การ์ดใบหนึ่ง - การ์ดใบหนึ่ง นิยาย การ์ดใบหนึ่ง : Dek-D.com - Writer

    การ์ดใบหนึ่ง

    ทอมไม่ได้รู้สึกกับพี่แค่พี่ชาย ทอมรักพี่เป๊กนะครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    305

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    305

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ธ.ค. 62 / 07:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    หนึ่งในโปรเจ็คต์  #PTplaylist2020
    ต้อนรับปีใหม่ไปกับเหล่าชาวเรือเป๊กทอม
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      เคยมั้ยครับ ที่ข้อความแค่ไม่กี่คำ

      ใช้เวลาอ่านแค่ไม่กี่วินาที

      แต่มันกลับมีอิทธิพลกับคุณเหลือเกิน

      สามารถทำให้วันที่แสนน่าเบื่อกลายเป็นวันที่น่าตื่นเต้น

      ทำให้ความรู้สึกที่เหมือนอยู่ในทะเลทรายกลายเป็นอยู่ในสวนดอกไม้

      หรือแม้แต่สามารถเปลี่ยนชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณไปตลอดกาล

       

      สิ่งนั้นมันเกิดขึ้นกับผมแล้วครับ

       

      ‘Happy New Year นะครับพี่เป๊ก

      ขอให้พี่มีความสุข สมหวังในทุกๆเรื่อง

      ทอมคงจะคิดถึงพี่มากๆเลย

      แล้วก็ อยากให้พี่รู้ไว้ว่า

      ทอมไม่ได้รู้สึกกับพี่แค่พี่ชาย

       

      ทอมรักพี่เป๊กนะครับ’

       

      นี่คือข้อความใน ส.ค.ส. ที่ผมบังเอิญไปแอบเห็นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งๆที่มันถูกสอดซ่อนเอาไว้ในซอกหลืบส่วนลึกที่สุดของกระเป๋าโน้ตบุ๊ก

      นี่ถ้าผมไม่บังเอิญหาสายชาร์จของตัวเองไม่เจอ แล้วก็จำได้ว่าใช้มันครั้งสุดท้ายโดยขอเสียบชาร์จกับโน้ตบุ๊กของทอม ผมก็คงจะไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้ความในใจของเจ้าตัวเลย

      ทั้งๆที่ใจเราตรงกันแท้ๆ

       

      ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสามปีก่อน ตั้งแต่ที่พนักงานใหม่ชื่ออิศราเข้ามาทำงาน ผมก็ไม่เคยละความสนใจออกจากเขาได้เลย ถึงแม้ว่าเราจะอยู่กันคนละทีม โต๊ะทำงานก็แทบจะอยู่คนละฟากของฟลอร์ แต่เขาก็กลายเป็นเหตุผลให้ผมต้องหาเรื่องเดินผ่านไปแถวนั้นบ่อยๆ

       

      แค่ได้เห็นหน้า ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้ว แค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว

       

      เวลาผ่านไป ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆต้องบอกว่าผมเป็นคนเข้าไปพยายามตีสนิทกับทอมนั่นแหละ และก็บังเอิญว่าเราทั้งคู่มีไลฟ์สไตล์ที่คล้ายๆกัน ชอบอะไรเหมือนๆกัน คุยกันถูกคอมากๆ

      เรียกว่าเคมีตรงกันก็ว่าได้

      เราผ่านช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดของบริษัท จนถึงช่วงวิกฤตที่บริษัทถึงกับต้องลดพนักงาน โดยเฉพาะในปี 2019 ที่กำลังจะผ่านไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ ถือว่าเป็นปีที่สาหัสที่สุดในชีวิตการทำงานของพวกผมเลยทีเดียว

      บริษัทวิจัยที่เคยมีพนักงานเกือบร้อยคน ต้องลดคนลงเกือบ 40% ทีมที่เคยแบ่งแยกตามประเภทธุรกิจของลูกค้าก็ถูกยุบรวมกัน โดยคนที่เหลืออยู่ต้องแบกรับงานของคนที่ถูกเลย์ออฟไปแล้ว

      ถึงอย่างนั้นบริษัทก็ยังไม่ค่อยมีกำไร ลูกค้าที่เป็นธุรกิจ SME ก็ประหยัดงบประมาณ ส่วนลูกค้ารายใหญ่ที่พอจะมีทุนก็มีระบบ Big Data ของตัวเอง จึงไม่มีความจำเป็นต้องมาจ้างบริษัทวิจัยเพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอีกต่อไป

      พนักงานที่เหลืออยู่ก็ต้องพัฒนาตัวเองอย่างหนัก เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าได้ทุกประเภท แม้จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ตัวเองไม่ถนัดก็ตาม

      หลายต่อหลายครั้งที่ทอมต้องอยู่เคลียร์งานจนดึกดื่น และผมจะแวะไปดูด้วยความเป็นห่วง

       

      “พี่เป๊ก ยังไม่กลับอีกหรอฮะ” ทอมเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ พลางบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยล้า

      “อีกนิดนึงน่ะ เดี๋ยวก็จะกลับแล้วล่ะ”ผมตอบไปอย่างนั้นเอง จริงๆแล้วผมตั้งใจจะรอกลับพร้อมทอมต่างหาก

      ‘โครก..ก’ เสียงท้องร้องบ่งบอกว่าเจ้าตัวเล็กของผมกำลังหิวแค่ไหน

      “กินมาม่ามั้ย เดี๋ยวพี่ไปทำให้”

      “ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ”

      “เถอะน่า พี่ก็จะกินเหมือนกัน เดี๋ยวทำเผื่อ”

       

      ในที่สุด พวกเราก็ได้มานั่งกินมาม่าด้วยกันสองคนในห้องกาแฟตอนเกือบเที่ยงคืน ทอมทำให้มาม่าธรรมดาๆที่ผมทำ ดูน่าอร่อยเหมือนอาหารเหลา

       

      "พี่เป๊ก ปากเลอะแน่ะ" ไม่พูดเปล่า ทอมยังใช้นิ้วโป้งเกลี่ยมุมปากให้ผมเบาๆ

      ไม่รู้หรือยังไงว่าเพื่อนผู้ชายปกติเขาไม่ทำอย่างนี้ให้กัน ผมต้องเก็บอาการเขินไว้แทบแย่ แต่ดูเหมือนทอมจะไม่ได้คิดอะไรเลย และถึงแม้ผมจะอยากทำแบบเดียวกันให้ทอมบ้าง แต่สิ่งที่ผมกล้าทำก็แค่การส่งกระดาษทิชชู่ให้เท่านั้น

      “รถไฟฟ้าหมดแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่กินมาม่าหมดชามแล้ว และเข็มนาฬิกาบอกเวลาหลังเที่ยงคืน

      “ขอบคุณครับ รบกวนพี่ตลอดเลย มา เดี๋ยวผมล้างให้” ทอมว่าพลางลุกขึ้นเก็บชามไปล้าง

      การจราจรจากอาคารสำนักงานย่านอโศกไปยังอพาร์ทเม้นต์ย่านลาดพร้าวในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ถือว่าไม่เลวร้ายเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังใช้เวลานานพอที่จะทำให้คนข้างๆผมเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

      "ทอมครับ ถึงแล้ว"

      "z z z"

      ทอมยังคงหลับสนิท ไม่ได้ยินที่ผมเรียก

      ผมนึกสนุกอยากจะแกล้ง จึงได้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆหูทอม กะว่าจะพูดใส่หูเสียงดังๆให้ทอมตกใจสะดุ้งตื่น

      แต่จังหวะนั้น ทอมกลับพลิกหันหน้ามาพอดี

      แก้มด้านขวาก็เลยชนเข้ากับจมูกของผมอย่างจัง ผมรีบผละออกมา กลัวว่าทอมจะเข้าใจผิดคิดว่าผมแอบหอมแก้มตอนเขาหลับ

      แต่ปรากฎว่าทอมก็ยังไม่ตื่น และกว่าผมจะปลุกเขาได้ ก็ต้องใช้วิธีเขย่าตัวแรงๆ นี่ถ้ารู้ว่าทอมเป็นคนหลับลึกขนาดนี้ เมื่อกี๊ผมคงจะแอบหอมเขาไปหลายฟอดแล้ว

      "ขอบคุณนะคับพี่เป๊ก ขับรถดีๆนะฮะ"

      "พรุ่งนี้เจอกันครับทอม"

      ผมรอจนแน่ใจว่าทอมเดินเข้าลิฟท์ไปเรียบร้อยแล้ว ถึงค่อยเคลื่อนรถออกมา เพราะจะว่าไปแล้ว

      อพาร์ทเม้นต์แห่งนี้ก็ดูค่อนข้างเก่า สภาพสังคมแวดล้อมก็ไม่ค่อยดีนัก

      สัมผัสที่ปลายจมูกยังคงติดอยู่ในความรู้สึก

      ได้แต่คิดว่าจะมีสักวันไหมนะ ที่ทอมจะเป็นฝ่ายเอียงแก้มให้หอมเองอย่างเต็มใจ แบบที่คนเป็นแฟนกันเขาทำเวลาร่ำลา

       

      ตอนนี้ทอมยังไม่มีแฟน

      แต่สำหรับผม จริงๆ ผมมีคนที่คบอยู่แล้ว!!

      น้องมินต์เป็นคนที่ผมคุยอยู่เกือบปีแล้ว เรารู้จักกันจากการที่น้องมินต์เป็นเซลล์ของบริษัทซัพพลายเออร์ที่ติดต่อ ดีลงานกันเป็นประจำ

      มินต์เป็นคนน่ารัก นิสัยดี และใครๆก็บอกว่า ผมกับเธอเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก

      แต่ผมไม่คิดไปไกลถึงขั้นที่จะแต่งงานกับเธอหรอก ตัวผมเองนั้นรู้เหตุผลของตัวเองดีว่าเพราะอะไร

      ผมซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองมากเกินกว่าที่จะแต่งงานเพื่อเอาผู้หญิงคนหนึ่งมาบังหน้า ในเมื่อใจของผมมีแต่ทอม

      เรื่องราวมันคาราคาซังแบบนี้ ก็เพราะที่ผ่านมา ผมดูไม่ออกเลยว่าทอมคิดกับผมยังไง ซึ่งในความไม่ชัดเจนนั้น แค่ให้เราได้เป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องกันไปแบบนี้ ก็ยังดีกว่าบอกรักไปแล้วมองหน้ากันไม่ติดไม่ใช่หรือ

      จนกระทั่งวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ น้องมินต์ต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ส่วนพวกเพื่อนๆของผมที่ยังไม่มีที่ไป ก็ได้รวมตัวกันจัดทริปไปบ้านพักตากอากาศของว่านที่ระยอง พ่วงด้วยการหอบงานมาทำด้วย เพราะมีลูกค้าใจร้ายนัดพรีเซ้นต์งานหลังหยุดยาวปีใหม่ และยังถือเป็นการเที่ยวทิ้งทวนด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทอมจะลาออกอีกด้วย

      ใช่แล้วครับ ปีหน้าทอมจะลาออกเพื่อกลับไปช่วยบริหารงานที่สวนทุเรียนของครอบครัว หลังจากที่ดิจิทัลดิสรัปชั่นลามเข้าไปจนถึงวงการเกษตร แม้แต่เกษตรกรก็ต้องใช้โซเชียลมีเดียในการขายของ คนยุคเบบี้บูมเมอร์อย่างคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยีระดับที่เพิ่งจะใช้กูเกิลเป็นได้ไม่นาน จึงถูกคู่แข่งแย่งแชร์ไปมากโข เดือดร้อนจนต้องเรียกตัวลูกชายคนเล็กที่ยังไม่มีครอบครัวกลับไปช่วยงานที่บ้าน

      เพื่อนร่วมทริปนี้มีด้วยกันหกคน มีผม ทอม โอ๊ต อาร์ต แล้วก็พี่ตู่กับว่าน

      พวกเราใช้เวลาสองวันแรกไปกับการคุยงานและเตรียมไฟล์พรีเซ็นเทชั่น รู้สึกเสียดายบรรยากาศบ้านริมทะเลมากๆ ทั้งๆที่มาถึงที่แล้วแท้ๆ แต่กลับยังต้องมานั่งทำงานกันอีก

      ทริปวันที่สามเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พวกเราทุกคนตกลงกันว่าวันนี้ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ ห้ามแตะงานหรือพูดเรื่องงานเด็ดขาด ถ้าใครทำผิดกฎ คนนั้นต้องเลี้ยงข้าวมื้อค่ำวันนี้

      คนที่มักจะเอาจริงเอาจังกับงานอย่างทอม ถึงกับต้องเก็บโน้ตบุ๊กลงกระเป๋าแล้วรูดซิปปิดมิดชิด เพื่อที่จะได้ไม่เผลอเปิดงานขึ้นมาทำได้ง่ายๆ

      และนอกจากโน้ตบุ๊กแล้ว ในกระเป๋าใบนั้นก็ยังมีการ์ดส่งความสุขปีใหม่ที่เขียนถึงผมอีกด้วย

       

      ‘ทอมรักพี่เป๊กนะครับ’

      ‘ทอมรักพี่เป๊กนะครับ’

      ‘ทอมรักพี่เป๊กนะครับ’

       

      ประโยคสุดท้ายในการ์ดใบนั้นยังติดตาผมทุกตัวอักษร หลังจากเก็บมันเอาไว้ที่เดิมอย่างแนบเนียนที่สุด

      นี่เรารู้สึกเหมือนกันตั้งแต่เมื่อไหร่นะ

      น่าเสียดายที่ไม่ได้รู้ก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้พวกเราคงได้คบกันเป็นแฟนแล้ว และผมก็คงไม่ต้องเอาน้องมินต์เข้ามาในชีวิตอย่างตอนนี้

      จริงๆผมก็รู้สึกดีกับมินต์มาก

      แต่ถ้าต้องเลือก ผมเลือกทอม

      ถึงแม้ปีหน้าผมจะไม่ได้เจอทอมที่ออฟฟิศทุกวันเหมือนเดิม แต่กรุงเทพฯกับจันทบุรีห่างกันแค่สองร้อยกว่ากิโลเมตรเท่านั้น

      แถมสมัยนี้ก็มีช่องทางการสื่อสารตั้งหลายวิธี ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคสำหรับความรักในยุคดิจิทัลแบบนี้หรอก มันขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตใจมากกว่า ผมคิดปลอบใจตัวเอง

       

      เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

      “ฮัลโหล เป๊ก กูจองโต๊ะไว้สองทุ่มนะ อีกแป๊บนึงไปเจอกันที่รถ” ว่านโทรมาเรียกให้ผมตื่นจากภวังค์

      “ทอม อาบน้ำเสร็จรึยังครับ ว่านโทรมาตามแล้ว” ผมตะโกนถามทอมหลังวางสายจากว่านแล้ว

      “ฮะ เสร็จแล้วฮะ”หลังเสียงตอบรับประมาณสองสามนาที ทอมก็เปิดประตูออกมาในเสื้อฮาวายสีเข้มลายจิงโจ้ ขับให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งดูขาวผ่องขึ้นไปอีก แถมคอเสื้อนั่นยังแหวกลึกลงมามากกว่าปกติ

      "ทอมลืมติดกระดุมรึเปล่า"

      "อ๋อ..กระดุมมันขาดน่ะฮะ"

      ด้วยสรีระของทอม ทำให้ร่องอกขาวๆนั่นดูค่อนข้างโป๊กว่าผู้ชายทั่วไป หรือจะเป็นเพราะผมหวงกันแน่นะ

      ผมต้องเก็บอาการให้ดูเป็นปกติที่สุด ไม่ให้ทอมรู้ว่า ผมแอบเห็นการ์ดสารภาพความในใจใบนั้นแล้ว และต้องพยายามบังคับใบหน้าไม่ให้ดูระรื่นจนเกินไป ถึงแม้ว่าในใจผมมันจะยิ้มจนแก้มแทบแตก ปากแทบจะถึงใบหู

      คนที่ผมเฝ้ามองมาตลอด แอบหลงรักมาเกือบสามปี เขาก็รักผมเหมือนกัน ปีใหม่ปีนี้คงจะเป็นปีที่ผมมีความสุขมากๆจริงๆสักที

      คืนส่งท้ายปีเก่า ร้านอาหารในตัวเมืองมีบรรยากาศครึกครื้นสมเป็นเมืองท่องเที่ยว เพื่อนๆร่วมทริปทั้งหกคนนั่งอยู่บนโต๊ะยาวฝั่งละสามคน ฝั่งผมมี ทอม ผม โอ๊ต ฝั่งตรงข้ามมี ว่าน พี่ตู่ และอาร์ต ผมไม่รู้ตัวเลยว่าวันนี้ผมเอาใจทอมมากเป็นพิเศษ จนกระทั่งว่านถึงกับทัก

      “เฮ้ย เป๊ก ตักให้แต่ทอมคนเดียวเลยนะ ฝั่งนี้นี่เอื้อมจนมือจะเป็นแม่นาคอยู่แล้ว”

      “โทษทีว่ะ อ่ะ” ว่าแล้วผมก็ยกจานกับข้าวจากอีกฝั่งส่งไปให้ว่าน แล้วก็หันมาเติมเบียร์ให้ทอมต่อ

      “มีใครเอาเบียร์เพิ่มอีกบ้าง” โอ๊ตถาม หลังจากที่เบียร์หลายขวดบนโต๊ะพร่องไปจนเกือบหมด

      “สั่งมาเผื่อเลย กูจะนั่งยาวจนเค้าท์ดาวน์” พี่ตู่ตอบ พลางรินเบียร์เติมให้ว่านอีก

      “อย่ากินจนเมากันหมดนะฮะ เดี๋ยวไม่มีใครขับรถกลับ” ทอมเอ่ยปราม เพราะตอนแรก ว่านเป็นคนขับรถมา แต่ตอนนี้ดูสภาพแล้วไม่น่าจะขับกลับไหว

      “ไม่ต้องห่วง กินกันตามสบายเลย กูกินหน่อยเดียว เดี๋ยวกูขับให้เอง” ผมรีบออกตัว วันนี้ผมไม่มีอารมณ์จะดื่มสักเท่าไหร่ เพราะในใจรู้สึกสับสนไปหมด ทั้งรู้สึกดีใจ ทั้งกังวลว่าผมจะพูดกับมินต์ยังไงดี

      บอกเลิกในวันปีใหม่ มันจะใจร้ายเกินไปมั้ยนะ คงไม่หรอกมั้ง ไม่ใช่วันวาเลนไทน์หรือวันเกิดสักหน่อย

      "เอ้อ ทอมจะอยู่ถึงวันไหนนะ" พี่ตู่ถามถึงเรื่องที่ทอมจะลาออก

      "ถึงสิ้นเดือนมกราฯฮะ"

      "แล้วจะกลับไปอยู่จันท์ฯเลยมั้ย หรือยังไปๆมาๆ" ผมถามด้วยความร้อนใจ

      "คงกลับไปอยู่บ้านสวนเลยแหละฮะ เพราะผมแจ้งคืนห้องที่อพาร์ทเม้นต์แล้ว"

      ได้ยินดังนั้น ผมก็รู้สึกใจหาย เท่ากับว่าเรามีเวลาอยู่ด้วยกันอีกแค่เดือนเดียวก่อนที่จะต้องห่างกันไป

      "นี่ยังดีนะที่ตอนนั้นไม่ได้ไปซื้อคอนดงคอนโดอะไรกะเขาน่ะ" พี่ตู่พูดถึงคอนโดพร้อมอยู่โครงการใหม่ตรงแบริ่ง ที่พวกเพื่อนๆในออฟฟิศพากันไปซื้ออยู่กันหลายห้อง เพราะทำเลและราคาน่าสนใจมากๆสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา

      "ตอนที่พวกผมชวนมันไปดู มันก็บอกว่าไม่สนใจ ชอบอยู่อพาร์ทเม้นต์มากกว่า" อาร์ตเล่าย้อนไปถึงเรื่องเมื่อต้นปีที่แล้ว

      "ผมเป็นพวกติดที่น่ะฮะ อยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เข้ากรุงเทพฯใหม่ๆ ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะต้องย้ายไปไหนด้วยซ้ำ" ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงของทอมฟังดูสลดลงไป ว่านที่สังเกตเห็นจึงได้รีบปลอบใจ

      "เฮ้ย ไม่ต้องเศร้าน่ะ ถ้ามึงคิดถึงพวกกู เอาไว้เรานัดกันไปเที่ยวบ้านสวนมึงก็ได้"

      ผมคงจะเป็นคนเดียวสินะที่รู้สาเหตุที่แท้จริง ว่าท่าทีของทอมนั้นเป็นเพราะอะไร

      'ทอมคงจะคิดถึงพี่มากๆเลย'

      บรรยากาศในร้านยิ่งดึกก็ยิ่งคึกคัก ส่วนใหญ่คนที่ได้โต๊ะก็จะนั่งยาวเพื่อรอเวลาเค้าท์ดาวน์ พื้นที่เกือบทุกตารางฟุตจึงแน่นขนัดไปด้วยผู้คน

      "พี่เป๊กๆ ผู้ชายเสื้อม่วงโต๊ะนั้นเขามองผมตั้งแต่เมื่อกี๊แล้วอ่ะ" ทอมมาสะกิดบอกผม

      จริงอย่างที่ทอมว่า ผู้ชายใส่เสื้อยืดสีม่วงที่นั่งอยู่โต๊ะเยื้องไปอีกสองโต๊ะ กำลังจ้องมาที่ทอมแบบตาไม่กระพริบ

      "ผมอึดอัดจังเลย ทำไงดีฮะ"

      "พี่บอกแล้วว่าเสื้อทอมมันโป๊เกินไป"

      ได้ยินดังนั้น ทอมก็รีบรวบคอเสื้อที่แหวกกว้างเข้าหากัน

      "ก็ผมไม่ทันเห็นนี่นาว่ากระดุมมันขาดหายไป ไม่ได้เอาตัวอื่นมาเผื่อด้วย"

      ผมนึกอะไรบางอย่างออก จึงเสนอไปว่า

      "งั้นเอางี้ เดี๋ยวพวกเราแกล้งแสดงว่าเป็นแฟนกันดีมั้ย เผื่อเขาจะได้ไม่กล้ายุ่ง"

      "เอางั้นหรอฮะ"

      หลังตกลงกันเสร็จ ทอมก็เริ่มแสดงบทบาททันที

      “พี่เป๊ก แกะกุ้งให้ผมอีกตัวนึงสิ”

      ทอมเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เอาคางมาเกยตรงไหล่ผมแล้วช้อนตามอง อาการเหมือนแมวที่อ้อนเจ้าของ แบบนี้อย่าว่าแต่กุ้งอีกตัวเลย ให้ผมแกะกุ้งหมดทั้งทะเลผมก็ทำให้ทอมได้

      “ตู่ครับ เอากุ้งอีกมั้ย เดี๋ยวผมแกะให้” ว่านขอเอาใจแฟนบ้าง ไม่รู้ว่าจงใจแซวผมกับทอมหรือเปล่า

      “โอ้ย! พวกมึงนี่ ทำอะไรเกรงใจคนโสดอย่างพวกกูบ้าง” โอ๊ตโพล่งขึ้นอย่างหมั่นไส้ แล้วพูดต่ออีกว่า“ไอ้เป๊กกับไอ้ทอมนี่นะ ทำอย่างกับเป็นผัวเมียกัน”

      "ใช่ ถ้ากูไม่รู้ว่ามึงมีแฟนอยู่แล้ว กูก็นึกว่ามึงเป็นแฟนกับทอมอ่ะ เอาจริงๆ" อาร์ตช่วยสนับสนุนคำพูดของโอ๊ตอีกเสียง

      “พวกเราแกล้งทำน่ะฮะ พวกพี่อย่าหันไปมองทางนั้นนะ" ทอมเตือนก่อนจะอธิบายต่อ

      "ผมกับพี่เป๊กแกล้งแสดงว่าเป็นแฟนกัน เพราะโต๊ะนู้นเขาดูอยากกินผมอ่ะ"

      "ใช่ ถ้าเขาเห็นว่าทอมมากับแฟน จะได้เลิกมอง" ผมพูดพร้อมกับโอบเอวทอมให้ขยับเข้ามาชิดๆ

      "แหม! เล่นซะเนียนเชียวนะมึง" ว่านกล่าว

      "พวกมึงอย่าไปทำอย่างงี้ให้มินต์เห็นเชียวนะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง" พี่ตู่เตือนเมื่อเห็นว่าพวกผมชักจะแนบชิดกันเกินไปแล้ว

      แต่ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ ทอมที่ชักจะสนุกกับการแสดงจึงยิ่งเล่นใหญ่คลอเคลียผมไม่หยุด จงใจให้ผู้ชายเสื้อม่วงคนนั้นเห็น ผมเองก็ยิ่งได้ที ถึงเนื้อถึงตัวทอมแบบที่อยากจะทำมานาน

      "อินเนอร์พวกมึงนี่นะ อย่างกับเพิ่งจะได้กันมา" โอ๊ตพูดอย่างหมั่นไส้

      "ฮ่าๆ พี่เป๊กเขาไม่เอาผมหร้อก จริงมั้ยฮะ” ทอมหันกลับมาถามผม แต่จะให้ผมตอบว่ายังไงล่ะ ผมจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ แล้วป้อนกุ้งที่แกะเสร็จแล้วให้ทอม

      แทนที่จะใช้ฟันงับกุ้งไปเฉยๆ ทอมกลับใช้ริมฝีปากครอบลงมาที่นิ้วของผม แล้วรูดกุ้งออกไปช้าๆ พร้อมกับดูดน้ำซอสที่ติดนิ้วผมอยู่ สัมผัสนุ่มหยุ่นและท่าทางที่ยั่วยวนนั้น เล่นเอาผมสยิวไปถึงท้องน้อย

      ทอมนี่ตีบทแตกจริงๆ หรือว่ามันจะมาจากอินเนอร์อย่างที่โอ๊ตบอก

      แต่อีกไม่นานนี้ มันจะไม่ใช่แค่การแสดงอีกต่อไป เราสองคนกำลังจะได้เป็นแฟนกันจริงๆ รอแค่ว่าทอมจะเอาการ์ดใบนั้นมาสารภาพรักกับผมตอนไหน แล้วผมจะเคลียร์สถานะกับน้องมินต์ให้ทันที

      "จะว่าไป ไอ้คนนั้นก็หล่อดีนะเว้ยทอม ไม่สนใจหน่อยหรอ" อาร์ตหมายถึงผู้ชายเสื้อม่วงคนนั้น

      "ตลกละพี่อาร์ต ผมไม่ใจง่ายขนาดนั้นหรอก"

      "นั่นสิ ทำไมทอมยังโสดอยู่ได้จนป่านนี้วะ" พี่ตู่เปิดประเด็นขึ้นมาด้วยความสงสัย

      "มันเลือกมาก คนจีบมันเยอะจะตาย" ว่านแสดงความเห็น

      "เฮ้ย หรือว่าจริงๆมึงแอบชอบไอ้เป๊กวะ" คำสันนิษฐานของโอ๊ตเล่นเอาผมถึงกับทึ่ง

      "ไม่เอาแล้ว เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะฮะ" ทอมตัดบท จากนั้นทอมก็ดูซึมไปอีกรอบ

      ดูเหมือนวิธีของผมจะใช้ได้ผล ผู้ชายเสื้อม่วงคนนั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนอื่นแทนแล้ว แต่ผมยังอยากแสดงบทแฟนกับทอมต่อไปอยู่เลย

      พวกเรานั่งกินดื่มกันอย่างสนุกสนานจนถึงเวลาเค้าท์ดาวน์

      “ห้า...

      สี่...

      สาม...

      สอง...

      หนึ่ง...

      เฮ...”

      เสียงนับถอยหลัง ตามด้วยเสียงพลุและเสียงโห่ร้อง ต้อนรับวินาทีแรกของศักราชใหม่

      ผมหันไปพูดกับคนที่นั่งข้างๆ

      “Happy New Year นะครับทอม”

      “Happy New Year ครับพี่เป๊ก” ทอมหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงและตาหวานเชื่อมกว่าปกติ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะความรู้สึกที่อยู่ในใจ

      พี่ตู่กับว่านนั่งจับมือกันตลอดเวลาดูน่าอิจฉา การได้เค้าท์ดาวน์กับแฟนมันดีอย่างนี้นี่เอง ว่าแล้วผมก็เอื้อมมือไปโอบไหล่ทอมบ้าง

      ดูท่าทางทอมจะเมามากแล้ว หน้าแดงไปหมด เอนหัวเอนตัวมาซบผมอย่างออดอ้อน ดูน่ารักเป็นพิเศษจนผมอยากจะอุ้มเขากลับบ้านซะเดี๋ยวนั้น

      กว่าจะเรียกเช็คบิลก็หมดเบียร์ไปอีกหลายขวด นอกจากผมแล้ว สภาพของคนอื่นๆก็ดูไม่น่าจะขับรถไหว โอ๊ตนั่งฝั่งซ้ายข้างคนขับ ส่วนอีกสี่คนนั่งเบียดเสียดกันอยู่ด้านหลัง

      กว่าพวกเราจะกลับมาถึงที่พักก็เกือบตีสาม

      ผมต้องประคองทอมที่สะลึมสะลือคอพับคออ่อนให้มานอนที่เตียง ทอมกำชายเสื้อผมไว้แน่น ทำให้ผมต้องนั่งอยู่ข้างๆ เพราะยังไม่อยากจะแกะมือทอมออก

      “ทอม หลับรึยังครับ”

      “ฮืม” เสียงตอบรับเบาๆไม่เป็นคำ ในขณะที่เจ้าตัวยังคงนอนหลับตา

      “มีอะไรจะให้พี่รึเปล่า”

      “z z z” ไม่มีการตอบสนองใดๆ

      ทอมหลับไปแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ให้การ์ดใบนั้นกับผมเลย

      ผมนั่งมองดูคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง ค่อยๆ ยื่นมือไปถอดแว่นออกให้อย่างเบามือ

      นั่งอยู่อีกพักใหญ่ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงทอมละเมอเบาๆ

      “พี่..เป๊ก..ก…"

      เมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ผมจึงรีบขยับเข้าไปฟังใกล้ๆ และสิ่งที่ผมได้ยินอย่างชัดเจนต่อจากนั้นก็คือ

      "ทอม..รักพี่”

      ใจผมเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก นี่มันคือการสารภาพรักจากจิตใต้สำนึกชัดๆ

      มันดีเสียยิ่งกว่าการบอกผ่านการ์ดเสียอีก

      ผมลูบแก้มทอมอย่างทะนุถนอม ปลายนิ้วรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่หางตา มือทอมยังคงกำเสื้อผมเอาไว้แน่น เหมือนกับต้องการเหนี่ยวรั้งผมไว้ไม่ให้จากไปไหน

      ที่ผ่านมา ทอมต้องเจ็บปวดขนาดไหนกันนะที่ต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรักไปคบกับคนอื่น หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลลึกๆที่ทอมเลือกจะลาออกแล้วกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ทอมเข้มแข็งมากจริงๆที่ยังสามารถยิ้มให้ผมกับมินต์ได้อย่างเป็นปกติขนาดนี้ ลองนึกดูว่าถ้าเป็นตัวผมเอง หากวันหนึ่งทอมมีแฟนขึ้นมา ผมคงจะเก็บอาการไม่อยู่แน่ๆ

      หรือบางทีทอมอาจจะไม่กล้าให้การ์ดใบนั้นกับผมเลยด้วยซ้ำ เขาคงคิดที่จะเป็นฝ่ายตัดใจจากผมเอง แล้วก็ปลีกตัวออกจากชีวิตพวกเราไปเงียบๆ แต่ผมก็ดันไปแอบเห็นข้อความในการ์ดนั่นเองเสียก่อน

      ไม่กล้าบอกเพราะกลัวจะเสียเพื่อน แต่กลับไม่กลัวตัวเองเสียใจ ทำเพียงแค่ระบายความรู้สึกไว้บนกระดาษ แล้วเก็บซ่อนมันไว้กับตัวเอง

      เมื่อนึกถึงความรู้สึกของทอม ผมก็สงสารเขาจับใจ แต่นับจากนี้ผมจะชดเชยให้เขาเอง ผมจะชวนเขาให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน บางทีทอมอาจจะเปลี่ยนใจเรื่องลาออกก็ได้

      แล้วอย่างนี้จะมัวลังเลอะไรอยู่อีก

      ผมค่อยๆแกะมือทอมออกจากชายเสื้อของตัวเอง หยิบโทรศัพท์ เดินเข้าห้องน้ำ แล้วโทรหาน้องมินต์ในเวลาตีสาม!

      ต้องรออยู่นานพอสมควรกว่าอีกฝ่ายจะรับสาย

      "ฮัลโหล พี่เป๊ก โทรมาซะดึกเชียว Happy New Year นะคะ"

      "มินต์...พี่..มีเรื่องจะบอก"

      "คะ?"

      "เราเลิกกันเถอะ"

      "อะไรนะพี่เป๊ก เกิดอะไรขึ้น"

      "พี่มีคนอื่นแล้ว"

      "...."

      มินต์อึ้งไปนาน

      "ใครกันคะ มินต์รู้จักรึเปล่า"

      ผมพูดไม่ออก เพราะมินต์ก็รู้จักทอมดีในฐานะเพื่อนร่วมงานที่ผมสนิท แล้วอยู่ๆผมก็มาคิดไม่ซื่อกับเพื่อนซะอย่างนั้น

      "ตั้งแต่เมื่อไหร่" มินต์เปลี่ยนคำถามใหม่

      "เมื่อกี๊นี้เอง" ผมตอบไปตามความเป็นจริง เพราะว่าทอมเพิ่งจะสารภาพรักกับผมเมื่อสักครู่นี้เองจริงๆ

      บทสนทนาระหว่างผมกับมินต์จบลงด้วยน้ำตาของเราทั้งคู่ ผมรู้สึกผิดกับเธอมาก นั่นเป็นเพราะมินต์ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย คนอย่างผลิตโชคไม่ใช่คนใจร้ายที่อยากจะทำร้ายจิตใจใครเลยจริงๆ

      แต่เพื่อความสบายใจของคนที่ผมรักและตัวผมเอง ผมจึงจำเป็นต้องเคลียร์ตัวเองให้เป็นอิสระเสียก่อนทอมจะต้องไม่ได้ชื่อว่าเป็นมือที่สามของใคร

      ผมเดินกลับมาที่เตียง ทอมยังคงนอนหลับตาพริ้ม ริมฝีปากบางที่เพิ่งจะบอกรักผมดูแดงฉ่ำเหมือนผลไม้สุก แถมยังเผยออย่างเชิญชวน

      ผมจึงได้โน้มตัวลงไปฉกชิม

      นี่เป็นจูบที่ดูดดื่มที่สุดในชีวิตของผม ด้วยความรักที่อัดอั้นอยู่เต็มอก ถึงจะรู้ว่าไม่ควรฉวยโอกาสทำแบบนี้ในเวลาที่อีกฝ่ายยังหลับสนิทไม่รู้สึกตัว แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ

      ผมรักทอม รักมากเหลือเกิน

      เหมือนกับฝันไป ทอมจูบตอบผมทั้งที่ยังหลับตา

      ผลิตโชคปัดป่ายไปทั่วร่างของอิศรา จัดการกับอาภรณ์ที่ขวางกั้น จนเผยให้เห็นเรือนร่างบอบบางขาวนวลเนียน

      ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะผิวเนื้อเปลือยเปล่าจนอิศราตัวสั่น ผลิตโชคจึงใช้ร่างกายของตัวเองแทนผ้าห่ม กอดกระหวัดเพื่อให้ความอบอุ่น เขาสัมผัสโลมไล้ ฟอนเฟ้นเค้นคลึง จนผิวเนียนลื่นนั้นเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ

      แม้จะถูกสัมผัสขนาดนั้น ทอมก็ยังไม่ยอมตื่น เพียงแค่นอนกระสับกระส่าย หายใจหอบถี่

      อารมณ์ผมลุกโชนจนถึงขีดสุด มโนธรรมกระเจิดกระเจิงเกินควบคุม ไม่ว่าทอมจะยินยอมพร้อมใจหรือไม่ แต่คืนนี้ผมจะต้องครอบครองเขาให้ได้

      ถือเสียว่าเป็นการตีตราจองทางพฤตินัย ก่อนที่พรุ่งนี้ผมจะประกาศให้โลกรู้ว่า เราสองคนรักกัน

       

      "เป็นของพี่นะทอม"

      "อ๊า!!" ทอมสะดุ้งตื่น ร้องอย่างตกใจแล้วผลักผมออกอย่างแรงจนผมกระเด็น

      “พี่เป๊ก!! ทำบ้าอะไรเนี่ย!!”

      “ทอม พี่รู้แล้วนะว่าทอมรักพี่ พี่ก็รักทอมเหมือนกันไงครับ”

      “อะไรนะ?!”

      “พี่เห็นการ์ดใบนั้นแล้วนะ ที่ทอมบอกว่าทอมรักพี่”

      “ห้ะ!! การ์ดนั่น...มัน...”

      “แล้วทอมยังละเมออีกด้วย ว่าทอมรักพี่เป๊ก”

       

      “พี่เข้าใจผิดแล้ว นั่นผมหมายถึงพี่เป๊กเปรมณัชที่อยู่ข้างห้องผมตะหาก!!”

       

      End

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×