ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผ่านภพบรรจบฟ้า (ตีพิมพ์กับสนพ. คำต่อคำ)

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ ๑๐ ยี่สิบเจ็ด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.06K
      89
      4 มิ.ย. 59


    ตอนที่ ๑๐ ยี่สิบเจ็ด




    อ้ากกก


    หมายเลขสามสิบสี่ร้องเสียงโหยหวนขาก้าวเซถอยหลัง เลือดสีแดงสดไหลทะลักจากปากแผลลึกบนหน้าอก ตาเบิกกว้างมองหมายเลขยี่สิบหกที่ยืนถือขวานเปื้อนเลือดอยู่เบื้องหน้า ริมฝีปากอ้าค้างสั่นระริกเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง


    ตุบ


    ร่างของหมายเลขสามสิบสี่ล้มลงทั้งตาเบิกโพลง


    "สี่สิบสามไปเร็ว!" ยี่สิบเจ็ดกระชากแขนฉันตะโกนเสียงดัง คืนสติให้ฉันและอีกหลายคนที่กำลังนิ่งอึ้ง


    ฉันรีบใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าป่าเหยียบกิ่งไม้ทะยานให้พ้นจากบริเวณนั้น ไม่ลืมหันมองยี่สิบเจ็ด เมื่อเห็นว่าเขายังคงตามหลังมาติดๆก็เบาใจ มุ่งหน้าไปจนคิดว่าพ้นมาไกลแล้วถึงได้หยุดยืนบนไม้กิ่งหนึ่ง กวาดตามองรอบๆอย่างระแวดระวัง


    "อยู่ตรงนี้นานๆไม่ดีแน่ สี่สิบสาม เราต้องหาที่ซ่อน" ยี่สิบเจ็ดบอก สายตากวาดระวังภัยรอบตัวเช่นกัน


    "ไม่คิดว่าพวกเขาจะเริ่มต้นกันเร็วปานนี้" ฉันพูด ยังคงตกใจอยู่นิดๆ


    "ช่วงเวลาตอนเริ่มแข่งเช่นนี้คนยังรวมกันอยู่มาก ถือว่าเป็นโอกาสก็คงไม่ผิดนัก" ยี่สิบเจ็ดตอบ "สี่สิบสาม ทางทิศเหนือน่าจะมีถ้ำ เราลองไปหาดูดีหรือไม่"


    ฉันมองไปทางทิศที่ว่า


    "อืม ไปกัน"


    ยี่สิบเจ็ดกำลังจะออกตัวอยู่แล้วแต่ฉันซึ่งเห็นบางอย่างคว้าแขนเขาดึงไว้ เขาหันกลับมามองด้วยสีหน้างุนงง


    "เจ้าดูนั่นฉันรีบพยักเพยิดหน้าให้ดูบางอย่างตรงทิศที่เขากำลังจะพุ่งไป ซึ่งหากไม่สังเกตดีๆแล้วจะมองไม่เห็น "ต้นพืชนั่นไม่ใช่ว่าออกจะประหลาดอยู่สักหน่อยหรือ เลื้อยพันอยู่ระหว่างต้นไม้สองต้นขึงกั้นไว้เช่นนั้น"


    ยี่สิบเจ็ดหันกลับไปมองตาม


    "เส้นเล็กบางเพียงนั้นแค่เฉียดโดนคงขาดกระมัง" ฉันพูดต่อ มือก็ล้วงหยิบอาวุธลับในกระเป๋าออกมา


    "หรือเจ้าคิดว่ามันเป็นกับดัก" ยี่สิบเจ็ดถามแต่ฉันไม่ตอบ มือซัดอาวุธใส่ต้นพืชนั่นจนขาดสะบั้น


    ฟุ่บ


    หอกไม้แหลมคมพุ่งออกจากพุ่มไม้ด้านล่างผ่านจุดที่ฉันซัดอาวุธลับใส่หายไปในดงไม้


    กับดักยี่สิบเจ็ดพึมพำ


    หากไม่ระวังให้มากคงไปไม่ถึงทางออกเป็นแน่ฉันพูด สายตายังคงมองไปรอบๆ มาตอนนี้ข้ากลับไม่คิดว่าถ้ำเป็นที่กบดานที่ดี ในป่าเช่นนี้ทุกคนล้วนมุ่งหน้าหาถ้ำที่พัก ทั้งอยู่ในนั้นยังเท่ากับอยู่ในที่แจ้ง เคลื่อนไหวลำบาก


    ที่เจ้าพูดมานับว่าถูก ไหนตัวข้าจะยังไม่อาจเรียกได้ว่ามีฝีมือทัดเทียมพวกแถวหน้าของรุ่น


    ทุกคนล้วนมีจุดเด่นเป็นของตนเอง กระบี่ของเจ้าฟันแทงได้อย่างสุขุมหาได้ลนลานไปตามกระบวนท่าของคู่ต่อสู้ นั่นถือเป็นจุดเด่นที่ยากจะมีใครเหมือน


    ยี่สิบเจ็ดยิ้มบางๆ


    เจ้ายกยอข้ามากเกินไป อยู่กับเจ้าเช่นนี้ไม่แน่ว่าตัวข้าอาจเป็นภาระให้เจ้าก็เป็นได้


    ฉันชะงักไปเล็กน้อย มองรอยยิ้มนั้นแล้วไม่ทราบเหตุใดในใจกลับรู้สึกปวดแปล่บขึ้นมา


    ผู้ที่ดึงแขนข้าตะโกนให้สตินั่นเรียกว่าภาระอย่างนั้นรึ ยี่สิบเจ็ด ข้ากลับเป็นฝ่ายละอายใจ เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเข้าหอจันทรา การเข้าสู่หอจันทรานั้นจำต้องสังหารหนึ่งชีวิต ว่ากันตามจริงแล้วเจ้าไม่มีเหตุผลใดให้ยืนอยู่ตรงนี้หรือช่วยเหลือข้าแม้แต่น้อยฉันเบือนสายตาออกจากรอยยิ้มของยี่สิบเจ็ดมองพื้นดินเบื้องล่าง


    ยี่สิบเจ็ดที่บัดนี้ตัวสูงกว่าฉันราวสองคืบได้ขยับหันกายพิงกับลำต้นของกิ่งไม้ที่เรายืนอยู่


    เจ้าคิดจะสังหารอย่างนั้นรึเขาถามด้วยน้ำเสียงสบายๆเหมือนทุกครั้งเวลาเราพูดคุยกันระหว่างมื้ออาหาร


    ข้าไม่มีความคิดสังหารเจ้า หากแต่เมื่อถึงวันสุดท้ายของการทดสอบแล้วข้าก็ไม่อาจให้สัญญาใดได้มือที่ปล่อยทิ้งไว้ข้างลำตัวกำเข้าหากัน ฉันยังคงก้มหน้ามองพื้น ข้าหาใช่คนดีเช่นเจ้า ยี่สิบเจ็ด ข้ามีเป้าหมายที่ทำให้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทิ้งชีวิตไว้ในที่แห่งนี้ได้


    ข้ารู้เขายังคงพูดสบายๆ เจ้าไม่ใช่คนช่างพูดหากแต่ก็เป็นกันเองกับทุกคน และถึงจะเป็นกันเองถึงเพียงนั้นเจ้ากลับไม่ได้เปิดใจมากนัก ในใจเจ้าราวกับคิดไตร่ตรองสิ่งใดอยู่ตลอดเวลา ข้าที่อยู่กับเจ้ามาสามปีนี้ไหนเลยจะไม่รู้เล่า


    เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราก่อนที่ยี่สิบเจ็ดจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย


    เจ้าคือสหายของข้า


    ข้าไม่เคยทำสิ่งใดให้เจ้าสมกับคำว่าสหาย


    เจ้าทำมันอยู่เสมอ


    คำพูดนี้ทำให้ฉันหันมองคนข้างกาย ดวงตาคู่นั้นยังคงทอแววอ่อนโยนอย่างทุกครั้ง


    หากไม่หาถ้ำก็ควรหาที่ยืนคุยกันที่มิดชิดว่าตรงนี้ดีหรือไม่ยี่สิบเจ็ดถามด้วยรอยยิ้มกึ่งขัน


    เจ้าต้องการเข้าหอใดฉันถามกลับ เป็นเพราะยี่สิบเจ็ดไม่เคยพูดเลยสักครั้งว่าเขามีจุดมุ่งหมายที่หอหลักใด เรื่องนี้หลายครั้งจึงทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก


    หาป้ายสักป้ายแล้วเข้าหอนภาไม่ก็วารีดีหรือไม่เขาถามกลับ


    ฉันพยักหน้า


    ด้วยความเฉลียวฉลาดและนิสัยละเอียดถี่ถ้วนของเจ้าหอนภานั้นนับว่าดีอยู่ เช่นนั้นเราหาป้ายของหอนภาให้เจ้าก่อนแล้วกัน


    เช่นนั้นแล้วเจ้าเล่า


    ในตอนที่หาป้ายหากมีผู้ใดเข้ามาโจมตี เราสองคนค่อยร่วมมือกันสังหารเขาเสีย อย่างนี้นับว่าได้ประโยชน์ทั้งคู่ เจ้าคิดเห็นอย่างไร


    ยี่สิบเจ็ดนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า "นับว่าเป็นความคิดที่ดี"


    เช่นนั้นตกลงตามนี้ฉันยื่นมือไปต่อหน้าพร้อมรอยยิ้มรอให้อีกฝ่ายคว้าจับ ท่าทางแบบนี้ฉันเคยสอนยี่สิบเจ็ดให้ทำเวลาตกลงบางอย่างกันได้ มันจึงกลายเป็นท่าประจำของพวกเรา


    ยี่สิบเจ็ดมองหน้าฉันก่อนจะยื่นมือมาจับ


    เวลาเจ้ายิ้มนั้นงดงามมาก เจ้ากลับไม่ค่อยยิ้มเสียอย่างนั้นเขาพูดพร้อมกับส่งยิ้มละไม


    คำพูดนี้ของเขาทำให้ฉันรู้สึกเก้อๆขึ้นมา แม้ที่ผ่านมามักจะโดนเจ้าพวกสมองนิ่มทั้งหลายล้อเลียนว่ายิ่งโตใบหน้าฉันยิ่งเหมาะแก่การส่งออกไปอยู่หอนายโลม ไว้ล่อลวงหาข่าวจากบรรดาหนุ่มๆให้ได้หงุดหงิดใจอยู่เสมอ แต่เมื่อมาได้ยินคำชมจากปากยี่สิบเจ็ดผู้นี้กลับทำเอารู้สึกแปลกๆขึ้นมา


    เช่นนั้นก็ไปกันฉันปล่อยมือกระโดดข้ามไปยังกิ่งไม้อีกกิ่งออกนำหน้าไป





    เมื่อเริ่มต้นจากที่สูงเช่นนี้ไหนเลยจะไม่จบลงบนที่สูง ที่ซ่อนตัวของเรานั้นคือบนกิ่งไม้หนึ่งของต้นไม้สูงที่มีใบหนาทึบ ที่เลือกอยู่ตรงนี้เพราะนอกจากจะมองเห็นรอบด้านได้ไกลแล้วยังหลีกเลี่ยงบรรดาสัตว์สี่เท้าทั้งหลายได้อีกด้วย พูดถึงสัตว์สี่เท้าแล้วไม่ทราบว่าสัตว์ที่นี่กินสิ่งใดเข้าไป หรือเพราะพวกมันได้ลิ้มรสเลือดของเหล่าเด็กฝึกที่ผลัดเปลี่ยนเข้ามาทดสอบอยู่เสมอจึงกลายเป็นพัฒนาตนเองไปด้วย หมาป่าตัวหนึ่งทำเอาฉันออกต้องแรงอย่างมากในการล้มมันลง ทั้งขนาดตัวที่ใหญ่กว่าหมาป่าทั่วๆไปถึงสองเท่า และแม้จะตัวใหญ่ถึงเพียงนั้นกลับเคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียว สังหารมันลงได้ทำเอาฉันนึกสยอง หากหมายังตัวเท่านี้แล้วหมีเล่าจะตัวเท่าใด


    ฉันกับยี่สิบเจ็ดออกค้นหาป้ายกันอย่างขะมักเขม้น พยายามไม่แตะต้องพืชแปลกๆด้วยไม่แน่ใจว่าพืชใดบ้างที่มีพิษหรือไม่มีพิษ สามวันแรกจึงได้แต่กินอาหารที่เตรียมมาด้วยสลับกับเนื้อสัตว์ที่ล่าได้ ครั้งหนึ่งตอนก่อกองไฟมีเด็กฝึกคนหนึ่งโผล่มา พอเห็นฉันกับยี่สิบเจ็ดนางก็รีบพุ่งหนีหายไปทันที ยี่สิบเจ็ดถึงกับหัวเราะฉันที่ลุกขึ้นตั้งท่ามือจับกระบี่เตรียมดึงจากฝัก ปากบอกว่าไม่เสียแรงที่สิบเก้าจัดให้ฉันอยู่ในกลุ่มห้าหมายเลขผู้ซึ่งไม่ควรไปต่อกรด้วย ห้าหมายเลขของสิบเก้านั้นมีหมายเลขหนึ่งผู้ล้ำเลิศ เจ้าสัตว์ประหลาดยี่สิบ หมายเลขหกผู้มีพละกำลังมหาศาล หมายเลขสิบสองสารพัดพิษ และฉันที่เจ้านั่นบอกว่านอกจากการเคลื่อนไหวที่ราวกับเป็นพี่น้องกับสายลมแล้วยังอึดเหลือเชื่อ


    สุริยันรับสอง!


    เสียงคำรามดังก้องหุบเขาในคืนวันที่สาม ฉันสะดุ้งจนเกือบตกจากต้นไม้ มีคนไปถึงทางออกแล้วสองคน ใครกัน


    คิดว่าเป็นเจ้ายี่สิบหรือไม่ยี่สิบเจ็ดที่อยู่กิ่งด้านบนก้มมาถามฉัน


    หากเป็นเจ้านั่นคงฆ่าทุกคนที่ขวางทางทิ้ง ไม่หิ้วใครไปด้วยหรอกฉันตอบก่อนจะพิงหัวนอนต่อ




     

    เช้าวันที่สี่พวกเราไปค้นหากันแถวลำธารอย่างระแวดระวัง เป็นที่รู้กันว่าสถานที่ใกล้แหล่งน้ำเช่นนี้มักถูกเลือกเป็นที่ซ่อนตัวอันดับต้นๆ


    จันทรารับหนึ่ง!หน้าฉันเกือบทิ่มลงน้ำตอนก้มตัวส่องหาเผื่อมีป้ายอยู่ใต้นั้นตอนได้ยินเสียงประกาศ ยังไม่ทันได้ทิ่มเงาในน้ำกลับสะท้อนภาพง้าวง้างอยู่บนอากาศด้านหลัง ฉันคว้ากระบี่ดึงจากฝักที่เอวหันไปรับคมง้าว


    เคร้ง


    ปลายแหลมห่างจากคางไปไม่ถึงคืบ ตรงหน้าเป็นหมายเลขเก้าเขาออกแรงกดง้าวลงในขณะที่ฉันพยายามต้าน ตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวยี่สิบเจ็ดแยกไปหาป้ายอีกทาง จ้องตากับหมายเลขเก้าก่อนจะคลายแรงต้านพร้อมกับพลิกตัวหมุนหลบไปด้านขวาอย่างรวดเร็ว ง้าวปักฉึกลงพื้นดินที่เคยมีฉันยืนอยู่พร้อมๆกับฉันที่หมุนกลับมาง้างกระบี่ฟาดลง  หมายเลขเก้าดึงง้าวเอี้ยวตัวกลับมารับทันจังหวะนั้นฉันกลับพลิกกระบี่ทิ้งตัวลอดใต้ง้าว จับกระบี่เหวี่ยงคมดาบด้านหนึ่งปาดเข้าตรงท้องของหมายเลขเก้า เขาดีดตัวถอยหลบหากแต่กระบี่ฉันก็ยังคงได้รับเลือดชโลมคมกลับมา วาดเท้าข้างหนึ่งถอยหลังดีดตัวตามไปในทันที ความเร็วที่พุ่งไปนั้นทำให้หมายเลขเก้าทำได้เพียงตั้งรับ เขาตั้งรับอยู่สามกระบวนท่าก็เหวี่ยงง้าวเป็นวงกว้างแรงพลังนั้นทำให้ฉันจำเป็นต้องถอยให้พ้นรัศมี แล้วเขาก็อาศัยจังหวะนั้นพุ่งตัวหนีไป


    สุริยันรับห้า!


    เสียงประกาศดังก้องทั่วหุบเขาอีกครั้ง เจ้าพวกบ้าสุริยันนั่นไปถึงห้าคนแล้วรึ ไปหาทางออกเจอที่ไหนกัน ฉันตัดสินใจไม่ตามหมายเลขเก้าแต่ออกวิ่งไปทางที่ยี่สิบเจ็ดแยกไป


    วารีรับหนึ่ง!


    เสียงประกาศดังตามมาติดๆ


    นภารับหนึ่ง!


    เร่งฝีเท้ากระโดดหลบกองใบไม้แปลกๆ ก่อนจะวิ่งเลียบลำธารไปเรื่อยๆจนได้กลิ่นคาวเลือดถึงได้หยุดแล้วเปลี่ยนทิศทางเข้าป่าไปตามกลิ่นเลือดนั้น ตรงนั้นมียี่สิบเจ็ดยืนอยู่กับร่างเสือดำขนาดใหญ่ที่นอนหมดลมหายใจอยู่บนพื้น


    ยี่สิบเจ็ดฉันเรียก


    เขาหันกลับมาส่งยิ้มเหนื่อยอ่อนให้


    เนื้อเสือรสชาติเป็นอย่างไรเราลองชิมดูดีหรือไม่ถามทั้งที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อปนกับรอยเลือดที่กระเซ็นใส่


    ฉันหลุดขำไปนิดหนึ่งก่อนตอบ


    เจ้าฆ่าเจ้าแล่




     

    ผ่านมาถึงวันที่ห้า ฉันฆ่าหมีไปแล้วหนึ่งตัว ฆ่าหมาป่าอีกหนึ่งกลุ่ม เจอกับอีกหลายหมายเลข ได้สู้กันจะๆสามครั้ง ที่ไม่เห็นตัวเห็นเพียงธนูพุ่งเข้าใส่หนึ่งครั้ง เกือบเข้าไปในดงต้นไม้พิษหนึ่งหนแต่ยี่สิบเจ็ดซึ่งจำลักษณะมันได้จากตำรารั้งไว้ อีกทั้งยังเจอศพอีกสามราย แบ่งเป็นไม่มีหัวหนึ่งราย ร่างกายถูกสัตว์กัดแทะจนมองไม่ออกหนึ่งราย ตัวเขียวจากพิษอีกหนึ่งราย บัดนี้สุริยันประกาศรับไปครบสิบคนเรียบร้อย จันทรายังคงรับไปเพียงหนึ่ง นภาหนึ่ง วารีสอง ที่ค่อนข้างแปลกคือฉันกลับไม่เจอสิบเก้า ยี่สิบ สิบสองหรือสิบหกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ได้แต่หวังว่าพวกเขาคือหนึ่งในบรรดาพวกที่ไปถึงทางออกแล้ว


    วันนี้ฉันกับยี่สิบเจ็ดแยกกันหาทั้งป้ายและทางออก เขาดูแลตัวเองได้และฉันเองก็เริ่มคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมในป่านี้แล้วเช่นกัน พิษไม่เป็นผลใดกับฉันดังนั้นจึงมอบยาแก้พิษจากพวกแมลงให้ยี่สิบเจ็ดไปจนหมด ฉันในตอนนี้ค่อนข้างคิดหนัก จนบัดนี้นอกจากยังหาทางออกไม่เจอแล้วยังไม่สามารถสังหารผู้ใดได้


    จัทรารับสอง!


    ใจสะท้านเฮือกตอนได้ยินเสียงประกาศ ฉันกระโดดปีนขึ้นต้นไม้สูงต้นหนึ่งไปจนถึงยอด ต้นไม้ในหุบเขาแห่งนี้หากเป็นต้นไม้สูงแล้วล้วนมีความสูงไม่ต่างกัน มองหาเท่าไหร่กลับไม่เห็นวี่แววของทางออกแม้แต่น้อย ได้แต่คิดว่าทางออกคงเป็นถ้ำแคบๆเช่นเดียวกับฝั่งที่เข้ามา ไม่เช่นนั้นคงไม่หายากถึงเพียงนี้ นกบินพรึ่บขึ้นจากมุมหนึ่งของป่า ฉันปล่อยมือจากยอดไม้ที่เกี่ยวอยู่พุ่งตัวไปทางทิศนั้นทันที จำได้ว่าเป็นทิศที่ยี่สิบเจ็ดมุ่งไป


    ฮ่าๆๆ เจ้าโง่อีกหนึ่งรายเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะเรียกผู้ใดเข้ามาสังหารคือสิ่งแรกที่ได้ยิน


    ฉันสงบใจหยุดความรีบร้อนของตน ลงฝีเท้าแผ่วเบาบนกิ่งไม้ค่อยๆหามุมเข้าไปให้ใกล้ที่สุด


    ช่วยเหลือลูกนกคืนสู่รัง บังเอิญพบป้ายหออยู่บนรังนั้น ช่างเป็นการตอบแทนความดีที่เหมาะสมอย่างยิ่งใช่หรือไม่


    หมายเลขสามสิบแปดที่ยืนอยู่เอียงหลบกระบี่ที่พุ่งเข้าใส่ ผู้โจมตีหันกลับมาแต่เขาก็เพียงถอยหลังไปอีกสองก้าวเท่านั้น กลับเป็นฉันที่ตกใจจนเกือบร่วง ผู้ที่หันมานั้นคือยี่สิบเจ็ด ไหล่ขวาเขาชโลมไปด้วยเลือด กระบี่อยู่ในมือซ้ายซึ่งไม่ใช่ข้างที่ถนัด ที่ต้นขาขวามีหอกไม้เล่มหนึ่งที่หักด้ามออกไปครึ่งปักคาอยู่


    ด้วยจิตใจอันดีงามนี้ของเจ้า ข้าจะค่อยๆเฉือนเจ้าทีละนิดให้เจ้าค่อยๆตายเป็นศพที่สามของข้าเป็นอย่างไรใบหน้านั้นแสย่ะยิ้ม เอาป้ายหอใส่ปากคาบ สองมือชักดาบคู่จากสองข้างเอว


    เห็นเท่านั้นฉันก็ดึงกระบี่พุ่งเข้าใส่ทันที


    เคร้ง


    สามสิบแปดหันมาใช้ดาบคู่ไขว้รับกระบี่ฉัน ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยหากแต่ก็หรี่ลงอย่างหมายมาด ฉันถอยออกแล้วพุ่งเข้าใส่วาดกระบวนท่าโจมตีต่อเนื่อง พลิกหลบสองดาบก่อนจะเข้าวงในใช้ด้ามกระบี่กระทุ้งปากเจ้าบัดซบนี่จนป้ายหอกระเด็นออก ไม่รอให้มีโอกาสได้ถ่มเลือดฉันก็พุ่งลอดใต้ขาหันกลับมาหมายจะฟันเข้ากลางหลัง สามสิบแปดกลับไวพอตัวใช้หนึ่งดาบทิ่มพื้นลังกาหนีหันมาเขวี้ยงอีกดาบใส่ฉัน จังหวะที่ฉันปัดดาบที่พุ่งมาออกก็ดึงดาบที่พื้นขึ้นพุ่งเข้าใส่ ฉันหมุนตัวหลบเหวี่ยงกระบี่เสยเข้าที่ท้อง สามสิบแปดจำต้องหมุนหลบไปอีกทางเช่นกัน


    ความเร็วเจ้าไม่ใช่เล่นๆเลยจริงๆสามสิบแปดถ่มเลือดในปากพูด ยังไม่ทันจบประโยคดีฉันก็พุ่งเข้าใส่


    กระบวนท่านี้จบด้วยแทงเข้าหัวใจไม่คาดจังหวะกระบี่กำลังจะแทงไปนั้นเจ้าบัดซบนี่กลับซัดพิษเข้าหา ฉันหลับตาถอยหนี ลืมตามาก็เห็นเจ้านั่นกำลังหันไปหยิบดาบอีกเล่ม กระบี่พุ่งตรงหมายแทงเข้ากลางหลังแต่เป้าหมายรู้ตัวหลบทันจึงแทงพลาดไปแถวช่วงเอว เจ้านั่นหันมา แสย่ะยิ้มโรคจิตใส่ฉันก่อนจะขว้างดาบเล่มหนึ่งไปในทิศที่ยี่สิบเจ็ดอยู่ ฉันรีบพุ่งตัวไปใช้กระบี่ปัดออก หันกลับมาก็เห็นเพียงหลังไวๆของสามสิบแปดหายเข้าป่าไปพร้อมรอยเลือดเสียแล้ว ขากำลังจะก้าวตามหากไม่ติดว่าได้ยินเสียงกระอักเลือดของคนที่ยืนพิงต้นไม้อยู่ ฉันรีบหันกลับไป ยี่สิบเจ็ดใช้กระบี่ปักกับพื้นค้ำยันตัวไว้ มืออีกข้างกดกุมท้อง


    เจ้า!


    มองมือที่ท้องยี่สิบเจ็ดซึ่งมีเลือดไหลออกมาระหว่างนิ้วทั้งห้า มองแล้วก็พูดไม่ออกได้แต่เข้าไปประคองให้เขาค่อยๆนั่งลง มือเปิดกระเป๋าหนังควานหายาสมุนไพร ควานผิดควานถูกจนไปโดนมีดสั้นบาดนิ้วเข้าให้ทีหนึ่ง


    สงบใจหน่อย สี่สิบสามยี่สิบเจ็ดใช้มืออีกข้างที่เคยจับกระบี่จับข้อมือฉันแล้วส่งยิ้มให้


    ฉันหยิบเอาสมุนไพรมาโดยไม่สนใจนิ้วที่ยังเลือดไหลอยู่


    ให้ข้าดูแผลที่ท้องเจ้าหน่อย


    หากปล่อยมือที่กดไว้อยู่ตอนนี้ เกรงว่าจะ...พูดได้เพียงเท่านั้นก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่


    เช่นนั้น เช่นนั้นข้าดูแผลที่ไหล่เจ้าก่อนแล้วกันฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่บังคับให้สงบ วางสมุนไพรฉีกเสื้อเขาออก แล้วเอาสมุนไพรโปะแผลเหนือไหล่ที่กินเนื้อเข้าไปมากนั้น


    มือเจ้าสั่นไปหมดแล้ว สี่...สิบสาม


    เจ้าหัวเราะจนตัวสั่นเช่นนี้ มือข้าเลยพลอยสั่นตามไปด้วยอย่างไรเล่าฉันตอบ พยายามกดสมุนไพรลงบนแผลฉกรรจ์ที่ไหล่ เหตุใดจึงสะบักสะบอมเช่นนี้ได้


    รังนก...บนต้นไม้เป็นตัวล่อ หอกดาบ...ร่วงใส่ข้าเต็มไปหมดเชียวเขาไอเอาเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง หลบได้บางส่วน ไม่คาด...เขากลับรอซ้ำอยู่


    เจ้า ไม่ต้องพูดแล้วฉันส่งเสียงห้ามเมื่อเห็นเสียงเขาเริ่มกระท่อนกระแท่น มือล้วงเอาผ้าพันแผลขึ้นมา


    สี่สิบสาม จงระวัง เขา...เขาเป็นผู้ทำกับดัก หลอกล่อนี้


    ข้าบอกให้หยุดพูดอย่างไรเล่า!ใจฉันลนลานจนเผลอตะคอกสั่งเสียงดัง เแต่เขากลับยิ้มละไม

    เจ้าอยู่ข้างๆข้าเสมอ แม้...แม้ไม่ได้พูดสิ่งใด กลับ...ไม่เคยทอดทิ้งข้าไว้เขายังดึงดันพูดต่อในขณะที่ฉันเอาผ้าพันแผลชุบลงในยาที่มี ไม่เพียงแค่มือแต่ทั่วทั้งตัวกำลังสั่นไปหมด รับฟังข้า ให้กำลังใจข้า...เสมอ อยู่กับเจ้าแล้ว ข้า...ข้าถึงได้เผลอ หลงลืม ความแค้นไปได้บ้าง


    เอามือเจ้าออก ข้าจะกดผ้าชุบยาห้ามเลือดนี่ไว้ฉันสั่ง ยี่สิบเจ็ดเอามือออกแต่โดยดี แม้ฉันจะรีบกดผ้าเข้าแทนที่เขากลับกระอักเลือดคำใหญ่ออกมาอีก แข็งใจไว้ยี่สิบเจ็ด อีกเดี๋ยวเลือดก็หยุดไหลแล้ว


    เขาส่งยิ้มละไม ไม่คาดยิ้มนี้กลับทำให้ตาฉันเริ่มพร่า น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาจนภาพรอยยิ้มเขาพร่ามัวไปหมด เขารู้อยู่แก่ใจ ฉันเองก็รู้อยู่แก่ใจ


    เจ้าแข็งแกร่ง แข็งแกร่ง...จนข้าอดคิดไม่ได้ว่า หากวันใดเจ้ามีน้ำตา ข้า...ข้าจะทำอย่างไรเขาพยายามยกมืออันสั่นเทาขึ้นมาเช็ดหยดน้ำตาออกจากแก้มฉัน


    เจ้ารู้ฉันสะอื้น นับจากวันที่ฟื้นมาเจอกับชายชุดดำในป่าวันนั้น ยังไม่เคยมีวันไหนที่รู้สึกหวาดกลัวมากเท่าวันนี้


    ข้ารู้เขาตอบ แววตาที่มองมาเศร้าสร้อยแม้ปากพยายามส่งยิ้มให้ มองอยู่ครู่หนึ่งก็จับมือฉันดึงไปหาเอามีดสั้นเล่มหนึ่งใส่มือ สิ่งนี้...ให้เจ้า


    ฉันส่ายหน้า มีดสั้นเล่มนี้ยี่สิบเจ็ดเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นของแม่เขา เขาเก็บรักษาอย่างดีไม่เคยนำมาใช้ไว้เป็นของเตือนใจเสมอ มีดสั้นถูกบังคับยัดใส่มือซ้ายของฉัน


    สิ่งเดียวที่เสียดาย คือไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างเจ้าอีกเขาพูด ไม่คาดจบประโยคนั้นกลับกัดฟันกระชากมือฉันที่มีมีดอยู่ปักเข้าที่อกซ้ายของตนฉับพลัน


    ฉันตกตะลึง ไม่อาจปล่อยมือจากมีดซึ่งปักคาอกยี่สิบเจ็ด ได้แต่มองเลือดที่ไหลออกมาเช่นนั้นราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง


    ไป...สู่...จันทรา


    คำพูดแผ่วเบาของเขากระชากวิญญาณฉันที่เหมือนหลุดลอยหายไปกลับเข้าร่าง รอยยิ้มของเขาราวกับมีดปักเข้ากลางหัวใจ ราวกับเป็นฉันที่ถูกมีดนั้นปักคาอกอยู่ ฉันนั่งนิ่ง มือยังคงจับด้ามมีดไว้ ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวมีเพียงน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสายจากดวงตาเบิกกว้าง มองรอยยิ้มของยี่สิบเจ็ดที่หลับตาแน่นิ่งไปอยู่อย่างนั้น


    ฮึก


    เสียงสะอื้นหลุดออกมา ตัวฉันสั่นสะท้าน ร้องไห้อย่างหนัก ในสมองลืมสิ้นว่ายังอยู่ในสนามทดสอบ นั่งร้องไห้อยู่กับร่างยี่สิบเจ็ดจนมืด ไม่รับรู้สิ่งใด แม้หากมีใครสักคนผ่านมาแล้วลงดาบฉันตรงนี้ฉันก็คงตายอย่างง่ายดาย สวรรค์กลับยังเข้าข้าง ไม่มีผู้ใดผ่านมา


    ฉันลุกขึ้นขุดดินฝังร่างยี่สิบเจ็ดไว้ ฝังจนเสร็จก็ปักกระบี่ของเขาไว้เหนือหลุม ก้มลงทำความเคารพ


    ข้าไม่มีโอกาสได้บอกเจ้า สำหรับข้าแล้วเจ้าคือคนสำคัญ สหายสำคัญหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้


    ลุกขึ้นยืนมองหลุมศพของยี่สิบเจ็ดเนิ่นนานก่อนจะหันมองไปยังทิศทางที่สามสิบแปดหนีไป มือพลันกำมีดสั้นที่ได้รับมาแน่น สีหน้าเรียบเฉย มีเพียงดวงตาวาวโรจน์ที่สะท้อนแววกระหายในการฆ่าฟันอย่างชัดเจน

     



    ------------------------------------------------------------


    TT

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×