู่ด้วยความไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง        

    จริงครับคุณอา

    ขอบคุณคะพริริสากล่าวขอบคุณคนทั้งสองอีกครั้ง ก่อนจะเหลือบมองต้นน้ำ เพราะเธอคิดว่าเขากำลังสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ               

    แล้วนี่ตาสกายกลับมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่คะคุณพี่ ล่าสุดน้องได้ข่าวว่า พ่อลูกควงกันไปออกเดตกับสาวๆไกลถึงเมาดีฟนางพูดถึงมิสเตอร์ โรเบริต ด้วยความขบขำ เพราะเขาเลืองลือในเรื่องนี้อยู่แล้ว

       “อย่าไปพูดถึงแต่แก่นั้นเลยจ๊ะ คุณน้องเสียอัถรสในการคุยหมด ตากายกลับมาแล้วเกือบเดือนแล้วละ วันนี้มีโอกาสก็เลยพาว่าเปิดตัว แต่โน้น ทางบุยปากไปทางสกายกับลินลณีที่ยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ด้านหลัง

    ทิ้งแม่ทิ้งเมีย ไปยื่นให้สัมภาษณ์นักข่าวกับแม่สาวออเกนไนท์ของงานอยู่ทางโน้นนะ”  นางบอก พร้อมน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก

    แอ๊ะ!! นั้นมัน... ผู้หญิงชุดแดงคนนั้น คู่ควงของเรานี่ตาต้น ไปรู้จักมักจี๋กับตาสกายตั้งแต่ตอนไหนคุณสายน้ำหันมาส่งค้อนวงโตให้หลานชายก่อน ก่อนจะหันมาพูดกับคุณหญิง ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

    ต้นน้ำได้แต่ยืนยิ้มเก้อๆส่งกลับไปให้ เพราะเถียงไม่ออก แต่นั้นกลับเรียกรอยยิ้มขำให้กับพริริสา เธอใช้มือขึ้นมาอังอยู่ที่มุมปาก และปล่อยเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ จนต้นน้ำหันมามองสบตาถึงรู้ว่ากำลังเป็นเป้าสายตาให้กับต้นน้ำอยู่

    น้องพริมขำอะไรครับต้นน้ำเอ่ยถาม คนที่ยืนหลบตาเขา  

    เปล่าค่ะไม่มีอะไร”  เธอตอบไม่เต็มเสียงนัก

    พี่ว่าเราไปนั่งร่วมกลุ่มกับคุณหญิงชดช้อยกันดีว่านะสายน้ำ ปล่อยเด็กๆเข้านั่งคุยกันตรงนี้แหละ นางหันมาบอกคุณสายน้ำ ก่อนจะหันกลับมาพุดกับพริริสาต่อ  

    หนูพริม หนูอยู่กับหนูจอมขวัญและพี่ต้นน้ำเขาได้ไหมลูก แม่ไปอยากให้หนูรู้สึกอัดอึด เวลาที่คนแก่อย่างแม่เขาคุยกัน

    ไม่เป็นไรคะ คุณแม่ พริมว่าพริมไปดูแลคุณแม่ดีกว่าเธอไม่อยากอยู่ใกล้ต้นน้ำ เพราะเธอไม่รู้ว่าสัมพันธ์ระหว่างต้นน้ำกับลินลณีตอนนี้ เป็นอย่างไร ถ้าขืนอยู่ใกล้ชายหนุ่มมีหวัง โดนลินลณีเล่นงานแน่ๆ

    ไม่ต้องหรอกลูก แม่ดูแลตัวเองได้  กลัวแต่เราจะอึดอัดอยู่กับคนหนุ่มคนสาวนี่แหละ ส่วนพี่กายนะปล่อยเขา  ถ้าเขาจัดการได้ เดี๋ยวเขาก็กลับมา หรือถ้าเขากลับมาไม่ได้”  นางหันไปจับมือต้นน้ำ แม่ฝากน้องด้วยนะลูก

    ครับคุณป้าต้นน้ำรับคำ ก่อนที่จะเดินจับมือคุณสายน้ำออกไปอีกด้าน ทิ้งให้พริริสายืนทำหน้าไม่ถูก เมื่อถูกสายตาของต้นน้ำ มองอย่างมีคำถาม

    อาจจะดูเหมือนนางใจร้ายที่นางทิ้ง พริริสาให้อยู่กับคนแปลกหน้าสองคน แต่นางชื่อว่าพริริสาสามารถผูกมิตรกับคนทั้งสองได้ เพราะเวลาแค่ไม่กี่วัน เธอยังสามารถทำให้คนที่บ้านรักอย่างไม่มีข้อกางขา แต่เหตุผลสำคัญที่นางทิ้งพริริสาไว้กับต้นน้ำ ก็เพราะลูกชายนางนั้นแหละ นางอยากรู้ว่า สกายจะรู้สึกอย่างไรหากพริริสาอยู่กับผู้ชายคนอื่น ในขนาดที่สกายยืนอยู่กับพี่สาวของเธอ และดูเหมือนว่า ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจเดินเข้ามายั่วยวนสกายโดยเฉพาะ ส่วนพริริสานั้นไม่ต้องพูดถึง นางดูออกเลยว่า พริริสาดูจะกลัวพี่สาวตนเองอยู่มาก แต่จะด้วยเรื่องอะไร ตราบใดที่พริริสายังอยู่กับนาง นางต้องรู้ให้ได้

    น้องพริม ไปนั่งรอที่โต๊ะดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่ไปหาเครื่องดื่มให้ต้นน้ำว่า พร้อมพยักหน้าให้จอมขวัญมารับพริริสาไปนั่งโต๊ะ

    เชิญค่ะคุณพริริสา

    คุณพริริสา จะทานอะไรมั้ยคะ เดี๋ยวขวัญไปหามาให้ จอมขวัญว่า พร้อมส่งรอยยิ้มผูกมิตรให้กับเธอ

    ไม่เป็นไรค่ะ พริมยังไม่ค่อยหิว อีกอย่างไม่ต้องเรียกพริมว่า คุณนะคะ มันฟังดูชอบกลยังไงก็ไม่รู้ เรียกว่าพริมเฉยๆก็ได้ค่ะ

                ได้สิคะ งั้นคุณพริมก็ต้องเรียกเราว่าขวัญแล้วกันนะ  พริริสากับจอมขวัญคุยกันอย่างถูกคอ เพราะทั้งสองก็ไม่เคยมางานแบบนี้ อีกทั้งยังโดนบังคับมากันทั้งคู่ เลยกลายเป็นว่า ทั้งสองหัวอกเดียวกัน จากการพูดคุยสอบถาม เธอถึงได้รู้ว่าจอมขวัญอายุมากกว่าเธอถึงสองปี เธอเลยขออนุญาต เรียกจอมขวัญว่าพี่

    พี่พลาดอะไรไปหรือเปล่าครับต้นน้ำวางถาดอาหารลงกับโต๊ะ และถามขึ้น จอมขวัญแถบจะหุบยิ้มทันที ที่ต้นน้ำเดินมาถึง พริริสาเองก็พลอยหุบยิ้มลงเช่นกัน

    เปล่าค่ะไม่มีอะไร พริริสาตอบ พร้อมยื่นมือไปจับแก้วที่ใส่น้ำผลไม้ยื่นให้จอมขวัญ

      “น้องพริมไม่ไว้ใจพี่เหรอครับ”   ต้นน้ำถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ

     “เปล่านี่คะ พริมแค่ไม่อยากถูกพี่ลินเธอต่อว่า ถ้าทำตัวสนิทสนมกับพี่ต้นเธอว่า พร้อมก้มลงไปสนใจอาหารว่างที่ชายหนุ่มเอามาให้

    แต่พี่ว่า คนที่พี่ลินของน้องพริมกำลังสนใจ คงไม่ใช่พี่แล้วล่ะ ดูโน้นสิต้นน้ำว่า พร้อมใช้นิ้วข้างที่จับแก้วไวท์อยู่ชี้ไปยังสกายกับลินลณี ที่กำลังเดินออกมาจากกลุ่มนักข่าว หลังจากที่สกายให้สัมภาษณ์จนเป็นที่พอใจแล้ว

    พริริสามีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย เมื่อมองเห็นลินลณีเดินควงแขนสกายออกมาจากกลุ่มนักข่าว ก่อนจะหันกลับไปสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อ และไม่คิดจะสนใจคนทั้งสองอีก แต่อาการแปลกๆที่เกิดขึ้นกับหัวใจ ที่มันค่อยจะสั่นๆวูบๆ มันคืออะไรเธอก็ยังไม่ใจแน่นัก แต่มันคงไม่ดีต่อตัวเองแน่ ถ้ามันเกิดขึ้นเวลาที่เธอเห็นสกายอยู่กับหญิงอื่น

    สกาย ใช้เวลาให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่นาน กว่าที่พวกเขาจะพอใจ และยอมถอยออก เพราะชายหนุ่มเริ่มมีอาการหงุดหงิด เมื่อต้องเจอ คำถามเรื่องการแต่งงาน ซึ่งเขาเองไม่ได้เตรียมตัวมาอยู่แล้ว ว่ามารดาจะมาเปิดตัวเขาในงานนี้ ทั้งที่ก่อนจะมาเมืองไทย เขาก็อุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนา ว่าอย่าเพิ่งเปิดเผยตัวตนของเขาให้ใครทราบ  แต่ในที่สุดท่านก็เลือกที่จะเปิดตัวเขาและพริริสาพร้อมกัน ถึงว่าบังคับให้มางานนี่ด้วยจัง

    ยิ่งเมื่อเห็นแม่ตัวดี นั่งคุยกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้อย่างสนิทสนม เขายิ่งรู้สึกไม่พอใจ แถมเสื้อผ้าที่เธอใส่ก็ล่วงลึกจนจะเห็นอกอวบที่เขาเคยสัมผัส มาแล้วอีกต่างหาก

    ลิลลี่ว่าเราไปนั่ง ที่โต๊ะตรงนั้น ดีกว่าค่ะ ยัยพริมอยู่ตรงนั้นพอดีลินลณีชี้นิ้วไปที่โต๊ะของพริริสา และยังเห็นว่าต้นน้ำนั่งอยู่ด้วย

    ครับสกายรับคำเสียงราบเรียบ เพราะเขาก็ตั้งใจจะเดินไปหาพริริสาอยู่แล้ว พร้อมทั้งจ้องมองพริริสายังไม่วางตา

                ขอโทษนะคะ เราสองคนขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยคนได้ไหมคะเสียงลินลณีดังขึ้น หล่อนยังเกาะติดแขนสกายไม่ยอมปล่อย

    เมื่อได้ยินเสียงของลินลณีดังขึ้น คนทั้งสามก็แถบจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน พริริสาเหลือบตามองสกายเล็กน้อย ก่อนจะรีบหลบ เพราะเขาจ้องมองเธออยู่แล้ว ด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตร ต่างจากตอนแรกที่เขาพาเธอเข้ามาในงาน

    เชิญครับ ต้นน้ำเป็นคนเอ่ยขึ้น”  ก่อนจะลุกยืน แล้วเลี่ยงออกไปให้สกายได้นั่งข้างพริริสา แต่กลับเป็นลินลณีเอง ที่หย่อนสะโพกนั่งลงตรงนั้น เหมือนจงใจจะแทรกกลางระหว่างพริริสากับชายหนุ่ม

       ต้นน้ำมองแล้วต้องส่ายหน้า ให้กับการกระทำของลินลณี นี่ใช่ไหมตัวตนที่แท้จริงของหล่อน  สงสารก็แต่พริริสา ที่นั่งทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่อย่างนั้น เหมือนเธอจะไม่รู้สึกอะไรที่ถูกพี่สาว เดินควงสามีตนเอง คำถามมากมายอยู่ในความคิดของต้นน้ำ เขาต้องรู้ให้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยหน้าหวานนัยต์ตาเศร้าคนนี้กันแน่ ทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงไปเป็นภรรยาของราชสีห์หนุ่มคนนี้ได้  ก่อนจะหย่อนสะโพกลงข้างๆกับจอมขวัญ แล้วมองหน้าสาวด้วยท่าทีเย็นชา พลอยทำให้ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของจอมขวัญเหือดหายไปทันทีเช่นกัน

    ไงจ๊ะ ยัยพริมสบายดีนะ ไม่เจอตั้งหลายอาทิตย์ ดูน้องสาวของพี่จะดูมีราศีขึ้นตั้งเยอะทันทีที่หล่อนหย่อนสะโพกลงนั่งกับเก้าอี้ ปากหยักได้รูปที่ฉาบไว้ด้วยลิปสติกสีสวยก็เอ่ยถามพริริสา ด้วยวาจาเพราะพริ๊ง แต่สายตากับจดจ้องไปตามเครื่องเพชรราคาแพงที่เธอสวมใส่อยู่ ด้วยความริษยา มีเพียงพริริสาเท่านั้น ที่รับรู้ด้วยตนเองว่าลินลณีกำลังไม่พอใจเธออยู่ 

     “ค่ะ พริมสบายดี แล้วพี่ลินเป็นไงบ้างคะพริริสาส่งยิ้มเจื่อนๆกลับไปให้ เธอไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นไปมองสายตาดุดันอีกคู่ที่กำลังจ้องเธออย่างเอาเรื่องเช่นกัน 
                “พี่สบายดีจ๊ะ นี่ก็เพิ่งเอาเงินไปถ่ายจำนองบ้านกลับคืนมาอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ขอบใจพริมมากนะจ๊ะที่ช่วยหาเงินมาให้พี่พูดพร้อมเหยียดปากยิ้มให้พริริสา เหมือนซาบซึ้งในใจ ทั้งที่ในใจแสนชิงชัง ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบไหล่หญิงสาวอย่างแรง จนเธอต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวด

    แล้วลิลลี่ก็ต้องขอขอบคุณสกายมากๆด้วยนะคะ สำหรับในเรื่องนี้ ถ้าไม่ได้คุณสกายช่วยเอาไว้ลิลลี่กับน้องต้องแย่แน่ๆเลยค่ะพูดพร้อมหันไปจับมือชายหนุ่มที่พาดอยู่บนเข่า เพราะเขานั่งไขว้ห่าง สกายเหลือบตามองการกระทำของหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียง แต่กลับทำให้ลินลณีแทบจะหุบยิ้มลงแทบไม่ทัน

    พริริสาเป็นเมียของผม ถ้าหากเมียผมกำลังเดือดร้อน แน่นอนว่ายังไง สามีอย่างผมก็ต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดา  แต่สำหรับคุณผมคิดว่า มันเป็นผลพลอยได้มากกว่า ถ้าคุณจะขอบคุณจริงๆ คนที่คุณควรขอบคุณคงไม่ใช่ผม แต่เป็นพริริสาต่างหาก” 

    แหม!! ถึงอย่างนั้นก็เถอะคะ หล่อนแสร้งปั้นยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งหมดทั้งมวลนี่ หล่อนโทษพริริสา ที่รู้ตั้งแต่ต้นว่าชายหนุ่มเป็นใคร แต่ไม่ยอมบอก จนวันนั้นหล่อนเองก็เผลอด่าชายหนุ่มอย่างเสียๆหายๆ นี่เขาคงยังโกรธหล่อนอยู่แน่ๆเลย ถึงพูดไม่ถนอมน้ำใจหล่อนเลยสักนิด ลินลณีเพียรเข้าข้างตนเองอยู่ข้างใน ว่าชายหนุ่มกำลังเคืองโกรธ

    สกายเริ่มหงุดหงิด ตั้งแต่ลินลณีโผล่หน้าเขามาวุ่นวาย จวบจนตอนนี้เธอก็ยังนั่งปั้นยิ้ม ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา แทนที่จะเป็นหญิงสาวอีกคนที่นั่งก้มหน้าก้มตา ไม่แม้แต่จะปลายตามองเขาเลยสักนิด มันน่าโมโหยิ่งนัก แค่เพียงคิดว่าหล่อนกำลังทำเป็นไม่สนใ สกายก็ยิ่งหงุดหงิด

    พริริสา แล้วคุณแม่ท่านไปไหนสกายเอ่ยถามคนที่ก้มตาก้มหน้า รังสีอัมหิตจากสายตาและน้ำเสียงที่ส่งมา ทำให้เด็กสาวอีกคนสัมผัสมันได้เช่นกัน มันเหมือนแววตาที่ต้นน้ำมักจะใช้กับเธอบ่อยๆ จนเธอต้องเอื้อมมือไปจับมือของพริริสา ที่นั่งกุมมือตัวเองไว้แน่น เพื่อให้กำลังใจ ทำไมสถานการณ์มันน่าอึดอัดเช่นนี้

    เออ.. คือว่า คุณแม่ท่าน...น้ำเสียงขาดหายไป เพราะไม่รู้ว่าจะตอบยังไงให้ชายหนุ่มพอใจ ไม่ดุด่าหรือต่อว่าเธอต่อหน้าทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะ

    คุณหญิงป้า พาคุณอาของผมไปนั่งคุยอยู่กับท่านผู้หญิงชดช้อยทางด้านโน้นครับ” พูดพร้อมชี้นิ้วไปทางที่คุณหญิงฟ้าลดานั่งอยู่ ท่านก็เลยเกรงว่าน้องพริมเธอจะอึดอัด เลยให้อยู่กับผมและจอมขวัญต้นน้ำนั้นเองที่เป็นคนเอ่ยขึ้น เพราะเขามองเห็นแววตาตื่นตระหนกจากพริริสา มันต้องมีอะไรระหว่างคนสามคนนี้แน่ๆ เวลาเพียงไม่ถึงเดือนพริริสาจะกลายไปเป็นเมียของราชสีห์หนุ่มอย่างเขาได้ยังไงกัน แล้วทำไมลินลณีต้องทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของชายหนุ่ม อย่างออกนอกหน้า
                  สกายหันมาทางต้นน้ำที่เป็นคนตอบคำถามแทนพริริสา ด้วยใบหน้าราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา ก่อนจะเหลือบตาไปมอง คนที่นั่งก้มหน้างุดอยู่เล็กน้อย นี่สนิทกันจนถึงขั้นเรียกพริริสาว่าน้องเลยรึ! สกายคิดอยูในใจ

     “พริมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะพริริสารู้สึกอัดอัดที่ต้องมาร่วมโต๊ะกับลินลณี ยิ่งไปว่านั้นยังมีสายตาเคลือบแคลงของต้นน้ำที่เหลือบมองเธออีกเป็นระยะ เธอรู้ว่าต้นน้ำกำลังสงสัย และที่สำคัญ สายตาของชายหนุ่มคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี มันฉายชัดว่ากำลังไม่พอใจเธออยู่  พริริสาจึงขอตัวเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำแทน 

    งั้น เดี๋ยวขวัญขอตัวไปดูของว่างก่อนนะคะ คุณสกายกับคุณลินลณี จะรับอะไรหรือเปล่าคะเดี๋ยวขวัญยกมาให้เมื่อเธอเห็นว่าพริริสาเดินออกไปแล้ว จอมขวัญก็ทำท่าจะลุกเดินออกไปเช่นกัน เธอเองก็ไม่อยากอยู่กับต้นน้ำเพียงสองคน แม้มันจะไม่ได้อยู่กันตามลำพังก็ตาม

    ขอน้ำส้มคั่นแล้วกันค่ะ”/ “ไม่ครับ ขอบคุณมากเสียงทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมกัน 

    แล้วพี่ต้น จะรับอะไรเพิ่มมั้ยคะถึงยังไงก็ต้องเอ่ยถามคนที่ไม่อยากจะสนทนาด้วยอยู่ดี เพื่อรักษามารยาท ต้นน้ำเพียงแต่ปลายตามองจอมขวัญเล็กน้อย ก่อนจะขยับปลายนิ้วบอกให้จอมขวัญออกไป

    หลังจากพริริสาและลินลณีลุกออกไปจากโต๊ะ เหลือไว้แต่เพียงคนสามคน ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะนั่งร่วมโต๊ะกันได้ ต้นน้ำ นั่งจิบไวน์ราคาแพงแล้วมองลินลณีด้วยสายตาเมินเฉย กับท่าทีที่เจ้าหล่อนดูจะตั้งใจอ่อยชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนสกายไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับใคร ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำ หรือลินลณีที่พยายามขยับตัวนั่งเบียดเขา  ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น โดยที่ลินลณีกำลังจะเอนศรีษะไปซบกับไหล่กว้างเป็นเหตุให้เธอเกือบล้มหัวทิ่ม  สกายเพียงแค่เหลือบตามองแล้วไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
                ผมขอตัวสักครู่

     “คุณสกายจะไปไหนคะ ลิลลี่ไปด้วยค่ะ” 

     “อย่าดีกว่าครับ ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ ผมกำลังจะไปเข้าห้องน้ำพูดจบสกายก็รีบสาวเท้าหนักๆเดินออกจากโต๊ะทันที ทิ้งให้ลินลณียืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น ส่วนชายหนุ่มที่เห็นเหตุการณ์อีกคนถึงกลับปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เมื่อเห็นเจ้าพ่อเหมืองไม่มีทีท่าใยดีลินลณีเลยซักนิด

    ไม่ทราบว่าคุณหัวเราะอะไร คุณต้นน้ำลินลณีถามเสียงเขียว  เมื่อสกายเดินลับตาไปแล้ว ต้นน้ำไหวไหล่เพียงเล็กน้อย ในท่าทางสบาย พร้อมกระดกแก้วไวน์จนหมดแก้ว แล้ววางมันลงกับโต๊ะ

    คุณนี่เก่งชมัดเลยนะลินลณีต้นน้ำเอ่ยเสียงเย็น

    คุณหมายความว่าไงคำบอกกล่าวของคนตรงหน้า ทำให้ลินลณีไม่ค่อยเข้าใจนักก่อนจะเหลือบตามองต้นน้ำอย่างต้องการคำตอบ   

    คุณสามารถเข้าถึง ตัวเจ้าพ่อเหมืองบุรุษที่ใครต่อหลายคน ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะจับต้องได้ ผมถือว่าคุณเก่งมาก “           

    ลิลลี่จะถือว่านี่คือ คำชมนะคะหล่อนเหยียดยิ้มที่มุมปาก อย่างพอใจกับคำกล่าวชมของชายหนุ่ม แต่ดีใจไม่ถึงนาที เธอก็แทบจะลงไปดิ้นพล่านๆอยู่กับพื้นแทน 

    แต่ผมว่าต้นน้ำลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะมองลินลณีตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยสายตาเย้ยหยัน

    ผู้หญิงอย่างคุณไม่เหมาะสมกับเขาเลยสักนิด พูดเสร็จต้นน้ำก็โน้มตัวให้ลินลณีเล็กน้อย แล้วปล่อยเสียงหัวเราะเยาะออกมา ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ลินลณีอ้าปากค้าง กนด่าต้นน้ำอยู่ในใจ ด้วยความแค้นเคือง  

    คนที่เดินเลี่ยงออกมาได้ พยายามทำจิตใจให้สงบ และเรียกสติตนเองกลับมา คงไม่มีอะไรน่ากลัวและเลวร้ายอย่างที่เธอคิด ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปรวมกับคนอื่นอีกครั้ง แต่เท้าเล็กก็ต้องหยุดชะงัก แล้วถล่าไปตามแรงฉุดดึงของใครบางคนที่มาจากด้านหลัง

    กริ๊ดดดด !!! พริริสากรีดร้องด้วยความกลัว เมื่อโดนปิดปากด้วยมือหนา และถูกรั้งเอวขอดของตนให้ไปปะทะกับแผงอกกว้างของคนที่ฉุดดึง

    พริริสาเงียบ!! เสียงที่คุ้นหู แต่ดุดัน ดังมาจากด้านหลัง พร้อมๆกับที่พริริสา ยกมือขึ้นมาดึงมือหนาที่ปิดปากเธอออก แล้วหันมามองคนตัวโต

    พี่กาย

    ใช่ ฉันเอง หรือเธอคิดว่า เป็นนายต้นน้ำอะไรนั้น! สกายตอบเสียงเกรี้ยวพร้อมฉุดแขนเล็กให้เดินตามเขาออกไป

    พี่กายพริมเจ็บ จะพาพริมไปไหน ปล่อยพริมนะ ปล่อยสิปากก็ร้องว่า แต่คนฉุดลาก ก็ไม่มีทีท่าจะเห็นใจ ยังคงทำหน้าที่ฉุดแขนเธอออกไปจากงาน ท่ามกลางสายตาของแขกหลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้น จนมาถึงอีกฝั่งของห้องจัดเลี้ยง ที่เป็นสระว่ายน้ำ และถูกประดับประดา ด้วยแสงไฟดวงเล็ก สกายถึงยอมปล่อยให้พริริสาเป็นอิสระ

    เมื่อเป็นอิสระ พริริสาก็ถอยรุดออกมาด้านหลังเล็กน้อย แล้วใช้มือด้านที่ชายหนุ่มไม่ได้ฉุดดึงขึ้นมาลูบแขนข้างที่เขาบีบรั้งออกมาจนเป็นรอยเขียวช้ำ เป็นบ้าอะไรของเขาอีก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บทจะดีก็ดีจนใจหาย บทจะร้ายขึ้นมาก็เหมือนหมาบ้า
               “ผู้ชายคนที่ เธอคุยด้วย นายต้นน้ำอะไรนั้นเป็นอะไรกับเธอสกายเอ่ยถามคนที่มีน้ำตาคลอเบ้าตา พร้อมทั้งก้มหน้างุด อยู่ชายหนุ่มก็อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมีความสำคัญยังไงกับเธอ

    พริริสาเม้มปากตัวเองไว้แน่น พร้อมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกที่เธอไม่หลบตาเขา เหมือนกำลังหาคำตอบอะไรในสายตาคู่คม จนสกายเองนั้นแหละที่ต้องเฉมองไปทางอื่น เมือดวงตาสั่นระริกนั้น จดจ้องเขาตาไม่กระพริบ เหมือนกำลัง จับพิรุณอะไรตนอยู่

    ฉันถามทำไมไม่ตอบ

     “คุณต้นน้ำเขาเป็นเพื่อนของพี่ลินคะ พริมเคยเจอแค่เขาครั้งสองครั้ง พี่กายถามทำไมคะ แล้วก็ปล่อยพริมได้แล้ว พริมเจ็บนะ

     “แล้วทำไม นายนั้นต้องเรียกเธอว่าน้องด้วยชายหนุ่มเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเธอ แต่ก็ยังเป็นฝ่ายตั้งคำถาม

    เขาคงเห็นว่าพริมเป็นน้องสาวของพี่ลินมั้งคะ เขาก็เลยเรียกไปแบบนั้นเธอตอบออกไปตามความเป็นจริง เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องโกหก
                  สกายยอมปล่อยให้พริริสาเป็นอิสระอีกครั้ง ก่อนจะถอยหลังไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ริมสระแทน เมื่อได้คำตอบที่พอใจ และรู้ว่าพริริสาคงไม่ได้โกหกตน

    มานี่สิเขาใช้มือตบลงไปที่เก้าอี้อีกตัว เพื่อเรียกพริริสามานั่งด้วย คนที่โดนเรียกก็ทำท่าเลอหลา เพราะไม่รู้เขาจะมาไม้ไหนกับเธออีก

      เร็ว!! ขึ้นเสียงอีกนิด จนคนที่ทำท่าลังเลต้องยอมเดินเข้ามาหย่อนสะโพกลงแต่โดยดี

       “มีอะไรอีกคะ พริมจะรีบให้ไปข้างใน เดี๋ยวคุณแม่เรียกหาแล้วจะไม่เจอถามขึ้น พร้อมมองค้อนชายหนุ่ม ที่ค่อยแต่จะสั่งเธอ

     “จะรีบเข้าไปให้พี่สาวเธอ เขาจิกหัวด่าอีกหรือยังไงสกายเอ่ยบอก พร้อมเอนหลังไปกับเบาะของเก้าอี้ ในท่าทางสบาย เขาเองก็ไม่ชอบงานสังสรรค์ที่มีคนพลุกพล่านอย่างนี้ด้วยสิ

    พริริสาเถียงไม่ออก ก็นั้นแหละคือสิ่งที่กลัว เธอก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอลินลณีในงานนี้เช่นกัน และถ้าเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยง ก่อนจะนึกอะไรออกได้ แล้วหันไปถามชายหนุ่มทันที

     “ทำไมพี่ต้องปิดบังฐานะของตนเองด้วยคะพริริสาเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้และสงสัย สกายเหลือบตามองคนถามเล็กน้อย ก่อนจะทอดสายตามองออกไปยังท้องฟ้ากว้างไกลดังเดิม แล้วใช้ความเงียบเป็นคำตอบให้พริริสาได้รับรู้ เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอบคำถามเธอ ในเมื่อ จะรู้ช้ารู้เร็ว เธอก็รู้ไปแล้ว

                พริริสาหันมามองค้อนคนที่นอนเงียบใช้แขน สองข้างไปไขว้กันหนุนอยู่ด้านหลังศีรษะ แล้วเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าไกล ไม่คิดสนใจที่จะตอบคำถามเลยเลยสักนิด

    พี่กาย พริมถาม ทำไมไม่ตอบคนตัวเล็กเริ่มออกอาการไม่พอใจ เมื่อคนตัวโต ไม่ยอมตอบ แล้วอาการพยศที่เคยหายไปนานกว่าสัปดาห์ก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว

    ฉันไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต้องตอบคำถามเธอพริริสา เธอเป็นแค่ลูกจ้าง มีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งของฉันเท่านั้นคำตอบของชายหนุ่ม ทำให้พริริสาถึงกับ เม้มปากเข้าหากันแน่น ใช่สิ! เธอลืมไปแล้วเหรอ ว่าเขากับเธออยู่ในฐานะอะไร ที่เขาแกล้งทำดีกับเธอ เพราะแค่ไม่อยากให้มารดาสงสัยในตัวเขาเองเท่านั้น ก่อนจะหันหลังให้ชายหนุ่ม และไม่คิดจะต่อปากต่อคำอีก

    เมื่อเห็นอาการแง่งอนของพริริสา ชายหนุ่มก็ส่ายหน้า ยิ่งนับวันพริริสาก็เริ่มที่จะทำตัวเป็นเด็ก ยิ่งเวลาโกรธหรืองอน เธอยิ่งจะแสดงออกมาให้เห็นโดยชัดเจน และเขาเองก็ต้องหาวิธีงอนง้อเธอ ซึ้งก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ทำไมเขาต้องทำ ในร้านขายเครื่องเพชร ก็ครั้งหนึ่งแล้ว ไหนจะเรื่องที่เขาซื้อตุ๊กตาพวกนั้นให้เธออีก ครั้งนี้ก็คงไม่พ้นต้องหาวิธีพูดกับเธออยู่ดี

    ไม่เอาน่าพริริสา ทำตัวเป็นเด็กไปได้สกายยันตัวลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือไปจับหัวไหล่ของเธอให้หันมาทางเขา แต่ก็ต้องตกใจไม่น้อย ที่เห็นใบหน้านองไปด้วยน้ำตา ยัยเด็กนี่ขี้แยกว่าที่เขาคิดอีกแหะ 

    พริริสาก้มหน้างุด ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ นั่งผ่อนลมหายใจออกอยู่ อย่างเนือยๆ เพราะไม่รู้จะเอายังไงกับคนตรงหน้า เขาพยายามทำให้เธอรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับเขา แต่บางครั้งก็เผลอไผล ทำให้เธอหวาดกลัว

    เอ้า!อยากรู้อะไรก็ถามมา ฉันจะตอบให้ในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่คนขี้เย  พริริสารีบเช็คน้ำตา แล้วเผลอยิ้มอวดฟันขาว ให้ชายหนุ่มเห็น เป็นหนที่สอง หลังจากที่ได้ตุ๊กตาตัวโปรดมาครอบครองเมื่อยามบ่าย

    แต่คำถามที่เจ้าหล่อนถามกลับเป็นคำถามเกี่ยวกับการทำเหมืองทองทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มเลยสักนิด  สกายเองก็ตอบทุกคำถามที่เธออยากรู้
                ขอบคุณนะคะ ที่ให้ความรู้พริมพูดพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้ ก่อนที่ท้องเจ้ากรรมจะส่งเสียงร้องโคกครากให้ชายหนุ่มได้ยิน เพราะตั้งแต่เย็นยังไม่ได้ทานอะไรรองเท้ามาเลย นอกจากน้ำผลไม้แก้วเดียวที่ต้นน้ำยกมาให้

    สกายแอบขำ คนตัวเล็กที่นั่งลูบท้องตนเอง ด้วยความเขินอาย ก่อนจะขยับกายลุกขึ้นเต็มความสูง

    รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันไปหาอะไรมาให้ทานพริริสาเพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะสาวเท้าก้าวเข้าไปตามทางเดินที่ออกมา  

    ลินลณีเดินตามหาสกายจนทั่วงาน ก็หาไม่พบ ร่วมทั้งพริริสาก็หายไปด้วย แสดงว่าทั้งสองคงจะหายไปด้วยกัน แค่คิดว่าสกายและพริริสาอยู่ด้วยกัน ลินลณีก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว วันนี้ยิ่งเห็นว่าพริริสาแต่งตัวด้วยชุดราคาแพงและสวมใส่เครื่องเพชร ความอิจฉาริษยาก็ก่อตัวขึ้นในจิตใจ หล่อนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า สิ่งที่ชายหนุ่มเคยเขียนไว้ในสัญญาว่าแค่หนึ่งปี มันจะจริงเท็จแค่ไหน เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่อาทิตย์ พริริสายังถูกเอาใจใส่จากทั้งชายหนุ่ม ขนาดพาออกงานด้วยแบบนี้

    พลันสายตาก็ไปสะดุดกับร่างเล็กที่หล่อนจำได้ดีว่า นั้นคือพริริสา จากดวงตาที่เกรี้ยวกราดอยู่แล้ว ก็แปรเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะตรงออกไปหาพริริสาทันที

       เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา พริริสาก็รีบหันเพราะคิดว่าน่าจะเป็นชายหนุ่ม แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ต้องเหือดหายทันที เพราะคนที่เดินมากลับเป็นคนที่ไม่อยากเจอ

    พี่ลิน......

    ใช่ฉันเอง หรือแกคิดว่าเป็นใครละ คุณต้นน้ำ หรือ คุณสกายลินลณีถามเสียงเข้ม พร้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าพริริสา 

    พริริสารีบถอยหนี เหมือนจะรู้ตัวว่า ลินลณีคงไม่มาดี โดยเฉพาะแววตา ที่มองเธออย่างมาดร้าย มันน่ากลัว และบ่งบอกชัดเจน ว่าแสนชังชังเธอแค่ไหน

      “พี่ลินมีอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีพริมขอตัวเข้าไปในงานก่อน”   พริริสาพยายามเลี่ยงที่จะคุยกับหล่อน   และทำทีจะเดินออกไป แต่กลับถูกลินลณีรั้งต้นแขนเอาไว้

    แกจะรีบไปไหน หน๊อยออกไปอยู่นอกบ้านไม่กี่อาทิตย์ ทำตัวเป็นคางคกขึ้นวอน้ำเสียงเย้ยหยัน พร้อมเหยียดปากพูด ก่อนจะเพิ่มแรงบีบอัดที่ต้นแขนพริริสาอีกเท่าตัว

    พี่ลิน พริมเจ็บปล่อยพริมค่ะ”  พริริสากัดฟันแน่น เอ่ยขอร้องลินลณี

       “เจ็บเหรอ คนอย่างแก เจ็บเป็นด้วยเหรอ คนอย่างแกเกิดมาเพื่อรองมือ               รองเท้าฉันต่างหากนังพริมลินลณีเอ่ยเสียงเขียว พร้อมผลักพริริสาให้ล้มลง แล้วจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ก่อนจะเข้าไปกระชากข้อมือเธอ แล้วจ้องมองสร้อยไข่มุกนั้น

     “แล้วนี่แกก็คงไปอ่อยและให้ท่าคุณสกายเขาละซิท่า เขาถึงยอมลงทุนซื้อของพวกนี้ให้แกฉัน แกนี่มันร่านดีจริงๆ ”  ถ้อยคำหยาบคายถูกเปล่งออกมาจากปากสวยได้รูปของลินลณี จนพริริสาเองก็ตวัดหางตามองขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของลินลณี

    งั้นเราสองคนพี่น้องก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะพี่ลินเองก็เคยทำแบบนี้กับคุณต้นน้ำมาแล้ว

    เพี๊ย!!! ทันทีที่พริริสาพูดจบ ฝ่ามือของลินลณีก็ตรงเข้ามาฟาดกับใบหน้าของเธอจนแก้มชา ก่อนจะเข้ามาตะครุบผมของเธอ และต่อด้วยการทุบตีอีกครั้ง

    แก นังพริม แกไม่มีสิทธิ์มาต่อว่าฉัน แล้วแกก็จำใส่สมองของแกไว้ด้วย แกไม่มีสิทธิ์ท้องกับคุณสกาย ทันทีที่ครบกำหนดสัญญาหนึ่งปี ฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่เฉดหัวแกออกไปจากบ้านของเขา

    พี่ลิน พริมเจ็บ หยุดบ้าเสียที พี่ลินบอกให้หยุดไงเล่า

    ผลั่ก!! พรุบ!!  เมื่อพยายามขอร้องดีๆแล้วไม่เป็นผล ทำให้พริริสาต้องผลักลินลณีออกจากตัว เพื่อป้องกันตัวเอง เธอไม่อยากจะมีเรื่อง ในขนาดที่ ยังอยุ่ในงานนี้ แถมคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่สามียังเป็นเจ้าของงานอีก หากทำอะไรไปแล้วเกิดเป็นข่าวขึ้นมา แน่นอนว่าคนที่จะเสียหายคงหนีไม่พ้นชื่อเสียงของคุณหญิงฟ้าลดา

    นังพริม!! นี่แกกล้าผลักฉันเหรอ แกเจอดีแน่ลินลณีว่า พร้อมลุกขึ้นก้าวสามขุมมาทางเธอ แล้วเหมือนพริริสาจะรู้ว่า ลินลณีกำลังจะทำอะไรเธอ เธอพยายามจะรีบก้าวเท้าออกไปให้ห่างจากริมขอบสระ แต่ช้ากว่าลินลณี เพราะตอนนี้หล่อนเข้าถึงตัวเธออย่างรวดเร็ว แล้วในที่สุด

                   ตูม!!!! เสียงน้ำแตกกระจาย พร้อมกับร่างของพริริสาที่พยายามพยุงตัวเองให้พ้นจากผิวน้ำ

    พี่ลิน ช่วยพริมด้วย พี่ลิน ช่วยด้วย....พริริสาร้องขอความช่วยเหลือ พร้อมหยดน้ำตา ความกลัววิ่งเข้ามาจุกในอกจนมันตีบตัน เธอลนลานพยุงตัวเองให้โผล่พ้นผิวน้ำแต่ก็ไม่เป็นผล ความตายกำลังรอเธออยู่ข้างหน้าหากไปสามารถนำพาร่างกายไปริมขอบสระได้ หัวใจหล่นวูบเมื่อลินลณีไม่คิดจะช่วย แทบยังยืนหัวเราะอย่างบ้าครั้งกับการกระทำของตนเอง

                 “หึหึ ตายซะได้ก็ดี นังมารหัวขน”        

                   แฮ่ก! แฮ่ก! พี่ลิน ช่วยพริมด้วย พี่ลิน..... เสียงพริริสาเริ่มหายขาด เมื่อไม่สามารถทำให้ต้นเองโผล่พ้นน้ำ แขนกับขาตีกันในน้ำจนมันแตกกระจายออกจากกันเป็นแนวกว้าง  หนำซ้ำร่างที่ตะกุยตะกายให้รอดพ้นจากผิวน้ำก็เริ่มหมดเรี่ยวแรง ไม่นานร่างบางก็ค่อยๆจมลงไปกับพื้นสระ ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างสะใจของลินลณี

    เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ดังขึ้น ทำให้คนที่ถือถาดของว่างออกมาเริ่มใจคอไม่ดี เพราะเสียงนั้นมันคุ้นหู เขาเข้าไปเอาของวางออกมาให้เธอ แต่บังเอิญเข้าไปเจอกับคุณหญิงแม่ของตนเอง ท่านจึงพาเขาไปแนะนำให้กับบรรดาเพื่อนๆของนางให้รู้จัก ซึ้งใช้เวลานานอยู่พอสมควร  กว่าจะขอปลีกตัวออกมาได้

    เมื่อเดินออกมาก็พบว่าไม่มีร่างบางยืนอยู่ตรงนั้น แต่กลับพบใครอีกคนยืนหัวเราะร่าอยู่ริมสระ พร้อมๆกับใครอีกคนที่กำลังตะกุยตะกายอยู่ในสระว่ายน้ำ ชายหนุ่มรู้ได้ทันที ว่าคนที่กำลังเอาชีวิตรอดอยู่ในสระน้ำนั้นคือใคร

        พริริสา! สกายทิ้งถาดของว่าง และรีบวิ่งเข้าไปช่วยพริริสาที่สระว่ายน้ำ แทบจะทันที

    ตูม!! เสียงน้ำแตกกระจายอีกครั้ง ก่อนที่ร่างหนาจะโผล่ขึ้นมาจากพื้นน้ำพร้อมด้วยร่างบางของพริริสาที่สำลักน้ำจนหมดสติไปแล้ว พร้อมๆกับลินลณีที่ไม่คาดคิดว่า ชายหนุ่มจะวิ่งมาจากด้านหลังและกระโดดลงไปช่วยเธอ หล่อนทำหน้าไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่า ชายหนุ่มเห็นอะไรบ้าง  ก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูเศร้าสลด แล้วรีบยื่นมือไปช่วยยกตัวพริริสาขึ้นมา แต่ชายหนุ่มกลับมองผ่านมันไป  และอุ้มพริริสาขึ้นจากขอบสระเอง

    พริริสา ฟื้นสิ พริริสาสกายส่งเสียงเรียกพร้อมกับใช้มือหนา ตีลงไปบนแก้มนวลของเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติหญิงสาวให้กลับคืน พร้อมกับก้มหน้าลงไปแนบกับหน้าอกข้างซ้ายของเธอเพื่อฟังเสียงการเต้นของหัวใจ  ในใจก็นึกหวั่น กลัวเธอจะเป็นอะไรไป เพราะเขาไม่รู้ว่า พริริสาจมดิ่งลงพื้นน้ำนานแค่ไหน

       “ให้ตายสิพริริสา ฟื้นสิ ฟื้น ได้ยินฉันไหม”  เมื่อปั้มหัวใจให้แล้ว แต่พริริสาก็ไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้นมา เขาเลยตัดสินใจพายปอด เป่าปากให้หญิงสาวทันที

    สกายพยายามอยู่สองสามครั้ง จนตัวเขาเองก็เหนื่อยหอบ ไม่คิดว่าเธอจะหมดสติไปนานแบบนี้ ยิ่งพริริสาไม่ยอมฟื้น เขาเองก็เริ่มใจคอไม่ดี เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเธอ ต้องโทษตัวเอง  ที่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียว เขาไม่ควรปล่อยเธอไว้เพียงลำพัง  เพราะไม่คิดว่า ลินลณีจะกล้า ทำร้ายน้องสาวของตนเอง  แต่ก่อนที่ความหวังจะหมดสิ้น พริริสาก็ขยับตัว ทำให้สกายถึงกับยิ้มออกมาได้

    พริริสาเริ่มรู้สึกตัว เธอสำลักน้ำออกมาจนหมด ใบหน้าซีดเซียวเพราะหมดสติไปนาน  หญิงสาวพยายามปรือตามองคนที่ประคองศีรษะตัวเอง เมื่อเห็นว่าคนที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมือมัจจุราช คือเจ้าพ่อเหมืองก็โผเข้ากอดชายหนุ่มทันที

    พี่กาย... ช่วยพริมด้วย พริมกลัว ฮึๆ ฮึๆหญิงสาวกอดรัดชายหนุ่มไว้แน่น ลืมสิ่งที่เคยหวาดกลัวต่อเขา ซุกใบหน้าลงไปกับแผงอกกว้าง ที่เปียกปอนไม่ต่างจากเธอ

    สกายเองก็โอบกอดพริริสาไว้แน่น คล้ายต้องการปลอบโยนและให้ความอบอุ่น กับร่างบางที่สั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดของเขา

    พี่กาย  ฮึก! พริมอยากกลับบ้าน ฮึก! พาพริมกลับบ้าน”  เธอร้องขอทั้งน้ำตา และยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเขา เสียงสะอื้นให้ ดังเข้าไปในโสตประสาทของชายหนุ่ม จนเขารู้สึกสงสารพริริสาจับใจ ก่อนจะเงยหน้ามองคน ที่ยืนหน้าถอดสีอยู่ตรงหน้า ด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว

    สกายอุ้มร่างเปียกปอนของพริริสาออกไปจากงาน ท่ามกลางสายตาของแขกเกลื่อนในงานและนักข่าว วินาทีนี้เขาไปสนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากทำให้คนที่อยู่ในวงแขนปลอดภัย  ชายหนุ่มเดินผ่านหญิงสาวอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะ ทำให้เธอต้องหยุดชะงักเท้า แล้ววิ่งหันกลับมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    น้องพริมเป็นอะไรคะคุณสกายจอมขวัญถามขึ้นโดยสีหน้าตื่นตระหนก ในขนาดที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามคนตัวใหญ่

    เธอจมน้ำครับ ผมฝากบอกคุณแม่ท่านด้วย ผมจะรีบพาพริริสากลับบ้าน แล้วผมจะให้คนขับรถมารับท่านทีหลัง

       ”ค่ะแล้วขวัญจะบอกท่านให้ค่ะ

      ขอบคุณมากครับ

    ทุกอย่างที่เกิดขึ้น อยู่ภายใต้สายตาของบุรุษอีกคนหนึ่ง ที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองด้วยซ้ำ ว่าหญิงสาวที่เขาเคยมีสัมพันธ์สวาท จะมีจิตใจโหดเหี้ยมถึงขนาดคิดจะฆ่าแกง น้องสาวตนเองได้ลงคอ

     “ผมไม่คิดเลยนะ ว่าคุณจะใจร้ายถึงขนาดลงมือทำร้ายน้องสาวตนเองได้ลงคอเสียงต้นน้ำดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้คนที่ยืนกำมือตัวเองแน่น เพราะความโกรธและความกลัว ต้องหันกลับมามองเจ้าของน้ำเสียงเย็นชานั้น

    คุณพูดอะไรลินลณีหันมาถามเสียงสั่น

    คุณก็น่าจะรู้นะลินลณีว่าผมหมายความว่ายังไง จิตใจของคุณนี่มันช่างต่างกับใบหน้าต้นน้ำว่า

                 “ขอบคุณนะคะที่ชม ก็ไม่ใช่เพราะน่าตาฉันเหรอคะ ที่แต่ก่อนทำคุณหลงใหลจนแทบงัวหัวไม่ขึ้น

    ผมคงหูหนวกตาบอด ไปชั่วขณะที่เผลอไผล ไปกับผู้หญิงอย่างคุณ”  ต้นน้ำเดินมาหยุดตรงข้าม  พร้อมล่วงมือสองข้างเข้าไปไว้ในกระกางเกง ก่อนจะหย่อนสะโพกลงไปกับเก้าอี้ตัวที่พริริสาเคยนั่ง

    รู้อย่างนี้แล้วจะทำไมคะ คุณจะทำอะไรฉันได้ หลักฐานก็ไม่มี หล่อนพูด พร้อมเชิดคอขึ้นตั้งตรง ข่มความกลัวในใจ

    หึหึ  ต้นน้ำหัวเราะเยาะอยู่ในลำคอ

    คุณหัวเราะอะไรไม่ทราบคุณต้นน้ำเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเย็นชา ลินลณีถึงกับเหวใส่ชายหนุ่ม

    คุณนี่มันเลวได้ใจจริงๆนะลินลณี

    เหรอคะ  แล้วที่นอนครางอยู่บนเตียงนั้นเขาเรียกว่าอะไร ลินลณีเหยียดปากพูด พร้อมส่งร้อยยิ้มเย้ยหยันไปให้ชายหนุ่ม

    ใช่ผมยอมรับว่าลีลาบทรักของคุณเร้าร้อนขนาดไหน และขอบคุณที่ทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ร่วมรัก กับคุณ แต่คุณอย่าลืมซิ ถึงยังไงคุณก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ของผมเท่านั้นแหละ และก็คงจะกับใครอีกหลายๆคน คงไม่มีใครคิดเอาผู้หญิงร้าย อย่างคุณมาเป็นแม่ของลูกหรอกต้นน้ำแสะยิ้มออกมา อย่างสมเพช    

    ลินลณีแทบจะอยากกริ๊ดลั่นงาน เมื่อได้ฟังวาจาดุร้ายจาบจ้วง ว่าตนอย่างโจ้งแจ้ง ด้วยถ้อยคำเสียดสีหยาบคาย หล่อนกำมือเข้าหากันแน่น จ้องมองชายหนุ่มด้วยความสายตาเคียดแค้นชิงชัง  ก่อนที่ฝามือเรียวจะฟาดไปที่หน้าของต้นน้ำอย่างแรง

    เพี๊ย!!

     ลินลณี!!  ต้นน้ำลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วใช้ลิ้นดุนข้างแก้ม จ้องมองลินลณีด้วยแววตาสมเพจ ปนดุดัน

    อย่าบังอาจมาทำแบบนี้กับฉันอีก ถ้าไม่อยากจะเจอดีน้ำเสียงเกรี้ยวกราด จนลินลณีต้องถอยห่าง    

     “จำไว้นะลินลณี ผู้หญิง อย่างเธอมันก็แค่ของเล่นสำหรับผู้ชาย” ต้นน้ำ เอื้อมมือเข้ามาบีบคางลินลณี ก่อนจะสลัดทิ้งอย่างไปใยดี

    ไอ้ต้นน้ำ ไอ้ชั่ว ไอ้เลว สักวันฉันจะกลับมาเอาคืนแก เพราะแกนังพริม เพราะแกคนเดียว ฉันไม่มีวันปล่อยให้แกมีความสูขอยู่กับผู้ชายที่ควรจะเป็นของฉันหรอก แกไม่มีวันได้เขาไปครอบครองไม่มีวัน ไม่มีวัน แกได้ยินมั้ยนังพริม เขาเป็นของฉัน เป็นของฉันคนเดียว! ร่างสูงโปร่งสั่นสะท้านเพราะความโกรธ มองตามผ่นหลังของต้นน้ำไปด้วยความเคืองโกรธ

                                                                     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×