ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo Fic] Before I Decay : KaiDo

    ลำดับตอนที่ #14 : ep. 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 399
      0
      11 ก.ย. 56

    *มาเร็วเนอะ ไม่น่าเชื่อ ฮิ้ววววว

     

    คำเตือน! สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติ แล้วเริ่มอ่าน

     


     

     

    12.

     
     

     

    กาลเวลานำพาบางสิ่งมา และพรากบางสิ่งไป

    แต่ถ้าไม่เคยคิดจะลืมมัน 

    มันก็ยังคงอยู่กับเราตลอดกาล  

    แม้แต่เวลาก็ไม่สามารถพรากมันจากเราไปได้

     

     

     

    “ดูสภาพ”  ชานยอลที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน

    เห็นน้องชายตัวเองนอนอยู่บนโซฟาพร้อมหนังสือเรียนสี่ห้าเล่มวางกระจายอยู่บนโต๊ะ และทีวีที่ถูกเปิดทิ้งไว้

    ชานยอลไม่รู้สึกแปลกใจที่เห็นจงอินอยู่ในสภาพนี้สักเท่าไหร่ เพราะใกล้สอบทีไรน้องชายจะขนหนังสือลงมาอ่านที่ห้องรับแขกเสมอ  เพราะเจ้าตัวบอกว่าอ่านในห้องนอนมันอุดอู้อ่านไม่รู้เรื่อง ต้องมาอ่านตรงนี้เป็นประจำ

     

    “จะออกไปไหนแต่เช้าอะชานยอล” ชานยอลที่กำลังเดินไปปิดทีวีให้น้อง หันไปมองตามเสียงก็พบว่าเป็นลู่หานที่เดินหัวยุ่งลงมาจากชั้นบน 

     

    “ไปมหาลัยน่ะพี่    พี่อยู่คนเดียวได้นะ”

     

    “ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย” ว่าแล้วก็ชี้ไปทางจงอินที่ยังคงนอนหลับสนิทที่โซฟา   

     

    “เอ้อจริงแหะ  ยังไงก็ฝากน้องชายผมด้วยนะ”

     

    “พี่อะไม่มีปัญหา แต่น้องชายนายนี่สิ จะยอมคุยกับพี่หรือเปล่าเหอะ” ชานยอลถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ลุ่มๆดอนๆของทั้งพี่ชายและเพื่อนพี่ชายกับน้องชายเขา  จงอินดูเหมือนจะถามตอบอยู่แค่กับเขา และทำเหมือนพี่คริสและพี่ลู่หานไม่มีตัวตน   ปล่อยให้อยู่กันสองคนจะไหวมั้ยเนี่ย

     

    “แล้วพี่คริสจะกลับมาเมื่อไหร่อะครับ” ถามถึงพี่ชายทีเพิ่งลากกระเป๋ากลับจีนไปเมื่อสองวันที่แล้ว  เห็นว่ามีงานด่วนที่ต้องแก้ไขที่บริษัทเลยต้องบินด่วน  ปล่อยให้พี่ลู่หานบ่นงุบงิบที่เป็นฝ่ายต้องรออยู่เกาหลีคนเดียว

     

    “ยาวเลย อีกเป็นอาทิตย์แหน่ะ พี่ว่าจะกลับไปช่วยก็ไม่ยอม บอกให้สั่งงานอยู่ที่เกาหลีนี่แหละ เดี๋ยวจัดการเอง”ถึงแม้ปากจะเหมือนบ่นแต่สีหน้าลู่หานดูภูมิใจกับความสามารถของเพื่อนไม่น้อย ก็สร้างบริษัทมาด้วยกัน ทำไม่รู้ความสามารถของอีกฝ่ายละ    จริงๆเป็นเขาก็ได้นะที่เป็นฝ่ายบินไปแทนอีกคน  แต่เพราะเหตุผลบางอย่างอี้ฝานจึงให้เขาอยู่เกาหลีแทน

    เหตุผลที่เขาต้องมาอยู่บ้านอีกฝ่ายจนเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในบ้าน

     

     

    “พี่ลู่หานเหงาแย่เลย  ไปเที่ยวมั้ย? เดี๋ยวผมพาไป” ชานยอลที่เห็นว่าเพื่อนพี่ชายต้องอยู่เกาหลีเพียงลำพัง จึงเอ่ยปากชวน

    ลู่หานส่ายหน้าปฏิเสธก่อนยิ้มให้

     

    “ลืมไปแล้วเหรอว่าพี่เคยเรียนมหาลัยที่นี้ตั้งสี่ปีแหน่ะ เที่ยวจะรอบเกาหลีแล้ว” 

     

    “ฮ่าๆ ผมลืมไปเลย โทษทีพี่  เดี๋ยวผมไปก่อนนะ ผมคงกลับมาเย็นๆเลย มีอะไรโทรหาผมได้” ลู่หานพยักหน้า

    ก่อนเดินไปส่งชานยอลที่หน้าบ้าน  ยืนรอจนชานยอลขับรถออกไปจึงเลื่อนรั้วก่อนล็อคประตู

     

    ดวงตากลมโตที่หาไม่ค่อยได้ในคนจีนยืนมองบ้านของสามพี่น้องด้วยสายตายากจะคาดเดา และรอยยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็น    รอยยิ้มที่ถูกซ่อนเอาไว้และนำออกมาใช้เพื่อให้บรรลุในสิ่งที่ต้องการ

    ..

    .

    .

     

     

     

     

    จงอินปรือตาขึ้นเล็กน้อย  ก่อนหันหลังหนีแสงที่ลอดเข้ามาภายในห้อง...   หลับต่อไปได้เพียงครู่ก็จำใจลืมตาตื่นขึ้นเมื่อคิดได้ว่าอีกไม่กี่วันเขาจะต้องสอบ และหนังสือยังอ่านไปเพียงครึ่งเดียว  

     

    นาฬิกาบอกเวลา 10นาฬิกา   จงอินขยี้ตาไปมาสองสามทีก็ลุกขึ้น  ก่อนลากตัวเองขึ้นไปชั้นบนเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน

    บรรยากาศในบ้านเงียบสงบ เขาชอบเวลานี้ของบ้านมากที่สุด เพราะมันทำให้เขามีสมาธิและอ่านหนังสือรู้เรื่อง 

    และตอนนี้เขาก็ทำลืมว่าเคยมีอะไรเกิดขึ้น  เคยมีอะไรรบกวนจิตใจเขา   ตอนนี้มันไม่มีแล้ว เขาพยายามคิดเช่นนั้น

    ......

    ..

    .

     

     

    ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องสองสามที  เรียกจงอินที่กำลังหยิบหนังสือสองสามเล่มเพื่อลงไปข้างล่าง  เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขาแน่ใจว่าตัวเองอยู่คนเดียว แล้วนี่ใคร?  พี่ชานยอลกลับมาแล้วงั้นเหรอ  แต่ทำไมเขาไม่ได้ยินเสียงรถ

    หรือจะมาตอนเขากำลังอาบน้ำ   แต่ถึงอย่างนั้นจงอินก็เดินไปเปิดประตู เพราะเขาก็กำลังจะออกจากห้องนี้ไปพอดี

     

     

    “สวัสดีคิมจงอิน” จงอินยืนนิ่งมองอีกฝ่ายที่ส่งรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจมาให้    คนๆนี้มีธุระอะไรกับเขา

     

    “พี่ทักแล้วไม่ทักตอบเสียงมารยาทนะ”  เมื่อจงอินไม่พูด อีกฝ่ายก็เปิดปากพูดแทน ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในห้อง แล้วถือวิสาละเดินไปรอบห้อง

     

    “นึกว่าห้องรกกว่านี้  ผิดคาดจริง” เดินรอบห้องไม่พอ ยังวิพากษ์วิจารณ์อีก  จงอินหันไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ

    แต่ดูเหมือนอีกฝ่าจะไม่แยแส กลับนั่งลงบนเตียงของจงอิน ก่อนมองมาที่เขา

     

    “อย่ามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นสิครับ” จบคำพูด  จงอินกัดฟันแน่น  เขาไม่อยากพูดกับคนๆนี้

    ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเขาก็ไม่เคยไว้วางใจใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนๆนี้  ดวงตากลมโตหวานเชื่อมที่ดูไร้เดียงสา

    ทั้งหมดนั่นโกหกทั้งเพ   คนๆนี้ไม่ได้เป็นอย่างภายนอกที่เห็น   บรรยากาศรอบตัวมันอันตราย  เขารู้ เขาสัมผัสได้

    เพราะคนๆนี้เหมือนเขา  คนๆนี้ยึดมั่นในบางอย่าง  และพร้อมจะรักพร้อมจะทำลายทุกอย่างเพื่อคนๆเดียว

    ทำลายตัวตนของตนเอง พังความฝันของคนอื่น  เพื่อคนๆนั้น  และคนนั้นก็คือ.............  

    พี่ชายของเขาเอง    

     

    พี่คริส.......  

    พี่ชายที่เคยเขายึดมั่นและนับถือ....

     

     

     

    “คุณต้องการอะไร”

     

    “เรียกพี่ลู่หานสิ”   อีกฝ่ายยังยิ้มแย้มราวกับเจอเรื่องสนุก  จงอินกัดริมฝีปากแน่น  ไม่อยากอยู่ใกล้

    แต่ถ้าถอยเท่ากับแพ้   เขาไม่อยากเป็นไอ้ขี้แพ้

     

    “คุณไม่ใช่พี่ผม”

     

    “นั่นมันไม่สำคัญ แต่เพราะพี่เป็นเพื่อนพี่ชายนาย นายก็เรียกพี่ ถูกมั้ย”   จงอินไม่ตอบ.. เขาไม่ยอมหลบตา

    แม้ว่าจะเริ่มหายใจไม่ค่อยออกก็ตามที

     

    “ดื้อวะ.... ทำไมอี้ฝานถึงมีน้องชายแบบนายกันนะ” ลู่หานทำหน้าเหม็นเบื่อใส่จงอิน 

     

    “ผมก็ไม่ใช่น้องชายของเขา”  ใช่!  พี่น้องน่ะมันตายไปแล้ว  มันไม่เหลืออะไรแล้ว  มันจบสิ้นหมดแล้ว

     

    “เหรอ?   หน้าตานายมันฟ้องจะตายว่าอยากเข้าไปคุยกับอี้ฝานใจจะขาด  ปฏิเสธสิว่าลับหลังเขานายไม่ได้มองตาม

    คิมจงอินที่แสนหยิ่งและทะนงตัว สุดท้ายก็เป็นแค่เด็กน้อยเรียกร้องความสนใจจากพี่  ทั้งชานยอลและอี้ฝานนายไม่อยากให้ใครเข้ามาใกล้    เพราะนายมันขี้หวง....จงอิน.... นายมันหวงพี่เพราะชีวิตของนายก็มีแค่พี่ชายเท่านั้น

    นายมันไม่มีใคร.... ชีวิตนายเหลือแค่พี่ชาย...   แค่พี่ชายเท่านั้นที่นายยอมทำร้ายตัวเองเพื่อให้เขามาสนใจ ฉันพูดถูกใช่มั้ย มันจริงสินะ”  ลู่หานยิ้มเย็นยะเยือกส่งท้าย  พร้อมสีหน้าราวกลับมองจิตใจของจงอินทะลุปรุโปร่ง

     

    ร่างของจงอินสั่นเทิ้มด้วยความโมโหปะปนหวาดกลัว  เขาไม่ชอบให้ใครมามองเขาแบบนี้

    นายจะรู้อะไร  ไม่รู้อะไรแต่มาทำปากดี!   อย่ามองแบบนั้น หยุดพูด!  ไม่อยากฟัง!

     

    “หุบปาก!   แกไม่รู้อะไร หุบปากเดี๋ยวนี้!”  จงอินหันไปตวาดใส่ลู่หานเสียงดัง  ก่อนปรี่เข้าไปหาแล้วผลักลู่หานลงกับเตียง

     

    “ฮ่าๆ  จี้ใจดำละสิเด็กน้อย  ใช่เลยสินะ ไม่มีอะไรจะแก้ตัวละสิ” ลู่หานที่โดนผลักลงไปนอนราบกับเตียง

    ยังคงยิ้มแย้มและหัวเราะร่วนอย่างพอใจ     ผิดกับจงอินที่จ้องอีกฝ่ายเขม็ง

     

    “อยากตายหรือไง  บอกให้หุบปาก!”  ตะคอกใส่เสียงดัง   ลู่หานหยุดหัวเราะในทันที ก่อนจ้องจงอินกลับ

     

    “จะฆ่าฉันหรือไง   คิมจงอิน   กล้าเรอะกล้าเรอะวะ เอาสิฆ่าเลย คิมจงอิน!”  จงอินไม่รู้อีกฝ่ายที่ดูตัวเล็กกว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาไหน ผลักเขาที่คร่อมอีกฝ่ายจนกระเด็นไปนั่งกองกับพื้น

     

    ลู่หานปรี่เข้าไปจับคอเสื้อจงอินก่อนดันอีกฝ่ายจนติดผนัง

     

    “ฟังนะ  ฉันรู้เรื่องของแกมากกว่าที่แกรู้  อย่าคิดทำอะไรเด็ดขาด  ถ้าเด็กคนนั้นเป็นอะไรไป อี้ฝานจะต้องเสียใจที่มีน้องเลวๆอย่างแก  แค่นี้แกก็ทำอี้ฝานเจ็บปวดมากพอแล้ว  ถ้าอี้ฝานเสียใจเจ็บปวดเพราะแกอีก  ฉันรับรองเลยว่าแกต้องเจ็บปวดกว่าอี้ฝานหลายเท่า  เชื่อสิว่าฉันทำได้” ลู่หานแสยะยิ้ม  ก่อนโยนอีกฝ่ายลงไปนั่งกับพื้น

    ลู่หานยืนมองจงอินที่นั่งนิ่งไม่ขยับด้วยสายตาว่างเปล่าเพียงครู่  ก่อนสาวเท้าออกจากห้องไป  

     

    ลู่หานรู้ว่าอีกฝ่ายตกใจไม่น้อยที่เขาพูดบางอย่างออกไป  บางอย่างที่อีกฝ่ายคิดว่าปิดเป็นความลับจนมิด

    แต่.... ความลับไม่มีในโลก   ไม่มีใครหลีกหนีความจริงพ้นแม้แต่ความตาย..............

    ...

    .

     

    .

     

     

     

     

    เพราะกล่องแห่งความลับถูกแพนโดร่าเปิดออก.....

    ความชั่วร้าย โสมมจึงล่องลอยทั่วทั้งโลกมนุษย์

    กลิ่นอันเน่าเหม็นโชยออกมาเพื่อแสดงตัวให้ตามกลิ่นไปได้

    ต้นต่อแห่งความชั่วร้ายที่ชื่อว่าความลับจึงไม่เคยมีในโลก 

    เพราะไม่ว่าจะฝังมันลงไปลึกเท่าใด

    กลิ่นไอของมันจะแสดงตัวออกมา   และเปิดเผยร่างของมัน

    ก่อนย้อนกลับทำร้ายต้นตอแห่งความชั่วร้ายนั้น ให้เจ็บปวดเจียนตาย

    ทรมานกับความจริงที่ไม่อาจหลุดพ้น

     

     

    คิมจงอินที่แสนโง่เขลา ....... ได้สร้างความลับที่แสนชั่วร้ายขึ้น

    ความชั่วร้ายที่หวังจะทำลายใครสักคน เพื่อแบ่งเบาความเจ็บปวดไป

    แต่การทำลายมันคือคำสาป..... 

    คำสาปที่พร้อมจะย้อนกลับทำลายผู้สร้างของมัน 

    คำสาปที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหลุดพ้น

    ความสาปนั่นคือความจริง  ความจริงที่จะปรากฏขึ้น และคอยทิ่มแทงให้เจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น

     

     

     

    จงอินที่ถูกความลับจองจำ ...นั่งมองประตูที่ถูกปิดลงด้วยสายตาเฉยชา....   เขาปล่อยให้ตัวเองนั่งมองมันอยู่อย่างนั้น

    ไม่นับเวลา ไม่คิดสิ่งใด  ปล่อยให้สมองว่างเปล่า   ไม่อยากทำอะไร  ไม่มีแรงแม้จะสะอื้นไห้

    ไม่มีแม้น้ำตาจะไหลออกมา   ทุกอย่างมันอัดแน่นอยู่ในหัวใจ...   เขาเหมือนคนหายใจไม่เป็น

    ลมหายใจอันแผ่วเบาและติดขัด    จงอินปล่อยตัวเองอยู่อย่างนั้น  เวลาผ่านไปเรื่อยๆอย่างไม่รอใคร...

    เขาไม่รู้จะทำอะไร...   แม้แต่แขนขาก็เหมือนไม่ใช่ของตัวเอง..    ตอนนี้เขาเป็นใครกัน บางช่วงเวลายังหลงลืม..

    จงอินนั่งมองกรอบสี่เหลี่ยมเหมือนมีความหวังลึกๆ   หวังลึกๆว่าจะมีใครสักคนเข้ามา...

    และรับความรู้สึกมากมายที่เขาไม่สามารถเอ่ยมันได้กับใครสักคน..

     

    ใครคนนั้นก็คือ.... 

     

     

    พี่ชายของเขาเอง...

     

    ปาร์คชานยอล

     

    “จงอินเป็นอะไร?  จงอิน.. ได้ยินพี่มั้ย?” เสียงทุ้มต่ำดังข้างๆหูเขา     จงอินได้ยิน.. เหมือนคำอธิฐานของเขาจะเป็นจริง

    พี่ชายของเขากลับมา  พี่ชายกลับมา พี่ชายมาแล้ว....

     

    “พี่ชานยอล..  ผม..  ผม....”  จงอินพูดไม่ออก ได้แต่พูดคำเดิมๆกลับไปมา จนชานยอลต้องเขย่าร่างน้องชาย

     

    “จงอิน  เป็นอะไรตอบพี่สิ เป็นอะไร จงอิน!” ชานยอลตะโกนเรียกชื่อน้องชายเสียงดัง  ก่อนจะได้เสียงวิ่งของอีกคนในบ้านดังเข้ามา

     

    “มีอะไรน่ะชานยอล” ลู่หานวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ก่อนถามชานยอล   ชานยอลได้แต่ส่ายตาไปมา

    ก่อนมองน้องชายที่ตอนนี้โผเข้ากอดเขาแน่น  จงอินเอาหน้าซุกอกชานยอลไม่ยอมหันไปมองอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล

     

    “ผมไม่รู้  กลับมาไม่เห็นจงอินอยู่ข้างล่างก็เลยลองขึ้นมาดู พอเจอก็เห็นเป็นแบบนี้แล้ว” ชานยอลส่ายหน้าไปมาอย่างจนปัญญา  เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชาย หรือจะเครียดกับการสอบมากไป  แต่จงอินก็ไม่เคยเป็นแบบนี้

     

    “สงสัยเครียดมากไปละมั้ง ชานยอลค่อยๆปลอบน้องเดี๋ยวก็หายเอง” ลู่หานยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางทอดสายตาไปมองร่างของเด็กหนุ่มในอ้อมกอดพี่ชาย  เปราะบางเสียจริงนะคิมจงอิน  แค่กะเทาะไม่กี่ครั้งก็แตก จนดูเหมือนจะประกอบขึ้นเป็นอย่างเดิมไม่ติด

     

    “ขอบคุณมากครับพี่ลู่หาน..”  ชานยอลหันไปขอบคุณเพื่อนพี่ชาย ก่อนพยายามพยุงร่างของน้องชายจากพื้นขึ้นไปนอนที่เตียง 

     

    “งั้นพี่ไม่รบกวนแล้ว  หายไวๆนะจงอิน”  โบกมือลาสองพี่น้อง  ก่อนไปลู่หานมองจงอินพร้อมกระตุกยิ้มให้ เมื่ออีกฝ่ายเผลอสบตา แต่เพียงชั่วพริบตาก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างพี่ชายใจดี  เมื่อชานยอลหันมาผงกศีรษะให้   ลู่หานสาวเท้าออกมาจากห้องของจงอิน เพื่อปล่อยให้พี่น้องสองคนอยู่กันตามลำพัง

     

    ลู่หานเองก็ไม่แยแสหรอกหากปาร์คชานยอลจะรู้ความจริงเกี่ยวกับเขา

    เพราะคนที่เขาแคร์มีแค่อี้ฝาน   และเรื่องที่เขาพูดกับจงอินก็เรื่องจริงทั้งนั้น

    พี่ชายแสนดีควรจะขอบคุณเขามากกว่าที่ทำให้น้องชายคิดได้...   หรืออาจคิดไม่ได้กัน

    เขาเองก็ไม่รู้...   เพราะยังไงก็ไม่สนอยู่แล้ว   ขอแค่อี้ฝานที่แสนดีคนนั้นไม่เป็นอะไร

    ลู่หานก็พร้อมจะเป็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือซาตานก็ตาม......

    .....

    .

    .

     

     

     

    ..

     

     

     

     

    END

     

     

     

     

    *หานๆเด่นเนอะตอนนี้  นี่มันฟิกอะไรเนี่ยยย ตอบ!!  คนอ่านปวดหัวมั้ย?  แจกพาราคนละสองเม็ด 5555555

    สงสารจงอินยัง? นี่โดนหนักเลยนะ หานๆรังแกจงอินนี่ทำไมน้ออวว  อิอิ     เอาเป็นว่าสงสัยอะไรถามได้ เดี๋ยวตอบให้

    แต่ตอบไปจะเข้าใจหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่งนะ  บายยย    #บฟอดค กันหน่อยนะ  จุ๊บๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×