ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo Fic] Before I Decay : KaiDo

    ลำดับตอนที่ #10 : ep.08

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 984
      0
      17 มี.ค. 56

    *ตอนนี้ตั้งใจอ่านกันนะ อ่านข้ามๆอาจจะไม่รู้เรื่อง (ขนาดตั้งใจอ่านยังงงเลยนะ) นี่คือคำเตือน

     

     

     

    8

     

     

     

     

    “พี่คริสจะกลับมา”    ทันทีที่สิ้นเสียงชานยอล  ความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งคู่ มีเพียงเสียงนาฬิกาที่ดังเป็นจังหวะอย่างเชื่องช้า   แบคฮยอนมองชานยอลที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงข้าม เขาเข้าใจดีว่าเพื่อนรู้สึกอย่างไร 

    แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไป ชานยอลจะรับเอาทุกอย่างมาใส่ตัวตลอดไม่ได้

    เพราะทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น...  ไม่ได้เกิดจากตัวชานยอล  ชานยอลเป็นเพียงแค่คนกลาง.. คนกลางที่ต้องคอยแบกรับเรื่องราวของสองฝ่าย...     บางทีมันคงถึงเวลาที่ต้องเผชิญความจริงแล้ว

     

     

    “มึงห้ามไม่ให้พี่คริสกลับมาบ้านไม่ได้  เหมือนกับที่พวกมึงหนีความจริงที่ว่า พวกมึงเป็นพี่น้องกันไม่ได้หรอก”

     

     

    “บางทีมันคงถึงเวลาที่สองคนนั้นต้องปรับความเข้าใจกันก็ได้นะ”  ชานยอลยังคงก้มหน้า  แต่ทุกถ้อยคำของแบคฮยอน

    ล้วนผ่านเข้าในสมองของเขา...   ใช่.. บางทีมันก็คงถึงเวลาแล้ว  แต่เขากลัว... กลัวว่าหากเผชิญหน้ากับความจริง

    แล้วน้องคนเล็กจะเตลิดไปอีก  เขาไม่มั่นใจในตัวจงอิน พอๆกับไม่แน่ใจในตัวพี่คริส

     

     

    “กูกลัว.... กลัวว่าถ้าเผชิญกันจริงๆจะเหลือกูแค่คนเดียว... เขาเป็นพี่ชายกับน้องชายกู   เราอยู่ด้วยกันมาตลอด

    เราให้สัญญากันว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป...   แต่ที่ผ่านมาเหมือนกูคิดไปคนเดียว กูพยายามเชื่อมั่นนะ

    เชื่อว่าสักวันทั้งสองคนจะกลับมาเหมือนเดิม   กลับมาเป็นพี่ชายกับน้องชาย แต่มึงก็เห็นนะแบคฮยอน พี่เขาทิ้งกูไป

    น้องชายก็ไม่เคยเชื่อฟังกู   มึงคิดว่ากูจะรู้สึกยังไง กูควรกลัวมั้ย?  แบคฮยอน...กูควรทำยังไงดี”  ผู้ชายตัวสูงที่แบคฮยอนเคยรู้สึกว่าไม่มีเอื้อมถึง  กลับห่อกายเล็กลงจนเขาสามารถโอบกอดได้ทั้งร่าง  ชานยอลซุกหน้าเข้าที่ท้องของเขา 

    แม้ไม่มีเสียงสะอื้นแต่เขาก็รู้ว่าเพื่อนตัวโตของเขากำลังร้องไห้   แบคฮยอนลูบศีรษะชานยอลอย่างเบามือพลางปลอบประโลม  

     

     

    “ไม่เป็นไรมึง...  กูจะอยู่ข้างมึง   มึงจะไม่ตัวคนเดียว  เชื่อกู  เชื่อใจกู”   

    ...............

    ...

    .

    .

     

     

     

     

    “แบคฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่า”   คยองซูเอ่ยถามเมื่อเห็นแบคฮยอนนั่งเงียบไป    หลังจากที่ปลอบชานยอลจนมันเผลอหลับ  อีกคนที่เขานึกได้ก็คือคยองซู  แม้คยองซูจะเพิ่งมาเป็นเพื่อนพวกเขาตอนมหาลัย..  แต่เขาก็คิดว่าเรื่องของชานยอล

    บางทีคยองซูก็น่าจะได้รับรู้บ้าง   เพราะเขารู้สึกว่าคยองซูจะต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้

     

     

    “แล้วคยองซูมีอะไรจะบอกเรามั้ย”  แบคฮยอนไม่ตอบคำถาม กลับถามคำถามกลับ  คยองซูที่รีบมาหาเพื่อนทั้งสอง

    แต่มาเจอชานยอลที่นอนหลับในห้องแบคฮยอนอย่างอ่อนล้า แล้วเจอแบคฮยอนที่เอาแต่มองออกไปทางระเบียงอย่างเหม่อลอย  ต้องเป็นเขาสิที่มีคำถาม  ไม่ใช่ให้แบคฮยอนมาถามเขาตอบแบบนี้

     

     

    “แบคฮยอนเป็นคนเรียกเรามานะ “ เอ่ยเตือนสติอีกฝ่าย..  แบคฮยอนหัวเราะน้อยๆ  อ่า.... เขาลืมไปว่าเขาเป็นคนเรียกคยองซูมา  แล้วอีกฝ่ายดูจะมีสติมากกว่าเขา  ดูท่าจะไล่ต้อนถามคงสู้ไม่ไหว

     

     

    “โทษที.. เราเบลอๆ”

     

    “อืม.. ไม่เป็นไร  เล่าเรื่องของแบคฮยอนมาเถอะ” คยองซูส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าแบคฮยอน

     

    “พี่ชายชานยอลจะกลับมาเกาหลีเดือนหน้า”พอแบคฮยอนเริ่มประโยคขึ้น  คยองซูก็มองอย่างไม่เข้าใจ

     

    “ทำไมละ?”  ถามต่อ เมื่อแบคฮยอนไม่มีท่าทีจะว่าเอ่ยต่อประโยคดังกล่าว

    แบคฮยอนถอนหายใจ ก่อนหันไปมองในห้องนอนของตน

     

     

    “ชานยอลเป็นลูกคนเดียว  แต่มีพี่ชายกับน้องชายที่รักมากอยู่สองคน..  นั่นคือพี่คริสกับจงอิน”คยองซูไม่แน่ใจว่า

    แบคฮยอนเน้นคำว่าจงอินเมื่อหันมามองหน้าเขาหรือเปล่า  แต่เขากลับเม้มปากแล้วไม่กล้าสบสายตากับแบคฮยอน

    จนแบคฮยอนเบือนหน้าไปอีกทาง

     

     

     

    “ทั้งๆที่เป็นพี่น้องที่รักกันมาก  แต่เมื่อห้าปีที่แล้วพี่คริสกับจงอินทะเลาะกันหนักมาก จนถึงกับตัดขาดความเป็นพี่น้อง

    ชานยอลเสียใจมาก แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ พี่คริสหนีออกไปอยู่หอที่มหาลัย จงอินก็เตลิดกลายเป็นคนไม่เชื่อใจใครและอารมณ์ร้าย    ทั้งๆที่ฝันร้ายมันผ่านมาห้าปีชานยอลก็ไม่เคยลืม  แต่อีกไม่ถึงเดือนพี่ชายคนโตจะกลับมา.... คยองซูคิดว่ามันจะเป็นยังไง?” แบคฮยอนหันมามองหน้าคยองซูอีกครั้ง     คยองซูเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนส่ายหน้าช้าๆ

    เขาไม่รู้หรอก......  เขาไม่ใช่ชานยอล  แล้วเขาก็ไม่รู้จักพี่คริส    แบคฮยอนต้องการอะไร  มาถามเขาทำไม

     

     

     

    “แล้วถ้าเป็นจงอินละ...     คยองซูคิดว่าจงอินจะเป็นยังไง?”  เพียงแค่เอ่ยชื่อ คยองซูถึงกับสะดุ้ง    แบคฮยอนเลิกคิ้วเล็กน้อยทำทีไม่ใส่ใจกริยานั้น 

     

     

    “ระ.... เรา  ไม่รู้หรอก...”  คยองซูที่น่าสงสาร ได้แต่ส่ายหน้าแล้วไม่กล้าสบตาเขา  แบคฮยอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่

    ก่อนเอื้อมมือไปแตะที่ซอกคอคยองซู     

     

     

     

    “พี่คริสเป็นผู้ชายในแบบที่จงอินไม่สามารถเป็นได้   และบางทีการกลับมาของพี่คริส คยองซูอาจจะหลุดพ้นจากบางสิ่ง

    เพียงแค่คยองซูเอ่ยปากบอกมา”  แบคฮยอนปล่อยมือจากซอกคอคยองซู   รอยแดงๆที่เขามองเห็นดูแดงช้ำ

    แบคฮยอนไม่อยากคิดไปเอง เขาอยากให้เพื่อนเอ่ยปากออกมามากกว่า

     

     

     

    “แบคฮยอนเราไม่เข้าใจที่แบคฮยอนพูด  เราเหนื่อย เราอยากกลับห้อง” คยองซูลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  ก่อนรีบสาวเท้าไปที่ประตู

     

     

    “ปกป้องสิ่งที่ควรปกป้อง   สิ่งแรกที่ควรปกป้องคือเกียรติของตัวเอง...............”  เสียงสุดท้ายของแบคฮยอนที่ได้ยินก่อนคยองซูจะปิดประตูมันบาดลึกเข้าไปในใจ     อ่า....แบคฮยอน... เราไม่เหลืออะไรแล้ว  แม้แต่ความเคารพในตัวเอง

    เราปกป้องเกียรติของตัวเองไม่ได้   เหมือนกับที่เราห้ามไม่ให้หลงรักใครสักคนไม่ได้    เราอยากรักคนที่สมควรรัก

    แต่เพราะมันทำไม่ได้ เราถึงต้องเป็นแบบนี้

    แบคฮยอน... ไม่ใช่เราไม่อยากพูด อยากบอก...    แต่เราขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความจริง

    ความจริงที่ว่าเขาไม่ได้รักเราเลย   ไม่เคยมองเห็นแม้ตัวตนของเรา

     

     

    แบคฮยอน... เราจะพยายามเข้มแข็งนะ  ถ้าวันใดที่เรากล้ากว่านี้ เราจะบอก

    เราจะไปร้องไห้เพื่อให้แบคฮยอนปลอบ รอเรานะ......  อย่าเพิ่งทิ้งเรา...

    ได้โปรด......................

    ..

    .

     

     

    บางทีการคาดเดาอะไรไปเรื่อยมันก็เหนื่อยเหมือนกัน..      แบคฮยอนทิ้งร่างลงบนโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีอย่างอ่อนแรง  

    สายตามองไปเบื้องหน้าอย่างไรจุดหมาย  ก็เพราะเขาแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคยองซู แต่ก็พยายามเอาทุกอย่างมารวมกันแล้วประมวลผลเอง   ถ้าคยองซูเอ่ยปากบอกเขาทุกๆอย่างก็จะง่ายขึ้น เขาก็ไม่ต้องคอยไล่ต้อนเพื่อนด้วยคำพูดโหดร้ายแบบนี้.......           อ่า.... คิมจงอินเจ้าตัวร้ายกาจ   อย่างที่เคยบอกบางทีพี่คริสกลับมาอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

    แม้มันจะทำให้ชานยอลลำบากใจ  แต่กับคิมจงอินคงมากกว่านั้นร้อยเท่าพันเท่า    คิมจงอินจะได้เจอกับผู้ชายที่ตัวเองไล่ตามมากี่ปีๆก็ไม่มีวันถึง    เขาไม่ได้เกลียดจงอินหรอกนะ แต่บางทีในความน่าสงสารของจงอินก็มีปีศาจสิ่งสู่อยู่ในนั่น

    แล้วคนต้องเผชิญกับมันก็คือเพื่อนของเขาเอง...........  คยองซู..................

    ..

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    เสียงแชะเบาๆดังข้างหู  ก่อนแสงสว่างจุดเล็กๆจะแว้บเข้ามาในม่านตาพร้อมแรงกดหนักตรงช่วงท้อง

    ปลุกให้อี้ฝานต้องลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

     

     

    “เล่นอะไรเนี่ยลู่หาน”  พอลืมตาขึ้นมาก็พบร่างของลู่หานที่นั่งอยู่บนท้องของเขา พร้อมบุหรี่มวนเล็กที่เจ้าตัวสูดควันก่อนพ่นใส่หน้าเขา 

     

     

    “ฮาๆ  เจ้าคนขี้เซา”  หัวเราะอย่างพอใจที่ทำให้อี้ฝานหงุดหงิดได้   ก่อนลุกจากตัวของอี้ฝานแล้วเดินไปสูดควันร้ายที่นอกระเบียง

     

     

    อี้ฝานมองตามก่อนลุกขึ้นปัดเศษขี้เถ้าที่ลู่หานจงใจเคาะใส่ตัวเขา ก่อนเดินตามเจ้าตัวร้ายอย่างหงุดหงิด

     

     

    “สูบอะไรแต่เช้า เพลาๆบ้างนะ”  เอ็ดคนข้างกายเล็กน้อย  ลู่หานยักไหล่อย่างไม่แคร์

     

     

    “แล้วใครสอน?”  ยอกย้อนได้น่าตีที่สุด  อี้ฝานเลยยื่นมือไปบีบปากคนช่างพูด

     

     

    “โอ้ยยย ไอ้บ้า เจ็บนะ” ลูบปากตัวเองไปมาทันทีที่อี้ฝานปล่อยมือ  แล้วก็กลายเป็นอี้ฝานที่เอาแต่หัวเราะอย่างพอใจ

    ที่แกล้งลู่หานได้

     

     

    “นิสัยแย่”  หันไปมองอี้ฝานอย่างหงุดหงิด ก่อนปล่อยหมัดออกไปหวังว่าจะต่อยท้องมันให้หายแค้น

    แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานาน    อี้ฝานรู้ทางเลยจับมือลู่หานไว้ได้ทัน

     

     

    “โอ๊ะ มือเล็กจัง”  มือลู่หานแทบจะหายเข้าไปในอุ้งมือใหญ่ของอี้ฝาน ก่อนอี้ฝานจะมองลู่หานอย่างล้อเลียน  จนเจ้าตัวถึงกับควันออกหู พยายามสะบัดมือออกแต่ดูท่าจะไม่ไหว เพราะอี้ฝานไม่ยอมปล่อย  ลู่หานเลยได้แต่มองอย่างหงุหงิด

     

     

    “ใครทำใครก่อน  คิดดู    มีเหตุผลหน่อย”    เหตุผล? เหตุผลอะไร?  ไม่ยอมรับโว้ยยยยยยย

     

     

    “ชั้นจะไม่ไปเกาหลีกับนาย  ปล่อย!

     

     

    “แต่เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะ   จะทิ้งกันรึไง”  จู่ๆก็มาทวงความเป็นเพื่อน  ลู่หานพยายามระงับความหงุดหงิด

    เพราะคนตรงหน้าดูท่าจะกวนประสาทเขาอีกสักพัก  อย่าหงุดหงิด  อย่าตามเกมส์มัน

     

     

    “โอเค ..  ปล่อยมือก็ได้ แต่ห้ามขู่กันแบบนี้อีก เข้าใจใช่มั้ย” อี้ฝานยกมือข้างที่จับมือลู่หานมาไว้ตรงหน้า

    ก่อนจุมพิตที่หลังมือตนเองแล้วค่อยๆคลายมือออกช้าๆ   ลู่หานหยุดนิ่งแววตาดื้อรั้นคลายลง

    แพ้….เขาแพ้ดวงตาคนตรงหน้าทุกครั้ง  ลู่หานรู้สึกหงุดหงิดเบาๆอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้    ตอนเจอกันแรกๆลู่หานไม่ใช่คนแบบนี้ เขาไม่หงุดหงิดง่าย ไม่งอแง  แต่พออยู่กับอี้ฝานนานไป  คนตรงหน้ากลับทำให้เขาเป็นคนนิสัยเสีย  ทั้งๆที่ต่อหน้าคนอื่น ลู่หานจะเป็นคนที่ดูน่าเคารพ ทั้งลูกน้องและเพื่อนๆก็ต่างไม่ค่อยกล้าหยอกเล่นกับเขา  แต่อี้ฝานนี่ยังไงพอจับมือเสร็จก็มาเล่นหัวกันเลยนะ

     

     

    “อย่ามาจับ   เริ่มหงุดหงิดอีกแล้วนะ”  อี้ฝานที่เอาแต่ลูบผมนิ่มไปมาชะงักเล็กน้อย   ก่อนยอมปล่อยมือออกจากศีรษะลู่หาน  แต่ไม่ทันที่ลู่หานจะได้สำเร็จโทษอี้ฝานที่บังอาจเล่นผมเขา  ร่างทั้งร่างก็โดนอี้ฝานดึงเข้าไปกอดจนมิด

     

    ลู่หานตกใจเล็กน้อยก่อนออกแรงดิ้น แต่กลับต้องหยุดชะงักเพราะน้ำเสียงของอี้ฝานที่พูดกับตน

     

     

     

     

    “ลู่หาน....  ไปเกาหลีกับเรา    เราจะไปด้วยกัน   เราจะไม่ทิ้งกัน...    อี้ฝานกับลู่หานจะต้องอยู่ด้วยกัน

    สัญญาสิ   ลู่หานสัญญากับอี้ฝาน” ลู่หานยื่นมือทั้งสองข้างไปกอดรอบเอวของอี้ฝานก่อนเอ่ยตอบ

     

     

     

    “ได้....  เราสองคนจะอยู่ด้วยกัน  ลู่หานให้สัญญา”

     

    ...........

    ..

     

     

     

    ถ้าความเข้มแข็งห่อหุ้มความเปราะบางเอาไว้    ลู่หานก็มองเห็น

    ถ้าความอ่อนแอถูกความหยาบกระด้างบดบังไว้ ลู่หานก็มองเห็น

     

     

     

    ตลอดเวลาห้าหกปีที่รู้จักกันมา   ไม่มีครั้งใดที่อยู่ด้วยกันแล้วไม่สบายใจ

    อี้ฝานคือเพื่อนคนแรกเมื่อเขาเหยียบเกาหลี  และเป็นเพื่อนคนสุดท้ายที่จะอยู่ด้วยกันอย่างนี้

    มันไม่มีอะไรยืนยันสัญญาได้ดีไปกว่า ตอนนี้เขาทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน

     

     

     

    อ่า...... อี้ฝานที่แสนเข้มแข็งและอ่อนโยน..... ถ้าคนทั้งโลกลืมนาย แต่ฉันไม่มีวันทำแบบนั้น

    หากแม้นายปล่อยมือจากฉัน  ฉันก็จะฉวยมือนั้นมากอบกุมไว้เสียเอง

     

    เราจะเดินไปด้วยกัน...  ฉันจะคอยช่วยเหลือนาย...  เราจะไม่ทิ้งกัน  ฉันสัญญา  สัญญาด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันมี

    ....

    ..

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงสายฝนกระหน่ำอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  ปลุกจงอินที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวี

    ให้ค่อยๆปรือตา  ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตรงระเบียง ที่ประตูกระจกถูกเปิดอ้าเอาไว้  จงอินยีหัวตัวเองไปมาก่อนกระชากประตูให้ปิด 

     

     

    “ไอ้บ้าเซฮุนมันไม่ไปไหนวะ ทำไมไม่มาปิดประตู ฝนสาดเข้ามาหมด” บ่นงืมงำก่อนอ้าปากหาวเสียงยกใหญ่

    แล้วเดินลากเท้าเข้าไปในห้องครัว  

     

     

    “มีอะไรกินได้วะเนี่ย” มองเข้าไปในตู้เย็นอันว่างเปล่า ก่อนสายตาจะหันไปเจอนมสดขวดใหญ่

    จงอินหยิบออกมาดูวันอายุก็พบว่ามันยังกินได้อีกหลายวัน

     

     

    “ดีกว่าไม่มีไรกิน”  ก่อนที่จงอินจะยกแก้วนมจรดริมฝีปากก็ได้ยินเสียงโครมครามดังที่หน้าประตู

    เขาจึงวางแก้วนมไว้ที่โต๊ะอาหาร   แล้วสาวเท้าออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     

     

    เซฮุนที่เนื้อตัวเปียกม่อล่อกม่อแลกพยายามถอดรองเท้าก่อนเหวี่ยงไปที่มุมประตู

    หาได้ใส่ใจจะวางมันเข้าตู้ดีๆ       นี่สินะต้นเหตุของเสียงดัง

     

     

     

     

    “บ้าๆ นี่มันเดือนไหนกัน คิดจะตกก็ตกเอาดื้อๆ   ร่มก็ไม่มี แถมไอ้บ้านั่นก็กวนประสาท

    อย่าให้กูถือไพ่เหนือกว่านะ  จะเล่นให้เจ็บเลยคอยดู”

     

     

    “ไอ้บ้านั่นใคร?”  จู่ๆจงอินที่ยืนอยู่ห่างจากเซฮุนไม่ไกลก็เอ่ยขึ้น   โอเซฮุนหันมามองหน้าเพื่อนเหมือนเจอผี

    ก่อนเอามือตบปากตัวเองหนึ่งทีที่เผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป

     

     

    “อะไร?    ว่าแต่ทำไมมึงไม่กลับบ้านตัวเองสักที”  พยายามเบี่ยงประเด็น แต่จงอินก็ไม่ยอมคล้อยตาม

    ยังคงยืนจ้องเซฮุน

     

     

    “อย่าเนียน กูถามมึงก่อน”  เซฮุนที่ถอดรองเท้าอีกข้างสำเร็จ เขวี้ยงรองเท้าไปที่มุมประตู

    ก่อนเดินหนีจงอินที่ยืนขวางทางเข้าห้องครัวไปหน้าทีวีแทน   

     

     

    “กูก็มีเรื่องของกู   เรื่องมึงกูยังไม่ถามเลย” เจอคำตอบเซฮุน  จงอินถึงกับหัวเราะเบาๆในลำคอ

    ดูท่าเพื่อนเขามันจะมีสกิลยอกย้อนเพิ่มขึ้น  ก็ดี ต่างคนต่างมีความลับ แฟร์ๆดี

     

     

    “โอเค... แต่อย่าหลุดแล้วกัน”

     

     

    “หลุดแล้วจะทำไม  มึงจะทำอะไรกูงั้นเหรอ?” 

     

    “รอดูแล้วกัน”  หัวเราะส่งท้าย ก่อนเดินหายเข้าในครัว  เซฮุนอยากจะวิ่งไปถีบมันจากข้างหลังอย่างที่สุด

    แต่พยายามยั้งเท้าไว้     ไอ้เพื่อนนรก  ไอ้ตัวกวนประสาท   นี่เขาเป็นเพื่อนกับไอ้บ้านี่มานานเท่าไหร่แล้ว

    โมโหสุด.....

     

     

     

    “โอเซฮุน” 

     

     

    “อะไร”  หันไปพูดอย่างหาเรื่อง  มีอะไรอีกครับคุณคิมจงอิน   มึงอยากกวนตีนอะไรกูอีก

     

     

    “พรุ่งนี้กูจะกลับบ้าน”  นั่นคือเรื่องน่ายินดี

     

     

    “เอ้อดี   รกห้องกู” 

     

     

    “แต่มะรืนกูจะมาอีก”  อันนี้แม่งข่าวร้าย

     

     

    “อะไรของมึง   ปกติไม่เคยบอกกู  มาบอกกูทำไม”  จงอินเป็นเพื่อนสุดประเสริฐคนหนึ่งที่มีทั้งคีย์การ์ดและกุญแจห้องของเขาอีกชุด  มันจะเข้าๆออกๆห้องเขาประหนึ่งเป็นเจ้าของห้องอีกคน

     

     

    “เผื่อมึงจะได้จัดคิวหลบไปนอนที่อื่นทัน  กูจะได้จับมึงไม่ได้ไง”  ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยย กวนตีน

    มึงคิดว่ากูกลัวมึงมากหรือไง  รู้แล้วไง มึงรู้แล้วไง ทำอะไรได้?  ขนาดกูยังทำเหี้ยอะไรไม่ได้เลย 

     

     

    “มึงคิดว่ามึงจะจับกูได้?   เรื่องของมึงกูรู้เยอะกว่าที่มึงคิด อย่าให้กูต้องบอกพี่มึง”

     

     

    “เซฮุน!”  แทบเป็นเสียงตะโกน  จงอินตวัดสายตามามองเซฮุนอย่างโมโห

     

     

    “อย่าเสือกเรื่องบ้านกู”

     

     

    “มึงก็อย่าเสือกเรื่องกู” จงอินมึงเป็นคนเริ่มกวนประสาทกูเอง   กูแค่ตามน้ำ

     

     

    “โอเซฮุน”

     

     

    “อะไรคิมจงอิน”  

     

     

    “อย่า ยุ่ง กับ พี่ กู” เน้นทุกถ้อยคำ

     

     

    “มึงก็อย่ายุ่งกับเรื่องของกู”  ผลักอกจงอินให้ออกห่างจากตัว  ก่อนเดินหนีเข้าในห้องนอน

    ปล่อยให้จงอินยืนกำหมัดแน่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่น....

     

     

     

    จริงๆเซฮุนไม่ได้คิดอยากจะทะเลาะกับจงอินแม้แต่น้อย แต่เพราะเพื่อนของเขาเป็นคนเริ่มเอง เขาเองก็คน

    มีอารมณ์โกรธเหมือนกัน     บางทีจงอินก็ควรรับรู้ว่าไม่ใช่มันเพียงคนเดียวที่ทำให้คนอื่นจนตรอกได้ 

    คนอื่นก็ทำมันให้รู้สึกแบบนั้นได้เหมือนกัน

     

     

    เดือนหน้าพี่คริสจะกลับมา  ฝากดูแลจงอินด้วย  ....จากพี่ชานยอล  ข้อความในมือถือของเขา นี่แหละคืออีกหนึ่งปัญหา   พี่ชายคนโตจะกลับมา พี่ชายที่ทำให้จงอินมันผิดหวัง   แต่เขารู้ว่าสายตาสุดท้ายที่พี่คริสมองเพื่อนเขาก่อนเดินจากไป    มันคือสายตาที่พี่ชายคนหนึ่งที่รักน้องชายสุดหัวใจ   แต่จงอินคงไม่เห็น

    เพราะเพื่อนของเขาไม่แม้แต่มองหน้าพี่ชาย  จงอินหันหลังให้จนพี่คริสลับสายตา ก่อนทรุดกายลงกับพื้นแล้วร้องไห้ปานจะขาดใจ  นั่นคือการร้องไห้ที่หนักที่สุดของจงอินตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา  หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นน้ำตามันอีกเลย

     

     

     

    บางทีจงอินก็น่าสงสาร  แต่สิ่งที่มันกระทำอยู่ตอนนี้มันไม่น่าสงสารเลย  เขาอยากให้เพื่อนหยุด

    และได้แต่หวังว่าการกลับมาของพี่คริสจะทำให้จงอินตาสว่าง  เขาเฝ้าภาวนาให้มันเป็นเช่นนั้น  ….

    ..

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

    #ใครอ่านเข้าใจ ปรบมือๆ    คนแต่งยังงงเลยนะ นี่พูดเลย -0-  ตกลงนี่มันฟิกไคโด้หรือฟิกสามพี่น้องบอกแช้นที

    อิคนแต่งทำอารายยย      โหยหวนนน

    #ตอนนี้เราอยากได้คอมเมนท์แบบจริงจัง ช่วยเราแก้ฟิกหน่อยนะ อยากรู้ความคิดเห็นของคนอ่านจริงๆ     พลีสสสสส    

     

    ปล. สามพี่น้องไม่ได้มีซัมติ้งใดๆต่อกัน เขาแค่รักกันแบบพี่น้องจริงๆ 

     

    ท้ายสุดอยากรู้ไรถามได้ที่ทวิต ryuxxs นะจ๊ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×