ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HANGMAN :: ลวง [Re-Write]

    ลำดับตอนที่ #4 : HANGMAN:(I) PART 1:[2] 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 663
      2
      4 ต.ค. 61



    HANGMAN

    (I : HIDE&SEEK)

    PART 1






    2



    “แสนดี”




     

     

     

              เธอเข้าใจผิดแล้ว...ฉันไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อกวินท์ภัทร

                 โกหก แสงตะวันโกหกเรื่องที่หล่อนบอกว่าไม่รู้จักกวินท์ภัทร เมื่อวานนี้เธอตั้งใจจะไปคุยกับหล่อน แต่กลับถูกตอกหน้ากลับมาด้วยการทำเป็นใสซื่อ นั่นทำให้แสนดีประหลาดใจ

                คนอย่างแสงตะวันก็มีด้านนี้

                ‘นังแม่มด

                ‘ฆาตกร!’

                ‘หายไปซะ!!’

                ถอนหายใจก่อนจะปัดซากขยะเน่าเสียที่วางเกลื่อนบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาเรียวสวยมองโต๊ะที่ถูกขีดเขียนสารพัดถ้อยคำร้ายกาจ กวาดสายตามองไปรอบบริเวณห้องแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอนเพราะงานพิเศษบังเอิญเลิกดึกกว่าที่ควรเป็น

                แล้วยังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาเจอเรื่องแบบนี้อีก

                อดทนไว้แสนดี...แค่อดทนไว้

                “ให้ฉันบอกมั้ยล่ะว่าชิ้นไหนของใครบ้าง...เสียงทุ้มติดเนือยๆที่แสนมีเอกลักษณ์เอ่ยถามทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลายังฟุบอยู่กับโต๊ะ ก่อนเจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มที่แสนจะร้ายกาจอย่างไม่คิดจะปิดบังให้เพื่อน(?)ข้างโต๊ะอย่างอารมณ์ดี “ฉันบอกได้นะใครทำแบบนี้กับเธอ...แลกกับการไปเดทกับฉันเป็นไง J

                กวี หรือกล้า เป็นอีกหนึ่งคนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก...ในแง่ร้าย ความจริงแล้ววีรกรรมของเขาถ้านับก็ดูจะมากกว่าแสนดีเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่เพราะพ่อของเขามีอิทธิพลอย่างมากแถมตัวเขายังถูกสปอยล์อย่างหนัก เขาจึงไม่เคยถูกลงโทษอย่างรุนแรงและยังคงลอยหน้าลอยตาสร้างปัญหาโดยที่พวกคุณครูต่างพากันเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปิดหูปิดตาอย่างขี้ขลาดเพราะเกรงกลัวต่ออิทธิพลจากพ่อเลี้ยงของกวี

                น่าหัวเราะ...

                ทุกคนในห้องต่างก้มหน้าหลบตาอย่างหนาวเย็นยะเยือกเพราะประโยคเมื่อครู่เนื่องจากมีชะนักติดหลัง ต่างก็พากันจินตนาการไปว่าหากคุณหนูแสนดีเอาจริงขึ้นมาตัวเองจะพบเจอกับนรกแบบไหนบ้าง และเริ่มกวาดสายตามองกันไปมาอย่างลุกลี้ลุกกลน ถึงแม้ช่วงนี้ แม่มดแสนแสบจะดูเหมือนเงียบเชียบ แต่ไม่ได้แปลว่าอำนาจและชื่อเสียงวีรกรรมของหล่อนจะน้อยลงไปแต่อย่างไร บวกกับการที่เจ้าหล่อนมีคู่หูที่ร้ายกาจยิ่งกว่าอย่างกวีอีกด้วย

                ถ้าพวกเขาคิดจะอาละวาดขึ้นมาใครจะรับมือไหว

                “กล้าสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงหวานเอ่ยขึ้นเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความกดดัน คนถูกเรียกเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงสงสัยแต่ริมฝีปากหนายังคงยิ้มอย่างสนุกสนานเสียเหลือเกินกับปฏิกิริยาของคนในห้อง

                กล้าทำแต่ไม่กล้ารับผลที่ตามมา...นี่แหละนะพวกขี้ขลาด

                “นายพอจะมีผ้าสะอาดๆบ้างมั้ย?...แหม โต๊ะมันเปียกน่ะฉันคงวางหนังสือกับโต๊ะแบบนี้ไม่ได้ ^^”ริมฝีปากหนาที่เหยียดยิ้มหุบฉับก่อนจะถอนหายใจกลอกตาอย่างหงุดหงิด

                “เธอกลายเป็นคนน่าเบื่อแล้วรู้ตัวหรือเปล่าLโยนผ้าเช็ดหน้าสีเทาเข้มที่พกมาส่งให้ยัยตัวร้ายที่บัดนี้ดูท่าจะสิ้นฤทธิ์ไปแล้วอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะยกมือหนาขึ้นเท้าคางมองเพื่อนข้างโต๊ะใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดคราบสกปรกอย่างเงียบเชียบ

                ดวงตาเรียวคมมองถอยคำโสโครกมากมายที่สกปรกเสียยิ่งกว่าคราบเปื้อนบนโต๊ะเสียอีก สมองก็พาลคิดเรื่องต่างๆมากมายอยู่ในหัว ถึงแม้จะร้ายกาจแต่จองซูจองก็เคยส่งประกาย ภาพของยัยตัวร้ายในอดีตนั้นงดงามและเป็นตัวของตัวเองเสียจนเขาในตอนนั้นอดไม่ได้เลยที่จะตกหลุมรักหล่อน เขาไม่คิดหรอก ว่าคนๆนึงจะเปลี่ยนไปเลยอย่างสิ้นเชิง

                เธอในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยความมืดหม่น อึดอัด ราวกับแบกโลกทั้งใบเอาไว้ช่างเป็นภาพที่ไม่น่ามอง...แต่เขาคงปฏิเสธไม่ได้เรื่องที่ว่าแม้จะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็ยังคงมีเสน่ห์มากอยู่ดี

                “ดูก็รู้ว่าฝืนยิ้ม Lพึมพำเบาๆกับตัวเองเมื่อเจ้าของใบหน้าสวยไร้ที่ติหันมาแสร้งยิ้มให้เขาด้วยท่าทางที่พยายามบอกเขาว่าเธอไม่เป็นอะไร

                จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงในเมื่อมือเธอยังกำผ้าแน่นจนสั่นเทาขนาดนั้น...

                หลังจากการตายของกวินท์ภัทร แสนดีก็ถูกล่าแม่มดอย่างหนักเพราะเธอเป็นหนึ่งในหัวโจกคนที่แกล้งเขาอย่างเปิดเผย รวมถึงหลายครั้งเสียด้วย การฆ่าตัวตายของเขานั้นเกิดมาจากความคับแค้นและหมดหวังเนื่องจากถูกแกล้ง

                แสนดีจึงตกเป็นจำเลยอย่างไม่ต้องสงสัย

                แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าการจากไปของเจ้าขี้ขลาดนั่น คนที่เจ็บปวดที่สุดคือเธอต่างหาก

                แสนดีขังตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกผิด รวมถึงความเจ็บปวดของการสูญเสีย เก็บตัวอยู่ในความเศร้า มากกว่าเขาที่เป็นน้องชายของหมอนั่นเสียอีก...ใช่กวินท์ภัทรเป็นพี่แท้ๆของกวี

                แสนดีรู้จักกับกวีมาตั้งแต่มอต้นแม่ของเขาเป็นเศรษฐีที่ได้เงินมหาศาลจากการฟ้องหย่าสามีเก่า เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกใคร ยกเว้นแต่เธอ พวกเขาเรียนอยู่ในโรงเรียนชั้นนำของไทยที่ได้ชื่อว่าคัดหัวกะทิที่สุด เพราะแบบนั้นจึงมีแต่พวกที่เคร่งครัดคงแก่เรียนหรือพวกลูกคุณหนูที่ทะเยอทะยานต่างจากกวีและแสนดีที่ทำตัวเรื่อยเฉื่อยและต่อต้านอยู่เสมอ

                เด็กมีปัญหาสองคนเข้าใจจิตใจของกันและกัน และกลายเป็นเพื่อนกัน

                กวีพาเธอไปรู้จักกับกวินท์ภัทรพี่ชายที่อยู่กับพ่อของเขา จากนั้นมาพวกเขาก็มักไปไหนมาไหนด้วยกันสามคนมาตลอดโดยที่เขาไม่ได้เฉลียวใจนึก

                ว่าวันหนึ่งแสนดีจะตกหลุมรักคนที่ไม่มีอะไรสู้เขาได้เลยอย่างกวินท์ภัทร

                พอเริ่มขึ้นมอปลายกวินท์ภัทรก็เริ่มห่างออกไปสู่สังคมใหม่ เขาห่างหายไปจากกวีและแสนดีไปไกลอย่างสิ้นเชิง เธอตามหมอนั่นมาถึงโรงเรียนนี้และได้รู้ว่าเขากลายเป็นคนเงียบเชียบและเพื่อนน้อยอย่างน่าสงสารเหตุผลหลักๆเพราะเขาดันไปหลงรักดอกฟ้าอย่างเบลล์ทุกคนจึงรุมรังแกและรังเกียจในความไม่เจียมตัว

                แสนดีทั้งเจ็บใจและโกรธเกรี้ยวคนพวกนั้น

                บางครั้งเธอจึงแกล้งหาเรื่องคนที่ทำร้ายกวินท์ภัทร โดยข้ออ้างอื่นๆที่ฟังดูเหมือนแม่มดแสนแสบคนนี้เป็นแค่นังตัวร้ายที่ชอบหาเรื่อง ทุกคนเลื่องลือถึงความน่ากลัวโดยไร้เหตุผลของเธอ มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ดีกว่าใคร

                แสนดีไม่ได้อยากเป็นยัยตัวร้ายเลยซักนิด

                เรื่องราวมาถึงจุดเลวร้าย เธอจองสารภาพรักกับพี่ชายจอมบื้อของเขาแต่ถูกปฏิเสธ เธอพอจะรับรู้ว่าตัวเองไม่มีวันอยู่ในหัวใจเขาแต่มันก็เกินจะรับ แสนดีบังเอิญได้รู้ว่าแสงตะวันเพื่อนห้องเดียวกันกับเธอสนิทสนมกับเขา เธอจึงขอให้หล่อนคอยช่วยและหล่อนก็ ‘ตกลง

                ทุกอย่างดำเนินการต่อไปด้วยดี เธอหาโอกาสพิชิตใจกวินท์ภัทรโดยมีแสงตะวันคอยช่วยเหลือ

              “ระ...รุ่นพี่เขารักคนอื่นอยู่แล้ว

              ถ้ารักกันไม่ได้ งั้นเกลียดกันไปเลยแล้วกัน    

     

                “อยู่ในนี้ไปนั่นแหละไอ้เฉิ่มฮ่าๆ

                เสียงหัวเราะโหวกเหวกของนักเรียนชายสองสามคนดังก้องอยู่ในห้องน้ำชายตึกสามอันแสนวังเวงไร้ผู้คน เพราะตึกสามเป็นตึกที่ไกลจากที่พักอาจารย์และสนามอเนกประสงค์ที่สุดจึงมักเป็นตัวเลือกหลักๆของนักเรีบนที่ตั้งใจหาที่แอบซ่องสุมหลังเลิกเรียน

                และเป็นสถานที่ที่ดีพอจะหาเรื่องใครบางคน

                ระหว่างที่กำลังสนุกสนานกับการกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมชั้นนักเรียนชายเพื่อระบายความสนุกอย่างมีความสุขกลับชะงักเนื่องด้วยเจ้าของนัยน์ตาเรียวหวานแต่แสนดุดันและเย็นชา กำลังกอดอกจ้องมองพวกเขาอย่างเงียบงัน

                แม่มดแสนแสบกำลังจดจ้องนักเรียนสามคนนี้ราวกับจะจำหน้าเอาไว้ให้ขึ้นใจ

                และหมายหัวเอาไว้จัดการทีหลัง

                “ไสหัวไปที่ไหนมีแม่มดแสนแสบ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเขา ไอ้นักเลงตัวปัญหากำลังกอดอกทิ้งตัวพิงอ่างล้างหน้าด้วยท่าทีสบายๆ

                แต่เสียงทุ้มต่ำเมื่อสักครู่กลับหนาวยะเยือกเสียเหลือเกิน

                “ดะ...ได้ละล่ำละลักระหว่างประตูห้องน้ำที่ถูกล็อคเอาไว้แน่นหนาสลับกับใบหน้าของสองผู้มีอิทธิพลที่ได้ชื่อว่าร้ายกาจที่สุดในโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ แต่ก็พากันกรูออกไปเมื่อใบหน้าหวานที่เคยสงบนิ่งเริ่มขมวดคิ้วราวกับกำลังมีอารมณ์ครุกกรุ่น

                ยังไงพวกเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรกับเจ้างั่งกวินท์ภัทรบ้าง

                “แสนเหรอ...เสียงทุ้มที่เริ่มจะดูอ่อนระโหยโรยแรงเอ่ยถามเมื่อเสียงภายนอกเงียบสงบ

                “รู้สึกเหมือนจะตายหรือยังเก่ง รู้สึกว่าโลกใบนี้โหดร้ายบ้างหรือยังดวงตาหวานทอแสงหม่นลง จดจ้องประตูห้องน้ำที่ไม่เคยมีอะไรน่าพิสมัยราวกับจะทะลุมองเข้าไปข้างใน ทะลุเข้าไปถึงจิตใจของคนที่ทำร้ายหัวใจเธออย่างร้าวราน รู้สึกเคียดแค้นทุกคนที่ขัดขวางความรักของนายบ้างหรือเปล่า

                “แสน เธอไม่ควร...

                “ใช่ฉันไม่ควรรักนายเลยรักอย่างฝังลึกเสียด้วย

                “ไม่ใช่ เธอไม่ควรทำตัวแบบนี้เขายังเป็นคนเดิม ทำเหมือนหวังดีเสียเต็มประดา ทำเหมือนพี่ชายที่คอยสอนน้องสาว...เพียงแต่ว่า

                แสนดีไม่ได้ต้องการพี่ชายเพิ่ม

                โดยเฉพาะพี่ชายคนนั้นต้องไม่ใช่คนที่เธอรักสุดหัวใจอย่างเขา

                “เลิกสั่งสอนฉันเถอะ แม้แต่แรงลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองพี่ยังไม่มีด้วยซ้ำ...แค่นหัวเราะอย่างสมเพช แต่เป็นการสมเพศตัวเอง เธอไม่รู้ว่าตัวเองและเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เธอรู้เพียงว่า...เธอมาไกลเกินกว่าจะหยุด แล้วไหนล่ะ...ผู้หญิงที่พี่รักนักรักหนา ผู้หญิงที่พี่ปกป้องจนไม่ยอมพูดถึงแม้แต่คำเดียว พวกเขา มาช่วยอะไรพี่บ้าง

                ในห้องน้ำชายเงียบงันมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสามคน

                Rhrrrrrr

                เสียงริงโทนจากสมาร์ทโฟนเครื่องสวยดังแผดเสียงขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน นัยน์ตาหวานเบนสายตาไปหยุดอยู่ที่กระเป๋านักเรียนชายวางอยู่บนพื้น พวงกุญแจตุ๊กตาทานุกิของขวัญจากญี่ปุ่นแบบเดียวกับที่กวีมีทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่ากระเป๋าใบนี้เป็นของคนที่โดนขังอยู่ในห้องน้ำ มือเรียวถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาก่อนจะความหาต้นตอเสียง

                Rhrrrrrrr

                .อาย.

                ขมวดคิ้วกับชื่อที่ถูกบันทึกไว้อย่างลึกลับก่อนจะกดรับอย่างไม่สนว่าจะใช่ธุระของตัวเองหรือไม่

                [ นายให้ฉันรอเป็นครั้งที่สองแล้วนะเสียงแหบหวานของปลายสายบ่งบอกได้ดีว่าหล่อนเป็นผู้หญิงแถมประโยคที่ใช้ก็ดูราวกับสนิทกับเจ้าของเครื่องพอสมควร ทำเอาแสนดีถึงกับกำหมัดแน่นหันไปจ้องบานประตูที่ถูกล็อคอยู่อย่างโกรธเกรี้ยว กวีจับมือของคนที่ดูเหมือนจะฉุนขาดเต็มที่ก่อนจะลูบไหล่มนอย่างแผ่วเบาราวกับต้องการปลอบโยน

                ถึงภายนอกเธอจะแสดงออกอย่างดุดัน แต่ภายในร่างบางนั้นคงเต็มไปด้วยแผลทิ่มแทงจากความรักที่ไม่มีทางสมหวัง

                เขารู้จักความรู้สึกนี้ดี

                “เบลล์?”

                ปึงๆๆ!!

                “วางมันเดี๋ยวนี้แสน!”เสียงตะโกนและแรงทุบตีที่ประตูจากในห้องน้ำบอกได้ดีว่าคนในห้องลนลานขนาดไหนกับสายนี้ ลนลานเสียจนเธอเม้มริมฝีปากแน่นข่มความโกรธเกรี้ยวในใจลง แค่เธอและเขามาจบตรงนี้ก็ถือว่าเธอพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ

                เธอไม่อยากจะดูแพ้มากไปกว่านี้แล้ว

                [ อ้อ นึกว่าใคร...คุณหนูแสนดีผู้แสนสวยนี่เอง Jเสียงหัวเราะในลำคอคล้ายกำลังสนุกราวกับเยาะเย้ยตอกย้ำทำให้เธอขมวดคิ้ว ไม่ใช่แน่ๆ เบลล์ไม่มีทางทำน้ำเสียงแบบนี้ เธอเคยสืบเรื่องของรุ่นพี่สาวคนนี้มาแล้วบ้างตอนที่รู้ว่าหล่อนเป็นที่หมายปองของกวินท์ภัทร และเคยทำเป็นเข้าไปหาเรื่องหล่อน แน่นอนมีหลายคนออกตัวปกป้องแม่เจ้าหญิงคนสวยจนน่าหมั่นไส้ แต่เจ้าหล่อนไม่เคยมีท่าทีขี้เล่นและยียวนคนแบบนี้

                อย่างน้อยก็เท่าที่ให้นักสืบไปคอยตามสืบ

                [เสียใจด้วยนะที่ไม่ใช่ปลายสายตอบกลับเพื่อคลายสงสัย

                “เธอเป็นใคร?”ประโยคนี้ทำให้ร่างสูงผิวสีแทนที่อยู่ข้างๆเธอนิ่งไปและเริ่มมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจอย่างเห็นได้ชัด

                ปึงๆๆๆๆๆๆๆ

                “แสน แสนดีวางมันเถอะ ได้โปรด...

                [ลองถามเจ้าของเครื่องดูสิเธอขมวดคิวมุ่นอย่างขัดอกขัดใจกับน้ำเสียงที่หยิ่งผยองราวกับผู้เหนือกว่านั้น น้ำเสียงแบบที่ถ้าเจอกันต่อหน้าคนอย่างแม่มดแสนแสบอย่างเธอจะต้องจัดการจนไม่สามารถออกเสียงพูดที่จะกวนโทสะเธอได้อีก ซึ่งเธอสาบานเลยว่าถ้าเจอตัวหล่อนเธอจะทำแบบนั้นจริงแน่ๆ [ถ้าเค้ายอมบอกน่ะนะ]

                “เธอ!!”แม่มดผมแดงกำหมัดกระทืบเท้าอย่างขัดใจที่ทำอะไรไม่ได้แม้กระทั่งตอบโต้

                [ก้าวร้าวจังเลยนะ ไม่น่ารักเอาซะเลย J]

                ปึงๆๆๆ

                “แสน ได้โปรด...

               [แต่จะยอมบอกให้หน่อยก็แล้วกันชื่อของฉันน่ะ...น้ำเสียงที่ติดเล่นเริ่มเจือจางหายไป

     

     

                ปึงๆๆๆๆ

                แอ๊ด

                ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกเผยให้เห็นสภาพอิดโรยและชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างสูงผอมบางขาวซีดไปทั้งตัวราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อ กวินท์ภัทรขมวดคิ้วมองน้องชายของตัวเอง นัยน์ตาคมจ้องหน้าเขาตอบอย่างเย็นชา ร่างสูงยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับกำสมาร์ทโฟนที่แสนคุ้นตาไว้ในมือ

                “แสนดีล่ะเปิดปากเอ่ยถามเมื่อไร้แววร่างเล็กน้องสาวที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กก่อนจะเบือนสายตาไปยังสมาร์ทโฟนที่มือของน้องชาย แล้วแค่นหัวเราะอย่างเหนื่อยแรง ทำไมนายไม่ขัดขวางเหมือนทุกทีล่ะ

                กวีแค่หัวเราะด้วยดวงตาหม่นแสงราวกับกำลังเย้ยหยันตัวเอง

                เขารู้มาตลอดทุกเรื่องราวของกวินท์ภัทร ในเมื่อคนตรงหน้าเป็นพี่ชายเขา เพียงแต่เขาเลือกข้างแล้วว่าจะอยู่กับแสนดีไปจนถึงที่สุด ทำเหมือนช่วยเหลือ แต่ในทางกลับกันกลับขัดขวางทุกทางไม่ให้เธอเข้าใกล้กวินท์ภัทรไปมากกว่าที่ตัวเองจะควบคุมได้ ให้พี่ชายของเขาได้รู้จัก ‘เพื่อนคนนั้น’ โดยไม่รู้เลยว่าสุดท้ายทั้งเขาและพี่ชายจะถลำลึกลงไปอย่างโหดร้าย

               

                ในตอนนั้นแสนดีไม่ได้วิ่งหนีไปไกลที่ไหน เธอย้อนกลับมาหน้าห้องน้ำชายตึกสามอย่างเงียบงัน ยืนพิงกับผนังข้างประตูฟังสองพี่น้องพูดถึงเพื่อนคนนั้นของกวินท์ภัทรย่างเงียบเชียบ พักหลังมานี้เธอเรียนรู้อะไรจากเพื่อนวัยเด็กสองคนนี้ได้ว่าบางทีเธอควรจะเก็บอารมณ์เอาไว้บ้างเพื่อไม่เสียการใหญ่ เธอรู้ดีว่ากวีที่อยู่ข้างตัวเองมาตลอดนั้นมีความลับ ต้องมีแน่ๆแต่เธอไม่กล้าจะกระโตกกระตากมันออกมา

                อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวแต่เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว

                บางทีเธออาจจะเข้าใจจิตใจของกวินท์ภัทรในตอนนั้นบ้างแล้วก็ได้

                ร่างบางหันไปจดจ้องคนที่หลับตาฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างเงียบเชียบ จดจ้องคนที่ดูเหนื่อยล้าอ่อนแรงยิ่งกว่าเธอเสียอีกโดยไม่ให้เจ้าของใบหน้าคมนั้นได้รู้ตัว เหยียดยิ้มหยามหยันให้ตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา

                เธอจะไม่บอกกวีเรื่องที่เธอได้พบกับเพื่อนคนนั้นของกวินท์ภัทรแล้วอย่างคาดไม่ถึง

                เพราะถ้าเขารู้ เธอคงจะไม่เหลืออะไรต่อไปแล้วจริงๆ

     

               [แต่จะยอมบอกให้หน่อยก็แล้วกันชื่อของฉันน่ะ...]

                .

                .

                [อันดามัน J]

     

                “ธะ...เธอคืออันดามัน?”

                “ใช่ ยินดีที่ได้พบนะ แสนดี J

     

     

     




    อันดามัน


     

                 “นี่อาย...ทำไมเธอถึงชอบเกมส์แฮงแมนนี่นักล่ะ

                “สนุกดี

     

                  ใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำจากถังขยะของคนที่นั่งเงียบอยู่หน้าห้องทำให้เพื่อนในห้องหลายคนรู้สึกสะใจแต่ก็หงุดหงิด ไอ้ความน่าสงสารที่แสนจะน่ารำคาญนั่นทำให้ทุกคนอยากอ้วกเสียยิ่งกว่ากลิ่นเหม็นๆของถังขยะเสียอีก ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมความอ่อนแอจนน่าสมเพชของเธอถึงได้ขวางหูขวางตาได้อย่างน่าประหลาด หล่อนไม่หือไม่อือกับใคร โดนแกล้งก็เอาแต่ก้มหน้าทนให้คนอื่นแกล้ง

                นั่นเป็นเหตุผลให้หล่อนโดนแกล้งอย่างไม่ลดรา

                เคยมีช่วงหนึ่งที่กรวิทย์พยายามทำตัวเป็นฮีโร่ปกป้องผู้อ่อนแอ นั่นยิ่งทำให้ชนวนความรังเกียจอันดามันของนักเรียนหญิงเพิ่มมากขึ้นไปอีกจนน่าสงสาร เธอรู้ดีว่ากรวิทย์นั้นหวังดี แต่ร่างสูงไม่เคยรู้ตัวเลยแม้แต่นิดว่ายิ่งเขาแสดงตัวว่าปกป้องหล่อน

               เธอก็ยิ่งเหมือนถูกโยนเข้ากรงเสือ

                เขาเองไม่มีวันปกป้องเธอได้ 24 ชั่วโมงแน่ๆ

               "เอาผ้าเช็ดหน้าฉันไปเช็ดแว่นก่อนเถอะนะอาย"หลายคนดูประหลาดใจนิดหน่อยที่นางฟ้าคนสวยผู้กำลังยื่นผ้าเช็ดหน้าสีพีชแสนหวานให้หล่อนพูดชื่อเล่นที่พวกเขาไม่รู้ออกมา  แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังไงพวกเขาก็เรียนชั้นมัธยมต้นที่เดียวกันมาก่อน

                “ขะ...ขอบใจนะเธอหันไปก้มหัวขอบคุณคนมีน้ำใจอย่างเลิกลั่ก ก่อนจะหยิบมันเช็ดหน้าลวกๆ ก้มหน้าก้มตาเช็ดรอยเปื้อนบนโต๊ะอย่างเงียบเชียบท่ามกลางเสียงหัวเราะ อันดามันนั้นเป็นเด็กสาวผอมบางผิวขาวซีด ใบหน้าขาวถูกปิดบังด้วยแว่นตากรอบหนาเทอะทะกับกระเล็กๆและผมหน้าม้ายาวแทบจะปิดไปครึ่งหน้า

                ภาพที่มักเห็นประจำจากเจ้าหล่อนคือเด็กสาวที่แบกกระเป๋าหนาๆเดินห่อไหล่หลังค่อมๆ ไปทั่ว กับสเว็ตเตอร์เก่าๆ สีทึมๆดูจืดเจื่อน

                ดวงตาเรียวหวานภายใต้กรอบแว่นรูปทรงล้าสมัยกวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างหวาดกลัวราวกับคนทั้งห้องเป็นสัตว์ร้ายที่จ้องจะฉีกทึ้ง เธอไม่เข้าใจว่า ‘อันดามัน’ ทำอะไรผิดหรือขวางหูขวางตาใครนักหนา หรือว่าการที่เกิดมาเฉิ่มเชยนั้นผิดนักหรือ เธอไม่รู้ว่าคนเหล่านี้วัดค่าของคนที่อะไร ได้แต่เก็บความสงสัย เก็บปากเสียง สงบเสงี่ยมโดยหวังว่าเรื่องนี้จะผ่านไป

                แต่ดูเหมือนมีบางคนที่จะไม่ยอมจบด้วย

                “โทษที นึกว่าถังขยะกระดาษถูกขยำเป็นก้อนลอยมาโดนแก้มขาวซีดที่เต็มไปด้วยกระจังๆมาจากฝีมือของอรกมล ก่อนที่เจ้าตัวจะแสร้งทำเป็นว่าตกใจนักหนา เธอก้มหน้าก้มตาขยำผ้าเช็ดหน้าในมือ ร่างบางสั่นเทิ้มราวกับพยายามอดกลั้นเสียงสะอื้น ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยกับการโดนกลั่นแกล้งนี้

                ไม่มีใคร

                “สีเสื้อเธอมันคลายผ้าขี้ริ้วน่ะ โทษทีนะมือเรียวแตะไหล่ที่สั่นเทิ้มของเพื่อนแสนเฉิ่มก่อนน้อยๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปนั่งยังที่นั่งของตัวเอง เธอกวาดตามองรอบๆห้องนักเรียนแทบจะทุกคนหันมามองเธอด้วยสายตาแกมเวทนาอย่างเปิดเผยก่อนจะก้มหน้าก้มตากลับมาจ้องเศษกระดาษที่ถูกปามาที่ตกอยู่ข้างๆเท้าของเธอ

     

                “ทำไมไม่สู้กลับบ้างล่ะ?”

                เสียงทุ้มของคนที่กำลังนอนเอกขเนกอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่มเอ่ยถามคนที่กำลังนั่งก้มหน้าห้มตาเช็ดรอยเปื้อนจากเสื้อสเว็ตเตอร์สีเหลืองอ่อนที่บัดนี้เละไปด้วยคราบขยะ ก่อนจะเลิกคิ้วน้อยๆเมื่อเห็นว่าดวงตาเรียวหวานกำลังมองเขาอยู่ เขาแค่นหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นนั่ง สบตากับดวงตาเรียวหวานที่เคยถูกบดบังด้วยแว่นตาแสนเฉิ่มเชยด้วยความเงียบงันเพื่อรอคำตอบ

                “ก็ให้พวกเขาแกล้งไปร่างบางยักไหล่ก่อนจะทอดสายตามองใบหน้าของอีกคน

                กวินท์ภัทร ‘เคย’ เป็นผู้ชายแปลกๆในสายตาคนอื่นสาเหตุหลักๆคือเขาเป็นพวกสมาธิสั้น ลักษณะคล้ายเด็กพิเศษ เพียงแต่ไม่ใช่ เธอเคยเห็นเด็กพิเศษมากมายแต่เขาแค่เพียงอยู่ไม่นิ่งและใจร้อนวู่วามเพียงเท่านั้น เขาไม่ใช่พวกเก็บอารมณ์และความคลั่งไคล้ของตัวเอง เช่นที่ว่าเขาชอบการเรียนมากๆหรือแม้แต่ชอบเบลล์

                แต่นั่นมันก็แค่เคย...

                เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาเริ่มนิ่งขึ้น สุขุมมากขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น...อาจจะตั้งแต่ตอนที่เริ่มรู้จัก ‘เพื่อนใหม่

                “ทุกทีกวินท์ภัทรยักไหล่ เพื่อนใหม่ของเขาเป็นพวกประหยัดถ้อยคำ ไม่ใช่ว่าเป็นพวกพูดน้อยไม่สุงสิงกับใคร แต่เป็นพวกไม่พูดเรื่องของตัวเองเท่าไหร่ หลักๆแล้วหล่อนชอบที่จะนั่งฟังเขา ฟังทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องเรียน เรื่องเบลล์หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ ฟังอย่างเงียบเชียบราวกับประเมินอะไรบางอย่างอยู่ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่อาย

                ใช่ เพื่อนใหม่ของเขาคือ อาย หรือที่ใครๆรู้จักในนาม อันดามัน สาวน้อยเฉิ่มเชยไร้พิษสง

                อันดามันนั้นรู้จักกับกวีน้องชายของเขามาก่อนหน้านี้ กวีบอกว่าเขารู้จักเธอตอนอยู่ญี่ปุ่นเมื่อตอนอายุสิบห้า บอกว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มปาร์ตี้ของเขา เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างแปลกและน่ากลัวนิดหน่อยนั่นเป็นคำจำกัดความของเธอสำหรับกวี แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกหลังจากอันดามันกลับเกาหลี เมื่อกลับมาเข้าเรียนมอปลายที่นี่กลับเห็นหล่อนในคราบ ‘อันดามัน’ ผู้หญิงที่แสนเฉิ่มเชยและโดนกลั่นแกล้งจากผู้คนอยู่เสมอกวีก็ตอบไม่ได้เพราะว่าเพราะอะไร

                อาจจะเพราะรอยแผลเป็นจากการกรีดข้อมือพวกนั้นที่เธอปกปิดมันด้วยเสื้อแขนยาวอยู่ตลอด

                “แล้วนายล่ะ ทำไมถึงทนให้คนอื่นแกล้งอยู่อย่างนั้นดวงตาหวานเบือนสายตาไปมองเสื้อผ้าที่ยับเยินไปด้วยคราบสกปรกที่ไม่ได้แตกต่างจากเธอนัก

                “เพราะถ้าพวกเขาเหนื่อยพวกเขาก็คงจะหยุดเอง...ร่างสูงยิ้มเศร้า ดวงตาเรียวหม่นลง  อันดามันแค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะเบือนสายตาทอดมองไปยังท้องฟ้าข้างหน้า ช่างเป็นวิธีการคิดที่แสนจะอ่อนเดียงสาอย่างน่าหัวเราะ แต่ก็นั่นแหละ...คนเราน่ะไม่ได้สวยงามเหมือนภาพฝันกันไปเสียทุกคนหรอก

                เธอไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะหยุด มนุษย์นั้นมีสัญชาตญาณกลืนกินผู้ที่อ่อนแอกว่าเสมอโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ถึงมีคนหนึ่งหยุด ก็จะยังมีคนที่คอยกลั่นแกล้งและข่มเหงผู้อื่นอยู่แบบนั้น... เธอชื่นชมกวินท์ภัทรที่มีความอดทนอย่างยิ่งยวดแต่ก็รู้สึกสนุกที่จะคอยติดตามดูว่าเขาจะอดทนไปได้นานซักเท่าไหร่

                สำหรับเธอ ความอดทนของคนเราก็เหมือนการเล่นเกมแฮงค์แมน เราไม่สามารถรู้ได้ว่าการกระทำที่ผิดพลาดของเรากำลังเพิ่มเส้นตายของคนอื่นไปอีกเท่าไหร่

                “เธอขึ้นมาอยู่ที่ตลอด”กวินท์ภัทรทอดมองหญิงสาวในชุดสเว็ตเตอร์สีทึมๆกับผมยาวสีดำสยายกลางหลังที่ปลิวไหวไปตามแรงลม

                เธอถอดแว่นตารูปทรงเชยๆกรอบหนาเทอะทะบดใบนัยน์ตาเรียวหวานสีนิลอันแสนลึกล้ำที่ชวนหลงใหลออกไปแล้ว นั่งอยู่ขอบดาดฟ้าตึกเรียนในช่วงตะวันโพล้เพล้ในช่วงเกือบหมดวันของวันกระทบกับใบหน้าใสสีชมพูระเรื่อที่มีกระน้อยๆแต่ก็ยังดูทรงเสน่ห์

                แหบหวานเอ่ยเรียบๆ ปิดเปลือกตาช้าๆพร้อมสายลมที่ยังคงพัดไหว

                “ถ้าโดดลงไปมันจะเจ็บมั้ยนะ”เขาเอ่ยถาม

                “ไม่รู้...นายลองโดดแล้วมาบอกสิ”เธอหยอกเย้า

                “ถ้าโดดจริงจะรอดมาบอกมั้ยเถอะ”

     

                ไม่รอด อย่างนั้นสินะ...

                “คุณอายจะเข้านอนเลยมั้ยครับ?”ธันวา พ่อบ้านคนสนิทของเธอเอ่ยถามหลังจากยกนมอุ่นๆเข้ามาเสิร์ฟ ดวงตาเรียวหวานกลอกไปมาอย่างใช้ความคิดก่อนจะเบือนสายตามองไปยังทิศทางของห้องที่เป็นต้นทางของเสียงครวญครางระคนกรีดร้องดังแว่วออกมา “คุณท่านคงต้องใช้เวลาซักหน่อย”

                “ก็คงแบบนั้น...”

                คืนนี้พ่อเลี้ยงวัยหนุ่มของเธอคงกำลังสนุกอยู่กับ คุณเฌอเบลล์โสเภนีที่เธอเป็นคนติดต่อให้

                นิ้วเรียวยกกรอบรูปภาพที่เคยเก็บเอาในลิ้นชักชั้นล่างสุดที่ไม่เคยเปิดออกมา เด็กน้อยสองคนในชุดเครื่องแบบมัธยมต้นคนหนึ่งดูน่ารักน่าชังส่งยิ้มน้อยๆแสนงดงามกับอีกคนที่ดูเฉิ่มเชยในแว่นกรอบหนายิ้มโชว์เหล็กดัดฟันกำลังยืนจับมือกันอย่างแนบแน่นเหมือนกับจะไม่พรากจาก

                แค่เหมือนเท่านั้นแหละ

                01:19

                ร่างบางในชุดนอนสีขาวแขนยาวกระโกรงคลุมไปถึงข้อเท้าเรียบๆกำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบๆในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งหญิงสาวในชุดเดรสสุดสวยผมเผ้ายุ่งเหยิงเดินเข้ามานั่งลงบนโซฟานำเข้า

                มือเรียวเอื้อมหยิบซองสีน้ำตาลที่ใส่เงินตามข้อตกลงเอาไว้

                “ขอบคุณสำหรับค่ำคืนนี้ค่ะคุณเฌอเบลล์”ริมฝีปากอิ่มสีชมพูสดสุขภาพดีเหยียดยิ้มมุมปากน้อยๆ ผมสีดำสนิทยาวสลวยเป็นธรรมชาติอย่างน่าอิจฉา ดวงตาเรียวหวานยกหยีเมื่อเจ้าหล่อนยกยิ้ม

                หญิงสาวรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา

                “แล้วเจอกันที่โรงเรียนค่ะ”ร่างบางในชุดเดรสสุดเย้ายวนหน้าถอดสี “จำไม่ได้เหรอคะ...”

                คนถูกถามแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ ความคุ้นเคยที่แปลกประหลาดตั้งแต่เห็นหน้าหล่อนครั้งแรกแต่ทว่ากลับไม่เคยรู้ตัว

                หล่อนไม่ได้สวยขนาดนี้ อันดามันคนที่เธอรู้จัก

                อันดามันในชั้นเรียนที่โรงเรียนที่เธอรู้จักเป็นผู้หญิงเฉิ่มเชยมืดทึมเอาแต่ก้มหน้าตลอดเวลา

                อันดามันในตอนมัธยมต้นที่เธอรู้จักเป็นผู้หญิงอัปลักษณ์เอาต่ก้มหน้าตลอดเวลา

                “ทำไม?”

                “คนเรามันเปลี่ยนกันได้ เธอยังเปลี่ยนเลย”หล่อนยกยิ้ม “หรือไม่เปลี่ยนกันนะ”

                ปนัดดารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหายใจไม่ได้เข้าไปทุกที






    100 ---- 







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×