ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้าม (ภาคอรอุมารังษี) (ลบแล้วค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนพิเศษ (ภาควิเรนทรราช) : ลางบอกเหตุ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.89K
      6
      9 พ.ย. 50

    รักต้องห้าม
    ตอนพิเศษ : ลางบอกเหตุ
     

    ราตรีเงียบสนิท วิกาลดึกสงัด สรรพชีวิตในแคว้นสวราชย์ล้วนกำลังสงบอยู่ในห้วงนิทรารมย์ เว้นไว้แต่เพียงคนที่ผวาตื่นขึ้นมากลางดึกในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนหนึ่งนั้นนอนอยู่ในบ้านหลังกะทัดรัดทาสีฟ้าทั้งหลังที่อยู่นอกเขตเมืองของเมืองหลวงไปเล็กน้อย ส่วนอีกคนหนึ่ง
    บรรทม อยู่ในพระตำหนักวินไธย...พระตำหนักของเจ้าชายรัชทายาทในพระบรมมหาราชวัง

                                                   
    ***********************

    “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือวดี หน้าตาเหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม” เมธินทักทายน้องสาวฝาแฝดเมื่อเห็นหญิงสาวเดินลงมาจากบันได

    “อืม ฝันร้ายน่ะสิ” หญิงสาวผู้มีดวงหน้าขาวจัดและริมฝีปากสีแดงสดอย่างน่ามองตอบอย่างเพลียๆ ขณะนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งที่โต๊ะอาหาร เช้าวันนี้มีเพียงเธอกับพี่ชายเท่านั้น พ่อกับแม่ไปทำธุระต่างเมือง เย็นๆ จึงกลับ

    “ฝันว่าอยู่ไปจนแก่แล้วยังไม่มีคนมาขอแต่งงานหรือไง” คนเป็นพี่ชายสัพยอก

    “นายน่ะสิจะไม่ได้แต่งงาน” เมธาวดีสวนกลับทันควัน ทว่าทันทีที่สิ้นคำก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป

    “ขอโทษ” คนเป็นน้องสาวสำนึกผิดเพราะขณะที่อีกฝ่ายเพียงหยอกเย้า แต่คำที่เธอโต้ตอบกลับไปอาจเป็นความจริงได้เพราะเวทิสา...คนรักของเมธินป่วยกระเสาะกระแสะมาเป็นเดือนแล้ว อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ

    “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเธอพูดเล่น ว่าแต่เธอฝันว่าอะไรหรือ”

    “ถูกงูรัด”

    “ฮ้า” ชายหนุ่มอุทานเสียงสูงเกินจริง ทำหน้าตาตื่นๆ อย่าเสแสร้งแล้วก็สัพยอก “งั้นเจ้าชายอุรุพงษ์ก็จะทรงรุกฆาตเธอเร็วๆ นี้แล้วล่ะสิ บางทีอาจจะเสด็จกลับมาวันนี้ก็ได้ ปัญหาชายแดนอาจไม่ยุ่งยากอย่างที่รับสั่ง”

    “เพิ่งเสด็จไปได้ไม่กี่วันจะเสด็จกลับมาเร็วอย่างนั้นได้ยังไง อีกอย่างนายอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ ฉันรักและเคารพเจ้าชายอุรุพงษ์แบบเจ้าชายที่พระทัยดีหรืออย่างมากก็พี่ชาย อีกหน่อยพระองค์คงอภิเษกกับเจ้าหญิงสักพระองค์นั่นแหละ” เมธาวดีแย้งก่อนตักข้าวเข้าปาก

    “เทียวไปเทียวมาแต่ที่บ้านเราอย่างนี้จะทรงเอาเวลาที่ไหนไปเกี้ยวเจ้าหญิง แต่ว่าถ้างูตัวนั้นไม่ใช่เจ้าชายอุรุพงษ์แล้วจะเป็นใครได้ล่ะ จะมีคนหลงผิดมาชอบเธอมากกว่าหนึ่งเหรอเนี่ย” 

    เมธินยังหยอกเย้าน้องสาวไม่เลิก อาการเจ็บป่วยของเวทิสาทำให้เขาพลอยเหนื่อยล้าและเป็นทุกข์กังวลมาร่วมเดือน และวันนี้เขายังต้องไปทำงานเป็นวันแรก เข้าเวรตอนบ่ายในฐานะทหารรักษาวังและออกเวรตอนเช้าวันพรุ่งนี้ วันนี้คงไม่ได้อยู่ดูแลคนรักทั้งวันเช่นวันที่ผ่านๆ มาอีก ตอนเช้าอย่างนี้พอหาเรื่องพูดให้รู้สึกแจ่มใสขึ้นมาได้บ้างก็ต้องรีบทำ

    “ใครเป็นคนบอกคนแรกกันว่าฝันว่าถูกงูรัดแล้วจะได้เนื้อคู่ บางทีอาจจะเป็นลางบอกก็ได้ว่าจะถูกงูกัด ในฝันก็น่ากลัวจะตาย นายเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ หรือกลัวว่าพอไปเข้าเวรแล้วจะไม่ได้พูดกับใครเลยต้องพูดไว้ก่อน”

    “ก็อย่างนั้นน่ะสิ ไม่พูดก็ไม่พูด ว่าแต่...เธอเห็นไหมว่างูตัวนั้นมันตาบอดรึเปล่า”

    “เม-ธิน!” เมธาวดีเรียกชื่อพี่ชายเสียงเขียว ฝ่ายนั้นก็ได้แต่หัวเราะอย่างขำๆ และทำท่าทางยอมแพ้

    คนเป็นน้องสาวฝาแฝดไม่ได้บอก ว่านอกจากงูตัวนั้นจะไม่ได้ตาบอดแล้วยังตาสวยอีกด้วย

    ...ตาสีน้ำเงินเข้ม...เหมือนสีน้ำทะเลลึก...

                                                   
    ************************

    วิษณุสังเกตเห็นอยู่นานแล้วว่าวันนี้เจ้าชายรัชทายาททรงมีท่าทีครุ่นคิดไม่ตกมาตลอดเช้า ไม่น่าจะเป็นว่ากำลังทรงเคร่งเครียดเรื่องงาน แต่น่าจะเรียกว่า
    ‘เหม่อลอย’ มากกว่า หากแต่เขาก็ไม่คิดจะทูลถาม ทำงานของตนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจำเป็นต้องกราบทูลจึงได้ทูลเรียก ทว่าแทนที่พระองค์จะตรัสสั่งว่าโปรดจะให้ทำอย่างไรเรื่องที่เขาทูลขอพระราชวินิจฉัย พระองค์กลับรับสั่ง

    “ฉันฝัน”

    “พระเจ้าค่ะ”

    “เมื่อคืนฝันว่างูรัด”

    “พระเจ้าค่ะ” ราชองครักษ์หนุ่มยังคงทูลรับด้วยคำสั้น ไม่มีความคิดเห็นหรือคำถามอื่นต่อท้ายจนผู้ทรงเป็นเจ้าชายต้องตรัสถามเองว่า

    “หญิงอรเคยพูดถึงคนที่ฝันอย่างนี้ว่าอะไรสักอย่าง ฉันจำไม่ได้ เธอจำได้ไหม”

    “จะพบเนื้อคู่พระเจ้าค่ะ” วิษณุกราบทูลเรียบๆ สิ่งใดที่เจ้าหญิงอรอุมารังษีเคยรับสั่งเขาดูจะจำได้สิ้นทุกอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจสักนิด ทว่าเจ้าชายวิเรนทรราชกลับทรงมีพระพักตร์กระอักกระอ่วนทันทีที่ได้ทรงฟัง

    “จำผิดแล้วมั้งวิษณุ ทำไมมันน่ากลัวขนาดนั้น”

    ราชองครักษ์หนุ่มขมวดคิ้วนิดหนึ่งเป็นเชิงสงสัยเพราะผู้ทรงเป็นนายดูจะไม่เคยทรงกลัวสิ่งใด นอกเสียจากว่า
    ‘แกล้งกลัว’

    “การอภิเษกสมรสหรืองูพระเจ้าค่ะที่น่ากลัว”

    “งูไม่น่ากลัว เพราะฉันรู้สึกว่าตัวฉันเองต่างหากที่เป็นงู”

    วิษณุไม่ได้กราบทูลว่าอะไร แต่ความเป็น
    ‘เพื่อน’ ที่มีต่อกันมายาวนานทำให้เจ้าชายรัชทายาทหนุ่มทรง ‘อ่าน’ สายตาคมสีเข้มของอีกฝ่ายที่มองตรงมาออกว่า ‘งั้นคนที่ควรกลัวก็น่าจะเป็นคนที่ถูก ‘งู’ อย่างพระองค์รัดมากกว่า’ ที่จริงพระองค์ก็ร่ำๆ ว่าจะทรงส่งราชองครักษ์ประจำพระองค์ที่ควบตำแหน่งพระสหายด้วยผู้นี้ไปเป็นสายลับ เพราะพิจารณาแล้วน่าจะเหมาะกว่า ไม่ต้องกลัวว่าหากถูกจับได้แล้ววิษณุจะเปิดเผยข้อมูล เพราะปกติวันหนึ่งๆ ก็พูดแทบจะนับคำได้ แล้วการส่งรหัสลับก็ไม่จำเป็น เพราะทรง ‘อ่าน’ เอาจากสายตาของอีกฝ่ายได้

    “ไม่ต้องมองอย่างนั้น” ดวงพระเนตรคมสีน้ำทะเลลึกดูดุขึ้นนิดเมื่อรับสั่งพระสุรเสียงเข้ม “ฉันไม่ได้อยากจะไปรัดใครสักหน่อย แต่ใครจะบังคับความฝันได้ เรื่องแต่งงานก็ไม่ได้กลัว แต่...ฝันน่ากลัว”

    คนเป็นราชองครักษ์ประจำพระองค์ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีคือนั่งนิ่งรอฟัง ทว่าสิ่งที่เจ้าชายวิเรนทรราชรับสั่งหลังจากทรงมีสีพระพักตร์ลังเลกระอักกระอ่วนพระทัยอยู่ครู่หนึ่งคือ

    “ช่างเถอะ ก็แค่ฝัน ทำงานของเธอต่อไปเถอะ” แล้วก็ทรงงานต่อ

    สีหน้าของวิษณุบอกความคิดของเขาเองว่า องค์รัชทายาทนั้นทรง
    ‘เป็นเอามาก’ หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไร ทำงานของตัวเองต่อไปและกลับมาสงสัยอีกครั้งตอนที่ผู้ทรงเป็นนายจะต้องเสด็จออกไปนอกวังและเสด็จกลับเข้ามาอีกครั้งตอนดึกโดยการปีนกำแพงวังเพื่อทรงทดสอบว่าการทำงานของทหารรักษาวังหละหลวมจริงหรือไม่...เจ้าชายวิเรนทรราชทรงมีทีท่าว่าไม่ปรารถนาจะเสด็จออกจากวังทั้งที่นี่เป็นเรื่องโปรด

    “ฝันก็คือฝัน ยึดติดมากเรียกว่างมงายใช่ไหมวิษณุ”

    “พระเจ้าค่ะ” ไม่รู้ว่าท่าทางเหม่อลอยสลับกับทรงมีสีพระพักตร์กระอักกระอ่วนคล้ายทรงหวาดผวาจนพระโลมาชูชันมาตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายนั่นเป็นอาการเริ่มต้นของความงมงายหรือไม่ แต่ถ้าใช่ วิษณุก็คิดว่าพระอาการของเจ้าชายหนุ่มเข้าขั้นน่าเป็นห่วง

    เจ้าชายวิเรนทรราชทรงสะบัดพระเศียรเล็กน้อยเพื่อขับไล่
    ‘ความกลัว’ แล้วก็รับสั่ง

    “ฉันไปล่ะ”

    ...หวังว่าฝันก็คงเป็นแค่ฝัน ไม่ใช่ลางบอกเหตุอะไร เพราะถ้าหมายถึงว่าจะได้ทรงพบ
    ‘เนื้อคู่’ จริงๆ พระองค์คงทรงแย่แน่...แล้วเจ้างูในความฝันนั่นก็คงไม่ใช่พระองค์หรอก ใครจะไปรู้สึกดีตอนที่ใช้ลำตัวรัดใครก็ไม่รู้ที่มองเห็นหน้าไม่ชัดแต่เห็นชัดเจนว่าสวมเครื่องแบบทหารรักษาวังอยู่เล่า นั่นมันผู้ชายนะ!!!!

    ...วิษณุมองรัชทายาทหนุ่มทรงเสด็จพระดำเนินไปใช้พระหัตถ์ลูบๆบริเวณพระหนุ(คาง)ไปมาไปตลอดทางด้วยสายตาสงสัย...หรือเขาควรจะทูลห้ามมิให้เสด็จออกและให้ใครไปตามหมอหลวงมาแทน...

                                                   
    *************************

    ดึกแล้ว เมธาวดีที่อยู่ในเครื่องแบบสีน้ำตาลของทหารรักษาวังแห่งสวราชย์ซึ่งกำลังเดินตรวจตราห่างออกมาจากบริเวณเขตพระราชฐานชั้นนอกมากพอสมควรรู้สึกเย็นๆ อยู่ไม่น้อย ง่วงก็ง่วง แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าอีกไม่นานก็คงเช้าแล้ว และเธอคงกลับไปนอนที่บ้านได้เสียที หวังแต่ว่าเวทิสาจะไม่เป็นอะไรมาก

    เหตุเพราะเวทิสา...คนรักของพี่ชายและเพื่อนของเธออาการทรุดหนักลงมากและเรียกหาพี่ชายฝาแฝดของเธอเพราะต้องการ
    ‘สั่งเสีย’ เธอจึงให้คนมาตามตัวเมธินกลับไปที่บ้าน คิดแล้วคิดอีกจึงได้เสนอให้อีกฝ่ายไปดูใจคนรัก ส่วนเธอจะปลอมเป็นเขามาเข้าเวรแทนให้หนึ่งคืน เธอจึงต้องมาทำหน้าที่ที่เป็นคนอาสาเองอยู่ในขณะนี้ และภาวนาให้เวลาผ่านไปเร็วๆ เพราะอะไรก็ไม่รู้เธอจึงยังคิดถึงความฝันเมื่อคืนอยู่ไม่คลายและค่อนข้างจะกลัว

    ราชอุทยานที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีอย่างนี้จะมีงูซ่อนตัวอยู่ตรงไหนบ้างหรือเปล่านะ

    แต่ว่า...งูตาสีน้ำเงิน...มีที่ไหนกัน...คงไม่จริงหรอก

    แต่จะว่าไป ถ้าความฝันเป็นจริง
    ‘ทุกอย่าง’ เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวก็ได้ เพราะว่า...

    เมธาวดีอดยิ้มออกมานิดหนึ่งไม่ได้เมื่อคิดถึงความฝัน

    ขณะที่เธอใจชื้นขึ้นมาเมื่อคิดถึงว่าเธอได้ต่อย
    ‘ปาก’ งู...หรือว่าจะเป็นปลายคางก็ไม่แน่ใจนัก...งูมี ‘คาง’ รึเปล่า แต่ความรู้สึกบอกหญิงสาวว่าเธอต่อยคางงูไปจริงๆ ในฝัน...

    ...ขณะนั้นเองที่สายตาของเธอมองไปเห็นเงาร่างของใครคนหนึ่งกำลังปีนกำแพงพระราชวังเข้ามา...
     
     

    ตอนจบ...ที่นำไปสู่ตอนเริ่มต้น
     

    11.43 น.
    12 ต.ค.2550
    โรซาน่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×