ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์วิวาห์เจ้าชายมาเฟีย (พริม สกาย)

    ลำดับตอนที่ #4 : เพื่อนรัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      5
      7 ก.ย. 58

    บทที่4   เพื่อนรัก

     

                 “พริม นี่อย่าบอกนะว่าพริมจะดร็อปเรียนจริงๆ” น้ำเสียงค่อนข้างตกใจของวริช เพื่อนสนิทที่แอบชอบพริริสา มาแสนนานตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมถามขึ้น แต่เธอก็ยังให้วริชอยู่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งของเธอเท่านั้น

    ใช่จ๊ะ แต่วริชไม่ต้องห่วงหรอกนะ ยังไงพริมก็ไม่ทิ้งการเรียนหรอก พริมแค่อยากมีเวลาทำงานให้มากขึ้นเท่านั้นเอง พริมสัญญานะ หลังจากหาเงินใช้หนี้หมดแล้ว พริมจะกลับมาเรียน” พริริสาพูดขึ้นภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แม้ภายในหัวใจของเธอกำลังเจ็บปวดที่ต้องหยุดเรียนลงกะทันหัน เงินตั้งสิบล้านทั้งชาติเธอยังไม่รู้เลยว่าจะหาได้มั้ย

                 “แต่อีกแค่เทอมเดียวเองนะพริม เราอยากให้พริมเรียนให้จบ” วริชยังไม่เห็นด้วยที่อยู่ๆพริริสาก็จะมาหยุดเรียนเอากลางคันทั้งที่เหลืออีกแค่เทอมเดียวเขาและเธอก็จะเรียนจบแล้ว  

                “พริมแค่ดร็อปนะวริช ไม่ได้หยุดเรียนไปเลยซะหน่อย อีกอย่างพริมจะได้มีเวลาทำงานมากขึ้นด้วย พริมจะได้ใช้หนี้ให้หมดเร็วๆไง” พริริสายังคงพูดจายิ้มแย้มทำอย่างกับเรื่องที่เธอเผชิญอยู่ตอนนี้มันเล็กน้อย  ทั้งที่ข้างในหัวใจเธอกำลังร่ำไห้อย่างหนัก

    เราอยากให้พริมคิดให้ดีๆนะ

    พริมคิดดีแล้ววริช ขอบคุณวริชมากเลยนะที่เป็นห่วง” 

    แล้วพี่ลินล่ะ ไม่ช่วยอะไรบ้างเลยเหรอ” 

     พริริสานิ่งคิดไม่ชั่วขณะ เธอเหมือนคนน้ำท่วมปากที่พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะถ้าหากพูดอะไรออกไป มันก็เหมือนประจานครอบครัวของตนเอง ความจริงเธอก็อยากจะประกาศให้คนทั้งโลกให้ได้รับรู้ว่า ว่าภาระหนี้สินทั้งหมดที่เธอแบกรับอยู่ตอนนี้ มันไม่ควรเป็นของเธอเลยสักนิด ลินลณีต่างหาก ที่ควรรับหน้าที่นี้ไป เพราะหล่อนคือบุตรสาว ของผู้มีพระคุณของตน แต่เพราะคำว่ากตัญญูและบุญคุณที่ค้ำคอเอาไว้ จึงทำให้หญิงสาวไม่อาจที่จะปฏิเสธสิ่งที่ลินลณีหยิบยื่นให้ในครั้งนี้ และที่ทำได้คือก้มหน้าก้มตายอมรับกับชะตากรรมในสิ่งที่เธอไม่ได้ก่อขึ้นเท่านั้นเอง 

                “พี่ลินเหรอ พี่ลินเขาก็ช่วยไง” พริริสาพูดเสียงสั่น แต่ยังคงเก็บอาการไม่ให้คนตรงหน้าของเธอเห็น

                ช่วยทำให้เราทุกข์ใจมากขึ้นไงวริชประโยคนี้เธอได้แต่เก็บซ่อนไว้ในหัวใจ ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมาให้วริชได้ยิน

                “แล้วพริมจะไปทำอะไร เรียนก็ยังไม่จบ สมัยนี่พริมก็รู้ วุฒิปริญญาตรี เงินเดือนที่ได้แทบจะไม่พอกิน แล้วนี่พริมมีแค่วุฒิมอหก พริมจะไปทำอะไร” วริชถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เขาเคยเสนอตัวเข้ามาช่วยพริริสาในเรื่องเงิน แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธทุกครั้ง 

                “พริมรู้วริช แต่จะให้พริมทำยังไง พริมเหลือเวลาอีกไม่มาก ธนาคารก็จะมายึดบ้านที่พริมอยู่อาศัยแล้ว ถ้าพริมยังไม่สามารถหาเงินไปส่งทั้งต้นทั้งดอกให้เขาได้ พริมไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กอกตัญญู แม้แต่บ้านก็รักษาไว้ไม่ได้พริริสาพรั้งพรูความอัดอั้นตันใจออกมาจนได้ นับตั้งแต่ผู้มีพระคุณจากเธอไป หญิงสาวก็ได้แต่เก็บงำความเจ็บปวดและภาระที่ท่านทั้งสองทิ้งไว้ให้เธออย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ครั้งนี้เมื่อวริชเพื่อนสนิทคนเดียวที่เธอมีในยามนี้ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย หญิงสาวจึงไม่สามารถสกัดกั้น หยดน้ำตาไม่ให้ไหลได้อีกแล้ว ก่อนจะก้มหน้าปล่อยโฮออกมา แม้กระทั่งวริชเองก็ไม่สามารถช่วยไรได้ นอกจากปลอบโยนเธอ ผ่านสายตาอบอุ่นคู่นั้นของเขา

                   พริม!!!! นาทีนี้วริชเองก็อยากดึงเธอเข้ามาสวมกอดเพื่อปลอบโยนยิ่งนัก แต่สิ่งที่เขาเพียรทำได้คือ จับมือเธอไว้เท่านั้น เพราะเขารู้ดี พริริสารู้สึกเช่นไรและวางเขาไว้ในฐานะอะไรของเธอ

     “ร้องไห้ ให้พอนะพริม ต่อไปพริมจะได้ไม่ต้องร้องไห้อีก เราจะอยู่ข้างๆพริมเสมอ

    ขอบคุณนะวริช ขอบคุณจริงๆที่คอยอยู่เคียงข้างพริมเสมอ” พริริสาเงยหน้าขึ้นมอง วริชอีกครั้งด้วยความซาบซึ้งใจ และยิ้มให้กับความมีน้ำใจของเขาด้วยน้ำตา

    ทำไงได้ล่ะ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ พริมทุกข์เราก็ทุกข์ด้วย พริมสูขเราก็พลอยสูขไปกับพริม” วริชพูดขึ้น พร้อมกับบีบมือเล็กที่เกาะกุมอยู่ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เสมือนแทนคำปลอบโยนต่างๆที่เขาอยากมอบให้กับพริริสา พร้อมกับแววตาอ่อนโยนที่ส่งผ่านดวงตาไปให้เธอ

    จะไม่ให้เราห่วงพริมได้ไง ยิ่งเห็นพริมร้องไห้เราก็ยิ่งเจ็บปวด เราอยากเป็นคนเช็ดน้ำตาให้พริม แต่พริมก็ให้เราเป็นได้แค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเอง เมื่อไหร่พริม เมื่อไหร่ที่พริมจะยอมให้เราผ่านเข้าไปอยู่ในหัวใจของพริมซะที เมื่อไหร่ที่พริมจะให้เราเป็นได้มากกว่าเพื่อนพริม  วริชคิดเองอยู่ในใจ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาแล้วมองหน้าคนที่ก้มหน้าก้มตาร้องให้อยู่

    พริริสาและวริชเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จวบจนทั้งสองเข้ามหาวิทยาลัยทั้งสองก็เรียนมหาลัยเดี๋ยวกัน ถึงแม้จะต่างคณะต่างวิชา วริชเลือกเรียนวิศวะ ในขนาดเดียวกัน พริริสาเลือกที่จะเรียนคณะมนุษย์ศาสตร์ เพราะเธอรักในการเรียนภาษา ทั้งสองช่วยเหลือเกื้อกุลกันมาเสมอ จนเพื่อนๆในกลุ่มต่างเข้าใจว่าทั้งสองกำลังคบกันอยู่ จะมีก็แต่พริริสากับวริชเท่านั้นที่รู้ว่าไม่ใช่

     “แล้วนี่พริมคิดหรือยังกว่าจะไปทำงานอะไร” วริชถามขึ้นอีกครั้ง เพื่อทำลายความเงียบ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก้มตาก้มตาไม่ยอมพูดอะไรขึ้นมาอีก

     “ยังไม่รู้เลยวริช ตอนนี้พริมมืดไปหมด พริมกะว่า วันสองวันนี้พริมจะเดินไปหางานดูนะ ระหว่างนี้คงจะไปสอนพิเศษให้กับเด็กๆเหมือนเดิม

    เอางี้ไหม เดี๋ยวเราถามพี่วราให้ ว่าที่โรงแรมต้องการพนักงานเพิ่มมั้ย เผื่อจะมีตำแหน่งอะไรที่พริมพอจะทำได้” วริชเสนอตัวช่วยอีกครั้ง อย่างน้อยที่ทำงานของพี่สาวตนหน้าจะพอมีตำแหน่งงานว่างให้พริริสาได้ทำอยู่บ้าง เพราะโรงแรมนั้นออกจะใหญ่โต                  

    จะดีเหรอวริช รบกวนพี่วราเปล่าๆ อีกอย่างโรงแรมออกจะใหญ่โต เรากลัวไปทำให้พี่วราเสียงานเอานะสิ

    ไม่หรอก อย่าคิดมากสิ อีกอย่างพริมก็เก่งภาษาเดี๋ยวเราถามพี่วราให้ พริมจะได้ไม่ต้องไปหางานให้เหนื่อยด้วย ไหนๆพริมก็ไม่ยอมให้เราช่วยเรื่องเงินทองอยู่แล้วนี่ เรื่องงานเราขอพริมเรื่องหนึ่งแล้วกัน

    เอางั้นเหรอ!!! พริริสาทำท่าครุ่นคิด

    ตกลงตามนี้แหละ เป็นอันเข้าใจตรงกันนะ” วริชหันมาส่งยิ้ม ให้พริริสาอีกครั้ง เพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น

    งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเรากลับบ้านกันเถอะ พริมมีนัดสอนพิเศษตอนหกโมงเย็นน่ะ ไม่อยากจะไปสาย” พริริสาว่า ก่อนจะผ่อนลมหายใจออก แล้วใช้มือปาดคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่บนแก้มนวลนั้นทิ้ง

    ไปสิ เดี๋ยวเราไปส่งเอง” 

    ขอบคุณนะวริช ที่คอยช่วยเหลือพริมทุกอย่างเลย” พริริสายื่นมือตนเองไปจับมือของวริช ถ้าไม่มีผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้ เธอก็คงจะรู้สึกแย่กว่าที่เป็นอยู่ เพราะในเวลานี้เพื่อนแท้คนเดียวที่เธอยังเหลืออยู่ก็คงจะมีแค่วริช ที่ยังคงห่วงใย

    แต่พริริสาก็ไม่อาจบอกเหตุผลได้ว่าทำไมเธอถึง เปลี่ยนสถานะให้วริชไม่ได้ เธอรู้สึกดีกับวริชแค่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น มันเหมือนหัวใจเธอกำลังรอใครบางคนอยู่ แต่ก็ไม่สามารถบอกตนเองได้เหมือนกันว่า เขาคือใคร แล้วทำไมเธอถึงไม่เปิดใจยอมรับผู้ชายที่แสนดีอย่างวริช  ทั้งๆที่เขาแสนดีกับเธอเสมอมา

    ก็เราเป็นเพื่อนพริมนี่” วริชหันมายิ้มให้กับพริริสาอีกครั้ง มันเป็นรอยยิ้มที่มาจากหัวใจและเขาก็อยากเห็นคนตรงหน้าของเขา ยิ้มและหัวเราะได้อย่างวันวานที่ผ่านมา ก่อนจะใช้มือใหญ่ไปขยี้ผมเธอเล่นอย่างเอ็นดู...

     

    ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง  ความสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเมตร นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเครารกรุงรัง กำลังเดินไปเดินมาด้วยท่าทางครุ่นคิดอยู่ภายในห้องทำงาน ที่จัดขึ้นอย่างเป็นสัดส่วน ภายใต้คฤหาสน์หลังงามในรัฐเซาเวสน์ ประเทศออสเตรเลีย

    หลายวันแล้วที่สกายเอาแต่คิดหาทางปฎิเสธมารดาเรื่องที่จะต้องเดินทางติดตามนางกลับไปยังประเทศไทย แต่คิดเท่าไหร่ ก็ยังหาเรื่องที่จะมาปฎิเสธนางไม่ได้สักที ให้ตายสิทำไมเขาต้องมาตกม้าตายเอาเรื่องพันธ์นี้ด้วยนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหตนเอง เรื่องอื่นจัดการได้หมด แต่กลับเรื่องที่มารดาขอร้อง ทำไมถึงยังหาทางออกให้กับตนเองไม่ได้สักที

    คิดสิเว้ยสกาย เรื่องแค่นี้ทำไมแกถึงคิดไม่ได้สักทีวะ นี่ก็จะครบอาทิตย์แล้วนะเว้ย    ชายหนุ่มพูดกับตนเองในกระจกของห้องทำงาน ทิ้งมาดราชสีห์แห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ไปด้วยปริยาย นี่เขาต้องแต่งงานจริงๆใช่มั้ย

    และเมื่อยังหาทางปฏิเสธมารดาไม่ได้ สกายก็ปล่อยตัวนั่งลงกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ก่อนมือจะไปคว้าเอาแก้ววิสกี้ราคาแพง ยกขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว

    สองสามวันมานี่เขาไม่ได้กลับเข้าไปทำงานที่เหมือง จึงมีเวลามานั่งตรวจสอบเอกสารและบัญชีที่ฝ่ายบริหารส่งมาให้เขาอนุมัติทุกเดือน เมื่อยังหาเหตุผลที่ดี มาแย้งมารดาไม่ได้ เขาจึงเอาเวลาที่เหลือมานั่งตรวจสอบเอกสารและก็เซ็นอนุมัติงาน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชื่อของเพื่อนสนิท สมัยเรียนที่ห่างหายกันไปนาน อยู่บนเอกสารสั่งซื้อ สินค้าจากเขา

    จาคอบ ลาดิโบเนีย นาทีนั้น ความทรงจำอะไรบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองอันชาญฉลาดของเขา

    ใช่แล้ว!!  สกายพึมพำออกมา ด้วยสายตาเป็นประกาย เมือคิดถึงอดีตเพื่อนรัก ที่จะสามารถช่วยเหลือเขาได้ในยามเจอกับสภาวะวิกฤตเช่นนี้  ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ส่วนตัวที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง ต่อสายไปหาเลขาที่ทำงาน

    อัลโหล ปีเตอร์ ฉันต้องการที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ลูกค้าที่ชื่อ จาคอบ ลาดิโบเนีย ลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้ากับเรา ในนาม เอนเตอร์ไพน์กรุ๊ป”  สกายกรอกเสียงไปตามสายโทรศัพท์ ทันทีที่เลขาส่วนตัวของเขารับโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำ ชายหนุ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเพื่อนสนิท

    ได้ครับนาย เดี๋ยวผมจัดส่งให้ทางไลน์นะครับ” 

    ด่วนเลยนะ ปีเตอร์ ฉันต้องการด่วน” 

    ครับนาย “

      ห้านาทีหลังจากวางสายจากเลขาส่วนตัว เขาก็รับข้อความส่งกลับมาจากทางไลน์ ที่ข้างในระบุชื่อที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของคนที่เขาต้องการ ไว้อย่างชัดเจน

      สกายไม่รอให้โอกาสหลุดลอยไป เมื่อเขาเห็นหนทางรอดอยู่ข้างหน้า อย่างน้อยสักระยะหนึ่งก็ยังดี หรือจนกว่ามารดาจะเลิกล้มความตั้งใจที่ อยากให้เขามีลูก สายตาอันเฉียบคมบวกกับสมองอันชาญฉลาดก็ทำงานขึ้นมาทันที แล้วก็ไม่รอช้าที่จะกดเบอร์ไปหาคนที่เขาต้องการขอความช่วยเหลือ

    เอนเตอร์ไพน์กรุ๊ปสวัสดีค่ะ” โอเปอร์เรเตอร์เสียงหวานลอดมาตามสายโทรศัพท์

    สวัสดีครับ ผม สกาย มาร์ตินโคญน์ จาก สกาย รีซอร์สเซล  ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงจะกรุณาต่อสายให้ผมพูดกับ คุณจาคอบ ลาดิโบเนีย ได้ไหมครับ”  สกายหยอดคำหวานลงไปกับคำพูดลื่นหูชวนฟังของเขา แน่นอนในเมื่อเขาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการให้สาวเจ้ารู้ มีหรือที่หล่อนจะไม่รู้จัก นักธรุกิจ พันล้าน เจ้าของฉายา เดอะไลทอ้อนโกลด์ คนนี้ ก็ในเมื่อเธอเองก็ทำงานอยู่ในบริษัท ที่สร้างสรรค์เครื่องประดับ ให้คนทั่วโลกได้สวมใส่ ในนามเอนเตอร์ไพน์  กรุ๊ป ที่มีผู้บริหารหนุ่ม นามว่า จาคอบ ลาดิโบเนีย นักธุรกิจไฟแรง  ที่ยังต้องติดต่อซื้อขายทองคำกับ บริษัทอันใหญ่โตของเขา

    คุณสกาย!! เออ.... กรุณารอสักครู่นะคะ ดิฉันกำลังต่อสายให้ค่ะ”        

    ขอบคุณครับคุณผู้หญิง

         ด้วยวาจาที่หวานหยดย้อยไพเราะเสนาะหู  บวกกับหน้าตาและฐานะการเงินที่ค่อนไปทางมหาเศรษฐีจึงไม่ยากนึกที่สกาย จะผูกมิตรกับสาวๆได้ภายในไม่กี่วินาที  และก็จบลงด้วยเรื่องบนเตียงแทบทุกราย ผู้หญิงหลายคนมาเสนอเรือนร่างอันเย้ายวนให้เขาถึงที แต่มีไม่กี่คนที่จะได้ร่วมรักกับเขา ถึงเขาจะเจนจัดในเรื่องบนเตียง แต่สกายก็เลือก นับได้ว่าเขาก็เป็นผู้ชายที่หาตัวจับได้ยาก ไม่ต่างจากเพื่อนสนิทอย่างวิน แอนดรูสัน  จาคอบ ลาดิโบเนีย และ ชาร์ล  วิริยะนนท์เลย และไม่กี่อึกใจระหว่างรอสาย ก็มีเสียงอันทรงพลังอำนาจอีกเสียงพูดขึ้น

      ว่าไงไอ้เสือ วันนี้ลมอะไรพัดมาถึงโทรมาหาฉันได้เสียงยียวนกวนประสาทของจาคอบดังลอดมาตามสายโทรศัพท์ เรียกเสียงหัวเราะขบขันให้กับคนได้ยินเป็นอย่างยิ่ง

    แกยังกวนปราสาทไม่เปลี่ยนนะจาคอบ ฉันไม่คิดว่าราชสีห์แห่ง เบอร์มิด้า จะครองตัวเป็นโสดอยู่จนถึงวันนี้” สกายก็ยอกย้อนไม่แพ้กัน เพราะรู้ดีว่าจาคอบเองก็ยังหวงความโสด จะว่าไปตั้งแต่สมัยเรียน ก็ไม่ค่อยมีผู้หญิงที่ไหนกล้าเข้าใกล้มันสักคน

    ที่ลงทุนโทรข้ามทวีปมา แกคงไม่ได้มีเรื่องถามว่าฉันสละโสดหรือยังหรอกนะ สกาย”   จาคอบไม่รอให้อีกฝ่ายได้เล่นลิ้นอะไรต่อ เขาเชื่อว่าเขาอย่างสกายถ้าไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ จนหาทางออกไม่ได้ คงไม่มีวันโทรมาหาเขาแค่เรื่องขี้ประติ้วแค่นี้อย่างแน่นอน

        เออฉันมีเรื่องอยากให้แกช่วย”  สกายพูดเสียเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อยทันที เมื่อนึกถึงธุระสำคัญที่เขาต้องการขอความช่วยเหลือจากจาคอบ

       “ธุระอะไรกัน ที่ทำให้แกโทรข้ามทวีป มาหาฉันถึงที่นี่”  

        “แกตั้งใจฟังในสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ให้ดีนะ”  สกายสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะระบายสิ่งที่ติดอยู่ในใจ เกือบอาทิตย์ให้เพื่อนรักฟัง  อย่างหมดเปลือก อายแสนอายที่โดนมารดาบังคับขู่เข็นแบบนี้ แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกจึงต้องมาให้เพื่อนรักอย่างจาคอบช่วย

    แต่!!!! แทนที่ชายหนุ่มอีกคนจะเห็นใจเขากลับปล่อยเสียงหัวเราะขบขันออกมาอย่างดัง จนอีกคนนึกเคือง

     ฉันเพิ่งรุ้ ว่าราชสีห์อย่างแก ต้องกลายเป็นแมวเชื่องๆ เมือถูกแม่บังคับให้แต่งงาน” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาปนเสียงหัวเราะ แทบจำใจความการสนทนาไม่ได้

     “ไม่ตลกไอ้จาคอบ” สกายหงุดหงิดขึ้นมาทันตาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของจาคอบลอดมาตามเสียงโทรศัพท์ ทันทีที่เขาเล่าจบ

      “ใจเย็นไอ้กาย ฉันก็อยากช่วยแกอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่าน้องสาวฉันเธอแต่งงานไปแล้ว

       แกว่าอะไรนะ!!   เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าจาคอบจะปล่อยให้น้องสาวตนเองแต่งงานได้ง่ายๆ ในเมื่อมันหวงเธออกจะขนาดนั้น พวกเขายังแอบคิดเลยว่า มันคิดที่จะเก็บเอาไว้กินเอง

    ฉันบอกว่าปรายฉัตร แต่งงานไปแล้ว” 

    เมื่อไหร่ กับใคร” ความหวังที่คิดเอาไว้ตั้งแต่ต้นพังทลายไม่เป็นชิ้นดีเมื่อตัวช่วยที่คิดเอาไว้ กลายเป็นของคนไปแล้ว

       เมื่อเดือนที่แล้วกับไอ้วิน แล้วตอนนี้เธอก็อยู่ประเทศไทย” จาคอบบอกพร้อมยิ้มขันอุตส่าห์โทรข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเขา เพื่อขอยืมตัวน้องสาวไปสวมบทบาทเป็นคนรักเมื่อตบตาผู้เป็นมารดา มันคิดได้ยังไง

      กับไอ้วิน!!! เอ๊ย เป็นไปได้ยัง” เมื่อรู้ว่าใครคือเจ้าของตัวจริง ของคนที่เขาอยากให้ช่วย ชายหุน่มก็แทบจะไม่อยากจะเชื่อ

    มันเป็นไปแล้ว แล้วตอนนี้แกจะทำยังไงต่อ แต่ฉันว่ามันก็ไม่เห็นยาก แกก็แค่ตามแม่แกกลับเมืองไทย หาสาวไทยสักคน มานอนกับแก พอเขาท้องแกก็แค่จ่ายเงินให้เขาหนักๆหน่อยแล้วก็เอาลูกมา เท่านั้นเอง คิดไรมากว่ะจาคอบออกความเห็นในเชิงขบขัน

    ถ้ามันง่ายอย่างที่แกพูดฉันจะเสียเวลาโทรหาแกทำไมหะ พูดไม่คิด

     “อ้าวไอ้นี่ แล้วแกมีทางเลือกที่ดีกว่านี้หรือไง

                “ยังตอนนี้ยังไม่มี”  สกายทำเสียงอ่อนลง หลังจากที่ตัวช่วยที่วางเอาไว้ ล่มไม่เป็นท่า ล่มตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ

       “ไม่ยากเลยสกาย ถ้าแกอยากหาผู้หญิงดีๆสักคนมาเป็นแม่ของลูกแก” จาคอบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง อีกครั้ง

                   “ยังไง??

    แกก็แค่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของแก  แล้วก็ลองไปคบกับผู้หญิงไทยสักคนตามที่แม่แกบอก ที่นี่แกก็จะรู้เองว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นคุณนายราชสีห์ไหม”  

      อืม!!! เข้าท่า ฉันไม่คิดว่านายก็มีสมองคิดเรื่องแบบนี้ได้ด้วย” สกาย ไม่วายเหน็บแนม

                 “หรือไม่อย่างนั้น แกก็ตามแม่แกกลับเมืองไทย แล้วก็ทำลูกให้แม่แกซะ” ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ราชสีห์หนุ่มสองตน เก่งกาจทุกเรื่องแต่กลับมาล้มไม่เป็นท่า เอาเรื่องง่ายๆ ที่เรียกว่า ความรัก  ทั้งวิน ทั้งสกาย ไม่ต่างกันเลนสักนิด

    แกหยุดพูดไปเลยจาคอบ ถ้าแกไม่หยุดฉันจะสั่งให้คนไปเผาบริษัทแก

    ครับผมกลัวแล้วครับ คุณสกาย” เสียงจาคอบหัวเราะขบขันอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะปรับเสียงให้เป็นปกติ เมื่อมองเห็นนาฬิกา ได้เวลานัดลูกค้า

    แกมีอะไรอีกมั้ย ฉันมีประชุมสำคัญกับลูกค้าว่ะ แล้วค่อยไว้คุยกันใหม่

     เชิญ!!!

    ฉันขอให้แกได้ลูกได้เมียในเร็ววันนะ”  ก่อนจะวางสาย จาคอบก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้สกายได้โมโหเล่น

     ไอ้จาคอบ!! สิ้นเสียงสกาย จาคอบก็รีบวางสาย โดยไม่รอให้สกายได้ดุด่าอะไรเขาอีก  มันคงไม่ดีแน่หากต้องออกไปพบลูกค้าแล้วมีเสียงด่าของสกายตามหลังมา

    หลังจากวางสายจากเพื่อนรัก สกายก็ทอดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่อย่างอ่อนใจ นี่เขาต้องตามมารดากลับเมืองไทย เพื่อหาใครสักคนมาเป็นแม่ของลูกเขาให้ได้ ตามคำสั่งของมารดาใช่มั้ย ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ใครกันที่คู่ควรจะมาอยู่เคียงข้างราชสีห์อย่างเขา ใครกันที่รักในตัวตนที่แท้จริงของเขา ที่พร้อมจะรับทุกอย่างที่เขาเป็นไม่ใช่แค่ชาติตระกูลและฐานะทางการเงินของเขา 

    เมื่อความคิดในสมอง ยังไหลไม่หยุด สมองอันเฉียบคม ก็คิดแผนการตามหา ซินเดอเรลล่า ขึ้นมาได้ ภายใต้สายตาที่แหลมคมที่ส่องประกายวาววับคู่นั้น แผนการตามล่าหานางซินก็ผุดขึ้นมาในสมอง  ใช่ผู้หญิงคนไหนที่ไม่สนใจในรูปลักษณ์ของเขา ที่ไม่ได้สนใจในเงินทองที่เขามี ผู้หญิงคนนั้นแหละ เหมาะสมที่จะเป็นแม่ก็ลูกเขา

       สกายหยิบขวดวิสกี้ ขึ้นมากระดก แล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากขึ้น อย่างร้ายกาจ ก่อนจะกระดกขวดวิสกี้ อีกครั้งจนหมดขวด แล้วทอดตัวนอนกับโซฟาตัวใหญ่  ผู้หญิงก็คือผู้หญิงวันยังค่ำ แม้ชายหนุ่มจะรู้ว่า ผู้หญิงไม่ได้เหมือนกันไปหมดซะทุกคน แต่ผู้หญิงที่เขาเคยประสบพบมาก็ไม่ต่างกันเลยสักนิด คือพวกเธอหิวเศษเงินที่ เขาหยิบยื่นให้ ในเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น สามารถปรนเปรอความสูขทางกายให้เขาได้ เศษเงินแค่นี้ทำไมเขาจะเอามาเป็นข้อเสนอ เพื่อให้พวกเธอทั้งหลายเหล่ มอบความเร้าร้อน ของไฟราคะให้ล่ะ

    แต่ผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูกเขา จะมีมั้ยสักคนที่รักในตัวตนของเขา เข้าใจในชีวิตการทำงานของเขา ไม่สนใจในทรัพย์สิน เงินทองของนอกกายที่เขามี หรือสุดท้ายเขาต้องจ้างใครสักคน เพื่อมาเป็นแม่ของลูกเขา จากนั้นเมื่องานเธอเสร็จ ก็ต่างคนต่างแยกย้าย ไม่ข้องเกี่ยวใดๆทั้งสิน

     

                                              

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×